Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Tuesday, July 21, 2015

Chapter 13: การเดินทางและการอยู่ร่วมกัน

รถลิมูซีนคันงามเคลี่ยนตัวออกจากคฤหาสน์เมื่อเวลาเที่ยงตรง  หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ตกลงว่าจะเดินทางไปมัลดีฟส์กับมัลฟอยแล้วเขาก็รีบตระเตรียมเรื่องการเดินทางครั้งนี้เสียยกใหญ่ทีเดียว  แต่เขาก็สามารถจัดการมันได้ในเวลาอันรวดเร็ว

“เราจะไปที่นั่นกันยังไงน่ะ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นในขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังอยู่ในถนนสายหนึ่งภายในลอนดอนที่ดูเหมือนการจราจรจะไม่เอื้ออำนวยเสียเท่าไหร่

“เครื่องบิน  ฉันสั่งให้คนจองตั๋วไว้ให้พวกเราแล้ว” มัลฟอยตอบเรียบ ๆ พลางโอบกอดหญิงสาว  เฮอร์ไมโอนี่ขืนตัวน้อย ๆ

“เธอจะขึ้นเครื่องบินไปหรือ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่อุทานอย่างตกใจเล็กน้อยที่คนอย่างเขาคิดจะใช้ยานพาหนะของพวกมักเกิ้ล

“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ  สภาพของเธออย่างนี้คงหายตัวไม่ได้แน่” มัลฟอยพูด “จะใช้ผงฟลูก็ไม่ได้เพราะระยะทางไกลเกินไป  แถมเป็นการเดินทางข้ามประเทศด้วย”

“แต่ฉันไม่มีพาสปอร์ตนะ” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง

“ใครว่าไม่มีกันเล่า” มัลฟอยพูดพลางควักบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าของเขา  มันคือพาสปอร์ตสองใบที่มีชื่อของเธอและเขาอยู่

“นายมีพาสปอร์ตด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างทึ่ง  ๆ

“ใช่  พาสปอร์ตสองอันเนี้ย  เราไปทำด้วยกันก่อนไปฮันนีมูนครั้งแรกไง” เขาพูดราวกับกำลังรำลึกความหลังอยู่  เฮอร์ไมโอนี่หลบสายตาของมัลฟอย

“ขอโทษนะ  ฉันจำเรื่องนั้นไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“ไม่เป็นไร” มัลฟอยพึมพำพลางเก็บพาสปอร์ตเข้ากระเป๋า “แต่ว่าเธออยากรู้เรื่องตอนนั้นไหมล่ะ”

“ฉัน….” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก “อยากรู้”

“ก็ได้  งั้นฉันจะเล่าให้ฟัง” มัลฟอยพูดขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองเขาราวกับเด็กเล็ก ๆ ที่อยากฟังนิทานในขณะที่ลิมูซีนคันงามนั้นกำลังเคลื่อนตัวไปตามถนนมุ่งไปสู่สนามบิน



*************************************************



“ถึงเสียที  การเดินทางของพวกมักเกิ้ลนี่ชักช้าเสียจริง” มัลฟอยบ่นพลางก้าวลงจากรถ  คนขับรถของเขารีบไปยกกระเป๋าจากหลังรถมาให้  ส่วนมัลฟอยนั้นเดินโอบเอวเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปภายในสนามบิน

ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันระหว่างการเดินทางไปมัลดีฟส์นั้นมัลฟอยดูแลเฮอร์ไมโอนี่โดยดีทุกอย่าง  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่ามัลฟอยนั้นเปลี่ยนไปจริง ๆ เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอายุ 15 ที่แสนเอาแต่ใจและเย่อหยิ่งอีกต่อไปแล้ว  แต่เขากลายเป็นชายหนุ่มที่ดีกับเธอจนเธอคาดไม่ถึงทีเดียว

ระหว่างที่ทั้งสองอยู่บนเครื่องบินด้วยกันนั้น  มัลฟอยก็พยายามหาเรื่องราวเก่า ๆ ระหว่างเขาและเธอที่เธอลืมไปมาเล่าให้เธอฟัง  เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา  ทั้งเรื่องราวที่เป็นจุดเริ่มต้นของความรักของพวกเขา  และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามาขัดขวาง  รวมถึงเรื่องราวหลังแต่งงานของเขาและเธอ  แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะหยิบยกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนที่พวกเขาเป็นศัตรูกันมาพูด  แม้ว่าตอนนี้มันจะกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้วก็ตาม

