Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Sunday, September 14, 2014

Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 15 (END)



ร่างของผู้มาเยือนย่างเข้ามาใกล้ ทว่าทั้งเธอและเขารวมถึงเด็กๆที่วิ่งกรูเข้ามาหาพวกเขาต่างก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง ภาพของคนตรงหน้าตราตรึงพวกเขาไว้จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มกระจ่างชัด เมื่อเขาผู้นั้นหยุดอยู่ตรงหน้าโดยรักษาระยะห่าง

ชายในชุดเสื้อคลุมสีทึมๆ ผมสีบลอนด์ยาวที่รวบไว้หลวมๆ นัยน์ตาสีซีดหาได้แสดงความรู้สึกใดๆ
 เมื่อไล่สายตามองผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้า

“พ่อฮะ” เสียงร้องเรียกที่ไม่รู้ประสีประสาของเด็กชายที่วิ่งเข้าหาผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อโดยไม่ลังเล

“พ่อ” เสียงครางเบาๆเกิดขึ้นจากเขา เดรโก มัลฟอย และแน่ใจเมื่อได้เห็นริ้วรอยของวัยชราที่ปรากฏบนใบหน้าของชายผู้นั้น

“พ่อฮะ พ่อมาหาผมแล้ว เราไปเล่นกันนะฮะ ผมคิดถึงพ่อจัง” เด็กชายโผเข้ากอดบิดาที่อุ้มเขาขึ้นมาตามสัญชาตญาณ 

“เดรโก” เสียงทุ้มลึกเอ่ย ขณะจ้องมองเด็กชายให้อ้อมกอด แววตาของเขาไม่สามรถบ่งบอกความรู้สึกได้

“วันนี้ผมได้เจอเพื่อนใหม่ด้วยฮะ เธอน่ารักมากเลยแล้วก็พี่ๆอีกสองคน..” เด็กชายพูดพล่ามไม่หยุดและดูเหมือนเขาจะไม่ได้สังเกตถึงวัยของผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อ

“อย่างงั้นหรือ เดรโก” รอยยิ้มขยับขึ้นที่มุมปาก

“ฮะ แล้วพี่สาวคนนู้นก็เก่งมากๆ เลยด้วย ดูสิฮะ พี่สาวทำแผลให้ผมด้วย แล้วก็พี่ชายคนนั้น ชื่อเขาเหมือนผมเด๊ะๆเลย” 

“พ่อครับ” เสียงที่มากวัยกว่าแทรกขัด “พ่อมา..ทำอะไร”

“มาทำอะไรน่ะหรอ พ่อจะมาเยี่ยมลูกบ้างไม่ได้หรือ”

“มาเยี่ยม” เด็กหนุ่มทวนคำ “ในความทรงจำของผมเนี่ยนะ”

“พ่อฮะ พี่ชายเขาพูดเรื่องอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง แล้วทำไมเขาถึงเรียกพ่อว่า พ่อล่ะฮะ” 
เด็กชายเอ่ยถาม ทว่าไม่ได้รับคำตอบ

“หึ แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” นายลูเซียส มัลฟอยวางลูกชายในอดีตลง แต่ในอุ้งมือของเขายังคงจับมือของเด็กชายไว้

“เรื่องอะไรครับ เรื่องที่พ่อลบความทรงจำของผมกับเกรนเจอร์ตอนเด็กๆอย่างงั้นหรอ”

“ด็อบบี้งั้นสิ”

“ด็อบบี้ไม่เกี่ยว”

“งั้นฉันคงกลบเกลื่อนล่องรอยไม่ดีเอง”

“แล้วพ่อทำอย่างนั้นทำไม”

“ทำ ทำไมน่ะหรอ แกไม่รู้ใช่มั้ยว่าฉันทำเพื่ออะไร” ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อตวัดสายตาไปทางเด็กสาวที่กอดเด็กหญิงไว้แน่น

 “ฉันห้ามแกแล้ว ฉันสอนแกแล้ว ฉันสั่งอะไรแกเคยฟังแล้วทำตามบ้างมั้ย!”

“ก็ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน”

“แกจะทำให้วงตระกูลเสื่อมเสีย! เพราะแก”

“แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง ผมอยู่บ้านคนเดียวก็ไม่มีเพื่อนเล่น แต่ละวันแต่ละคืน 
ผมเฝ้ารอให้พ่อกลับมาเล่นกับผมบ้าง แต่พ่อก็ไม่เคย พ่อมัวยุ่งแต่งานของพ่อ 
ก็เลยต้องเอาผมมาฝากกับป้า แล้วมีบ้างมั้ย ที่พ่อจะแวะมาหาผม พ่อรู้รึป่าวว่าลูกชายของพ่อคนนี้
 ไร้เพื่อน! …จนกระทั่งผมได้พบเธอ เพื่อนคนแรกของผม แต่พ่อกลับห้าม แม้แต่ความทรงจำดีๆที่มีสุข
ก็ไม่เหลือไว้ให้เลยสักอย่าง พ่อครับ พ่อคิดถึงผมบ้างรึป่าว พ่อรักผมบ้างมั้ย” 

“หึ ไอ้ลูกไร้สมอง แกคิดว่าที่ฉันทำทุกวันนี้เพื่อใคร ถ้าไม่ใช่แก! ฉันควรจะถามแกมากกว่า
 แกรักพ่อบ้างมั้ย แกเห็นว่าฉันเป็นพ่อรึป่าว”

“แล้วพ่อคิดว่าไง เด็กคนนี้” เขาชี้ไปที่เด็กชายผู้เป็นอดีตของเขา “วิ่งเข้าไปกอดพ่อตั้งแต่แรกเห็น 
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเป็นพ่อที่มาจากอนาคต แต่เขาก็วิ่งไปหาพ่อโดยไม่ลังเล พ่อคิดว่ารักมั้ยล่ะ”

“แล้วแกในตอนนี้ล่ะ”

“..ครับ ผมรักพ่อเสมอ แต่ผมไม่มีทางยอมให้พ่อทำร้ายเธอหรือทำลายความทรงจำของเธอกับผมเด็ดขาด”
 พูดจบประโยค เขาก็คว้ามือของเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกายขึ้นมากุม “แล้วถ้าผมจะคบกับเธอ พ่อก็ห้ามไม่ได้”

“ทำไม.. แกคงไม่ได้..” นายมัลฟอยหรี่ตามองลูกชายของตนสลับกับเด็กสาว “รักหล่อนเข้าหรอกนะ”

“พ่อไม่ต้องคิดมาก ผมรักเธอแน่นอน” ด้วยคำพูดนี้เองที่ทำให้เด็กสาว 
เฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้าคลายยิ้มได้บ้าง

“เฮ้ พี่ชาย พี่คุยอะไรกับพ่อ ผมไม่รู้เรื่องด้วยหรอกนะ แต่พี่สาวคนนี้เป็นของผม 
พี่สาวสัญญากับผมแล้วด้วย” เด็กชายที่งงงันกับการสนทนาของพวกผู้ใหญ่แทรกขึ้นทันใด

“ฮะ แกก็เป็นไปกับเขาด้วยเรอะ” นายมัลฟอยเสียงดังใส่เด็กชายก่อนจะรำพึงกับตัวเองแต่ได้ยินกันทั่ว
 “ยัยเด็กเลือดสีโคลนนี่มีอะไรดี”

“พ่อครับ ผมไม่รู้ว่าพ่อรู้รึป่าว แต่แม่กำลังป่วย” เด็กหนุ่มเบี่ยงเบนความสนใจ 
และวูบหนึ่งที่เห็นแววกังวลในดวงตาของคู่สนทนา “พ่อไปเยี่ยมแม่บ้างได้มั้ยฮะ”

“แกก็รู้ว่าฉันกำลังหนี”

“แม่อยากเจอพ่อมากนะ ถ้าพ่อจะยอม..”

“ในเมื่อแกไม่ให้ฉันสั่งแก แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งฉัน เดรโก” เขากล่าวอย่างหนักแน่น
 แต่เมื่อเห็นแววตาที่เศร้าสลดของลูก.. “เออ ก็ได้ ฉันจะไปเยี่ยมแม่แก ดูแลตัวเองด้วย” 
ด้วยถ้อยคำนี้ทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนสีหน้าของคววามแปลกใจเป็รอยยิ้มในทันที

“ครับ พ่อก็ระวังตัวด้วยนะ” เด็กหนุ่มกล่าวก่อนจะสวมกอดบิดาของตน

“อืม แล้วเรื่องของแกฉันจะกลับมาเคลียร์” เขากล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงดุๆ 
แล้วบอกลาเดรโกตัวน้อย แต่เขากลับหยุดชะงักหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว
 หันกลับมามองลูกชายในวัยเด็กและวัยรุ่นที่ยืนโต้แย้งกันอยู่ ด้านข้างมีวัยรุ่นสาวและ
เด็กหญิงยืนหัวเราะอย่างสนุกสนาน แค่เพียงชั่วครู่..ด้วยสายตาที่ยากจะเดา แล้วเขาจากไป



“เฮ้อ” เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาทิ้งตัวบนพื้นหญ้าข้างกายเด็กสาว 

“พี่คะ หนูง่วงจัง” เด็กหญิงพูดขึ้น แล้วเดินหายเข้าไปในบ้าน

“เฮ้ เฮอร์มี่ มาเล่นกันต่อสิ”

“ไม่เอาอ่ะ อยากนอน ฮ้าวว~”

“โธ่” เด็กชายพูดได้แค่นั้นก็ทรุดตัวลงบนตักของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเหมือนกับเขา

“เฮ้ มานั่งอะไรตรงนี้”

“ก็เบื่อนิ ไปเล่นกัน” เด็กชายว่าแล้วขยี้ตา ปากอ้ากว้าง

“ตัวเองก็ง่วงเหมือนกัน ยังจะเล่นอีก”

“ปล่อยซักหน่อย” เด็กชายบ่นอะไรงึมงัม แล้วหลับไป โดยมีพี่ชายเป็นเก้าอี้แสนสบาย 

เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะน้อยๆกับภาพตรงหน้า

“เกรนเจอร์”


“ฮึ”

“เธอคงไม่เอาเรื่องของพ่อไปบอกใครใช่มั้ย”

“หือ? เอาเรื่องในความฝันไปเล่าให้คนอื่นฟัง ใครเค้าจะเชื่อ”

“ฝันงั้นหรอ”

“ฮื่อ สำหรับคนอื่นเป็นความฝันที่เราฝันร่วมกัน แต่สำหรับเราเป็นความทรงจำที่เกิดขึ้นจริง มีแค่เราที่รู้ ไม่มีใครอื่น”

“งั้นเราจะตื่นจากฝันได้รึยัง”

“ก็ได้”

พวกเขาพาเด็กน้อยเดรโกเข้าไปในบ้าน แล้ววางเขาลงบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่ 

เด็กสองคนที่หลับไหล ที่ชะตานำพาให้พวกเขาได้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเยาว์ 
แต่กลับต้องสูญเสียความทรงจำไปช่วงหนึ่ง หากเป็นเช่นนั้น เหตุการณ์ที่พวกเขา
ได้พบกับตัวตนในอนาคตนี้คงเป็นได้เพียง ความฝัน เท่านั้น…



แพขนตากระพริบขึ้นลง ปรับสายตาให้กระจ่างชัดในความมืดมิด 
ร่างที่เอนกายอยู่บนฟูกนุ่มสบายขยับตัวน้อยๆ สัมผัสถึงลมหายใจของอีกร่างที่อยู่ข้างกาย

“เรากลับมารึยัง” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยผ่านความเงียบกริบ

“กลับมาแล้ว”

“ดึกแล้วสินะ”

“อืม”

“งั้นขอหลับต่อ”

“เฮ้ ไปนอนเตียงนายนู่นสิ นี่มันเตียงฉัน ยัยรีแอนนอนก็นะ ทำไมไม่ปล่อยให้หลับคาโซฟาก็ไม่รู้ เฮ้ ลุกขึ้น”

“ไม่เอาอ่ะ ง่วงแล้ว ขี้เกียจ”

“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลย” เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นฉุดชายหนุ่มในทันใด
“อื้อ ไม่ง่วงรึงายเธอน่ะ กลับจากงานเลี้ยงยังไม่ทันได้พักเลย”

“ง่วงสิ นายก็ลุกขึ้นมาก่อน เฮ้ ฉันเหนื่อยนะ” ออกแรงดึงยังไงเขาก็ไม่ทีท่าว่าจะลุกเลย 
แต่กลับโดนเขากระตุกทีหนึ่งก็ทรุดฮวบอยู่ในอ้อมกอดของเขา

เด็กสาวพ่นลมหายใจใส่ด้วยความไม่พอใจ เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาสีซีด

“ง่วงก็นอนสิ” เขาว่าแล้วห่มผ้าให้เธอ แล้วประทับร่องรอยของจุมพิตที่แผ่วเบาบนเปลือกตาของเธอ

“ฝันดีนะ เฮอร์มี่”

“ฮื่อ” เธอส่งเสียงตอบในลำคอ แล้วหลับตากลบเกลื่อนท่าทีเขินอาย

“ฉันรักเธอ” คำพูดด้วยเสียงกระซิบ ทว่าดังก้องทั่วโสตประสาท 
เด็กสาวร่างบางยิ้มกว้างทั้งที่ยังคงหลับตา แล้วคว้าข้อมือของผู้กระซิบที่ทำท่าจะลุกจากไปไว้ 
แล้วดึงให้กลับมานอนข้างตัว

“นี่เตียงนาย”

“หมายความว่าไง” 

“ก็นายตาเพิ่งจะมองเห็น แล้วนายก็ไม่เคยเห็นห้องนี้นี่ ยกเว้นตอนเข้ามา
 แล้วฉันก็ยังไม่ได้บอกด้วยว่าไหนคือที่นอนของนาย”

“แล้วไหนตอนแรก..”

