Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 24: Mounting Coincidences

เรื่องประจวบเหมาะที่เพิ่มขึ้น (Mounting Coincidences)


          อดอ่านมันอีกครั้งไม่ได้ คำสาปอันนี้อยู่ที่นี่ชัดเจน แม้การค้นคว้าว่าเขาทำเรื่องใดจนนำไปสู่สิ่งที่ปรากฏอยู่นี้เพื่อให้ทั้งโลกรับรู้  สติปัญญาของนักประดิษฐ์เวทมนตร์อัจฉริยะถูกแสดงให้เห็น รวมถึงเกียรติยศชื่อเสียงอยู่บนหน้ากระดาษเหลืองๆ ของหนังสือสกปรกเล่มเล็กซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ได้กางไว้  อันที่จริงแล้วใช่ว่าเดรโกสนใจมากนักเรื่องใครสร้างหรือไม่ได้สร้างคำสาปพิฆาตนี้ สุดท้ายแล้วใครสักคนก็ต้องทำ และถ้าไม่ใช่โอ’แลรี่มันก็อาจจะเป็นคนอื่น  สิ่งที่เดรโกรู้สึกวิตกเป็นเรื่องอาการท่าทางของสาวน้อยผมสีน้ำตาลผู้เหมือนเฮอร์ไมโอนี่อย่างมากที่นั่งอยู่ไกลสุดปลายห้อง แต่ว่านี่ไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่ของเขาผู้นั่งนิ่งไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ผู้นั่งนิ่งเหมือนกับคนที่ได้เผชิญหน้ากับพวกผู้คุมวิญญาณ(dementors) มาเป็นระยะเวลายาวนาน เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เป็นพวกไร้วิญญาณ
          ย้อนกลับไปตอนอยู่ชั้นปีที่สาม เดรโกได้ไปที่คุกอัซคาบาน(Azkaban) อย่างไรไม่ทราบได้มีข่าวไปถึงหูของลูเซียสว่า เดรโกรู้สึกหวาดกลัวพวกผู้คุมวิญญาณที่มารักษาความปลอดภัยในโรงเรียนมาก ลูเซียสเชื่อเสมอว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะความกลัว;ถ้าบุคคลนั้นยอมให้ตัวเขาเกิดความกลัว คือต้องเผชิญหน้ากับมัน ดังนั้นวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส เดรโกและลูเซียสได้เดินทางไปที่คุกแห่งโลกเวทมนตร์เพื่อขจัดความกลัวของเขา ไม่มีความเมตตาสงสารในตัวเขาสำหรับพวกนักโทษที่นั่น ทำไมควรจะมีด้วยล่ะ? ถ้าพวกเขาไร้ความสามารถมากเสียจนยอมให้ตัวเองถูกจับได้ พวกเขาก็สมควรได้รับสิ่งใดก็ตามที่ผู้คุมวิญญาณจะทำกับพวกเขาแล้ว ในความเป็นจริงนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เดรโกจดจำได้ถึงความรู้สึกภาคภูมิใจที่มีให้กับลูเซียส ชายหนุ่มผู้หลุดรอดจากการคุมขัง และทุกวันนี้เป็นสมาชิกที่น่าเคารพนับถือของสังคม;เดรโกชื่นชมความสามารถของชายหนุ่มผู้นี้ในการหลีกเลี่ยงปัญหา
          “เฮอร์ไมโอนี่?” เดรโกถาม
          หญิงสาวไม่ขยับเขยื้อน ไม่รับรู้แม้แต่ว่าเขาได้พูดด้วย เดรโกทำหน้างอ;เขาเกลียดการถูกละเลยไม่ใส่ใจ
          “โธ่เอ๋ย เกรนเจอร์” เขาพูดยานคาง “มันไม่ใช่จุดจบของโลกซะหน่อย  ตาแก่บ้างี่เง่านั่นสร้างคำสาปพิฆาต งานช้างเลยนะ! แต่เธอดูคล้ายกับคนที่เพิ่งได้รับข่าวว่าแมวเธอตายยังไงอย่างงั้นเลย”
          เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง และเดรโกถือว่านั่นเป็นสัญญาณที่ดีแล้วพูดต่อไปว่า “ไม่ใช่ว่าตาฤาษีแก่ของเราเป็นคนชั่วสุดขั้ว นรกเอ๋ย! ในหนังสือเล่มที่ฉันกำลังแปลอยู่ ทั้งหมดที่เขาทำคืออยู่การสำนึกเสียใจกับเรื่องนี้ และการหาทางแก้ไขให้พ้นจากสิ่งนั้นตลอดเวลา ฉันได้อ่านแต่ละหน้าเกี่ยวกับการติเตียนว่าร้ายถึงความเกลียดชังตัวเองนี้ ถ้าฉันเป็นคนสร้างคาถาทรงพลังแบบนี้ล่ะก็ ฉันจะไม่รู้สึกละอายใจกับมันหรอก ฉันจะรู้สึกภาคภูมิใจ”
