Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

13 The decision 3

******3********

“เป็นนายน้อยอย่ามาแตะต้องนะ! - - นี่แน่ะ! นี่แน่ะ!” 

เอลฟ์ตัวจ้อยทั้งทุบทั้งถองด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่เด็กหญิงพยายามพยุงตัวมัลฟอยขึ้น เมื่อไม่ได้ผลมันก็หันไปทึ้งผม
ของเธอแทน
“ฉันไม่ได้อยากแตะนายน้อยเธอสักนิดเลยนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ฉวยแจกันใบโตใกล้มือมาฟาด
ใส่มันสักที

“ถ้าเธอแบกเขาไหว ฉันจะไม่ช่วยเธอก็ได้!” 
เอลฟ์หยุดมือทันที มันมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่เหมือนชั่งใจอยู่สักครู่ก็หันไปช่วยยกแขนอีกข้างของมัลฟอยขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจ
แม้ว่าสำหรับมันแล้วมัลฟอยก็เหมือนยักษ์ตัวหนึ่งก็ตาม

“เราพาเขาไปที่ห้องเถอะ เธอนำทางไปก็แล้วกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะยกตัวมัลฟอยขึ้นสำเร็จในที่สุด
 เอลฟ์รับคำแล้วพยายามลอยตัวนำไป

ระหว่างทางที่ทั้งสองเดินไปตามระเบียงบ้านเฮอร์ไมโอนี่ก็หันซ้ายหันขวามองโน่นมองนี่ไปตลอดทาง - - บ้านของมัลฟอย
นั้นน่าจะเรียกว่าปราสาทเสียมากกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับจงใจสร้างด้วยสีหม่น ๆ ของอิฐและหิน โคมไฟบนเพดาน
ตลอดทางเดินและของตกแต่งเป็นสีทองเข้ม รูปภาพทั้งเก่าและใหม่หลายรูปมองมาที่ทั้งสองอย่างสนใจแต่ก็มีบางภาพ
ที่พึมพำออกมาให้ได้ยิน 

“ต๊าย แฟนเดรโกหรือไงนี่” สุภาพสตรีในชุดสีดำเอาพัดบังริมฝีปากของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าเธอจงใจให้รูปอื่น ๆ สนใจ 
ซึ่งก็ได้ผล หญิงสาวในชุดสีแดงปล่อยมือจากลูกแอปเปิ้ลในภาพของเธอแล้วหันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่
“เดรโกจูบเก่งใช่ไหม” เธอหัวเราะคิกคัก

“ไปห้องเขาเหรอ ห้องเขาไม่มีรูปสักใบฉันเลยตามไปไม่ได้” หญิงสาวหน้าซีดเหมือนกระดาษในภาพพูดเสียงกระซิบ
เฮอร์ไมโอนี่พยายามไม่พูดกับรูปใดทั้งนั้น เธอเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างตรงทางเดินก็เห็นหมู่ต้นไม้ที่ขึ้นกินพื้น
ที่ด้านหน้าของปราสาท ใบไม้บนต้นทุกต้นเป็นสีเขียวจัดเพราะถูกบังด้วยเงาปราสาทหลังนี้

“ไม่มีเอลฟ์ตัวอื่นอีกเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามถามเอลฟ์ตัวนั้นโดยมีแขนที่ร้อนเพราะพิษไข้ของมัลฟอยพาดบ่าอยู่
“เป็นมีค่ะ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นายน้อยเลย - - เป็นนายน้อยหมู่นี้ชอบโยนเสื้อผ้าให้ถ้าพวกเราเผลอ” 
มันเริ่มร้องไห้แล้วพูดต่อ

“ทูดาสงสารนายน้อย เป็นนายน้อยไม่สบายมาหลายวันแล้วแต่ไม่มีใครดูแลเลย”
“แล้วพ่อ...” เฮอร์ไมโอนี่เงียบลงทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพ่อของมัลฟอยอยู่ที่ไหน - - และเป็นที่ที่ไม่ควรพูดถึงอย่างยิ่ง! 
“แม่ของเขาล่ะ”