“ฮ่า ทดสอบ”

“ทดสอบอะไรของเธอ ง่วงจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

“ก็นอนสิ” เฮอร์ไมโอนี่ว่าแล้วลุกขึ้นนั่ง ทว่าเขากลับฉุดเธอลงไปนอนต่อ

“อะไร”

“เตียงฉัน อาณาเขตฉัน”

“เฮอะ เลิกเล่นซักที ฉันง่วง”

“ก็บอกแล้ว ง่วงก็นอน” เขากล่าวพลางห่มผ้าให้เธอใหม่

“ฮื่อ” เด็กสาวส่งเสียงตอบในลำคอ แต่ก็ยังไม่หลับตา เธอมองสายตาเขาที่มองกลับมา

“มองอะไร ฉันทำตาสัญญาแล้วนะ”

“หรอ ไม่เห็นจะได้ยิน”

พรืดด ลมหายใจกระทบกับใบหน้านวลใส

“หูไม่ดีอย่างงี้ควรโดนทำโทษ”

“ทำโทษอะไรของนาย“

ใบหน้าที่ใกล้เพียงเซนติเมตรขยับเข้ามาใกล้พร้อมประทับจุมพิตที่สื่อถึงความรู้สึกได้อย่างดี
 นี่สินะคำตอบ บางครั้งการกระทำก็ดีกว่าคำพูด แต่หากไร้ซึ่งคำพูด บางการกระทำอาจสื่อกันไม่เข้าใจ 

ไม้กายสิทธ์ที่อยู่ในมือของเด็กสาวโบกไปมา ผ้าม่านผืนบางที่รวบเก็บไว้อย่างดีปิดคลุมรอบเตียงสี่เสา
 บดบังการกระทำที่ดำเนินอยู่ภายใน

“ฉันรักเธอ”

สองร่างที่หลับไหล พร้อมกับมิตรภาพใหม่ที่สร้างตัวก่อเกิดเป็นรูปร่างที่ไม่มีใครมองเห็น
 แต่สามารถรู้สึกถึงมัน.


ความรัก





The End









Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 14




“อเล็กซ์โต โมเมนตัม!”

ฉับพลันก่อนที่ร่างสูงกำลังจะตกสู่พื้นหญ้า ไอมนต์บางๆ ไร้แสงสี เข้าโอบอุ้ม
ประคองให้ชายหนุ่มถึงพื้นหญ้าอย่างปลอดภัย

ร่างเล็กๆของเด็กหญิงวิ่งไปดูชายหนุ่มทันทีที่เขาถึงพื้น

“นายเป็นอะไรรึป่าว” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนถามแล้วชะเง้อคอมองลงเบื้องล่าง

“พี่สาว..” เสียงแผ่วๆของเด็กชายดังขึ้นข้างตัว เมื่อเธอหันไปมองก็พบว่าเขากำลังมองไม้กายสิทธิ์ที่เธอถืออยู่เขม็ง

“เรารีบลงไปข้างล่างกันดีกว่า” เธอว่า

“พี่ เป็น.. แม่มดหรือฮะ”

สิ้นคำถาม สิ่งที่เธอถือไว้ก็ถูกเก็บเข้าที่ทันที

. .  .


“ว้าว พี่สาวนี่สุดยอดจริงๆ” เด็กชายเดรโกเริงร่า ขณะที่ได้รับการทำแผลจากพี่สาวที่ตนกำลังชม
อยู่ข้างๆ ชายหนุ่มที่กำลังรอทำแผลอันได้มาโดยขูดกับกิ่งไม้ และมีเด็กหญิงนั่งเรียน
วิธีการทำแผลเบื้องต้นด้วยความสนใจ

“เวอร์ไปแล้วไอ้หนู”

“เวอร์อะไรพี่ชาย อย่างพี่คงสู้พี่สาวไม่ได้เลยล่ะสิท่า ฮ่าๆ จริงมั้ยเฮอร์มี พี่สาวเก่งที่สุดเลย เนอะเนอะ”

“ช่ายยๆ เก่งม๊ากกมากก” เด็กหญิงเห็นด้วยแล้วหันไปอ้อนผู้ที่ยิ้มกริ่มกับชมของเด็กๆ
 “พี่สาวคะ สอนหนูหน่อยสิคะ”

“เห็นมะ”

“เออ” มัลฟอยตอบห้วนๆอย่างเสียไม่ได้ ก็ความจริงเลี่ยงได้ที่ไหนกัน

. . .

“โอ้ยย เบาๆสิ เฮ้ๆ พอเลย ไม่ต้องทำแล้ว โอ้ย ไอเด็กบ้า”

“ฮ่า ฮ่า”

“อ้าย เดรโก ดีๆสิ พี่เค้าเจ็บแล้วเห็นมั้ย”

“เฮ้ย หยุดดดดดดด” ชายหนุ่มร้อง “เกรนเจอร์!”

“คะ / ฮิฮิ อาราย ฮ่าๆๆ”

“เอ้อๆ เฮอร์ไมโอนี่จ๊ะ ช่วยเอาน้ำมาให้พี่แก้วนึงสิ” ผู้มีอายุมากกว่ากล่าวอย่างรวดเร็ว

“ได้ค่ะ” เด็กหญิงยิ้มร่าก่อนวิ่งเข้าไปในบ้าน

“ซืดด โอ้ย พอแล้ว ไอ้เด็กแสบบ” ไม่พูดเปล่า เจ้าของเสียงก็คว้าอุปกรณ์ทำแผลให้พ้นมือเด็กแสบทันใด

“เฮ้ ผมยังทำแผลให้พี่ไม่เสร็จเลยนะ แล้วอย่างงี้จะหายเร๊อ”

“ให้แกทำสิ แผลฉันได้เน่าแน่” มัลฟอยขบกราม ก่อนหันไปหาวัยรุ่นสาวที่กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
แล้วยื่นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลให้ “เธอทำปลอดภัยที่สุด”

“โธ่ พี่ชาย ผมก็เรียนมาจากพี่สาวสุดเก่งของผมนะ”

“ของแกที่ไหนกันฮะ (ของฉันต่างหาก)” ของเราต่างหากโว้ย ฮ่าฮ่า

“ของผมสิ โตขึ้นผมจะแต่งงานกะพี่สาว” เด็กชายเอ่ยคำมั่น จนวัยรุ่นทั้งสองต้องชะงัก

อุปกรณ์ที่ชายหนุ่มถืออยู่ส่วนหนึ่งร่วงหล่นลงสู่พื้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว ..แม้กระทั่งเธอ

เง้อ…… อ..อะไรนะ

“พี่สาวต้องเป็นเจ้าสาวให้ผมนะฮะ นะฮะ” เด็กชายออดอ้อน

“เอ้อ จ้าา จ้าา” ^^” ตายแล้วเธอตอบรับ !?

“สัญญานะฮะ” เดรโกตัวน้อยยื่นนิ้วก้อยข้างขวาให้เธอ แล้วโบกไปมา

“เฮ้ยยย ไปสัญญาอย่างงั้นได้ไงเล่า!” มัลฟอยโวยวาย ร้อนวูบที่ใบหน้า …มันเล่นงี้เลยหรอ O_o!!

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ หรือพี่ชายแอบรักพี่สาวของผม”

“บ้าหรอ ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันไม่มีทางเลือกเธอเป็นเจ้าสาว” เขาว่าแล้วรีบเบนหน้าหนี

ฉันไม่ได้ถามนายเลย นายบ้า ตอบไม่ตรงคำถาม >,<

“แต่นายกำลังขอให้ฉันสัญญา ไม่เห็นรึไง” เธอกระซิบบอกเขา พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ และอาการร้อนวูบๆ

“…………”

“อ้ะ พี่ชายทำไม หน้าแดงๆล่ะ พี่สาวดูสิ เอ๊ะ พี่สาวก็หน้าแดงเหมือนกันนี่ เป็นอะไรรึป่าวฮะ”

“ป..เปล่าจ้า”

“งั้น พี่สาวต้องเกี่ยวก้อยสัญญา”

“สัญญาว่าอะไรจ๊ะ”

“สัญญาว่าพี่สาวจะรอผม”

“….รอ….”

“รอให้ผมโต โตเท่าพี่ชาย รอให้ผมตามหาพี่สาวจนพบ รอให้ผมบอกคำว่า ’รัก’ กับพี่สาว”

“เธอจะทำแน่ๆหรอ”

“แน่สิฮะ ผมสัญญาทำแน่ๆ พี่สาวต้องรอผมนะ สัญญานะฮะ”

“งั้นก็.. สัญญาจ๊ะ” ^^

“เย้! ยิ้ปปี้!! ยะฮู้วว~ เฮอร์มี่!!”” เด็กชายร้องร่าก่อนจะวิ่งไปหาเด็กหญิงที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านพร้อมแก้วน้ำในมือ
 ปล่อยให้หนุ่มสาวต่างนิ่งด้วยความเงียบ…

“…ทำแผลให้ฉันต่อได้รึยัง”

“อืมม”

“เราจะกลับกันเมื่อไหร่”

“…” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองคนถามชั่วครู่ก่อนกลับมาทำแผลต่อ และเมินเฉยต่อคำถาม

“ฉันเบื่อที่จะอยู่ต่อแล้วนะ”

“อ๋อ แหงสิ ความทรงจำของเรามันช่างน่าเบื่อ สำหรับนาย”

“เฮ้ๆ โอ้ย ฉันไม่ได้ว่าอย่างนั้นซะหน่อย นี่เธอ เจ็บบ”

“แล้วยังไง”

สองนัยน์ตาประสานกาน และอีกครั้งที่ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ

“เธอ..” ผู้หลบสายตาเอ่ย “..จะรอ.. จริงหรอ”

“ฉันเคยผิดสัญญารึไง” เธอพูดเสียงค่อย แล้วปรับให้เป็นปกติ “ไม่เหมือนนายหรอก
 ตัวเองขอให้เค้าสัญญาเองแท้ๆ แต่กลับจำไม่ได้ ฮ่าๆ”

“ค..ใครบอกเธอกัน”

“ฮะ?”

“เธอคิดว่าทุกอย่างที่ลบออกไป ไม่มีบ้างหรอที่มันจะกลายเป็นความฝัน ช่วงเวลาดีๆที่เราคิดถึงแล้วคิดถึงอีก
 หรืออาจจะกังวลนักหนาว่าจะหาเธอพบมั้ย จนฝังลึกไปในจิตใต้สำนึกแล้วเก็บเอาไปฝันแทบทุกคืน”

“แล้วทำไม..”

