Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 15: An Ambush & Tea with Hagrid

การซุ่มโจมตี & ดื่มน้ำชากับแฮกริด (An Ambush & Tea with Hagrid)

          เฮอร์ไมโอนี่หาวและเหยียดแขนเธอออกไป พยายามดึงหมอนของเธอให้กลับมาอยู่ใต้แก้มเธอ แม้ว่าเธอยังครึ่งหลับครึ่งตื่นก็บอกได้ว่าของแข็งที่อยู่ใต้ศีรษะเธอคือหนังสือ

          “ฉันควรเก็บหนังสือทั้งหลายก่อนไปนอน” เธอบอกตัวเองอย่างสะลึมสะลือ

          เฮอร์ไมโอนี่ยังอยู่ในท่านั้นอยู่สักพัก ลังเลใจที่จะเลือกหลับต่อหรือตื่นนอน ก่อนที่เธอจำได้ถึงบางอย่างที่สำคัญอย่างยิ่ง เธอไม่ได้กลับไปที่เตียงเมื่อคืนก่อน นั่นทำให้เธอตกใจตื่นอย่างเต็มตา

          เธอยังอยู่ในห้องของพวกเขา เธอหลับอยู่ในเก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่เธอชอบ หนังสือเล่มที่เธอกำลังพยายามแปลถูกใช้แทนหมอน เฮอร์ไมโอนี่ขยี้ลูกตา ในห้องค่อนข้างมืด เปลวไฟในเตาผิงดับลง เทียนไขหลายเล่มมอดดับไปนานแล้ว ความหนาวเย็นล่องลอยในอากาศ เฮอร์ไมโอนี่ดึงเสื้อคลุมให้กระชับแน่นรอบตัวมากขึ้น พยายามป้องกันไม่ให้เป็นหวัด เพราะความรีบร้อนของเธอ เธอได้ทิ้งเสื้อคลุมของตัวเองไว้กับดีนที่งานเต้นรำ;เสื้อคลุมตัวที่ใส่อยู่นี้เป็นสีเทาเข้มและเข้ากันได้อย่างงดงามกับชุดราตรีที่เดรโกสวมใส่ไปงานเต้นรำ

          เฮอร์ไมโอนี่ดึงคอปกเสื้อคลุมให้กระชับขึ้น และเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อที่เธอสามารถสัมผัสความเนียนนุ่มของเนื้อผ้าภายใต้แก้มของเธอได้ มันมีกลิ่นเครื่องเทศแปลกๆ บางอย่าง บางทีอาจเป็นแพตชูริ เธอสังเกตเดรโกซึ่งยังนั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอในความมืด ศีรษะของเขาวางพักอยู่บนมือ ผมสีอ่อนยุ่งเหยิงเกือบจะเปล่งแสงเรืองในความมืดได้ตกลงมาคลุมใบหน้าเขา

          เฮอร์ไมโอนี่หาวอีกครั้ง และคิดว่าอย่างน้อยที่สุดเธอน่าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเธอลากเขามาที่นี่ ราวกับว่าการตื่นขึ้นมาในห้องที่มืดเย็นหลังจากคุณหลับใหลอยู่ในเก้าอี้ยังไม่แย่พอ เธอดันหลับไปทั้งๆ ที่อยู่ในชุดกระโปรงราตรีตัวใหม่

          เธอยืนขึ้นอย่างไม่มั่นคงและเดินไปที่หน้าต่าง ภายนอกมืดสนิท เธอไม่สามารถมอง

เห็นอะไรทั้งสิ้นผ่านบานกระจก แม้ว่ามันไม่ได้อยู่ท่ามกลางความมืด เพราะว่าหน้าต่างถูกปกคลุมไปด้วยแผ่นน้ำแข็งบางๆ

          เธอกลับไปที่โต๊ะและสัมผัสไหล่ของเดรโกเบาๆ เขาไม่ขยับเขยื้อน เธอโน้มตัวลงไปและกระซิบค่อยๆ

          “มัล...เดรโก ตื่นเถอะ”

          เขาไม่ตอบ เฮอร์ไมโอนี่มองท่าทางการนอนของเขา เขาต้องเป็นคนที่หลับลึกมากคนหนึ่ง เธอโน้มเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นและจับแขนเขา

          “เดรโก” เธอเขย่าแขนเขา “ตื่นเถอะ”

          แล้วเขาก็ตื่นพร้อมกับเสียงฮึดฮัดตกใจ  เขาสะดุ้งถอยจากโต๊ะและคว้าตัวเธอไว้ก่อน

เฮอร์ไมโอนี่จะบอกว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เธอพบว่าตัวเธอกำลังนอนอยู่บนตัวเขาแนบแน่น ดวงตาเบิกกว้างจ้องขึ้นไปที่เดรโก เขาจับแขนเธอแน่นอย่างเจ็บปวด และเธอตระหนักอย่างยิ่งถึงปลายไม้กายสิทธิ์ของเขากำลังจิ้มคอหอยเธอ

          “มัลฟอย! เธอบ้าไปแล้วหรือไง?” เธอแผดเสียงกึ่งโกรธกึ่งกลัว

          นัยน์ตาสีเทาเข้มของเขาสว่างวาบขึ้น เมื่อเขาจดจำเธอได้และปล่อยแขนเธอ

          “เฮอร์ไมโอนี่ เธอมาทำอะไรในหอนอนของฉัน?” ความประหลาดใจของเดรโกจางไป และเขาส่งยิ้มยั่วยวนใจมาให้เธอ

