Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Monday, July 20, 2015

Love Concerto III: A Piece of Red Apple

ในกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป สิ่งบางสิ่งที่เคยคงอยู่ก็อาจจางหายหรืออาจยังคงติดแน่นอยู่ดังเดิม
ในความไม่แน่นอนของสรรพสิ่ง ‘อนาคต’ จึงเป็นสิ่งที่เฝ้ารอ
แต่กับบางสิ่งที่ผ่านไปแล้วก็เหลือไว้เป็นเพียง...‘ความทรงจำ’

* *
กล่องความทรงจำเล็กๆถูกเปิดออก...
“...ฉันรักเธอ...เฮอร์ไมโอนี่....”
- - - ถ้อยคำยังคงติดตรึงฝังแน่นอยู่ในหัวใจ - - -
“...ฉันรู้ว่ามันเห็นแก่ตัว...แต่ฉัน...”

Chapter 1: Once Upon A Time 

- - ณ โรงเรียนเวทมนต์คาถาฮอกวอตส์ที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน - -
เรื่องราวต่างๆมากมายเริ่มต้นขึ้นที่นี่แล้วกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งในวันข้างหน้า
รวมถึงเรื่องราวของเขา - - เด็กหนุ่มปีหก บ้านสลิธีริน - -

กลางเดือนตุลาคม อากาศเริ่มปรับตัวเย็นลงเรื่อยๆ
วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดเหมาะแก่การขดตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ
แม้เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วอยู่ริมหน้าต่างก็ไม่อาจขวางการนอนได้ ไม่ว่าเสียงอะ..ไร
“มาลลลลล...ฟอยยย....”
เสียงสูงแหลมปรี๊ดดังขึ้นข้างหูทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อลืมตาตื่นอย่างไม่เต็มใจนัก

“พาร์กินสัน” เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้น ใช้มือข้างหนึ่งเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นไป
“เธอไม่ควรขึ้นมาบนนี้นะ” เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งดันหน้าของแพนซี่ที่เริ่มเข้ามาใกล้ทุกทีให้ออกห่าง
“ก็วันนี้เธอตื่นสายนี่นา...อากาศดีจัง..ไปเดินเล่นกันเถอะนะ” เด็กสาวพูดเสียงใส
พร้อมกับหน้าตาเว้าวอนตามแบบที่ได้เตรียมมา
“ไม่เอา” เขาพูดเบื่อๆ
“โธ่...เถอะนะ..นะ”
“มัลฟอย..คือ...พวกฉันหิวแล้วล่ะ” เสียงแครบลูกน้องคนหนึ่งของเขาดังขึ้น
“พวกแกก็ไปกินกันสิ” มัลฟอยพูดอย่างหงุดหงิด เขาชักรำคาญพวกก่อกวนพวกนี้เต็มที
“...อ้อ...พาพาร์กินสันไปกินมื้อเช้าพร้อมพวกแกด้วยนะ” แพนซี่หันขวับมามองเขา

มัลฟอยไม่สนใจทิ้งตัวลงนอนบนเตียงในท่าสบายๆ ลูกน้องร่างยักษ์ทั้งสองปฏิบัติตามแต่โดยดี
ทั้งสองลุกขึ้นลากแขนแพนซี่ไปคนละข้าง เด็กสาวผู้โชคร้ายร้องแผดเสียงแหลมไปตลอดทาง
เด็กหนุ่มถอนใจหน่ายๆพลางพลิกตัวแล้วรู้สึกถึงบางอย่างเย็นๆสัมผัสที่แขน

เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วยิ้มออกมานิดๆ - - ขวดแก้วใสขวดเล็กๆที่บรรจุหิมะสีชมพูเอาไว้ - -
ครั้งหนึ่งเขาทำมันไว้เป็นคู่ ขวดหนึ่งอยู่ที่เขาแล้วอีกขวดหนึ่งอยู่ที่เธอ - - เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์

- - เด็กสาวผู้รอบรู้ บ้านกริฟฟินดอร์

ขวดแก้วทั้งสองขวดบรรจุความทรงจำที่ผ่านมาเมื่อสองปีก่อนของเขาและเธอเอาไว้
ตอนนั้นทั้งคู่ได้ช่วยเหลือความรักของนาฬิกาคู่หนึ่ง
ถึงแม้จะไม่สำเร็จแต่ก็มีบางสิ่งก่อตัวขึ้นมากไปกว่าความรู้สึกผิดหวังเสียใจ - -
ก่อนหน้านั้นเขาเองไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของความคิดคำนึง
“ยัยนั่นจะทำอะไรอยู่นะ” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง

* * *

“ฮัด....ชิ้ว”
“เธอไม่สบายหรอ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถาม
“นิดหน่อยน่ะ” เด็กสาวตอบเสียงอู้อี้พลางล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมหาผ้าเช็ดหน้า

“ไม่นิดมั๊ง..เธอดูหน้าแดงๆนะ” รอนพูดพลางยกมือข้างหนึ่งแตะที่หน้าผากของเธอ
“ตัวร้อน! ไปห้องพยาบาลเถอะ!”
“ไม่เอา! ฉันไม่เป็นไรซะหน่อย”

“วันนี้ไม่มีเรียนนะ เธอไปนอนพักเถอะน่า” แฮร์รี่พูดขึ้นบ้าง
“แต่เรามีการบ้านที่ต้องทำเยอะแยะเลยนะ
แล้วมาดามพอมฟรีย์ก็ชอบให้นอนพักที่ห้องพยาบาลทุกที..ฉันไม่ไปหรอก”

“โธ่ ไม่เป็นอะไรมากซะหน่อย มาดามให้กินยาแล้วก็ให้กลับแล้ว” รอนยังไม่ยอมแพ้
“ไม่-เอา” เฮอร์ไมโอนี่มองรอนตาขวางทำให้เขาต้องเงียบไป
“อ๊ะ!! ฉันลืมกินยาก่อนอาหารล่ะ”
“อ่าว..เธอมียาแล้วหรอ” แฮร์รี่ถาม

“ยาของมักเกิ้ลน่ะ พ่อกับแม่ให้ฉันติดตัวมาด้วย ฉันเห็นว่าไม่เป็นอะไรมากก็เลยกินยานี่ก็ได้” เธอตอบ
“ยาของมักเกิ้ลเนี่ยนะ จะหายหรอ” รอนพูดทำหน้าแหยๆ
“รอน!!” เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่ ทำให้เขาต้องสงบปากสงบคำในที่สุด
“พวกเธอไปกันก่อนเถอะ แล้วเจอกันที่โต๊ะอาหารนะ” เธอพูดอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งกลับไป

* * *

เฮอร์ไมโอนี่ยืนหอบนิดๆอยู่ริมระเบียงทางเดิน
ความเหนื่อยจากการรีบร้อนและพิษไข้ทำให้เธอรู้สึกร้อนไปทั้งร่างกาย
อาการปวดศีรษะทวีความรุนแรงขึ้นราวกับหัวสมองจะระเบิด เด็กสาวรู้สึกมึนงงและเริ่มตาลาย

ภาพทางเดินบิดเบี้ยวไปมาไม่เป็นรูปร่าง เธอพยายามจะก้าวเดินต่อแต่ก็ไม่มีแรงเหลือพอที่จะทำเช่นนั้น
มือข้างหนึ่งเอื้อมไปพิงกำแพงประคองร่างที่ไหวเอน ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเธอจะดับวูบลง
ท่อนแขนแข็งแรงรับตัวเธอไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มลงกระแทกกับพื้นทางเดิน
แขนอีกข้างรวบตัวเธอขึ้นอย่างง่ายดายราวกับไร้น้ำหนัก
เจ้าของท่อนแขนกำยำกระชับร่างบางเข้าแนบอกก่อนจะอุ้มเธอเดินไป..

* * *

เฮอร์ไมโอนี่เดินอยู่ท่ามกลางถนนสายเล็กๆเส้นหนึ่ง
รอบกายเธอปกคลุมไปด้วยความมืดมิดจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้นอกจากบริเวณตาม
ทางถนนที่เธอเดินผ่านมา

เธอก้าวแต่ละก้าวด้วยความหวาดหวั่น เส้นทางที่เงียบเชียบค่อยๆปรากฏแสงไฟสลัวขึ้นทุกครั้งที่ก้าวเดิน
ความมืดทำให้ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจ
เด็กสาวก้าวทีละก้าว...เส้นทางด้านหน้าปรากฏเป็นทางแยกสองทาง

ทั้งสองเส้นทางไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของปลายทางได้เพราะแสงจะส่องสว่างเมื่อก้าวเดินเท่านั้น...ทางแ
ยกทั้งสองทำให้ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ..เด็กสาวยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งอย่างชั่งใจ
ก่อนจะตกลงใจก้าวไปยังเส้นทางสายหนึ่ง แสงสว่างค่อยๆปรากฏขึ้นนำพาไปสู่จุดหมายที่รออยู่ และทันใดนั้นเอง
ภาพต่างๆก็สั่นไหวและค่อยๆจางหาย...