“ไม่รู้สินะ เห็นเธอครั้งแรกฉันว่าก็หวังว่าคงใช่เธอ หลังจากนั้นก็ขอให้ไม่ใช่ แต่นานวันเข้าจนกระทั่งวันนี้
ฉันก็มั่นใจว่าต้องเป็นเธอ.. เธอคนเดียว”

“แต่นายก็ยังไม่ทำตามสัญญา”

“ถ้าเธอ.. ไม่อยาก ..ก็อย่าสนมันเลย ฉันไม่ได้บังคับเธอ”

“ทำซะ”

“อ..ฮะ? อะไรนะ?”

“ฉันบอกให้ทำซะ”

“อ..เอ้อ คือ.. อ่ะ.. เอ่อ.. ฉัน.. ฉันว่า..”

“แล้วนายก็ควรรีบด้วย”

“..นี่เธอ เธอเพิ่งจะสัญญาไปตะกี้ ตอนนี้มาทวงแล้วรึไง ไม่เร็วไปหน่อยเรอะ”

“แต่สำหรับนายมันนานมากแล้วนะ”

“แล้วยังไง”

“ฉันรออยู่ รู้ไว้ด้วย” พูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ทำแผลทุกอย่าง ทำท่าเหมือนจะเดินผละไปด้วยคำพูดทิ้งท้ายของเธอ
 ดังก้องทั่วโสตประสาทของเขา..

“หรือเป็นนายที่ทำไม่ได้ ..คนผิดสัญญา”

คนผิดสัญญา..งั้นหรอ

“เฮ้ ฉันแค่ยังไม่ได้ทำนะ เธอกล่าวหากันอย่างนี้ได้ไง”
ร่างสูงโปร่งไม่พูดเปล่า เขาดึงร่างของเด็กเข้ามาประชิดตัวในทันใด

“ให้ตายเหอะ มัลฟอย นายรู้มั้ยทำอย่างนี้มันเจ็บ”

“ทำอะไร”

“กระชากฉันมาอย่างนี้ไง แล้วขอเถอะ เขยิบออกไปหน่อย”

“ถอนคำพูดซะ”

“ฮะ?”

“ฉันยังไม่ได้ทำผิดสัญญา ฉันแค่ยังไม่ได้ทำ”

“งั้นนายก็ทำซะสิ หรือไม่ก็.. เป็นนายที่ควรถอน -- ” คำพูดขาดห้วงไป ด้วยสองร่างที่ชิดใกล้รับจุมพิตของอีกฝ่าย
 และความรู้สึกความรู้สึกที่ส่งผ่าน…

สายลมที่พัดโชยมวลอากาศเริ่มเย็นลง ใบไม้ที่ล่วงหล่นปลิวว่อนไหวไม่หยุดนิ่ง
ท้องฟ้าสีสดใสปกคลุมทั่วด้วยเมฆทมิฬ
สภาพอากาศเริ่มแปรปรวน บ่งบอกถึงพายุฝนที่กำลังจะเกิด

ครืนนนน เปรี้ยง!!

สายฟ้าฟาดลง ณ พื้นที่โล่งกว้างไกลออกไป พร้อมร่างของใครคนหนึ่งได้ปรากฏขึ้น

อะไรบางอย่างบอกกับเขา..เดรโก มัลฟอย สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่

“พาเด็กๆเข้าบ้าน”



TBC





Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 13





“เฮ้ นั่นชื่อผมนี่” เด็กชายไม่พอใจ จ้องเขม็งไปยังบุคคลที่หน้าตาคล้ายตนที่สูงวัยกว่า

“ซ้ำกับใครเข้าหน่อยจะเป็นไรไปเจ้าหนู” เจ้าของชื่อผู้ได้สติตอบ

“แล้วพวกเธอออกมาทำอะไรกันข้างนอกจ๊ะ” วัยรุ่นสาวถามขัด “ฉันเพิ่งเห็นพ่อกับแม่ออกไปเมื่อครู่นี้เอง”

“…เรากำลังเล่นกันอยู่ค่ะ”

“งั้นก็กลับเข้าไปเล่นในบ้านซะ ข้างนอกมันอันตราย”

“ฉันบอกแล้วเห็นมั้ย เดรโก” เด็กหญิงย้อนเด็กชาย “บอกแล้วว่าเล่นข้างนอกตอนพ่อกับแม่ไม่อยู่ไม่ได้”

“อันตรายเพราะมีพี่ชายคนนี้อยู่น่ะสิ” เด็กชายโต้กลับก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง

‘เออ ดีนะ มันยังเห็นฉันเป็นพี่’ เสียงแผ่วเบาของมัลฟอยลอยเข้าหูเฮอร์ไมโอนี่

“ถ้าพวกเธออยากเล่นข้างนอก อยู่กับพวกเราก็ได้นะ” เธอเสนอ

“จริงหรือคะ ดีจัง” เด็กหญิงยิ้มหน้าบาน แล้ววิ่งไปหาเดรโก

“เธอจะบ้ารึไง เกรนเจอร์” มัลฟอยแย้งขึ้น

“นายน่ะสิที่บ้า นายก็เห็นไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากเด็กสองคนนี่ ฉันกับนาย”

“พวกเขาไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่งั้น เธอกับฉันจะอยู่รอดจนถึงวันนี้หรือไง”

“แต่..ยังไงก็ดีกว่าปล่อยให้อยู่กันตามลำพัง” เธอเถียง

“ฉันอยากกลับ”

“นายก็กลับไปสิ”

“แล้วฉันจะกลับไปได้ยังไง”

“หาทางเองสิ”

“ไม่เอาน่า ไม่น่ารักเอาซะเลย”

“ฉันไม่ได้ขอให้นายชมว่าฉันน่ารัก” เธอมุ่ยหน้าแล้วเบนหนี

“คงจะมีใครมาเลือกเธอเป็นเจ้าสาวไปแต่งงานด้วยหรอกอย่างงี้” เขาแหย่เธอ
“ฉันคนหนึ่งแหละที่ไม่มีทางเลือกเธอ”

“ฉันขอให้นายเลือกรึไง!” เธอชักจะมีน้ำโห

“ไม่เอาน่า บอกวิธีฉันมา”

“ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย”

“หรือเธออยากให้ฉันอยู่ด้วยก็บอกมาเถอะ” รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของเขา

“ฉันไปบอกนายอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“…” นัยน์ตาสีซีดมองลึกงไปในดวงตาของหญิงสาว คิ้วมุ่นแสดงถึงความเคร่งเครียดและจริงจัง

“เฮอะ มายังไงก็กลับอย่างนั้น”

“แถวนี้ไม่มีประตูประหลาดๆ ซักหน่อย” เขายังคงจ้องหน้าเธอเขม็ง “หรือเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน”

สาวน้อยนิ่งเงียบคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันแล้วชูสร้อยล็อกเกตที่คล้องคออยู่ขึ้นมา

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง”

เด็กหนุ่มไม่พูดเปล่า หยิบสร้อยของตนมากุมแล้วรับของเฮอร์ไมโอนี่มาคล้องคอไว้ด้วยกัน
จากนั้นก็คิดคำนึงถึงความปรารถนาที่อยากจะเดินทางกลับ แล้วรอคอย…

……………………….

“ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย” เขากล่าว

“นายไปไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน มัลฟอย” เด็กสาวยิ้มเยาะ “แล้วฉันก็จะยังไม่ไปไหนด้วย
จนกว่าพ่อแม่ฉันจะกลับมา”

“แย่ชะมัด” เขาสบถแล้วเดินตามเพื่อนสาวไปสมทบกับเด็กๆที่วิ่งเล่นกันอยู่

*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

“ไหนเธอว่า พ่อแม่เธอไปกันไม่นานไง”
มัลฟอยเอ่ยถามเฮอร์ไมโอนี่อย่างเบื่อหน่ายขณะที่มองดูเด็กๆเล่นกับลูกบอลกันอย่างสนุกสนาน

“ฉันจะไปรู้ได้ไง พวกเขาอาจจะแวะไปที่ไหนต่อก็ได้”

“เฮอะ”

“พี่คะ!!”

เสียงเด็กหญิงตะโกนมายังที่สองวัยรุ่นนั่งคุยกันอยู่ ก่อนที่ร่างเล็กของเธอจะตามมา “พี่ชาย
ช่วยเก็บลูกบอลให้หน่อยสิคะ”

“หือ?”

“ลูกบอล มันลอยขึ้นไปติดอยู่บนต้นไม้นั่นน่ะค่ะ”
เด็กหญิงว่าพลางชี้ไปยังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ระเบียงห้องห้องหนึ่ง

“เล่นกันยังไง” เขาบ่นอุบอิบแล้วตามเด็กหญิงไปยังต้นไม้ต้นนั้น “เจ้าเด็กนั่นหายไปไหน”

“พี่ชายหมายถึงเดรโกหรือคะ”

“อื้อ”

“อืมม เมื่อกี้เขายืนอยู่แถวนี้ บอกว่าจะหาทางเก็บลูกบอลให้ แต่หนูว่าให้พี่ช่วยจะง่ายกว่า”

“แล้วตอนนี้เขาไปไหนแล้วล่ะ”

“นายนี่ซนใช่เล่นเลยนะเนี่ย มัลฟอย” สาวน้อยเฮอร์ไมโอนี่ที่เดินตามมากระซิบกล่าวกับเขา

“หมายความว่าไง” และเมื่อเห็นจากสีหน้าวิตกกังวลของเธออีกทั้งสายตาที่เธอจ้องมองไปยังยอดของต้นไม้..

“เดรโก!!”



เฮ้!! เจ้าหนูขึ้นไปทำอะไรบนนั้น”

“ไม่มีตารึไง” เสียงเล็กๆจากบนต้นไม้ตะโกนตอบ

“กวนซะไม่มี” มัลฟอยบ่น

“นายต่างหาก พูดดีๆกับตัวเองยังไม่เป็น” เพื่อนสาวของเขาตำหนิ เขาส่งสายตาไม่พอใจให้เธอ

“แล้วจะให้ทำไง”

“เอาตัวเขาลงมาสิ”

“เดรโก ลงมาเถอะ มันสูงนะ” เด็กหญิงร้องบอกด้วยเสียงที่ตื่นตะหนก

“รู้แล้ว เอานี่รับนะ” เด็กชายรับคำก่อนจะโยนลูกบอลเจ้าปัญหาลงมา “อ้ะ!!”

“อะไร เดรโก เป็นอะไรรึป่าว” วัยรุ่นสาวถาม

“ผม.. ลงไปไม่ได้ ขาผมติด”

“เยี่ยมเลย …โอ้ย” มัลฟอยร้องเมื่อศอกของเฮอร์ไมโอนี่กระทุ้งเขา

“ทำอะไรซักอย่างสิ นั่นตัวนายนะ”

“รู้แล้วน่า”

ชายหนุ่มเคลื่อนกายโอบรอบลำต้นอันมั่นคงก่อนจะเริ่มปีนป่ายมันขึ้นไป
ทิ้งให้ผู้อยู่ด้านล่างคอยลุ้นด้วยความกังวล

‘ให้ตายสิ เกิดมาฉันยังไม่เคยคิดจะปีนต้นไม้.. ไม่สิ ฉันกำลังปีนอยู่นี่หว่า ไอ้เด็กบ้า ไม่รู้จักคิด’
ชายหนุ่มลำพึงกับตัวเอง
เมื่อเขาปีนขึ้นมายังกิ่งไม้ที่แข็งแรงพอรับน้ำหนักของเขาได้

เขามองลงไปดูระยะความสูงที่เขาปีนขึ้นมา มีเด็กหญิงมองขึ้นมาด้วยแววตาหวาดวิตก แต่เขากลับไม่เห็นเด็ก
สาวที่ควรจะยืนอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ตัวน้อยนั้นเลย

‘หายไปไหนของเขานะ’

“เฮ้! พี่ชาย..” เสียงที่อยู่สูงขึ้นไปร้องเรียก

“อะไร ฉันกำลังจะไปช่วย อยู่เฉยๆนะ” เขาว่าก่อนจะเริ่มปีนขึ้นไปอีก

เมื่อระยะทางเริ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และใกล้ถึงตัวเด็กชายทุกขณะ เขาก็มองเห็นเท้าเล็กๆข้างหนึ่งของเดร
โกตัวน้อยที่ติดอยู่ระหว่างง่ามของกิ่งไม้ ส่วนมือเล็กๆคู่นั้นโอบรอบลำต้นไว้แน่น และขาที่ใช้ยันกายเหยียบกิ่งไม้ที่ดู
ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรนั้นสั่นเล็กน้อย พร้อมเสียงโอดครวญแสดงความเจ็บปวด

ไม่กี่อึดใจเขาก็ถึงตัวเด็กน้อยผู้เป็นอดีตของเขา

“ขาผมติด” เด็กชายว่าแล้วชี้ไปที่เท้าของตน น้ำใสๆเริ่มปริ่มๆของตา

“อ้ากก เจ็บนะ เบาๆหน่อยสิ” เด็กชายร้องเมื่อมัลฟอยก้มลงขยับเท้าให้เขา

“ทนหน่อยไม่เป็นรึไง”

“ก็มันเจ็บนี่”

มัลฟอยจ้องลึกลงไปในดวงตาสีซีดที่จ้องกับมา

“แกจะเจ็บกว่านี้อีกหลายเท่า”

“ฮะ?”