          “ถอยไปเดรโก ฉันไม่ได้อยู่ในหอนอนของเธอ และเธอก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอารมณ์เสีย

          เดรโกถอยห่างออกจากเธอ เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นนั่งและยังคงเอนพิงกับโต๊ะ แขนเธอกำลังเริ่มปวดเล็กน้อย เธอทำหน้าตาบูดบึ้ง

          “ฉันทำเธอเจ็บหรือ?” รอยยิ้มของเดรโกเลือนหายไป และเขาก้าวเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง

          “ไม่ ไม่ ฉันแน่ใจว่าเมื่อเลือดเริ่มไหลเวียนอีกครั้ง ทุกอย่างคงจะสบายดี” เธอพูดอย่างฉุนเฉียว

          “มานี่ ให้ฉันดูหน่อย”

          เดรโกไม่รอคำตอบ;เขาจับแขนเธอและถกแขนเสื้อของเธอขึ้นอย่างสุภาพ ภายในความมืดสีแดงสดกลายเป็นสีแดงปนน้ำตาลเข้ม และมันตัดกันอย่างแรงกับสีขาวสว่างของแขนเธอ แม้ว่าอยู่ในความมืดร่องรอยตรงที่เขาจับแขนเธอยังมองเห็นได้;รอยสีแดงเล็กๆ เป็นเครื่องหมายว่านิ้วมือของเขาเคยอยู่

          “นรกระยำ เกรนเจอร์ ทำไมเธอต้องฟกช้ำได้ง่ายๆ อย่างนี้ด้วย? นั่นไม่ตลกเลยนะ”

          เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่เขา แต่เขาแค่ยิ้มให้เธอด้วยความเพลิดเพลิน เขาไม่ได้ปล่อยแขนเธอและการถลึงตาของเธอค่อยๆ หายไป เมื่อเธอตระหนักว่าเขากำลังลูบไล้ร่องรอยเหล่านั้นอย่างอ่อนโยนด้วยปลายนิ้วหัวแม่มือของเขา เธอกลืนน้ำลายอย่างหนักเมื่อเขาก้มมองเธอ สำรวจเธอ เธอรู้สึกตัวอย่างฉับพลันถึงความใกล้ชิดของเขาต่อเธอ เธอพยายามขยับไปด้านหลังซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าเธอยังคงเอนพิงกับโต๊ะไม้ใหญ่

          เดรโกเหมือนเริ่มรู้ตัวถึงความใกล้ชิดของพวกเขาเช่นกัน เขาปล่อยแขนเธออย่างทันทีแล้วแขนเสื้อตกกลับลงมา เขาเบือนหน้าหนีไปจากเธอและเริ่มค้นในกล่องใบหนึ่งเพื่อหาเทียนไขสำรอง เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรู้สึกว่าหัวใจเธอเริ่มเต้นช้าลงอีกครั้ง

          “เราต้องเผลอหลับไปแน่เลย” เธอพูดอย่างหายใจขัดๆ

          “ภาพก็บอกความชัดเจนอยู่แล้ว” รอยยิ้มหยันวางโตของเดรโกกลืนหายไปในความมืด แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่ามันอยู่ที่นั่นและเธอแทบจะได้ยินมัน

          “เธอค่อนข้างอารมณ์เสียเมื่อไม่ได้กลับไปนอนหลับฝันดีใช่ไหม?” เธอตวาด

          เทียนไขลุกติดขึ้นทันเวลาพอให้เธอเห็นสีหน้างงงวยของเดรโกก่อนมันหายไปในเงามืดอีกครั้ง เขาวางเทียนไขบนโต๊ะและมองลงไปที่หนังสือเล่มใหญ่ที่เขากำลังศึกษาอยู่

          “นี่มันยากกว่าที่ฉันคิดว่ามันจะเป็น” เฮอร์ไมโอนี่พูดงึมงำกับตัวเองมากกว่าพูดกับเขา

          “รหัสเฮงซวย ทำไมเขาต้องสร้างระบบตัวเลขมหัศจรรย์ของเขาเองอย่างนี้ด้วย?”

เดรโกถลึงตาใส่หนังสือ

          “รหัสรึ? ฉันกำลังพูดถึงภาษาละติน;ตัวเลขมหัศจรรย์เป็นส่วนที่ง่าย ทั้งหมดเป็นแค่รายการตัวเลขต่างๆ ที่สอดคล้องประสานกัน” เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงถัดจากเขาอย่างหมดกำลังใจ

          “Certum est, quia  เป็นไปไม่ได้” เดรโกพูดอย่างนุ่มนวล

          เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วข้างหนึ่ง “เธอพูดภาษาละตินรึ?”

          “ฉันสามารถพูด อ่านและเขียนได้” น้ำเสียงเดรโกมีมากกว่าความภาคภูมิใจเล็กน้อย

          “เธอกำลังล้อเล่น”

          “การศึกษาตามแบบโบราณ” เดรโกพูดเสียงดังอย่างขุ่นเคือง “อะไร เธอคิดว่าการศึกษาของฉันเริ่มต้นที่นี่ ที่ฮอกวอตส์งั้นรึ?”

