Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Part I เมืองบนฟ้า: Chap 6

หลังจากนั้น ทั้งสามมานั่งคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่นรวมหอกริฟฟินดอร์

“ยังไงเธอก็ต้องระวังตัว” แฮร์รี่พูด “เผื่อว่ามันจะมีแผนอะไร”

“ช่าย เรายังไว้ใจอะไรมันไม่ได้หรอก” รอนเสริม

“แน่อยู่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “แล้วถ้าเกิดเขาไม่ได้มีแผนอะไรล่ะ”

“ถ้าเธอกลับมาอย่างปลอดภัย ทุกอย่าง” แฮร์รี่พูด

“ก็แสดงว่าเขาสอบผ่าน ฉันหมายถึงข้อสอบของเราน่ะ” รอนพูดต่อ ราวกับเตี้ยมกันไว้
 และนั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ ที่พวกเขาเอาความปลอดภัยของเธอไปเทียบกับการสอบของมัลฟอย
 ซึ่งเป็นการทดสอบโดย รอนและแฮร์รี่ ดูเหมือนเพื่อนทั้งสองของเธอจะเป็นห่วงเธอเหลือเกิน

“โอเค” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ 

“อ้อ เฮอร์ไมโอนี่ อย่าลืมของฝากนะ” รอนบอก

“นายนี่จริงๆเลยนะ”

. . . . . . . . . .  . . 

เมื่อแสงตะวันลับขอบฟ้า ดูเหมือนเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างที่ทำให้นักเรียนจำนวนไม่น้อยมายืนรวมกันอยู่ที่หน้าปราสาท

“นี่คืออาหารเช้าของพวกเธอ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดขึ้นเมื่อฟรีเฟ็คที่ได้รับเลือกมาพร้อมกันที่หน้าปราสาท เธอยื่นจานสีทองให้นักเรียนใบละคู่ “เอาล่ะ เดินทางโดยสวัสดิภาพ โชคดีทุกคน”

เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยขึ้นไปบนรถม้าขนาดกระทัดรัด ในขณะที่ ฮันนาห์ อับบอตต์และ แอนโทนี่ โกลด์สตีน ก็ตรงไปที่เรือขนาดย่อมซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ในทะเลสาบ เพื่อนนักเรียนต่างก็มาส่งพวกเขา และอวยพรให้โชคดี

ขณะที่รถม้าของเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย ออกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เฮอร์ไมโอนี่สำรวจภาพในรถม้าโดยรอบ 
และไม่ได้สนใจมัลฟอย รอบตัวของเธอมีเตียงสองเตียงตั้งอยู่คนละฝั่ง
 มีโต๊ะตั้งขั้นระหว่างหัวเตียง มีห้องน้ำอยู่ท้ายของรถม้า เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงที่เตียงตรงข้ามมัลฟอย
ที่กำลังพินิจจานสีทองที่ได้รับมา เธอหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน และรู้สึกถึงสายตาของเขาที่มองมายังเธอ 
จนกระทั่งเขาเริ่มทำลายความเงียบ

“นี่เธอ จะนั่งอ่านอีกนานมั๊ย”

“คงอีกสักบท นายมีปัญหาอะไรมิทราบ” 

“ฉันแค่อยากจะรู้ว่า เลือดสีโคลน ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง จะกินอาหารได้ยังไงจากจานใบนี้”

“ก็พูดอะไรสักอย่างใส่มันสิ อย่างเช่น..บัตเตอร์เบียร์ สองขวด” เฮอร์ไมโอนี่พูด “แค่นี้นาย ทายาทของ
เหล่าเลือดบริสุทธิ์ พ่อมดผู้มีมนต์วิเศษ ไม่รู้วิธีหรอกหรือ”

“ไม่งั้น ฉันคงไม่ถามหรอกน่ายัยบ๊อง” มัลฟอยพูดแล้วหันไปพูดกับจานสีทองที่วางอยู่บนโต๊ะ 

“บัตเตอร์เบียร์สองขวด” แล้วบัตเตอร์เบียร์สองขวดก็ปรากฏอยู่บนจาน

“ดีจริงที่มีจานนี่” มัลฟอยพูดขึ้นหลังจากดื่มบัตเตอร์เบียร์เข้าไปแล้ว

“ช่าย นายจะได้ไม่ต้องปลุกฉันขึ้นมาตอนดึกๆ”

“ก็ไม่แน่ ฉันอาจจะปลุกเธอขึ้นมาทำอย่างอื่นก็ได้”

“ทำอะไร”

“จำเป็นด้วยหรอที่ฉันต้องบอกเธอ”

