Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Tuesday, July 21, 2015

Chapter 4: คฤหาสน์มัลฟอย

เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาเพื่อรับภาพที่อยู่เบื้องหน้า  เธอยันกายขึ้นจากที่นอนอย่างช้า ๆ พลางมองไปรอบห้อง  จริงสินะ  ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลนี่  เธอคิด  พยายามสลัดความคิดที่ว่าเธอยังเป็นนักเรียนฮอกวอตส์อยู่ออกไปจากหัว  เพราะตอนนี้เธออายุ 21 ปี  แล้ว  เธอเรียนจบออกมาทำงานได้หลายปีแล้ว  และที่สำคัญเธอแต่งงานแล้ว

เฮอร์ไมโอนี่เหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด  เธอคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เป็นความฝัน  ความฝันที่ไม่น่าจะกลายเป็นจริงได้  และจู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่เธอจะได้เอ่ยสิ่งใด ๆ ออกจากปาก  ประตูบานนั้นก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างของคนสองคน  ซึ่งก็คือ  ชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้บำบัดของเธอซึ่งเขาเดินมาข้าง ๆ แม่มดที่สวมชุดสีขาวในมือถือถ้วยใบหนึ่งมาด้วย

“นอนหลับดีไหมครับ” คุณหมอถามด้วยอาการยิ้มแย้ม  ก่อนที่แม่มดอีกคนที่มีลักษณะเหมือนนางพยาบาลจะส่งถ้วยยาในมือให้เฮอร์ไมโอนี่

“นี่  เช้าแล้วเหรอคะเนี่ย” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างงง ๆ เพราะเธอจำได้ว่าเมื่อวานที่เธอกินยาแล้วหลับไปนั้นเพิ่งบ่าย ๆ อยู่เลย

“ครับ  ผมต้องการให้คุณพักผ่อนมาก ๆ เลยสั่งยานอนหลับให้” เขาตอบขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่ถ้วยยาในมือของตนเอง  “แต่คราวนี้ไม่ใช่ยานอนหลับหรอกครับ  แต่เป็นยาบำรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น” คุณหมอพูดอย่างอารมณ์ดี  เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ยกยาถ้วยนั้นมาดื่ม  มันมีรสชาติแปลกไปจากยาที่เธอดื่มเมื่อคืนจริง ๆ และเมื่อเธอดื่มเสร็จแม่มดที่สวมชุดขาวก็รับถ้วยยาจากเธอและเดินออกจากห้อง

“โดยรวมแล้วร่างกายของคุณก็ปกติดีแล้วใช่ไหมครับ  คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างไหม” เขาถามเฮอร์ไมโอนี่  และเธอก็ส่ายหน้าตอบ

“ไม่นี่คะ  เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังจำเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้เลย” เธอตอบเสียงเศร้า

“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะกังวลหรอกครับ  เพราะว่าถ้าคุณจำเรื่องราวทั้งหมดได้ภายในคืนเดียวผมคงต้องทึ่งแน่ ๆ เลย” เขาพูด

“แต่ฉันจำอะไรไม่ได้จริง ๆ นะคะ  ฉันหมายความว่า  พอเวลาฉันพยายามจะนึกทีไรก็ในหัวมันก็ว่างเปล่าไปหมด” เฮอร์ไมโอนี่พูด “มันเหมือนกับว่า  ฉันไม่มีความทรงจำเหล่านั้นอยู่ในหัวเลย”

“ความจริงแล้วคาวมทรงจำของคุณไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ  มันยังคงอยู่กับคุณตลอดเวลา  ไม่ได้ไปจากคุณเลย” คุณหมอพูด

“แต่ทำไม  ฉันถึงจำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ล่ะคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“นั่นเป็นเพราะว่าคุณได้รับการกระทบกระเทือน  เลยทำให้ความทรงจำช่วงหนึ่งของคุณแตกกระจายไปยังไงล่ะครับ  ถ้าคุณสามารถนำมันกลับมาเรียบเรียงได้ความทรงจำของคุณก็จะกลับมา  เหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์นั่นแหละครับ  ถ้าคุณไม่ต่อให้เสร็จคุณก็จะไม่รู้ว่ามันคือภาพอะไร” เขาอธิบาย

“แต่ฉันจะทำยังไงล่ะคะ  ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความวิตก  เธอไม่อยากที่จะอยู่ในสภาพที่จำอะไรไม่ได้อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ นักหรอก