          “เออ แม่มดและพ่อมดส่วนมากไม่...” เฮอร์ไมโอนี่เริ่ม

          “ตระกูลมัลฟอยลักษณะเหมือนกับแม่มดและพ่อมดส่วนใหญ่สำหรับเธองั้นรึ?” เดรโกตั้งคำถาม “ฉันมีครูสอนพิเศษมาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ฉันจำความได้ ลูเซียสเชื่อเสมอว่าฉันควรมีรากฐานที่มั่นคงเพื่อการเรียนในโรงเรียนต่อไป  โอ้...และพวกคาถามนตร์ดำส่วนใหญ่เขียนเป็นภาษาละตินด้วยนะ” เขาเสริมความคิดอันหลังนี้

          “ฉันจะจำใส่ใจไว้” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา ลำบากใจจะเลือกระหว่างความขบขันหรือว่าความไม่เห็นด้วย

          “เฮอร์ไมโอนี่ ฉันคิดว่าเธอกำลังเข้าใจเรื่องนี้ผิดประเด็นจริงๆ นะ” เดรโกบอกเธออย่างอดทน

          “โอ้ จริงหรือนี่? ฉันได้ทุ่มเทเวลามากมายให้กับโครงการนี้อย่างเดียว และฉันดูเหมือนไม่ไปถึงไหนเลย ฉันรู้ว่าคำตอบทั้งหลายอยู่ตรงนี้ตรงข้างหน้าฉัน ฉันแค่ไม่สามารถอ่านพวกมันได้” เธอหยุดและพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย

          “โอ้ ใจเย็นหน่อยซิ เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่คิดว่าเธอกำลังมองเรื่องนี้อย่างมีเหตุผล” เขาพูดช้าๆ ราวกับเขาเกรงว่าอารมณ์อีกอย่างจะผุดขึ้นมา แต่เฮอร์ไมโอนี่บอกได้ว่าเขาคงเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าสนุกสนานจริงๆ

          “โอ้ ฉันไม่ได้กำลังคิดอย่างมีเหตุผลยังงั้นใช่ไหม มัลฟอย?” เธอพูดประชด

          “เปล่า เธอไม่ได้เป็น เกรนเจอร์” เขาพูดย้อนด้วยน้ำเสียงเท่าเทียมกัน “เธอเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเรื่องรหัส และฉันเป็นผู้มีพรสวรรค์ทางด้านภาษาคนหนึ่ง”

          เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่กลอกลูกตาเธอ

          “เอาน่า เกรนเจอร์ ประติดประต่อมันเข้าด้วยกันซิ” เดรโกตัดสินใจว่าเธอต้องเหนื่อยเกินไปที่จะคิดได้อย่างถูกต้องและไม่คอยคำตอบจากเธอ “เธอสามารถถอดรหัสได้และฉันจะแปลให้ ถ้าเราทำงานด้วยกันมันไม่น่าเป็นปัญหา การร่วมมือกันทำงาน เกรนเจอร์”

          เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ ศีรษะเธอมึนตึ้บและรู้สึกปวดเมื่อยจากความเย็น เขาพูดถูกและแน่นอนเธอเกลียดเมื่อเขาเป็นฝ่ายถูก

          “เยี่ยมเลย! เราจะทำงานด้วยกัน” เธอเห็นด้วยในที่สุด “แต่ฉันคิดว่าเราควรรอเป็นวันพรุ่งนี้ก่อนเราเริ่มต้นนะ”

          เดรโกพยักหน้าให้เธอและเริ่มดับเทียนไข เฮอร์ไมโอนี่หันไปรวบรวมข้าวของของเธอ แล้วจำได้ว่าเธอออกจากงานเต้นรำตรงมาที่นี่ เธอเพียงแค่ใช้เวลาสักประเดี๋ยวหรือว่ามากกว่านั้น เพื่อแลกเปลี่ยนคำขอโทษอย่างรีบด่วนกับดีนสำหรับการออกจากงานไปก่อน ส่วนแฮร์รี่และรอนทั้งคู่คงบ่นว่าเธอสัญญาจะเต้นรำกับพวกเขาแต่ละคน และจินนี่ต้องมองเธอด้วยสายตารู้เท่าทัน แต่ว่าเฮอร์ไมโอนี่สามารถเลี่ยงหลบพวกเขาทั้งหมด และเล็ดลอดหนีเข้าไปในห้องโถงได้ เนื่องจากความตื่นเต้นของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นว่าแฮร์รี่และรอนกำลังจับตาดูเธอออกไปกับเดรโก

          “พร้อมไหม?” เดรโกกระซิบมาจากประตู

          เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าให้แม้ว่าไม่มีทางที่เขาจะเห็นมันในความมืด

          หลังจากเธอใส่กุญแจประตูที่เข้าห้องของพวกเขาแล้ว  ทั้งสองคนเดินแอบๆ ลงบันไดวนไปและจากนั้นเดินข้ามผ่านห้องสมุดออกไป พวกเขาน่าจะแยกทางกันที่ด้านนอกห้องสมุดเหมือนปกติ แต่เดรโกคล้ายกับว่าจมอยู่กับความคิดและเขาเดินไปเป็นเพื่อนกับเธอด้วย ผ่านห้องโถงเงียบสงัดตรงไปยังหอคอยกริฟฟินดอร์ เธอมองเขาทางหางตาแต่เขาดูเฉยเมยเหลือเกิน

          สุภาพสตรีอ้วนกำลังกรนเบาๆ เมื่อพวกเขาไปถึงช่องรูปภาพเหมือน เฮอร์ไมโอนี่หันมาหาเดรโก เขาตั้งใจจะตามเธอเข้าไปข้างในหรือไง?