“เอาเถอะ อ้ะ ออกแล้ว” เขาว่าแล้วรวบเด็กชายไว้ในอ้อมกอดของตน
ซึ่งเด็กชายไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ทว่ากลับกอดเขาแน่น

‘แย่ชะมัด ทำไมตอนลงมันดูยากกว่าตอนขึ้นนะ’

“เฮ้ มัลฟอยทางนี้” เสียงที่เขาคุ้นเคยดังขึ้นในระยะใกล้ ไม่เท่านั้นมันอยู่ในระดับเดียวกับเขา เขาหันไปตามเสียง

สาวน้อยเฮอร์ไมโอนี่ยื่นศีรษะออกมาจากหน้าต่างห้องใต้หลังคา ซึ่งอยู่สูงในระดับเดียวกับเขาพอดี

“ธ..เธอไปทำอะไรบนนั้น เกรนเจอร์”

“ไม่ต้องถามมากน่า มาทางนี้ ส่งเขามาก่อน” เธอตอบ

“เอ้อ รู้แล้ว” เขาอุ้มร่างสั่นๆของเด็กน้อยขึ้นแล้วค่อยๆเดินไปตามกิ่งไม้ที่ยื่นไปทางหน้าต่างห้องใต้หลังคาพอดี
‘ยัยนี่ฉลาดไม่เปลี่ยน’

กิ่งไม้หนากระเพื่อมขึ้นลงตามน้ำหนักของชายหนุ่มผมบลอนด์ ที่อุ้มเด็กชายผมสีเดียวกันไว้บนบ่า

“สูงจัง” เสียงเล็กๆดังขึ้นข้างหู

“เงียบน่า แล้วอย่ามองลงไปด้วย” ผู้สูงวัยกว่ากดศีรษะเขาลง “ใกล้จะถึงแล้ว”

“โอเค ส่งเขามา” เฮอร์ไมโอนี่สั่ง แล้วเอื้อมมือคว้าแขนเล็กๆของเด็กชายไว้

เด็กชายโอบรอบเอวของเธอทันทีก่อนที่..

เปรี๊ยะ…

แกรกก ก..

ป๊อกก!!

“เฮ้ย!”

“มัลฟอย!!”

“พี่ชาย!!”

“กรี๊ดดด"




TBC








Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 12



“โอ๊ย!!!” มัลฟอยแผดเสียงดังลั่น ส่งผลให้เฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้างตกใจด้วยเช่นกัน

“อะไรของนาย..” เสียงของเธอขาดไปเมื่อลูกบอลสีทองตกลงมาตรงหน้าเธอ “แค่นี้ต้องร้องเสียงดังด้วยรึไง”

“แล้วเป็นเธอ ไม่ตกใจรึไง” เขากล่าวแล้วลูบศีรษะตัวเองเบา และเพ่งมองไปยังทิศทางที่ลูกบอลพุ่งมา “..แย่ล่ะสิ”

ตอนที่ 12

“หายไปไหนแล้วน่ะ เดรโก” เสียงของเด็กหญิงร้องถามเพื่อนใหม่

“แถวๆนี้แหละมั้ง” เด็กชายย่ำเท้าสวบสาบเข้ามาในบริเวณพุ่มไม้ ในขณะที่ เด็กวัยรุ่นสองคนนั่งกลั้นหายใจนิ่ง
ไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อน

“เฮอร์ไมโอนี่ ระวังงูด้วยนะลูก” เสียงนายเกรนเจอร์ตะโกนมายังลูกสาวสุดหวงไม่เพียงเท่านั้น
 ยังเคลื่อนย้ายร่างกายตามเข้ามาด้วย “มานี่ พ่อเข้าไปหาให้”

“ทำอะไรสักอย่างสิเกรนเจอร์” มัลฟอยกระซิบ เมื่อเห็นท่าทางของเธอที่แข็งเกร็ง

“..อ่าา..อืม”

เฮอร์ไมโอนี่ผลักลูกบอลตัวต้นเหตุให้ไถลไปทางอื่น แต่ช้าเกินไป รองเท้าคู่ใหญ่หยุดยั้งลูกบอลที่กลิ้ง
ไปได้แค่หน่อยเดียว สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมอง คาดว่าจะเห็นสายตาจากผู้เป็นพ่อจ้องมองมายังเธอ
 แต่ไม่ใช่ ใบหน้าที่ดูหนุ่มกว่าที่เธอเคยเห็นในปัจจุบันนั้น ก้มลงเก็บลูกบอลแล้วเดินกลับมาหาเด็กๆทันที

“เฮ้ออ” มัลฟอยถอนหายใจอย่างโล่งอก ตรงข้ามกับเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังสงสัย

“ทำไมพ่อเธอถึงไม่เห็นเรา” เธอกล่าวถาม

“เหอะ ฉันคงตอบเธอได้หรอกนะ” เขาส่ายหน้าน้อยๆ “ทีนี้ เราจะออกไปเดินเพ่นพ่านได้รึยัง ฉันเบื่อนะเนี่ย”

“งั้นก็ไปสิ" เธอกล่าว เมื่อเห็นว่า บุคคลในอดีตนั้นทยอยเข้าไปในบ้านแล้ว

สาวน้อยย่างเท้าก้าวตรงไปยังประตูบ้านของเธอ แต่เด็กหนุ่มกลับเดินไปคนละทิศ

“นั่นนายจะไปไหนกัน” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนถามอย่างไม่ค่อยพอใจ แล้วเดินไปหาเขาที่หยุดอยู่
ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ ที่มีชิงช้าทำด้วยแผ่นไม้ผูกด้วยเชือกเส้นใหญ่อย่างแน่นหนาแกว่งไกวไปตามแรงลม

“เดินเพ่นพ่านไง”

“ชั้นไม่ได้หมายถึงแบบนี้” เธอหยุดมองหน้าเขาพักหนึ่งก่อนจะว่าต่อ “ฉันหมายถึง..”

“ฉันรู้น่าว่าเธอหมายถึงอะไร แต่..”

“นายไม่อยากจะเข้าไป”

“ใช่ ถ้าเธออยากรู้นัก เธอก็เข้าไปสิ ฉันจะรออยู่ข้างนอกนี่” เขากล่าว แล้วจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำ
ตาลที่จ้องตอบกลับมา

“เอางั้นก็ได้” เด็กสาวตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูบ้าน ปล่อยให้ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนชิง
ช้าแล้วมองตามหลังของเธอไป

เฮอร์ไมโอนี่หยุดที่หน้าประตู ราวกับลังเล เธอจึงมองผ่านเข้าไปทางหน้าต่างที่มีผ้าม่านผืนบางปกปิดไว้
ก่อนจะเดิมอ้อมไปทางประตูหลังบ้าน

มัลฟอยมองตามเธอไป สงสัยในการกระทำของเธอ เขาจึงเดินตรงไปยังหน้าต่างบานที่สาวน้อยเคย
แง้มมองเข้าไปเมื่อครู่ และทำด้วยกิริยาเดียวกัน เขามองผ่านผ้าม่านที่สะบัดพัดตามแรงลม

ยากนักที่จะเห็นอะไรได้ชัดเจน พลันดวงตาสีซีดของเขาก็พบเข้ากับ เด็กชายและเด็กหญิงที่นั่ง
เล่นกันอยู่บนพื้นข้างโซฟา แต่ไร้วี่แววของผู้ปกครอง และหลานชายของพวกเขา รวมทั้ง
 เพื่อนสาวที่เดินทางมายังอดีตกับเขาด้วย

“หายไปไหนนะ” ชายหนุ่มพึมพำ และหันมาสนใจกับเด็กชายหญิงตรงหน้า

ตัวของเขากับเฮอร์ไมโอนี่ในอดีต กำลังหยอกล้อกันตามประสาเด็กๆ ในมือของเด็กหญิงอุ้มตุ๊กตา
หมีขนปุย ขนาดไม่ใหญ่และไม่เล็กไว้อย่างหวงแหน ปัดป้องมันออกจากมือที่พยายามจะไขว่คว้าของเด็กชาย

“เฮอะ เล่นอะไรปัญญาอ่อนจริงๆเรา” มัลฟอยบ่นกับตัวเอง “ทำไมฉันต้องกลับมาเห็นตัวเองในสภาพ
ที่มีความสุขทั้งๆที่ฉันจำไม่ได้ว่าเคยได้รับด้วยล่ะเนีย”

“บ้าจริง” เขาละสายตาจากเด็กทั้งสอง แล้วหันกลับไปทางชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่กระนั้น เขาไม่แน่ใจ
… ไม่แน่ใจว่า… เมื่อครู่ เหมือนสายตาของเขามองเห็น แววตาสีซีดอันสดใสของเด็กชายที่อ่อนวัยกว่า
 มองผ่านหน้าต่างมาทางเขา ทว่าเมื่อเขาหันกลับไปอีกครั้งที่ ก็พบว่าเจ้าของสายตาคู่นั้นกำลังวิ่งไล่เพื่อน
ใหม่ไปมาทั่วบ้าน แล้วหันกลับมาอีกครั้ง..

“เฮ้ย!” เขาร้องด้วยความตกใจ เมื่อหันมาพบเข้าของดวงตาสีน้ำตาลสดใสที่จ้องมองมาที่เขาในระยะใกล้
คิ้วยาวเรียวมุ่นเข้าหากัน “มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”

“เมื่อกี้” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “ว่าแต่นาย..”

“ก็มามองหาเธอน่ะสิ”

“ไม่ค่อยหน้าเชื่อเท่าไหร่” เธอตอบแล้วชะเง้อมองเข้าไปทางหน้าต่าง
 “พ่อกับแม่จะพาจัสตินไปไหนซักแห่ง แค่คิดว่าไปไม่นาน”

“เข้าไปข้างในกัน” เฮอร์ไมโอนี่ชวน เมื่อเห็นสองสามีภรรยาพาหลานของพวกเขาออกจากบ้านไป
โดยมีเด็กชายและเด็กหญิงอยู่บ้านเพียงลำพัง

“แล้วเมื่อกี้เธอเดินไปไหนมา”

“ก็สำรวจบ้าน.. ไม่ได้รึไง” เธอกล่าวเสียงสูงในท้ายประโยค แล้วดึงเขาไป “มาเถอะน่า”

“ปล่อยฉันน่า” เขาบ่นอุบอิบไม่พอใจ แล้วดึงมือของเขากลับมา

“เหตุผล” น้ำเสียงเน้นถามอย่างหนักแน่น

“ไม่อยาก!!.. ไม่อยากเข้าไป.. ไม่อยากเจอ..”

“ตัวเองตอนเด็กๆ” เด็กสาวกล่าวจบประโยคให้

“..เธอได้ยิน..”

“ใช่”

“ฉันจะกลับ”

“ทำไม”

“…….”