          “ฉันกล้าพนันว่าเธอจะเป็นแบบนั้น”
          เป็นครั้งแรกที่เธอพูดออกมาภายในเวลาเกือบจะหนึ่งชั่วโมง เดรโกต้องฝืนกลั้นรอยยิ้มยินดีที่อยากแสดงออกบนใบหน้าไว้เป็นอย่างมาก เฮอร์ไมโอนี่กลับไปยังที่นั่งของเธอแล้วในเวลานี้ และกำลังจ้องเขม็งมาที่เขา
          “ฉันแน่ใจว่าเธอต้องเรียกร้องสิทธิในคำสาปที่ได้ฆ่าผู้คนเป็นพันๆ นับไม่ถ้วน” น้ำเสียงเธอแหลมคมเชือดเฉือน และเดรโกพบว่าความพึงพอใจเรื่องความสำเร็จของเขากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
          “มันไม่ได้เป็นคำสาปด้วยตัวมันเอง เธอก็รู้นี่ มันคือพวกพ่อมดที่เป็นผู้ใช้มัน” เดรโกโต้ตอบด้วยความเฉียบคมเท่าเทียมกัน
          “โอ้ แน่ละซิ เจ้าตัวคำสาปไม่ควรถูกตำหนิ อันที่จริงเราไม่ควรแม้แต่เรียนมันว่าคำสาปพิฆาตด้วยใช่ไหม? ไม่ควร อย่างงั้นเราเรียกมันว่าคาถาน้องกระต่ายปุกปุยไร้พิษภัย;ใช้มันในงานเลี้ยงทำให้บรรดาเพื่อนๆ ของเธอประหลาดใจเล่นซินะ!”
          เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้นและเหวี่ยงกระเป๋าของเธอขึ้นพาดไหล่ด้วยอาการโมโห เธอมุ่งหน้าไปที่ประตูแล้วหยุดเพื่อพูดข้ามไหล่มาหาเขา “ฉันแน่ใจว่าแฮร์รี่อาจพบว่ามันน่าสบายอกสบายใจเหลือเกินที่ได้รู้ว่า พ่อแม่ของเขาจริงๆ แล้วไม่ได้ถูกฆ่าตายด้วยคำสาปนั่น!”
          เดรโกลุกขึ้นแล้วเดินข้ามห้องมาด้วยความรวดเร็วน่าประหลาดใจ เขากระแทกประตูปิดดังปังก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะผ่านเขาออกไป แล้วหันกลับมาหาเธอ มือของเขากดประตูไว้อย่างแน่นหนา ใบหน้าเขาห่างจากหน้าเธอไม่กี่นิ้ว “ก่อนอื่นเลยนะ” เขาคำรามอย่างเดือดดาล “ฉันไม่แคร์เรื่องพอตเตอร์เด็กมหัศจรรย์สุดวิเศษน่าสรรเสิญเลยสักนิด”
          เฮอร์ไมโอนี่ถอยหลัง โทนเสียงของเดรโกอ่อนลงเมื่อเขาพูดต่อไปว่า “และเขาอาจได้เจออีกแบบหนึ่ง ถ้าโวลเดอมอร์ไม่ได้ใช้อะวาดา เคดาฟ-รา   เขาก็อาจใช้คำสาปอย่างอื่น เธอรู้เรื่องนั้นไม่ใช่หรือ? มันไม่ใช่ว่าทอม ริดเดิ้ล จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ตามมาตรฐานของเธอและแวดล้อมด้วยผู้คนดีงาม ถ้าโอ’แลรี่ไม่ได้สร้างคำสาปนั่น”
          “ฉันรู้เรื่องนั้น” เธอกระซิบแผ่วเบา “แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มันดีขึ้นหรอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่วางมือขาวซีดของเธอบนไหล่เขา ผลักเขาไปด้านข้างอย่างสุภาพแล้วออกจากห้องไป
__________________
          เดรโกเดินเตร่ไปตามโถงทางเดินอย่างไร้จุดหมาย ใจของเขาลอยไปอยู่ที่อื่น เขาหัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอให้กับตัวเอง “ใครจะไปคิดถึงมัน?” เขาพึมพำใส่ทางเดินเงียบสงัด เขายังคงติดตามเรื่องราวของบุคคลผู้เป็นเจ้าของผลงาน ซึ่งเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ของปีการศึกษาไปกับการอธิบายตีความ การแปลภาษา การคัดลอก เป็นผู้เขียนคำสาปที่มีชื่อเสียงมากอันหนึ่ง เดรโกแทบไม่ได้ให้เครดิตกับตาแก่เกรโกเรียสมากนัก
