Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Sunday, September 14, 2014

Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 3


“น...นายน้อยเคยเสียมันไปเมื่อตอนเด็กๆ และ.. และ ด๊อบบี้ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก”
 ด๊อบบี้เหลือบมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ เธอมีคำถามคับอกคับใจหลายอย่าง

“ฉันเคยสูญเสียอะไร ด๊อบบี้” มัลฟอยจ้องเขม็งไปที่ด๊อบบี้

“ค..ความทรงจำ”

มัลฟอยวางส้อมลง จ้องมองมายังด๊อบบี้ ที่กำลังห้ามไม่ให้ทำโทษตัวเอง

“ความทรงจำ งั้นเหรอ” เขาพูดทวนแล้วครุ่นคิดอยู่นาน “อย่างนี้นี่เอง”

“ด๊อบบี้มีงานต้องทำอีก นายน้อย ด๊อบบี้ขอลา ลาก่อนครับ” ว่าแล้วมันก็โค้งคำนับให้ทั้งสอง
 แล้วเดินจากไปพร้อมกับเอามือทุบหัวตัวเองและบ่นพึมพำไปตลอดทางโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเฮอร์ไมโอนี่แม้แต่น้อย

“แหม ต้องขอบใจ พอตเตอร์ล่ะ ที่ปลดปล่อยมัน” มัลฟอยพูดขึ้น “ไม่เห็นเธอจะเล่าให้ฉันฟังเลย
 ว่าเราสองคนเคยเจอกัน”

“แล้วฉันจะเอาที่ไหนไปเล่าให้นายฟังเล่า ในเมื่อฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” เธอตอบ

“งั้นเธอก็คงรู้ ว่าคนในรูปนี่เป็นใคร” เขาหยิบ ล็อกเกตที่สวมไว้ขึ้นมาให้เธอดู

“นายได้มาจากไหนน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสนใจ

“แล้วฉันจะรู้มั้ยเนี่ย รู้แค่ว่า ด๊อบบี้เก็บมันได้ และบอกฉันว่า มันเคยเป็นของฉัน แล้วห้ามให้พ่อเห็นเด็ดขาด”

“เอ้อ คือฉันก็มีแบบนี้อยู่อันหนึ่งน่ะ นี่ไง” เธอหยิบอันของเธอให้เขาดู ซึ่งรูปที่อยู่ข้างในนั้นเหมือนกัน

“นี่คงเป็นเธอ และนี่ก็ฉัน” มัลฟอยกล่าว “แล้ว นี่ใคร”

เขาชี้ไปที่รูปของเด็กชายที่อายุมากกว่าเขาและเธอ

“อ้อ จัสติน น่ะ ลูกพี่ลูกน้องฉันเอง” เธอเงยหน้ามองเขา “เขาเป็นคนให้ล็อกเกตกับฉันและคงจะให้นายด้วย”

“เธอคิดว่า เขาจะโดนลบความทรงจำด้วยมั้ย” มัลฟอยถาม

“คิดว่าคงโดนแหละน่า ขนาดฉันกับ พ่อแม่ยังโดนเลยนี่” 

“เธอรู้ได้ไง ว่าพ่อแม่เธอก็โดน”

“ก็ฉันเคยถามว่า คนที่ถ่ายรูปกับฉันและจัสติน ในรูปนี้เป็นใคร และก็ถามเรื่องตอนเด็กๆ ก็ไม่มีใครตอบได้สักคน  ถ้าจะตอบก็ตอบมาว่า จำไม่ได้” เธอเก็บล็อกเกตของเธอลงกระเป๋า 
“และอีกอย่างคงเกี่ยวกับกฎหมายของกระทรวงที่ห้ามใช้เวทมนต์ต่อหน้ามักเกิ้ลด้วยแหละ”

“โอเค เราจะไปกันได้รึยังล่ะ” มัลฟอยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“เราน่ะเหรอ ..ไปไหน” ดูเหมือนเธอจะลืมหน้าที่ไปชั่วขณะ

“เธอนี่ ภาระกิจต่อไป เราไปด้วยกันนี่”

“แล้วฉันบอกนายตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าเราต้องไปด้วยกัน”

“ก็คู่ของเธอ ที่ห้องโถง ตามคู่ของฉันเจอแล้ว และก็โทรจิตมาบอกนี่ไง อ้อแล้วฉันก็คิดว่า เราได้คำใบเดียวกัน”

“อ้อ..งั้น นายคู่กับใครล่ะ” เธอถาม

“วีสลีย์น่ะ”

“อะไรนะ” เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“วีสลีย์ เพื่อนหัวแดงของเธอไง” เขาตอบแล้วตักอาหารเข้าปาก “ให้ตายสิ หมอนี่ขี้บ่นซะจริง เธอทนเข้าไปได้ไงนี่”

