เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาเพื่อรับภาพที่อยู่เบื้องหน้า เธอยันกายขึ้นจากที่นอนอย่างช้า ๆ พลางมองไปรอบห้อง จริงสินะ ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลนี่ เธอคิด พยายามสลัดความคิดที่ว่าเธอยังเป็นนักเรียนฮอกวอตส์อยู่ออกไปจากหัว เพราะตอนนี้เธออายุ 21 ปี แล้ว เธอเรียนจบออกมาทำงานได้หลายปีแล้ว และที่สำคัญเธอแต่งงานแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่เหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด เธอคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เป็นความฝัน ความฝันที่ไม่น่าจะกลายเป็นจริงได้ และจู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่เธอจะได้เอ่ยสิ่งใด ๆ ออกจากปาก ประตูบานนั้นก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างของคนสองคน ซึ่งก็คือ ชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้บำบัดของเธอซึ่งเขาเดินมาข้าง ๆ แม่มดที่สวมชุดสีขาวในมือถือถ้วยใบหนึ่งมาด้วย
“นอนหลับดีไหมครับ” คุณหมอถามด้วยอาการยิ้มแย้ม ก่อนที่แม่มดอีกคนที่มีลักษณะเหมือนนางพยาบาลจะส่งถ้วยยาในมือให้เฮอร์ไมโอนี่
“นี่ เช้าแล้วเหรอคะเนี่ย” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างงง ๆ เพราะเธอจำได้ว่าเมื่อวานที่เธอกินยาแล้วหลับไปนั้นเพิ่งบ่าย ๆ อยู่เลย
“ครับ ผมต้องการให้คุณพักผ่อนมาก ๆ เลยสั่งยานอนหลับให้” เขาตอบขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่ถ้วยยาในมือของตนเอง “แต่คราวนี้ไม่ใช่ยานอนหลับหรอกครับ แต่เป็นยาบำรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น” คุณหมอพูดอย่างอารมณ์ดี เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ยกยาถ้วยนั้นมาดื่ม มันมีรสชาติแปลกไปจากยาที่เธอดื่มเมื่อคืนจริง ๆ และเมื่อเธอดื่มเสร็จแม่มดที่สวมชุดขาวก็รับถ้วยยาจากเธอและเดินออกจากห้อง
“โดยรวมแล้วร่างกายของคุณก็ปกติดีแล้วใช่ไหมครับ คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างไหม” เขาถามเฮอร์ไมโอนี่ และเธอก็ส่ายหน้าตอบ
“ไม่นี่คะ เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังจำเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้เลย” เธอตอบเสียงเศร้า
“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะกังวลหรอกครับ เพราะว่าถ้าคุณจำเรื่องราวทั้งหมดได้ภายในคืนเดียวผมคงต้องทึ่งแน่ ๆ เลย” เขาพูด
“แต่ฉันจำอะไรไม่ได้จริง ๆ นะคะ ฉันหมายความว่า พอเวลาฉันพยายามจะนึกทีไรก็ในหัวมันก็ว่างเปล่าไปหมด” เฮอร์ไมโอนี่พูด “มันเหมือนกับว่า ฉันไม่มีความทรงจำเหล่านั้นอยู่ในหัวเลย”
“ความจริงแล้วคาวมทรงจำของคุณไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ มันยังคงอยู่กับคุณตลอดเวลา ไม่ได้ไปจากคุณเลย” คุณหมอพูด
“แต่ทำไม ฉันถึงจำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ล่ะคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“นั่นเป็นเพราะว่าคุณได้รับการกระทบกระเทือน เลยทำให้ความทรงจำช่วงหนึ่งของคุณแตกกระจายไปยังไงล่ะครับ ถ้าคุณสามารถนำมันกลับมาเรียบเรียงได้ความทรงจำของคุณก็จะกลับมา เหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์นั่นแหละครับ ถ้าคุณไม่ต่อให้เสร็จคุณก็จะไม่รู้ว่ามันคือภาพอะไร” เขาอธิบาย
“แต่ฉันจะทำยังไงล่ะคะ ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความวิตก เธอไม่อยากที่จะอยู่ในสภาพที่จำอะไรไม่ได้อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ นักหรอก
“ผมคิดว่าคุณควรจะเริ่มจากการเข้าไปใกล้ชิดอดีตของคุณมากที่สุดครับ คุณต้องพยายามเอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีกับสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ไปในที่ ๆ เคยไป หรือว่าทำอะไรที่เคยทำ มันอาจจะทำให้คุณนึกอะไรออกได้บ้าง แต่อย่างที่ผมพูดน่ะครับ เรื่องทุกอย่างมันคงต้องใช้เวลา” คุณหมออธิบายอีกครั้ง ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าครุ่นคิด ถึงเขาจะบอกว่าเธอมีโอกาสหายเป็นปรกติ แต่เธอก็กลัวอยู่ดี เธอกลัวว่าเธอจะจำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ไปตลอดชีวิต!