          เดรโกไม่รู้สึกกังวลใจกับความผิดหวังที่เฮอร์ไมโอนี่ได้รับเมื่อเธอค้นพบมัน เธอเป็นพวกที่ยืนอยู่บนด้านเหตุผล และเดรโกไม่สงสัยเลยว่าเธอจะสามารถผ่านมันไปได้
          เขายิ้มกว้างไม่เจาะจงอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากเขาหลีกห่างเฮอร์ไมโอนี่ ไม่อยากถูกอคติจากความรังเกียจชัดแจ้งของเธอ สำหรับสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์มืด เดรโกกำลังรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ค่อนข้างน่าสนุก และโอ’แลรี่ได้กลายมาเป็นที่น่าสนใจมากเหลือเกินอย่างฉับพลัน
          เวลานี้สามารถได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาตามระเบียงจากด้านหลัง เดรโกหันไปมองและคิดขึ้นมาแวบหนึ่งว่าอาจจะเป็นเฮอร์ไมโอนี่ที่สงบลงบ้างแล้ว แต่ปรากฏว่าเป็นกอยล์นั่นเอง เดรโกหยุดและคอยเด็กหนุ่มอีกคน กำลังบอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นว่า เขาไม่ได้รู้สึกผิดหวังที่เป็นกอยล์ ไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่  ทว่าการโกหกที่เป็นเรื่องง่ายๆ ทุกครั้งที่เขาทำ ดูเหมือนเป็นสิ่งน่ากลัวนักในปัจจุบัน
          “เดรโก” กอยล์พูด หลังจากใช้เวลาสักพักเพื่อหายใจให้ทัน “เดรโก มีจดหมายส่งมาจากพ่อนาย แพนซี่บอกว่านายอาจต้องการรู้”
          เดรโกพยักหน้าไม่พูดอะไร แล้วมุ่งหน้ากลับไปทางที่กอยล์ปรากฏ ไม่ได้รอสลิธีรินอีกคนผู้ซึ่งกำลังเจ็บสีข้างและเหนื่อยหอบจากความพยายามเต็มที่ในการปีนขึ้นบันได
          ถ้าเช่นนั่นลูเซียสก็ตอบจดหมายของเดรโก  ไม่ใช่เดรโกสงสัยว่าชายสูงวัยผู้นี้จะไม่ทำ และมันไม่ใช่ลักษณะนิสัยของลูเซียสเลยที่อ่อยเหยื่อเขาด้วยข่าวคราวของแม่เขา แล้วจากนั้นปฏิเสธไม่ให้เขาได้รับรู้เรื่องใดๆ อีก
          ห้องนั่งเล่นรวมมืดสลัวตามปกติ ถึงแม้ว่าเปลวไฟลุกโชนอย่างร้อนแรงอยู่ในตะแกรงเหล็ก และแสงไฟทำให้ตามมุมห้องสว่างขึ้นเล็กน้อย เป็นสถานที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังนั่งพูดคุยเบาๆ ระหว่างพวกเขากันเอง มันไม่ใช่ว่าสลิธีรินทั้งหมดมีความสามารถในเรื่องพฤติกรรมที่ลึกลับ แต่พวกเขาถูกเลือกสรรมาบ้านหลังนี้เนื่องจากความกระตือรือร้นของพวกเขาเพื่อความใฝ่ฝัน กับความสามารถของพวกเขาในการทำให้บรรลุผลสำเร็จภายใต้สถานการณ์ต่างๆ   ต่อหน้ากับบ้านหลังอื่นๆ พวกสลิธีรินผสานกันเป็นแนวรบหนึ่งเดียว แต่ภายในห้องนั่งเล่นรวมของตัวเอง พวกเขาส่วนมากเข้าสู่การแข่งขันกัน เดรโกเพลิดเพลินกับมันเสมอ การลอบแอบมองและกระซิบกระซาบเรื่องความลับต่างๆ  หูไวเพื่อการฟังและความสามารถในการระงับคำพูดจนกว่าโอกาสที่เหมาะสมมาถึง ล้วนเป็นทักษะสำคัญที่ต้องมี และเดรโกได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีสำหรับมัน
          จดหมายยังไม่ได้เปิดวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนเของเขา เขาทราบดีว่ามันไม่ถูกยุ่งแน่นอน เดรโกไม่ต้องแม้แต่มองดูอย่างใกล้ชิดเพื่อรู้เรื่องนี้ ไม่มีใครเคยพยายามสอดรู้สอดเห็นภายในจดหมายที่มาจากลูเซียส จดหมายจากคนอื่น, เพื่อนเก่า, ญาติหรือแม้แต่แม่ของเขาอาจจะไม่ปลอดภัยอย่างสิ้นเชิงจากความอยากรู้อยากเห็นไม่น่าไว้วางใจของพวกเพื่อนร่วมบ้านในกลุ่มเดียวกันของเขา;แต่ไม่เคยเลยกับจดหมายของลูเซียส