“ผมคิดว่าคุณควรจะเริ่มจากการเข้าไปใกล้ชิดอดีตของคุณมากที่สุดครับ  คุณต้องพยายามเอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีกับสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ไปในที่ ๆ เคยไป  หรือว่าทำอะไรที่เคยทำ  มันอาจจะทำให้คุณนึกอะไรออกได้บ้าง  แต่อย่างที่ผมพูดน่ะครับ  เรื่องทุกอย่างมันคงต้องใช้เวลา” คุณหมออธิบายอีกครั้ง  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าครุ่นคิด  ถึงเขาจะบอกว่าเธอมีโอกาสหายเป็นปรกติ  แต่เธอก็กลัวอยู่ดี  เธอกลัวว่าเธอจะจำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ไปตลอดชีวิต!

จู่ ๆ ประตูห้องพักของเฮอร์ไมโอนี่ก็เปิดขึ้นทั้งเธอและคุณหมอต่างหันไปมองร่างผู้มาเยือน  ชายหนุ่มผมบลอนด์ยืนอยู่ตรงนั้น  เป็นใครไปไม่ได้นอกจากมัลฟอย  เขารีบตรงมาหาเฮอร์ไมโอนี่ทันทีที่เข้ามาในห้อง

“เธอเป็นยังไงบ้าง” มัลฟอยถามเธอ

“ดีขึ้นแล้วแหละ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบโดยไม่มองตาเขา  และเมื่อมัลฟอยกำลังหันไปถามคุณหมอถึงอาการของเฮอร์ไมโอนี่แต่เขากลับชิงตอบมาเสียก่อน

“ผมคิดว่าอาการของภรรยาของคุณดีขึ้นแล้วครับ  ตามร่างกายก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไรมาก  โดยรวมถือว่าเธอแข็งแรงดีแล้ว” คุณหมอตอบอย่างรู้ทัน

“เอ่อ  แล้วเรื่องความทรงจำของเธอล่ะครับ” มัลฟอยถามเขาอีกครั้ง

“ก็เป็นอย่างที่ผมบอกคุณไปเมื่อวานน่ะครับ  คุณมัลฟอย” เขาพูดด้วยท่าทีหนักใจ “คงจะต้องใช้เวลา  แต่ไม่ต้องห่วงครับ  ผมคิดว่าผมจะอนุญาติให้เธอกลับบ้านในวันนี้  เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาดูแลเธอเต็มที่”

“แล้วเธอจำเป็นต้องมาโรงพยาบาลอีกไหมครับ” มัลฟอยถาม

“สำหรับภรรยาของคุณนั้นผมคิดว่าไม่จำเป็นนะครับ เพราะร่างกายของเธอก็เป็นปรกติแล้ว  ละความทรงจำของเธอก็ไม่ได้หายไปทั้งหมด  แต่ทางที่ดีควรจะพาเธอมาให้ผมตรวจซักสัปดาห์ละครั้งก็ดีครับ” เขาพูด “ตอนนี้คุณสามารถรับเธอกลับไปได้แล้วครับ  แล้วอย่าลืมไปรับยาที่เคาท์เตอร์ชั้นล่างด้วยล่ะครับ” คุณหมอพูด

“ครับ  ขอบคุณมากครับ” มัลฟอยพูดกับคุณหมอชุดขาวที่กำลังเดินออกจากห้องพักของเฮอร์ไมโอนี่ไป

“กลับบ้านกันเถอะเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดพลางช่วยเธอเก็บของ  แต่ข้าวของของเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเสื้อผ้าและไม้กายสิทธิ์เท่านั้น

“บ้านเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำอย่างช้า ๆ ใช่สิ   ตอนนี้เธอกับมัลฟอยก็ต้องอยู่บ้านหลังเดียวกันนี่

“ใช่  บ้านของเรา” มัลฟอยพูดพลางพาเฮอร์ไมโอนี่ออกจากห้องพัก



*************************************************



รถลิมูซีนคันงามเล่นมาจอดเบื้องหน้าประตูรั้วขนาดใหญ่ของคฤหาสน์มัลฟอยและเพียงรถที่พวกเขานั่งมา ๆ จอดประตูบานนั้นก็เปิดออกด้วยแรงคาถา  ความจริงเฮอร์ไมโอนี่เสนอมัลฟอยให้เดินทางด้วยผงฟลู  แต่เขาไม่ยอมเพราะว่ากลัวจะกระทบกระเทือนต่อสุขภาพของเธอเลยสั่งให้คนขับรถเอารถมารับพวกเขาแทน

