Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 18: Knights of Aequitus

เหล่าอัศวินแห่งแอควิทัส (Knights of Aequitus)


          “เขาเป็นอะไรนะ?” เดรโกถามอีกครั้ง ขัดจังหวะกลางประโยคของเฮอร์ไมโอนี่
          เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจยาวและพูดซ้ำว่า “ฉันคิดว่าเขาเป็นอัศวินแห่งแอควิทัสคนหนึ่ง”
          เธอยิ้มสดใสให้เขาราวกับว่าทั้งหมดนี้อาจทำให้เขาเข้าใจได้ เพราะว่ามันช่างชัดเจนสำหรับเธอ เดรโกรู้ตัวว่าเริ่มทำหน้าบึ้งตึง;ไม่บ่อยนักที่เขาไม่รู้เรื่องอะไร เฮอร์ไมโอนี่เหมือนว่าสังเกตเห็นท่าทางของเขาและพยายามซ่อนความดีใจของเธอ น้ำเสียงเธอที่ใช้ในเวลานี้เป็นสิ่งที่ชื่นชอบของเธอ;น้ำเสียงอาจารย์ กระนั้นก็น่าประหลาดพอสมควร เดรโกพบว่ามันแทบไม่ได้รบกวนใจเขามากนักอย่างที่เคยเป็น
          “จริงๆ แล้วไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับพวกเขาเพื่อบอกเธอถึงความจริง” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มต้นการบรรยายอย่างช้าๆ “ฉันรู้ว่าพวกเขาเป็นกลุ่มพ่อมดลึกลับมากกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเริ่มต้นไม่ปลายศตวรรษที่14 ก็เป็นช่วงต้นๆ ศตวรรษที่15   ช่วงระยะเวลาต้นศตวรรษที่15 เมื่อพ่อมดผู้ทรงอิทธิพลมากมายหลายคนเข้าควบคุมในยุคเริ่มต้นแรกๆ ของกระทรวงเวทมนตร์”
          “อะไรนะ? ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนั้นเลย ตาเฒ่าบินส์พูดเรื่อยๆ เกี่ยวกับการปฏิวัติหลายครั้งของพวกก๊อบลิน(goblin) และการกระทำอันโหดเหี้ยมต่างๆ ของพวกยักษ์(ogre) แต่เขาไม่เคยกล่าวถึงสิ่งที่น่าสนใจอันนี้” เดรโกทำหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม หงุดหงิดใจว่าเขาไม่เคยได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจพวกนี้เลยสักนิด
          “อืมม์” เสียงเฮอร์ไมโอนี่ดึงความสนใจเขาอีกครั้ง “อาจเป็นไปได้ที่เธอไม่ได้ยินเรื่องนี้จากชั้นเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ของพวกเรา ทางกระทรวงอยากเก็บความลับในอดีตอันเสื่อมทรามไว้ มันก็เหมือนกับวิธีการที่พวกเขากระทำต่อพวกเอลฟ์ประจำบ้านแหละ”
          เดรโกทำเสียงคราง “เฮอร์ไมโอนี่”
          “ฉันหมายความว่า พวกเขาปฏิบัติทำนองเดียวกัน ถ้าเธอไม่ใส่ใจการมีอยู่ของพวกเอลฟ์ประจำบ้าน ก็เท่ากับว่ายินยอมให้เก็บพวกเขาเหล่านั้นให้เป็นทาสต่อไป”
          “เฮอร์ไมโอนี่”
          “แค่รอยเล็กๆ บนเสื้อผ้าสกปรกของพวกเขาอีกอันที่เจ้าหน้าที่กระทรวงทั้งหลายไม่ต้องการเปิดเผย แต่ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเสื้อผ้าสกปรกนะ”
          “เฮอร์ไมโอนี่!” เดรโกตะคอกใส่ด้วยความโมโห
          “อะไร?” เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง เมื่อตระหนักว่าเธอออกนอกเรื่องไปมากแค่ไหน “เออ..ฉันกำลังจะพูดว่า ตำแหน่งที่นั่งสูงสุดของกระทรวงกลายเป็นการครอบครองของคนไม่ดีบางคนอย่างแท้จริง เหล่าพ่อมดศาสตร์มีดและน่ากลัว”
          “จริงหรือ? ฉันรู้สึกแปลกใจที่ลูเซียสไม่เคยคุยอวดเกี่ยวกับพวกเขาให้ฉันฟังเลย เขามักชี้ให้เห็นบรรดาพ่อมดศาสตร์มืดที่ประสบความสำเร็จ ฉันคิดว่าเขาต้องการให้ฉันใช้พวกนั้นเป็นแบบอย่าง” เดรโกยกเท้าวางบนโต๊ะ และยิ้มกว้างแบบสุนัขเจ้าเล่ห์ให้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเธอไม่สนใจ
          แสร้งทำเป็นว่าเธอไม่ได้ยินที่เขาพูดแม้แต่คำเดียวแล้วพูดต่อไปว่า “เหล่าอัศวินแห่ง
