Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Sunday, September 14, 2014

Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 15 (END)



ร่างของผู้มาเยือนย่างเข้ามาใกล้ ทว่าทั้งเธอและเขารวมถึงเด็กๆที่วิ่งกรูเข้ามาหาพวกเขาต่างก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง ภาพของคนตรงหน้าตราตรึงพวกเขาไว้จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มกระจ่างชัด เมื่อเขาผู้นั้นหยุดอยู่ตรงหน้าโดยรักษาระยะห่าง

ชายในชุดเสื้อคลุมสีทึมๆ ผมสีบลอนด์ยาวที่รวบไว้หลวมๆ นัยน์ตาสีซีดหาได้แสดงความรู้สึกใดๆ
 เมื่อไล่สายตามองผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้า

“พ่อฮะ” เสียงร้องเรียกที่ไม่รู้ประสีประสาของเด็กชายที่วิ่งเข้าหาผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อโดยไม่ลังเล

“พ่อ” เสียงครางเบาๆเกิดขึ้นจากเขา เดรโก มัลฟอย และแน่ใจเมื่อได้เห็นริ้วรอยของวัยชราที่ปรากฏบนใบหน้าของชายผู้นั้น

“พ่อฮะ พ่อมาหาผมแล้ว เราไปเล่นกันนะฮะ ผมคิดถึงพ่อจัง” เด็กชายโผเข้ากอดบิดาที่อุ้มเขาขึ้นมาตามสัญชาตญาณ 

“เดรโก” เสียงทุ้มลึกเอ่ย ขณะจ้องมองเด็กชายให้อ้อมกอด แววตาของเขาไม่สามรถบ่งบอกความรู้สึกได้

“วันนี้ผมได้เจอเพื่อนใหม่ด้วยฮะ เธอน่ารักมากเลยแล้วก็พี่ๆอีกสองคน..” เด็กชายพูดพล่ามไม่หยุดและดูเหมือนเขาจะไม่ได้สังเกตถึงวัยของผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อ

“อย่างงั้นหรือ เดรโก” รอยยิ้มขยับขึ้นที่มุมปาก

“ฮะ แล้วพี่สาวคนนู้นก็เก่งมากๆ เลยด้วย ดูสิฮะ พี่สาวทำแผลให้ผมด้วย แล้วก็พี่ชายคนนั้น ชื่อเขาเหมือนผมเด๊ะๆเลย” 

“พ่อครับ” เสียงที่มากวัยกว่าแทรกขัด “พ่อมา..ทำอะไร”

“มาทำอะไรน่ะหรอ พ่อจะมาเยี่ยมลูกบ้างไม่ได้หรือ”

“มาเยี่ยม” เด็กหนุ่มทวนคำ “ในความทรงจำของผมเนี่ยนะ”

“พ่อฮะ พี่ชายเขาพูดเรื่องอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง แล้วทำไมเขาถึงเรียกพ่อว่า พ่อล่ะฮะ” 
เด็กชายเอ่ยถาม ทว่าไม่ได้รับคำตอบ

“หึ แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” นายลูเซียส มัลฟอยวางลูกชายในอดีตลง แต่ในอุ้งมือของเขายังคงจับมือของเด็กชายไว้

“เรื่องอะไรครับ เรื่องที่พ่อลบความทรงจำของผมกับเกรนเจอร์ตอนเด็กๆอย่างงั้นหรอ”

“ด็อบบี้งั้นสิ”

“ด็อบบี้ไม่เกี่ยว”

“งั้นฉันคงกลบเกลื่อนล่องรอยไม่ดีเอง”

“แล้วพ่อทำอย่างนั้นทำไม”

“ทำ ทำไมน่ะหรอ แกไม่รู้ใช่มั้ยว่าฉันทำเพื่ออะไร” ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อตวัดสายตาไปทางเด็กสาวที่กอดเด็กหญิงไว้แน่น

 “ฉันห้ามแกแล้ว ฉันสอนแกแล้ว ฉันสั่งอะไรแกเคยฟังแล้วทำตามบ้างมั้ย!”