“นายหญิง...เอ่อ...” เอลฟ์หญิงที่ชื่อทูดาตัวนั้นลังเลที่จะตอบ พอดีกับที่พวกเขาเดินมาถึงประตูไม้ของห้อง ๆ หนึ่ง มันจึงรีบผละ
ไปเปิดประตูห้องนั้นให้เฮอร์ไมโอนี่พามัลฟอยเข้าไป เด็กหญิงค่อย ๆ วางเขาลงบนเตียงสี่เสาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องแล้วยกขา
ของเขาให้อยู่บนเตียงจนครบด้วยแรงทั้งหมดที่มีอย่างยากเย็น

เฮอร์ไมโอนี่เริ่มนวดไหล่ตัวเองแล้วมองไปรอบ ๆ - - ห้องของมัลฟอยกว้างเกินกว่าจะเป็นห้องสำหรับคนเพียงคนเดียว
 ของตกแต่งในห้องล้วนสวยงามดูมีค่า ผ้าม่านเนื้อดีสีขาวสะอาดพลิ้วไหวอยู่ตรงหน้าต่าง พื้นห้องเป็นหินเรียบลื่น 
เธอคิดว่านายและนางมัลฟอยคงจะต้องการให้ลูกชายได้ทุกอย่างที่เป็นที่สุด...ห้องกว้างที่สุด เตียงใหญ่ที่สุด 
เครื่องตกแต่งห้องที่สวยที่สุด แต่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจก็คือห้อง ๆ นี้นั้นเป็นห้องที่ดูเงียบเหงาและว้าเหว่ที่สุดเช่นกัน

ทูดาเดินมาพร้อมกับแก้วน้ำผลไม้สีสวยบนถาด เฮอร์ไมโอนี่รับมาดื่มอย่างกระหายเพราะเหนื่อยที่แบกมัลฟอยมาถึงนี่
“แล้วเธอไม่กลัวเขาขว้างเสื้อผ้าใส่บ้างหรือไง” เด็กหญิงถาม

“เป็นทูดาคอยหลบให้ทันค่ะ แต่เป็นทูดารู้ว่านายน้อยแค่ไม่อยากให้ใครเข้ามาใกล้” มันทำท่าจะร้องไห้อีก
“แล้วเขาไม่สบายเป็นอะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามต่อแล้ววางแก้วกลับไปบนถาด
“เป็นทูดาคิดว่าอาจจะเป็นหวัดธรรมดา แต่นายน้อยเป็นไม่ยอมให้ใครมาเฝ้าไข้ก็เลยเป็นหนักขึ้นค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาแล้วถอนหายใจ - - ทำไมเขาถึงไม่ห่วงตัวเองซะบ้างเลย 

“ไปเอาผ้าขนหนูกับน้ำอุ่นมาหน่อยได้ไหม ฉันจะทำเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน”
“แต่ว่า...”
“นี่ไม่ใช่การพยาบาลเขาเป็นครั้งแรกของฉันหรอกนะ” เธอนึกถึงตอนงานเลี้ยงเต้นรำตอนปีสี่และเธอเองนี่แหละที่ช่วยดู
แลเขาให้หายเมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ทูดาพยักหน้าแล้วกระโดดหย็องแหย็งหายไปที่มุมห้อง ไม่นานก็กลับมาพร้อม
กับผ้าขนหนูสีขาวและอ่างทองเหลืองที่มีควันลอยออกมา เฮอร์ไมโอนี่ถอดเสื้อคลุมเปื้อนขี้เถ้าของตัวเองออกแล้วพับแขนเสื้อขึ้น
 เด็กหญิงเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าและแขนให้เขา ทูดามองเธออย่างสนใจ

“เป็นคนรักของนายน้อยเป็นคุณเหรอคะ” 
มีรอยสีชมพูปรากฏขึ้นบนหน้าของเฮอร์ไมโอนี่แต่เด็กหญิงก็ฝืนยิ้มอย่างอ่อนใจเมื่อนึกถึงประโยคดุเดือดที่มัลฟอยตะโกน
ใส่หน้าเธอไปเมื่อสักครู่

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงนายน้อยเธอก็ปากร้ายกับ “คนรัก” น่าดูเลยนะ” เธอวางแขนของมัลฟอยลงแล้วจับหน้าผากเขาเพื่อวัดไข้
“คงอาละวาดจนหมดแรงเท่านั้นแหละ ฉันว่าตัวเขาไม่ค่อยร้อนแล้วนะ” เด็กหญิงลุกไปล้างมือในห้องน้ำโดยปล่อยให้ทูดา
เปลี่ยนชุดใหม่ให้มัลฟอยจนเสร็จ เมื่อเดินออกมาเธอก็เห็นทูดากำลังขยับผ้าห่มให้ปิดอกเขาอยู่ ทูดากระโดดมาหาเฮอร์ไมโอนี่ 
มันโค้งคำนับอย่างซาบซึ้งใจ