          “เดรโก?” เธอกระซิบ

          “นี่เป็นทางเข้าไปข้างในหอคอยกริฟฟินดอร์จริงหรือ? เป็นเรื่องดีที่ได้รู้” เขาพึมพำเบาๆ

          “โอ้ ใช่ซิ เพราะว่าเธออยากมาเยี่ยมเยียนและท่องเที่ยวเป็นบางครั้งบางคราวซินะ”

          เฮอร์ไมโอนี่ยืนรออย่างอดทนคอยให้เขาจากไปไม่ว่าเธอเหนื่อยมากแค่ไหน ไม่มีทางที่เธอจะเอ่ยรหัสผ่านต่อหน้าเขา แต่เดรโกดูเหมือนไม่สนใจ เฮอร์ไมโอนี่นึกได้ถึงเสื้อคลุมของเขา

          “เอานี่” เธองึมงำเมื่อดึงเสื้อคลุมสีเทาเข้มออกจากไหล่เธอ

          เดรโกรับมันไปจากเธออย่างช้าๆ ราวกับว่าไม่ได้เห็นมันจริงๆ  เขากำลังมองเธอด้วยท่าทางที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกค่อนข้างจะไม่สบายใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน นัยน์ตาสีเทาของเขาดูรุนแรงและลึกลับอีกครั้ง ใบหน้าครึ่งหนึ่งซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูเหมือนกำลังจะพูดบางอย่างหรือบางทีจะทำบางอย่าง เมื่อความเคลื่อนไหวหนึ่งดึงความสนใจของพวกเขาทั้งคู่

          ที่นั่งห่างออกไปไม่กี่ฟุตคือ มิสซิสนอร์ริส ดวงตาลูกใหญ่เปล่งแสงเรืองกำลังพิจารณาพวกเขาอย่างละเอียดอยู่ในความมืด

          เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากตกใจและก้าวถอยหลัง “เธอไปดีกว่านะ มันสามารถเรียกฟิล์ชได้เร็วกว่าที่เธอจะคาดคิด”

          “บ่อยแค่ไหนที่เธอพบเจ้าแมวบ้านั่นหลังเวลาทำงาน?” เดรโกกระซิบด้วยความแปลกใจ และความรู้สึกนับถืออยู่ในน้ำเสียงเขา

          “บ่อยมากกว่าที่ฉันจะชอบได้ ตอนนี้เธอควรไปได้แล้ว!” เฮอร์ไมโอนี่ยกแขนทำท่าทางไปที่ชานบันได

          เดรโกยังคงยืนอยู่ ไม่ขยับเขยื้อน

          “ฟังนะ ถ้านายถูกจับได้แล้วใครจะช่วยฉันแปลภาษาละตินวันพรุ่งนี้ล่ะ?” เธอวิงวอน

          เดรโกมองไปที่มิสซิสนอร์ริสแล้วกลับมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เขาพยักหน้าและเผ่นลงบันไดไป มิสซิสนอร์ริสมองเธออย่างเย็นชาก่อนหมุนตัวตามไป เฮอร์ไมโอนี่หันไปที่รูปภาพเหมือนและกระซิบ

          “คริสต์มาส ไชโย”

          สุภาพสตรีอ้วนทำเสียงขึ้นจมูกทั้งที่หลับอยู่แล้วพูดออกมาพร้อมกับหาว “เธออยู่ข้างนอกจนดึกที่รัก เธอควรจะบอกเพื่อนชายของเธอไม่ควรกักตัวเธอไว้ข้างนอกนานนัก ถึงแม้ว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง” สุภาพสตรีชุดสีชมพูยิ้มเมื่อเฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง

          “เขาไม่ใช่เพื่อนชายของฉัน!” เธอว๊ากใส่เมื่อก้าวผ่านช่องรูปภาพเหมือน

          “แน่นอน เขาไม่ใช่” น้ำเสียงบอกมาด้วยความขบขันขณะที่รูปภาพเหมือนเหวี่ยงปิดตามหลังเธอ

          ห้องนั่งเล่นรวมมืดสนิท เฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นบันไดไปหอนอนนักเรียนหญิง ลาเวนเดอร์และปาราวตียังหลับอยู่เมื่อเธอเข้าไป นาฬิกาปลุกที่อยู่ข้างเตียงของเธอบอกเวลาตีสี่

          เฮอร์ไมโอนี่ถอดชุดกระโปรงราตรีอย่างว่องไวแล้วใส่ชุดนอน รู้สึกสบายตัวกับผ้าสักหลาดเนื้อนุ่ม เฮอร์ไมโอนี่ยอมให้เวลากับตัวเองเพื่อคิดถึงสิ่งที่เป็นภาระหนักอึ้งอยู่ในใจเธอมาตลอดทั้งคืน เดรโก มัลฟอย

          เฮอร์ไมโอนี่ปีนขึ้นเตียงและดึงผ้าม่านปิดรอบเตียง เธอสอดตัวเข้าใต้ผ้าคลุมเตียงยัดขนนก และจ้องขึ้นไปที่กระโจมสีแดงเข้ม เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?