“ฉันไม่รู้ว่าบ้านนายมีรถด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าคนอย่าง เดรโก  มัลฟอย  จะนิยมยานพาหนะของพวกมักเกิ้ล

“ก็แค่ของสะสมน่ะ” มัลฟอยพูดขณะที่รถแล่นเข้ามาในตัวบ้าน  จะเรียกบ้านก็ไม่ถูกนัก  เพราะว่าพื้นที่โดยรอบนั้นโอ่อ่าและกว้างขวาง  ตลอดทางที่รถวิ่งมาอระดับด้วยต้นสนที่จัดแต่งอย่างสวยงามมาตลอดสองข้างทาง  และเมื่อมาถึงตัวคฤหาสน์  น้ำพุขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่เบื้องหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับพระราชวัง  และเมื่อรถเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์  มัลฟอยก็เดินลงจากรถโดยไม่ลืมที่จะยื่นมือมาให้เฮอร์ไมโอนี่จับ

“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” มัลฟอยพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังตะลึงในความกว้างขวางโอ่อ่า  รวมถึงความหรูหราของ ‘ บ้าน ‘ ที่มัลฟอยพูดถึง  ในไม่ช้าเอล์ฟประจำบ้านราว 2 – 3 ตัวก็ปรากฏตัวขึ้น

“ยินดีต้อนรับนายท่านและนายหญิงกลับบ้านครับ”  เอล์ฟเหล่านั้นพูดในขณะที่พวกมันก้มศีรษะลงต่ำจนจมูกสัมผัสพื้น

“เดี๋ยวช่วยเอาของในรถไปเก็บที่ห้องนอนใหญ่ด้วยนะ  แล้วที่เหลือไปทำความสะอาดห้องรับรองแขกไว้ด้วย” มัลฟอยสั่ง  และเมื่อเขาพูดจบเอล์ฟเหล่านั้นก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่

“ความจริงนายไม่เห็นต้องใช้พวกเขาเลย  เรื่องแค่นี้ทำเองก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง

“กะอีแค่ถือของกับทำความสะอาดนิด ๆ หน่อย ๆ มันไม่ตายหรอก” มัลฟอยพูด

“แต่นายไม่ควรใช้พวกเขานะ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เถียง

“เธอนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเฮอร์ไมโอนี่  ฉันว่าแค่นี้พวกมันก็สบายพอแล้ว” มัลฟอยพูดอย่างจนใจ

“สบายเหรอ  ฉันนึกว่านายจะใช้มันอย่างกับทาสซะอีก” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมา  เธอนึกถึงเรื่องของด็อบบี้ที่เคยเป็นเอล์ฟประจำบ้านให้ครอบครัวมัลฟอย

“เมื่อก่อนมันก็ใช่” มัลฟอยพูด “แต่ตอนนี้เธอรู้มั้ยว่าเอล์ฟบ้านนี้น่ะมีวันหยุดงานกับได้รับเงินเดือนด้วย”

“อะไรนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ  ว่ามัลฟอยน่ะเหรอจะดีกับพวกเอล์ฟประจำบ้านขนาดนั้น  “นายว่ายังไงนะ  มัลฟอย” เธอถาม

“ฉันบอกว่าก็เพราะเธอน่ะสิที่ให้พวกมันหยุดงานแถมยังให้เงินเอนอีกต่างหาก” มัลฟอยพูดนึกถึงตอนที่เขาและเฮอร์ไมโอนี่แต่งงานกันใหม่ ๆ ที่เฮอร์ไมโอนี่ยืนกรานจะให้มีวันหยุดงานให้เอล์ฟประจำบ้านทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้อยากจะมีเลย  และเฮอร์ไมโอนี่เลยต้องสั่งให้มันห้ามทำงานทุกวันอาทิตย์  ซึ่งทำให้มัลฟอยต้องตื่นมาชงชาและปิ้งขนมปังเอง  นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่เธอพยายามจะให้เงินค่าจ้างมัน  แต่พวกมันไม่ยอมรับและแอบเอามาคืนมัลฟอยอยู่เสมอ

“ที่เป็นอย่างนี้เพราะฉันงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างงงงวย  เธอไม่คิดว่ามัลฟอยจะยอมทำอย่างนี้  เพียงเพราะเธอ