          เดรโก,
          ฉันดีใจที่แกกลับมามีสติได้ในที่สุด แม่ของแกไม่อยากให้บอกเรื่องสุขภาพที่ย่ำแย่ของหล่อน เพราะรู้ว่าแกอาจจะทิ้งโรงเรียนเพื่อมาเยี่ยมหล่อนก็เป็นไปได้ หล่อนคิดเสมอว่าแกควรอยู่ที่
ฮอกวอตส์อย่างที่เราต้องการ อย่างไรก็ตามฉันไม่อาจบอกหล่อนเรื่องการรังเกียจพวกเราของแก ฉันไม่คิดว่าหล่อนสามารถรับมือได้กับข่าวน่าเจ็บปวดเช่นนี้ เกี่ยวกับลูกชายของเหล่อน ลูกคนเดียวที่ละทิ้งครอบครัวของเขา เพื่อเดินตามอุดมคติโง่เขลาของอาจารย์ใหญ่ผู้ไม่มีความหมาย
          แต่ว่าจุดประสงค์ของจดหมายฉบับนี้ ไม่ใช่เพื่อตำหนิแกสำหรับข้อบกพร่องต่างๆ ของแกซึ่งล่อใจพอๆ กับที่มันเป็น เมื่อเร็วๆ นี้ฉันได้คุยกับพวกแพทย์ที่เซนต์มันโก พวกเขาเชื่อว่าแม่ของแกติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ Tiberian ที่รุนแรง  ซึ่งหล่อนต้องได้รับมาในช่วงเวลาที่ไปต่างประเทศเมื่อฤดูร้อนนี้ ไม่มีการรักษาด้านเวทมนตร์เท่าที่จำได้ เพราะว่าในบรรดาโรคต่างๆ เกือบจะทั้งหมด โรคนี้เป็นเพียงเรื่องเจ็บป่วยเล็กน้อยเท่านั้น และพูดกันว่าพ่อมดสามารถฟื้นไข้ได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามแม่ของแกได้ติดโรคที่อาจทำให้ถึงตายได้ และร่างกายที่อ่อนแอของหล่อนไม่ใช่นิมิตหมายที่ดีนักสำหรับการฟื้นตัวของหล่อน
          ฉันไม่ต้องการให้แกกลับมาเห็นเธอ ในสภาพของเธอ การเยี่ยมเยียนจากแกอาจลดทอนปราการความแข็งแรงที่มีอยู่ของหล่อนได้ และฉันจะไม่ยอมสำหรับเรื่องนั้น ถ้าฉันรู้สึกว่าหล่อนกำลังจะจากพวกเราไปเร็วๆ นี้ ฉันจะส่งข่าวมาถึงแก
                                      พ่อ
          เดรโกอ่านจดหมายฉบับนี้อีกครั้ง คิ้วขมวดมุ่นในลักษณะอาการลำบากใจระหว่างความโกรธกับความเจ็บปวด ลูเซียสต้องกำลังหยอกเขาเล่นใช่หรือไม่? เดรโกไม่คิดว่าลูเซียสจะโกหกเรื่องแม่ของเขา แต่กระนั้นเดรโกก็ไม่แน่ใจเลยทีเดียว สอดจดหมายเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วเดรโกก็ออกจากห้อง เขาตัดสินใจไปเดินเล่นรอบโรงเรียน โดยหวังว่าบางอย่างอาจจะคลิ๊กเข้าด้วยกันภายในใจเขา ว่าบางอย่างอาจจะเผยออกมาอย่างฉับพลันจากจดหมายระหว่างที่เขาอ่านมันอีกครั้ง และอีกหนที่โถงทางเดินมืดสลัว อาจจะบอกเขาได้เป็นครั้งสุดท้ายว่าลูเซียสกำลังโกหกเขาหรือไม่ได้โกหก แต่จากจดหมายฉบับล่าสุด ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ
          เขาเพิ่งเลยผ่านห้องโถงใหญ่เป็นครั้งที่สองในการเดินเล่นรอบโรงเรียน เมื่อมีเสียงหนึ่งร้องเรียกชื่อเขา เมื่อหันกลับไปเขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังเดินอย่างรวดเร็วมาที่เขา แทรกผ่านกลุ่มเด็กฮัฟเฟิลพัฟชั้นปีที่หนึ่งและปีที่สอง ซึ่งกำลังมองมาที่ระหว่างเฮอร์ไมโอนี่และเขาด้วยความสนใจไม่ปิดบัง
          เดรโกเก็บจดหมายของเขาอย่างว่องไวอีกครั้ง และกำลังรู้สึกเหมือนเธอจับได้ว่าเขากำลังทำบางอย่างที่ชั่วร้ายและพยายามปิดบัง “เธอต้องการอะไร เกรนเจอร์?”
          เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทางตกใจกับน้ำเสียงเยาะหยันของเขา แต่ยังคงเดินขึ้นมาอยู่หน้าเขา “เธออารมณ์ไม่ดีนัก” เธอพูดเสียงใส ราวกับว่าลืมเลือนอารมณ์ขุ่นมัวที่เธอเป็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนไปแล้ว    
          เดรโกไม่สนใจเรื่องนี้ แล้วหันไปที่พวกฮัฟเฟิลพัฟกลุ่มเล็กซึ่งยังคงกำลังรอและมองหาเรื่องซุบซิบน่าสนใจเพื่อไปกระจายข่าว “ฉันช่วยอะไรได้ไหม?” เขาถามพวกนั้นด้วยน้ำเสียงต่ำอันตราย
          เฮอร์ไมโอนี่กลอกลูกตาแล้วไขว้แขนกอดอกอย่างไม่เห็นด้วย แต่พวกนักเรียนทั้งหมดดูเหมือนว่ารับทราบถึงการข่มขู่ที่แฝงอยู่ข้างในของเดรโกได้ และกระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทางทันทีเลย ปล่อยทิ้งเฮอร์ไมโอนี่และเดรโกไว้ตามลำพังในห้องโถง
          “อย่างที่ฉันถามไปแล้ว” เดรโกพูดอย่างเย็นชาใส่เฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง “เธอต้องการอะไร?”
          “โอ้ จริงๆ เลยนะเดรโก เลิกทำตัวแบบเด็กๆ ซะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างเรียบร้อย “ฉัน
เที่ยวตามหาเธอไปทั่วเลยเพื่อบอกความจริงกับเธอ”
          “อ๋อ?” เดรโกถามอย่างเจ้าเล่ห์ “เสน่ห์ของฉันยากที่จะต้านทานจริงหรือนี่? ให้ตายเถอะ ฉันไม่รู้เลย”
          เดรโกเริ่มต้นออกเดินทันทีที่นักเรียนอีกกลุ่มออกมา เฮอร์ไมโอนี่รีบตามให้ทันเขา เธอไม่อยากเสียเวลาอย่างเห็นได้ชัด
          “มีบางอย่างที่เธอพูดในห้องสมุด บางอย่างที่ทำให้ฉันเกิดความคิด”
          “เธอ? ความคิด? ไม่มีทาง” เดรโกยิ้มหยันเมื่อเฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาเขม็ง
          “มันเป็นสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับหนังสือ ที่ตอนนี้เธอกำลังอ่านอยู่ในห้องนอนของเธอ” เฮอร์ไม-โอนี่ยืนกรานอย่างดันทุรัง แม้ว่าอารมณ์ไม่ดีของเดรโกเห็นได้ชัดก็ตาม “เธอพูดบางอย่างเกี่ยวกับการหาทางแก้ไขไม่ใช่หรือ?”
          “ใช่แล้ว” เดรโกเดินเร็วขึ้น ขณะที่นักเรียนอีกกลุ่มปรากฏตัวขึ้นบริเวณหัวมุมระเบียงแห่งหนึ่ง
          “แล้วถ้าหากเขาเอาจริงเอาจังกับมันล่ะ?”
          “จริงจังกับอะไร?” เดรโกกำลังเริ่มรำคาญเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่น่าเชื่อ เธอกำลังตามประชิดเขาอย่างทนทายาท และมีผู้คนกำลังจ้องมองอยู่
          ด้วยความโมโห เฮอร์ไมโอนี่คว้าแขนเสื้อคลุมยาวของเขาแล้วดึงเขาถอยหลังมา เดรโกเซสะดุด จากนั้นหันกลับไปจ้องเฮอร์ไมโอนี่
          “เขารู้สึกละอายใจเกี่ยวกับการสร้างคำสาปนั่น” เฮอร์ไมโอนี่พูดรัวเร็ว เนื่องจากเธอได้รับความสนใจจากเขาอย่างเต็มที่ถึง  แม้ว่ามีความขุ่นเคืองเล็กน้อยร่วมมาด้วย  “ถ้าหากเขาทำบาง
อย่างล่ะ?”
