Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

Chapter 5: มิตรภาพของเฮอร์ไมโอนี่


  

ปี5


วันเปิดภาคเรียนวันแรกของโรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์.... 

แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ได้เลื่อนชั้นเป็นนักเรียนชั้นปีที่ห้า หลังจากที่ใช้ช่วงปิดเทอมอันแสนเลวร้ายกับพวกเดอร์สลีย์
แล้ว แฮร์รี่ก็ได้กลับมาที่โรงเรียน ถึงแม้เขาจะใช้ชีวิตที่นี่เป็นปี

ที่ห้าแล้วก็ตาม เขาไม่เคยเบื่อที่นี่เลย ผิดกับบ้านของพวกเดอร์สลีย์ แฮร์รี่เบื่อที่นั่นตั้งแต่เขาเริ่มเรียนรู้ว่ามีความรู้สีก
เบื่อหน่ายอยู่ในโลก ปีนี้นักเรียนปีหนึ่งจากทุกสารทิศมารวมตัว

กันเพื่อรับการคัดเลือกบ้านที่จะเข้าไปอยู่โดยหมวกคัดสรรเช่นเคย นักเรียนชั้นปีอื่น ๆ ของแต่ละบ้านมาตั้งแถวดู
การคัดเลือกเด็กปีหนึ่งด้วย 

รอนอ้าปากหาวพลางบ่น 

“เมื่อไหร่จะเริ่มเสียที” 

แฮร์รี่เอาศอกกระทุ้งรอนเบา ๆ เมื่อเห็นศาสตราจารย์มักกอนนากัลหันมามองหาที่มาของเสียง รอนรีบยืดตัว
 ทำท่าสนใจขึ้นมาทันที แล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับเด็กปีหนึ่ง

ที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนขนกวางคนหนึ่งที่สูงเด่นขึ้นมา รอนชี้ไปที่เด็กคนนั้นให้แฮร์รี่ดู 

“สูงกว่าเด็กปีหนึ่งคนอื่นเลยนะ ยังกับอายุเท่าเราเลย” 

“ก็คงเท่าเราล่ะ สงสัยเข้าเรียนช้ามั้ง” แฮร์รี่ว่า 

หลังจากอารัมภบทอันยืดยาวและน่าเบื่อหน่าย และหมวกคัดสรรร้องเพลงของมันเหมือนทุกปีจบลง
 (แต่ตอนจบ หมวกร้องเพลงเสียงสูงเกินไปทำให้ตะเข็บบนตัวของมันปริ) การ

คัดเลือกก็เริ่มขึ้น ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสวมแว่นตาแล้วกางม้วนรายชื่อนักเรียนชั้นปีหนึ่งออกเริ่มเรียกชื่อเด็ก
ทีละคน 

“อลัน, แมตธิว” 

“เรเวนคลอ!” หมวกคัดสรรตะโกนเมื่อเด็กคนนั้นสวมมัน 

“อแมนด้า, พอล” 

“ฮัฟเฟิลพัฟ!” 

“อุ๊ย!” เนวิลล์ทำคางคกหลุดออกจากมือของตัวเอง มันกระโดดหย็องแหย็งหนีเขาไปอย่างรวดเร็ว 

“จับ….จับให้ฉันหน่อย!” เนวิลล์ก้มตัวลงต่ำพยายามไล่ตะครุบมัน แล้วรีบบอกให้นักเรียนคนอื่น ๆ ช่วย ดัง
นั้นเมื่อคางคกกระโดดไปหาใครเด็กคนนั้นก็จะช่วยไล่ตะครุบ 

แถวเด็กของบ้านกริฟฟินดอร์เริ่มวุ่นวาย แต่ศาสตราจารย์มักกอนากัลยังไม่สังเกตจึงยังคงเรียกชื่อเด็กคนอื่นต่อไป
 จนมาถึงวรรคตัวอักษร อาร์ เด็กผู้ชายตัวสูงผมสีน้ำตาลคนนั้นก็

ก้าวออกมา 

“เรเนฟสกี้….” 

เนวิลล์กระโจนพรวดออกมาจากแถว แล้วทิ้งตัวลงแทบเท้าของศาสตราจารย์มักกอนนากัล
 เขาร้องด้วยความดีใจเมื่อเขาจับคางคกไว้ในมือได้สำเร็จ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของ

เขาก็ซีดขาว เพราะศาสตราจารย์มักกอนนากัลกำลังจ้องเขาด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เธอพูดเสียงดัง 

"ลองบัตท่อม! กลับไปที่แถวเดี๋ยวนี้นะ!" 

มีเสียงหัวเราะดังมาจากบ้านสลิธีริน นักเรียนปีหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกแล้วก็พลอยหัวเราะไปด้วย 
เนวิลล์รีบถอยไปที่แถวของตัวเอง แต่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลยังคงโมโห เธอ

ถอดแว่นแล้วเดินมาที่แถวของบ้านกริฟฟินดอร์แล้วพูดเสียงดัง 

“หักกริฟฟินดอร์สิบคะแนน! แล้วก็ออกไปรอนอกห้องโถงจนกว่าการคัดเลือกจะเสร็จ!” 

เสียงปรบมือเปาะแปะด้วยความพอใจดังมาจากบ้านสลิธีริน นักเรียนของกริฟฟินดอร์ทุกคนเดินคอตกออก
ไปจากห้องโถง 

หลังจากที่ประตูห้องโถงปิดลง ปาราวตีก็โวยวาย 

“ไม่ยุติธรรมเลย! หักเราตั้งสิบคะแนน แล้วยังให้เราออกมารอข้างนอกอีก” 

“เพราะฉันคนเดียว” เนวิลล์หน้าจ๋อย 

“ไม่เป็นไรหรอก เนวิลล์” แฮร์รี่ปลอบ แต่ปาราวตีหันมามองเขาตาเขียว 

หลังจากพิธีการคัดเลือกผ่านไป ศาสตารจารย์มักกอนนากัลก็ให้เด็กบ้านกริฟฟินดอร์กลับเข้ามา ซึ่งตอนนี้ภายใน
ก็ได้จัดเป็นโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว เมื่ออาหารปรากฏขึ้นบนจาน

ทอง แฮร์รี่กับรอนก็ลงมือรับประทานโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเดินมาที่โต๊ะเด็กปีหนึ่ง
ของบ้านกริฟฟินดอร์ 

“เรเนฟสกี้ เธอควรไปนั่งตรงนั้นนะ” เธอชี้ไปที่โต๊ะเด็กปีห้า 

แฮร์รี่และรอนหันไปมอง เด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลเหมือนขนกวางคนนั้นนั่นเอง เขามีท่าทางเกร็งอย่างเห็นได้ชัด 
เมื่อเด็กคนอื่น ๆ เริ่มหันมามองเขาอย่างสนใจ 

“ผม...ผมนั่งตรงนี้ก็ได้ครับอาจารย์” เรเนฟสกี้พูดเสียงหวั่น 

"ไปเถอะ มันเป็นคำตัดสินของหมวกคัดสรร" 

เด็กชายคนนั้นจึงต้องเดินไปนั่งที่โต๊ะปีห้า ท่ามกลางสายตาและเสียงกระซิบกระซาบของเด็กคนอื่น 

"อี้อันอะไออันเอี้ย(นี่มันอะไรกันเนี่ย)" รอนพูดทั้งที่มีมันฝรั่งอยู่เต็มปาก 

"หรือว่าเพราะเขาอายุเท่าเรา" เนวิลล์มองเด็กผู้ชายคนนั้นอย่างพิจารณา 

"ได้ยังไงกัน ถึงอายุเท่าเราแต่ถ้าเข้าเรียนเป็นปีแรกก็ต้องอยู่ปีหนึ่งอยู่ดี" เฟร็ดพูดบ้าง 

ปาราวตีอดรนทนไม่ได้ด้วยความสงสัย เธอจึงแอบเดินไปหาปัทมา น้องสาวฝาแฝดที่อยู่บ้านเรเวนคลอ
 แล้วเธอก็วิ่งกลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางกระตือรือร้น 

"ฉันรู้แล้วว่าทำไม" 

เด็กคนอื่น ๆ รีบหันมามองเธอด้วยความสนใจ 

"ตอนเขาสวมหมวกคัดสรร มันตะโกนว่า กริฟฟินดอร์ ปีห้า!" 