“ก็ไม่เท่าไหร่ แต่กรุณาอย่าปลุกฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วหยิบแว่นตาสีดำขึ้นมาใส่
 แฮร์รี่กับรอนหุ้นกันซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด มันสามารถมองเห็นในที่มืดได้ เฮอร์ไมโอนี่ล้มตัวลงนอน 

“ฉันจะนอนแล้ว ดับไฟซะด้วย”

มัลฟอยโบกไม้กายสิทธ์ เพื่อดับไฟ แล้วล้มตัวลงนอน 

เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบๆ เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยก่อนจะถอดแว่นหลับตาลง


œ . . . . . . . . . .


ยามความเงียบสงัดของราตรี รถม้ากำลังบินสูงขึ้น มุ่งหน้าไปเมืองบนฟ้าที่เลื่องชื่อ
 หญิงสาวพลิกตัวอย่างสบายบนที่นอน แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงตะกุกตะกักรอบๆ
 แต่เมื่อเธอมองไปรอบๆด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นอะไรผิดสังเกต เธอกำลังจะลุกยืดเส้นยืดสาย
 แต่ยังไม่ทันจะก้าวขา เธอรู้สึกว่ามีอะไร พุ่งชนเธอเต็มแรง อะไรที่ว่านั้น ทั้งขนาดใหญ่ทั้งหนัก
 นอนทับเธออยู่ เธอพยายามจะควานหาไม้กายสิทธ์ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เท่าที่พอจะคว้าได้ คือแว่นตาสีดำ
 เธอหยิบมันมาใส่ และเธอก็เห็นสิ่งที่ทำให้เธอตกใจ 

“เฮ้ย มัลฟอยนี่นายทำบ้าอะไรของนาย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ แต่มัลฟอยที่ทับเธออยู่ไม่ตอบหาก
แต่ไถลตามตัวเธอไปร้องครวญครางอยู่กับพื้น มือกุมคางเอาไว้ เฮอร์ไมโอนี่คว้าไม้

กายสิทธ์เสกคาถาจุดไฟ และเธอก็เห็นบริเวณคางที่มัลฟอยกุมเอาไว้อยู่มีเลือดไหล

“เกิดอะไรขึ้น นายเป็นอะไรมากมั๊ย” เธอถาม 

“ไม่ ฉันไม่เป็นไร ขอบใจ อูยย” มัลฟอยตอบ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ฉุดเขาไปนั่งที่เตียงของเธอ 
หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดทำความสะอาดแผลให้เขา

“โอ๊ย เบาๆสิ เธอนี่”

“โทษที ว่าแต่นายไปทำท่าไหนล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยน้ำเสียงขำๆ

“ฉันแค่กลับออกมาจากห้องน้ำแล้วสะดุดอะไรเข้าไม่รู้ เลยล้ม”

“ฮ่า ไม่น่าเชื่อว่านายก็ซุ่มซ่ามเป็นเหมือนกัน”

“โธ่ เงียบเถอะน่า” มัลฟอยพูดแล้วมองตาเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง ทำให้เธอรู้สึกหวั่นๆ

“หน้าฉันมีอะไรผิดปกติรึไง จ้องอยู่ได้”

“ก็ไม่มีอะไรนี่” แต่เขาก็ยังจ้องเธออยู่ “แค่ว่าฉันเพิ่งจะสังเกต”

“ดี เช็ดต่อเองละกัน” เฮอร์ไมโอนี่ยื่นผ้าเช็ดหน้าเขาซึ่งเขาก็รับไว้ “แล้วเชิญกับไปที่เตียงนายด้วย”

“ไม่ล่ะฉันง่วงขี้เกียจเดิน ขอนอนตรงนี้ละกัน” มัลฟอยว่าแล้วล้มตัวนอน “เธอจะนอนกับฉันก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไร”

“ฝันไปเถอะย่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วเดินไปที่เตียงที่ยังว่างอยู่ แต่ก็พบว่ามันเลอะช็อกโกแลต

และเปียกไปด้วยบัตเตอร์เบียร์

“นี่นายกินยังไงของนายน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่บ่น แล้วโบกไม้กายสิทธ์ไปยังที่นอน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

“ฉันลองดูแล้วไม่ได้ผลหรอก แล้วอีกอย่าง มักกอนนากัลบอกว่า รถม้าจะทำความสะอาดของมันเอง
 เมื่อไม่มีใครอยู่ข้างใน ไงง่วงรึยัง”

“นายนี่ ขี้โกงชัดๆ ถึงยังไงฉันไม่นอนกับนายแน่”