          “เธอกำลังบอกเป็นนัยอะไรหา?”
          “ฉันไม่แน่ใจ บางทีเป็นคาถาลบล้างมั้ง?” เสียงเฮอร์ไมโอนี่แผ่วลงจนสังเกตได้ และเดรโกแทบจะไม่ได้ยินเธอ
          “ไม่มีคาถาลบล้าง ทุกคนรู้เรื่องนั้น” เดรโกกอดอกในท่าที่เหมือนกระจกสะท้อนภาพท่าทางไม่เห็นด้วยของเธอ
          “แต่ถ้าหากมีล่ะ?” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบเบาหวิวแทบไม่หายใจ “ถ้าหากเขาเกิดถูกครอบงำด้วยความสำนึกผิดเหลือเกินในสิ่งที่เขาได้ทำไป จนเขาสร้างบางอย่างเพื่อปกป้อง บางอย่างเพื่อหยุด....”
          “ไม่มีคาถาลบล้าง เกรนเจอร์ มันเป็นไปไม่ได้ คำสาปอันนี้มันแข็งแกร่งมากเกินไป และถึงแม้ว่ามันเป็นไปได้ โอ’แลรี่ก็เป็นชายแก่ผู้ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะสร้างคาถาอีกอัน” เดรโกแทรกขัดจังหวะ
          “เธอไม่ดูเหมือนคิดว่าเขาเป็นแบบนั้นนะ ว่าเขาเป็นคนไร้เรี่ยวแรงเหลือเกินเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนที่เธอกำลังเยินยอเขาตามความเป็นจริงเรื่องการสร้างอะวาดา เคดาฟ-รา!” เสียงเธอขึ้นสูงปรี๊ด
          นักเรียนหลายคนที่ผ่านมาอ้าปากค้างและกลัวตัวงอ เมื่อเธอเอ่ยคำสาปชื่อเสียงเลวร้ายนี้ เดรโกคว้าแขนเธออย่างฉุนเฉียวและลากเธอตามมากับเขาลงบันได ผ่านระเบียงว่างเปล่าก่อนผลักเธออย่างหยาบคายเข้าไปในเวิ้งกำแพงมืดๆ
          “เธอกำลังพยายามทำให้มีปัญหาใช่ไหม?” เสียงคำรามเดือดดาลของเขาแหบต่ำ
          “มันไม่ทำให้เสียหายที่จะลองดูใช่ไหม? เรารู้ว่าเขามีความสามารถทำมันได้”
          “เราไม่รู้แม้แต่ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหน” เขาพึมพำ กำลังพยายามยับยั้งเฮอร์ไมโอนี่
          “ถ้าอย่างงั้นเราก็มีแผนว่าจะค้นหาที่ไหนในตอนนี้” เธอพูดทันที ทำให้เดรโกรู้สึกเสียใจที่เขาเปิดช่องให้กับเธอ
          เขานั่งพิงกับผนังของเวิ้งกำแพง สำรวจทางเดินว่างเปล่า “แล้วเราจะค้นหาที่ไหน?”
          “เขาเก็บรักษาทุกอย่างเป็นระเบียบและลงวันที่ไว้ บันทึกประจำวันเล่มที่มีคาถานี้อยู่ข้างใน เป็นหนึ่งในหลายเล่มที่เหลืออยู่ และมีอยู่เพียงไม่มากนัก เพราะฉะนั้นเรารู้ว่าถ้าเขาได้สร้างคาถาลบล้างขึ้นมา มันอาจจะอยู่ในหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งในบรรดาหนังสือที่เหลืออยู่ไม่มากนัก” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มก้าวเดินและออกมาจากที่ลับตาไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วเดินกลับมาอีกครั้ง “ฉันคิดว่าการเริ่มต้นด้วยหนังสือเล่มที่เธอมีอยู่จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”
          “เรื่องนี้ช่างไร้สาระ” เดรโกบ่นอู้อี้ไม่ชอบใจ
          เวลานี้เฮอร์ไมโอนี่หันมาและมองเขา  เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าหันหลังแล้วเดินจากไป ปล่อยเธอและความหวังบ้าบอของเธอไว้ตรงที่ทางเดินนั่น เขาไม่ต้องการใช้เวลาชิงไหวพริบกับเธอในห้องนั้น การนึกถึงความคิดเหล่านั้นซึ่งเขาคิดเสมอๆ เมื่อเธออยู่ใกล้เขา เดรโกสบตากับเธอ ดวงตาสีน้ำตาลนุ่มนวลคู่นั่นตรึงเขาไว้ได้อีกครั้ง และเดรโกรู้ว่าเขาจะทำสิ่งที่เธอขอร้อง