จู่ ๆ ประตูห้องพักของเฮอร์ไมโอนี่ก็เปิดขึ้นทั้งเธอและคุณหมอต่างหันไปมองร่างผู้มาเยือน ชายหนุ่มผมบลอนด์ยืนอยู่ตรงนั้น เป็นใครไปไม่ได้นอกจากมัลฟอย เขารีบตรงมาหาเฮอร์ไมโอนี่ทันทีที่เข้ามาในห้อง
“เธอเป็นยังไงบ้าง” มัลฟอยถามเธอ
“ดีขึ้นแล้วแหละ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบโดยไม่มองตาเขา และเมื่อมัลฟอยกำลังหันไปถามคุณหมอถึงอาการของเฮอร์ไมโอนี่แต่เขากลับชิงตอบมาเสียก่อน
“ผมคิดว่าอาการของภรรยาของคุณดีขึ้นแล้วครับ ตามร่างกายก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไรมาก โดยรวมถือว่าเธอแข็งแรงดีแล้ว” คุณหมอตอบอย่างรู้ทัน
“เอ่อ แล้วเรื่องความทรงจำของเธอล่ะครับ” มัลฟอยถามเขาอีกครั้ง
“ก็เป็นอย่างที่ผมบอกคุณไปเมื่อวานน่ะครับ คุณมัลฟอย” เขาพูดด้วยท่าทีหนักใจ “คงจะต้องใช้เวลา แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมคิดว่าผมจะอนุญาติให้เธอกลับบ้านในวันนี้ เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาดูแลเธอเต็มที่”
“แล้วเธอจำเป็นต้องมาโรงพยาบาลอีกไหมครับ” มัลฟอยถาม
“สำหรับภรรยาของคุณนั้นผมคิดว่าไม่จำเป็นนะครับ เพราะร่างกายของเธอก็เป็นปรกติแล้ว ละความทรงจำของเธอก็ไม่ได้หายไปทั้งหมด แต่ทางที่ดีควรจะพาเธอมาให้ผมตรวจซักสัปดาห์ละครั้งก็ดีครับ” เขาพูด “ตอนนี้คุณสามารถรับเธอกลับไปได้แล้วครับ แล้วอย่าลืมไปรับยาที่เคาท์เตอร์ชั้นล่างด้วยล่ะครับ” คุณหมอพูด
“ครับ ขอบคุณมากครับ” มัลฟอยพูดกับคุณหมอชุดขาวที่กำลังเดินออกจากห้องพักของเฮอร์ไมโอนี่ไป
“กลับบ้านกันเถอะเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดพลางช่วยเธอเก็บของ แต่ข้าวของของเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเสื้อผ้าและไม้กายสิทธิ์เท่านั้น
“บ้านเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำอย่างช้า ๆ ใช่สิ ตอนนี้เธอกับมัลฟอยก็ต้องอยู่บ้านหลังเดียวกันนี่
“ใช่ บ้านของเรา” มัลฟอยพูดพลางพาเฮอร์ไมโอนี่ออกจากห้องพัก
*************************************************
รถลิมูซีนคันงามเล่นมาจอดเบื้องหน้าประตูรั้วขนาดใหญ่ของคฤหาสน์มัลฟอยและเพียงรถที่พวกเขานั่งมา ๆ จอดประตูบานนั้นก็เปิดออกด้วยแรงคาถา ความจริงเฮอร์ไมโอนี่เสนอมัลฟอยให้เดินทางด้วยผงฟลู แต่เขาไม่ยอมเพราะว่ากลัวจะกระทบกระเทือนต่อสุขภาพของเธอเลยสั่งให้คนขับรถเอารถมารับพวกเขาแทน
“ฉันไม่รู้ว่าบ้านนายมีรถด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าคนอย่าง เดรโก มัลฟอย จะนิยมยานพาหนะของพวกมักเกิ้ล