“ฉันจำได้ว่าเคยตบฉันตอนปีสาม” มัลฟอยพูด “เล่นเอาแก้มฉันชาทีเดียว”

“ก็เธออยากใจร้ายเองนี่” เฮอร์ไมโอนี่ แย้ง “แต่เธอก็เคยด่าฉันตอนปีสอง จำได้ไหม”

“ฉันจำได้  ฉันจำได้ว่าฉันเคยกลั่นแกล้งเธอสารพัด” ชายหนุ่มพูด “ฉันทำแต่เรื่องไม่ดีกับเธอ”

“ก็ใช่  เมื่อก่อนเธอไม่เคยดีกับฉันเลย” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ “แต่ตอนนี้เธอดีกับฉันมาก  มากจนฉันแปลกใจว่าเธอรักฉันได้อย่างไร” เธอพูด  เงยหน้าขึ้นสบตามัลฟอย

“ฉันเอง…..ก็ไม่รู้” มัลฟอยตอบ  เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

“เหรอ”

“แล้วเธอล่ะ  เฮอร์ไมโอนี่  ตอนนี้เธอรู้สึกกับฉันยังไง” มัลฟอยตัดสินใจถามออกไป  เฮอร์ไมโอนี่นิ่งอึ้งไปกับคำถามนั้น

“ฉัน…”  เธอรู้สึกกับเขาอย่างไรน่ะหรือ  เฮอร์ไมโอนี่ก็พอรู้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกกับเขาอย่างไร  แน่นอนว่าไม่ใช่เกลียดชังเขาอย่างแต่ก่อนแน่  แต่เธอไม่แน่ใจว่ามันเป็นอย่างที่คิดหรือไม่  และเธอควรบอกเขาดีไหม

“ฉันร….”

“ขออนุญาติดับไฟนะคะ” เสียงใสของแอร์ฮอสเตสสาวดังขึ้น  คำพูดที่กำลังจะออกมาจากปากของเฮอร์ไมโอนี่นั้นหลุดไปกับเสียงนั้น  พร้อม ๆ กับไฟในเครื่องบินที่หรี่ลงจนเกือบมืด

“ช่างเถอะ  นอนดีกว่านะ” มัลฟอยพูดพร้อมกับปรับเบาะของเธอและตัวเองให้เอนลง  และห่มผ้าห่มให้เธอ  ถึงแม้ไฟภายในตัวเครื่องจะสลัว  แต่เขาก็สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน

“ราตรีสวัสดิ์นะ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำพลางหลับตาลง

“เหมือนกัน” มัลฟอยพูดพร้อมกับก้มลงไปจูบที่หน้าผากของหญิงสาวเบา ๆ ก่อนที่จะนอนลืมตาในความมืด  ลมหายใจอุ่น ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ปะทะเข้าที่ต้นคอของเขาอย่างสม่ำเสมอ  ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างอ่อนล้า

นี่เขาจะต้องอดทนไปถึงเมื่อไหร่นะ



*************************************************



พวกเขาไปถึงมัลดีฟส์ในเวลาแปดนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น  ซึ่งทางโรงแรมได้ส่งรถมารอรับพวกเขา  และหลังจากใช้เวลาอยู่บนรถประมาณครึ่งชั่วโมงเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยก็มาถึงโรงแรมรอยัลมีลดีฟส์

โรงแรมรอยัลมัลดีฟส์เป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่ขึ้นชื่องว่าหรูหราที่สุดที่นี่  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะเห็นรถราคาแพงจำนวนมากจอดอยู่มากมาย  รวมทั้งผู้คนที่มีท่าทางภูมิฐานเดินกันขวักไขว่

“ห้องสวีทเชิญทางนี้ครับ” ผู้ที่มาต้อนรับเธอและมัลฟอยกล่าวเชิญ  เขาพาพวกเธอเดินขึ้นลิฟท์แก้วและกดชั้นเกือบบนสุด

“โรงแรมนี้มีกี่ชั้นคะเนี่ย” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“สามสิบสี่ชั้นครับ” พนักงานคนนั้นตอบ  และอธิบายว่าชั้นที่สามสิบสามกับสามสิบสี่เป็นภัตราคาร  ส่วนห้องของเธอและมัลฟอยนั้นอยู่ที่ชั้นสามสิบสอง

“โอ้โห” เฮอร์ไมโอนี่อุทานเมื่อได้เห็นห้องพักที่มัลฟอยจองไว้  เพราะทั้งห้องพักนั้นกินเนื้อที่ไปทั้งชั้น!