***********************************************



วันรุ่งขึ้นเป็นวันแรกของการเริ่มวิชาเรียน คาบแรกของบ้านกริฟฟินดอร์ก็คือวิชาเวทมนตร์ศาสตร์
 ศาสตราจารย์ฟลิตวิกสอนคาถาเปลี่ยนรูปร่างสิ่งของให้กับนักเรียน โดยใช้ผลไม้ที่

หาได้ง่ายเช่น แตงโม กล้วย ส้ม มะพร้าว และอื่น ๆ สำหรับการฝึกฝน 

หลังจากนักเรียนจับกลุ่มกันแล้ว ไม่ช้าในห้องเรียนก็เต็มไปด้วย แตงโมทรงสี่เหลี่ยม กล้วยทรงกระบอก
 มะพร้าวแปดเหลี่ยม และมะนาวแบนเหมือนกระดาษ แต่แตงโมของเนวิลล์

ไม่ยอมเปลี่ยนรูปร่างเสียที เขาหัวเสียมากจึงเอาไม้การสิทธิ์เคาะมันโดยแรง จึงทำให้แตงโมนั้นระเบิดตูม 

“ทำไมเธอไม่ลองกับส้มก่อนล่ะ ลองบัตท่อม” ศาสตราจารย์ฟลิตวิกพูดอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าซับ
น้ำแตงโมบนหน้า 

เนวิลล์รีบขอโทษขอโพยอาจารย์เป็นการใหญ่แล้วหยิบส้มขึ้นมาแทน ทันใดนั้น ประตูห้องเรียนก็ถูกเปิดออก
 นักเรียนชายคนใหม่ผมสีน้ำตาลอ่อนยืนอยู่ตรงนั้น เขาหอบแฮ่ก ๆ 

เหมือนคนที่เพิ่งวิ่งมา 

“ทำไมมาสายอย่างนี้” ศาสตราจารย์ฟลิตวิกว่า มองอีกฝ่ายด้วยสายตาตำหนิ 

“ผม...ผมขอโทษครับ” เด็กชายรีบพูด แล้วศาสตราจารย์ฟลิตวิกก็ขยับแว่นตาตัวเองเพราะไม่คุ้นหน้าเด็กคนนี้ 
เขาหยิบบัญชีรายชื่อเด็กชั้นปีห้าขึ้นมาอ่าน แล้วแฮร์รี่ก็เห็นดวงตา

ของศาสตราจารย์ฟลิตวิกเบิกกว้างขึ้นนิดหนึ่ง เมื่ออาจารย์เงยหน้าขึ้นก็มองเด็กใหม่คนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าเฮอร์ไมโอนี่
ก็เห็นศาตราจารย์ฟลิตวิกกลืนน้ำลาย 

“เธอคือ…เรเนฟสกี้ใช่ไหม” 

“ครับ” เด็กชายตัวสูงรับคำด้วยท่าทางเกรงใจ เขาหลบตาอาจารย์ นักเรียนคนอื่น ๆ เริ่มหันมามองเขา 

“นักเรียนคนอื่น ๆ เขาเรียนกันไปหมดแล้ว เธอ…เอ่อ ไปที่โต๊ะของฉันก็แล้วกัน ฉันจะสอนให้ แล้วอย่าไปรวมกับเพื่อน ๆ 
ล่ะ พวกเขา.…ทำได้แล้ว อาจจะเสียสมาธิ” 

ดวงตาของเด็กชายสลดลงวูบหนึ่ง แล้วเขาก็เดินไปที่โต๊ะของศาสตราจารย์ฟลิตวิกโดยดี 

“อะไรของเขา มาสายขนาดนี้ยังไม่เห็นโดนว่าสักคำ” รอนเอ่ยขึ้นในกลุ่มของเขา 

นักเรียนคนอื่น ๆ ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน 

“ไม่มีใครได้คุยกับเขาเลยหรือเมื่อคืน เรเนฟสกี้…..แล้วเขาชื่ออะไรเหรอ” แฮร์รี่พูดบ้าง
 และได้รับการปฏิเสธจากนักเรียนคนอื่นเช่นเคย 

“น่าสงสารเขาออกนะ อยู่ ๆ ก็มาอยู่ปีห้า แล้วอาจารย์ก็ทำท่าเหมือนไม่อยากให้เขามีเพื่อนอีก”
 เฮอร์ไมโอนี่พูด แต่สายตายังคงมองไปที่เด็กชายคนนั้นซึ่งตอนนี้อยู่ที่โต๊ะของ

ศาสตราจารย์ฟลิตวิก 

ท้ายชั่วโมง นักเรียนแต่ละคนก็เอาผลงานของตัวเองมากองไว้ที่โต๊ะ ซึ่งก็มีทั้ง แอปเปิ้ลมีหนาม สตรอว์เบอร์รี่รูปหัวใจ
 ส้มลายดอกไม้ และองุ่นรูปดาวเต็มพวง เนวิลล์อุ้มแตงโมทรง

สี่เหลี่ยมเพียงลูกเดียวของตัวเองไว้อย่างภูมิใจ ศาสตราจารย์ฟลิตวิกเดินมาให้คะแนนเด็กแต่ละคน
 แล้วระฆังเลิกเรียนก็ดังขึ้น นักเรียนทุกคนเดินออกจากห้องเรียนไปด้วยกัน เฮอร์

ไมโอนี่มองไปที่โต๊ะของศาสตราจารย์ฟลิตวิกอีกครั้ง เรเนฟสกี้นั่งมองเด็กคนอื่น ๆ เดินออกไป
 บนโต๊ะก็มีผลไม้รูปร่างประหลาดเช่นกัน เขาสบตาเฮอร์ไมโอนี่แว่บหนึ่งแล้วก็หลบตา 

คาบถัดไปคือคาบวิชาปรุงยา เรเนฟสกี้เดินรั้งท้ายมาเพียงคนเดียว สเนปอ่านรายชื่อของเด็กปีห้าแล้วก็มองมาที่เรเนฟสกี้ 

เขามีท่าทางไม่ถูกชะตากับเด็กชาย จนคนอื่นสังเกตได้ในทันที 

“เรเนฟสกี้รึ….” สเนปพูดเสียงเย็นเหมือนแววตาที่เย็นเยียบของเขาขณะจ้องมาที่เรเนฟสกี้ 

“ไม่อยากจะเชื่อนะ ว่าศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จะเป็นคนลืมง่าย แล้วก็ใจดีขนาดนี้” 

นักเรียนคนอื่น ๆ (รวมทั้งบ้านสลิธีริน ที่ปีนี้ก็เรียนรวมกับบ้านกริฟฟินดอร์อีก จนแฮร์รี่อดคิดไม่ได้ว่าอาจารย์สเนป
น่าจะมีส่วนร่วมในการจัดตารางเรียน) เงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งคู่ 

“ดีแต่รูปงาม.…อ้อ นี่คงไม่สมองกลวงจนคิดว่าฉันชมโฉมเธออยู่นะ” 

“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นครับอาจารย์” เรเนฟสกี้พูดเสียงหวั่น จริงอยู่ที่เขาตัวสูง ผมสีน้ำตาลอ่อนสวย
 และมีดวงตาสีเทาที่งดงาม 

สเนปก็ปฏิบัติตนเช่นเดียวกับอาจารย์คนอื่น ๆ คือ กันเรเนฟสกี้ออกห่างจากเด็กคนอื่น แล้วไปปรุงยาเพียงลำพัง 

ยังเป็นโชคดีของเด็กชายอยู่บ้างที่เขาปรุงยาไม่ผิดเลย ดังนั้นเนวิลล์จึงเป็นผู้ถูกอาจารย์เล่นงานดังเช่นทุกครั้ง 

และท้ายชั่วโมงก็เหมือนคาบวิชาอื่น ๆ เรเนฟสกี้รอจนเด็กคนอื่นเดินออกไปจนหมดแล้วเขาจึงจะเดินรั้งท้ายตามออก
ไปเพียงคนเดียว 



***********************************************



จนเวลาผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์ ก็ยังไม่มีนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์คนไหนสนิทสนมกับเรเนฟสกี้มากพอที่จะรู้ชื่อของเขา
 การเข้าเรียนสายมากในคาบเช้าเป็นบางครั้ง การเดินเพียงคน

เดียว กับการปฏิบัติตนที่อาจารย์ทุกคนมีต่อเขากลายเป็นเรื่องธรรมดา 

เช้าวันหนึ่งที่แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ไม่มีเรียน พวกเขาตัดสินใจจะไปทำการบ้านวิชาพยากรณ์ศาสตร์ด้วยกันที่
ห้องสมุดตั้งแต่เช้า แต่อย่างไรเสีย รอนก็อดพูดถึงเรเนฟสกี้ไม่ได้ 

“คงเป็นสิทธิพิเศษมั้ง หรือไม่ก็นอนตื่นสายซะเคยตัว” 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจคำชวนคุยของรอน เธอกางแผนที่ดวงดาวออกเพื่อช่วยอ้างอิง 

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันว่าฉันอยากจะคุยกับเขาบ้างนะ” แฮร์รี่พูด 

เขาเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่มีเพื่อนดี เพราะเขาก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาด้วยตนเองแล้วเมื่อตอนที่อยู่กับดัดลีย์ 
แฮร์รี่จดตำแหน่งดวงดาวบนแผนที่ของเฮอร์ไมโอนี่ลงบน

ม้วนกระดาษของตัวเอง 

“ไม่รู้ว่าเขาเรียนไหวได้ยังไงนะ อยู่ ๆ มาเรียนปีห้า!” รอนไม่สนใจจะดูตำแหน่งดวงดาวบนแผนที่ 
เขาเขียนมั่ว ๆ ลงไปเอง 

“นั่นมันไม่ถูกนี่รอน” เฮอร์ไมโอนี่ว่า เมื่อเห็นสิ่งที่รอนเขียนลงบนกระดาษ 

“ช่างมันเถอะน่า อาจารย์ทรีลอว์นีย์ไม่มีทางลุกขึ้นมาดูว่าพระจันทร์มันกลมจริงหรือเปล่าหรอก” รอนตอบอย่างไม่ใส่ใจ
 แล้วเริ่มอ่านสิ่งที่เขาเขียนออกมา 

“คืนนี้จะเป็นอีกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง….ข้าพเจ้าสังหรณ์ว่าเพื่อนสนิทของข้าพเจ้าจะหลงเสน่ห์ชายผมสีน้ำตาล
อ่อนสวย….” 