“ก็แค่ของสะสมน่ะ” มัลฟอยพูดขณะที่รถแล่นเข้ามาในตัวบ้าน จะเรียกบ้านก็ไม่ถูกนัก เพราะว่าพื้นที่โดยรอบนั้นโอ่อ่าและกว้างขวาง ตลอดทางที่รถวิ่งมาอระดับด้วยต้นสนที่จัดแต่งอย่างสวยงามมาตลอดสองข้างทาง และเมื่อมาถึงตัวคฤหาสน์ น้ำพุขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่เบื้องหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับพระราชวัง และเมื่อรถเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์ มัลฟอยก็เดินลงจากรถโดยไม่ลืมที่จะยื่นมือมาให้เฮอร์ไมโอนี่จับ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” มัลฟอยพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังตะลึงในความกว้างขวางโอ่อ่า รวมถึงความหรูหราของ ‘ บ้าน ‘ ที่มัลฟอยพูดถึง ในไม่ช้าเอล์ฟประจำบ้านราว 2 – 3 ตัวก็ปรากฏตัวขึ้น
“ยินดีต้อนรับนายท่านและนายหญิงกลับบ้านครับ” เอล์ฟเหล่านั้นพูดในขณะที่พวกมันก้มศีรษะลงต่ำจนจมูกสัมผัสพื้น
“เดี๋ยวช่วยเอาของในรถไปเก็บที่ห้องนอนใหญ่ด้วยนะ แล้วที่เหลือไปทำความสะอาดห้องรับรองแขกไว้ด้วย” มัลฟอยสั่ง และเมื่อเขาพูดจบเอล์ฟเหล่านั้นก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่
“ความจริงนายไม่เห็นต้องใช้พวกเขาเลย เรื่องแค่นี้ทำเองก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง
“กะอีแค่ถือของกับทำความสะอาดนิด ๆ หน่อย ๆ มันไม่ตายหรอก” มัลฟอยพูด
“แต่นายไม่ควรใช้พวกเขานะ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เถียง
“เธอนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเฮอร์ไมโอนี่ ฉันว่าแค่นี้พวกมันก็สบายพอแล้ว” มัลฟอยพูดอย่างจนใจ
“สบายเหรอ ฉันนึกว่านายจะใช้มันอย่างกับทาสซะอีก” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมา เธอนึกถึงเรื่องของด็อบบี้ที่เคยเป็นเอล์ฟประจำบ้านให้ครอบครัวมัลฟอย
“เมื่อก่อนมันก็ใช่” มัลฟอยพูด “แต่ตอนนี้เธอรู้มั้ยว่าเอล์ฟบ้านนี้น่ะมีวันหยุดงานกับได้รับเงินเดือนด้วย”
“อะไรนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่ามัลฟอยน่ะเหรอจะดีกับพวกเอล์ฟประจำบ้านขนาดนั้น “นายว่ายังไงนะ มัลฟอย” เธอถาม
“ฉันบอกว่าก็เพราะเธอน่ะสิที่ให้พวกมันหยุดงานแถมยังให้เงินเอนอีกต่างหาก” มัลฟอยพูดนึกถึงตอนที่เขาและเฮอร์ไมโอนี่แต่งงานกันใหม่ ๆ ที่เฮอร์ไมโอนี่ยืนกรานจะให้มีวันหยุดงานให้เอล์ฟประจำบ้านทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้อยากจะมีเลย และเฮอร์ไมโอนี่เลยต้องสั่งให้มันห้ามทำงานทุกวันอาทิตย์ ซึ่งทำให้มัลฟอยต้องตื่นมาชงชาและปิ้งขนมปังเอง นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่เธอพยายามจะให้เงินค่าจ้างมัน แต่พวกมันไม่ยอมรับและแอบเอามาคืนมัลฟอยอยู่เสมอ
“ที่เป็นอย่างนี้เพราะฉันงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างงงงวย เธอไม่คิดว่ามัลฟอยจะยอมทำอย่างนี้ เพียงเพราะเธอ