“ทำไม นายถึงไม่อยากจะเข้าไปดู ไปรับรู้ รื้อฟื้นบางสิ่งบางอย่างที่มันจางหายไปพร้อมกับคาถา
ลบความจำนั่น” เธอถามด้วยความไม่เข้าใจ “แล้วทำไม นายไม่อยากจะพบกับตัวตนในอดีตของนายเอง
 ฉันไม่เชื่อหรอกที่นายเกลียดเขา”

“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันเกลียด แต่เชื่อสิ เขาไม่ชอบฉันหรอก”

“คิดมาก นายก็รู้ว่าพวกเขาไม่มีทางเห็นเรา นายก็เห็นตอนพ่อเข้ามาเก็บลูกบอล”

“ก็ใช่ แต่ฉันไม่รู้สึกอย่างนั้น” เขาจ้องตอบดวงตาสีน้ำตาลใต้คิ้วที่ขมวดมุ่น

“งั้นก็พิสูจน์”

“งี่เง่าชะมัด” เด็กหนุ่มบ่นเบาๆแล้วเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ไปทางประตูบ้าน
 มือบางๆเอื้อมไปก่อนจะถึงลูกบิดประตู แต่มันกลับบิดตัวมันเอง พร้อมกับประตูที่เปิดออกอย่างแรง

พลัก!!

“โอ้ย!!”

ร่างของเด็กชายชนมัลฟอยเข้าอย่างจัง จนล้มลงไปนั่งกับพื้น มือเล็กกุมศีรษะไว้ แล้วร้องโอดครวญ

“เดินดูทางบ้างไม่เป็นรึไง” เสียงตะโกนเล็กๆของเด็กชาย ทำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า
 ถอนหายใจอย่างรู้แกวแล้วหันไปมองเพื่อนสาวที่มองไปทางเด็กชายด้วยสายตาที่พยายามจะค้นหาคำตอบ
 สื่อความหมายไปว่า

“เป็นไง ฉันพูดผิดมั้ยล่ะ”

“ใครกันแน่ เปิดประตูไม่ระวัง” เขากล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม สร้างความไม่พอใจให้เด็กชายเมื่อแรกพบทันที

“เป้นอะไรรึป่าวจ๊ะ” เฮอร์ไมโอนี่ก้มตัวไปดูเขา

“เดรโก” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงที่วิ่งตามมาแลเห็นชายหญิงแปลกหน้าที่หน้าบ้าน

“ป่าว” เสียงห้วนๆตอบกลับมา ก่อนที่เจ้าของเสียงนั้นจะหันไปสบตาหญิงสาว

“เดรโก พูดไม่เพราะเลย” เด็กหญิงปรามเด็กชาย ส่งผลให้ วัยรุ่นสาวนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นอาการ
เคอะเขินเล็กน้อยจากมัลฟอยผู้เป็นหนึ่งเดียวกันทว่าต่างกันซึ่งกาลเวลา แต่ดูเหมือนเธอจะล้อเลียน
ชายหนุ่มมากกว่า “ขอโทษเขาด้วยสิ”

“ทำไมต้องล่ะ”

“ก็นายเปิดประตูชนพี่ชายคนนี้น่ะสิ”

“แต่ฉันมองไม่เห็นเขานี่”

“ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ขอโทษไว้ก่อนมันไม่ผิดหรอกนะจ๊ะ” เสียงนุ่มนวลของสาวน้อย
เฮอร์ไมโอนี่ดึงเขาให้หันไปหา เด็กชายจ้องลึกลงไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวย อะไรบางอย่างบ่งบอกว่า
ถูกชะตากับพี่สาวผมสีเดียวเรือนผมที่ดูคล้ายกับเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จัก

“ขอโทษ” เดรโกตัวน้อยกล่าวอุบอิบฟังไม่ชัด

“เธอว่าอะไรนะ” มัลฟอยในวัยที่มากกว่าถามทวน

“ขอโทษฮะ” เสียงดังฟังชัด ใบหน้าที่ก้มงุดเงยขึ้น แต่ไม่วายแสดงสีหน้าไม่ชอบหน้าของชาย
หนุ่มตรงนี้ แถมแลบลิ้นปริ้นตาให้โดยที่สองสาวไม่เห็น

‘หนอย เจ้าตัวแสบ’ ชายหนุ่มบ่นอุบ

“พี่สาวชื่ออะไรฮะ” เด็กชายหันไปหาเฮอร์ไมโอนี่

“เฮอ..” เธอชะงัก สมองอันชาญฉลาดประมวลหาคำๆนึงขึ้นมาโดยเร็วที่สุด “เฮอร์นิต้า จ้า”

“ว้าว ชื่อเพราะจังเลย” เด็กหญิงตัวน้อยชม แล้วหันไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงที่จ้องมองเด็กชายอย่างไม่สบอารมณ์
“แล้วพี่ชายล่ะคะ”

“ด..”

“อ่ะแฮ่ม” เฮอร์ไมโอนี่ หรือ เฮอร์นิต้ากระแอมให้เขาได้สติ แต่สายไป...

“เดรโก”

TBC



Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 11


“อย่าขยับนะ” เขาเอ่ยอย่างแผ่วเบา เด็กหญิงมองตามสายตาที่แสดงถึงความเคร่งเครียดและ
หวาดกลัวระคนกัน เธอค่อยๆหันไปและสบตากับเจ้างูนั่น อึดใจหนึ่งเธอสูดหายใจเอาออกซิเจนเข้าเต็มปอด
 แล้วผ่อนเอาออกด้วยเสียงกรีดร้องดังลั่น

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

“ทำอะไรสักอย่างสิ ด๊อบบี้” เด็กชายตะโกนบอกเอลฟ์ประจำบ้าน ที่ตอบสนองความต้องการของเขา
ทันเวลาพอดี.. เจ้างูตั้งท่าจะจู่โจม ทันใดแสงสีเหลืองดังสายฟ้าก็ตกลงตรงหน้างูตัวนั้น
 ชั่วพริบตามันก็หายไปในที่สุด

“เธอเป็นอะไรรึเปล่า” เด็กชายก้มลงถามเด็กหญิง ที่น้ำตาไหลพราก ตัวของเธอสั่นสะท้านและไม่ขยับ
 จนเด็กชายต้องเขย่าตัว

“เฮอร์ไมโอนี่ ลูกอยู่ไหนน่ะ เป็นอะไรไป” เสียงผู้เป็นพ่อของเด็กหญิงดังขึ้น

“นั่นพ่อเธอหรือ”เด็กชายถามแล้วเอื้อมมือไปฉุดเด็กหญิงที่พยักหน้าตอบให้ออกมาจากพุ่มไม้

“เฮอร์ไมโอนี่ ลูกอยู่ไหน เฮอร์ไมโอนี่” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

เด็กชายลุกขึ้นยืนมองกลับไปที่เอลฟ์ประจำบ้านที่บัดนี้หายไปแล้ว จากนั้นจึงมองหาเสียงเรียก
นั่นที่ดังขึ้นอีกครั้ง “เฮอร์ไมโอนี่ ลูกอยู่ไหน”

“อยู่นี่ฮะ เธออยู่ตรงนี้” เด็กชายตะโกนบอก



“เหอะ แค่งูตัวเดียวเธอก็ร้องซะเสียงดัง” เสียงของชายหนุ่มวัย สิบหก กล่าวกับสาวน้อยรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งสองกำลังมองดู อดีต ของตนผ่านพุ่มไม้หนาเตี้ยก่อเป็นโครงราวกับตั้งใจให้เป็นที่ลับสำหรับ
พักผ่อนของผู้รักความสงบ พื้นหญ้านิ่มสบาย แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้ได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดี

“แล้วมันผิดตรงไหน ในเมื่อฉันตกใจจริงๆนี่” สาวน้อยโต้กลับ ขณะมองดู ผู้เป็นพ่ออุ้มตัวของเธอ
ในวัยเด็กแล้วปลอบขวัญเป็นการใหญ่



“เกิดอะไรขึ้น เฮอร์ไมโอนี่” นายเกรนเจอร์ถามลูกสาวตัวน้อยของเขาแต่ไม่ได้รับคำตอบจากเธอ
 จึงหันมาถามเด็กชายแทน “เกิดอะไรขึ้น“

“เอ้อ เธอเจองูเข้าน่ะฮะ”

“งูหรือ” ชายคนนั้นอุทานสีหน้าตื่นตกใจ “แล้วมันกัดลูกรึเปล่า”

เด็กหญิงส่ายหัว

“แล้วมันไปไหนแล้วล่ะ”

“เอ่อ” เด็กชายเริ่มอย่างกระอักกระอ่วน “ผม..ผมไล่มันไปแล้วฮะ”

“จริงหรือ ขอบใจเธอมาก ถ้าไม่ได้เธอคงจะแย่ เอ้อ เรากำลังปิกนิกกันอยู่ เธออยากไปร่วมด้วยมั้ย”

“เอ่อ จะดีหรือฮะ” เขายังไม่ได้พูดอะไร พ่อของเด็กหญิงก็จูงมือเขาแล้วพาไปยังโต๊ะกลางสวนที่บ้านของเขา



“ดีนะที่ฉันช่วยเธอไว้ได้ทัน” มัลฟอยกล่าวล้อเลียนหญิงสาว ที่มือทั้งสองกำแน่นด้วยความลุ้นระทึก

“ใครว่านายช่วยฉันกัน เห็นๆอยู่ว่าเป็นฝีมือของด๊อบบี้” เธอแย้ง แล้วหันกลับมาสนใจเหตุการณ์ตรง
หน้าราวกับกำลังนั่งชมภาพยนต์

“แหงสิ ตอนนั้นฉันยังไม่มีไม้กายสิทธิ์นี่” เขากล่าวประชดอย่างน้อยใจ แล้วเบนหน้าหนีไปทางอื่น

“ถึงยังไงฉันก็จำได้ว่านายช่วยฉันอยู่ดีนั่นแหละ ขอบใจนะ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวพร้อมกับตบบ่าชายหนุ่มเบาๆ
แล้วยิ้มให้เขาก่อนจะหันกลับไปยังเหตุการณ์ตรงหน้า ละสายตายจากใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ยิ้มน้อยๆ ตอบกลับมา

“เราเข้าไปใกล้กว่านี้กันดีกว่า มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวแล้วดึงมือเขา แต่เขากลับไม่ขยับเขยื้อน “เป็นอะไรไป”

“เอ่อ ฉัน..ฉันไม่..ฉันไม่คิดว่า.. ฉันอยากจะจำอดีตได้” เขากล่าวอย่างลังเล

“… ทำไมล่ะ”

“ก็ถ้าจำได้ แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา หรือถ้าเราจะมาเปลี่ยนแปลงอะไรที่นี่ ที่มันเคยเกิดขึ้นกับเรา
 มัน..อาจจะเปลี่ยนช่วงเวลาหลังจากนั้นด้วยเหมือนกัน.. บางทีเธอกับฉัน อาจจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้.. ด้วยกัน”

“มัลฟอย เราไม่ได้มาที่เพื่อที่จะแก้ไขมันซักหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่กล่าว ยังไม่ปล่อยมือไปจากเขาแต่
จับเขาไว้แน่น “เรามาที่นี่ เพราะ..”

“ยัย รีแอน กับ รีอาส่งเรามา” เขากล่าวแค่นหัวเราะอย่างปลงๆ

“ใช่ ยังไง เราก็หาทางกลับไปไม่ได้นี่ แล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ ถ้าเราจะได้รู้อะไรที่ถูกลบเลือนหายไปน่ะ”

บางทีมันอาจจะมีประโยชน์อะไรในอนาคตก็ได้”

“แล้วมันคืออะไรล่ะ”

“นี่ฉันไม่ใช่ผู้หยั่งรู้อนาคตนะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ “ไปกันเถอะ เข้าไปใกล้กว่านี้กัน”

“ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเราต้องมาหลบอยู่อย่างนี้ด้วย” เขาพูดขณะเดินตามเด็กสาวไป
 “พวกเขาจำเราไม่ได้หรอกน่า เกรนเจอร์”

“อาจจะใช่ แต่กันไว้ดีกว่าแก้ มันผิดนักรึไง”

ทั้งสองขยับไปตามแนวพุ่มไม้ ให้ใกล้พอได้ยินบทสนทนา



“เธอชื่ออะไรจ๊ะ” ผู้เป็นแม่ของสาวน้อยถามเด็กชาย หลังจากได้ยินเรื่องเล่าจากสามีของเธอ

“ เดรโกฮะ เดรโก มัลฟอย” เด็กชายกล่าวด้วยท่าทางเขินอาย “ยินดีที่ได้รู้จักฮะ เอ่อคุณ..”