* * *

“..นี่....เฮอร์ไมโอนี่...”
เด็กสาวค่อยๆลืมตาอย่างยากลำบาก
ภาพที่ปรากฏค่อนข้างพร่ามัวแต่ถึงยังไม่เห็นเธอก็จำเสียงของเขาได้ทันทีที่ได้ยิน
“รอน....”
“เธอเป็....” เขาตะโกนเสียงดังแล้วก็ต้องลดให้เบาลงเมื่อเห็นสายตาอันขุ่นเขียวของมาดามพอมฟรีย์
“..เธอเป็นยังไงบ้าง” เขาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“..ปวดหัว..”เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง สีหน้าเธออ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด
“นี่..ดื่มยาซะ” เขาพูดพลางส่งถ้วยยามาให้
เด็กสาวรับมันไว้ในมือพร้อมกับย่นจมูกนิดๆกับกลิ่นที่ฉุนเตะจมูก “แล้วแฮร์รี่ล่ะ”
“หมอนั่นไปกับโช”
“โช??”
“ช่าย..ยายนั่นมาขอคุยด้วยเมื่อกี๊นี้น่ะ พอจะจบก็รีบมาหาเพื่อนเราเลยแฮะ” รอนพูดพร้อมกับเบะปาก

“อย่าไปว่าเธอเลยน่า”
“ช่างยายนั่นเถอะ ดื่มยาได้แล้ว”

เออร์ไมโอนี่จ้องยาสีเขียวข้นคลั่กในมือ เธอย่นจมูกอีกครั้งก่อนจะกลั้นใจดื่มของเหลวขมๆจนหมด
ความร้อนวูบเกิดขึ้นทั่วทุกบริเวณที่ของเหลวไหลผ่านพลันเธอรู้สึกร้อนผ่าวทั่วทั้งร่างกาย
แล้วก็กลายเป็นความรู้สึกที่ดีขึ้น อาการปวดศีรษะก็ลดน้อยลงเช่นกัน

“ใครเป็นคนพาฉันมาน่ะ”
“อ่าว..ก็ฉันสิ”
“เธองั้นหรอ”
“ช่าย”
“อืมม...” เธอรับคำอย่างใช้ความคิดนิดๆ
“ทำไม”
“เปล่านี่” เธอตอบยิ้มๆพร้อมกับส่ายศีรษะเล็กน้อย
“นี่เธอคิดว่าฉันไม่มีแรงล่ะสิ รู้งี๊ปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นก็ดี”รอนบ่น

“โธ่...ล้อเล่นน่า..ขอบใจนะรอน” เด็กสาวยิ้มให้เขา ที่จริงเธอเองก็รู้ว่าเขาแข็งแรงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
เนื่องจากการฝึกซ้อมควิชดิชอย่างหนักในปีที่ผ่านมา

“ไม่เป็นไร เธอนอนพักได้แล้ว ตอนเย็นฉันกับแฮร์รี่จะมารับ”
“อื้อ..” เออร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงนอนอย่างว่าง่าย
ค่อยๆผ่อนคลายปลดปล่อยความคิดให้เป็นอิสระขณะจมสู่ห้วงนิทราอย่างช้าๆ

* * *

2ปีที่ผ่านมาเกิดเรื่องราวต่างๆขึ้นมากมาย เพื่อนรักทั้งสามต่างเติบโตขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ทั้งทางด้านความคิดและรูปร่างหน้าตา แฮร์รี่และรอนต่างก็สูงขึ้นมาก
หน้าตาก็ดูเป็นหนุ่มที่จัดได้ว่าหน้าตาดีทีเดียว

รวมทั้งฝีมือการเล่นควิชดิชที่เก่งกาจก็ทำให้ทั้งคู่เป็นจุดสนใจของนักเรียนหญิงหลายคน
แฮร์รี่กลายเป็นคนใจเย็นขึ้นมากหลังจากที่เขาต้องสูญเสียซีเรียส พ่อทูนหัวของเขาไป

ส่วนรอนบางครั้งก็เหมือนมีบางอย่างในใจทำให้เขาดูแปลกไปจากเดิม เฮอร์ไมโอนี่เองก็สวยขึ้นมากเช่นกัน
ถึงแม้เธอจะไม่ได้ดูแลตัวเองมากมายอย่างเด็กสาวคนอื่นแต่เธอก็มีความสวยใสน่ารักแบบธรรมชาติที่ควรเป็น
นอกจากเพื่อนรักทั้งสามแล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาจะทำอะไรอยู่นะ...

* *

“โอ๊ย!!”
สองยักษ์สมองกลวงผวาสุดตัว ใบหน้าซีดเผือดค่อยๆหันมาดูเจ้าของเสียงด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
“พวกแกเล่นบ้าอะไรกันวะ!!” เขาตวาด

“ขะ..ขอโทษ มัลฟอย” ลูกสมุนทั้งสองรีบหอบร่างเทอะทะมาดูเจ้านายทันที
“ไม่ต้องมายุ่ง!!” เขาปัดมืออ้วนอูมออกอย่างขัดใจ มองแขนที่ถลอกเป็นทางยาวด้วยความโมโห
ถึงลูกน้องร่างยักษ์ของเขาจะไม่ได้เรื่องแต่ก็ไม่เคยผิดพลาดขนาดมาทำให้เขาบาดเจ็บได้

“เดี๋ยว-ฉัน-จะ-กลับ-มา-จัด-การ-กับ-พวก-แก” เขากัดฟันพูด
พร้อมกับส่งสายตาเย็นเยียบที่ทำให้แครบกับกอยล์ถึงกับเสียวสันหลังวาบ แล้วสะบัดเสื้อคลุมเดินออกไปทันที
สองลูกน้องกลืนน้ำลายเอื้อกอย่างรับรู้ถึงชะตากรรม

* * *

“มาดามครับ”
มาดามพอมฟรีย์ละสายตาจากถ้วยยาในมือแล้วหันมามองเขา “มีอะไรมิสเตอร์มัลฟอย”
เขาชูแขนที่เป็นรอยถลอกให้ดู มีเลือดซึมอยู่เล็กน้อย

“นั่งรอที่เก้าอี้เลยจ้ะ” มาดามพูดพร้อมกับเดินไปหยิบยา
มัลฟอยเดินไปนั่งที่เก้าอี้พร้อมกับทอดสายตาไปรอบๆห้องอย่างเบื่อๆ
พลันสายตาก็ไปสะดุดกับเตียงเตียงหนึ่ง

“หืม??” เขาขมวดคิ้ว พยายามเพ่งมองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ยื่นแขนมาสิ” พูดจบมาดามพอมฟรีย์เข้ามายืนบังเตียงนั้นจนมิด
มัลฟอยยื่นแขนให้อย่างขัดใจนิดๆ

มาดามทายาสีม่วงเข้มลงบนแผลแล้วมันก็ซึมหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอยถลอกที่แขน
”เสร็จแล้ว”

“ขอบคุณครับ” เขาลุกขึ้นยืน สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เตียงเดิมที่มีเด็กสาวผมสีน้ำตาลฟูนอนอยู่
“ไม่เป็นไรจ้ะ..อ้อ..นั่นมิสเกรนเจอร์”
“เธอเป็นอะไรครับ”

“ไม่สบายน่ะ ไข้ขึ้นสูงจนเป็นลม ดีที่มิสเตอร์วีสลีย์อุ้มพามานี่..เธอเป็นแผลแค่นั้นใช่มั๊ยจ๊ะ”
“ครับ”
“งั้นฉันไปทำธุระข้างนอกสักพักนะ วานเธอช่วยดูมิสเกรนเจอร์ด้วยละกัน”
“ก็ได้ครับ”
“อ้อ..อย่าทำเธอตื่นล่ะ ถึงพวกเธอจะไม่ถูกกันแต่เธอคงไม่ใจร้ายขนาดแกล้งคนป่วยหรอกนะ โตๆกันแล้ว”
มาดามกำชับพร้อมกับเดินออกจากห้องพยาบาลไป

มัลฟอยเดินไปที่เตียงของเด็กสาวอย่างเงียบเชียบ
เขายืนมองภาพเธอหลับอย่างครุ่นคิดแล้วสัมผัสแก้มสีชมพูระเรื่ออย่างเบามือ
เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตาตื่น มัลฟอยรีบชักมือกลับทันที
 “หือ??” เธอลืมตามอง ดวงตาสีน้ำตาลสบกับดวงตาสีซีดเข้าพอดี
“มัลฟอย”

“อยู่ในอ้อมกอดไอ้หัวแดงเป็นไงบ้างล่ะ” เขาถามเสียงเย็น
“อะไรของนาย” เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก
“ก็ไอ้หัวแดงมันอุ้มเธอมานี่”
“อย่างเรียกรอนแบบนั้นนะ”

“ทำไมจะเรียกไม่ได้ ห่วงกันจริงนะ นี่ขนาดให้มันอุ้มแล้วเหรอเนี่ย”
“ฉันเป็นลม รอนเค้าก็ช่วยพามาเท่านั้นเอง”
“คงไม่ใช่จงใจหรอกนะ”

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก “นี่! ถ้าจะมาหาเรื่องก็กลับไปเลยนะ” เธอพูดพลางพลิกหันไปอีกด้านอย่างขัดใจ
“มาทำแผลหรอกนะ ไม่ได้มาหาเธอ ยายหัวฟู” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆแบบไม่ใส่ใจ
“เชอะ! เสร็จแล้วก็กลับไปซะทีสิ นายหัวเตารีดเรียบ”
“เฮอะ!”
....”

ทั้งคู่อยู่ในความเงียบชั่วครู่หนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ตกลงใจค่อยๆหันกลับมาอย่างช้าๆ..
“ว๊าย!!” หน้าของเธอชนกับฝ่ามือขาวซีดเข้าเต็มๆ
“อืม..ตัวไม่ร้อน หายแล้วสิ”
“อืม..” เธอตอบทั้งๆที่ในใจยังเคืองๆเขาอยู่เล็กน้อย
“ก็ดี” เขาทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงข้างๆอย่างสบายอารมณ์
“แล้ว...แผลนายเป็นไงบ้าง”
“หายแล้ว” เขาตอบพลางชูแขนให้ดู

“ซุ่มซ่าม”
“ไอ้บ้าสองตัวนั่นหรอกนะที่ซุ่มซ่าม” เขาลุกขึ้นมายืนข้างๆ พลางใช้มือขยี้ผมเธอเบาๆ
“โอ๊ยๆๆๆ”
“นี่”
“อะไร”
“ชักอยากจูบเธอขึ้นมาแล้วสิ”
“จะบ้าหรอ..ฉะ..ฉันไม่สบายอยู่นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า”
“ไม่เอา”
“เถอะน่า” เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ เด็กสาวรีบเอามือดันหน้าเขาออกทันที
“พักนี้เราไม่ได้คุยกันเลยนะ”
“..เอ่อ..”
“ฉัน..คิดถึงเธอนะ”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูจัด เธอค่อยๆเลื่อนมือไปวางบนไหล่ของเขาอย่างแผ่วเบา
มัลฟอยยิ้มนิดๆแล้วค่อยก้มลงประทับริมฝีปากแนบแน่นและเนิ่นนาน...

‘มันนานแค่ไหนแล้วที่ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นแบบนี้ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครได้รับรู้
หรือกระทั่งระหว่างเราก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นแบบไหน ถึงจะไม่มีคำว่า’รัก’
แต่ระหว่างเราก็มีความผูกพันมากไปกว่าการผูกมัดทางคำพูดใดๆ
จะเป็นอย่างไรหากยังต้องการคงความสัมพันธ์แบบนี้เอาไว้....’