          เธอไม่เข้าใจมันเลย นาทีหนึ่งเขาเป็นมัลฟอยคนเก่าเหมือนเคย เด็กหนุ่มคนเดิมที่เกลียดชังพวกเลือดสีโคลนทั้งหมด และไม่ประสงค์อะไรทั้งสิ้นนอกจากเจตนามุ่งร้ายกับเธอและเพื่อนๆ ของเธอ แต่แล้วเวลาต่อมาเขากลายเป็นคนอ่อนโยนและเกือบจะเป็นห่วงเป็นใย

เฮอร์ไมโอนี่สั่นระริกอย่างฉับพลัน เมื่อเธอวาดภาพดวงตาสีเทาลึกล้ำกำลังมองเข้าไปในดวงตาเธอ เธอไม่ได้คาดหวังเขาให้มาหาเธอระหว่างงานเต้นรำ กระนั้นเธอรู้สึกดีใจที่เขามา ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนุกสนานกับการเต้นรำ มันแค่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันดูเลอะเทอะ

เธอไม่อาจขับไล่ความปรารถนาสำหรับบางอย่างน่ามหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นได้เลย และเฮอร์ไมโอนี่เกลียดที่ยอมรับมันมากพอๆ กัน  การเต้นรำกับเดรโกภายใต้ดวงดาวประดับท้องฟ้ากับเกล็ดหิมะที่กำลังตกลงมาเบาๆ รอบพวกเขา มันช่างน่ามหัศจรรย์มากกว่าที่เธอเคยปรารถนาเสียอีก

          เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าโปร่ง สดชื่นและสว่างสดใส  แสงแวววาวไปทั่วบริเวณเมื่อหิมะละลายท่ามกลางแสงอาทิตย์ ไม่มีการบอกเป็นนัยถึงพายุอีกลูกที่กำลังก่อตัวอยู่;ภายในหรือภายนอกของหอคอยกริฟฟินดอร์  เฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นพร้อมความรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขแสงประกายแห่งความคาดหวังพัดกระพือภายในท้องเธอ เป็นเพราะภาพความก้าวหน้าเล็กๆ กับหนังสือพวกนี้ หรือไม่ก็ความจริงที่ว่าเดรโกอาจกำลังคอยเธอ เธอก็ไม่รู้

          เฮอร์ไมโอนี่แต่งตัวอย่างว่องไว ดึงชุดคลุมนักเรียนสีดำตัวหนึ่งมาจากด้านหลังเก้าอี้ และยกกระเป๋าของเธอขึ้นจากพื้นก่อนเดินลงไปยังห้องนั่งเล่นรวม เธอฮัมทำนองเพลงขณะเดินลงบันได ถ้าเธอฉุกคิดสักหน่อย เฮอร์ไมโอนี่จะจำได้ว่ามันเป็นเพลงที่เธอและเดรโกเต้นรำดัวยกัน แต่ว่าเฮอร์ไมโอนี่อารมณ์ดีเกินกว่าจะคิดพิจารณาอะไรจริงจัง

          เธอเกือบจะถึงชานบันไดข้างล่างแล้ว เมื่อประตูหอนอนนักเรียนหญิงปีที่สี่เหวี่ยงเปิดออกบนชั้นเหนือเธอ เสียงฝีเท้าเร่งรีบกำลังลงมาอย่างรวดเร็ว

          “เฮอร์ไมโอนี่?” เสียงของจินนี่ดังก้องลงมาจากบันได

          เฮอร์ไมโอนี่พูดข้ามไหล่เธอกลับมา เมื่อเธอข้ามไปที่ทางเข้าของห้องนั่งเล่นรวม

          “ฉันรีบนิดหน่อย จิน ฉันจะพบเธอตอนอาหารกลางวัน”

          “ไม่นะ คอยก่อน เฮอร์ไมโอนี่ เธอไม่เข้าใจ”

          แต่คำวิงวอนของจินนี่ลอยผ่านหูไป เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านประตูโค้งและเข้าไปในห้องนั่งเล่นรวม เธอหยุดทันทีเมื่อเห็นรอนและแฮร์รี่กำลังนั่งอยู่ใกล้โต๊ะตัวหนึ่ง สีหน้าท่าทางของพวกเขาอ่านไม่ออก แต่ลักษณะปั้นปึ่งของแฮร์รี่บอกเธอว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกเขาได้ตกลงใจกันแล้ว ความคิดที่ไม่ได้รับเชิญแล่นผ่านเข้ามาในใจของเฮอร์ไมโอนี่ เมื่อพวกเขาถลึงตามองเธอ การซุ่มโจมตี

          “เฮอร์ไมโอนี่!” จินนี่ปรากฏตัวอย่างทันทีตรงชานบันไดข้างหลังเธอ ท่าทางแทบไม่ได้หายใจ นัยน์ตาเธอเหลือบไปที่แฮร์รี่และรอน “ฉันพยายามเตือนเธอแล้ว” เธอกระซิบ

          “กะ...เกิดอะไรขึ้น?” เฮอร์ไมฮนี่ถามอย่างระวัง อารมณ์สดใสของเธอกำลังจมหายไป

          “เธอควรนั่งลง เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่บอกเธออย่างหนักแน่น

          เฮอร์ไมโอนี่ชำเลืองจากแฮร์รี่ไปที่รอนแล้วกลับไปที่จินนี่ก่อนนั่งลงที่โต๊ะ รอนมองจินนี่ด้วยสายตาไม่พอใจเมื่อเธอนั่งลงถัดจากเฮอร์ไมโอนี่ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร แฮร์รี่และรอนต่างมองกันและกันไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นตรงไหน ในที่สุดรอนเริ่มโมโหและหันไปหาเฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับทำหน้าถมึงทึงและแผดเสียงใส่เธออย่างจริงจัง

          “เธอกำลังทำบ้าอะไรกับเจ้าสารเลวมัลฟอย?”