“ก็ใช่น่ะสิ  นี่เราจะยืนคุยกันอีกนานไหมเข้าไปข้างในดีกว่า” เขาพูดพลางจูงมือหญิงสาวเข้าไปข้างในบ้าน  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ก้าวเข้ามาภายในคฤหาสน์นั้นเธอก็ต้องตะลึงกับความงามของมัน  เพราะมันถูกตกแต่งอย่างหรูหราและปราณีตเป็นที่สุด  เธอและมัลฟอยก้าวเข้ามาในห้องทรงกลมขนาดใหญ่  พื้นปูด้วยหินแกรนิตตลอดทั้งห้องและปูทับด้วยพรมสีแดงเลือดนก  ใจกลางห้องเป็นรูปปั้นหินอ่อนแกะสลักรูปเทพีวีนัสขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่  สูงขึ้นไปเป็นโดมกระจกที่มีความสูงราว ๆ 3 – 4 ชั้น  เพดานที่เป็นกระจกนั้นทำให้มองเห็นท้องฟ้าข้างนอกได้อย่างชัดเจน  ถัดจากน้ำพุไปเป็นบันไดขนาดใหญ่ที่ปูพรมสีเดียวกับพื้นห้อง  บันไดนั้นเชื่อมต่อไปกับระเบียงชั้นสองและทอดยาวไปยังชั้นสาม

มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสาม  และเขาก็หยุดอยู่ที่รูปปั้นมังกรที่ดูน่าเกรงขามอันหนึ่ง  “มัลฟอย” เขาพูด  และรูปปั้นนั้นก็ขยับตัวให้มีพื้นที่พอที่คนสองคนจะยืนได้  มัลฟอยจูงมือเฮอร์ไมโอนี่ที่มีที่ท่ากล้า ๆ กลัว ๆ ไปยืนอยู่ตรงที่ว่างนั้น  และรูปปั้นก็เริ่มเลื่อนขึ้นไปด้านบน ( นึกถึงฉากห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ในหนังภาค 2 ดิ ประมาณนั้นแหละ ) และในที่สุดมันก็มาหยุดอยู่ที่ห้อง ๆ หนึ่ง

มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปในห้องนอนที่กว้างขวางราวกับห้องบรรทม  ในห้องมีชุดรับแขกขนาย่อม ๆ พร้อมด้วยเตาผิงอันหนึ่ง  พื้นห้องถูกปูพรมอย่างดี  ถัดจากชุดรับแขกไปคือเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ที่มีผ้าม่านกั้นรอบเตียง  และก็มีประตูที่เปิดออกสู่ระเบียง

“ห้องนอนของพวกเราน่ะ” มัลฟอยพูด “หรือจะเรียกว่าเรือนหอก็ได้” เขาพูดในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นใบหน้าเริ่มขึ้นสี  แต่เธอกลับปกปิดความเขินอายด้วยการเดินสำรวจรอบ ๆ ห้องแทน  และเธอก็สะดุดตาเข้ากับรูป ๆ หนึ่งที่แขวนไว้เหนือเตาผิง  รูปแต่งงานของเธอและมัลฟอย!

เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปดูรูปนั้นใกล้ ๆ ในรูปเธอสวมชุดสีขาวสะอาด  ส่วนมัลฟอยนั้นสวมชุดทักซิโด้สีดำ  เฮอร์ไมโอนี่มองตัวของเธอเองในรูปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา  เพราะในรูปนั้น  เฮอร์ไมโอนี่คนนั้นยิ้มอย่างมีความสุขเคียงคู่อยู่กับ  เดรโก  มัลฟอย  ผู้ชายที่เป็นศัตรูกับเธอมาตลอดเวลาตั้งแต่เธอและเขาอยู่ปีหนึ่ง  ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าเธอจะสามารถรักหรือแม้แต่จะญาติดีด้วยได้  แต่วันนี้เธอกลับพบว่าตัวเธอเองแต่งงานกับเขามาแล้วถึงสามปี!