* * *

“..นี่..เฮอร์ไมโอนี่..”
“..แฮร์รี่?...รอน??”
“ไปเถอะ..มาดามให้ไปได้แล้วล่ะ” แฮร์รี่พูด
“อืม..” เธอยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างงงๆอยู่สักพักหนึ่ง แล้วยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก
“ไปเถอะ” รอนพูดขึ้น
“อืม..” เด็กสาวรับคำ ..’ตกลงว่าเรื่องเมื่อกี๊เป็นแค่ความฝันรึเปล่านะ’

* * * อีกทางด้านหนึ่ง * * *

“..ฮัด..ชิ้ว..” มัลฟอยติดหวัดไปเรียบร้อยแล้วล่ะ


Chapter2: Pretended Poison 

* * * * ณ ห้องสมุด โรงเรียนเวทมนต์คาถาฮอกวอตส์ * * * *

“เฮอร์ไมโอนี่”
“อะไร –“- ” เด็กสาวเจ้าของชื่อหันใบหน้าอันยุ่งเหยิงคิ้วขมวดมาหาเพื่อนรักของเธอ แฮร์รี่ พอตเตอร์
“เธอจะนั่งคิ้วขมวดอย่างนั้นอีกนานมั๊ย” แฮร์รี่ถาม

สายตายังคงจ้องอยู่ระหว่างสองคิ้วที่ขมวดไว้จนแทบจะพันกัน
“ไม่-นาน” เธอตอบตาขวางแล้วหันกลับไปทางเดิม ที่เป็นต้นเหตุของอาการบ้าเลือดของเธอ
แพนซี่ พาร์กินสันกำลังนั่งออดอ้อนออเซาะมัลฟอยให้ช่วยสอนการบ้านที่เธอไม่เข้าใจ

ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจมันไปซะทุกข้อ - - - ‘โง่จริง!!’ เธอคิด
ดูเหมือนว่าปัญหานี้จะเกาะกวนใจเธอมาสักพักแล้ว

เฮอร์ไมโอนี่นั่งหงุดหงิดอารมณ์เสียแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมากไปกว่านี้ได้
มัลฟอยเองก็ดูเหมือนว่าจะรู้และจงใจแกล้งเธอ (ปกติมัลฟอยคงไม่ใจดีมานั่งสอนการบ้านยัยนั่น)

“เธอมองไปทางด้านมัลฟอยทำไมน่ะ” รอนถามขึ้น หลังจากที่นั่งมองเธอมาสักครู่แล้ว
“หมั่น...มันน่ารำคาญนี่นา เสียงยายพาร์กินสันดังแสบแก้วหู” เธอตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“อืม...ก็จริง” แฮร์รี่เห็นด้วย

“ก็ไม่เห็นต้องไปสนใจมองขนาดนั้นเลยนี่นา” รอนยังถามไม่เลิกพร้อมกับมองหน้าเธอ
เฮอร์ไมโอนี่นิ่งไป แล้วถอนหายใจออกมา “ใช่...ไม่ต้องสนใจ...” เธอพึมพำ สีหน้าเธอดูสงบกว่าเมื่อครู่
“ฉันว่า....ฉันออกไปทำข้างนอกดีกว่า แล้วค่อยเจอกันนะ”
เธอพูดแล้วรีบจัดแจงเก็บของลุกออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบ
“อ้าว..เดี๋ยวสิ” รอนเรียกไว้แต่ก็ไม่ทัน เด็กสาวเดินลิ่วไปไม่สนใจใคร
“พักนี้เฮอร์ไมโอนี่แปลกๆไปนะ” แฮร์รี่หันไปถามรอน
“ฉันก็ว่างั้น” รอนตอบรับอย่างใช้ความคิด

* * * * * *

เฮอร์ไมโอนี่เดินหอบหนังสือกองโตไปนั่งใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่ริมทะเลสาบ - -
สถานที่โปรดที่เธอมักมานั่งยามมีเรื่องไม่สบายใจ เด็กสาวถอนใจเป็นรอบที่แปดหลังจากเดินออกจากห้องสมุด

เธอไม่ชอบที่ตัวเองไม่มีสมาธิ ไม่มีเหตุผลแบบนี้ ทำไมเธอถึงต้องหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วยนะ!
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจออกมาอีกครั้งพร้อมกับทอดสายตาไปยังทะเลสาบอย่างใจลอย...

นกกระดาษสีขาวตัวหนึ่งลอยมาตกบนตักของเธออย่างแผ่วเบา เฮอร์ไมโอนี่หยิบมันขึ้นมาดู
บนปีกของนกกระดาษตัวนั้นมีข้อความเขียนไว้ว่า ‘โกรธใครอยู่หรอ’
นกกระดาษอีกตัวลอยตามมา เด็กสาวรับมันไว้แล้วยิ้มกับข้อความบนปีก ‘ยิ้มหน่อยน่า’

“นั่งยิ้มคนเดียว บ้ารึเปล่า เกรนเจอร์” เสียงยานคางที่คุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง
“มันเรื่องของฉัน” เธอตอบเสียงเย็น โดยไม่มองหน้าเขา
“นี่..ฉันถามดีๆนา”
“ดีบ้าน่ะสิ กวนประสาท” เธอพูด หันไปส่งสายตาขุ่นเคืองให้เขา

“เป็นอะไร...อ้อ...เธอคงไม่ได้หึงเรื่องเมื่อกี๊หรอกนะ หึหึ” มัลฟอยพูดแล้วยืนยิ้มอย่างพอใจ
“ใครหึง!!! อย่ามาหลงตัวเองนะ” เธอตอบหน้าเป็นสีแดงจัด
“อะไรกันเกรนเจอร์ ไม่ต้องอายหรอกน่า” เขายิ้มอย่างผู้ชนะ
เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้ามัลฟอยเขม็ง “ฉัน-ไม่-มี-วัน-หึง-คน-อย่าง-นาย!” เธอพูดแล้วสะบัดหน้าไปอีกทาง
“......” เขานิ่ง ใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่หายไปเหลือเพียงใบหน้าที่เฉยชา

“งั้นรึ” มัลฟอยพูดขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก เขาสะบัดผ้าคลุมเดินกลับเข้าปราสาทไปโดยไม่หันมามองเธออีก
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาเดินไปอย่างรู้สึกผิด เธอรู้ว่าเขาโกรธสิ่งที่เธอพูดไป

แต่เธอทำมากไปกว่านี้ไม่ได้...ไม่ได้จริงๆ
ฐานะที่ไม่ชัดเจนของเธอตอนนี้ทำให้เธอไม่กล้าที่จะทำอะไรหลายๆอย่าง...อย่างเช่นชกหน้ายายพาร์กินสันสักที
โทษฐานที่ชอบมาเกาะแกะเขา...เธอไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้น

เด็กสาวนั่งเหม่อมองไปที่ทะเลสาบ
บางครั้งความสุขกับความทุกข์ก็เกิดขึ้นพร้อมๆกันจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่อบอุ่นในหัวใจ
จะสุขก็สุขไม่สุด จะทุกข์ก็ทุกข์ไม่สุด เธอจะต้องอยู่ตรงกลางพร้อมกับความรู้สึกนี้ไปอีกนานแค่ไหน
เฮอร์ไมโอนี่นั่งกอดเข่าซุกหน้าลงกับแขนทั้งสองข้างด้วยความอัดอั้นตันใจ...

* * *

หลังจากวันนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับมัลฟอยอีก
และดูเหมือนว่าเขาเองก็จะทำเป็นไม่เห็นเธอทุกครั้งไป
ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่หยุดอยู่ที่ความไม่เข้าใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น...

* * วันหนึ่งในคาบวิชาปรุงยา * *

“วันนี้เราจะเรียนเรื่องน้ำยาเสแสร้ง” สเนปพูดแล้วจิกสายตาอันแหลมคมไปทางนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์
“เอาล่ะ!...ส่วนผสม...” สเนปพูดไปเรื่อยๆ เสียงลากปากกาขนนกดังแกรกกรากไม่ขาดสาย
“ผลของผู้ที่ดื่มน้ำยาตัวนี้...จะทำให้หมดการควบคุมตัวเอง
พฤติกรรมจะกลายเป็นผู้อื่นซึ่งโดยมากจะเป็นพฤติกรรมแฝงที่ตรงข้ามกับตัวตนที่เป็นอยู่...”
เสียงลากปากกายังดังต่อไปเรื่อยๆ

จากนั้นเมื่อทุกคนลงมือปรุงยาตามบทเรียนที่เรียนไป
ภายในคุกใต้ดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยเสียงเดือดปุดๆของน้ำยาในหม้อ
จะมีเสียงอื่นดังเล็ดลอดออกมาเมื่อมีคนผสมส่วนผสมผิดและตามด้วยเสียงหักคะ
แนนถ้าคนๆนั้นเป็นเด็กของกริฟฟินดอร์

“ไม่ใช่นะ เนวิลล์ เธอต้องใส่ปีกแมลงทับก่อนที่จะใส่หางจิ้งจกแดง” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบเสียงเบาบอกเนวิลล์
แต่ก็ยังไม่รอดพ้นหูจับผิดของสเนป เขาหันขวับมาอย่างรวดเร็ว

“หักกริฟฟินดอร์20คะแนน โทษฐานสู่รู้” เขาพูดพลางจ้องมาที่เธอ
“มิสเกรนเจอร์ ถ้าเก่งนักก็ลองดื่มยาเป็นตัวอย่างทดลองหน่อยเป็นไง”

สเนปพูดเสียงเย็นพลางแสยะยิ้มน่าเกลียด เขาเรียกเธอออกไปยืนหน้าห้องพร้อมกับยาของเธอ
“ดื่ม!” เขาสั่ง

เฮอร์ไมโอนี่จ้องยาในมืออย่างหวาดๆ เธอกลัวว่าเธอจะทำอะไรแย่ๆลงไปหลังจากที่ดื่มยานี้เข้าไปแล้ว
รอนมองเธออย่างเป็นห่วงแล้วเขาก็ตัดสินใจพูดออกมา “อาจารย์ไม่จำเป็นต้อง..” สเนปหันขวับไปที่รอน
“หักกริฟฟินดอร์อีก20คะแนน โทษฐานพูดสอดขึ้นมาโดยไม่ได้รับอนุญาต”

รอนกัดปากแน่น มองหน้าสเนปอย่างแค้นเคือง เฮอร์ไมโอนี่หันมาส่งสายตาบอกเขาว่าไม่เป็นไร
แล้วเธอก็กลั้นใจดื่มยาเข้าไปอึกหนึ่ง - - ร้อน! เธอรู้สึกร้อนวูบไปทั้งร่างกาย
ภาพต่างๆเบื้องหน้าพร่ามัว ศีรษะของเธอปวดเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