“นั่นหมายถึงฉันหรือเปล่า!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงฉุน 

“จริงสิ ก็ดีนะ ฉันจะเขียนเพิ่มไปว่าเพื่อนหญิงที่ชื่อตัวอักษรขึ้นต้นว่า ฮ. จะได้สมจริง” 

เฮอร์ไมโอนี่ปิดแผนที่ดวงดาวเสียงดัง แล้วเธอก็เดินปัง ๆ ออกไปจากห้องสมุดด้วยความโมโห 

“นายไม่น่าไปแหย่เขาเลยนะรอน” แฮร์รี่ท้วง แต่อีกฝ่ายทำท่าไม่สนใจ 

“ช่างเขาเถอะน่า ลุกไปก็ดีแล้วจะได้ละเลงการบ้านให้โกหกยังไงก็ได้” 

............................................ 

วันรุ่งขึ้นเฮอร์ไมโอนี่ยังไม่หายโกรธรอน ดังนั้นเธอจึงไม่พูดกับเขาสักคำบนโต๊ะอาหารและตั้งใจจะไปนั่งหาที่อ่าน
หนังสือเงียบ ๆ คนเดียว รอนที่ดูเหมือนจะสำนึกผิดขึ้นมาได้บ้าง

จึงพยายามชวนเธอคุย 

"เรเนฟสกี้หายไปไหนเนี่ย เขาไม่กินข้าวเช้ารึไง" 

"ไม่รู้!" เฮอร์ไมโอนี่ยอมเปิดปาก แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองพลาดท่ารอนไปเสียแล้ว รอนแอบยิ้มที่เธอเผลอตอบออกมา 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพู แล้วเธอก็เก็บหนังสือกับข้าวของที่เตรียมมาเดินออกไปจากโต๊ะทันที รอนหน้าเจื่อนไป 

"ก็ฉันว่าแล้ว ว่านายไม่น่าไปแหย่เขา" แฮร์รี่พูด 

"โธ่เอ๊ย คิดมากจริง ฉันไม่แกล้งเขียนว่า ชายผิวซีด ผมสีบลอนด์ก็ดีเท่าไหร่แล้ว" รอนแอบชี้ไปที่มัลฟอย
 ซึ่งหมู่นี้มัลฟอยมักจะหันมามองพวกเขาที่โต๊อาหาร 

เมื่อแยกจากเพื่อนทั้งสองมา เฮอร์ไมโอนี่เลือกที่จะไปนั่งข้างลำธารเล็ก ๆ ด้านข้างโรงเรียน ถึงแม้ว่าอีกฟากหนึ่ง
ของลำธารจะติดกับอาณาเขตของป่าต้องห้าม แต่ความร่มรื่น

ของบริเวณนี้ก็เหมาะสมกับกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิมาก 

หลังจากปูเสื่อแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็กางหนังสือเรียนออกแล้วเริ่มอ่านท่ามกลางแสงแดดตอนสายที่อบอุ่น
 เสียงน้ำในลำธารที่ไหลเอื่อย และเสียงนกเล็ก ๆ ที่บินไปมา 

มีเสียงเหมือนบางสิ่งกำลังขึ้นจากน้ำดังขึ้นมาจากกลางลำธาร เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองตามเสียง
 เธอเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นจากน้ำ และ.....ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!! 

“กรี๊ด...!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องแล้วรีบปิดตาตัวเอง 

อีกฝ่ายก็ตกใจไม่แพ้กัน เขารีบวิ่งกลับไปที่กลางลำธารใหม่ แล้วตะโกนมาหาเธอ 

“ส่งอะไรมาให้ผมใส่หน่อย!” 

เฮอร์ไมโอนี่รีบโยนผ้าเช็ดตัวที่กองอยู่กับเสื้อผ้าที่น่าจะเป็นของเขาให้ เด็กชายพันผ้าเช็ดตัวไว้รอบเอวแล้วก็เดินขึ้นมา 
เขารีบขอโทษเธอเป็นการใหญ่ 

“ผม ผมขอโทษฮะ…พอดีผม…เอ่อ มาเล่นน้ำ ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่แถวนี้” 

เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเด็กชายคนนั้นชัด ๆ แล้วก็จำเขาได้ 

“เธอคือเรเนฟสกี้ใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถาม 

“ฮะ” เขารับคำก่อนจะเดินไปที่กองเสื้อผ้าของตัวเอง 

“ผมชื่อยาช่าฮะ เรียกยาช่าก็ได้” เรเนฟสกี้แนะนำตัว ใบหน้าของเขาเป็นสีชมพูขณะกลัดกระดุมเสื้อของตัวเอง 

“ชื่อเธอ….เหมือนผู้หญิงเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วก็ปิดปากตัวเอง เธอคิดว่ามันเป็นการเสียมารยาทที่วิจารณ์ชื่อของเขา
 แต่อีกฝ่ายเพียงแต่เลิกคิ้วด้วยความงง 

“นี่เป็นชื่อผู้ชายแท้ ๆ เลยนะครับนี่” ยาช่าพูดเสียงฉงน 

“เธอไม่ใช่คนอังกฤษเหรอ” 

“ฮะ” เขาสวมเสื้อคลุมสีดำของโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว 

"คุณมาที่นี่บ่อยหรือฮะ" ยาช่าถามด้วยท่าทางสนใจ 

เฮอร์ไมโอนี่ชวนเขามานั่งที่เสื่อ เธอรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำความรู้จักกับเขา
 เพราะอย่างน้อยตอนนี้เธอก็รู้ชื่อของเขาแล้ว 

เฮอร์ไมโอนี่ชวนเขากินขนมที่เธอนำมาด้วย ซึ่งก็มีน้ำฟักทอง แซนด์วิช และช๊อกโกแลต แต่เด็กชายดื่มแค่น้ำฟักทอง
เท่านี้น เฮอร์ไมโอนี่สังเกตว่าเขาไม่ได้มีท่าทางหิวเลยแม้แต่น้อย 

ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า 

"คุณมาที่นี่บ่อยหรือฮะ" ยาช่าทวนคำถาม 

"ไม่บ่อยหรอก แต่ที่นี่สงบเงียบดี ไม่มีใครรบกวน" เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ยาช่าหันไปมองกองหนังสือของเธอแล้วก็
เข้าใจจุดประสงค์ของการมา 

"แต่ผมว่าที่นี่..เอ่อ มันอันตราย" ยาช่าอึกอัก 

"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตอนกลางคืนนี่นา" เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วรีบชวนเขาคุยต่อ 

"ยาช่า อยู่ ๆ เธอมาเรียนปีห้า เธอเรียนไหวหรือ" 

"ไหวครับ ความจริงตอนที่ผมย้ายมาที่นี่ ผมเรียนอยู่ปีสี่ที่โรงเรียนในรัสเซียมาแล้ว แต่ที่นี่เขาไม่รับเด็กกลางปีการศึกษา
 พ่อแม่ผมก็เลยคิดว่าจะเรียนตั้งแต่ปีหนึ่งใหม่ก็ดีเหมือนกัน" 

ยาช่าพูดแล้วยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่ม 

"งั้น...นี่ก็ถือเป็นโชคได้สิ" เฮอร์ไมโอนี่พูด 

ยาช่าหันมามองเธอแล้วหัวเราะในลำคอ 

"ก็คงใช่ครับ" เขาพูดจบแล้วก็ยิ้ม น่าแปลกที่ใบหน้าที่ดูเหมือนคนอมทุกข์มาตั้งแต่เปิดเทอมดูอ่อนโยนขึ้นทันที 

เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยใบหน้าสีชมพู เธอดีใจอย่างน้อยเขาก็ยิ้มเป็น นั่นแสดงว่าเขาไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเอง 

เสียงระฆังเข้าเรียนดังมาจากอาคาร ยาช่าช่วยเฮอร์ไมโอนี่เก็บข้าวของ แล้วทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าไปในโรงเรียนด้วยกัน


***********************************************



"โอ๊ย….ชื่ออย่างกับผู้หญิง!" รอนร้อง หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่เล่าเรื่องที่เธอไปเจอกับยาช่ามาให้เขาฟัง
 ตอนนี้พวกเขากับแฮร์รี่กำลังเรียนหนังสืออยู่ในคาบวิชาประวัติศาสตร์เวทมนต์ 

“แล้วเขาเล่าเรื่องตัวเขาให้เธอฟังบ้างหรือเปล่า” แฮร์รี่ถาม เขาหันไปมองยาช่าที่กำลังนั่งจดตามกระดานดำอยู่ที่โต๊ะ
ของศาสตราจารย์บินส์ (ศาสตราจารย์บินส์กันเขาออกจากนัก

เรียนคนอื่น ๆ เช่นกัน) 

“ก็เล่าบ้างเหมือนกัน ฟังแล้วเขาน่าจะเป็นคนรัสเซีย” แล้วเธอก็เล่าเรื่องของยาช่าที่เธอได้ยินมาทั้งหมดให้เพื่อนทั้งสองฟัง

“อือ…” รอนครางในลำคอ แล้วขยับปากกาขนนกในมือเพื่อจดตามกระดานต่อ 

“ถ้าเขาเรียนไหวก็ดีแล้ว ต่อไปหวังว่าคงมีมนุษย์สัมพันธ์ดีขึ้นนะ” 

……………………………………………. 