“ก็ใช่น่ะสิ นี่เราจะยืนคุยกันอีกนานไหมเข้าไปข้างในดีกว่า” เขาพูดพลางจูงมือหญิงสาวเข้าไปข้างในบ้าน และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ก้าวเข้ามาภายในคฤหาสน์นั้นเธอก็ต้องตะลึงกับความงามของมัน เพราะมันถูกตกแต่งอย่างหรูหราและปราณีตเป็นที่สุด เธอและมัลฟอยก้าวเข้ามาในห้องทรงกลมขนาดใหญ่ พื้นปูด้วยหินแกรนิตตลอดทั้งห้องและปูทับด้วยพรมสีแดงเลือดนก ใจกลางห้องเป็นรูปปั้นหินอ่อนแกะสลักรูปเทพีวีนัสขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ สูงขึ้นไปเป็นโดมกระจกที่มีความสูงราว ๆ 3 – 4 ชั้น เพดานที่เป็นกระจกนั้นทำให้มองเห็นท้องฟ้าข้างนอกได้อย่างชัดเจน ถัดจากน้ำพุไปเป็นบันไดขนาดใหญ่ที่ปูพรมสีเดียวกับพื้นห้อง บันไดนั้นเชื่อมต่อไปกับระเบียงชั้นสองและทอดยาวไปยังชั้นสาม
มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสาม และเขาก็หยุดอยู่ที่รูปปั้นมังกรที่ดูน่าเกรงขามอันหนึ่ง “มัลฟอย” เขาพูด และรูปปั้นนั้นก็ขยับตัวให้มีพื้นที่พอที่คนสองคนจะยืนได้ มัลฟอยจูงมือเฮอร์ไมโอนี่ที่มีที่ท่ากล้า ๆ กลัว ๆ ไปยืนอยู่ตรงที่ว่างนั้น และรูปปั้นก็เริ่มเลื่อนขึ้นไปด้านบน ( นึกถึงฉากห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ในหนังภาค 2 ดิ ประมาณนั้นแหละ ) และในที่สุดมันก็มาหยุดอยู่ที่ห้อง ๆ หนึ่ง
มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปในห้องนอนที่กว้างขวางราวกับห้องบรรทม ในห้องมีชุดรับแขกขนาย่อม ๆ พร้อมด้วยเตาผิงอันหนึ่ง พื้นห้องถูกปูพรมอย่างดี ถัดจากชุดรับแขกไปคือเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ที่มีผ้าม่านกั้นรอบเตียง และก็มีประตูที่เปิดออกสู่ระเบียง
“ห้องนอนของพวกเราน่ะ” มัลฟอยพูด “หรือจะเรียกว่าเรือนหอก็ได้” เขาพูดในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นใบหน้าเริ่มขึ้นสี แต่เธอกลับปกปิดความเขินอายด้วยการเดินสำรวจรอบ ๆ ห้องแทน และเธอก็สะดุดตาเข้ากับรูป ๆ หนึ่งที่แขวนไว้เหนือเตาผิง รูปแต่งงานของเธอและมัลฟอย!
เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปดูรูปนั้นใกล้ ๆ ในรูปเธอสวมชุดสีขาวสะอาด ส่วนมัลฟอยนั้นสวมชุดทักซิโด้สีดำ เฮอร์ไมโอนี่มองตัวของเธอเองในรูปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะในรูปนั้น เฮอร์ไมโอนี่คนนั้นยิ้มอย่างมีความสุขเคียงคู่อยู่กับ เดรโก มัลฟอย ผู้ชายที่เป็นศัตรูกับเธอมาตลอดเวลาตั้งแต่เธอและเขาอยู่ปีหนึ่ง ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าเธอจะสามารถรักหรือแม้แต่จะญาติดีด้วยได้ แต่วันนี้เธอกลับพบว่าตัวเธอเองแต่งงานกับเขามาแล้วถึงสามปี!