แอควิทัสพยายามอย่างที่สุดเพื่อขัดขวางกระทรวง ในขณะที่มันอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อมดเหล่านี้ ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ฉันสามารถค้นหามาได้เกี่ยวกับพวกเขายังไม่มากพอ พูดได้ว่าพวกเขาคล้ายคลึงกับพวกมือปราบมารที่มีเรามีอยู่ในเวลานี้ แต่ฉันคิดว่ามันต้องมีมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ จริงๆ แล้วฉันควรจำสัญลักษณ์นี้ได้ทันที”
          “แล้วเธอก็จัดการคิดทั้งหมดนี้ออกมาได้เพราะรูปภาพจิ๋วเดียวที่เธอแทบจะไม่เห็น ซึ่งตาแก่บ้าๆ คนนี้อาจขีดเขียนเล่นๆ ในเย็นวันหนึ่งระหว่างจิบเหล้าสมุนไพรแอบซินธ์(absinth) สักแก้วทุกคืนก็เป็นไปได้เนี่ยนะ?” เดรโกพูดเนือยๆ ด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโสที่สุดของเขา ไม่ใช่ว่าเขาอยากทำให้เธอโกรธ;เดรโกแค่สนุกกับการยั่วแหย่เธอเป็นครั้งคราว
          กระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ไม่ตกลงไปในเหยื่อล่อของเขา “ไม่ ไม่ใช่แน่นอน ภาพนี้เป็นแค่กุญแจ นอกเหนือจากนี้ฉันรู้มาจากชั้นเรียน”
          “ชั้นเรียน? แต่เธอเพิ่งพูดว่าบินส์ไม่ได้สอนอะไรเกี่ยวกับมัน”
          “เออ” เฮอร์ไมโอนี่มองไปทางอื่นอย่างหวาดระแวง “ฉันไม่ได้พูดว่ามันเป็นชั้นเรียนของที่นี่ที่ฮอกวอตส์”
          “ฉันเสียใจ ฉันไม่คิดว่าเธอมีเวลาสำหรับสองโรงเรียนที่แตกต่างกัน”
          “ฉันมีเวลาว่างมากมายช่วงปิดเทอมฤดูร้อน” เธอพึมพำไม่ยอมมองเขา เป็นสัญญาณยืนยันว่าเธอไม่ต้องการพูดถึงมันอย่างแท้จริง แน่นอนว่ามันทำให้เดรโกรู้สึกสนใจมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
          “คงมีแต่เธอเท่านั้นที่จะปรารถนาสนใจการเรียนช่วงฤดูร้อน เธอต้องไม่มีชีวิตนอกห้องเรียนอย่างแท้จริง” เดรโกทราบว่าเขาได้ยั่วถูกจุดแล้วเมื่อเธอหน้าแดงขึ้น
          “มันแค่วิชาเรียนเดียวเท่านั้น และไม่ได้เป็นวิชาเรียนที่ยาวมากนักหรอก ฉันไม่แม้แต่ต้องออกจากบ้าน ทุกอย่างถูกส่งมาให้ฉันผ่านทางนกฮูกไปรษณีย์” เฮอร์ไมโอนี่ตอบโต้อย่างโมโห
          “แล้ววิชาเรียนนี้เกี่ยวกับอะไร นอกจากพวกมือปราบมารที่แก่ตายผู้ซึ่งไม่ได้เก่งกาจในงานของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด และอำนาจมืดต่างๆ ที่ยังไม่เคยถูกจัดการให้ชนะได้” เดรโก
อดไม่ได้จริงๆ ในการโต้เถียงกับเธอเหมือนเป็นงานอดิเรกประจำอย่างหนึ่ง
          “มันเป็นวิชาเรียนเกี่ยวกับความผิดพลาดร้ายแรงต่างๆ ของกระทรวง” เดรโกจ้องเธอด้วยความประหลาดใจ “ฉันกลายมาสนใจความผิดต่างๆ ในอดีตของพวกเขาหลังจากวิธีการที่พวกเขาปฏิบัติกับการฆาตกรรมเซดริก ดิกกอรี่เมื่อปีที่แล้ว”
          “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า กระทรวงจะอนุญาตให้โรงเรียนมีวิชาเรียนแบบนั้น”
          “พวกเขาไม่ใช่โรงเรียนอย่างเป็นทางการจริงๆ หรอก” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ
          เดรโกเข้าใจทั้งหมดได้ทันที “เธอกำลังพูดถึงเซนต์สตีเฟน(St.Stephen’s) ใช่ไหม? รูถ้ำในกำแพงที่ตั้งอยู่ใกล้บริสโทว์(Bristow) นี่นะ? ลูเซียสบอกฉันเกี่ยวกับโรงเรียนนั่น ว่าดำเนิน การโดยคนบ้าสติฟั่นเฟือนมากกว่าอาจารย์ใหญ่เสียอีก”
          เฮอร์ไมโอนี่โกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด เธอเหมือนไม่สามารถหาคำพูดได้ชั่วขณะ “อาจารย์ใหญ่ดัมเบิลดอร์เป็นหนึ่งในบรรดาพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ และศาสตราจารย์เกรย์สันไม่ได้สติฟั่นเฟือนแค่เป็นคนแปลกๆ เขาและวิชาเรียนนี้ได้รับการแนะนำอย่างมาก”
          เดรโกบอกได้เลยว่าเขากำลังเริ่มผลักดันเธอมากเกินไปหน่อย แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดปากเขาได้ “โอ้ ใช่เลย แนะนำโดยใครกันล่ะ? คนหลบหนีจากเซนต์มันโกงั้นรึ?”