“ขอบคุณมากนะคะ ทูดาอยากตอบแทน คุณทานอาหารเย็นที่นี่นะคะ”
“เธอก็เห็นว่าเขาไม่อยากให้ฉันอยู่ เอาผงฟลูให้ฉันเถอะฉันจะกลับแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
ทูดาหน้าเศร้าลงอีก มันก้มหน้าแล้วอธิบายเสียงสั่นเครือ

“ผงฟลูที่นี่หมดแล้วล่ะค่ะ เป็นตั้งแต่นายผู้ชายหายไป เป็นนายหญิงก็ใช้ผงฟลูไปโน่นมานี่ วันละหลาย ๆ ครั้งแล้วนายหญิงก็
หายไปอีกคนแต่ทูดาไม่รู้ว่าไปไหน”

บางทีมิสซิสนาร์ซิสสา มัลฟอยคงพยายามหาคนไปช่วยสามีของเธอก็เป็นได้ - - เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจขณะมองทูดาปาดน้ำตา
ที่เริ่มไหลลงมา เอลฟ์ตัวจ้อยเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยสีหน้าขอร้อง

“ค้างที่นี่เถอะนะคะ พรุ่งนี้เป็นทูดาจะให้นายน้อยสั่งให้ทูดาออกจากบ้านไปซื้อผงฟลูมาให้คุณ”
เด็กหญิงพยักหน้าในที่สุด

แล้วคืนนั้นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่โต๊ะของบ้านมัลฟอยเพียงลำพัง โต๊ะที่จัดเรียงเก้าอี้ไว้เป็นสิบ ๆ 
ตัวดูแล้วเหมือนโต๊ะสำหรับจัดเลี้ยงแขกนับสิบคนนั้นดูกว้างและยาวเกินไปสำหรับครอบครัวมัลฟอยที่เธอคิดว่ามีเพียงสามคนเท่านั้น
 และยิ่งในเวลานี้ที่มีเธออยู่แค่คนเดียวด้วยแล้วแสงเทียนและแสงไฟจากเตาทำให้บรรยากาศชวนหดหู่ใจด้วยความเหงามากขึ้นไปอีก

เมื่อได้เวลา อาหารมากมายก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะซึ่งก็เป็นอาหารสำหรับคน ๆ เดียว ทุกอย่างยังร้อนและหอมน่ากิน
 เฮอร์ไมโอนี่หยิบช้อนขึ้นมาตักซุปในชามตรงหน้ารับประทาน เวลาผ่านไปโดยที่รอบตัวมีเพียงเสียงปะทุจากฟืนในเตา
ผิงของห้องรับประทานอาหารสลับกับเสียงช้อนส้อมของเธอเท่านั้น
เงียบเหลือเกิน...เฮอร์ไมโอนี่คิดแล้วถอนใจเฮือก นึกถึงครอบครัววิสลีย์ที่ไม่เคยขาดเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะในเวลา
อาหารเลยแล้วนี่มัลฟอยต้องนั่งอยู่อย่างนี้คนเดียวมานานแค่ไหนก็ไม่รู้....เธอถอนใจอีก

“ทูดา ทูดา” เด็กหญิงเรียกเอลฟ์แล้วมันก็ปรากฏตัวขึ้นข้างเก้าอี้ของเธอทันทีพร้อมกับถามเสียงหวั่น ๆ
“ไม่อร่อยเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอก อร่อยมากแต่ฉันอยากหาคนมานั่งคุยด้วยสักหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ทูดาจึงกระโดดขึ้นนั่งบนเก้าอี้
 “นายน้อยเธอเขาอยู่คนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว”

“ตั้งแต่ปิดเทอมค่ะ เป็นไม่มีใครไปรับนายน้อยที่สถานีรถไฟ เป็นนายน้อยต้องกลับบ้านเองพอกลับมาก็ไม่มีใครอยู่แล้ว”
“อะไรนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเพราะนั่นหมายความว่ามัลฟอยอยู่อย่างนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว

“แต่...แต่เป็นนายน้อยไม่เคยพูดอะไรเลยนี่คะ” ทูดารีบบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าตกใจ
เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวพิงเก้าอี้....มัลฟอยอดทนไม่น่าเชื่อในขณะที่เธอแค่คืนนี้คืนเดียวก็แทบทนไม่ไหว 

“เป็นอะไรไปคะ” ทูดาถามเพราะเห็นเธอเงียบไป
“ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเธอมีงานต้องทำก็ไปได้นะ” เด็กหญิงบอก ทูดาพยักหน้าแล้วหายไปจากเก้าอี้ 

เฮอร์ไมโอนี่หยิบช้อนขึ้นมา - - ถึงแม้ต้องนั่งคนเดียวก็ไม่เป็นไร เธออยากรับรู้ความทุกข์ที่มัลฟอยต้องเจออยู่ทุกวันบ้างเผื่อ
ว่าเธอจะเข้าใจเขาในเวลานี้ได้มากขึ้น

หลังจากที่รับประทานอาหารแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ทูดาเตรียมไว้ให้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของมัลฟอย
 เธอเห็นเบาะนอนถูกจัดไว้ข้างเตียงสูงของเขาเรียบร้อยพร้อมกับหมอนและผ้าห่มวางไว้แล้ว ทูดากำลังปลดม่านรอบเตียงนาย
น้อยของมันที่ตอนนี้ยังคงหลับลงอย่างระมัดระวัง

“เป็นคุณนอนกับนายน้อยที่นี่เถอะนะคะ ถ้ามีอะไรก็เรียกทูดาได้ค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่มองเปลือกตาที่ยังคงปิดสนิทของมัลฟอยเหมือนชั่งใจอยู่สักพักแล้วก็พยักหน้า ทูดายิ้มอย่างดีใจแล้วเดินไปยกตะเกียงที่อยู่ตรงโต๊ะมุมห้องขึ้น
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” มันพูดจบก็หายไปพร้อมกับเสียงป๊อบเบา ๆ

เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงนอนบนเบาะ มองเพดานสูง ๆ ของห้องขณะที่ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ของมัลฟอยที่นอนเหยียดยาว
อยู่บนเตียงเป็นระยะ - - ไม่รู้ว่าป่านนี้ครอบครัววิสลีย์รู้หรือยังว่าเธอมาติดอยู่ที่บ้านของมัลฟอย และดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่ยิน
ดีต้อนรับเธอเลยสักนิด....เขาคงโกรธที่เธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายลูเซียส มัลฟอย พ่อของเขาต้องเข้าไปอยู่ในอัซคาบัน..
.คุกของพ่อมด บางทีสาเหตุของอาการป่วยของมัลฟอยอาจจะมาจากการทำร้ายตัวเองเพราะเสียใจเรื่องนี้ก็ได้
เด็กหญิงถอนใจแล้วหลับตาลง - - 

“บ้าเอ๊ย...”
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งแล้วลุกขึ้นนั่งทันที เธอพลิกม่านที่เตียงของมัลฟอยออกก็เห็นเขานอนกระสับกระส่ายไปมาและพูดพึมพำ
“ไปกันให้หมด...ไอ้พอตเตอร์ ฉันจะฆ่าแก!”

เด็กหญิงถอนใจลึกแล้วเอื้อมมือไปจับมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อของมัลฟอยเขย่าเบา ๆ เขาจึงค่อยสงบลง
“เสียใจด้วยเรื่องพ่อเธอนะ” เธอพูดขณะใช้หลังมืออีกข้างไปทาบหน้าผากอุ่น ๆ ของอีกฝ่ายเพื่อวัดไข้
 แน่นอนว่าเขาไม่ได้ยินแต่เธอก็รู้ดีว่าป่วยการถ้าจะพูดเรื่องนี้ตอนที่เขารู้สึกตัวดี
“แต่เธอไม่เห็นจำเป็นต้องทำตัวเหมือนอยู่ในอัซคาบันไปด้วย”
เมื่อมัลฟอยเงียบไปและดูเหมือนหลับสบายขึ้นเฮอร์ไมโอนี่ก็พลิกม่านลงแล้วทิ้งตัวลงนอนตามเดิม

To be continued!


No comments:

Post a Comment