เธอได้ยินเสียงบางอย่างดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหัวอย่างบังคับไม่ได้ราวกับมีใครอีกคนหนึ่งกำลังตื่นขึ้นจากกา
รหลับใหลอันยาวนาน เธอได้ยินเสียงตัวเองกรีดร้องเบาๆก่อนที่สติสัมปชัญญะของเธอจะดับวูบลง

- - - - - - - - - - - -
- - - - - - -

“เฮอร์ไมโอนี่!” รอนรีบวิ่งไปหาเมื่อเห็นเธอเริ่มโงนเงน มือทั้งสองกุมศีรษะอย่างทรมาน
แต่ก่อนที่เขาจะวิ่งไปถึงตัวเธอกลับมีสายตาดุดันราวกับไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่คนเก่าส่งมาจนทำให้เขาต้องชะงัก

“เฮอร์ไมโอนี่?” รอนเรียกเธออย่างไม่แน่ใจ มีเสียงฮือฮาดังมาจากทั้งฟากกริฟฟินดอร์และสลิธีริน
เฮอร์ไมโอนี่พึมพำบางอย่างแผ่วเบาก่อนจะยืดตัวขึ้นตรง มือข้างหนึ่งเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นไป
เผยให้เห็นดวงตากลมโตที่บัดนี้แฝงแววเจ้าเล่ห์นิดๆ ทำให้เธอดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด
เด็กสาวมองหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ดูกังวลมากกับการเปลี่ยนไปของเธอ

“เป็นห่วงฉันหรอ..รอน” เธอพูดแล้วขยับไปใกล้ รอยยิ้มหวานๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเรียว
“ขอบใจนะ” เธอกระซิบแผ่วเบา ใบหน้าของรอนเป็นสีแดงจัดแข่งกับสีผมของเขาไปแล้ว
“บทพลอดรักของพวกชั้นต่ำ ทุเรศ!” เสียงแหลมๆของผู้หญิงดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ชายตามองไปทางผู้หญิงคนนั้น
“พาร์กินสัน”
แพนซี่ขยับตัวเข้าไปใกล้มัลฟอยยิ่งขึ้นแล้วเกาะแขนเขาไว้ มัลฟอยตอนนี้สีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด
เขากำลังไม่สบอารมณ์มากๆกับภาพเมื่อครู่
เฮอร์ไมโอนี่ยืนมองทั้งคู่นิ่ง แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“ปล่อยมือซะ พาร์กินสัน”
“ว่าไงนะ!”
“ปล่อยมือ! ...จากเดรโก” เสียงฮือฮาดังยิ่งขึ้นกว่าทีแรก
ทุกคนต่างตกใจกับคำพูดของเธอไม่เว้นแม้แต่เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อ
“กรี๊ดดดดดด!!!!!! แก..นังเลือดสีโคลน แกอย่ามาเรียกชื่อเดรโกของฉันนะยะ!!” แพนซี่แหวเสียงแหลม
“เฮอะ!...เดรโกของเธองั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงยานคางแบบที่มัลฟอยชอบทำ
เธอยิ้มเยาะพลางเดินไปทางบ้านสลิธริน
ไม่มีใครคิดจะห้ามหรือผลักไสเธอตอนนี้เพราะทุกคนมัวแต่ตกตะลึงกับการกระทำของเธอกันหมด

“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า..หนูน้อย” เธอเชิดหน้าขึ้นนิดๆ ยืนประจันหน้ากับทั้งสองคน
แพนซี่ยังคงเกาะมัลฟอยไม่ปล่อย

“บอกเค้าไปสิคะว่าเราเป็นอะไรกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ปลายนิ้วแตะริมฝีปากเขาแผ่วเบา
“กรี๊ดด! แกออกไปนะยะ” แพนซี่ผลักเฮอร์ไมโอนี่ออกห่าง

“นังเลือดสีโคลนสกปรก”
เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วนิดๆ “หุบปากไปซะ ยัยขี้เหร่”
เธอพูดเสียงเย็นแล้วผลักพาร์กินสันจนถลาหัวคะมำไปชนแครบตกเก้าอี้
(ทำให้แพนซี่ตกอยู่ในอ้อมกอดของแครบอย่า งไม่ตั้งใจ 55)

เฮอร์ไมโอนี่นั่งบนโต๊ะของมัลฟอย
มือข้างหนึ่งโอบรอบคอเขาไว้แล้วโน้มเข้าไปใกล้ท่ามกลางความตะลึงงันของทุกคน!

มัลฟอยอึ้งไปนิดๆกับ‘การเสแสร้ง’ของเฮอร์ไมโอนี่ เธอที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่คนเดิมที่เขาเคยรู้จัก
ที่จริงเขาก็พอใจอยู่ที่เธอแสดงตัวแบบนี้...แต่ว่า...
มัลฟอยยกมือขึ้นกันปากของเด็กสาวเอาไว้

ดวงตาสีซีดสบกับดวงตาสีน้ำตาลที่บัดนี้มีแววตาของคนอีกคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก - -
แล้วแววตานั้นก็หายไป!

- - - อ๊ะ!!! - - -

 
--------------------------------------------------------------------------------

“กรี๊ดด!!!...” เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาดังลั่น ถอยหลังไปอีกหลายก้าว
“มะ..มัล..มัลฟอย...”

“เกิดอะไรขึ้น” เด็กสาวตั้งคำถามท่ามกลางความเงียบเชียบของคุกใต้ดิน
“เฮอร์ไมโอนี่ มาทางนี้ก่อน” แฮร์รี่เดินมาพาเฮอร์ไมโอนี่ไปนั่งที่ ทั้งห้องยังคงปกคลุมไปด้วยความเงียบ

“นี่คือ..ผลของน้ำยาเสแสร้ง..วันนี้ทุกคนคงรู้ถึงผลของมันดีแล้ว...โดยเฉพาะเธอ..มิสเกรนเจอร์ หึ
หึ" เสียงสเนปดังทำลายความเงียบขึ้น เขาแสยะยิ้ม

“ตักน้ำยาใส่ขวดแล้วนำมาวางที่โต๊ะฉัน ทุกคน!”
เฮอร์ไมโอนี่ยังงุนงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ เธอไม่เข้าใจกับสายตาแปลกๆของทุกคนที่จ้องมองมายังเธอ -

- เมื่อกี๊มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ!?
“ฉันบอกว่าทุกคน!!” สเนปตวาด

เฮอร์ไมโอนี่รีบจัดแจงตักน้ำยาใส่ขวดแล้วยกไปวางที่โต๊ะทันที
“วันนี้พอแค่นี้” พูดจบสเนปก็สะบัดผ้าคลุมเดินออกไป

คล้อยหลังสเนป เสียงคุยดังลั่นก็ระเบิดออกมาจากฝั่งบ้านกริฟฟินดอร์
ทุกคนต่างพูดคุยกันถึงเรื่องเมื่อครู่ มัลฟอยลุกแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
ลูกสมุนทั้งสองรีบลุกลี้ลุกลนตามเขาออกไป

แพนซี่หันมาส่งสายตาเคียดแค้นเกลียดชังให้เฮอร์ไมโอนี่ก่อนจะรีบตามเขาออกไปเช่นกัน
เฮอร์ไมโอนี่ยืนอึ้งอยู่กับที่ในขณะที่เพื่อนหลายชีวิตต่างกรูกันเข้ามาล้อมรอบเธอ

“เฮอร์ไมโอนี่ เมื่อกี๊เธอเจ๋งมากเลยนะ ผลักยายพาร์กินสันซะกระเด็นเลย ฮิฮิ”
ปาราวตีบอกกับเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาชื่นชม

“เมื่อกี๊เธอดูเซ็กซี่เป็นบ้าเลยล่ะ” เชมัสพูดสายตาเคลิ้มนิดๆ
“แต่ทำไมต้องไปแย่งไอ้ซีดนั่นด้วยนะ” รอนบ่น
หน้าเป็นสีชมพูจางๆเมื่อนึกถึงตอนที่เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เขา

“คงเพราะเกลียดมากไง สเนปบอกแล้วไงว่าจะแสดงสิ่งที่ตรงข้ามกับความจริงน่ะ” ปาราวตีเสริม
“แต่ฉันก็อิจฉาเธอนิดๆนะ...มัลฟอยเค้าหล่อจะตายไป” ลาเวนเดอร์เพ้อต่อ

รอนทำหน้าแหยอย่างกับต้องกินขี้มูกโทรลล์
“นี่!!”

ทุกคนเงียบแล้วหันมามองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ที่มีแต่คำถามกันเป็นตาเดียว
“บอกให้ฉันรู้ก่อนเถอะว่าฉันทำอะไรไปบ้าง” เธอบอกด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ

ทุกคนมองหน้ากันเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดมา
“นี่เธอไม่รู้เรื่องจริงๆหรอ” แฮร์รี่ถาม

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเป็นคำตอบ แล้วทุกคนก็เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกันอย่างสนุกสนาน

* *

ทุกคนต่างเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากจิตใต้สำนึกที่เกลียดมากจึงเสแสร้งออกมาว่ารักมาก
แต่จะมีใครสักคนมั๊ยที่จะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตอนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้แสดงท่าทีเกลียดรอน!