          “นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอเลย และถ้าเธอถามฉันเรื่องมันอีกครั้งนะ ฉันสาบานว่าฉันจะเสกคาถาใส่เธอให้ตัวแข็งทื่อและปล่อยเธอไว้ให้เอลฟ์ประจำบ้านมาเจอ” เธอพูดอย่างช้าๆ ผ่านริมฝีปากที่เม้มแน่น เดรโกแทบจะได้ยินเธอกำลังนับตัวเลขภายใต้ลมหายใจระหว่างคำพูดแต่ละคำ
          “ก็ได้ ก็ได้ ไม่เป็นไร” เดรโกยกมือขึ้นในสัญลักษณ์สงบศึก “แต่ก่อนที่เราผ่านเลยไป ขอฉันเข้าใจเรื่องนี้ตรงๆ ว่าเธอเรียนวิชาที่กระทรวงจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน สอนโดยชายคนหนึ่งผู้เป็นที่ต้องการทางกฎหมายของกระทรวงในบางครั้งบางหนตลอดหลายปี เพราะงานเขียนอันเสื่อมเสียที่เขาได้เปิดเผยเกี่ยวกับฟัดจ์สองสามปีก่อน ในสถานที่ซึ่งไม่แม้แต่ถูกถือว่าเป็นโรงเรียนจริงๆ หรือ?”
          เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาเขม็งอย่างประสงค์ร้าย เดรโกรู้ว่าเธอกำลังพยายามคิดว่าเธอจะเสกคาถาจากไม้กายสิทธิ์เร็วกว่าเขาจะก้มหลบได้ไหม
          “เกรนเจอร์” เขาพูดพร้อมยิ้มกว้าง ความรู้สึกของการยอมรับอยู่ในน้ำเสียงเขา “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเป็นพวกหัวแข็งแบบนี้”
          “โอ้ หุบปากเลย มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ และเดรโกรู้สึกโล่งอกที่เห็นเธอยิ้ม
__________________

          เดรโกเดินเล่นอย่างไม่รีบร้อนไปตามโถงทางเดินในเช้าวันต่อมา มันช่างเป็นคืนที่ยาวนานมากในห้องสมุดและพวกเขายังคงมีเรื่องท้าทายครั้งใหญ่ให้ทำ ไม่ว่าพวกเขาใช้เวลาที่นี่มากแค่ไหนก็ตาม ดูเหมือนไม่เคยนานพอที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จ   เมื่อคิดถึงจำนวนเวลาน้อยนิดที่เขาได้หลับเมื่อคืนก่อนหลังจากแยกกับเฮอร์ไมโอนี่ที่ด้านนอกห้องสมุด อารมณ์เขาก็ยังสบายๆ เป็นที่น่าสังเกต เวลานี้เขาเริ่มออกเดินไปยังห้องสมุด ชั่วโมงเรียนเดียวที่เขามีร่วมกับเฮอร์ไมโอนี่คือวิชาการปรุงยาในช่วงเช้าของวันนี้ ที่ซึ่งเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในชั้นเรียนเฝ้ามองเธอและศาสตราจารย์สเนปอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยที่ละเลยศาสตราจารย์สเนป;เขาดูเหมือนทราบเสมอเมื่อนักเรียนไม่ได้สนใจอีกต่อไป
          โถงทางเดินส่วนใหญ่แทบจะว่างเปล่าเพราะว่าทุกคนดูเหมือนมุ่งไปทางห้องอาหารเย็นเพื่อกินอาหารว่าง การเคลื่อนไหวฉับพลันทำให้เขารู้สึกสนใจ เฮอร์ไมโอนี่ปรากฏตัวที่ชานพักบันไดทางด้านขวามือของเดรโก เธอสบตากับเขาและยิ้มให้ เดรโกรู้สึกแรงกระตุกประหลาดและเกือบจะก้าวเท้าไปหาเธอ แต่แล้วก็หยุดลงและมองไปรอบๆ “ถ้าหาก...”
          “ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครมาเห็นเธออยู่กับเลือดสีโคลนหรอก” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างสบายๆ เมื่อเธอเดินลงบันไดมาหาเขา
          เดรโกสะดุ้งเมื่อได้ยินเธอเอ่ยคำว่าเลือดสีโคลน มันเป็นเวลานานมากตั้งแต่เขาได้ใช้คำนั้น และเวลานี้เขากำลังได้ยินมันจากปากคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เสียงมันช่างกระด้างและโหดร้าย “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันกำลังจะพูด” เขาตะคอกใส่ แม้แต่เขาก็ไม่อาจเชื่อเรื่องโกหกของเขา และเขาอยากพูดแบบนั้นมาก เดรโกมองไปทางอื่นไม่ใช่เธอด้วยความรู้สึกละอายใจ ซึ่งน่าแปลกพิกลเพราะว่าเขาไม่เคยรู้สึกละอายใจมาก่อนเลยในชีวิต จนกระทั้งมาปีนี้ จนกระทั่งกับเธอ