ชายคนนั้นเดินนำเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยเข้ามาในห้องพักที่หรูหราที่สุดเท่าที่เฮอร์ไมโอนี่เคยสัมผัสมา  ภายในห้องนั้นมีห้องต่าง ๆ แยกออกไปได้อีก  ทั้งห้องครัว  ห้องอาหาร  ห้องนั่งเล่น  รวมทั้งห้องนอนที่มีขนาดกว้างขวางกว่าห้องอื่น ๆ แถมยังถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้เกือบทั้งห้อง  และที่สำคัญคือมีกลีบกุหลาบโรยอยู่บนเตียงอีกด้วย!

“พักผ่อนให้ตามสบายนะครับ” ชายผู้เป็นคนมาส่งพวกเขาพูด  ก่อนที่จะสั่งพนักงานยกกระเป๋าให้เอาของของพวกเธอมาวางในห้องนอน  ก่อนออกจากห้องมัลฟอยทิปพนักงานยกกระเป๋าทั้งสองคนไปคนละสิบปอนด์

“ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้ผมได้นะครับ  คุณมัลฟอย” ชายคนนั้นพูดก่อนที่จะออกจากห้องไป

“ทำไมเธอถึงไม่ทิปให้พนักงานคนนั้นด้วยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“เขาไม่ใช่พนักงานเสียหน่อย  เขาเป็นผู้จัดการต่างหากล่ะ”  มัลฟอยพูด

“ล้อเล่นน่า” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ

“จริง ๆ เขาเป็นผู้จัดการแผนกต้อนรับ  ฉันเห็นป้ายที่หน้าอกเขา  ฉันถึงไม่จำเป็นต้องทิปเขาไงล่ะ” มัลฟอยอธิบายในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เริ่มเปลี่ยนไปสำรวจรอบ ๆ ห้องแทน

“เธอชอบที่นี่ไหม” มัลฟอยพูดพลางมองดูอาการคล้าย ๆ เด็กของเฮอร์ไมโอนี่

“ก็ชอบหรอก  แต่มันคงแพงน่าดู” เธอพูดไปตามตรง

“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับฉันอยู่แล้ว” มัลฟอยพูดอย่างไม่ยี่หระ  เฮอร์ไมโอนี่นิ่งหน้า

“แต่นายไม่ควรใช้เงินสิ้นเปลืองแบบนี้รู้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ดุเขา

“ต่อให้ต้องใช้เงินมาแค่ไหน  แต่ถ้าหากทำให้เธอพอใจฉันก็ยินดี” มัลฟอยพูด

“เงินน่ะซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง

“ฉันรู้” มัลฟอยพึมพำด้วยท่าทีเศร้าหมอง “ถึงเงินจะซื้อความทรงจำของเธอกลับมาไม่ได้  หรือจะทำให้เธอกลับมารักฉันเหมือนเดิมไม่ได้  แต่มันก็พอทำให้เธอมีความสุขบ้างไม่ใช่เหรอ”

“มัลฟอย…” เฮอร์ไมโอนี่มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสาร  แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ช่างมันเถอะ  เธออยากไปเล่นน้ำบ้างไหม” เขาถาม

“อยากซิ” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดซะสิ” มัลฟอยบอกเธอ



*************************************************



ชายหนุ่มผมบลอนด์คนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องน้ำมาเป็นเวลานานแล้ว  เขาสวมกางเกงว่ายน้ำและเสื้อคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง

“เสร็จหรือยัง  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยถาม

“เอ่อ ฉันหาเสื้อคลุมไม่เจอน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำอย่างอาย ๆ