*

สามสหายกำลังเดินตัดผ่านลานหน้าปราสาทเพื่อกลับหอนอน เฮอร์ไมโอนี่จมอยู่กับความคิดอย่างว้าวุ่นใจ
เธอทั้งกังวลทั้งอายกับสิ่งที่เธอทำไป

ถึงมันจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วแต่เธอก็รู้สึกแย่อยู่ดีที่เธอทำตัวแบบนั้น แถมเธอยังเกือบจะ...จูบเขา!!
คิดถึงตรงหน้าใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าว

- - พั่บๆ - -

นกฮูกสีขาวตัวหนึ่งบินมาใกล้ทำให้เด็กสาวหลุดออกจากภวังค์ “อุ๊ย..” มันทิ้งจดหมายบนศีรษะเธอแล้วบินจากไป
เธอหยิบมันมาไว้ในมือ บนซองมีข้อความว่า‘โปรดอ่านตอนอยู่คนเดียว’

“จดหมายจากใครน่ะเฮอร์ไมโอนี่” รอนถาม
“เอ่อ...จาก..เพื่อนทางจดหมายน่ะ” เธอโกหก

“เห..เธอมีเพื่อนทางจดหมายด้วยหรอ ไม่เห็นเธอเคยบอกเลยนี่” รอนพูด
“น่ารักรึเปล่า อย่าลืมแนะนำพวกเราบ้างนะ” แฮร์รี่พูดยิ้มๆ

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแห้งๆตอบ เธอรับรู้ถึงความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้น “เอ่อ..ฉันไปหาที่อ่านก่อนนะ
แล้วเจอกัน” เธอพูดแล้วรีบวิ่งไป

“อ้าว...เดี๋ยวสิ” แฮร์รี่เรียกไว้แต่ก็ไม่ทันอีกเช่นเคย

* * *

เฮอร์ไมโอนี่รีบวิ่งไปตามระเบียงทางเดินชั้นสามไปยังห้องในสุดที่ไม่ได้ถูกใช้
ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายต่างถาโถมเข้ามา

‘ถึงมิสเกรนเจอร์
เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ผมมั่นใจในสิ่งที่ผมสงสัยอยู่
คุณกับมิสเตอร์มัลฟอยมีความลับที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ใช่หรือไม่ คุณไม่ต้องตอบผมก็รู้คำตอบของมันดี
การเสแสร้งวันนี้มันมาจากความต้องการลึกๆในใจคุณ ถ้าไม่อยากให้ใครรู้ก็มาพบผมตอนนี้ที่ห้องในสุด ชั้นสาม
เราตกลงกันได้ แล้วผมจะไม่บอกใคร’

เฮอร์ไมโอนี่ยืนหอบหน้าห้อง เธอสูดลมหายใจลึกแล้วปล่อยออกมา
เมื่อทำใจได้แล้วเธอเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไป ภายในห้องไม่สว่างมากนัก
เธอกวาดสายตามองหาบุคคลที่นัดเธอมาแต่ก็ไม่เห็นใคร
ทันใดนั้นมีมือหนึ่งเอื้อมมาจากด้านหลังปิดปากเธอเอาไว้

“อื๊อ..อื๊อ..” เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุม
“ชู่ว์..เกรนเจอร์..ฉันเอง..รีบวิ่งมาเชียว ไม่อยากให้คนรู้ขนาดนั้นเลยหรอ”
“มัลฟอย!!” เธอร้องทันทีเมื่อเขาปล่อยมือจากปาก แต่ยังกอดเธอไว้จากด้านหลัง
“อ๊ะ!! นี่นายเป็นคนเรียกฉันมาหรอ”
“ช่าย..หรือเธออยากให้เป็นคนอื่น?”
“เล่นบ้าๆ!”

“ทำไมเล่า ที่บ้าน่ะเธอต่างหาก” เขาก้มลงหอมแก้มเธอ
“ว๊าย..อย่าน๊า” เฮอร์ไมโอนี่พยายามดันหน้าเขาออกห่าง
“วันนี้เธอเป็นฝ่ายรุกเองนะ”
“จะบ้าหรอ..นั่นฉันไม่รู้ตัวต่างหาก”

“จิตใต้สำนึกเธอมันต้องการนี่นา” เขาพูดแล้วก้มหน้าลงมาอีก
“พูดอะไรบ้าๆ”
“อย่าปฏิเสธดีกว่าน่า”

“แหวะ หลงตัวเอง” เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของเขาแต่ก็ไม่เป็นผล
“ฉันดีใจนะที่เธอหึงน่ะ” เขาหอมแก้มเธออีกครั้งหนึ่ง
“ใครหึง!”
“ยอมรับเถอะน่า”
“ไม่!!! ปล่อยนะ!”

“เธอจะเสียงดังทำไม หรือว่าอยากเรียกให้ใครมาเห็นเราสภาพนี้”
เสื้อคลุมของเฮอร์ไมโอนี่ถูกปลดลงไปกองอยู่ที่พื้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว
ส่วนเขาก็เสื้อปลดกระดุมลงมาสองเม็ด ยืนกอดเธออยู่
ถ้าใครมาเห็นทั้งคู่อยู่ในสภาพนี้ต้องคิดเลยเถิดไปแน่ๆ

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงก่ำ เขายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะกดเธอลงกับโต๊ะ

“!!!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตกใจจนพูดไม่ออก เธอเบิกตาโพลงพยายามที่จะดิ้นรนและกรีดร้อง
แต่เขาไวกว่าเอามือปิดปากเธอไว้ มืออีกข้างกดเธอไว้กับโต๊ะด้วยแรงที่เธอไม่สามารถจะสู้ได้
เขาสบตากับเธอด้วยสายตาลึกซึ้งบาดใจ เธอสงบลงเขาจึงโน้มศีรษะลงมาใกล้...

“พลั่ก!!!!” เฮอร์ไมโอนี่ใช้แขนข้างที่ไม่ได้ถูกพันธนาการซัดใส่เขาด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมี
“โอ๊ยย!!!” เขากุมแขนข้างที่ถูกซัดทำให้เธอเป็นอิสระ
“เลว!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนใส่หน้าเขาก่อนจะลุกวิ่งออกไป

มัลฟอยรีบคว้ามือเธอเอาไว้ได้ทันทำให้เธอเสียหลักเซล้ม เขาใช้ตัวรับเธอเอาไว้ทำให้ล้มไปด้วยกัน
เฮอร์ไมโอนี่อยู่ในอ้อมกอดของมัลฟอยอีกครั้งหนึ่ง

“ปล่อย!!!” เธอตะคอก รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว เธอพยายามดิ้นรนให้พ้นจากอ้อมกอดของเขา
“ไม่!!! เธอต้องฟังฉันก่อน!!” เขากอดเธอแน่นขึ้น
“ไม่ฟัง!!!คนบ้า!!เลวที่สุด!!” เธอตะโกน
“เธอต้องฟัง! เพราะเมื่อกี๊ฉันแค่ล้อเล่น!”

“!!!”
“ห๊ะ..ว่าไงนะ”
“ฉันบอกว่าฉันแค่ล้อเล่น เมื่อกี๊ถึงเธอไม่ทุบฉันก็ปล่อยเธออยู่ดีแหล่ะ ฉันแค่อยากแกล้งเธอคืนเฉยๆ”
มัลฟอยตอบเสียงเรื่อยๆเหมือนไม่ได้ทำเรื่องร้ายแรงอะไร
“.....”

เธอเงียบไปจนทำให้เขาแปลกใจ สักพักเขารู้สึกถึงหยดน้ำอุ่นๆสัมผัสที่ท่อนแขน

“เฮ๊ย...เกรนเจอร์..เธอเป็นอะไรน่ะ” เขาคลายอ้อมกอดแล้วให้เธอหันหน้ามาทางเขา

“ฮึก...คนบ้า..เธอทำให้..ฉัน..กลัว..นะ..” เธอพูดพลางซับน้ำตา เขาลูบศีรษะเธอเบาๆอย่างปลอบโยน

เขาเพิ่งจะรู้สึกตอนนี้เองว่าเขาทำเกินไปหน่อย
“ฉัน..เอ่อ..ฉัน..ขอโทษ” มัลฟอยพูดเสียงเบา
“..ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
เขาถอนใจ “จะพยายาม”
“ไม่ใช่แค่จะพยายาม แต่ต้องทำให้ได้” เธอพูดแล้วจ้องหน้าเขา

“รู้แล้วน่า” มัลฟอยตอบรับแล้วก้มลงจูบเธอเบาๆ
“นี่!” เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูจัด
“อะไรเล่า จะห้ามอีกรึไง” เขาบ่นเซ็งๆ
“..” เธอไม่ตอบ แต่กลับจ้องหน้าเขาแล้วค่อยๆหลับตาลง
มัลฟอยยิ้มบางๆ เขาพึมพำบางอย่างก่อนที่จะก้มลงประทับจูบลึกซึ้งกว่าทุกครั้งที่เคย

* * *

“เกรนเจอร์”
“หืม?”
“ถามอะไรอย่างสิ”
“อะไรล่ะ”
“เมื่อกี๊ที่เธอร้องไห้น่ะ..”
“หืม?”
“เพราะว่าฉันไม่ทำต่อใช่มะ”
“!!!!”
พลั่ก!!!!
เธอซัดเขาไปอีกหนึ่งที แล้วรีบเดินหนีออกจากห้องไป

* *




Chapter 3: A Kiss From a Girl 


แสงแดดทอแสงอ่อนๆ อากาศหนาวเย็นเล็กน้อยบ่งบอกถึงวันที่แสนสบาย
ในที่สุดวันไปฮอกมีดส์ที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็มาถึง
เสียงหัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานรื่นเริงดังไปทั่วทุกที่
ร้านรวงต่างๆแน่นขนัดไปด้วยเด็กนักเรียนจากฮอกวอตส์
โดยเฉพาะร้านขายขนมที่เป็นที่โปรดปรานของเด็กน้อยใหญ่ทั้งหลาย

“เฮ้!นายอย่าเบียดสิ”
“อันนี้ฉันหยิบก่อนนะ”
“เฮ้..”

เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่หน้าประตูร้านฮันนี่ดุ๊กซ์ด้วยท่าทีเซ็งจัด
เธอยืนดูเพื่อนรักทั้งสองของเธอกำลังหอบซื้อขนมต่างๆอย่างบ้าคลั่งแล้วถอนใจออกมา

“รอน..”
“รอน....แฮร์รี่!” เธอพยายามตะเบ็งเสียงสู้กับเสียงเด็กจอแจในร้าน
“อะไร” แฮร์รี่ตะโกนกลับมา
“ฉันไปที่อื่นก่อนนะ แล้วเจอกันที่ร้านไม้กวาดสามอัน” เธอตะโกนบอก
“โอเค!”