เช้าวันต่อมาที่โต๊ะอาหารเช้ารวม นกฮูกจำนวนมากบินเข้ามาในห้องโถง พวกมันนำของมาส่งให้กับเจ้าของอย่างขยัน
ขันแข็ง แฮร์รี่และรอนได้รับขนมพายทำเองจากคุณนายวิสลีย์ 

ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ได้รับจดหมายถามทุกข์สุขจากพ่อแม่ นกฮูกเหยี่ยวบินไปหามัลฟอยพร้อมกับกล่องใบหนึ่ง 
เฮอร์ไมโอนี่มองตามด้วยความอยากรู้แล้วเธอก็หลบสายตาแทบไม่ทัน

เมื่อมัลฟอยกำลังมองเธออยู่เช่นกัน 

“ผู้หญิง...” มัลฟอยพึมพำแล้วยิ้มมุมปาก 

หลังจากส่งของให้กับเจ้านายของพวกมันเสร็จแล้ว นกฮูกทุกตัวก็บินออกไปโดยพร้อมเพรียงกัน 

“ดูนั่นสิ” นักเรียนคนหนึ่งชี้ไปที่นกฮูกสีน้ำตาลตัวหนึ่งที่เหลืออยู่ เด็กคนอื่น ๆ เงยหน้าขึ้นมองตามกันเกือบทุกคน
 บางคนก็ชี้ชวนให้เพื่อน ๆ ดู 

นกฮูกตัวนั้นบินวนอยู่เหนือโต๊ะของบ้านกริฟฟินดอร์ และไม่มีท่าทางว่าจะปล่อยม้วนกระดาษยาว ๆ ที่มันจับไว้ด้วย
เท้าทั้งสองให้แก่ใครแม้แต่น้อย 

“ส่งมาสิ!” ยาช่าร้องเรียก พลางกวักมือให้มันอย่างร้อนรน เด็กคนอื่นหันไปมอง แล้วพึมพำกันด้วยความสงสัย 

นกฮูกตัวนั้นหันมามองยาช่า แล้วบินไปทิ้งม้วนกระดาษนั้นไว้ที่พื้นซึ่งห่างจากโต๊ะของเขาไกลลิบ
 ก่อนจะบินจากไปโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย นักเรียนบางคนหัวเราะคิกคัก 

“ขนาดนกฮูกยังไม่เชื่อฟังเลย” เสียงนินทาดังเหมือนตั้งใจดังมาจากโต๊ะของบ้านสลิธีริน แพนซี่ พาร์คินสันกำลังกระซิบ
กระซาบกับเพื่อน 

ยาช่ารีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปก้มเก็บกระดาษม้วนนั้นกลับมาที่โต๊ะ นักเรียนคนอื่น ๆ รับประทานอาหารกันต่อ 
เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองยาช่าด้วยความเห็นใจ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่

เขียนอยู่บนกระดาษทำให้เขายิ้มออกได้บ้าง จนหลังเวลาอาหาร นักเรียนแต่ละคนก็แยกย้ายไปเรียนตามคาบเรียนขอ
งตนเอง 

แต่วันนี้คาบแรกของบ้านกริฟฟินดอร์เป็นคาบวิชาปรุงยา และระยะหลังมานี้สเนปดูหงุดหงิดมาก เขามักจะให้นักเรียน
ทำรายงานส่งเป็นประจำ และในแต่ละครั้งความยาวไม่ต่ำ

กว่าสองม้วนกระดาษ 

“สงสัยหงุดหงิดที่ไม่ได้สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด” รอนกระซิบกับแฮร์รี่ เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าสเนปต้องการจ
ะสอนวิชานี้มาตลอดแต่ในปีนี้เขากลับได้รับคำสั่งให้รอจนกว่า

อาจารย์ป้องกันตัวจากศาสตร์มืดตัวจริงจะมา 

“หักกริฟฟินดอร์ห้าคะแนน! วิสลีย์ ถ้าปากเธอว่างพอที่จะพูดกับพอตเตอร์ได้ก็เอามันคาบไม้คนหม้อไว้เสียสิ!" 

รอนหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู เขาก้มหน้าลงไปที่หม้อของตัวเองตามเดิม สเนปเดินไปหายาช่าช้า ๆ เขากำลังปรุงยาที่หม้อ
ใกล้โต๊ะของอาจารย์ที่สุด 

“เรเนฟสกี้ ครอบครัวของเธอสบายดีหรือ” สเนปพูดกับยาช่า ถึงแม้น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาจะเบาเหมือนต้องการที่
จะขู่เด็กชายเพียงคนเดียว แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินชัดเจน 

ยาช่ากัดริมฝีปาก ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากหม้อของตัวเอง 

“เธอมันโชคดี…โชคดีมาก แต่เธอจะทนอยู่ไปทำไม เธอไม่คิดถึงบ้านเกิดบ้างเลยหรือไง” สเนปยื่นหน้าเข้ามาใกล้ยาช่า 
เขายังคงไม่สบตาสเนปเช่นเดิม 

ระฆังเลิกเรียนดังขึ้น สเนปผละออกจากยาช่าแล้วพูดเสียงดัง 

“ทำรายงานเรื่องน้ำยาหยุดหัวใจมาให้ฉัน ความยาวสองม้วนกระดาษ ส่งวันจันทร์” 

นักเรียนทุกคนเก็บข้าวของเดินออกไปแล้ว ยาช่าเก็บกระเป๋าเช่นกัน หลังจากรอให้เด็กคนอื่นเดินออกไปจนหมด
เขาก็เอากระเป๋าพาดบ่าตัวเองแล้วเดินออกไปพร้อมกับถอนหายใจ 

เขาสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ยืนรออยู่ด้านนอก 

“คุณ! คุณรอผมเหรอ” ยาช่าพูดเสียงหวั่น เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า 

“ไม่ต้องฮะ เดี๋ยวผมอาจจะโดนอาจารย์ว่า” เขาหันซ้ายขวาเพื่อตรวจว่ามีอาจารย์อยู่แถวนั้นหรือเปล่า 

“ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมเธอต้องทำตัวเหมือนคนไม่มีเพื่อน” เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วถาม 

ยาช่าหลบตาไปมาแล้วกัดริมฝีปาก 

“ผมต้องการเพื่อนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด…” เขาสบตาเธอเต็มตา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกใจหายกับแววตาอ้างว้างคู่นั้น 

“ แต่เชื่อผมเถิดฮะ ต่อไป คุณจะไม่เสียใจเลยที่เราไม่ได้รู้จักกันมากกว่านี้” 

ยาช่าเดินเลี่ยงไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงอยู่เพียงลำพัง 



***********************************************



คืนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นยาช่าที่โต๊ะอาหารเย็น แต่นักเรียนคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้สนใจว่ามีใครหายไป พวกเขาเอร็ดอร่อยกับ
อาหารกันทุกคน 

“ยาช่าหายไปไหนเนี่ย” แฮร์รี่เอ่ยขึ้นขณะมองไปที่เก้าอี้ว่างเปล่าตัวหนึ่ง 

“สงสัย…ไม่…ชอบ…อาหาร ที่นี่…มั้ง” รอนพูดติด ๆ ขัด ๆ เขากำลังเคี้ยวเนื้อชิ้นโตในปาก 

เฮอร์ไมโอนี่เอาส้อมจิ้มมันฝรั่งในจานอย่างเลื่อนลอย แล้วเธอก็ทำท่านึกออก 

“แฮร์รี่!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องขึ้นทันที จนอีกฝ่ายตกใจ (รอนทำเนื้อติดคอจนต้องทุบอกตัวเอง) 

“ฉันขอยืมผ้าคลุมล่องหนของเธอหน่อยได้ไหม” 

“ได้สิ” แฮร์รี่ว่า 

“เธอจะเอาไปทำอะไรล่ะ บอกได้ไหม” 

“ฉันแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง” 

หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว แฮร์รี่ยื่นกล่องผ้าคลุมล่องหนให้เฮอร์ไมโอนี่ที่ห้องนั่งเล่นรวม
 เฮอร์ไมโอนี่ขอบคุณเขา 

“เธอจะไปข้างนอกคืนนี้เหรอ” แฮร์รี่ถามอย่างเป็นห่วง 

“พรุ่งนี้ตอนเช้าน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยแววตามุ่งมั่น 

………………………………………… 

เฮอร์ไมโอนี่รีบตื่นแต่เช้ามืด หลังจากหยิบตะเกียงและสวมผ้าคลุมล่องหนเรียบร้อยแล้ว เธอก็ย่องอย่างเงียบเชียบออก
ไปนอกโรงเรียน ท้องฟ้าเบื้องบนยังมีดาวระยิบระยับอยู่ และ

จั๊กจั่นก็ยังคงร้องระงมตลอดทางที่เธอเดิน ถึงแม้ว่าจะกลัวอยู่บ้าง แต่เธอความอยากรู้ก็มีมากกว่า 

“ผมว่าที่นี่มันอันตราย….” 

คำพูดของยาช่าในตอนนั้นทำให้เธอติดใจสงสัย ถ้าหากเขาคิดว่าอันตราย แล้วทำไมเขาถึงไปอยู่ที่นั่นได้ เฮอร์ไมโอนี่
ไม่คิดว่ามันเป็นการทดสอบความกล้าของเขาที่จะมาในที่ ๆ 

อันตราย มันต้องมีบางสิ่ง…. 