“ก็ออกมาทั้งอย่างนั้นก็ได้นี่” มัลฟอยพูด

“แต่ฉันอายนี่” พึมพำ  ใบหน้าเป็นสีแดง

“ออกมาเถอะ  ไม่เห็นต้องอายฉันเลยนี่….” มัลฟอยพูด  แต่คำพูดของเขาก็ค่อย ๆ หายไปเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ปรากฏตัวออกมาโดยสวมบิกินี่ตัวจิ๋ว

“อย่าจ้องฉันนักซี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับมัลฟอยที่หน้าแดงไม่แพ้กัน

“ฉันคิดว่าเธอควรสวมนี่นะ” มัลฟอยพูดพลางชูเสื้อคลุมในมือของเขาให้เฮอร์ไมโอนี่เห็น

“นี่เธอเอามันไปเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพลางวิ่งไปคว้ามันมาจากมือของมัลฟอยในทันที  และยังไม่ลืมทุบเขาเป็นของแถมอีกด้วย

“นี่  ฉันแค่จะหยิบให้เธอเฉย ๆ นะ” มัลฟอยแก้ตัวพลางหลบกำปั้นของเฮอร์ไมโอนี่

“จะแกล้งฉันล่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความโกรธ  ในขณะที่มัลฟอยเอามือจับข้อมือของเธอไว้ก่อนที่เธอจะรัวกำปั้นใส่เขามากไปกว่านี้

“เธอใส่อย่างนี้ก็น่ารักดีนะ” มัลฟอยพูดด้วยหน้าตายียวนกวนบาทาที่สุด

“บ้า!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความอาย

“แต่ใส่ไอ้นี่ก็ดีเหมือนกัน” เขาส่งเสื้อคลุมให้เธอ “ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็นนอกจากฉัน” มัลฟอยพูดในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัด



*************************************************



ตลอดทั้งวันนั้นเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยใช้เวลาไปกับการเล่นน้ำ  ดำน้ำ  และเที่ยวไปตามชายหาดจนเธอเกือบหมดแรง  ผิวของเธอเป็นสีเข้มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากเธออยู่กลางแจ้งตลอดวันที่ผ่านมา  หลังจากกลับจากชายหาดเธอก็แทบทรุดลงไปนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน

“เหนื่อยไหม” มัลฟอยถามเฮอร์ไมโอนี่  เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ  เส้นผมสีบลอนด์นั้นเต็มไปด้วยหยดน้ำ

“เหนื่อยสิ  แต่สนุกมากเลยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยรอยยิ้ม  มัลฟอยมองดูผิวของเฮอร์ไมโอนี่ที่ถูกแดดเผา  และก็บอกเธอว่าเขาโทรไปสั่งอาหารกับทางโรงแรมแล้ว

“ผิวไหม้หมดแล้ว” เขาพูดพลางมองผิวเนียนนุ่มของเฮอร์ไมโอนี่

“อือ  แสบด้วย  แต่มันก็สวยดีนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางมองกระจก  พลางสำรวจผิวสีแทนน้อย ๆ แต่ดูสวยและดูสุขภาพดีของเธอ  แม้ว่ามันจะทิ้งรอยไหม้แดง ๆ ไว้ก็ตาม

และไม่ทันที่เฮอร์ไมโอนี่จะทำอะไรไปมากกว่านั้นมัลฟอยก็คว้าโลชั่นที่ใช้หาหลังอาบแดด ( After Sun ) มาทาให้เธอ

“ไม่ต้องก็ได้มัลฟอยฉันทาเองได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดแต่  มัลฟอยไม่ฟังเธอเลย

“เธอทาเองมันจะทั่วได้ยังไงล่ะ” เขาเถียง  ค่อย ๆ ทาโลชั่นไปตามแผ่นหลังของเฮอร์ไมโอนี่

“ดีขึ้นไหม” ชายหนุ่มถาม

“อือ” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าน้อย ๆ และมัลฟอยก็ให้เธอหันหน้ามาหาเขาเพื่อทาโลชั้นที่แขน  ลำคอและที่ใบหน้าของเธอ  ชายหนุ่มสัมผัสใบหน้าของเธออย่างทะนุถนอมที่สุด  เฮอร์ไมโอนี่หลับตาพริ้ม  เธอรู้สึกผ่อนคลายไปกับสัมผัสของเขา  และมัลฟอยก็ค่อย ๆ ละมือของเขาออกจากใบหน้าของเธอ  และก้มหน้าของเขาลงไปแทน

แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกัน  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน

“รูมเซอร์วิสครับ” เสียงของพนักงานเสิร์ฟดังขึ้นจากทางประตูห้อง  ทั้งสองสะดุ้งสุดตัวและรีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว  มัลฟอยนั้นดูท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นอย่างนี้ทุกทีเลยสิ” เขาพึมพำรอดไรฟันออกมาก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้องพัก  



*************************************************



หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่นั้นอยากพักผ่อนมากกว่าอะไรทั้งหมด  และเหมือนกับว่ามัลฟอยจะรู้เรื่องนี่ดี

“เธอนอนห้องนอนใหญ่ไปละกัน” มัลฟอยพูดหลังจากทานอาหารเสร็จ

“แล้วเธอล่ะ  จะไปนอนไหน” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัย  ถึงที่นี่จะเป็นห้องสวีทระดับห้าดาว  แต่มันก็มีห้องนอนแค่ห้องเดียวเท่านั้น

“ฉันไปนอนห้องนั่งเล่นก็ได้” มัลฟอยพูด

“แต่ที่นั่นไม่มีเตียงนี่นา” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง

“ไม่เป็นไร  ฉันนอนโซฟาก็ได้” มัลฟอยพูด

“ทำไมถึงไม่โทรไปขอเตียงเสริมกับรีเซฟชั่นล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แนะนำ  มัลฟอยส่ายหน้า

“ขืนแขกห้องสวีทโทรไปขอเตียงเสริมคนอื่นเขาจะคิดยังไงกัน  เขาคงไปลือกันว่าเธอกับฉันทะเลาะกันแน่ ๆ ถึงได้แยกเตียงกันนอนน่ะ” มัลฟอยอธิบายอย่างมีเหตุผล

“แต่เธอจะนอนได้เหรอมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เพราะว่าคนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีอย่างเขาน่ะจะรับได้กับการนอนโซฟาหรือ

“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า” มัลฟอยพูดพลางลูบหัวเฮอร์ไมโอนี่ “เธอนอนของเธอไปเถอะ  ราตรีสวัสดิ์นะ” ชายหนุ่มพูดพลางดับไฟในห้องนอน

“อือ  ราตรีสวัสดิ์” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  มองร่างชายหนุ่มผมบลอนด์เดินออกจากห้องไป



*************************************************



เฮอร์ไมโอนี่หลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อยอ่อน  แต่เธอกลับตื่นขึ้นมากลางดึกแทน  ซึ่งตอนนี้เธอนอนไม่หลับเอาเสียแล้ว

พลิกตัวไปอีกด้านหนึ่ง  เธอมองเห็นระเบียงของห้องเพราะผ้าม่านถูกเปิดเอาไว้  ท้องฟ้าภายนอกเป็นสีดำสนิทราวกับกำมะหยี่  หากแต่ถูกประดับด้วยแสงจากดวงดาวจำนวนมากที่ส่องแสงราวกับเพชรเม็ดงาม

และที่ระเบียงนั้นเฮอร์ไมโอนี่เห็นร่างของใครบางคนกำลังเหม่อมองไปยังท้องฟ้ายามราตรี

หญิงสาวลุกจากเตียงและเดินไปที่ระเบียงนั้น  ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้รางนั้นก็หันมามองเธอ

“ลุกมาทำไมล่ะ” มัลฟอยถามหญิงสาวตรงหน้า

“ฉันนอนไม่หลับ” เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ เดินมายืนข้างเขา

“เธอล่ะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถามบ้าง “มาทำอะไรตอนนี้”

“ฉันก็นอนไม่หลับ” มัลฟอยพึมพำ  มองไปยังท้องฟ้าสีดำนั้น

“วันนี้ท้องฟ้าสวยดีนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางมองไปที่ผืนฟ้านั้นเช่นเดียวกับเขา  แต่ตอนนี้มัลฟอยกลับทอดสายตาลงมองทะเลที่ดูราวกับผืนน้ำสีดำสนิทเบื้องล่าง