          “ไม่เป็นไรหรอก” เธอพูดเบาๆ “ฉันไม่สนใจ” แต่นี่เป็นการโกหกที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งจะมองข้ามเช่นเดียวกัน
          พวกเขามุ่งตรงไปยังห้องสมุดด้วยกันอย่างเงียบๆ ปรากฏว่าเธอพูดถูก ไม่มีใครเห็น ส่วนนี้ของโรงเรียนเกือบจะว่างเปล่าผิดปกติ
          “เอานี่” เฮอร์ไมโอนี่รื้อค้นในกระเป๋าหนังสือของเธอ และดึงเอาม้วนกระดาษหนามากอันหนึ่งออกมา “ฉันคิดว่าเธออาจอยากยืมมัน”
          เดรโกรับม้วนกระดาษจากเธอ มันหนักพอควรและผูกด้วยสายหนังใหญ่เส้นหนึ่ง และมีพิมพ์ตัวอักษรอยู่อีกด้านบอกว่า;ความโชคร้ายของกระทรวง โดยโทเบียส เกรย์สัน
(A Ministry’s Misfortune by Tobias Greyson) “อะไร? เซนต์สตีเฟนไม่สามารถแม้แต่ให้หนังสือจริงๆ ได้หรือ?” เขาหยอกล้ออย่างนุ่มนวล
          เธอยิ้มและเดรโกรู้สึกว่าตัวเขาหยุดอยู่ตรงกลางโถงทางเดินเพื่อมองเธอ ยิ้มของเฮอร์ไมโอนี่เพิ่มมากขึ้น และเดรโกเอื้อมไปจับปอยผมที่หลุดออกมากลับไปทัดหลังใบหูเธอ
          “เดรโก!” เสียงร้องด้วยความร่าเริงดีใจบาดหูดังทั่วโถงทางเดินว่างเปล่า
          แพนซี่ พาร์กินสันผู้ซึ่งเพิ่งออกมาจากห้องเรียนใกล้ๆ ด้านหลังเดรโก เหวี่ยงแขนโอบรอบคอเขาด้วยเรี่ยวแรงพอสมควร ทำให้เขาเซไปข้างหน้าและชนเฮอร์ไมโอนี่ลงไปที่พื้น กระเป๋าหนังสือเปิดออกส่งผลให้บรรดาหนังสือและปากกาขนนกหกระเนระนาดอยู่บนพื้น
          “เดรโก” แพนซี่ทำเสียงออดอ้อนมาจากด้านหลังเขา แขนเธอยังอยู่รอบคอเขา “หมู่นี้เธอหายไปอยู่ที่ไหน? ฉันคิดถึงเธอนะ” น้ำเสียงเธอแทบไม่ต้องจินตนาการ และดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เข้มขึ้นอย่างน่ากลัว เธอเข้ามาใกล้เขาตรงหน้าทำให้แน่ใจว่าแนบชิดร่างกายของเธอติดกับตัวเขามากเท่าที่เป็นได้ แล้วแพนซี่ก็เห็นเฮอร์ไมโอนี่ผู้กำลังพยายามเก็บปากกาขนนกอยู่ เธอยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร
          “เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ นี่ไม่ใช่เลือดสีโคลนฟันกระต่ายแห่งหอคอยกริฟฟินดอร์หรือ บอกฉันหน่อยเกรนเจอร์ พอตเตอร์และวีสลี่ย์อยู่ที่ไหน? อย่าบอกฉันว่าพวกเขาทิ้งเธอให้ดูแลตัวเองนะ? มันอันตรายเมื่อเธอเป็นเด็กมักเกิ้ลอยู่ข้างนอกตามลำพัง” แพนซี่ก้าวมาข้างหน้าและวางเท้าของเธอตรงลงบนปลายไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ที่กลิ้งอยู่บนพื้นห้องท่ามกลางสิ่งของที่กระจัดกระจาย
          “ฉันต้องกลัวด้วยหรือ แพนซี่?” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างกล้าหาญ
          “ปล่อยเธอไปซะ แพนซี่” เดรโกพูดเรียบๆ ยังรู้สึกแปลกใจหลังจากที่เขาพูดคำเหล่านี้ออกไป
          แพนซี่ไม่สนใจเขาและดึงไม้กายสิทธิ์ของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืนอย่างระวังตัว และชำเลืองไปตามโถงทางเดิน กำลังหวังว่ามีอาจารย์สักคนเดินเข้ามา
          “ปล่อยเธอไปซะ แพนซี่” เดรโกพูดอีกครั้ง น้ำเสียงเขากระด้างมากกว่าเดิมเล็กน้อย
          “โอ้ อย่าเหลวไหลน่าเดรโก แค่สนุกกันนิดหน่อยเอง ฉันพนันว่าฉันสามารถทำให้ฟันของหล่อนกลับมาแบบที่มันเคยเป็น” แพนซี่ฉีกยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย
          “ฉันบอกว่า” เดรโกคว้าแขนเธอและกระชากเธอให้หันมาอย่างแรง “ปล่อยเธอไปซะ” เสียงของแหบต่ำและอันตราย
          แพนซี่กระตุกแขนเธอกลับจากเขา “เธอไม่สนุกหรือเดรโก หล่อนก็แค่เลือดสีโคลนงี่เง่าคนหนึ่ง มันสมควรกับสิ่งนี้ทั้งหมดอย่างแท้จริงนะ?”