แต่ที่เฮอร์ไมโอนี่สงสัยนั้นไม่ใช่เพียงแค่ว่าทำไมเธอถึงมาแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ได้ หรือทำไมเธอถึงรักคนที่เป็นศัตรูกับเธอได้ แต่ที่เธอสงสัยที่สุดคือ ทำไมเธอในภาพถึงมีความสุขอย่างนี้ ทำไมเธอถึงยิ้มได้ราวกับว่ามีความสุขที่สุดในชีวิต แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะหาคำตอบให้ตัวเองได้ มัลฟยก็มาอยู่ข้าง ๆ เธอเสียแล้ว
“รูปวันแต่งงานของเราน่ะ” มัลฟอยพูด เขาเองก็ยืนมองมันเช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ “วันนั้นพวกเราต่างมีความสุขมาก” เขาพูดราวกับเขากำลังนึกย้อนไปในความหลังแสนหวานของเขา
“เธอจำมันได้ไหมเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยหันมาถามเธอ
“ฉัน….” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอแต่งงานกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ช่าวมันเถอะ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” มัลฟอยพูดโดยไม่แสดงความวิตกออกมา
“ฉันเองก็รู้ว่าในวันนั้นเราต่างมีความสุข” เฮอร์ไมโอนี่พูด “ทั้ง ๆ ที่ฉันมีความสุขขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นวันที่สำคัญขนาดนั้นแต่ฉันกลับจำมันไม่ได้” เธอพูดเสียงเศร้า
“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูด ลูบศีรษะของเธออย่างปลอบโยน “เธอไม่ได้ผิดเลย” เขาบอก
“ทั้ง ๆ ที่จริงฉันก็อยากจะจำมันให้ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูด น้ำตาใส ๆ ของเธอเริ่มคลอเอ่อดวงตา เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำอย่างไรดี เธอไม่รู้ว่าเธอต้องทำอย่างไรจึงจะได้ความทรงจำของเธอกลับมา
“ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยปลอบเธอ เขาโอบกอดหญิงสาวไว้พร้อม ๆ กับลูกศีรษะเธอไปด้วย เมื่อเวลาผ่านไปซักครู่หนึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ผละตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“เอ่อ ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“เหรอ งั้นก็ดีแล้ว” มัลฟอยเอ่ย
“ฉันขอโทษนะ ที่…” เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะพูดถึงเรื่องที่เธอร้องไห้เมื่อครู่ แต่มัลฟอยตัดบทเธอเสียก่อน
“ไม่เป็นไร ฉันว่าเธอพักผ่อนดีกว่านะ” มัลฟอยพูด “เธอนอนที่นี่และกัน ทางนั้นเป็นห้องน้ำกับห้องแต่งตัว” มัลฟอยชี้ไปที่ประตูอีกบานหนึ่งซึ่งปิดอยู่
“ถ้าเธอต้องการอะไรก็สั่นกระดิ่งที่หัวเตียงล่ะ แล้วจะมีเอล์ฟประจำบ้านมาหา” เขาพูดก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“แล้วเธอจะไปไหนล่ะ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“ฉันจะลงไปข้างล่าง เธอพักผ่อนไปเถอะ” มัลฟอยตอบเธอพลางยิ้มอ่อนโยน
“แล้วปกติเอ่อ… เธอนอน….” เฮอร์ไมโอนี่ถามตะกุกตะกัก แต่มัลฟอยเองก็พอรู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร
“ปกติฉันก็นอนห้องนี้แหละ แต่ตอนนี้ฉันจะให้เธอใช้ห้องนี้ไปก่อนแล้วเดี๋ยวฉันจะไปนอนห้องนอนอื่นแทน ระหว่างที่เธอยังไม่หายน่ะ” มัลฟอยอธิบาย
“อ๋อ งั้นเหรอ”
“เธอต้องพักผ่อนมาก ๆ นะ รู้มั้ย” ชายหนุ่มกล่าวพลางลูบหัวเธอ เขามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเนิ่นนานก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไป
มัลฟอยออกจากห้องไปทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่จมอยู่กับความสับสนที่เธอเองก็ไม่รู้จะกำจัดมันออกไปอย่างไร ทำไมนะเวลาที่เธออยู่ใกล้เขา เธอต้องรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยด้วย โดยเฉพาะตอนที่เขาโอบกอดเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่คิดพร้อม ๆ กับที่ใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น แต่เธอเองก็หาคำตอบไม่ได้ว่ามันเป็นเพราะอะไร
TBC
No comments:
Post a Comment