          ขากรรไกรของเฮอร์ไมโอนี่หุบลง และจ้องตาถลนไปที่รอนด้วยความช็อก เขารู้เรื่องได้อย่างไร? มันชัดเจนมากหรือที่เธอกำลังมีความรู้สึกและความคิดแปลกๆ เกี่ยวกับเดรโก

          “เราเห็นเธอออกจากงานเต้นรำไปกับเขา” แฮร์รี่พูดอย่างรวดเร็ว เมื่อรอนดูท่าทางพร้อมพูดบางอย่างที่ไม่น่าอภิรมย์

          “โอ้” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างโล่งอก “แค่นี้หรือ? เดรโกและฉันแค่ต้องการไปที่ห้องสมุด”

          สีหน้าของรอนเข้มขึ้นชั่วพริบตาเดียว และเฮอร์ไมโอนี่ทราบได้ทันทีเลยว่าเธอได้พูดสิ่งเลวร้ายออกไปแล้ว

          “เดรโก? ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เธอเรียกเขาว่าเดรโก?” เสียงของรอนต่ำและอันตราย

          “ฉัน...เออ มันแค่สะดวกกว่าเรียกเขาว่ามัลฟอยตลอดเวลา” เธองึมงำ

          “เฮอร์ไมโอนี่ เกิดอะไรขึ้น?” แฮร์รี่ถามอย่างสงบ

          “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? มันยังไม่ชัดเจนอีกรึแฮร์รี่ ว่าเจ้าสารเลวงี่เง่านั่นได้ทำอะไรบางอย่างกับเธอ!”

          “โอ้ หุบปากนะ รอน!” เฮอร์ตวาดกลับเมื่ออารมณ์เธอระเบิดออกมา

          เวลานี้รอนหันไปจ้องเธอพร้อมกับอ้าปากค้างตกใจ

          “เขาไม่ได้ชั่วร้าย เธอก็รู้” เธอพูดอย่างเดือดดาล “เธอไม่เคยแม้แต่ให้โอกาสเขา ฉันอาจยอมรับว่าเขาไม่สมควรได้รับมันจริงๆ แต่เธอไม่ควรโกรธใส่ฉันแค่เพราะว่าฉันทำสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์แย่ๆ และสุดท้ายพบว่ามันไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้น”

          “เธอไม่เข้าใจมันเลย!” รอนถลึงตาใส่เธอ

          “รอน” แฮร์รี่พยายามแทรก แต่รอนไม่สนใจเขา

          “มันคือมัลฟอย! เขาเป็นสลิธีรินคนหนึ่ง และเขาเป็นคนชั่วร้าย เธอลืมเรื่องนั้นไปได้อย่างไร? ฉันจะพนันว่าเขาได้สืบทอดรายชื่อเพื่อเป็นผู้เสพความตายในอนาคตไปเรียบร้อยแล้ว เธอปกป้องเขาได้อย่างไร?”

          รอนลุกขึ้นยืนเมื่อเขาเริ่มตะโกน และเฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เขาสูงกว่า แฮร์รี่และจินนี่ทั้งคู่เขยิบห่างจากคู่วิวาท

          “เขาไม่ได้เป็นผู้เสพความตาย!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนกลับใส่เขา “และเขาจะไม่ยอมเป็นด้วย!”

          “โอ้ ช่างน่าหัวเราะ อะไร,เขาบอกเธออย่างนั้นตอนที่เธอจับมือกับเขาช่วยเหลือแม่มดแก่ๆ ข้ามถนนที่ฮอกส์มี้ดงั้นหรือ?” ใบหน้ารอนเวลานี้เป็นสีแดงจัด และทุกคนในห้องนั่งเล่นรวมหยุดเพื่อมองดู

          “รอน” แฮร์รี่พยายามห้ามเพื่อนเขาอีกครั้งก่อนจะไปกันใหญ่

          “ฉันเชื่อเขา!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแหลม ใบหน้าเธอแดงพอๆ กัน

          “เธอไม่ควรไว้ใจเขา เขาเป็นสลิธีรินเลวทรามน่ารังเกียจ!” รอนสะบัดมือของแฮร์รี่

“เธอมันช่างสมองทึบเหลือเกิน เฮอร์ไมโอนี่!”

          “รอน!” ทั้งจินนี่และแฮร์รี่ตกใจร้องออกมาพร้อมกัน

          รอนหยุดลงทันที หายใจขาดช่วงและดวงตาเบิกกว้าง เขาดูเหมือนเริ่มตระหนักอย่างช้าๆ ว่าเขาได้พูดอะไรออกไป ห้องนั่งเล่นรวมเงียบสนิท เขาเหลือบมองไปรอบๆ สายตาทั้งหมดจับจ้องมาที่พวกเขา เขาหันกลับไปเผชิญหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เธอดูขาวซีดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

          “เฮอร์ไมโอนี่” เขาเริ่ม

          เธอก้าวถอยออกจากโต๊ะ มือทั้งสองกำลังสั่นระริก และเธอแทบจะไม่เห็นอะไรเลยผ่านม่านน้ำตาสีเงินที่เอ่อคลออยู่ในดวงตาเธอ เฮอร์ไมโอนี่ดึงกระเป๋าหนังสือกลับขึ้นไปพาดไหล่ และก้าวถอยหลังไปอีก

          “เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นเลย” รอนกระซิบ

          เฮอร์ไมโอนี่หันหลังอย่างฉับพลันและวิ่งข้ามห้องนั่งเล่นรวมไป เธอพุ่งผ่านช่องรูปภาพเหมือนที่กำลังห้อยเปิดอยู่ รอนเรียกชื่อเธออีกครั้งอย่างหมดหวัง แต่เธอไม่ยอมหยุดวิ่ง