ในที่สุด เธอก็มาถึงริมลำธารตรงจุดที่เธอเคยมานั่งอ่านหนังสือ เฮอร์ไมโอนี่มองข้ามลำธารเล็ก ๆ นี้ไปยังอีกฝั่งที่เป็น
อาณาเขตของป่าต้องห้าม ตอนนี้มันยังคงมืดมิดจนดูน่ากลัว 

หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่แทบหยุดเต้น เมื่อหมาป่าขนสีน้ำตาลตัวหนึ่งเดินออกมาจากป่าต้องห้าม มันลุยน้ำตรงมา
ที่ฝั่งของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังหลบเข้าพุ่มไม้เตี้ย ๆ ทันที แต่ตา

ยังคงมองหมาป่าตัวนั้นอย่างใจจดใจจ่อ 

เมื่อมันถึงฝั่ง มันก็สะบัดน้ำบนตัวออก แล้วทำความสะอาดตัวเองด้วยลิ้นก่อนจะเดินมาที่โขดหินซึ่งมีเสื้อผ้าวางอยู่
 แล้วร่างของมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป….. 

เด็กผู้ชายตัวสูง…ผมสีน้ำตาลอ่อน ตัวเปียกปอนนั่งอยู่ตรงนั้นแทน 

ยาช่า!! 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู เบือนหน้าไปทางอื่นจนกระทั่งเขาแต่งตัวเสร็จ ยาช่าสะบัดเสื้อคลุมของ
เขาแล้วสวม เด็กชายทรุดตัวลงนั่งอีกครั้งแล้วถอนหายใจเฮือก เขาชัน

เข่าขึ้นมากอดก่อนจะซบหน้าลงไปอยู่อย่างนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก้าวออกมาจากพุ่มไม้ ผ้าคลุมล่องหนเลื่อนหลุดออกจาก
ตัวเธอ ยาช่าหันควับมาทันที เขาอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกโพลง

เมื่อเห็นอีกฝ่าย 

“คุณ! เห็นเหรอฮะ!” ยาช่าพูดเหมือนตะโกน 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอก้าวมาหาเขาช้า ๆ เหมือนรู้สึกผิด แล้วเอื้อมมือมาหาเขาด้วยแววตาเศร้าสร้อย 

“อย่าเข้ามาใกล้ผม!!” ยาช่าตะโกนแล้ววิ่งหนีไป เขาลุยน้ำตรงเข้าไปในป่าต้องห้ามอีกครั้ง 

เฮอร์ไมโอนี่มองตามเขาไป เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่ประดังเข้ามา 
เธอทั้งรู้สึกผิดและสงสารเขาจับใจ 

ยาช่าเป็นมนุษย์หมาป่า!! 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าตัวเองเดินกลับมาที่โรงเรียนได้อย่างไร รอนและแฮร์รี่อยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าแล้ว เฮอร์ไมโอนี่คืนผ้า
คลุมล่องหนที่ใส่กล่องเรียบร้อยแล้วให้แฮร์รี่ 

“ตกลงเธอไปไหนมาล่ะ” เขาถาม 

“เปล่าหรอก ฉันเปลี่ยนใจ” เฮอร์ไมโอนี่โกหก 

เก้าอี้ตัวหนึ่งว่างเปล่าเหมือนเมื่อวาน และไม่มีใครสนใจเช่นเดิม เฮอร์ไมโอนี่มองแล้วถอนหายใจเฮือก 

คาบแรกเริ่มต้นขึ้นตามตารางเหมือนทุกวัน ศาสตราจารย์บินส์สอนด้วยน้ำเสียงหึ่ง ๆ เหมือนแมลงภู่ที่บินผ่านไปมาอยู่
ข้างหู ไม่น่าแปลกใจที่นักเรียนบางคนหลับ รอนนั้นหลับไป

ตั้งแต่อาจารย์เริ่มพูด แม้แต่แฮร์รี่ก็มีท่าทางสลึมสลือเช่นกัน 

ประตูห้องเรียนถูกเปิดออกพร้อม ๆ กับร่างสูง ๆ เดินเข้ามา ศาสตราจารย์บินส์หันไปมอง พอเห็นว่าเป็นยาช่า
 เขาก็กลับไปสนใจกับกระดานเหมือนเดิม ยาช่าเลื่อนเก้าอี้ที่โต๊ะของ

อาจารย์ออกแล้วนั่งลงจดตามกระดานเหมือนคนอื่น ๆ เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เขา อยากให้อีกฝ่ายหันมาสบตา
 แต่ยาช่าไม่ได้มองไปทางอื่นแม้แต่น้อยจนกระทั่งหมดชั่วโมง หลังจาก

ระฆังหมดเวลาดังขึ้นเด็กคนอื่น ๆ เก็บของแล้วเดินออกไปด้วยกันจนหมด ยาช่ายังไม่มีท่าทางจะลุกขึ้น
 จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงเก็บของของตัวเอง แล้วเดินออกไปด้วยท่าทาง

เศร้าสร้อย ยาช่าหันซ้ายหันขวาอยู่ที่ประตูทางออก เมื่อไม่เห็นใครเหลืออยู่อีกแล้วเขาก็เดินออกมา 

“ฉันขอโทษ” 

ยาช่าสะดุ้งหันไปมองด้านหลังทันที เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยแววตาสำนึกผิด 

“คุณรู้แล้ว….” เขาพูดน้ำเสียงเจ็บปวด 

“คงเข้าใจแล้วสินะครับ ว่าทำไมคุณถึงไม่ควรเข้าใกล้ผม” ยาช่าพูดจบก็ทำท่าจะเลี่ยงไป เฮอร์ไมโอนี่คว้าแขนเขาไว้ได้ 

“ได้โปรดเถอะฮะ!!” ยาช่าสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเธอ 

“คุณไม่กลัวว่าผมจะกัดคุณเข้าหรือไง!” 

“ฉันกลัวหมาป่า” เฮอร์ไมโอนี่พูด 

“แต่ฉันไม่กลัวเธอ” 

ยาช่ามองเธอนิ่งน้ำตาเอ่อคลอ แล้วเขาก็เม้มปากก่อนจะยิ้มด้วยความซาบซึ้งให้เฮอร์ไมโอนี่อย่างอ่อนโยนเหมือนครั้งแรก


***********************************************



“หมู่นี้รู้สึกเฮอร์ไมโอนี่สนิทกับยาช่าเหลือเกินนะ” เด็กบ้านกริฟฟินดอร์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นในกลุ่มของเพื่อน 
พวกเขากำลังคุยกันที่ห้องโถงใหญ่ 

“นั่นสิ เห็นเมื่อวานยังอ่านหนังสืออยู่ด้วยกันเลย” เด็กอีกคนในวงสนทนาพูดขึ้นบ้าง 

“แต่ฉันก็เห็นเฮอร์ไมโอนี่ไปไหนมาไหนกับแฮร์รี่อยู่ไม่ใช่เหรอ” 

“ก็คงไปอยู่กับยาช่าบางครั้งมั้ง…..อ๊ากกกกก!!!” 

เสียงร้องโหวกเหวกดังขึ้นที่เด็กกลุ่มนั้น เมื่อแก้วน้ำใบหนึ่งลอยไปแตกอยู่กลางวง เด็กแต่ละคนกระจัดกระจาย
ไปคนละทิศทาง 

“มัลฟอย นายขว้างไปทำไม” แครบถาม เขาหันซ้ายหันขวาสำรวจดูว่ามีอาจารย์อยู่บริเวณนั้นบ้างหรือเปล่า 
เมื่อไม่เห็นใคร เขาก็ถอนหายใจโล่งอก 

“พูดมากน่ารำคาญ!” มัลฟอยพูดแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ แครบกับกอยล์ขยับตัวตามทันที 

“อย่าตามฉันมา!” มัลฟอยหันไปตวาด ทั้งสองคนจำต้องหยุดอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้มัลฟอยเดินกระแทกส้นเท้าออก
ไปเพียงลำพัง 

มัลฟอยเดินกระฟัดกระเฟียดมาคนเดียว เขาอยากเจอเฮอร์ไมโอนี่มากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่า
เขาทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยแม้แต่น้อย(แม้ว่าจะลับหลัง

คนก็ตามที) เฮอร์ไมโอนี่กลายเป็นคนที่ตามตัวยากสำหรับเขาไปเสียแล้ว แล้วมัลฟอยก็ชะงักเท้าเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่
เดินออกมาจากตึกเรียนเพียงคนเดียว ในบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่ 

“เกรน…” เขาจะร้องทัก 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ทันได้ยินอะไร นกฮูกสีน้ำตาลตัวหนึ่งก็บินเข้ามาหาเธอ มันนำกระดาษม้วนยาว ๆ
 กับจดหมายฉบับหนึ่งมาด้วย 

“อ้าว เธอ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเมื่อเห็นมันร่อนลงมาหา เธอจำนกฮูกตัวนี้ได้ 

“เธอเป็นนกของยาช่าไม่ใช่เหรอ ทำไมมาหาฉันล่ะ” 

มัลฟอยเดินหลบไป เขาขมวดคิ้วพลางเงี่ยหูฟังคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่กับนกฮูกตัวนั้น 

“เกเรจริง ๆ ทำไมไม่ไปหาเขาล่ะ เขาเลี้ยงเธอยังไงนะถึงได้ไม่เชื่อฟังเอาซะเลย” 

เฮอร์ไมโอนี่ลูบไปตามตัวมันอย่างเอ็นดู เท่าที่เธอจำได้นกฮูกตัวนี้ไม่เคยเอาของไปส่งให้ถึงมือยาช่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว 