เฮอร์ไมโอนี่แทบจะหัวเราะออกมา 

“แล้วนายทำไมถึงมานั่งทานอาหารสบายอารมณ์อยู่อย่างนี้แทนที่จะ…”

“ฉันก็ว่า วีสลีย์คงจะติดนิสัยขี้บ่นมาจากเธอแหงๆ” เขาว่าแล้วหยิบไม้กายสิทธ์ออกมาชี้ไปที่อาหารแล้ว 
พึมพำว่า ‘เซนดิ้ง’ แล้วมันก็หายไป

“ก็แค่ส่งไปอุดปากเจ้าวีสลีย์ก็แค่นั้น” เขาตอบ เมื่ออ่านสิ่งที่เขียนไว้บนหน้าของเฮอร์ไมโอนี่

“ไปเถอะ” 

. . . . . . .  

“ฉันมีคำถาม” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นขณะที่เดินมาตามทางเดิน

“อะไร” มัลฟอยพูด

“ที่ว่านายจำเรื่องราวตอนเด็กไม่ได้” เธอเห็นเขาพยักหน้า “แล้วนายไม่ได้ถามพ่อแม่นายหรือ”

“ถามแล้ว และก็โดนตวาดกลับมา” เขาตอบอย่างเคร่งเครียด “และฉันคิดว่า พ่อคงเป็นคนลบความทรงจำเราน่ะ”

“แล้วด๊อบบี้..”

“ดูเหมือนมันก็ถูกพ่อห้ามไม่ให้บอกฉัน ให้ตายสิ ถ้าถามจนมันตอบ มันก็คงคว้ามีดมาสับคอไปนานแล้ว” 
เขาพูดอย่างหงุดหงิด “ก็อย่างว่า ต้องขอบใจเจ้าพอตเตอร์..”

“ขอโทษ” เฮอร์ไมโอนี่ แทรกขึ้น 

“เรื่องอะไร”

“ที่ฉันไม่เคยเห็นนายปฏิบัติต่อเอลฟ์ยังไง แล้วมาว่านาย”

“ไม่รู้สิ ฉันอาจจะเป็นกับ ด๊อบบี้ตัวเดียวก็ได้”

“ทำไมล่ะ”

“ด๊อบบี้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ด้วยมากที่สุด มากกว่าใคร มากกว่าพ่อและแม่ ตอนฉันเด็กๆน่ะ
ด๊อบบี้เป็นทั้งพี่เลี้ยง ทั้งเพื่อนเล่นกับฉันเมื่อพ่อกับแม่ไม่อยู่ แต่หลังจากเหตุการณ์อะไรบาง
อย่างที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับฉัน มันก็ถูกทำโทษอย่างหนัก และจากนั้น ฉันก็ไม่เห็นมันอีก
 ส่วนใหญ่มันจะอยู่กับพ่อ ฉันเลยไม่มีโอกาสได้คุย”

ทั้งสองเดินมาถึงห้องโถงใหญ่เพื่อมาเจอ จินนี่ กับรอน และรับภาระต่อไปที่ต้องทำ

“ไง” รอนทัก เขาอยู่ในเสื้อคลุมสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีกรมท่า แว่นกันแดดสีดำ และทำตัวเหมือน เอ่อ
 ..นักสืบหรือทำให้ดูลึกลับ และโดดเด่นอยู่ในห้องโถงใหญ่

“รอน ทำไมนาย..” เฮอร์ไมโอนี่กลั้นหัวเราะ

“ก็คือ เอ่อ” รอนยึกยัก ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ นึกถึงตอนเตรียมงานของเหล่าพรีเฟค 
ที่ได้รับมอบหมายให้เขียนคำใบ้ลงในกระดาษ และรอนผู้ไปเปลี่ยนแปลงมัน
โดยไม่ได้รับอนุญาติจากมักกอนนากัล

“ก็ดันได้คำใบ้นั่นน่ะ” รอนตอบ

“ช่าย แถมแทนที่จะเป็นฉัน กลับกลายเป็น คนที่อยู่ในห้องโถงต้องสวมใส่” 
น้ำเสียงยานคางของมัลฟอยปะปนความสนุกสมหวังไว้ “และแน่นอน ข้อความนั้นฉันเป็นคนเขียนเอง
 หลังจากที่เห็นว่านายทำอะไรลงไป”

“ให้ฉันมีโอกาสได้จัดการนายสักทีเถอะน่า” รอนกัดฟันคำราม

“แล้วต่อไปล่ะ” จินนี่แทรกขึ้นก่อนที่รอนจะตอบโต้ “เรายังไม่ได้ข้อความใหม่เลย”