          เดรโกจ้องเธอเขม็งและรู้สึกว่ามือเขากำแน่น ถึงแม้ว่าเขาชิงชังแพนซี่มาก แต่เขาไม่เคยอยากทำร้ายเธอ ไม่เลยจนกระทั่งตอนนี้ เฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนว่าเริ่มตระหนักถึงสิ่งนี้และพุ่งมาข้างหน้าเพื่อคว้าข้อมือเขาไว้
          “อย่านะ เดรโก”
          สายตาพวกเขาประสานกัน และเดรโกเห็นความกลัวของเธอว่าเขาอาจทำบางอย่างที่ไม่รอบคอบและก่อให้เกิดปัญหา และเขาก็ยังเห็นการขอบคุณสำหรับการปกป้องเธอด้วย แพนซี่ก้าวถอยออกไปเล็กน้อย รู้สึกช็อกและจ้องมองพร้อมกับอ้าปากค้าง
          “โอ้..โอ้ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไม เลือดสีโคลนนั่นคือเหตุผล” เดรโกเหลียวกลับไปมองเธอแต่แพนซี่เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น เธอหันหลังและเดินจากพวกเขาไปพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “นั่นคือเหตุผลทั้งหมด” เธอพูดเมื่อลงบันไดไป
          “เดรโก?” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบอย่างอ่อนโยน
          “อะไร?” เขาพูดอย่างเดือดดาล เสียงเขาแหลมสูงกว่าที่ตั้งใจ
          เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยแขนเขาและก้าวห่างออกมาจากเขา แววตาระมัดระวังอยู่ในดวงตาเธอ เธอคุกเข่าลงและเริ่มเก็บสิ่งของต่างๆ กลับใส่กระเป๋า เดรโกยืนอยู่ด้านหลังเธอ ไม่รู้ว่าจะทำอะไร เขามองไปตามโถงทางเดินและเห็นนักเรียนหลายคนทยอยออกมาจากห้องเรียนเดียวกับที่แพนซี่ออกมา เดรโกคิดว่ามันต้องเป็นกลุ่มเรียนวิชาเวทมนตร์ที่เธอได้กล่าวถึงครั้งหนึ่ง เดรโกก้าวถอยหลังจากเฮอร์ไมโอนี่ เธอชะงักนิดหนึ่งและเอี้ยวไปดูเขาผ่านไหล่เธอ มันเป็นสีหน้าที่เขาอ่านไม่ออก เดรโกเกลียดสิ่งนั้น เขาสามารถรู้แทบจะทุกคนว่าคิดอะไรอยู่แต่กลับเฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นปริศนาอันหนึ่ง
          “ฉันจะเจอเธอทีหลัง ในห้องสมุด” เขาพึมพำ เมื่อมีมากกว่าสองสามคนชำเลืองมาที่เขาอย่างอยากรู้อยากเห็นขณะที่เดินผ่านไป
          เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเงียบๆ เดรโกหันหลังและเดินจากไป เขาผ่านเลยประตูห้องสมุดไปอย่างรวดเร็ว รู้ว่าถ้าเขาชะงักตรงนั้น เขาอาจจะเข้าไปข้างในและคอยเธออย่างแน่นอนที่สุด และเขาไม่อยากคอยเธอ เขาเป็นมัลฟอยคนหนึ่ง เขาไม่ควรจะต้องรอคอย แต่เดรโกรู้ด้วยความแน่นอนที่น่ากลัดกลุ้มใจว่าเขาจะรอคอยตลอดไปถ้าเธอขอร้องเขาเท่านั้น แม้ว่าเขาไม่รู้เลยว่ามันหมายถึงอะไร
          เดรโกคงเดินไปตามโถงทางเดินโดยไม่มองข้างหลัง ความคิดที่ไม่อาจต้านทานได้ปกคลุมหนาทึบในใจเขา;แพนซี่จะไปบอกใคร? เดรโกเป็นสลิธีรินที่รู้จักกันดีอย่างมากคนหนึ่ง
เธอจะกล้าแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขาหรือ? เขารู้ว่าเธออาจจะทำ;แพนซี่ดูมุ่งร้ายอย่างสังเกตได้
สลิธีรินคนอื่นๆ จะพูดอะไรเมื่อพวกเขารู้ความจริงว่าเขาไปมาหาสู่กับเฮอร์ไมโอนี่? กับเด็กมักเกิ้ล? เขาไปมาหาสู่กับเธอหรือ? เขาไม่แน่ใจจริงๆ เขารู้ว่าเขาไม่ได้สนใจในตัวแพนซี่อย่างเด็ดขาด ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ รูปร่างอันยั่วยวนของเธอเพียงพอที่ทำให้เขาตื่นขึ้นมากลางดึก แต่นั่นหมายความว่าอะไร?
          เดรโกเดินลงบันไดและมุ่งหน้าตรงไปยังคุกใต้ดิน ตรงไปที่ห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธีริน เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์จริงๆ ในการปฏิเสธแรงดึงดูดที่เขามีสำหรับสาวน้อยกริฟฟินดอร์คนนี้ ก่อนหน้านั้นเขาอาจสามารถขับไล่ความรู้สึกต่างๆ ของเขาด้วยวิธีการง่ายๆ คือหาเรื่องต่อสู้กับ พอตเตอร์ เพราะว่าเขาชิงชังพอตเตอร์และทัศนคติการทำสิ่งที่ถูกต้องของเขา หรือบางทีแม้แต่วิธีทำให้ลูเซียสโกรธ แต่เวลานี้เมื่อเขาก้าวผ่านรูปภาพเหมือนที่กั้นประตูเข้าห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธีริน เดรโกรู้ว่ามันห่างไกลกว่านั้นมาก แม้แต่ตอนนี้เมื่อรูปภาพเหมือนเหวี่ยงปิดตามหลังเขา เขาต้องต่อสู้กับแรงกระตุ้นที่จะหันกลับและตรงไปที่ห้องสมุด ไปหาเธอ
เดรโกรู้ว่ามันเป็นเรื่องตลกน่าขัน ไม่มีทางเลยที่ความรู้สึกต่างๆ ของเขาสำหรับเธอจะไปได้ดี เขาคุ้นพอควรกับนิยายเวทมนตร์รักๆ ใคร่ๆ โศกรันทดพวกนี้ที่แม่เขาอ่านในบางครั้ง ทำให้สามารถเห็นได้ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเฮอร์ไมโอนี่จะไร้ผล แต่ทำไมเขาไม่อาจปัดเธอออกไปจากหัวของเขาได้?