“ก็ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน”

“แกจะทำให้วงตระกูลเสื่อมเสีย! เพราะแก”

“แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง ผมอยู่บ้านคนเดียวก็ไม่มีเพื่อนเล่น แต่ละวันแต่ละคืน 
ผมเฝ้ารอให้พ่อกลับมาเล่นกับผมบ้าง แต่พ่อก็ไม่เคย พ่อมัวยุ่งแต่งานของพ่อ 
ก็เลยต้องเอาผมมาฝากกับป้า แล้วมีบ้างมั้ย ที่พ่อจะแวะมาหาผม พ่อรู้รึป่าวว่าลูกชายของพ่อคนนี้
 ไร้เพื่อน! …จนกระทั่งผมได้พบเธอ เพื่อนคนแรกของผม แต่พ่อกลับห้าม แม้แต่ความทรงจำดีๆที่มีสุข
ก็ไม่เหลือไว้ให้เลยสักอย่าง พ่อครับ พ่อคิดถึงผมบ้างรึป่าว พ่อรักผมบ้างมั้ย” 

“หึ ไอ้ลูกไร้สมอง แกคิดว่าที่ฉันทำทุกวันนี้เพื่อใคร ถ้าไม่ใช่แก! ฉันควรจะถามแกมากกว่า
 แกรักพ่อบ้างมั้ย แกเห็นว่าฉันเป็นพ่อรึป่าว”

“แล้วพ่อคิดว่าไง เด็กคนนี้” เขาชี้ไปที่เด็กชายผู้เป็นอดีตของเขา “วิ่งเข้าไปกอดพ่อตั้งแต่แรกเห็น 
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเป็นพ่อที่มาจากอนาคต แต่เขาก็วิ่งไปหาพ่อโดยไม่ลังเล พ่อคิดว่ารักมั้ยล่ะ”

“แล้วแกในตอนนี้ล่ะ”

“..ครับ ผมรักพ่อเสมอ แต่ผมไม่มีทางยอมให้พ่อทำร้ายเธอหรือทำลายความทรงจำของเธอกับผมเด็ดขาด”
 พูดจบประโยค เขาก็คว้ามือของเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกายขึ้นมากุม “แล้วถ้าผมจะคบกับเธอ พ่อก็ห้ามไม่ได้”

“ทำไม.. แกคงไม่ได้..” นายมัลฟอยหรี่ตามองลูกชายของตนสลับกับเด็กสาว “รักหล่อนเข้าหรอกนะ”

“พ่อไม่ต้องคิดมาก ผมรักเธอแน่นอน” ด้วยคำพูดนี้เองที่ทำให้เด็กสาว 
เฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้าคลายยิ้มได้บ้าง

“เฮ้ พี่ชาย พี่คุยอะไรกับพ่อ ผมไม่รู้เรื่องด้วยหรอกนะ แต่พี่สาวคนนี้เป็นของผม 
พี่สาวสัญญากับผมแล้วด้วย” เด็กชายที่งงงันกับการสนทนาของพวกผู้ใหญ่แทรกขึ้นทันใด

“ฮะ แกก็เป็นไปกับเขาด้วยเรอะ” นายมัลฟอยเสียงดังใส่เด็กชายก่อนจะรำพึงกับตัวเองแต่ได้ยินกันทั่ว
 “ยัยเด็กเลือดสีโคลนนี่มีอะไรดี”

“พ่อครับ ผมไม่รู้ว่าพ่อรู้รึป่าว แต่แม่กำลังป่วย” เด็กหนุ่มเบี่ยงเบนความสนใจ 
และวูบหนึ่งที่เห็นแววกังวลในดวงตาของคู่สนทนา “พ่อไปเยี่ยมแม่บ้างได้มั้ยฮะ”

“แกก็รู้ว่าฉันกำลังหนี”

“แม่อยากเจอพ่อมากนะ ถ้าพ่อจะยอม..”