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า ทีตอนปิดเทอมเธอยังไม่บ่นซักคำ แต่ก็เอาเถอะ เธอจะยืนหลับก็เรื่องของเธอ” 

“..ก็ได้ๆ เขยิบไป ถอยไปอีกสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความรำคาญ มัลฟอยพูดถูก
 เธอคงจะยืนหลับไม่ได้แน่ เฮอร์ไมโอนี่ล้มตัวลงข้างๆเขา “ฝันดี”

“อืม” แล้วมัลฟอยก็หลับไป เหลือเพียงเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังหวาดระแวงนิดๆก่อนจะหลับไป

. . . . . . . . . 


รอบตัวเฮอร์ไมโอนี่สัมผัสถึงความหนาวเย็นของอากาศยามค่ำคืน แต่เธอก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆบริเวณใบหน้า 
เธอลืมตาตื่น แล้วหยิบผ้าห่มที่มัลฟอยถีบออกไปกองบนพื้นขึ้นมา

“นายนี่ นี่แย่จริง” เฮอร์ไมโอนี่คิด แล้วมองไปที่มัลฟอยที่กำลังนอนขดตัวหาความอบอุ่นจากร่างกาย 
“รู้ว่าหนาวแล้วยังจะเอาผ้าห่มออกอีก”

เฮอร์ไมโอนี่ห่มผ้าให้เขาและตัวเธอแล้วนอนหลับไปอีกครั้ง และตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องไปทั่ว  เธอรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาที่เธออย่างพิจารณา และความอบอุ่นในอ้อมกอดเขา


“อรุณสวัสดิ์ อันที่จริงนี่ก็เกือบเที่ยงแล้วนะเนี่ย” มัลฟอยทัก เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้น แต่เขายังกอดเธออยู่

“สวัสดี คนโกหก” เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วลุกขึ้นนั่ง 

“โกหกอะไร ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”

“ก็นายบอกว่าจะไม่ทำอะไรฉันไง”

“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเธอซักหน่อย”

“ถ้าไม่ได้ทำอะไร ก็ปล่อยฉันเซ่” เฮอร์ไมโอนี่ด้วยอารมณ์ดุเดือด แล้วสะบัดมือเขาออก 
เขายังกำผ้าเช็ดหน้าของเธอไว้ เธอทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

อาหารเช้าพร้อมเสิร์ฟเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ก้าวออกมาจากห้องน้ำ แล้วนั่งลงข้างมัลฟอย

“ไงฝีมือฉัน” มัลฟอยพูดขึ้นทำลายความเงียบชี้ไปที่อาหารเช้าบนโต๊ะ เมื่อเห็นท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่ที่
กำลังตักอาหารเข้าปาก

“ฝีมืออะไรของนาย ความคิดมากกว่า ให้ตายสิ ถ้าไม่มีจานนี่ นายคงไม่มีปัญญาทำหรอกน่า”

“เฮอะ นี่ฉันชวนเธอคุยนะ ไม่ได้ชวนทะเลาะ อย่ามาทำให้ฉันอารมณ์เสียน่า” มัลฟอยเริ่มมีอาการเคืองๆ
และเริ่มคิดที่จะแกล้งเธอเล่นๆ เขาก็ผลักเฮอร์ไมโอนี่นอนราบกับเตียงแล้วก้มหน้าลงมาเรื่อยๆ 
เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งมีอาหารเต็มปากรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจึงพ่นอาหารในปากเข้าเต็มหน้าเขา แล้วดันเขาออกไป

“อะไรของเธอน่ะเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดแล้วปัดอาหารออกจากใบหน้าซีด ซึ่งบัดนี้ แดงด้วยความโกรธเคือง

“แล้วนายคิดจะทำอะไรของนายล่ะ เสียรสชาติหมด นายนี่แย่จริงๆ” 

“เสียรสชาติ ใช่สิ ฉันกำลังให้เธอได้ลิ้มรส แต่เธอกลับปฏิเสธ แย่มากเกรนเจอร์”

นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่เขวี้ยงหมอนใส่หน้ามัลฟอย “ฉันพูดถึงอาหาร ตาบ้านี่” เฮอร์ไมโอนี่พูด 

สีหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ พอกับมัลฟอย

. . . . . . . . . .