นกฮูกตัวนั้นยื่นม้วนกระดาษให้เฮอร์ไมโอนี่แล้วมันก็บินจากไป เฮอร์ไมโอนี่อุทาน 

“เอาเถอะ ฉันก็จะไปหาเขาอยู่แล้ว” 

เฮอร์ไมโอนี่เดินไปหายาช่าที่เดิมโดยไม่รู้เลยว่ามัลฟอยเดินตามมาห่าง ๆ เธอรู้ว่ายาช่าอยู่ที่ไหนเพราะเขาเคยบอกไว้ 

“ถ้าผมกลายร่างผมจะมาที่นี่ฮะ มาจับปลากิน มาแช่น้ำ จะได้ไม่ไปอาละวาดกัดใคร…” 

จริงดังคาดที่ริมลำธาร ยาช่าที่กลายร่างเป็นคนแล้วกำลังเอาผ้าเช็ดตัวขยี้ผมให้แห้ง เขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว 

“หวัดดีฮะ” ยาช่าทัก เขาลูบผมสีน้ำตาลของตัวเองอย่างอาย ๆ 

“ฉันเอาของ ๆ เธอมาให้ นกฮูกเธอนี่แปลกนะ” เฮอร์ไมโอนี่ยื่นม้วนกระดาษกับจดหมายให้ ยาช่าแกะม้วนกระดาษ
ออกมาดูแล้วก็ยิ้ม 

“น้องสาวผมวาดรูปมาให้ผมฮะ ดูสิ” เขายื่นภาพหมาป่าสีน้ำตาลที่น่าจะเป็นภาพของตัวเองให้เธอดู 
ถึงแม้ลายเส้นจะขยุกขยิกไปบ้าง แต่ก็เป็นภาพที่น่ารักภาพหนึ่ง ส่วนจดหมาย

เขาพับเก็บไว้ 

ยาช่าม้วนเก็บภาพไว้ตามเดิม แล้วหยิบเสื้อคลุมของตัวเองขึ้นมาสวม รูปถ่ายใบหนึ่งหล่นลงมา 
เฮอร์ไมโอนี่คว้ามันไว้ทันก่อนที่มันจะตกน้ำ ยาช่ารีบขอบคุณเธอเป็นการใหญ่ 

“ของสำคัญสินะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด 

“รูปน้องสาวผมฮะ ชื่อแอนย่า(Anya)” ยาช่ายื่นให้เธอดูภาพเขากับเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลเหมือนเปลือกไม้ 
แต่ดวงตาคู่นั้นเหมือนยาช่าไม่ผิดเพี้ยน เด็กผู้หญิงคนนั้นคล้องแขนไว้

รอบคอของยาช่าอย่างรักใคร่ 

“พอผมย้ายมาที่นี่ก็คงเหงาฮะ เขาเลยวาดรูปมาให้ผมบ่อย ๆ” 

ยาช่าสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นแล้วก็หันมามองเฮอร์ไมโอนี่ เธอกำลังมองเขาเช่นกัน 

“อะไรฮะ มีอะไร” ยาช่าถาม เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพู 

“ไม่มีอะไร แต่ เอ่อ…ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยนะ….เธอต้องถอดเสื้อผ้าทุกครั้งที่กลายร่างเหรอ” 

“ไม่หรอกฮะ ผมจะใส่ก็ได้ แต่พอกลายเป็นคนแล้วเสื้อผ้ามักจะสกปรก ผมก็เลยถอดดีกว่า” ยาช่าตอบแล้วเขาก็เดินมา
ที่กระติกน้ำของตัวเองซึ่งวางไว้ที่พื้น เขารินยาออกมาใส่ฝา

ขนาดใหญ่ของกระติกแทนแก้ว ควันสีขาวลอยกรุ่นออกมา เด็กชายยกมันขึ้นชิดจมูกแล้วก็เบ้หน้า 

“กลิ่นแปลก ๆ จังครั้งนี้” 

“สเนปปรุงยานี้ให้เธอเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามแล้วนึกถึงอาจารย์ลูปินผู้เป็นมนุษย์หมาป่าเหมือนกับเขา 
แฮร์รี่เคยเล่าถึงยาชนิดนี้ให้เธอฟัง 

“ครับ แต่เขาบอกว่าไม่มีเวลาจะทำให้ผมบ่อย ๆ เลยให้ผมมาเก็บไว้ครั้งเดียวเลย” ยาช่าพูดแล้วก็ใช้ปลายลิ้นแตะลง
ไปในน้ำยา เขากลืนน้ำลายแล้วกลั้นใจดื่มรวดเดียวหมด 

“ผมไม่ชินกับยานี่สักที…ดื่มแล้วก็ไม่มีแรง” ยาช่าทำท่าขื่นคอ ปิดฝากระติกลงตามเดิม เขาหันไปหาเฮอร์ไมโอนี่
 แล้วเขาก็ชะงักเมื่อเห็นเงาคนยื่นอยู่ห่าง ๆ 

“นั่นเพื่อนคุณเหรอฮะ” ยาช่าถามแล้วชี้มือ เฮอร์ไมโอนี่หันตามไป 

“มัลฟอย!” เธอตกใจ 

มัลฟอยเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองคน เขามองยาช่าด้วยแววตาของคนแปลกหน้าแท้ ๆ แล้วเขาก็หยุดสายตาที่เฮอร์ไมโอนี่ 

“เกรนเจอร์ มากับฉันหน่อย” มัลฟอยยื่นมือมา 

“แต่ว่า…” เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองยาช่า เธอไม่อยากทิ้งยาช่าไว้เพียงคนเดียว เพราะถ้ามัลฟอยเรียกเธอแบบนี้คง
ไม่จบง่าย ๆ แน่ 

“มากับฉันหน่อย” เสียงของมัลฟอยแข็งขึ้น ดวงตาสีซีดของเขาหรี่ลงเล็กน้อย แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ 
ยาช่ามองท่าทางเพื่อนหญิงของตัวเองแล้วขมวดคิ้ว เขาเดินมาขวาง

เฮอร์ไมโอนี่ไว้ 

“อย่า” ยาช่าพูด เขามองมัลฟอยเต็มตา 

“อย่าบังคับเขา” 

มัลฟอยกัดฟันกรอด ความโกรธพุ่งจี๊ดเข้ามาในสมอง เขากำมือที่ยื่นให้เฮอร์ไมโอนี่แน่น พูดเสียงแข็ง 

“ฉันมีธุระกับเขา” 

“ผมบอกแล้ว ว่าอย่าบังคับเขา” ยาช่าพูดเสียงแข็งไม่น้อยไปกว่ามัลฟอย 

หน้าของมัลฟอยเป็นสีขาวด้วยความโกรธ เขาล้วงมือเข้าไปหยิบไม้กายสิทธิ์ในเสื้อของตัวเองออกมา
 ยาช่าก็เช่นกัน เฮอร์ไมโอนี่ตกใจแล้วมองมัลฟอยด้วยแววตาขอร้อง แต่มัล

ฟอยปฏิเสธแววตาคู่นั้นอย่างสิ้นเชิง 

“ฉันหวังว่ามันจะเป็นแค่ข่าวลือ…” 

“แต่เพราะหมอนี่ใช่ไหม เธอถึงไม่แม้แต่จะหันมาทักฉัน!” 

เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง มัลฟอยฟาดไม้กายสิทธิ์ลงมาทันที ยาช่าสะบัดไม้ของตัวเองเช่นกัน
 เวทมนตร์ของแต่ละฝ่ายปะทะกันกลางอากาศ มัลฟอยง้างไม้ซ้ำอีกครั้ง แต่ยาช่าทรุด

ลงเหมือนหน้ามืด เฮอร์ไมโอนี่เห็นอาการของยาช่าแล้วก็รู้ทันที 

ยาออกฤทธิ์! 

มัลฟอยฟาดไม้กายสิทธิ์ลงมา แต่… 

เพี๊ยะ! 

ร่างของเขาเซไปตามแรงฝ่ามือของเฮอร์ไมโอนี่ รอยสีแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
 ขณะที่ยาช่าทรุดลงกับพื้นแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงกับการกระทำของตัวเอง เธอมองมัล

ฟอยที่จับที่รอยสีแดงบนใบหน้าของตัวเอง 

เขามองเฮอร์ไมโอนี่เหมือนเห็นบางสิ่งที่แตกละเอียดไปต่อหน้า! 



***********************************************



เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงมองมือข้างนั้นของตัวเอง 

“ฉันขอโทษ…” เธอก้มหน้านิ่งน้ำตาเอ่อคลอ 

“ตบฉันคืนเถอะ” 

มัลฟอยมองเธอด้วยแววตาปวดร้าว เขาเบือนหน้าหนีแล้วเดินจากไป 

“ฉันเข้าใจแล้ว ขอโทษที่มาหาเรื่อง” มัลฟอยพูดทั้งที่ไม่หันมา 

เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยที่กำลังเดินจากไป น้ำตาเธอไหลริน เขาเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งลงมาเบื้องล่าง
 มัลฟอยเอื้อมมือไปจับกิ่งอันหนึ่งไว้แล้วหักมันแตกด้วยมือเดียว! เฮอร์ไม

โอนี่เห็นว่าตัวของเขาสั่นขึ้น ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมา 

เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงนั่งแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นทันที แล้วเธอก็ปาดน้ำตาก่อนจะเลื่อนตัวมาหาร่างหมดสติของยาช่า 
เธอให้เขาหนุนเสื้อคลุมของตัวเอง แต่ในสมองนั้น เธอคิดถึง

แต่คนที่เธอทำร้ายเขาทั้งร่างกายและจิตใจ 

“ฉันเข้าใจแล้ว ขอโทษที่มาหาเรื่อง!” 