“เกรนเจอร์จ้า” เธอตอบมองไปที่ลูกสาวที่ได้รับการปลอบโยนจากหลานชายของเธอ
และกำลังหัวเราะร่า ”นั่นเฮอร์ไมโอนี่ ลูกสาวฉัน และจัสติน ลูกพี่ลูกน้องของเฮอร์ไมโอนี่ เอาล่ะ
เธออยากจะทานอะไร”

เด็กชายยังไม่ทันตอบ คุณนายเกรนเจอร์ก็จัดแจงตักอาหารเรียบร้อย

“สวัสดีอีกครั้ง” เด็กหญิงทักทายเด็กชาย ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ “นายชื่ออะไร”

“เดรโก” เขาตอบ “แล้วเธอล่ะ”

“เฮอร์ไมโอนี่”

“เฮอร์..อะไรนะ” เด็กชายขมวดคิ้ว

“เฮอร์ไมโอนี่” เธอตอบ

“เฮอร์อายโมนี่”

“ไม่ใช่ๆ นี่ๆ จัสติน สอนเขาหน่อยสิ” เฮอร์ไมโอนี่หันไปเรียกญาติของเธอที่นั่งฟังอยู่

“อ้า แต่ก่อนฉันก็เคยสอนเฮอร์ไมโอนี่ ให้เรียกชื่อตัวเองเหมือนกัน” จัสตินเริ่ม “เฮอร์-ไม-โอ-นี่”

“เฮอร์ ..เฮ้อ” เดรโกพยายามพูดตาม “..มายโอนี่”

“ใกล้แล้ว” เสียงนายเกรนเจอร์เอ่ยขึ้น “ลองอีกครั้งซิ”

“เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกพูดแล้วจึงโพล่งออกมาว่า “เฮอร์มี่“

“ไม่ใช่ๆ อันแรกอะถูกแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ว่า

“ก็จะเรียก เฮอร์มี่ ง่ายกว่าเยอะ” เด็กชายเถียง

“เฮอร์ไมโอนี่” เด็กหญิงหน้ามุ่ยไม่พอใจ

“เฮอร์มี่”

“เฮอร์ไมโอนี่”

“เฮอร์มี่ แล้วทำไมคุณต้องตั้งชื่อเธอซะยาวด้วยล่ะฮะ” เดรโกหันไปถามผู้ที่มีอายุมากกว่าเขา
 ซึ่งได้รับแต่เสียงหัวเราะและปราศจากคำตอบ

atvsb

“ชื่อฉันมันเรียกยากขนาดนั้นเลยหรือไง” สาวน้อยกล่าวอย่างไม่พอใจ
ในขณะที่คนข้างกายหัวเราะน้อยและไม่ตอบอะไร

q

“ว่าแต่เธออยู่บ้านหลังนั้นนานแล้วเหรอ ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอเลย เดรโก” นายเกรนเจอร์ถาม

“นั่นบ้านป้าผมครับ พ่อกับแม่ไม่ค่อยมีเวลาเลยให้ผมมาอยู่กับป้า แต่ดูเหมือนป้าก็ไม่
ค่อยมีเวลาเท่าไหร่” เดรโกพูดเสียงเศร้า “ผมจะแวะมาที่นี่บ่อยๆได้มั๊ยฮะ”

“ได้สิจ๊ะ เฮอร์ไมโอนี่จะได้มีเพื่อนเล่น” นางเกรนเจอร์ตอบอย่างอารมณ์ดี

“ใช่ๆ เดรโก เฮอร์ไมโอนี่ จะได้มีเพื่อเล่น” เด็กหญิงเน้นชื่อตัวเองและยิ้มร่าให้เขาที่ยิ้มตอบ

“ขอบคุณมากฮะ”




“นี่ฉันมีป้าที่มีบ้านอยู่ในเขตมักเกิ้ลด้วยเมื่อไหร่กัน” ชายหนุ่มมุ่นคิ้วกล่าวกับตัวเองเบาๆ
ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังบ้านที่อยู่ถัดไป “แล้วป้าคนไหนล่ะ”

“ฉันคงจะรู้หรอกนะ จำได้แต่ว่า อีกไม่นาน มันก็กลายเป็นบ้านร้างอย่างกับบ้านผีสิงอย่างนั้นแหละ”

เฮอร์ไมโอนี่กล่าว “นายไม่ได้สังเกตตอนที่ไปบ้านฉันหรอกเหรอ เมื่อปิดเทอมหน้าร้อนที่แล้วน่ะ”

“เปล่า” นั่นคือคำตอบที่เธอคาดว่าจะได้รับและก็ได้มาจริงๆ

“โอ๊ย!!!” มัลฟอยแผดเสียงดังลั่น ส่งผลให้เฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้างตกใจด้วยเช่นกัน

“อะไรของนาย..” เสียงของเธอขากไปเมื่อลูกบอลสีทองตกลงมาตรงหน้าเธอ “แค่นี้ต้องร้องเสียงดังด้วยรึไง”

“แล้วเป็นเธอ ไม่ตกใจรึไง” เขากล่าวแล้วลูบศีรษะตัวเองเบา และเพ่งมองไปยังทิศทางที่ลูกบอลพุ่งมา “..แย่ล่ะสิ”


TBC




Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 10



หลังจากที่ เฮอร์ไมโอนี่ พามัลฟอยไปที่ห้องพยาบาลเพื่อได้รับการตรวจสายตาอีกครั้ง
พวกเขาก็กลับมายังห้องที่มีประตูทรงกลมบานใหญ่ และพบกับหญิงสาวผู้มาเยือน
 สองคนผู้ที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกัน นั่งรอพวกเขาอยู่ ..รีอา และรีแอน

“ไง กลับมากันช้าจังนะพวกเธอ” รีแอนทักขึ้น

“เธอเข้ามาได้ไงน่ะ” มัลฟอยถามขณะนั่งลงบนโซฟา ข้างๆเฮอร์ไมโอนี่

“นั่นไม่สำคัญหรอก เดรโก” รีอากล่าว “เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย จริงมั้ย ในงานน่ะ”

“อืม แล้วพวกเธอมาทำอะไรที่นี่”

“ก็ธุระนิดหน่อย หน้าที่ของเราน่ะ หลังจากทำให้ ครอบครัวของเรากลับมารัก
ใคร่กันเหมือนเดิมได้แล้ว” รีอาพูดด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความหมายอะไรบางอย่างไว้

“นั่นอะไรน่ะเฮอร์ไมโอนี่” รีแอนชี้ไปยังล็อกเกตที่เวทมนต์แปลงสภาพมันให้เข้ากับชุด
ราตรีส่องประกายล้อแสงไฟของเธอ “ขอดูหน่อยได้มั้ย”

“ได้สิ”

“ว้าว มันสวยจัง” รีอาอุทาน “และมันก็ดูมี..”

“มนต์วิเศษ ซ่อนอยู่” รีแอนต่อท้ายคำของรีอา “มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ”

“เป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นของมักเกิ้ลนะ มันไม่น่าจะเป็นไปได้” มัลฟอยขัด
 และเอาล็อกเกตของเขา ที่เหมือนกับของเฮอร์ไมโอนี่ แต่ไม่ได้แปลงสภาพให้พวกเธอดู

“ได้สิ เดรโก หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผูกพันธ์ด้วยใจ หรือมีคุณค่าในแบบที่ไม่สามารถจะอธิบายได้
อย่างเช่น มิตรภาพ.. ความรัก.. ความผูกพันธ์..”

“นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าสายสร้อยล็อกเกตที่อยู่ในมือ
ของรีแอนและรีอา ถูกยืดออกด้วยเวทมนต์

“เราจะมาพิสูจน์กัน” รีแอนกล่าว พลางหลิ่วตาให้น้องสาวฝาแฝดของเธอ

“พิสูจน์อะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น

“ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไงล่ะ” รีอาตอบ “ฉันรู้สึกได้ว่าพวกเธอ ผูกพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
หากแต่มีอะไรบางอย่างมาปิดกั้นมันไว้” รีอาพูดพร้อมคล้องสายสร้อยทั้งสองให้เฮอร์ไมโอนี่
และมัลฟอย เพื่อเชื่อมทั้งสองไว้ด้วยกัน

“เรื่องนั้นเรารู้อยู่แล้วน่า..ถึงแม้ว่าจะเพิ่งรู้ก็เถอะ” มัลฟอยกล่าวพลางขยับสายล็อกเกตไปมา
 “แล้วเราจะพิสูจน์ไปเพื่ออะไรล่ะ”

“นายไม่อยากจะจำอดีตได้หรอกเหรอ เดรโก” รีแอนกล่อม เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองรีอาและรีแอนอย่างสงสัย

“เดี๋ยวสิ เรายังไม่ได้บอกเธอเลยว่า เราจำไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่ กล่าวเสียงเรียบ แต่สิ่งที่เธอรับรู้ต่อมาคือ

แสงสีฟ้าเรืองรองเปล่งประกายจากล็อกเกตทั้งสองก่อนจะวูบดับลงพร้อมกับสติของเธอและเขา

. . . . . . . .


ความมืดและความเงียบสงัดปกคลุมทุกท้องที่ สาวน้อยขยับตัวบนพื้นไปมา
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองกราดไปทั่ว พบเพียงแต่ความมืดสนิท ความไม่ไว้วางใจในสถานที่ทำให้เธอ
ผู้นี้ควานหาไม้กายสิทธ์แล้วพึมพำคาถา

“ลูมอส”

แสงไฟนวลอ่อนปรากฏขึ้นทันใด สาดส่องลงบนพื้นที่ทำจากไม้เนื้อดี แต่ไม่ได้ทำให้เธอเห็นสภาพรอบๆ
ของที่แห่งนี้เลย เฮอร์ไมโอนี่เดินไปมาอย่างใช้ความคิด มือหนึ่งพบว่าล็อกเกตของเธอยังคงสวมอยู่ที่คอ
 สาวน้อมกำมันไว้แน่น นึกไม่พอใจที่สองสาวพี่น้องฝาแฝดทำกับและมัลฟอย..

‘ใช่ แล้วมัลฟอยล่ะ..’ เธอนึกพลางเดินหน้าไปเรื่อยๆ อย่างไร้ทิศทาง และกุมสติของตนไม่ให้ฟุ้ง
ซ่านว่า เธอกำลังหลงทางอยู่ในความมืด..

ทันใด เธอแสงแวบวับไปมาตรงหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด
แสงสีเหลืองนวลตรงหน้ามันใหญ่ขึ้น และเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และ…

โป๊ก!!!

“โอ้ยย ใครบ้าเอาอะไรมาตั้งไว้ตรงนี้!!” เสียงแว่วชายหนุ่มร้องโอดครวญซะดังลั่น
 และคุ้นสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ “เจ็บชะมัด”

“มัลฟอย!!” สาวน้อยตะโกนด้วยความดีใจ แต่เธอสามารถมองเห็นได้เพียงที่ยื่นออกมาข้างหน้า
ของเขาเท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่ทาบมือของเธอกับมัลฟอยไว้ เพื่อบ่งบอกว่าเธออยู่ตรงนี้ และทันใดนั้น!

ความมืดทั้งหลายมลายหายไปสิ้น แทรกขึ้นด้วยแสงสว่างจนทั้งสองแทบปรับสายตาไม่ทัน
 มือของทั้งคู่กุมกันไว้แน่น ขณะที่เพ่งหาว่าเกิดอะไรขึ้น

ทั้งเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย ยืนอยู่กลางห้องทรงกลมขนาดย่อมเหนือพื้นไม้
 ภายในห้องตกแต่งด้วยสีที่ดูน่ารัก คล้ายบ้านทีทำจากขนมหวาน หากแต่ไม่ใช่

 สูงขึ้นไปเหนือศีรษะขึ้นไป เป็นโคมระย้า ไม่ใหญ่โตและงดงาม แต่สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้มองเห็นก็คือ
สิ่งที่ห้อยต่ำลงมาจากโคมไฟนั่น มีรูปร่างแปลกประหลาดและทำมาจากผลึกแก้วใส
 รอบๆมีประตูไม้หลายขนาด ทุกบานล้วนแล้วถูกล็อกนั้นยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว

วัยรุ่นทั้งสองหันมาสบตากันชั่วขณะหนึ่ง

“เอ้อ..เราจะทำยังไงกันต่อล่ะ” มัลฟอยเอ่ย แต่สายตาของเฮอร์ไมโอนี่มองตรงไปยังประตูที่ไร้การลงกลอนใดๆ..