          “ได้โปรด” เฮอร์ไมโอนี่ก้าวมาหาเขาและสัมผัสไหล่เขาเบาๆ “ได้โปรดช่วยฉันนะ เดรโก”
          เดรโกถอนหายใจ ไม่สามารถเบือนหนีจากสายตาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวังของเธอได้ “ฉันจะไปเอาหนังสือ”
__________________

          “นี่มันไร้จุดหมาย เธอรู้เรื่องนี้ จริงไหม?” เดรโกกระแทกหนังสือปิด แล้วหันมาถลึงตาใส่เฮอร์ไมโอนี่
          “มันไม่ไร้จุดหมายถ้าเราพบบางอย่างที่เป็นประโยชน์” เธอตอบอย่างเรียบร้อย
          “ใช่สิ ภายหลังห้าร้อยปีประมาณนั้น สองนักเรียนคู่อริแห่งฮอกวอตส์กำลังจะพบกุญแจในการช่วยเหลือโลกให้ปลอดภัยจากการคุกคามชั่วร้ายครั้งใหญ่โดยบังเอิญ ฉันไม่เคยเป็นหนึ่งในพวกเทพนิยายมาก่อนเลย” เดรโกบิดตัวอย่างเนือยๆ และยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาคิดทันทีเลยว่าจริงๆ แล้วเขาชอบใช้เวลาอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้
          “เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดีแบบนี้เสมอ หรือว่ามันเป็นเพราะสภาพอากาศ?” เฮอร์ไมโอ่นี่จ้องเขาเขม็ง
          เดรโกเปิดหนังสือของเขาอีกหนและศึกษาตรงที่เขาได้ค้างไว้ เฮอร์ไมโอนี่ยังคงมองดูเขาเป็นเวลานาน ประหนึ่งให้แน่ใจว่าเขาจะช่วยเหลือจริงๆ ก่อนกลับไปที่หนังสือของเธอเอง
          เขาอ่านหนังสือมาได้ระยะเวลาหนึ่ง ดวงอาทิตย์ตกไปนานแล้วและห้องสมุดกำลังจะปิดในไม่ช้านี้ เฮอร์ไมโอนี่ยังนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา;กองหนังสือที่อยู่รอบเธอเพิ่มสูงขึ้น เขาจมอยู่กับการเฝ้ามองเธออ่านหนังสือ มันน่าขันสำหรับเขากับท่าทางที่เธอเม้มริมฝีปากอยู่เสมอ เมื่อเธอพบบางอย่างน่าสนใจ หรือไม่ก็ดึงปอยผมสีน้ำตาลเข้มที่ล้อมใบหน้าอย่างใจลอย เธอกำลังท้าวคางอยู่ในฝ่ามือข้างหนึ่ง จากนั้นเขามองเธอถอนหายใจแล้วเปลี่ยนไปที่มืออีกข้างหนึ่ง เดรโกสังเกตเห็นเธอสะดุ้งเบาๆ เมื่อคางของเธอวางลงในฝ่ามืออีกข้าง เธอเริ่มงอนิ้วมือที่ไม่ได้ใช้งานในเวลานี้ เขารู้สึกถึงความอ่อนโยนแปลกประหลาดเข้าครอบงำ เมื่อจำได้ถึงอุบัติเหตุก่อนหน้าในวันนั้น
          เฮอร์ไมโอนี่เหลือบตาขึ้นมองและยิ้มบางๆ การส่งสายตาของเธอมาที่เขาอย่างไว้วางใจเช่นนี้ เตือนใจเขาถึงความใกล้ชิดแค่ไหนที่เขายินยอมให้ตัวเองได้รับจากเธอ เขาจำได้ในวิชาการปรุงยาว่าเขาว่องไวขนาดไหนเพื่อปกป้องเธอ เขาเข้าร่วมกับพวกกริฟฟินดอร์ตัวร้ายในการพยายามกันเธอออกจากเรื่องวุ่นวาย ราวกับว่าข่าวลือมากมายยังไม่แย่พอ เขาดันไปเติมเชื้อไฟให้เพิ่มขึ้นอีก แล้วเพื่อจุดประสงค์อะไร? เพื่อให้สาวผมสีน้ำตาลทำให้เขาลืมหายใจหรือ? เดรโกไม่อยากเชื่อว่าเขายอมให้ตัณหาเข้ามาครอบงำเขามากเหลือเกิน แม้แต่ตอนที่เขาคิดเกี่ยวกับมันอยู่นี้ เจ้าตัณหาก็ไม่ดูเหมือนเป็นผู้กระทำผิด
          “มีบางอย่างผิดปกติหรือ?” เธอถาม  หยุดขบวนความคิดองเขา