เฮอร์ไมโอนี่เดินดูร้านนู้นร้านนี้อย่างเพลิดเพลิน จนมาถึงร้านริมสุดของถนน ตัวร้านเป็นไม้สีน้ำตาลเก่าๆ
มีต้นไม้หน้าตาประหลาดวางอยู่หน้าร้านสามต้น กระจกใสมัวอย่างไม่ได้รับการดูแล
เฮอร์ไมโอนี่มองดูร้านนี้อย่างชั่งใจ

เธอไม่เคยเข้าร้านนี้มาก่อนเพราะมันดูทึบอึมครึมอย่างบอกไม่ถูกและปกติเธอจะอยู่กับเพื่อนๆของเธอซึ่งไม่ส
นร้านประเภทนี้อยู่แล้ว เด็กสาวตัดสินใจผลักบานประตูเข้าไปเพราะเธอยังมีเวลาอีกมากสำหรับบ่ายนี้
ภายในร้านดูคล้ายกับภายนอก โทนร้านออกเป็นสีน้ำตาลเก่าๆ เสียงไม้เสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าดตามจังหวะก้าวเดิน
แสงสลัวในร้านบ่งบอกถึงบรรยากาศวังเวง สินค้าในร้านเต็มไปด้วยของเก่ามากมาย

“สนใจของเก่ารึหนู” เสียงผู้หญิงแหบๆดังขึ้น ทำเอาเด็กสาวสะดุ้งโหยง เธอรีบหันไปหาเจ้าของเสียงทันที
“คะ..คือ..ขอลองดูก่อนค่ะ” เธอตอบหญิงชรา มือเหี่ยวแห้งขยับแว่นรูปครึ่งวงกลมเล็กน้อย
แล้วยิ้มให้เด็กสาว

“เชิญจ้ะ...ตามสบายเลยนะ”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มตอบแล้วเริ่มเดินดูสินค้าต่างๆ

ถึงได้รู้ว่าร้านนี้ไม่ได้ขายแต่ของเก่าเท่านั้นของบางอย่างก็เป็นของใหม่ที่ดูน่ารักน่าสนใจทีเดียว
เพียงแต่หญิงชราเจ้าของร้านไม่ได้ตกแต่งร้านให้ดูดีดึงดูดลูกค้าเท่านั้นเอง

“เธอชอบของนั่นหรือจ๊ะ” เสียงหญิงชราดังขึ้น
“ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ในมือถือลูกแก้วกลมใสสีม่วงลาเวนเดอร์อยู่

ลวดลายภายในเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามการขยับมือ มันมีกลิ่นหอมจางๆที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
เด็กสาวดูมันอย่างสนใจ

“มันคืออะไรหรอคะ” เธอถาม
“มันเป็นความฝันของเทพนิยายจ้ะ ฉันทำมันขึ้นมาเองเมื่อสมัยเป็นสาวๆ” หญิงชราตอบ
ยิ้มนิดๆกับความฝันวัยเยาว์

“ความฝันของเทพนิยาย..” เธอมองดูมันอย่างชั่งใจ
“แล้วมันใช้ทำอะไรหรอคะ”

หญิงชรานิ่งไปพักหนึ่งอย่างใช้ความคิด
“ก็ใช้ตั้งโชว์ธรรมดาเพื่อความสวยงามล่ะจ้ะ ลวดลายข้างในมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สวยทีเดียวนะ” เธอตอบ
“งั้นเอาอันนี้ล่ะค่ะ เท่าไหร่คะ”
“3เกลเลียนจ้ะ” เธอหยิบเงินจ่ายให้กับหญิงชรา
“ขอบใจนะจ๊ะ”
“ไปนะคะ” เธอยิ้มแล้วเดินออกจากร้านไป
...
“เอ..เมื่อกี๊เราขายอะไรไปนะ” หญิงชราพึมพำแล้วหันกลับไปนั่งที่เก้าอี้โยก

* *

“เฮอร์ไมโอนี่ ทางนี้..” รอนตะโกนบอกพร้อมกับโบกมือเรียก
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแล้วเดินแทรกหมู่คนที่เดินขวักไขว่ในร้านไม้กวาดสามอันเข้าไปหาเพื่อนที่อยู่โต๊ะในสุด

“ว๊าย!!..” เธอสะดุดกับขาเก้าอี้ตัวหนึ่งจนเสียหลัก
มือแข็งแรงข้างหนึ่งโอบเอวเธอไว้ได้ทันทำให้เธอไม่ล้มคะมำไปชนคนอื่นเข้า

“เอ่อ..ขอบ..” เฮอร์ไมโอนี่หันไปจะขอบคุณ แต่เขาก็หันเดินกลับไปเห็นเพียงแผ่นหลังและเรือนผมสีบลอนด์
เด็กสาวหน้าเป็นสีชมพูจางๆพร้อมกับรอยยิ้ม

- - ท่ามกลางหมู่คนมากมาย เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังสนั่น

หัวใจดวงหนึ่งพองโตขึ้นพร้อมกับความอบอุ่นทั้งหัวใจอย่างเงียบๆ - -
“ทำไมช้าจังเลย” รอนบ่น

“อะไรกัน รอแค่นี้ทำบ่น เมื่อกี๊ฉันยังรอนายได้ตั้งนาย” เฮอร์ไมโอนี่พูดหน้างอ
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงหน้าร้านมันก็แค่นี้เอง ทำไมเธอเดินเข้ามาช้าจัง” รอนขยายความ

“อ๋อ..แล้วไป..พอดีเมื่อกี๊ฉันสะดุดขาเก้าอี้เกือบล้มน่ะ” เธอพูด
“อ้าว แล้วเป็นไง เป็นแผลรึเปล่า” แฮร์รี่ถาม

“ไม่เป็นไรๆ พอดีมีคนช่วยไว้น่ะ”
“ใคร”รอนถามน้ำเสียงไม่พอใจเล็กๆ

“ไม่รู้สิ เห็นแว่บเดียวน่ะ เขาช่วยดึงแล้วก็ไป” เธอพูดปด
“เขา ผู้ชายรึเนี่ย” รอนพูดเสียงดัง

“เอ๊ะ! แล้วเธอจะเสียงดังทำไม” เฮอร์ไมโอนี่มองรอนอย่างตำหนิ
“ฉันไปซื้อบัตเตอร์เบียร์ก่อนนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วลุกไป

“..” รอนได้แต่นั่งเงียบ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำแบบนั้น
“ใจเย็นๆรอน” แฮร์รี่พูด เขาก็ไม่รู้จะปลอบเพื่อนรักยังไงดีเพราะตอนนี้เขาก็เอาตัวเองไม่รอดเหมือนกัน

โชกลับมาหาเขา กลับมาพูดคุยสนิทสนมเหมือนว่าไม่มีอะไรเกินขึ้น
ตอนนี้เขาชักจะไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเองซะแล้วสิ

* * *

“เฮ่อ..” เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจบางเบา ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสี่เสาในท่าสบายๆ
ตั้งแต่ที่ร้านไม้กวาดสามอันเธอกับรอนก็ไม่ได้คุยกันเลย เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอึดอัดที่เขาเป็นแบบนี้
เธอก็พอรู้ถึงความรู้สึกของเขาบ้างจากการกระทำบางอย่าง แต่เธอก็ไม่อยากที่จะคิดต่อ
เธอคิดกับรอนเพียงเพื่อนเท่านั้น..เพื่อนสนิท(^^) ..คนหนึ่ง

เฮอร์ไมโอนี่สะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอปลดเสื้อคลุมออกแล้ววางลงบนเตียง
ลูกแก้วใสเลื่อนออกจากกระเป๋าแล้วค่อยๆกลิ้ง...ตกลงพื้น

- - กริ๊ก - -
“ว๊าย” เฮอร์ไมโอนี่รีบหยิบมันขึ้นมาดู
“โธ่!เป็นรอยร้าวเลย ลืมได้ไงนะ..เสียดายจัง” เด็กสาวบ่นอย่างหัวเสีย

ทันใดควันสีม่วงพ่นออกมาจากรอยร้าวของลูกแก้วนั้นเป็นจำนวนมาก มันปกคลุมไปทั่วร่างกายของเด็กสาว
“ว๊ายยยย” เธอร้องพยายามออกมาจากหมู่ควันนั้นแต่ก็ไม่สำเร็จ เหมือนมันพยายามที่จะห่อหุ้มร่างเธอเอาไว้
เฮอร์ไมโอนี่สำลักควันเข้าไป แล้วเธอก็ล้มลง
..นี่เธอกำลังจะตาย..
- - - - - - - -
- - - - -
- -
“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!”

* * *

“เฮอร์ไมโอนี่!!!เป็นอะไรรึเปล่า!!” ปาราวตีรีบวิ่งขึ้นมาที่ห้องนอนพร้อมกับลาเวนเดอร์
ควันสีม่วงได้จางหายไปแล้ว เหลือเพียงเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งทรุดอยู่กับพื้นด้วยหน้าตาตื่นตระหนก
“เฮอร์ไมโอนี่?? โอ..ไม่นะ!!” ลาเวนเดอร์ร้อง

“ทำไมเป็นแบบนี้!” ปาราวตีร้องแล้วรีบเข้าไปหาเธอ
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ลาเวนเดอร์พูดพลางจับมือเธอเอาไว้
“ไม่..เป็น..ไร..” เสียงเล็กแหลมพูดขึ้น

“แน่ใจนะ..คือ..ฉันว่าเธอเป็นนะ” ปาราวตีพูดพลางกลืนน้ำลายเอื้อก
เธอยิ้มกว้างเป็นคำตอบ มือเล็กขาวเนียนยันพื้นแล้วค่อยๆลุกขึ้นโดยมีเพื่อนสาวทั้งสองช่วยประคอง
“คนอื่นไปที่ห้องโถงกันหมดแล้ว..เอาไงดี” ปาราวตีหันมาหาลาเวนเดอร์อย่างขอความคิดเห็น

* * * ห้องศาสตราจารย์มักกอนนากัล * * *

“เธออายุเท่าไหร่..เอ่อ..มิสเกรนเจอร์” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถาม
“5ขวบค่ะ” เด็กหญิงตอบเสียงใส ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตมีแววขี้เล่นอยู่ในทีสบกับผู้เป็นครู เฮอร์ไมโอนี่
เกรนเจอร์บัดนี้กลายเป็นเด็กอายุ5ขวบไปแล้ว

แต่ดูเหมือนว่าความทรงจำของเธอจะเป็นปกติเพียงแต่
นิสัยและรูปร่างของเธอกลับเป็นเด็กเท่านั้นเอง

“เธออยู่บ้านไหนจำได้มั๊ย”
“กริฟฟินดอร์ค่ะ”
“เธอเรียนอยู่ปีอะไร”
“6ค่ะ”

“เธอจำเพื่อนๆได้มั๊ย”
“จำได้ค่ะ คนนี้ลาเวนเดอร์ คนนี้ปาราวตี” เธอตอบพลางชี้นิ้วไปที่เพื่อนสาวทีละคน
“แล้วก็มีแฮร์รี่ รอน เฟร็ด จอร์จ จินนี่...มั..” เธอพูดเสียงเจื้อยแจ้วพลางนับนิ้วไปด้วย

“เอาล่ะ..พอแล้วๆ ครูรู้แล้วว่าเธอจำได้” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลยกมือกุมขมับ
“เอาไงดีคะ อัลบัส” เธอหันไปถามบุคคลข้างๆ