“ความจริงเธอไม่ควรลุกมานะ  ที่นี่ลมแรง” มัลฟอยพูดอย่างเป็นห่วง

“ฉันไม่หนาวหรอก” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง “เธอเองยังมาได้เลย”

“นั่นมันคนละเรื่อง” ชายหนุ่มพูดพลางถอดเสื้อคลุมของเขาห่มให้หญิงสาว “ถ้าไม่สบายไปจะว่ายังไง”

“ฉันไม่เป็นไรหรอก  เธอเป็นห่วงงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“ก็ใช่น่ะสิ” มัลฟอยตอบ  มองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาเป็นห่วง “เธอไม่รู้เหรอ”

“ฉัน…รู้” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  เงียบกับไปซักพัก

“เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“ไม่รู้สิ  แล้วเธอล่ะ” ชายหนุ่มพูด

“ฉัน….กำลังนับดาวมั้ง” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  ดวงตาเหม่อมองไปยังกลุ่มดาวจำนวนมากมาย

“เธอนับมันไม่หมดหรอก” มัลฟอยพูด

“ฉันก็ไม่ได้หวังจะนับมันหมดนี่  แค่อยากจะลองพยายามดูเฉย ๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย” หญิงสาวตอบมาตามที่คิด  แต่คำพูดของเธอกลับทำให้ชายหนุ่มนิ่งเงียบไป

“เธอคิดกับฉันยังไง  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยถามคำถามที่เขาอยากรู้ที่สุดออกมา  เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบไปกับสิ่งที่เขาพูด

แต่เมื่อหญิงสาวกำลังจะขยับริมฝีปาก  ชายหนุ่มก็ห้ามเธอไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องตอบฉันก็ได้” มัลฟอยพูด “เธอไม่จำเป็นต้องตอบฉัน  และฉันก็ไม่จำเป็นต้องรู้มัน” เขาบอก  เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว

“ทำไมล่ะ  มัลฟอย” เธอถาม

“เธอไม่ต้องบอกฉัน  จนกว่าเธอจะรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ก็ได้  หรือไม่ต้องบอกก็ได้ถ้าเธอไม่คิดอย่างเดียวกับฉัน” มัลฟอยพูด  แววตาของเขาแสดงถึงความกังวลออกมาอย่างชัดเจน  เฮอร์ไมโอนี่เงียบครู่หนึ่ง

“ฉันไม่ต้องการได้ยินคำว่าเธอไม่รักฉัน  ถ้าเธอรู้ตัวว่าเธอรักฉันเมื่อไหร่ก็ค่อยบอกฉันได้ไหม  แต่ฉันขอแค่อย่างเดียวว่าอย่าจากฉันไปไหน” ชายหนุ่มพูด  เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า  แขนทั้งสองข้างกอดเธอไว้แน่นราวกับว่ากลัวเธอจะจางหายไป

“ฉันสัญญา  มัลฟอยฉันสัญญา” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  รู้สึกสงสารเขาจับใจ

เงียบกันไปไม่นานนัก  มัลฟอยก็คลายวงแขนออกจากร่างของหญิงสาว

“ไม่ไปนอนเหรอ” เขาถาม  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าตอบ

“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ  จนกว่าเธอจะนอนนะ” เธอพูดด้วยท่าทีราวกับเด็ก ๆ มัลฟอยอมยิ้มน้อย ๆ

“ตามใจ” มัลฟอยพูดพลางจูงมือเฮอร์ไมโอนี่มาที่เก้าอี้ที่มีไว้สำหรับนอนอาบแดด

“แล้วถ้าฉันจะนอนที่นี่ล่ะ” มัลฟอยพูด  มองหน้าหญิงสาว

“ฉันก็จะอยู่เป็นเพื่อน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

“งั้นก็มานี่สิ” มัลฟอยพูดพลางรั้งร่างของเฮอร์ไมโอนี่ให้นอนลงพร้อมกับเขาโดยให้เขาเธอหนุนแขนของเขาแทนหมอน

“อยู่อย่างนี้ละกัน” มัลฟอยพูดพลางโอบกอดเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในอ้อมแขนตลอดทั้งค่ำคืนนั้น


TBC

No comments:

Post a Comment