ทันใดกระดาษแผ่นหนึ่งก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้าทั้งสี่ จินนี่คว้ามันอ่าน แล้วพูดว่า 
“สถานที่ต่อไป ห้องต้องประสงค์”

“งั้นก็ไปต่อสิ” มัลฟอยพูดพลางคว้าข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่

“เฮ้ ฉันว่าเธอน่าจะพักสักหน่อยนะ เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไปแทนเธอเอง”
 รอนชิงพูดขึ้นก่อนที่มัลฟอยจะลากเฮอร์ไมโอนี่
ออกไป แต่มัลฟอยจับมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อย แม้ว่าเธอจะส่งเสียงในลำคอ
 และกระตุกมือของเขา ก็ดูเหมือนเขาจะทำเป็นไม่รู้เรื่อง และมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่เธอ

“เอ้อ ฉันไปต่อเองดีกว่า ไม่เป็นไรหรอก รอน”เธอพูดมองหน้ารอนแล้วเลื่อนไปที่ชายผู้จับมือเธอไว้ซะแน่น  เขากำลังจ้องรอนอย่างท้าทาย “ไปเถอะ มัลฟอย”

“อืม” แล้วเขาก็โบกมือให้รอนที่กระฟัดกระเฟียดเต็มที มีจินนี่คอยจับแขนเขาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะ
พุ่งเข้าหามัลฟอยอย่างนั้นแหละ 

“เฮ้ ขอบใจที่ส่งเค้กมาให้” รอนตะโกน แต่ออกจะใส่อารมณ์นิดหน่อยแล้วหันไปสบถให้จินนี่ฟัง

“ผูกมิตร รึไง มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น

“ฉันขอใช้สิทธิ์ไม่บอกเธอ” เขากล่าวเสียงเรียบอย่างยียวน

“งั้นฉันก็ขอใช้สิทธิ์ให้นายปล่อยมือฉันได้แล้ว” เธอกล่าว แล้วกระตุกมือเขา “เฮ้ไม่ได้ยินหรือไง”

“เอาเป็นว่า เธอใช้สิทธิ์นั้นไปแล้ว”

“ฉันใช้ไปตอนไหนกัน”

“ตอนปิดเทอม นั่นครั้งหนึ่ง และก็ตอนไปเมืองบนฟ้าอีกหลายครั้ง และ..”

“มันไม่เกี่ยวกันนี่ นายขี้โกง”

“ขอบใจ”

เมื่อมาถึงห้องต้องประสงค์ พวกเขาก็พบ ซุ้มประตู สองบานขั้นกลางด้วยลูกแก้วใสๆลูกใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เนื้อดี หลังประตูแต่ละบาน เป็นทางเดินภายใต้สิ่งที่เหมือนท่อน้ำขนาดใหญ่

“ยังไงล่ะทีนี้” มัลฟอยถาม ทั้งเฮอร์ไมโอนี่และรอน

“แตะลูกแก้วไง พ่อหัวมันฝรั่ง” เสียงรอนดังขึ้น 

“เงียบน่า วีสลีย์”

“นายถามฉันเองนี่”

ทั้งสองวางมือลงบนลูกแก้ว ที่ดูเหมือนจะมีแสงในตัวเองทันที จากห้องที่เงียบกริบ ทันใดเสียงใหญ่ลึกทุ้มก็ดังขึ้น

แล้วเวลาแยกจากได้มาถึง          แต่ตราตรึงใจทั้งสองมิห่างหาย

มีทางเลือกให้เจ้าได้ย่างกาย       ได้ผ่อนคลายความลับให้รู้กัน

“ฉันให้นายเลือก่อน” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น

“ไม่ละ เธอก่อนสิ” เขาขัด

“งั้นก็ได้” เธอกล่าวแล้วเดินเข้าประตูที่อยู่ตรงหน้า “แล้วเจอกัน”

“แล้วเจอกัน” มัลฟอยพึมพำก่อนจะเดินเข้าไปในประตูอีกบาน

ข้างในนั้นมืดสนิท จนต้องอาศัยไฟจากปลายไม้กายสิทธ์ นอกจากนั้นยังมี ละออง หมอกบางๆ 
พร้อมกับกลิ่นหอมเย็นๆ

มัลฟอยเดินไปได้ครึ่งทางก็ได้ยินเสียงของรอน

“เป็นไงบ้าง มัลฟอย”

“ก็ดี มืดใช้ได้ มีอะไรมั้ย” เขาตอบกลับเสียงยืดยาน “เฮ้ ฉันเจอโต๊ะตัวหนึ่งล่ะ”

“วางมือลงบนนั้นซะ”รอนบอกอย่างไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่ 

มัลฟอยวางมือลงบนโต๊ะอลูมิเนียม ที่มีกระจกเป็นพื้นโต๊ะ 

“ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย”เขาบอกด้วยอารมณ์ขุ่นมัว และเริ่มออกเดินต่อ