“มิสเกรนเจอร์ เธอจำได้มั๊ยว่าทำไมเธอถึงกลายเป็นเด็กแบบนี้” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ถามน้ำเสียงเอ็นดู
“จำได้ค่ะ” เธอยิ้มกว้าง

“หนูซื้อลูกแก้วมาจากที่ฮอกมีดส์ค่ะ แล้วมันหล่นปุกับพื้น
จากนั้นก็มีควันบึ้มออกมาจากรอยที่แตกแล้วหนูก็อายุ5ขวบค่ะ”
เธอตอบพลางทำท่าประกอบแล้วก็ฉีกยิ้มเหมือนเวลาตอบคำถามยากๆถูก

“อืม..” ดัมเบิลดอร์ฟังอย่างใช้ความคิด
“เธอซื้อมาจากร้านไหนหรือ” เขาถามอีกครั้ง
“ร้านไม้เก่าๆสุดถนนฮอกมีดส์ค่ะ”

ดัมเบิลดอร์หันไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัล เธอพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“ช่วยทีนะ มินอร์วา”
“ค่ะ” เธอตอบพลางเดินออกไป

“เอาล่ะ..ทีนี้ พวกเธอคงหิวกันแล้วใช่มั๊ย” ดัมเบิลดอร์ยิ้มอย่างใจดีให้กับทั้งสามคน
“ค่ะ ท้องหนูร้องจะแย่อยู่แล้ว” เธอตอบพร้อมกับลูบท้องป้อยๆ
“ดี งั้นเราไปทานอาหารเย็นกัน” ดัมเบิลดอร์ยิ้มแล้วทั้งสี่ก็เดินไปที่ห้องโถงด้วยกัน


* * 2 * *

ทั้งห้องโถงเงียบกริบเมื่อเด็กหญิงผมลอนฟู นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตในชุดฟอร์มฮอกวอตส์เดินเข้ามา
ปาราวตีจูงมือเด็กน้อยเดินไปทางฟากโต๊ะกริฟฟินดอร์ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นนับร้อยคู่

“เด็กนี่ ใครน่ะปาราวตี ลูกเธอหรอ” เชมัสถามเสียงเบา
“บ้าน่ะสิ” ปาราวตีถลึงตาใส่

รอนไม่สนใจเด็กหญิงข้างกายปาราวตีเลย เขากำลังมองหาเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่ยังไม่มาอย่างกระวนกระวาย
“แล้วเฮอร์ไมโอนี่ไม่มาหรอปาราวตี” รอนถาม

“มา”เธอตอบพร้อมกับนั่งลงที่ประจำของเธอข้างๆลาเวนเดอร์
“ไหนล่ะ”

“ฮึบ..” เด็กหญิงปีนขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเขาพลางหันไปยิ้มเผล่
..ผมสีน้ำตาลลอนฟู..นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโต..

“มะ..ไม่นะ เฮอร์ไมโอนี่!!” รอนตะโกนออกมาเสียงดัง
“โธ่..แล้วเธอจะเสียงดังทำไมเนี่ย” เสียงเล็กๆบ่น

“จริงหรอเนี่ย! เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่หันมาอย่างไม่เชื่อสายตา
“อื้ม ^^” เธอยิ้มตอบ
“หาาาาาาาา....!!”

เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ทำให้โต๊ะอื่นหันมาอย่างสนใจใคร่รู้
“ล้อเล่นใช่มั๊ย ^^; ” รอนพูดพลางหัวเราะแห้งๆ

“เกรงว่าจะจริงมิสเตอร์วีสลีย์.. นั่นแหล่ะ มิสเกรนเจอร์ตัวจริง” ดัมเบิลดอร์พูดขึ้น
“หาาาาาาาา....!! O_Olll” ทั้งห้องโถงร้องขึ้น

“เฮ้ยยยยยย!!!” เสียงหนึ่งดังมาจากฟากของสลิธีริน
เด็กหญิงหันไปตามเสียงแล้วยิ้มกว้าง เธอปีนลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไป

“เดี๋ยว!เฮอร์ไมโอนี่” รอนเรียก
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปที่โต๊ะของสลิธีรินแล้ววิ่งเข้าไปหาเขา
“อี๊ วิ่งมาตรงนี้ทำไม เด็กบ้า ชู่วๆๆ” แพนซี่โบกมือไล่

มัลฟอยมองเด็กน้อยตรงหน้าแล้วเกือบเผลอยิ้มออกมา แต่เขาก็ต้องพยายามปั้นหน้าให้ดูนิ่งที่สุด
เฮอร์ไมโอนี่ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้อย่างยากลำบาก

“เฮ๊ยยย O///o” เขาร้องเมื่อเธอนั่งแปะลงบนตักเขา
“เฮ๊ยยยยย” เสียงร้องจากฟากของกริฟฟินดอร์

“O_O” ความอึ้งเงียบจากฮัฟเฟิลพัฟกับเลเวนคลอ
“กรี๊ดดดดด นังเด็กบ้า ออกไปจากตักเดรโกของฉันนะย๊าา” แพนซี่แหวเสียงแหลม

“แสบแก้วหู ยัยขี้เหร่” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเอามืออุดหูไว้
“กรี๊ดดดด นังเด็กปากร้าย ออกไป๊ เดรโกไล่มันไปสิ”

“อย่ามาสั่งฉัน พาร์กินสัน” เขาพูดเสียงเย็น
“แต่มัน..เลือดสีโคลน..สกปรก..” แพนซี่พูดพลางทำสีหน้ารังเกียจใส่เด็กหญิง

“เด็กๆ ฉันไม่ถือ” มัลฟอยตอบเหมือนไม่ใส่ใจพลางยกน้ำฟักทองขึ้นดื่ม
“อะไรนะ” แพนซี่พูดอย่างไม่เชื่อหู เธอมองเด็กหญิงบนตักของมัลฟอยอย่างเคียดแค้น

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาทำให้สายตาของแพนซี่อ่อนลง
แล้วเด็กหญิงก็ซบลงที่อกของมัลฟอยซึ่งทำให้เขาแทบสำลักน้ำฟักทองที่ดื่มอยู่

เฮอร์ไมโอนี่ยักคิ้วพร้อมกับยิ้มให้แพนซี่อย่างกวนๆ
คราวนี้แพนซี่มองเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเลยทีเดียว

“แง๊..หนูไม่อยู่ตรงนี้ก็ได้ น่ากลัว”
เธอพูดทำหน้ายุ่งแล้วปีนลงมาจากตักเขาแล้ววิ่งกลับไปที่โต๊ะกริฟฟินดอร์
มัลฟอยหันมามองแพนซี่อย่างตำหนิทำให้เด็กสาวพูดอะไรไม่ออก

* *

“เธอเป็นบ้าไปแล้วรึไงเฮอร์ไมโอนี่” รอนถามเสียงดัง
“เปล่าซะหน่อย”

“หรือว่าตัวเธอไม่ได้หดลงอย่างเดียวเส้นสมองเธอมันหดตามไปด้วยรึไงนะ” รอนพูดอย่างหัวเสีย
“อย่ามาว่าหนูนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับอย่างไม่พอใจ

“รอน พอเถอะ” แฮร์รี่พูดเสียงเรียบ
“อะไรเล่า! นายไม่เห็นหรอ เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปนั่งตักไอ้ซีดนั่นน่ะ”

“นั่งตักแล้วมันผิดตรงไหนล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่บ่นอุบพลางเบะปาก
“โอยย..เธอจะบ้าหรอ หมอนั่นเป็นศัตรูของเรานะ!”

“ไม่ใช่ของหนูสักหน่อย” เธอพูด
“บ้าไปแล้ว!” รอนทุบโต๊ะ

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเฮือกแล้วเริ่มน้ำตาคลอ

“หนู..ทำอะไรผิดล่ะ..ฮึก..ฮือ..” เด็กหญิงเริ่มร้องไห้ รอนเลิกลั่กเริ่มทำอะไรไม่ถูก
“น่าน..น้องช้านแกล้งเด็กน้องไห้” เสียงจอร์จดังขึ้นตามด้วยเสียงถอนหายใจ
“กรรมแท้ๆ เฮ่อ” เฟร็ดส่ายหน้าอย่างระอา

“ไอ้ขี้แกล้ง”
“ไอ้ขี้แกล้ง”
“ไอ้ขี้แกล้ง”

เสียงเริ่มดังสะท้อนกันระงมไปทั่วโต๊ะกริฟฟินดอร์

“ไอ้ขี้แกล้ง”
“โอ๊ยยย พอทีๆ ฉันไม่สนใจแล้ว” รอนโวยวายแล้วเริ่มตั้งหน้าตั้งตากินอย่างไม่สนใจใคร

“เฮอร์ไมโอนี่ เล่าให้ฟังหน่อยสิ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้” แฮร์รี่พูดขึ้น
“ได้ๆ” เธอยิ้ม ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาแล้วก็เล่าเสียงเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆ
ทั้งโต๊ะกริฟฟินดอร์เงียบกริบเพื่อฟังคำบอกเล่าของเธอ

อันที่จริงไม่เพียงแต่โต๊ะกริฟฟินดอร์เท่านั้นโต๊ะบ้านอื่นๆก็เงียบเสียงและพยายามเงี่ยหูฟังเรื่องของเธอ
เช่นกัน

* *

“ว่าไงนะคะ” เสียงเล็กแหลมขึ้นสูงดังลั่นห้องศ.มักกอนนากัล
“ครูบอกว่าเจ้าของร้านเค้าจำไม่ได้แล้วว่าจะแก้มนต์นี่ยังไง อันที่จริงตอนครูไปถามน่ะ
เค้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าขายอะไรให้เธอไป” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดทวนอีกครั้งอย่างรำคาญเล็กๆ
“โธ่..ทำไมเป็นแบบนี้นะ”

“ครูก็ดูเธอสุขสบายดีนี่มิสเกรนเจอร์”

“ก็ใช่หรอกค่ะ แต่ที่หนูไม่ชอบก็คือเวทมนต์ของหนูมันหายไปด้วย” เธอพูดพลางเบะปาก
หยิบไม้กายสิทธิ์ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะยาวเกินไปสำหรับเธอออกจากเสื้อคลุม

“แล้วไม้กายสิทธิ์มันก็จิ้มพุงหนูด้วยเวลานั่ง” เธอบ่นอุบ
คิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้ายิ้มนิดๆของศ.มักกอนนากัลและศ.ดัมเบิลดอร์

“ลูมอส” แสงไฟราวกับแสงจากไม้ขีดไฟก้านเล็กติดขึ้นที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าศ.ทั้งสองอย่างขอความเห็นใจ

“มิสซิสออเนอร์เคยได้รับอุบัติเหตุทางสมอง อาจจะมีผลต่อความจำน่ะ” ดัมเบิลดอร์พูดเสียงเรียบ
“แล้วศาสตราจารย์ช่วยหนูไม่ได้เลยหรอคะ”

“มนต์นี้เป็นมนต์โบราณต้องให้ผู้ที่เสกมันขึ้นมาแก้เท่านั้นมิสเกรนเจอร์”
“เค้าว่ามีวิธีคลายมนต์อยู่วิธีนึง” ศ.มักกอนนากัลพูด
“จริงหรอคะ” เธอพูดเสียงใสอย่างมีความหวัง
“แต่เค้าจำไม่ได้..”
“T-T”

“เอาล่ะ วันนี้กลับไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกันมิสเกรนเจอร์ แล้วครูจะลองหาวิธีช่วยเธอดู” ดัมเบิลดอร์พูด
“ค่ะ” เธอรับคำเสียงอ่อยพลางหันหลังกลับ

“อ้อ มิสเกรนเจอร์” ศ.มักกอนนากัลเรียกไว้
“คะ =_=ll” เธอหันมา
“วันนี้เวรเธอเดินตรวจใช่มั๊ย”

“ค่ะ =_=””
“งั้น..อ้อ พอดีเลย มิสเตอร์มัลฟอย”
“o_O!!”