เฮอร์ไมโอนี่เช็ดน้ำตาอีกครั้ง มัลฟอย… 

“ไม่เข้าใจอะไรเลยแท้ ๆ” เธอคราง 

ยาช่าเริ่มขยับตัว ถึงแม้เขาจะดูอิดโรยบ้างแต่ก็มีเรี่ยวแรงขึ้น เขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้ก็เข้าใจในทันที 

“เพราะผมใช่ไหมฮะ” เขาถามเสียงสำนึกผิด แต่พอจะลุกขึ้นนั่งยาช่าก็กุมขมับ 

“ผมไม่เคยหมดแรงขนาดนี้เพราะยานี้มาก่อนเลยนะฮะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม” 

“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก ไม่ใช่” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า 

“ผมจะไปพูดกับเขา” เด็กชายขยับตัว แต่เฮอร์ไมโอนี่ห้ามไว้ 

“แต่เขาเข้าใจผิดนี่ฮะ!” ยาช่าพูดเสียงดัง 

“เขาไม่ฟังเธอหรอก” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหมดหวัง 

………………………. 

หลังจากผ่านไปได้สามวัน มัลฟอยก็ไม่ได้พูดอะไรกับเฮอร์ไมโอนี่อีก อันที่จริงเขาไม่ได้พูดกับใครเลยเสียด้วยซ้ำ 
แครบกับกอยล์เห็นอาการของเขาก็สงสัย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีเวลา

ว่างพวกเขาจะเห็นมัลฟอยนั่งเหม่อเพียงลำพังราวกับคนไร้วิญญาณ 

คนที่มีอาการเหมือนเขาอีกคนคือ เฮอร์ไมโอนี่ 

“ดูสิฮะ ตรงนี้มีปลาด้วย” ยาช่าตะโกนมาจากกลางลำธาร เขาถลกแขนเสื้อกับขากางเกงลุยน้ำลงไปคนเดียว 
ไม่มีเสียงตอบจากเฮอร์ไมโอนี่ ยาช่าถอนหายใจแล้วเดินกลับขึ้นมาบน

ฝั่ง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเฮอร์ไมโอนี่ สามวันมานี่เธอเอาแต่นั่งกอดเข่าทุกครั้งที่มาเจอเขา เมื่อชวนคุย
 เธอก็ตอบเพียงแค่”ฮื่อ” กับ “ใช่” 

“ถ้าคุณอยากพูดกับเขา คุณก็ไปพูดสิฮะ” ยาช่าเอ่ยขึ้น เขารู้สาเหตุดี 

“ฉันไม่…” เฮอร์ไมโอนี่พูดได้เพียงแค่นั้นก็หยุด เธอไม่อยากโกหกคำโต 

ยาช่าสายศรีษะเหมือนกับว่าเรื่องนี้สำหรับเขานั้นเข้าใจยากเต็มที แต่เด็กชายก็เพียงแต่หยิบกระติกยาของตัวเอง
ขึ้นมารินน้ำยาลงไป แต่มันก็ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว 

“หมดซะแล้ว” ยาช่าพูด 

นกฮูกของยาช่าบินมาหาเขาพร้อมจดหมายและม้วนกระดาษเหมือนเดิม มันบินวนอยู่เหนือเขาและเฮอร์ไมโอนี่อยู่
อย่างนั้น ยาช่าเงยศรีษะขึ้นมองแล้วบ่นอย่างเหนื่อยหน่าย 

“เอ้า! อยากจะบินอยู่ก็ตามใจ แกมันเหลือเกินจริง ๆ” 

นกฮูกตัวนั้นกระพือปีกเหมือนจะเป็นเชิงว่าไม่ง้อ แล้วมันก็บินไปทิ้งของทั้งหมดห่างเขาอีกเช่นเดิม 
แต่คราวนี้มันยังบินอยู่บนฟ้า ยาช่าลุกไปเก็บ เขาหยิบจดหมายในกระเป๋าของตัว

เองออกมา 

“มานี่สิ แกจะได้เอาไปส่งให้ฉัน” 

นกฮูกตัวนั้นไม่ยอมบินลงมาเหมือนเล่นตัว ยาช่าที่ยืนถือจดหมายอยู่เริ่มโมโห 

“ลงมาสิ! นี่เรื่องด่วนนะ!” แต่มันก็ไม่ยอมลงมา ยาช่าจำต้องวางจดหมายฉบับนั้นลงที่พื้นแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม
 นกฮูกตัวนั้นจึงค่อยร่อนลงมาเอาจดหมายนั้นไปส่งเอง 

ยาช่ากางจดหมายออกอ่านแล้วถอนใจ แต่พอหันมาเห็นอาการของเฮอร์ไมโอนี่เขาก็ถอนหายใจซ้ำอีก 

“ผมว่า…” ยาช่าจะพูดเรื่องมัลฟอย 

“ไปเรียนกันเถอะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นเสียก่อนแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืน ยาช่าส่ายศรีษะ สวมเสื้อคลุมของตัวเองแล้วเดิน
ตามเธอไป 

ถึงแม้สมองจะไม่อยากคิด แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงมัลฟอยไม่ได้ ทุก ๆ คาบเรียนตั้งแต่เช้าจดเย็นเธอ
เหม่อลอยหนักราวกับคนมีปัญหาใหญ่ จนคาบสุดท้าย วันนี้เกิด

อุบัติเหตุกับศาสตราจารย์ฟลิตวิกเมื่อเขาสอนเวทมนตร์สำหรับการนำของขนาดใหญ่กว่าปากขวดใส่ลงไปในขวด
ปากเล็กได้โดยไม่ทำให้ขวดแตก 

การทดลองน่าจะผ่านไปได้ด้วยดีถ้าเนวิลล์ไม่พลาดทำให้ศาสตราจารย์ฟลิตวิกหายไปจนต้องตามหาอยู่พักใหญ่ 
กระทั่งไปพบเขาโวยวายอยู่ในถังไม้หลังห้อง และใช้เวลานาน

มากกว่าจะนำออกมาได้ 

นักเรียนแต่ละคนเก็บข้าวของเดินออกไป หลายคนบ่นว่าไม่เคยเลิกเรียนช้าขนาดพระอาทิตย์จะตกดินอยู่รอมร่อแบบนี้ 

“ยังดีที่อยู่แค่ถังไม้หลังห้องนะเนี่ย ถ้าไปโผล่ในอ่างปลาปิรันย่าเข้าจะทำยังไง” รอนพูด อันที่จริงเขาไม่ได้มีเจตนาจะ
ตำหนิเนวิลล์ แต่อาจจะเป็นเพราะต้องเลิกเรียนเอาเวลาเย็น

ขนาดนี้ก็เลยอดบ่นไม่ได้ แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจากห้องเรียนพร้อมกัน 

“พวกเธอเดินไปก่อนเถอะนะ” เฮอร์ไมโอนี่ว่า เธอต้องการจะรอยาช่า เพราะเขาต้องรอจนกว่าเด็กคนอื่นจะเดิน
ไปจนหมดเสียก่อน 

“แล้วเราจะรออยู่ที่โต๊ะอาหารนะ” แฮร์รี่พูดก่อนจะเดินไปพร้อมรอน 

ยาช่าเดินออกมาจากห้องเรียน แต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยสบาย พอก้าวออกมาจากประตูเขาก็พิงเข้ากับกำแพงอย่างอ่อนแรง 

“เธอเป็นอะไร” เฮอร์ไมโอนี่รีบเดินมาหาเขาแล้วถามอย่างเป็นห่วง 

“ไม่รู้ฮะ…” ยาช่าพูดเสียงเบา เขาซบหน้าเข้ากับกำแพงเย็นเฉียบ มีเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าของเขา 

“ผม…ผม” เด็กชายตัวสั่นขึ้น เขากอดตัวเองราวกับหนาวจัด 

ทันใดนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นขนบนตัวของเขายาวขึ้นอย่างรวดเร็ว ยาช่าเหมือนคนสติขาดผึง เขาทิ้งข้าวของทั้งหมด
 แล้วกระแทกเข้ากับเฮอร์ไมโอนี่โดยแรงก่อนจะวิ่งหนีไป 

“ยาช่า!!” 

เฮอร์ไมโอนี่ตกใจมาก พอเธอตั้งตัวได้ก็ตะโกนตามหลังเขา แล้วรีบวิ่งตามเพื่อนไปทันที 

ขณะเดียวกันมัลฟอยที่กำลังเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ ยาช่าชนเข้ากับมัลฟอยอย่างจังจนมัลฟอยล้มลง 
แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นเห็นยาช่า มัลฟอยก็แทบร้องออกมา 

ม่านตาของยาช่าเรียวเล็กราวกับแมวที่โดนแสง… เขาหนีมัลฟอยไปอย่างรวดเร็ว 

เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังเป็นห่วงยาช่าวิ่งตามหลังมา มัลฟอยเข้าใจในทันที 

“เกรนเจอร์!” เขาร้องเรียก แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เธอเป็นห่วงยาช่ามาก
 มัลฟอยจึงจำต้องวิ่งตามหลังเธอไปด้วยความเป็นห่วง 

ยาช่าวิ่งมาจนถึงริมลำธารที่เดิม เด็กชายลุยน้ำลงไปเพื่อข้ามไปอีกฝั่งทันที เฮอร์ไมโอนี่รีบลุยตามลงไป 

“เกรนเจอร์! อย่าตาม!” 