          เดรโกนั่งบนขอบเตียงและจ้องไปที่พื้นห้อง ความเสียหายอะไรที่แพนซี่กำลังทำให้เกิดขึ้น? เธอจะพูดกับคนอื่นๆ ว่าอะไร? เธอจะทำให้เขาย่อยยับที่ฮอกวอตส์รึ? เดรโกลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินกลับไปกลับมาในห้อง
          “มันไม่ใช่เลยที่ฉันแคร์เธอหรืออะไรทั้งนั้น เธอเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งและเป็นเด็กมักเกิ้ล” แต่เดรโกพบว่าเขากำลังโกหก เขาเกือบจะพร้อมฆ่าแพนซี่สำหรับการข่มขู่เฮอร์ไมโอนี่ แม้ว่าเดรโกสงสัยเล็กน้อยว่าเฮอร์ไมโอนี่อาจจะชนะแพนซี่ก็ได้ เฮอร์ไมโอนี่อาจจะชนะเขาก็เป็นได้ทีเดียว เธอเป็นแม่มดที่เข้มแข็งมากๆ คนหนึ่ง เขานับถือเธอด้วยความเท่าเทียม เป็นอภิสิทธิ์ที่เขาไม่เคยมอบให้ใครมาก่อนเท่าที่เขาจำได้ เธอครอบงำความคิดของเขาอย่างเต็มที่ และเดรโกคิดว่าตัวเขากำลังพยายามรักษามาตรฐานของอุดมคติซึ่งเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน มาตรฐานที่ไม่ใช่เรื่องโหดเหี้ยม มาตรฐานที่ทำให้เขาคิดถึงการกระทำต่างๆ ของเขาว่าอาจจะนำไปสู่อะไรบ้าง? เดรโกหงายหลังลงบนเตียงและมองขึ้นไปที่กระโจมคลุมเตียง หมกมุ่นอยู่กับความคิด
__________________

          “ดีใจที่เห็นว่าในที่สุดเธอก็ตัดสินใจปรากฏตัวและมาช่วยกันซะที”
          เดรโกดึงประตูปิดตามหลังเขาและไม่สนใจเธอ เธอหันมามองเขา;เธอกำลังอยู่ในเก้าอี้ตัวนั้น ดูเหมือนว่าเธอชอบมันมากเหลือเกิน
          “ฉันมีหลายอย่างต้องทำ เกรนเจอร์” เดรโกตอบอย่างเย็นชา เมื่อเขาเข้ามาใกล้อีกด้านของโต๊ะและนั่งลง
          เขาสังเกตว่าเธอทำตัวแข็งเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้กับเขา เดรโกดึงหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ มา และพยายามทำตัวเองให้จดจ่ออยู่กับมัน เขาไม่เคยดูเหมือนพูดสิ่งที่ถูกต้องเมื่ออยู่ใกล้เธอ
          เดรโกเพ่งความคิดของตัวเองทั้งหมดให้อยู่กับงานในมือ ถ้าเขาเฝ้าดูม้วนกระดาษตรงหน้าแล้ว สายตาเขาก็จะไม่อ้อยอิ่งอยู่กับเธอ ในช่วงแรกนั้นเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ความเงียบร่วมกันของพวกเขาคล้ายว่าดังก้องกังวานอย่างน่าอันตรายภายในห้อง แต่ไม่นานเมื่อพวกเขาลงมือทำงาน สิ่งต่างๆ ก็กลายเป็นง่ายขึ้น ความเงียบงันของพวกเขาดูกดดันน้อยลง
          “ฉันคิดว่าเธอพูดถูก” เดรโกพูดกะทันหัน เขาได้แปลมันเกือบจะถึงครึ่งเล่มของหนังสือก่อนพบบางอย่างที่น่าสนใจ
          เฮอร์ไมโอนี่โน้มตัวมาข้างหน้าด้วยความสนใจ เดรโกวางหนังสือตรงหน้าเขาและเริ่มอ่าน
          “แม้ว่าความพยายามต่างๆ อันกล้าหาญของพวกเรา พวกอำนาจมืดก็ได้เข้ายึดครองการควบคุมของกระทรวง ฉันกลัวสำหรับบรรดามิตรสหายที่สับเปลี่ยนกันไปของฉัน ฉันได้แต่สวดมนตร์ให้ผู้ใกล้ชิดกับการต่อสู้ จัดการหลบหนีจากการกวาดล้างครั้งนี้ได้ คนของกระทรวงจัดแถวรอสำหรับการฆ่าคนจำนวนมากมายอย่างทารุณด้วยความยินดี แต่สำหรับพวกที่เหลือรอดล่ะ? ฉันถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพังอย่างแท้จริงในเวลานี้หรือ? ฉันได้แค่หวังว่าการค้นคว้าของฉันจะไม่เป็นการสูญเปล่า”
         เดรโกหยุดอ่านและมองเฮอร์ไมโอนี่ “เขาหมายถึงอะไรเรื่อง’การค้นคว้าของเขา’?”