“ ครับ ^^ ” มัลฟอยขานรับทำหน้าเหมือนพึ่งรู้ตัวว่าจะโดนเรียก
ที่จริงเขาแอบอยู่หน้าห้องศ.มักกอนนากัลนานแล้ว รอจังหวะดีๆแกล้งเดินผ่าน

“วันนี้เธอช่วยเดินตรวจเป็นเพื่อนมิสเกรนเจอร์ทีนะ”
“ทำไมต้องผมด้วยล่ะครับ” เขาพูดอย่างไว้เชิง
“เพราะว่าเธอเป็นพรีเฟ็คน่ะสิ”
“แล้ววีสลีย์ล่ะครับ”

“ครูให้ไปเดินตรวจอีกที่นึง แต่เห็นมิสเกรนเจอร์ยังเด็ก คงไม่ดีนักที่จะปล่อยไว้คนเดียว” เธอพูด
“..” มัลฟอยทำหน้าลำบากใจ

“มิสเกรนเจอร์ก็ดูติดเธอดีนี่ เย็นนี้ยังวิ่งไปนั่งตักเลย ใช่มั๊ย” ดัมเบิลดอร์พูดขึ้น
ประกายตาวิบวับหลังแว่นรูปจันทร์เสี้ยวทำเอาเด็กหนุ่มกับเด็กหญิงหน้าเป็นสีชมพูระเรื่อ

“ก็ได้ครับ” เขาตอบพลางถอนใจนิดๆพอเป็นพิธี
“^^” ” เฮอร์ไมโอนี่หันไปยิ้มแหยๆให้เขา

* * ระเบียงทางเดินชั้น 3 * *

“เธอรู้วิธีกลับเป็นแบบเดิมรึยังเนี่ย” เขาพูดเสียงไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“แหะ ยังเลย^^” ” เด็กน้อยยิ้มแหยๆ

“อะไรกัน” เขาบ่น
“แต่อย่างนี้ก็ดีแล้วไง นั่งตักยังไม่มีคนว่าเลย” เธอฉีกยิ้มกว้าง
“มี”

“=_=””
“ไอ้หัวแดงมันหึงเธอ ฉันเห็นนะ”
“ไม่ได้หึง..รอนแค่ไม่พอใจเท่านั้นเอง”
“เหมือนกันล่ะ”

“-_-“” เธอเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอื้อมมือขึ้นไปจับมือเขา มือเล็กๆอยู่ในอุ้งมือใหญ่แข็งแรง
เขากระชับมือแน่นขึ้น สบตาเธอลึกซึ้ง..แต่แล้วก็รีบหันไปทางอื่น

“?”

“รีบกลับร่างเดิมเร็วๆเถอะ” เขาพูดทั้งที่ยังหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างงงๆ
แต่ถ้าเธอเห็นใบหน้าเขาก็จะเข้าใจว่าเขาหันหนีทำไม มัลฟอยหน้าแดงก่ำ นี่เขาอยากจูบเด็ก5ขวบรึนี่!

บ้าไปแล้ว!! T///T (ตาโลลิค่อน^^)

“ทำไมหรอ?” เด็กหญิงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“...”
“ทำไมล่ะ”
“...”
“ทำไมอ้ะ”
“....-”- ..”
“ก็มัน!...(หื่น)ไม่..ได้..เอ้อ..ช่างมันเถอะ” =_=” เขาถอนใจหนักๆ

“ไม่เห็นเข้าใจเลย” เธอพูดพลางเอียงศีรษะซบลงกับมือของเขา มัลฟอยก้มมองเด็กหญิงด้วยสายตาอ่อนโยน
แล้วคุกเข่าลงกับพื้น สายตาทั้งสองประสานในระดับไล่เลี่ยกัน

มัลฟอยก้มหน้าลงเรื่อยๆ..เขาชะงักเล็กน้อย..แล้วจูบที่หน้าผากเธอแผ่วเบา
เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงก่ำ มัลฟอยเองก็เช่นกัน เขาบ่นบางอย่างแล้วรีบลุกขึ้นหันไปอีกทาง

เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นแตะหน้าผาก “ตัวร้อนเลย” เธอพูดเสียงเบา
“ไปเถอะ” -///- มัลฟอยจูงมือเธอแล้วเดินต่อ
“มัลฟอย”
เขาหันกลับมา “?”
เธอฉีกยิ้มพลางกวักมือเรียกให้เขาก้มลง
มัลฟอยคุกเข่าลงข้างๆเธอ

“เคยบอกไปรึยัง...ว่า..” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างเตรียมจะพูดต่อ “ว่า..”
“ว่า..อะไร” เขาขมวดคิ้ว
“ฉันชอบจูบของเธอ" เธอพูดเร็วๆแล้วจุ๊บเขาเบาๆหนึ่งที
“!!! O///o” มัลฟอยอึ้งไปเล็กน้อย

‘ป๊อบ’
“ว๊ายยยย” เฮอร์ไมโอนี่กลับเป็นเด็กสาวอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
เสื้อผ้าชุดเด็กฉีกขาดเผยให้เห็นผิวเนื้อเนียนขาว
“เฮ๊ย!” มัลฟอยตกใจไม่แพ้กัน
“หันไปเซ่!!!” เธอพูดเสียงดังพลางดึงเสื้อคลุมเขามาพันกาย
“อย่าดึงเสื้อคลุมฉันสิเกรนเจอร์ เดี๋ยวขาด” เขาพูดน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เธอ
“หัน-ไป-เดี๋ยว-นี้-นะ!” เธอกัดฟันกรอด หน้าเป็นสีจัด
“หันทำไม ทางนี้วิวดีออก” เขาพูดเสียงยานคาง รอยยิ้มกวนๆผุดขึ้นที่มุมปาก
“ถอดเสื้อคลุมออก!”
“จะตรงนี้เลยหรอ เกรนเจอร์..รอที่ห้องของฉันเถ..อะ” ไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่จ่ออยู่ที่คอของเขา
มืออีกข้างกำเสื้อคลุมแน่น สายตาดุดันราวกับจะฆ่าเขาทันทีถ้ายังไม่ยอมถอดเสื้อคลุมออก
“เชอะ!!” มัลฟอยยอมปลดเสื้อคลุมออกแต่โดยดี
เฮอร์ไมโอนี่ใส่เสื้อคลุมของเขาแล้วใช้เวทมนต์ซ่อมเสื้อผ้าที่ขาดพลางขยายขนาดของมัน
“จะรีบใส่ทำไม เดี๋ยวก็ต้องถอด” เขาบ่นอุบ
“!!!” เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปมองด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ
“ช่วยใส่มะ”
“ไม่ต้อง!!”
“เฮ่อ.. เด็กๆนี่ก็ดีแฮะ ไม่ปากแข็ง”

“อะไรของนาย”
“ก็เมื่อกี๊เธอยังพูดอยู่เลยว่าชอบจูบของฉัน” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“จำไม่เห็นได้” เธอพูดหน้าเป็นสีจัดขณะกำลังติดกระดุมเม็ดสุดท้าย
“มาต่อกันดีกว่า” เขาพูดพลางดันเธอชิดกำแพง
“ฝันไปเถอะย่ะ” เธอพูดแล้วย่นจมูกให้เขา
มัลฟอยยิ้มนิดๆแล้วก้มลงจูบเธออย่างลึกซึ้ง แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้มือของเขาจะอยู่ไม่ค่อยสุขเท่าไหร่
เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาโพลง

“ป..ปล่อย ปล่อยนะ คนลามก” เธอพูดพลางเอาไม้กายสิทธิ์ตีรัวศีรษะเขาเบาๆ
“โอ๊ยย รู้แล้วๆๆ” เขาบ่นพลางปล่อยเธอ
“ฉันจะกลับหอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดหน้าแดงก่ำ
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ม..ไม่ต้อง”
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง”
“ก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่ง” เขาพูดแล้วดันเธอให้เดินพลางโอบไหล่
“โอ๊ย” เฮอร์ไมโอนี่หยิกมือเขาแรงๆไปทีนึง
“จะส่งก็เดินเฉยๆ” เธอบอกตาขวาง
“-_-“”
* *

“เธอคืนร่างเดิมได้ไงอ่ะเฮอร์ไมโอนี่” ทุกคนต่างรุมถามเธอเช้าวันต่อมา
“ก็..พอตื่นขึ้นมา..มันก็กลับเป็นแบบเดิมแล้วล่ะ ^^” เธอพูดปด

“แล้วเธอจำเมื่อวานนี้ได้เปล่า”
“ก็จำได้บางอย่างนะ บางอย่างก็..จำไม่ได้”

“อย่างนี้ที่เธอทำไปเมื่อวานเธอรู้ตัวรึเปล่าเนี่ย”
“ก็รู้..แต่ก็เพราะเป็นเด็กก็เลยตัดสินใจทำอะไรแบบเด็กๆ”

“อ๋อ”
“ล่ะมั๊ง” เธอกระซิบกับตัวเองพร้อมกับรอยยิ้ม ^^


TBC

No comments:

Post a Comment