สาวน้อยก้าวเท้าตรงไปยังประตูบานนั้นก่อนที่จะสัมผัสกับมัน แสงรอบข้างกลับสลัวลง
 ไม่มืดมิด เนื่องด้วยสิ่งที่ห้อยต่ำลงมาจากโคมระย้า ส่องแสงเจิดจรัสไปทางประตูเบื้องหน้าของทั้งสอง
 ที่ปรากฏคำจารึกขึ้นมา.. มันค่อยๆแง้มออก ก่อนที่เกิดแรงดึงดูดจากประตูบานนั้น..


การเวลายิ่งเนิ่นนาน อดีตกาลเริ่มลางเลือน

ใจเรานี้แชเชือน เยือนอดีตเปลี่ยนแปลงกาล

มนุษย์เราหาย้อนได้ด้วยเวลาที่หมุนผ่าน

จะแก้หาได้การยุ่งยากล้นเหนือกำลัง

ชะตาฟ้าลิขิต ให้รู้คิดสิ่งสำคัญ

อนาคตของคู่กันกำหนดได้โดยตัวเรา


. . . 

ลูกบอลกลมๆลูกหนึ่ง ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วล่วงลงสู่มือของเด็กหญิงตัวน้อย
ดวงตาสีตาลจับจ้องไปยังแขกผู้มาเยือนที่กำลังพูดคุยกับพ่อแม่ของเธออยู่กลางสวน

 เขาเป็นเด็กชายที่อายุมากกว่าเธอราวสิบปีได้ หันมามองเธอแวบหนึ่งแล้วหันกลับไป
เด็กหญิงยังคงเล่นลูกบอลต่อไปในขณะที่รอให้ใครสักคนมาเล่นกับเธอ ด้วยความไม่พอใจนั้น

 ทำให้ลูกบอลลอยสูงขึ้นกว่าเดิมและไม่ได้ล่วงลงสู่มือของเด็กหญิงอย่างเคย แต่กลับตกลงบนพื้น
หญ้าก่อนที่จะกระเด้งขึ้นอีกครั้งไปยังพุ่มไม้ที่ขึ้นกั้นแบ่งเขตแดนระหว่างบ้านสองหลัง

 เด็กน้อยวิ่งตามลูกบอลที่กระเด้งxxxนไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจเสียงเรียกของเด็กชายผู้เป็นลูกพี่
ลูกน้องของเธอ เธอมุดเข้าไปในพุ่มไม้รกๆนั่น เนื่องด้วยความตัวเล็กเธอ สายตามองหาลูกบอลของเธอ
 พลันโสตประสาทก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างหน้า เสียงของเด็กชายกับ..ดูเหมือนจะเป็นพี่เลี้ยงหรือคนใช้

“กลับเข้าบ้านเถอะครับ นายน้อย” เสียงนั้นเจือด้วยความกังวล “เดี๋ยวคุณป้าจะตามหานะครับนายน้อย”

“เขาไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า” เด็กชายตอบอย่างหงุดหงิด “เขาไม่สนใจฉันสักนิด”

ทันใดลูกบอลก็กระเด้งขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ตกลงบนหัวของเด็กชาย ทำให้เขาร้อง

“โอ้ย! นั่นใครน่ะ” ตามด้วยเสียงขยับตัวในพุ่มไม้ของเด็กหญิงทำให้เด็กชายเริ่มหวาดระแวง
ในขณะที่พี่เลี้ยงของเขา..ตากลมโตสีเขียวเบิกกว้าง หูที่เหมือนค้างคาวกระดิกฟังเสียง..

เอลฟ์ประจำบ้านรีบหาที่กำบังหลบซ่อนแต่ไม่ทัน ผมสีน้ำตาลหยิกฟูของเด็กหญิงเต็มไปด้วยเศษ
กิ่งไม้ใบหญ้า และดวงตาสีน้ำตาลของเธอโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ เธอมองไปทั่วๆ ความประหลาดใจเข้า
 มารุมล้อมทั้งสอง แม้กระทั่งเอลฟ์

“สวัสดี เอ่อ ฉันขอลูกบอลคืนได้มั๊ย” เด็กหญิงจ้องมองลูกบอลที่เด็กชายหยิบขึ้นมาเมื่อครู่

“เธอ เป็นใครน่ะ”เด็กชายถามมือลูบบริเวณศีรษะ แล้วขยับเข้าไปใกล้เด็กหญิงที่ซุกตัวอยู่ในพุ่มไม้
 ก่อนที่เขากำลังจะได้คำตอบ ดวงตาสีเทาซีดมองไปทั่วบริเวณนั้น แล้วมาสะดุดอยู่ที่ งูตัวหนึ่ง
 กำลังจ้องมองพวกเขา และดูเหมือนกำลังไตร่ตรองว่าจะจู่โจม..




TBC



Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 9



เขารู้สึกถึงผงเย็นๆ โปรยประกาย สู่นัยน์ตา เขากระพริบตาเพื่อไล่ความเคือง และปรับสายตาถึงแม้ว่าเขา
จะมองไม่เห็นก็ตามที จากภาพที่มืดสนิท มันเริ่มมัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้แตกต่างไปจากเดิมเลย - -

เสียงวี๊ดนั่น มาพร้อมกับลำแสงจากซุ้มเกมกลวิเศษวีสลีย์ พุ่งตรงเป็นประกาย
 สู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนมีหิมะโปรยปรายซึ่งเป็นเพดานของห้องโถงใหญ่ - -

เขาหันตามเสียงนั้นไป และกระพริบตาเพื่อไล่ผงละอองที่เข้าตา ถ้าเขาไม่ได้ฝันไป หรือคิดไปเอง - -

แต่พอเสียงนั้นสิ้นสุดลงก็เกิดเสียงใหม่ขึ้นมาอีก เป็นการดึงดูดความสนใจจากคนทั่วห้องได้แม้แต่คณะอาจารย์ก็ยังสนใจมัน - -

เขาเริ่มเห็นรูปร่างมัวๆของสิ่งที่อยู่ตรงหน้า - -

จากเสียงที่ไม่น่าฟังกลับปรับเปลี่ยนเป็นสารพันเสียง ..เป็นท่วงทำนองที่แปลกประหลาดและไพเราะ
 ..ไม่เพียงแค่นั้น.. - -

ยิ่งเขากระพริบตาถี่ขึ้นเท่าไหร่ ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เริ่มชัดขึ้น ..ชัดขึ้น- -

แสงประกายจากลำแสงก็เปลี่ยนตามไปด้วย จากฝูงปลาตัวน้อยที่เหมือนกับ
ว่ากำลังแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้าที่ราวกับเป็นดั่งแม่น้ำ- -

เขาไม่แน่ใจ ว่านี่เป็นความฝัน ความจริง หรือภาพที่เขาสร้างขึ้นมาเอง - -

จากนั้น มันก็เปลี่ยนเป็น ฝูงนกตัวน้อยนับพัน บินรวมกันเป็นรูปร่างของหงส์ที่บินผ่านอากาศ

เขามองตามลำแสงนั้นไป ลำแสงที่เปล่งประกายสวยงาม แต่สายตาของเขาต้องละทิ้งสิ่งนั้นไป
 เมื่อเขาได้พบกับสิ่งที่เขาอยากจะเห็นมากที่สุด ..รอยยิ้มของสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายเขา
 ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายกำลังจ้องมองมาที่เขา มือของเธอบีบมือเขาแน่น

“เป็นยังไงของขวัญวันคริสต์มาส ถูกใจนายมั้ยล่ะ” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นข้างหูของเขา
“ของขวัญอะไรของเธอ” เขาแสดงน้ำเสียงใคร่รู้ และละสายตาไปทางอื่น
“ฉันหมายถึงตาของนาย มันเป็นยังไงบ้าง” เธอกล่าวแล้วกลั้นหายใจ

“ก็เหมือนเมื่อก่อน..” เขาตอบแล้วหันมามองเด็กสาว
“งั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวเสียงแผ่วด้วยความผิดหวังแล้วก้มหน้าเพื่อกลบซ่อนน้ำตาแห่งความพยายาม
 มัลฟอยยื่นมือไปหาเธอ ประครองใบหน้าของเธอไว้ และจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้ม..รอยยิ้มที่นึกสนุก

“ไม่เอาน่า ยัยขี้แย”
“นาย.." สาวน้อยเงยหน้าสบดวงตาสีซีดของเขา และรู้ในทันทีว่าเธอโดนเขาแกล้งซะแล้ว
 "นึกว่ามันสนุกนักรึไงฮะ”
"หึหึ" เขาหัวเราะน้อยๆแต่ค่อนข้างนาน

“หยุดหัวเราะได้รึยัง” เธอกล่าวเสียงดัง กลบเสียงหัวเราะของเขา ก่อนจะหันมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้า..
เหตุการณ์ที่เกิดกับทุกคนในห้องโถงใหญ่ยังไม่จบ..ทุกสายตาจ้องมองไปยังประตูหน้าห้องโถง
 ที่ที่ลำแสงประหลาดนั้นจบลง ..ด้วยมังกรตัวใหญ่มหึมาก่อนที่จะระเบิดออกเป็นเหมือนดอก
ไม้ไฟที่โปรยประกายระยิบระยับ ทำให้เกิดแสงสว่างจ้าครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่..

“นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ความเคืองนั้นก็หายไปเมื่อได้รับคำตอบ
“มันยิ่งกว่าคำว่าวิเศษซะอีก” เขาตอบ ขณะที่รอให้แสงแสบตานั้นจางลงและยิ้มให้เธอด้วยความดีใจเป็นที่สุด
มันมีมากกว่าความสงสัยด้วยซ้ำ “แต่เธอทำมันได้ยังไง”

“ฉันคงจะทำไม่ได้ถ้าขาดความช่วยเหลือจาก..” เธอช่วงไว้ แล้วผายมือไปยังทิศที่แสงสว่างนั้นก่อกำเนิดขึ้น
 บัดนี้มันได้จางลงแล้วเผยให้เห็น..

..นางฟ้า หรืออะไรก็แล้วแต่ ..หญิงสาวร่างสูงอยู่ในชุดผ้าสีขาวดูงดงามดั่งเทพธิดา
 ปีกขนนกสีขาวบริสุทธ์กระพือไม่หยุดหย่อนทำให้ผมสีทองเงางามยาวถึงกลางหลังปลิวสยายตามแรงลม

“รีแอนนอน!!” มัลฟอยกล่าวกับตัวเองเสียงแผ่ว และจ้องมองหญิงสาวผู้มาจากเมืองฟากฟ้า ..เมืองบนฟ้าที่ซึ่งเขาและเฮอร์ไมโอนี่ได้เคยไปทัศนศึกษา รอยยิ้มของเธอส่งตรงมายังเขาและเฮอร์ไมโอนี่ขณะล่อนลงข้างหลังพวกเขา..ตรงกลางฟลอร์เต้นรำซึ่งบัดนี้ว่างโล่ง ..ปีกสีขาวนั้นก็หายไปจากกระดูกสะบักของหล่อนในพริบตา

บรรยากาศในห้องตอนนี้ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆที่เอื้อนเอ่ยออกมา ดวงตาทุกคู่จับจ้องมายังผู้มาใหม่..
ผู้ที่สร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคน

“เอาล่ะๆ” เสียงของดัมเบิลดอร์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือของเขา “เป็นการเยี่ยมเยียนที่อลังการมาก
 ฮอกวอตส์ ยินดีต้อนรับ มิสรีแอนนอน ไฮแลนด์”

จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั่วทั้งห้องโถง แสดงถึงการให้ความต้อนรับแก่รีแอนนอนเป็นอย่างดี
 เธอจับมือทักทายดัมเบิลดอร์ ด้วยรอยยิ้ม

“และขอบใจสำหรับ ดอกไม้ไฟที่ตระการตา จากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์” ดัมเบิลดอร์ยิ้มด้วยดวงตาที่เป็นประกาย และหลิ่วตาไปทางเฟร็ดกับจอร์จ ก่อนจะประกาศให้นักเรียนทุกคนทราบ

“มิสไฮแลนด์ จะมาอยู่กับเราในฐานะแขก โดยไม่มีกำหนดกลับ และเธอก็ยืนยันที่จะลองการคัดสรรเข้าบ้านด้วย ศาสตราจายมักกอนนากัล..” เขาพยักหน้าส่งสัญญาณ ให้มักกอนนากัล ที่ถือหมวกคัดสรรตามมา ขณะที่
มีเสียงพึมพำดังขึ้นทั่วทุกพื้นที่ และเงียบลงในทันใดเมื่อมักกอนนากัลวางหมวกใบเก่าคร่ำครึลงบนศีรษะของรีแอนนอน..ทุกคนต่างลุ้นและรอคอย..และในที่สุด..