“ในเมื่อแกไม่ให้ฉันสั่งแก แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งฉัน เดรโก” เขากล่าวอย่างหนักแน่น
 แต่เมื่อเห็นแววตาที่เศร้าสลดของลูก.. “เออ ก็ได้ ฉันจะไปเยี่ยมแม่แก ดูแลตัวเองด้วย” 
ด้วยถ้อยคำนี้ทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนสีหน้าของคววามแปลกใจเป็รอยยิ้มในทันที

“ครับ พ่อก็ระวังตัวด้วยนะ” เด็กหนุ่มกล่าวก่อนจะสวมกอดบิดาของตน

“อืม แล้วเรื่องของแกฉันจะกลับมาเคลียร์” เขากล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงดุๆ 
แล้วบอกลาเดรโกตัวน้อย แต่เขากลับหยุดชะงักหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว
 หันกลับมามองลูกชายในวัยเด็กและวัยรุ่นที่ยืนโต้แย้งกันอยู่ ด้านข้างมีวัยรุ่นสาวและ
เด็กหญิงยืนหัวเราะอย่างสนุกสนาน แค่เพียงชั่วครู่..ด้วยสายตาที่ยากจะเดา แล้วเขาจากไป



“เฮ้อ” เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาทิ้งตัวบนพื้นหญ้าข้างกายเด็กสาว 

“พี่คะ หนูง่วงจัง” เด็กหญิงพูดขึ้น แล้วเดินหายเข้าไปในบ้าน

“เฮ้ เฮอร์มี่ มาเล่นกันต่อสิ”

“ไม่เอาอ่ะ อยากนอน ฮ้าวว~”

“โธ่” เด็กชายพูดได้แค่นั้นก็ทรุดตัวลงบนตักของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเหมือนกับเขา

“เฮ้ มานั่งอะไรตรงนี้”

“ก็เบื่อนิ ไปเล่นกัน” เด็กชายว่าแล้วขยี้ตา ปากอ้ากว้าง

“ตัวเองก็ง่วงเหมือนกัน ยังจะเล่นอีก”

“ปล่อยซักหน่อย” เด็กชายบ่นอะไรงึมงัม แล้วหลับไป โดยมีพี่ชายเป็นเก้าอี้แสนสบาย 

เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะน้อยๆกับภาพตรงหน้า

“เกรนเจอร์”


“ฮึ”

“เธอคงไม่เอาเรื่องของพ่อไปบอกใครใช่มั้ย”

“หือ? เอาเรื่องในความฝันไปเล่าให้คนอื่นฟัง ใครเค้าจะเชื่อ”

“ฝันงั้นหรอ”

“ฮื่อ สำหรับคนอื่นเป็นความฝันที่เราฝันร่วมกัน แต่สำหรับเราเป็นความทรงจำที่เกิดขึ้นจริง มีแค่เราที่รู้ ไม่มีใครอื่น”

“งั้นเราจะตื่นจากฝันได้รึยัง”

“ก็ได้”

พวกเขาพาเด็กน้อยเดรโกเข้าไปในบ้าน แล้ววางเขาลงบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่ 

เด็กสองคนที่หลับไหล ที่ชะตานำพาให้พวกเขาได้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเยาว์ 
แต่กลับต้องสูญเสียความทรงจำไปช่วงหนึ่ง หากเป็นเช่นนั้น เหตุการณ์ที่พวกเขา
ได้พบกับตัวตนในอนาคตนี้คงเป็นได้เพียง ความฝัน เท่านั้น…



แพขนตากระพริบขึ้นลง ปรับสายตาให้กระจ่างชัดในความมืดมิด 
ร่างที่เอนกายอยู่บนฟูกนุ่มสบายขยับตัวน้อยๆ สัมผัสถึงลมหายใจของอีกร่างที่อยู่ข้างกาย

“เรากลับมารึยัง” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยผ่านความเงียบกริบ

“กลับมาแล้ว”

“ดึกแล้วสินะ”

“อืม”

“งั้นขอหลับต่อ”

“เฮ้ ไปนอนเตียงนายนู่นสิ นี่มันเตียงฉัน ยัยรีแอนนอนก็นะ ทำไมไม่ปล่อยให้หลับคาโซฟาก็ไม่รู้ เฮ้ ลุกขึ้น”