          เฮอร์ไมโอนี่วิ่งหนีโดยไม่มองทางลงบันไดไป เธอวิ่งผ่านระเบียงแล้วระเบียงเล่า พยายามใส่ระยะทางให้ไกลมากที่สุดระหว่างรอน, แฮร์รี่, และตัวเธอเอง   เธอไม่ใส่ใจกับสายตาประหลาดใจที่ได้รับจากเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนของเธอ และเธอไม่แม้แต่ทักทายเนวิลล์เมื่อเธอผ่านเขาตรงห้องโถงวิชาการแปลงร่าง

          มันเป็นสัญชาติญาณล้วนๆ ที่นำเฮอร์ไมโอนี่มายังห้องสมุด มันเป็นเพราะความเชื่อของเธอที่หยั่งรากลึกว่า ปัญหาอะไรก็ตามที่เธอต้องเผชิญหน้าด้วย การอ่านหนังสือจะช่วยทำให้ดีขึ้น เธอพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ปลายสุดของเฉลียงที่ทอดไปยังห้องสมุด

          ประตูทางขวามือของเธอ;ห้องน้ำชาย เปิดออกแล้วคนหนึ่งมีผมสีอ่อนกับชุดเสื้อคลุมยาวของสลิธีรินก้าวออกมา เฮอร์ไมโอนี่เงยขึ้นมองเดรโกด้วยความแปลกใจและโล่งอก มันรู้สึกสบายใจที่ได้เห็นเขาแม้ว่าเธอไม่รู้ว่าทำไม นัยน์ตาสีเทาของเขาสว่างวาบอย่างโกรธเคืองเมื่อสังเกตเห็นน้ำตาเป็นสายบนใบหน้าเธอ เขาคล้ายจะพูดอะไรกับเธอขณะที่ประตูเปิดออกอีกครั้ง แล้วแครบบ์และกอยล์ก้าวตามเดรโกออกมา

          เฮอร์ไมโอนี่เช็ดตาเธอด้วยชายแขนเสื้อ แต่เธอไม่สามารถซ่อนแก้มแดงๆ หรือตาแดงๆ ได้ รอยยิ้มชั่วร้ายเหมือนกันกระจายไปทั่วใบหน้าของแครบบ์และกอยล์

          “โอ้ ดูซิ เลือดสีโคลนกำลังร้องไห้” รอยยิ้มของกอยล์กว้างยิ่งขึ้น

          “เป็นอะไรไปหรือเกรนเจอร์? พอตเตอร์และวีสลี่ย์ไม่รักเธออีกแล้วหรือไง?” แครบบ์หัวเราะ

          เฮอร์ไมโอนี่กล้ำกลืนก้อนสะอื้นภายในลำคอและมองไปที่เดรโก เขาเบือนสายตาไปทางอื่น ดวงตาสีเทาของเขาจับจ้องอยู่ที่บางอย่างซึ่งทอดยาวไปตามกำแพง เธอตระหนักว่าเขาจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เขาแค่จะมองดูเฉยๆ และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา เหมือนว่าพวกเขายังคงเป็นศัตรูกันอยู่ พวกเขายังคงเป็นศัตรูหรือ?

          เป็นครั้งที่สองที่เธอรู้สึกว่าตัวเธอไม่สามารถมองดูบุคคลที่เธอชอบพอได้ เธอละสายตาจากเขาและพิจารณาพื้นห้อง แครบบ์และกอยล์ออกเดินข่มขวัญตรงมาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่ก้าวถอยหลัง วันนี้ไม่มีคำตอบใดๆ ให้ค้นหาในห้องสมุด  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับว่ากำแพงทุกด้านกำลังบีบเข้ามา และน้ำตาที่เกือบจะหยุดแล้วด้วยความดีใจที่ได้เห็นเดรโก กำลังมีเค้าว่าจะหยดลงมาบนแก้มเธอในเวลาอันใกล้นี้ เฮอร์ไมโอนี่หันหนีจากทั้งสามคนและห้อตะบึงลงไปที่ห้องโถง

          เธอแทบจะไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ไหน แค่ต้องการอยู่ข้างนอกที่อากาศเย็นสดชื่นและเธอสามารถหายใจได้เท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่ไม่หยุดวิ่งจนกระทั่งเธอมาถึงริมทะเลสาบ ที่นี่เธอทรุดตัวลงนั่งบนท่อนซุงใหญ่และพยายามเรียกคืนลมหายใจของเธอกลับมา

          หิมะกองสูงและแผ่นน้ำแข็งบางๆ ปกคลุมทั่วทะเลสาบ ท้องฟ้าซึ่งสว่างสดใสเมื่อตอนเช้าตรู่ กำลังมืดครึ้มในเวลานี้เมื่อพายุฤดูหนาวใกล้เข้ามา ลมพัดแรงและเฮอร์ไมโอนี่หนาวสะท้าน ในช่วงความสับสนเธอลืมเสื้อคลุมอีกครั้ง;มันกองอยู่บนพื้นในห้องนั่งเล่นรวมบ้าน

กริฟฟินดอร์ เธอดึงเข่าขึ้นมาอยู่ใต้คางและเอาแขนโอบรอบมัน พยายามทำให้ตัวเองอบอุ่นเท่าที่เป็นไปได้;มันไม่ค่อยได้ผลมากนัก

          “เฮอร์ไมโอนี่?” เสียงดังกึกก้องเกือบจะทำให้เธอตกจากท่อนซุง

          “แฮกริด” เธอตอบเรียบๆ น้ำเสียงสั่นๆ ยังหลงเหลือยู่ในเสียงเธอ

          “เธอรู้หรือเปล่า แฮร์รี่และรอนอยู่ข้างนอกกำลังตามหาเธอ ถามฉันว่าฉันเห็นเธอไหม พวกเขาต้องกังวลใจแน่เลย”

          เฮอร์ไมโอนี่มองไปทางอื่นไม่ใช่แฮกริด และพยายามเต็มที่ไม่ร้องไห้อีกครั้ง เธอจะกลับไปและพบหน้าพวกเขาได้อย่างไร? หลังจากสิ่งที่รอนพูดใส่เธอต่อหน้าทุกคน เธอจะกลับไปได้อย่างไรเมื่อรู้ว่าเขาพูดถูกในที่สุด?