รถม้าลอยต่ำลง ทัศนียภาพรอบข้าง มีแต่เมฆและหมอก ไม่นาน รถม้าก็จอดลงหน้าปราสาทขนาดใหญ่
 ซึ่งตั้งอยู่เหนือเมฆ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับบนพื้นดินเลย รอบๆยังมีต้นไม้เขียวขจี 
ภูเขาสูงตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลังป่าทึบ ตรงข้ามกับหน้าปราสาทสีขาวขนาดใหญ่

เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยก้าวลงมาจากรถม้าและทักทายเจ้าบ้านที่มาต้อนรับพวกเขาอย่างเป็นมิตร 
ซึ่งบางคนก็จะมีปีกสีใสๆอยู่บริเวณกระดูกสะบัก ทั้งสองเดินตามผู้นำทางเข้าไปยังปราสาท 
ภายในตกแต่งอย่างสวยงามราวกับอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน ทุกอย่างล้วนเป็นสีขาว 
แม้แต่เครื่องแต่งกายของผู้อาศัยก็เป็นสีขาวทั้งสิ้น ทั้งสองมาหยุดอยู่ที่ห้องห้องหนึ่ง
 ห้องขนาดใหญ่ มีเก้าอี้ชุดรับแขกทำด้วยผ้าอย่างดี ลึกเข้าไปเป็นห้องนอน 
สองเตียงใหญ่ๆ ตั้งห่างกันไม่ไกลนัก มีผ้าม่านบางๆ กั้นกลางระหว่างเตียงทั้งสอง
 ถัดออกไปเป็นระเบียงมีเก้าอี้สำหรับพักผ่อน 

“นี่คือห้องของพวกคุณ เชิญพักผ่อนตามสบายครับ แล้วเวลาอาหารเย็นจะมาตามครับ” 
ผู้นำทางกล่าวแล้วจากไป ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องสำรวจไปทั่ว จนกระทั่งนั่งลงบนโซฟา 

“ให้ตายสินี่ฉันต้องเจอหน้านายตั้งหนึ่งอาทิตย์ แล้วทำไมฉันต้องมาอยู่ห้องเดียวกับนายด้วยนะ”

“นี่เธอ บ่นมากไปหน่อยรึป่าว ฉันก็ไม่ได้อยากจะเห็นหน้าเธอทุกเวลาหรอกนะ ยัยเลือกสีโคลนขี้บ่น”

ว่าแล้วมัลฟอยก็ล้มตัวลงนอน เฮอร์ไมโอนี่แอบแลบลิ้นใส่ แต่พอมัลฟอยหันมามองเธอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
 แล้วลุกเดินไปทั่วห้อง

. . . . . . . . . .


เมื่อถึงเวลาอาหาร ทั้งสองมาถึงห้องโถง ห้องอาหารขนาดใหญ่ ผู้อาศัยอยู่ภายใต้หลังคาปราสาทนี้ต่างก็ให้การต้อนรับอย่างดี

“ยินดีต้อนรับสู่ เมืองบนฟ้า ฉัน ซันสตาร์ ไฮแลนด์ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายชราหน้าตาใจดี
 แต่หากมีอารมณ์โกรธเมื่อใดก็สามารถทำให้ผู้คนกลัวได้เช่นกัน เขาตัวสูงใหญ่ 
ไว้เครายาวเหมือนดัมเบิลดอร์ เขาทักทายเด็กหญิงชายทั้งสองด้วยความเป็นมิตร 

“เอาล่ะ อาหารเย็นทานให้อร่อย”

เมื่ออาหารบนโต๊ะลดลงจนไม่เหลืออะไร ซันสตาร์ ไฮแลนด์ก็ลุกขึ้น ชี้แจงแก่มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่

“ฉันอยากให้เธอสองคนใส่เสื้อผ้าสีขาว เพื่อให้ดูกลมกลืน ซึ่งฉันได้เตรียมไว้ให้แล้ว
 เธอจะหาพบได้ในตู้เสื้อผ้าที่ห้องของเธอ และพรุ่งนี้เช้า เราจะพา เธอทั้งสองเที่ยวชมรอบๆปราสาทแห่งนี้ 

สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์”

. . . . . . . . .