แต่ที่เฮอร์ไมโอนี่สงสัยนั้นไม่ใช่เพียงแค่ว่าทำไมเธอถึงมาแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ได้  หรือทำไมเธอถึงรักคนที่เป็นศัตรูกับเธอได้  แต่ที่เธอสงสัยที่สุดคือ  ทำไมเธอในภาพถึงมีความสุขอย่างนี้  ทำไมเธอถึงยิ้มได้ราวกับว่ามีความสุขที่สุดในชีวิต  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะหาคำตอบให้ตัวเองได้  มัลฟยก็มาอยู่ข้าง ๆ เธอเสียแล้ว

“รูปวันแต่งงานของเราน่ะ” มัลฟอยพูด  เขาเองก็ยืนมองมันเช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่  “วันนั้นพวกเราต่างมีความสุขมาก” เขาพูดราวกับเขากำลังนึกย้อนไปในความหลังแสนหวานของเขา

“เธอจำมันได้ไหมเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยหันมาถามเธอ

“ฉัน….” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก  เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอแต่งงานกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

“ช่าวมันเถอะ  จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” มัลฟอยพูดโดยไม่แสดงความวิตกออกมา

“ฉันเองก็รู้ว่าในวันนั้นเราต่างมีความสุข” เฮอร์ไมโอนี่พูด “ทั้ง ๆ ที่ฉันมีความสุขขนาดนั้น  ทั้ง ๆ ที่เป็นวันที่สำคัญขนาดนั้นแต่ฉันกลับจำมันไม่ได้” เธอพูดเสียงเศร้า

“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูด  ลูบศีรษะของเธออย่างปลอบโยน “เธอไม่ได้ผิดเลย” เขาบอก

“ทั้ง ๆ ที่จริงฉันก็อยากจะจำมันให้ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูด  น้ำตาใส ๆ ของเธอเริ่มคลอเอ่อดวงตา  เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำอย่างไรดี  เธอไม่รู้ว่าเธอต้องทำอย่างไรจึงจะได้ความทรงจำของเธอกลับมา

“ช่างมันเถอะ  ช่างมันเถอะเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยปลอบเธอ  เขาโอบกอดหญิงสาวไว้พร้อม ๆ กับลูกศีรษะเธอไปด้วย  เมื่อเวลาผ่านไปซักครู่หนึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ผละตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม

“เอ่อ  ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“เหรอ  งั้นก็ดีแล้ว” มัลฟอยเอ่ย

“ฉันขอโทษนะ  ที่…” เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะพูดถึงเรื่องที่เธอร้องไห้เมื่อครู่  แต่มัลฟอยตัดบทเธอเสียก่อน

“ไม่เป็นไร  ฉันว่าเธอพักผ่อนดีกว่านะ”  มัลฟอยพูด “เธอนอนที่นี่และกัน  ทางนั้นเป็นห้องน้ำกับห้องแต่งตัว”  มัลฟอยชี้ไปที่ประตูอีกบานหนึ่งซึ่งปิดอยู่

“ถ้าเธอต้องการอะไรก็สั่นกระดิ่งที่หัวเตียงล่ะ  แล้วจะมีเอล์ฟประจำบ้านมาหา” เขาพูดก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

“แล้วเธอจะไปไหนล่ะ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“ฉันจะลงไปข้างล่าง  เธอพักผ่อนไปเถอะ” มัลฟอยตอบเธอพลางยิ้มอ่อนโยน

“แล้วปกติเอ่อ…  เธอนอน….” เฮอร์ไมโอนี่ถามตะกุกตะกัก  แต่มัลฟอยเองก็พอรู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร

“ปกติฉันก็นอนห้องนี้แหละ  แต่ตอนนี้ฉันจะให้เธอใช้ห้องนี้ไปก่อนแล้วเดี๋ยวฉันจะไปนอนห้องนอนอื่นแทน  ระหว่างที่เธอยังไม่หายน่ะ” มัลฟอยอธิบาย

“อ๋อ  งั้นเหรอ”

“เธอต้องพักผ่อนมาก ๆ นะ รู้มั้ย” ชายหนุ่มกล่าวพลางลูบหัวเธอ  เขามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเนิ่นนานก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไป

มัลฟอยออกจากห้องไปทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่จมอยู่กับความสับสนที่เธอเองก็ไม่รู้จะกำจัดมันออกไปอย่างไร  ทำไมนะเวลาที่เธออยู่ใกล้เขา  เธอต้องรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยด้วย  โดยเฉพาะตอนที่เขาโอบกอดเธอไว้  เฮอร์ไมโอนี่คิดพร้อม ๆ กับที่ใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น  แต่เธอเองก็หาคำตอบไม่ได้ว่ามันเป็นเพราะอะไร


TBC

No comments:

Post a Comment