          ฉับพลันน้ำหนักจำนวนมากตกลงบนไหล่ทั้งคู่ของเธอ และเฮอร์ไมโอนี่พบว่าตัวเธอถูกคลุมอยู่ในเสื้อนอกหนังตัวตุ่นของแฮกริด เธอหันไปมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ

          “มาเถอะ ฉันจะชงน้ำชาให้พวกเราดื่มกัน เห็นชัดเลยว่าเธอต้องการมัน” แฮกริดยกเธอขึ้นอย่างง่ายดายและจับเธอยืนตรงบนเท้าเธอเอง เขาหันหลังและนำหน้าตรงไปที่กระท่อมของเขา เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีทางเลือกนอกจากตามเขาไป

          หลังจากน้ำชาอุ่นๆ สองถ้วย เฮอร์ไมโอนี่กำลังเริ่มรู้สึกเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง แฮกริดดูเหมือนทราบดีเกินกว่าจะถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น เขากำลังอธิบายแผนการสอนของเขาสำหรับชั้นเรียนคราวหน้า การเรียนการสอนจะเริ่มต้นขึ้นภายในไม่กี่วันแล้ว และเขารู้สึกดีใจเกือบจะพอๆ กับที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึก เขากำลังเล่าให้เธอฟังอย่างมีชีวิตชีวาถึงบูแล็ทส์(Bulettes) คู่หนึ่งที่เขาได้จัดการรับมา เฮอร์ไมโอนี่ทราบดีเกินกว่าจะถามว่ามาจากไหนหรือทำไมเขาถึงได้พวกมันมา เธอทราบว่าพวกมันเป็นสัตว์สี่เท้าที่อันตรายมาก ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะบริเตน  การชอบกินเนื้ออย่างมากและความดุร้ายในการต่อสู้ของพวกมันเป็นที่ทราบกันดี แต่อย่างไรก็ตามเธอพบว่าตัวเองกำลังยิ้มให้กับชายร่างยักษ์คนนี้

          “แฮกริด” ความคิดฉับพลันอันหนึ่งเกิดขึ้นกับเธอ “คุณและศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จับเจ้าแมนติคอร์ได้หรือยังค่ะ?”

          “ได้แล้ว อาทิตย์หนึ่งหรือนานกว่านั้น ต้องฆ่าเจ้าสัตว์ตัวนี้ซะ” สีหน้าแฮกริดสลดลงเมื่อเขาพูดเรื่องนี้ “มันน่าสนใจที่เจ้าสัตว์ตัวนี้ไล่กวดมัลฟอย ต้องเป็นลูกชายลูเซียสซะด้วย”

          “เดรโกไม่เหมือนกับลูเซียส!” เฮอร์ไมโอนี่เสียงดังอย่างไม่พอใจ ก่อนเธอจะห้ามตัวเองได้ทัน

          “เดรโกคือใคร?”

          เฮอร์ไมโอนี่หน้าร้อนผ่าว แต่แววตาของแฮกริดเป็นประกายด้วยความสนุกสนาน

          “รอนได้เล่าบางอย่างให้ฉันฟังเรื่องที่เธอกำลังหมกมุ่นเกินไปกับเด็กสลิธีรินคนนั้น แต่ฉันบอกเขาและแฮร์รี่ว่า เธอมีหัวเฉลียวฉลาดอยู่บนไหล่ทั้งสองของเธอ และเธอสามารถดูแลตัวเองได้” เขาเติมน้ำชาให้อีกถ้วย

          เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้แฮกิรดแล้วถอนหายใจเบาๆ “หนูไม่รู้ค่ะ แฮกริด พวกเขาอาจจะพูดถูกก็ได้ เดรโกบางครั้งก็สุดที่จะทนได้เหลือเกิน เขาเป็นทุกอย่างที่หนูเกลียดและยัง...”

          “ฉันไม่คิดว่าเจ้าคนน่ารังเกียจหยาบคายนั่น จะรู้ว่าต้องทำตัวให้เหมาะสมอย่างไรเมื่อบางคนเป็นมิตรกับเขา และเธอ เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นเด็กสาวที่มีจิตใจงดงาม”

          เฮอร์ไมโอนี่หวังอย่างยิ่งว่าเธอจะไม่ร้องไห้อีกหน แต่แล้วก็ยอมแพ้จนได้ แฮกริดยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอซึ่งมันใหญ่มากขนาดที่เธอสามารถพันรอบเอวและใช้เป็นกระโปรงได้

          “ฉันจะไม่ลงความเห็นว่าพวกเขาทุกคนทำเกินไป พวกเด็กผู้ชายมักทำเรื่องแปลกๆ เมื่อความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่รู้ว่าแสดงออกอย่างไรถ้าเธอถามฉัน เธอเข้าใจนะ พวกเราไม่เคยโตเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้น” แฮกริดหัวเราะอย่างร่าเริง จากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ร่วมวงด้วย

          “ขอบคุณค่ะ แฮกริด” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบเบาๆ รอยยิ้มบางๆ แต้มที่ริมฝีปากเธอ

TBC

No comments:

Post a Comment