“กริฟฟินดอร์ และ สลิธีริน!!” เสียงหมวกคัดสรรดังก้องทั่วห้อง ยังความแปลกใจให้ทุกคนเป็นอย่างมาก
“เยี่ยมมาก” เสียงของดัมเบิลดอร์ดังขึ้นอีกหน พร้อมกับเสียงปรบมือที่มีเฉพาะเขา เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย โดยไม่แถลงข้อสงสัยให้คนอื่นๆรู้แต่อย่างไร “เอาล่ะฉันคงต้องฝากพรีเฟ็คให้ดูแลเธอด้วยนะ
และมิสเตอร์มัลฟอย หลังงานเลี้ยงเลิกฉันขอให้เธอไปพบมาดามพรอมฟรีย์ที่ห้องพยาบาลด้วย
 สุขสันต์วันคริสต์มาสทุกคน”

สิ้นสุดเสียงของดัมเบิลดอร์ เสียงดนตรีก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับบรรยากาศเดิมๆในงานเลี้ยง
แต่ทุกคนต่างได้ข้อถกเถียงหัวข้อใหม่กันทั้งนั้น

“ไง เธอสองคน” รีแอนนอนที่เดินมาหาพวกเขาทักขึ้น “ชอบของขวัญของเรามั้ย เดรโก”
“แน่นอน มันวิเศษที่สุด ขอบใจพวกเธอมาก” เขากล่าวด้วยความปลาบปลื้ม สายตากระทบต่างหูที่ทำจาก อเวนทูลีน และ ควอสซ์สีน้ำนมที่นำมาร้อยเรียงกัน ไว้อย่างสวยงามของรีแอนนอน แล้วหันกับมาที่เฮอร์ไมโอนี่มองดูเธอนิ่งนานยิ่งนัก  “โดยเฉพาะเธอ เกรนเจอร์”

เด็กสาวยิ้มรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส พลางขยับสร้อยคอเส้นบางที่มีเทอร์ควอยส์เป็นเครื่องประดับมันสะท้อนกับแสงจนเกิดประกายสีฟ้าระยิบระยับ เพิ่มความเด่นชัดให้กับล็อกเกต ที่เธอเปลี่ยนสี มันเป็นสีออกเงินๆคละด้วยสีฟ้าด้วยเวทมนต์ และเข้ากับชุดราตรีจับระบายที่เธอใส่อยู่เป็นอย่างยิ่ง ผมสีน้ำตาลที่แต่ก่อนหยิกฟู กลับกลายเป็นหยักโสกน้อยๆ เพิ่มความน่ารักให้กับเธอเป็นอย่างมาก เธอปัดปอยผมที่ละลงมาบดบังสายตาออก แล้วกล่าวตอบ “ด้วยความยินดี”

“ฉันไม่คิดเลย ว่าจะได้เจอพวกเธออีก รีแอนนอน” เขาพูดแล้วส่ายหน้าน้อย

“อันที่จริงเราก็ไม่คิดว่าจะมาเยี่ยมพวกเธอเร็วขนาดนี้ แต่พอได้รับจดหมายจากเฮอร์ไมโอนี่
 เราก็เลยรีบมาทันที” รีแอนนอนอธิบาย “แต่ก่อนอื่นเราขอเดินดูรอบนี่สักหน่อย หิวจังเลย ขอตัวนะ”

“เราไปหาที่นั่งดีกว่า มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นแล้วดึงมือเขาไป
“อะไร ไหนเธอบอกว่าอยากเต้นรำไง”

“อ้อ อันที่จริง ฉันก็แค่ต้องการให้นายไปอยู่ในที่ ที่จะเห็นดอกไม้ไฟของเฟร็ดกับจอร์จชัดๆน่ะ
 แล้วอีกอย่าง มันต้องใช้แสงนิดหน่อยในการโปรยผง ศิลาสีขาวที่ผสมกับโทปาซที่เอา
ไปแช่เหล้าองุ่นมาสามวัน แล้วแค่เพียงน้อยนิดใส่ตานาย” เธออธิบาย

“อันที่จริงเธอก็น่าจะบอกฉันตรงๆก็ได้นี่” เขา

“แล้วมันจะ เซอร์ไพรส์ นายมั้ยล่ะถ้าบอกตรงๆน่ะ” เธอเถียงกลับ “แล้วนายจะยืนคุยตรงนี้อีกนานมั้ย”
แต่เขากลับฉุดเธอไปในทางที่ตรงกันข้าม

“อะไรของนาย” แล้วด้วยความไม่คาดคิด เขาก็โค้งตัวแล้วยื่นมือให้เธอ
“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงสิครับ คุณเกรนเจอร์”

“จำเป็นด้วยหรอ” เฮอร์ไมโอนี่แทบจะทำตัวไม่ถูก
“นี่เธอ มารยาทการเต้นรำน่ะ ไม่ควรปฏิเสธผู้ที่มาขอเธอรู้มั้ย”

“อันนั้นฉันรู้น่า” เธอกล่าวแล้วมองเขาที่จ้องเธออย่างรอคอย “ก็ได้ๆ ด้วยความยินดีค่ะ”

เมื่อมือของทั้งสองสัมผัส มัลฟอยก็โน้มริมฝีปากมาจุมพิตมือของเธอ
 ความร้อนทั่วร่างกายมารวมกันอยู่บริเวณใบหน้า พร้อมกับเลือดฝาดเริ่มผุดขึ้น
 เธอรีบทำสีหน้าให้เรียบเฉย เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองเธออีกครั้งก่อนพาเธอไปที่ฟลอร์เต้นรำ
 โดยที่เธอไม่ยอมปล่อยให้คำพูดใดๆหลุดอกมาจากปากของเธอเลย
และสายตาของเธอมักจะเฉมองไปทางอื่นอยู่เรื่อย เนื่องจาก..

“เป็นใบ้แล้วรึไงฮะ เธอ” เขาพูดขึ้น
“เปล่านี่” ขณะมองไปทางเนวิลล์ ที่เต้นรำอยู่กับลูน่า

“แล้วเป็นอะไรล่ะ ดูสิคิ้วขมวดจนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว” เขาหัวเราะในลำคอน้อยๆ
“นายอย่าให้ฉันพูดดีกว่า” สายตาเลื่อนไปทางดัมเบิลดอร์ที่พูดคุยอยู่กับแฮร์รี่
ที่มีรีแอนนอนยืนสนทนาอยู่ข้างๆด้วย
“เหอะ เรื่องไม่เป็นเรื่องแหงเลย” เขาหยอกเธอ

“ฉันไม่น่าช่วยให้นายมองเห็นเลย คิดผิดจริงๆ”เธอบ่น แล้วเงียบไปพักหนึ่งก่อนตวัดสายตากลับมาที่เขา
“ทำไมล่ะ” คิ้วขมวดกันน้อยๆ

“ก็นายเล่นจ้องฉันอย่างละสายตาไม่ได้อย่างนี้ จะไม่ให้ฉันรู้สึกอึดอัดได้ยังไง”

“ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะเสียงดัง “แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อฉันเพิ่งจะมองเห็น
 และฉันอยากจะมองเธอนานๆให้คุ้มซักหน่อยไม่ได้รึไง”

สาวน้อยพ่นลมหายใจเสียงดังแล้วหลบสายตาอีกครั้ง “ก็ถึงบอกไงว่าอย่าให้ฉันพูดดีกว่า”
“ฉันมีอะไรอยากจะบอก” เขาลดเสียงลง
“อะไรล่ะ”

“ขอบใจ” เสียงของเขาช่างอบอุ่นยิ่งนักในเวลานี้ “สำหรับของขวัญวันคริสต์มาส ไม่อย่างนั้นฉันคง
ไม่มีโอกาสเห็นว่าคืนนี้เธอ..สวยแค่ไหน”

ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าใบหน้าของเธอจากที่แดงระเรื่อด้วยความเหนื่อยระหว่างเต้นรำกลับเข้มขึ้น
“แต่นายดูไม่ดีเท่าไหร่ว่ามั้ย” เธอฉีกยิ้ม “ฉันทำสุดความสามารถแล้วกับการเตรียมเสื้อผ้าให้นาย”

“นั่นเป็นอีกเรื่องที่ฉันต้องขอบใจ ที่เธอคอยดูแลฉันน่ะ”
“ยินดีเสมอ”

“ไง เฮอร์ไมโอนี่” เธอหันไปตามเสียงเรียก รอนนั่นเองเขากำลังเต้นรำอยู่กับผู้มาเยือน..รีแอนนอน
“รอน รีแอนนอน” เธอเอ่ยชื่อพวกเขาเบา แล้วยิ้มให้
“เปลี่ยนคู่กันหน่อยสิเฮอร์ไมโอนี่ ได้มั้ย” รีแอนนอนถาม

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เธอตอบ
“แต่ เฮ้ ..นี่มันยังไม่จบเพลงเลยนะ” มัลฟอยส่งเสียงคัดค้าน
“ลืมเรื่องมารยาทนั่นก่อนน่ามัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่หยอกเขา

“แต่ ฉันไม่..”
“เอาน่า ใช่ว่าคนอื่นจะดูแลนายได้ไม่ดีนี่” รอนกล่าว เขายังไม่รู้ว่าดวงตาของมัลฟอยหายเป็นปกติแล้ว
นาทีถัดมา

“ฉันล่ะแปลกใจจัง นายไปขอรีแอนนอนเต้นรำได้ยังไง” เธอถามรอน
“อ้อ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรียกให้ฉันไปดูแลเธอหน่อย” เขาตอบ “ฉันหมายถึงหน้าที่พรีเฟ็คน่ะ
 แล้วฉันก็ชวนเธอมาเต้นรำ”

“อ๊ะ นั่นแฮร์รี่นี่” เธอบอก เมื่อเห็นว่าแฮร์รี่ก็กำลังเต้นรำอยู่กับรีแอนนอนเช่นกัน

“เป็นไปได้ไง เมื่อกี้เธอยังเต้นรำกับมัลฟอยอยู่เลย” นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ แล้วคิดจะแกล้งเขาต่ออีกหน่อย

“เธอคงจะเปลี่ยนคู่เต้นกลางฟลอร์อีกละมั้ง” เธอหัวเราะน้อยๆ
 “นายจำไม่ได้หรือไงที่ฉันเล่าให้ฟังตอนที่ฉันกลับมาจากทัศนศึกษาที่เมืองฟ้าน่ะ”
“อ้อ แหงสิ ฉันหมายถึง ถึงจะจำได้แต่ก็ไม่หมดหรอก เฮอร์ไมโอนี่”

“เออ ช่างเถอะ” เธอส่ายหน้าน้อยๆ แล้วมองไปรอบๆขณะที่เพลงต่อไปเริ่มบรรเลง
 เธอมองเห็นมัลฟอยเดินฝ่าฝูงชนแล้วหายไปพร้อมกับรีแอนนอนที่เขาพาไปด้วย
 และทิ้งใครคนหนึ่งให้หัวเสียเป็นอย่างมาก..แพนซี่นั่นเอง เฮอร์ไมโอนี่นึกขำในใจ

สาวน้อยดื่มด่ำกับงานเลี้ยงและมิตรภาพที่มีอยู่รอบกายของเธอ ค่ำคืนแห่งความสุขก็ใกล้ที่จะจบลง
ด้วยบทเพลงสุดท้าย..



TBC