“ไม่เอาอ่ะ ง่วงแล้ว ขี้เกียจ”

“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลย” เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นฉุดชายหนุ่มในทันใด
“อื้อ ไม่ง่วงรึงายเธอน่ะ กลับจากงานเลี้ยงยังไม่ทันได้พักเลย”

“ง่วงสิ นายก็ลุกขึ้นมาก่อน เฮ้ ฉันเหนื่อยนะ” ออกแรงดึงยังไงเขาก็ไม่ทีท่าว่าจะลุกเลย 
แต่กลับโดนเขากระตุกทีหนึ่งก็ทรุดฮวบอยู่ในอ้อมกอดของเขา

เด็กสาวพ่นลมหายใจใส่ด้วยความไม่พอใจ เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาสีซีด

“ง่วงก็นอนสิ” เขาว่าแล้วห่มผ้าให้เธอ แล้วประทับร่องรอยของจุมพิตที่แผ่วเบาบนเปลือกตาของเธอ

“ฝันดีนะ เฮอร์มี่”

“ฮื่อ” เธอส่งเสียงตอบในลำคอ แล้วหลับตากลบเกลื่อนท่าทีเขินอาย

“ฉันรักเธอ” คำพูดด้วยเสียงกระซิบ ทว่าดังก้องทั่วโสตประสาท 
เด็กสาวร่างบางยิ้มกว้างทั้งที่ยังคงหลับตา แล้วคว้าข้อมือของผู้กระซิบที่ทำท่าจะลุกจากไปไว้ 
แล้วดึงให้กลับมานอนข้างตัว

“นี่เตียงนาย”

“หมายความว่าไง” 

“ก็นายตาเพิ่งจะมองเห็น แล้วนายก็ไม่เคยเห็นห้องนี้นี่ ยกเว้นตอนเข้ามา
 แล้วฉันก็ยังไม่ได้บอกด้วยว่าไหนคือที่นอนของนาย”

“แล้วไหนตอนแรก..”

“ฮ่า ทดสอบ”

“ทดสอบอะไรของเธอ ง่วงจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

“ก็นอนสิ” เฮอร์ไมโอนี่ว่าแล้วลุกขึ้นนั่ง ทว่าเขากลับฉุดเธอลงไปนอนต่อ

“อะไร”

“เตียงฉัน อาณาเขตฉัน”

“เฮอะ เลิกเล่นซักที ฉันง่วง”

“ก็บอกแล้ว ง่วงก็นอน” เขากล่าวพลางห่มผ้าให้เธอใหม่

“ฮื่อ” เด็กสาวส่งเสียงตอบในลำคอ แต่ก็ยังไม่หลับตา เธอมองสายตาเขาที่มองกลับมา

“มองอะไร ฉันทำตาสัญญาแล้วนะ”

“หรอ ไม่เห็นจะได้ยิน”

พรืดด ลมหายใจกระทบกับใบหน้านวลใส

“หูไม่ดีอย่างงี้ควรโดนทำโทษ”

“ทำโทษอะไรของนาย“

ใบหน้าที่ใกล้เพียงเซนติเมตรขยับเข้ามาใกล้พร้อมประทับจุมพิตที่สื่อถึงความรู้สึกได้อย่างดี
 นี่สินะคำตอบ บางครั้งการกระทำก็ดีกว่าคำพูด แต่หากไร้ซึ่งคำพูด บางการกระทำอาจสื่อกันไม่เข้าใจ 

ไม้กายสิทธ์ที่อยู่ในมือของเด็กสาวโบกไปมา ผ้าม่านผืนบางที่รวบเก็บไว้อย่างดีปิดคลุมรอบเตียงสี่เสา
 บดบังการกระทำที่ดำเนินอยู่ภายใน

“ฉันรักเธอ”

สองร่างที่หลับไหล พร้อมกับมิตรภาพใหม่ที่สร้างตัวก่อเกิดเป็นรูปร่างที่ไม่มีใครมองเห็น
 แต่สามารถรู้สึกถึงมัน.


ความรัก





The End









No comments:

Post a Comment