          เดรโกรวบรวมสติมาอยู่ที่เฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง เกือบรู้สึกแปลกใจเมื่อตระหนักว่าเขากำลังทำหน้าตาบึ้งตึงใส่เธอ
          “ฉันแค่รู้สึกคลื่นไส้แทบตายที่ต้องนั่งอยู่ในนี้” เขาตวาดใส่
          “ถ้านั่นเป็นท่าทีที่เธอรู้สึก ทำไมเธอไม่แค่ลุกออกไปเสีย?” เธอรู้สึกโมโหพอๆ กับเขา
          เดรโกไม่พูดสักคำกับเธอ เขาเก็บข้าวของและออกจากห้องสมุดไป ไม่ใช่ด้วยความโกรธแบบพายุหมุนอย่างที่ดูเหมือนเป็นการออกยอดฮิตของเธอ แต่ไปด้วยอาการเดินอย่างสงบ ราวกับว่าเขาไม่มีอะไรดีกว่าทำให้แน่ใจว่า       ทุกๆ คนที่เขาเดินผ่านมีเวลาพอสมควรเพื่อชื่นชมเขา
          เขามุ่งหน้ากลับไปที่คุกใต้ดินสลิธีรินอย่างช้าๆ  เขาไม่ทราบว่าทำไมรู้สึกไม่พอใจเธออย่างมาก  พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกันเลย  เดรโกคิดว่ามันเป็นแค่อาการเครียด  มีเรื่องแม่ของเขากับลูเซียส, เรื่องโรงเรียนกับข่าวซุบซิบ, ภาพลักษณ์ตระกูลมัลฟอยของเขา และแน่นอนว่ามีเรื่องของเธอด้วย เฮอร์ไมโอนี่ผู้ยังคงอยู่ในห้องสมุด พยายามค้นหาคาถาซึ่งไม่อยู่ที่นั่น พยายามค้นหาสิ่งอัศจรรย์โบราณซึ่งได้สูญหายไปไม่เป็นที่สังเกตมาหลายร้อยปีด้วยเหตุบางประการ
          ห้องนอนว่างเปล่า เดรโกทิ้งตัวลงในเก้าอี้ท้าวแขนซึ่งตั้งถัดอยู่จากกองไฟ เขาได้ยืมมันมาจากห้องนั่งเล่นรวมในเย็นวันหนึ่ง
          เธอเป็นคนตรงไปตรงมาเหลือเกิน บางครั้งเดรโกแทบจะไม่สามารถทนมันได้ เฮอร์ไมโอนี่จะมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในทุกเรื่อง เธอไม่ได้อยู่กับความเป็นจริง เด็กสาวที่น่าสงสารคิดจริงๆ ว่าความดีจะเอาชนะความชั่วได้เสมอ ว่าพอตเตอร์จะชนะเสมอ และว่าโวลเดอมอร์จะได้รับผลกรรมที่เขาสมควรได้  แต่ว่าเดรโกรู้ดีกว่านั้น  เดรโกรู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้โคจรรอบความหวังของสาวน้อยไร้เดียงสา
โวลเดอมอร์เป็นผู้ที่มีอำนาจมากเกินกว่าจะถูกหยุดยั้ง และถูกเอาชนะได้น้อยมาก
          เดรโกดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกจากกระเป๋า และกระชากเปิดมันอย่างไม่ระวัง เธออาจนั่งอยู่ที่นั่นนานถึงกลางคืน ดูหนังสือจนกระทั่งตาของเธอเจ็บ เพียงแค่เพราะว่าคนโง่ในอุดมคติสร้างหนึ่งในบรรดาเวทมนตร์ที่มีพลังแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่เคยทราบมา  เขาเริ่มพลิกไปตามหน้ากระดาษระหว่างที่เขาคิด  อย่างไรก็ตามเธอกำลังคาดหวังอะไร?  แค่เปิดหนังสือเก่าๆ แล้วพบมันงั้นรึ? และแม้ว่ามีคาถาอันที่เดรโกสงสัยอย่างมากว่ามี ความเป็นไปได้ของพวกเขาที่พบโดยบังเอิญช่างไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างสูง
          เดรโกก้มดู เขามองหนังสือในมือเขา ตรงหน้ากระดาษที่เขาค้างไว้ จากนั้นเขาก็มองมันอย่างจริงจัง ปากเขาอ้าค้างและพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
          “โอ้ นรกเอ๋ย” เขางึมงำ “มันช่างประจวบเหมาะได้อย่างไร?”

TBC

No comments:

Post a Comment