“เท่าทีฉันรู้ ของสำคัญของนายจะหายไป มีอะไรหายไปรึป่าวล่ะ” รอนตอบ

“อืมม ล็อกเกตน่ะ แย่ล่ะสิ ว่าแต่มันไม่เห็นจะสำคัญกับฉันตรงไหนเลย วีสลีย์”
เขาเยาะเย้ยแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญของเขา 
แล้วทำไมมันถึงต้องเป็น ล็อกเกต

“มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ลึกในจิตใจของนายก็ได้ ใครจะไปรู้” รอนตอบเสียงยานบ่งบอกว่าเขากำลังเบื่อ “ในเมื่อนายเองยังไม่รู้เลย มัลฟอย”

“เออ ไม่น่าเชื่อ..นายไปขุดคำพูดแบบนี้มาจากไหนน่ะ” มัลฟอยตอบกลับแล้วหัวเราะนิดๆ

“อันนั้นมันเรื่องของฉัน” รอนกล่าว 

มัลฟอยเดินมาถึงสุดทางเดิน ตรงจุดนั้นเป็นจุดเชื่อมทางทั้งสองเข้าด้วยกัน และที่นั่นเขาก็พบ แท่นสูง
 ทำด้วยหินอ่อนสลักลวดลายสวยงาม แต่สิ่งที่เขาสะดุดตาคือ ชื่อของเขาปรากฏอยู่ข้างๆกับชื่อเฮอร์ไมโอนี่
 มันเปล่งแสงเรืองๆ ชวนให้จับต้อง เขาขยับเข้าไปใกล้อีก และพบว่ามันเป็นปุ่มสำหรับกด 
แล้วเขาก็กดมันลงไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงส่งโทรจิตไปบอกรอน

“…มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย” เขาอธิบาย “แล้วยัยเกรนเจอร์นี่ก็ช้าจริง”

“เอาน่า เธอเสียเวลาหาของสำคัญของเธออยู่น่ะ” รอนกล่าว “ให้ฉันทายมันคงจะเป็น หนังสือ หรือไม่ก็...”

“ล็อกเกต” มัลฟอยต่อให้ นี่เขานึกยังไงนะมาสนทนากับวีสลีย์หัวแดง หนึ่งในผู้ที่เขาดูถูกเนี่ย เขาคิด

“นี่ฉันได้ยินนะ” เสียงรอนส่งกลับมา “มีสติหน่อย ฉันไม่อยากได้ยินนายมาถากถางฉันตอนนี้นะมัลฟอย”

“เออๆ ให้ตายสิ” เขาชอบเผลอหลุดออกไปทุกที “นั่น เกรนเจอร์มาแล้ว”

“ช้าจังนะเธอ” เขาทัก

“แล้วยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“ฉันต้องรอเธอถึงจะไปต่อได้” เขาตอบแล้วชี้ไปที่ชื่อของเธอ “กดมันสิ”

เมื่อเธอกดมันพร้อมกับเขา ทางเดินที่มืดมิดกลับสว่างขึ้นทันตา พร้อมกับเสียงครืดคราดของแท่นสูงที่ค่อยๆ
ลดระดับลง สิ่งที่วางอยู่บนนั้นคือ ล็อกเกต ที่เหมือนกัน สองอัน

“ไม่ยักรู้ว่าล็อกเกตนั่น สำคัญกับนาย” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“ฉันก็ไม่รู้หรอก มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ลึกในจิตใจของฉันก็ได้”เขาตอบขณะที่เธอหยิบขึ้นมาพิจารณาอันหนึ่ง

“ไปหาคำพูดแบบนั้นมาจากไหนน่ะ” เธอถามพร้อมเสียงหัวเราะ แล้วพลิกดูด้านหลังของล็อกเกต 
มันถูกสลักตัว D ไว้

“เธอไม่เชื่อฉันแน่ๆ” เขาว่าแล้วรับเอาล็อกเกตที่เธอส่งมาให้ “วีสลีย์บอกฉันอย่างนั้น”

“รอนเนี่ยนะ” เธอพูด แล้วหันมามองดูมัลฟอยที่สวมล็อกเกตเรียบร้อย อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
 ก่อนจะสวมล็อกเกตของเธอตาม

แต่แล้วก็เกิดแรงดึงดูดอันมหาศาล มัลฟอยที่ยืนหันหน้าเข้าหาเฮอร์ไมโอนี่...
 ทั้งสองถูกดูดเข้าหากันอย่างแรง จนหน้าผากของเฮอร์ไมโอนี่ชนเข้าที่คางของเขาจนต้องร้องออกมาพร้อมกัน 

“โอ๊ย!”


TBC

No comments:

Post a Comment