เช้าวันรุ่งขึ้นเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว 
พวกเขาพบชุดสีขาวขนาดพอดีตัวในตู้เสื้อผ้า และตอนนี้ซันสตาร์ เรียกให้ทั้งสองเข้าไปหาใกล้ๆ
 ทาผงละอองที่กระดูกสะบักของทั้งสอง ทันใด พวกเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรใสๆบางๆ
งอกออกมาจากบริเวณนั้น ปีกนั่นเอง ปีกขนนกทั้งใส..บาง..แต่แข็งแรง 

“เอาล่ะถ้าอยากบิน ก็แค่คิดเท่านั้นแล้วเธอจะบินได้ แค่ความคิด และแน่นอนถ้าเธอรำคาญมันตอนเวลานอน ก็แค่คิดแล้วปีกจะหายไป แค่ความคิดเท่านั้น”

“สวัสดีค่ะคุณปู่” เสียงร้องขึ้นอย่างสดใส

“อ้า รีอา หลานรัก มาพอดี” ซันสตาร์ทักทาย แล้วหันมากล่าวกับ เฮอร์ไมโอนี่ และมัลฟอยว่า 
“ขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือ รีอา รีแอนนอน ไฮแลนด์”

ซันสตาร์โอบไหล่หลานสาวของตนที่ยิ้มให้อย่างร่าเริง 
“และนี่ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์และ เดรโก มัลฟอย นักเรียนจาก ฮอกวอตส์”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” รีอา รีแอนนอน ไฮแลนด์ กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เรียกฉันว่า รีแอนนอน จะดีกว่า”

. . . . . . . .

พวกเขาใช้เวลาครึ่งวันในการเดินเที่ยวรอบๆปราสาทโดยมี รีแอนนอนคอยนำทาง ท่องเที่ยวไปกับพวกเขา 

ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะเข้ากับรีแอนนอนได้อย่างดี ผิดกับมัลฟอยที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา
 นอกเสียจากจะหาเรื่องชวนทะเลาะกับเฮอร์ไมโอนี่ โดยมีรีแอนนอน ยิ้มกริ่มขณะฟังทั้งสองเถียงกัน 
ในช่วงเย็นๆก็เข้าไปในเมืองเดินดูของที่น่าสนใจและซื้อกลับไปเป็นของฝากให้กับเพื่อนๆ

สองวันผ่านมาทั้งสองได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมหลายอย่าง เวลาว่างส่วนใหญ่ เฮอร์ไมโอนี่ก็จะแวะเวียนไปห้องสมุด บ่อยๆจนมัลฟอยแขวะเข้าให้ แต่หนังสือบางเล่มก็หาอ่านไม่ได้ในฮอกวอตส์หรอก 
เธอจึงเข้ามาบ่อยกว่าที่ควร จนเป็นที่สังเกตของ ซันสตาร์



"สวัสดี มิสเกรนเจอร์” ซันสตาร์ทักระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่ กำลังอ่านหนังสือว่าด้วยเรื่อง
 ‘สมุนไพร ต่างสรรพคุณ’ อยู่ 

“สวัสดีค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

“ฉันเห็นว่าเธอชอบอ่านหนังสือมากสินะ”

“ก็ไม่มากหรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างถ่อมตัว

“แต่ก็อ่านมาหมดทั้งห้องสมุดที่ฮอกวอตส์ล่ะครับ”เสียงของมัลฟอยแทรกขึ้น เขาเพิ่งจะไปบินเล่นมา
ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เก็บตัวอยู่ในห้องสมุดนี้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เห็นว่าคงจะเป็นอย่างนั้นแหละนะ” ซันสตาร์หัวเราะ “งั้นเจ้านี่คงจะเหมาะกับเธอนะ มิสเกรนเจอร์”

เขาหยิบหนังสือให้เฮอร์ไมโอนี่ที่ส่งสายตาไม่พอใจไปที่มัลฟอยแล้วหันมายิ้มแหยๆให้เขา
 เฮอร์ไมโอนี่ รับมาดู ไม่มีชื่อหนังสือ เธอเปิดดู ซึ่งพบแต่หน้ากระดาษเปล่าๆ เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะถาม

“เธอแค่พูด เรื่องที่เธออยากรู้ที่รูปหนังสือเล็กๆตรงมุมปกหนังสือนั่นน่ะแหละ”
 ซันสตาร์ชี้ไปที่มุมด้านบนซ้ายของหนังสือ 

“ฉันให้เธอ คิดว่าคงจะมีประโยชน์ในวันข้างหน้านี้ แล้ว รีอาไปไหนซะล่ะ” เขาหมายถึงรีแอนนอนน่ะ

“อ้อ เห็นเดินหาหนังสืออยู่แถวๆนี้แหละค่ะ” เฮอรืไมโอนี่ตอบ

“งั้นต้องขอตัวก่อนล่ะ มีเรื่องสำคัญต้องจัดการซักหน่อย สวัสดีเด็กๆ”
 ซันสตาร์กล่าวแล้วเดินหาหลานสาวของตน สักพักเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็น ซันสตาร์และรีแอนนอน
เดินออกจากห้องสมุดไป

TBC

No comments:

Post a Comment