         “ฉันไม่แน่ใจนะ” เฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิด “แต่มันอาจมีบางอย่างต้องทำเกี่ยวกับเรื่องนี้” เธอยื่นต้นฉบับที่เธอได้ศึกษาอยู่ออกมา “ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เขียนไว้ในตอนแรก รายการสิ่งของต่างๆ ซึ่งฉันไม่รู้จัก แต่หลังจากนั้นสักพักฉันก็เริ่มจำได้บางอย่าง เช่นตรงนี้;ไม้เวิร์มวู้ด(wormwood) และดอกไนท-ธิสซึล(night-thistle) แล้วก็ตรงนี้การแปลความหมายไม่ชัดเจน แต่ฉันเกือบจะมั่นใจว่านี่เป็นภาษาละตินสำหรับสมุนไพรมักเวิร์ท(mugwort)”
         “ส่วนผสมในการปรุงยาหรือ?” เดรโกถาม
         “ฉันคิดว่านี่เป็นหนังสือเกี่ยวกับคาถาเล่มหนึ่ง” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ “และเป็นไปได้ว่าเล่มอื่นอีกหลายเล่มก็เป็นแบบนั้นด้วย”
         เดรโกหยิบหนังสือมาจากเธอและเริ่มต้นอ่านมันด้วยตัวเอง “ไม่มีสักอันเป็นคาถาที่ฉันรู้จัก ไม่มีสักอันเกี่ยวกับการปรุงยา มีแค่ส่วนประกอบบางอย่างที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แต่ว่าส่วนที่เหลือของมันเกี่ยวกับอะไร?”
         เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจและถอยกลับไปพิงเก้าอี้ของเธอ “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังทำอะไรกับคาถาแปลกพิสดารทั้งหมดนี้ ครึ่งหนึ่งของการประกอบทางสารเคมีอาจจะใช้การไม่ได้เลย และยิ่งกว่านั้นเขามีรายการของส่วนผสมต่างๆ แบบเดียวกันที่เขียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกครั้งด้วยการเพิ่มสิ่งแตกต่างเล็กน้อยเข้าไป เขากำลังทำอะไร?” เธอพึมพำด้วยความไม่เข้าใจ
         เดรโกตรวจดูหนังสือต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ขบริมฝีปากอย่างใช้ความคิด เขาอดไม่ได้ที่รู้สึกว่านี่เป็นบางอย่างที่สำคัญ บางอย่างที่พิเศษ แต่ว่าอะไรล่ะ?
         “ฉันคิด” เดรโกพูดช้าๆ ความคิดหนึ่งกำลังเป็นรูปเป็นร่างในหัวของเขา “ว่าเขากำลังค้นคว้าเวทมนตร์ของเขาเอง สร้างด้วยคาถาใหม่ เขากล่าวถึงการค้นคว้าในบันทึกประจำวันเล่มหนึ่ง;บางทีนั่นเป็นตำแหน่งของเขาในคณะอัศวิน ฉันหมายถึงว่านักตัวเลขมหัศจรรย์จรจัดแก่ๆ คนหนึ่งต่อต้านเธอเช่นเดียวกับคนอื่น เธอต้องหาวิธีการต่อสู้กับพ่อมดชั่วร้ายไง?
         เฮอร์ไมโอนี่เบิกตาโตและนั่งตัวตรงอีกครั้งอย่างตื่นเต้น “เธอคิดว่านี่คือสิ่งที่อาจารย์ใหญ่กำลังพูดถึงไหม? เขารู้ว่าโอ’แลรี่ได้เขียนหนังสือเวทมนตร์ของตัวเองไงล่ะ?” เฮอร์ไมโอนี่สงสัยออกมาเสียงดัง
         เดรโกขมวดคิ้วใส่หนังสือ “ฉันสงสัยว่าเขาจะให้บางอย่างที่สำคัญแก่นักเรียนคู่หนึ่งเหรอ”
         “แฮร์รี่คิดว่าอาจารย์ใหญ่ชอบที่จะดูว่าเรามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับอะไร และเขาตั้งใจที่จะทดสอบพวกเรา” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างภูมิใจ มันเป็นความภาคภูมิใจสำหรับพอตเตอร์หรือสำหรับเธอ เดรโกก็ไม่แน่ใจนัก
         “ถ้าเป็นเรื่องจริง ตาแก่โง่นั่นก็ต้องบ้ามากกว่าที่ฉันคิดไว้”
         “เดรโก” เธอกล่าวตำหนิอย่างว่องไว แต่น้ำเสียงเธอเบา
         เดรโกฉีกยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ ยินดีที่เขาเข้าใจบางอย่างก่อนที่เธอทำได้ ไม่ใช่ว่ามันเป็นการแข่งขัน แต่เดรโกคุ้นเคยกับการเป็นคนที่ฉลาดกว่าเพื่อนๆ ทั้งหมดของเขา แน่นอนว่าตัวซาลามานเดอร์เองยังฉลาดกว่าแครบบ์หรือกอยล์ ส่วนแพนซี่เหมือนประสบความสำเร็จถึงแม้ว่าเชาว์ปัญญาทึบ แต่เธอมีลักษณะที่ส่อให้เห็นเจตนาชั่วร้ายด้วยจิตใจของตัวมันเอง และช่างเป็นจิตใจที่ชั่วร้ายอะไรเช่นนี้ เดรโกทำหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเธอ เวลานี้เธอกำลังเล่าให้ทุกคนในห้องโถงใหญ่ฟังเกี่ยวกับเดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ไหมนะ? มันไม่ได้มีอะไรให้เล่าอย่างแท้จริง ไม่ใช่ว่าเธอจับได้ว่าพวกเขากำลังจูบกันในโถงทางเดิน แต่เดรโกรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน แต่คงเลวร้ายมากกว่าถ้าเขาถูกจับได้ขณะกำลังจูบเธอ เขาอาจแสร้งทำว่ามันเป็นอุบายเพื่อล่อพอตเตอร์ อย่างไรก็ตามแพนซี่ไม่ได้พบเขากับเฮอร์ไมโอนี่ในอากัปกิริยาที่อยู่ด้วยกัน เธอเพียงแค่พบพวกเขาตามลำพังในโถงทางเดินเท่านั้น และเดรโกปกป้องเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความดุเดือดเช่นนั้น ซึ่งแพนซี่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนอย่างแน่นอน เดรโกไม่แน่ใจว่าเขาเคยรู้สึกรุนแรงเกี่ยวกับอะไรขนาดนี้ หรือขาดสติแบบนี้มาก่อนไหม
         “เดรโก?”
         เขาเงยขึ้นมองและพบกับสายตากังวลของเธอ “อะไร?” เขาถามเสียงสูง รู้สึกคล้ายกับเธอจับได้ว่าเขากำลังทำบางอย่างที่ผิดอยู่
         “มะ...ไม่มีอะไร เธอแค่ดูมีท่าทาง” เธอชะงักและคิดไตร่ตรองคำพูดของเธอ”เหม่อลอย เธอดูเหมือนเหม่อลอยไปไกลมากชั่วขณะหนึ่ง”
         เดรโกพบว่าตัวเขายิ้มโดยไม่รู้ว่าทำไม เขาชะโงกข้ามโต๊ะมาและจับมือเธอวางในมือเขา มันเล็กกว่ามากแต่ดูเหมือนว่าเหมาะเจาะกับมือเขาพอดีเลย เขาถือมันไว้บนฝ่ามือเขาและอีกมือหนึ่งของเขาเริ่มต้นเดินไปตามลายเส้นต่างๆ อันละเอียดอ่อนที่ปรากฏอยู่ เธอทำตัวแข็งเล็กน้อย และเดรโกมองเห็นว่าเธอกำลังหน้าแดงอย่างรุนแรง เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกอย่างช้าๆ เดรโกยิ้มกว้าง “ที่รักของฉัน” เขาเริ่มด้วยน้ำเสียงสบายๆ เบาๆ ซึ่งฟังแล้วไม่ธรรมดาคล้ายกับศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ “นี่เป็นเส้นชีวิตของเธอ โอ้ช่างน่าเสียดาย เธอกำลังมุ่งไปสู่ชีวิตที่ยาวไกลมากทีเดียว กระนั้นฉันก็รู้ล่วงหน้าถึงอุปสรรคในทางเดินของเธอ โอ้ แล้วนี่อะไร? ทำไม คนแปลกหน้ารูปหล่อ ผมบลอนด์และเสเพล ช่างเป็นชายหนุ่มเต็มตัว” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มต้นหัวเราะคิกคักแต่ยังวางมือเธอไว้อยู่ เขาพูดต่อไปว่า “และนี่เป็นเส้นหัวใจของเธอ ผู้นำทางเข้าไปภายในการทำงานต่างๆ ของหัวใจเธอ” น้ำเสียงเขาขาดหายไปทันที และเฮอร์ไมโอนี่ดึงมือเธอกลับมา
         เธอดูลำบากใจที่จะเลือกระหว่างความขบขันหรือความกังวลดี นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความเงียบงันที่เดรโกอยู่ในสภาวะอับจนคำพูดอย่างสิ้นเชิง เขารู้ดีเกินกว่าจะเปิดปากเพราะกลัวพูดบางอย่างที่โง่เขลาสิ้นดี
         เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้นทันที “ฉัน...ไปดีกว่า ฉันสัญญากับแฮร์รี่และรอนว่าฉันจะตรวจการบ้านวิชาการแปลงร่างของพวกเขาให้”
         เฮอร์ไมโอนี่เซื่องซึมและเก็บข้าวของเธอ เดรโกยืนขึ้นเช่นกันและเก็บกระเป๋าหนังสือ เขาตามเธอออกประตูมา พวกเขาออกจากห้องสมุดด้วยกันโดยไม่พูดอะไรเลย และรู้สึกว่าความเงียบนี้น่าสบายใจ ที่ประตูห้องสมุดเธอหยุดลงและหันมามองเขา “เดรโก” เธอเริ่ม แต่ถูกขัดจังหวะ
         “เฮอร์ไมโอนี่!”
         เดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ ทั้งคู่หันไปเห็นแฮร์รี่และรอนซึ่งยังสวมเสื้อชุดฝึกซ้อมอยู่ กำลังตรงมาหาพวกเขา ทั้งสองหนุ่มหยุดห่างออกไปไม่กี่ก้าว และจับตามองเดรโกด้วยความไม่ชอบ
         “มัลฟอย” พอตเตอร์พูดอย่างเย็นชา
         เดรโกรู้สึกถึงเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังตัวแข็ง เธอเริ่มทำเสียงกังวลนิดๆ คล้ายกับเธอกำลัง
พยายามคิดหาบางอย่างที่จะพูดเพื่อระงับสถานการณ์ใดๆ ที่จะลุกลามขึ้น เธอชำเลืองจากเขาไปที่เพื่อนๆ ของเธอ และกลับมาที่เขาอีกครั้ง การวิงวอนอยู่ในแววตาของเธอ
         “พอตเตอร์, วีสลี่ย์” เดรโกเอ่ยอย่างเป็นมิตร แล้วพยักหน้าให้เฮอร์ไมโอนี่ก่อนเขาหันหลังและเดินจากไป ทิ้งความประหลาดใจไว้ให้กับพอตเตอร์และวีสลี่ย์ และอีกคนที่โล่งใจอย่างมาก;เฮอร์ไมโอนี่

TBC

No comments:

Post a Comment