มัลฟอยคว้าแขนเธอไว้ได้ เขาลุยน้ำลงมาเช่นกัน ชายเสื้อคลุมของทั้งสองคนเปียกชุ่ม 

“แต่มันผิดปกติ! พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน เขากลายร่างได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง 

“นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้นนะ! ตอนนี้ที่เธอต้องรู้คือเขากลายร่างแล้ว!” มัลฟอยเขย่าตัวให้เธอได้สติ 

เฮอร์ไมโอนี่นึกออก ตอนนี้รอบตัวของพวกเขาเริ่มมืดแล้ว และอันตรายมากเพราะไม่อาจขอความช่วยเหลือจากใคร
ได้แถวนี้ มัลฟอยรีบดึงตัวเธอให้เดินกลับขึ้นฝั่งด้วยกัน 

“มนุษย์หมาป่าหรือนี่ ไม่อยากเชื่อเลย” มัลฟอยพูดทั้งที่ยังดึงเฮอร์ไมโอนี่ให้ตามมา 

“เร็วเข้าเกรนเจอร์! ถ้าช้า…” 

มัลฟอยเร่ง แล้วก็ชะงักเมื่อสายตาของเขาไปหยุดที่ป่าต้องห้าม หมาป่าขนสีน้ำตาลตัวใหญ่เดินออกมาจากป่าต้องห้าม 
มันจ้องมองมาที่ทั้งสองคนอย่างมุ่งร้าย 

มัลฟอยกลืนน้ำลาย 

“หมอนั่น…กินยาแล้วหรือยัง” 

หมาป่าตัวนั้นคำราม พร้อมกับก้าวมาหาเขามัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ราวกับเห็นเหยื่อ 



***********************************************



“ถอยเร็ว! เกรนเจอร์” มัลฟอยเดินเข้ามาขวางเธอไว้ เขารีบดันเฮอร์ไมโอนี่ให้กลับขึ้นฝั่งช้า ๆ 

“อย่าวิ่ง! ถ้าวิ่งมันกระโจนเข้าหาเธอแน่” 

ทั้งสองคนเดินขึ้นฝั่งจนสำเร็จ แต่หมาป่าตัวนั้นก็ก้าวตามขึ้นมาด้วย มันขู่คำรามเหมือนหยั่งเชิง 

มัลฟอยหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองออกมา เขาหน้าเผือดเพราะไม่เคยประจันหน้ากับมนุษย์หมาป่ามาก่อน 

ยาช่าดูดุร้ายมากผิดกับตอนที่เป็นมนุษย์ ตาสีเทาเรียวเล็กจ้องมองมาที่มัลฟอย ตอนเป็นคนยาช่าตัวสูงมากเมื่อตอน
เป็นหมาป่าเขาก็เป็นหมาป่าที่ตัวใหญ่มากเช่นกัน 

“ยาช่า…” เฮอร์ไมโอนี่คราง หวังจะให้เขาจำได้ แต่หมาป่าตัวนั้นไม่มีท่าทางว่าจะเชื่องขึ้นแม้แต่น้อย 

ทันใดนั้นเองมันก็กระโจนเข้าหามัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้อง เมื่อมันขม้ำเข้าที่ต้นแขนของมัลฟอยก่อนที่เขาจะสะบัด
ไม้กายสิทธิ์เสียอีก มัลฟอยสะบัดแขนข้างนั้น เพื่อให้หลุดจาก

คมเขี้ยวของหมาป่าจนสำเร็จ ยาช่าในร่างหมาป่าถอยไปห่าง แขนของมัลฟอยมีบาดแผลกว้าง
 เลือดไหลรินออกมาเป็นทางยาว มันหยดลงบนพื้นหินริมลำธาร 

“สตูเปฟาย!” มัลฟอยตะโกน แล้วสะบัดไม้กายสิทธิ์ แสงจากปลายไม้พุ่งเข้าปะทะกับตัวหมาป่าตัวนั้น
 มันกระเด็นไปห่าง เลือดไหลออกมาตามลำตัว เมื่อมันตั้งตัวได้ก็เห่ากรรโชก

ใส่มัลฟอยอย่างโกรธเกรี้ยว 

มัลฟอยตั้งท่าจะโจมตีมันอีก แต่ยาช่าในร่างหมาป่ากระโจนเข้าถึงตัวเขาเสียก่อน มันขม้ำเข้าที่หัวไหล่ของอีกฝ่าย
แล้วเริ่มกัดทึ้งส่วนต่าง ๆ บนตัวจนมัลฟอยล้มลง 

“อย่านะยาช่า!” เฮอร์ไมโอนี่วิ่งออกมาจากพุ่มไม้ 

มัลฟอยที่โดนยาช่าเล่นงานจนเลือดท่วมตัวแน่นิ่งไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยแล้วร้องไห้ เธอทั้งสงสารและ
เป็นห่วงเขาจับใจ แต่ยาช่ายังยืนคร่อมสี่ขาบนตัวของมัลฟอยอยู่ 

เมื่อมันเห็นเฮอร์ไมโอนี่ก็ผละจากมัลฟอยแล้วย่างมาหาเธอเหมือนเป็นเหยื่อรายใหม่ 

“ยาช่า จำฉันไม่ได้หรือ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสะอื้น หยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองออกมาเหมือนจำใจ 

“จะไปจำได้ยังไงกันล่ะ เซ่อจริง” 

เสียงหนึ่งดังขึ้นบนฟ้า เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองทันที แล้วก็เห็นว่ามีคน ๆ หนึ่งกำลังลอยอยู่กลางอากาศ 

เด็กผู้หญิง….ผมยาวสีดำ ถึงแม้ผิวพรรณจะดูซีดลงไปบ้าง แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็จำเธอได้ในทันที….. 

“โอวีล่า!” 

เด็กผู้หญิงคนนั้นลอยลงมายืนบนพื้นช้า ๆ แล้วพูด 

“จำฉันได้เหรอ น่าดีใจนะ” 

“ฝีมือเธอใช่ไหม!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเหมือนตะโกน 

“ฉลาดนี่! ” โอวีล่าพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วเธอก็หยิบขวดน้ำยาสีกุหลาบออกมา ซึ่งตอนนี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่
หยดเท่านั้นเธอเก็บมันเข้าไปในเสื้อแล้วบ่น 

“ฉันต้องลำบากแทบแย่กว่าจะเอายานี่ใส่ลงไปในกระติกยาของเจ้าหมาป่านี่ให้มันเชื่อฟัง แต่ก็คุ้มค่า” 
โอวีล่าพูดแล้วก็เดินไปหามัลฟอย 

เธอทรุดลงนั่งข้างเขา แล้วลูบไปตามตัวของมัลฟอย พูดเหมือนเพ้อ 

“เลือดออกเยอะเหลือเกิน สุดที่รัก แต่เลือดเธอมันหอมหวนนัก” 

แล้วเธอก็ยืนขึ้น เดินดิ่งมาหายาช่าพร้อมกับชี้ไปที่เฮอร์ไมโอนี่ 

“ขย้ำมันซะ!” 

หมาป่าตัวนั้นขยับตัวนิดหนึ่งแล้วชะงักราวกับลังเลที่จะพุ่งเข้าหาเฮอร์ไมโอนี่ โอวีล่าพูดอย่างทึ่งจัด 

“ยังมีสติเหรอเนี่ย อ๋อ…นั่นสินะ แกคงชินกับร่างนี้มากกว่าสิ ถึงคุมตัวเองได้” 

นั่นเป็นคำพูดปริศนา…เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว มนุษย์หมาป่าจะชินกับร่างหมาป่าได้อย่างไร
 ยาช่าคำรามใส่โอวีล่าเหมือนกลัวว่าเธอจะพูดอะไรมากกว่านี้ออกมา 

“โอ กลัวความลับรั่วไหลหรือ” เธอพูดเย้ย ๆ 

“กลัวเธอจะโกรธที่แกโกหกมาตลอดเหรอ” 

ยาช่าพุ่งเข้าใส่โอวีล่าทันที แต่ไม้กายสิทธิ์ในมือของโอวีล่าเร็วกว่า เธอสะบัดมันพร้อมกับร่างหมาป่านั้นกระเดินออก
ไปห่างเหมือนถูกแส้ฟาด เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้อง ยาช่าร้องด้วย

ความเจ็บปวดแสนสาหัสเพราะซ้ำเข้าแผลที่มัลฟอยทำร้าย เขาแน่นิ่งไปทันที 

“ยาคงน้อยไปหน่อย สงสัยต้องใช้กำลังแทนแล้ว” โอวีล่าพูด แล้วถอยไปตั้งหลัก 

“ไม่มีทาง!” 

เร็วกว่าที่ใครจะคาดคิด มัลฟอยฟื้นขึ้น กระโจนเข้ามาตะครุบร่างของโอวีล่าไว้ได้ เขาล็อคคอเธอไว้แน่น 
โอวีล่าหน้าซีดขึ้นฉับพลันแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ 

“ที่รัก…จะทำร้ายฉันอีกแล้วเหรอ” เธอพูดเสียงอ่อน 

“ฉันทำได้แน่!” มัลฟอยชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่คอของเธอ ตอนนี้เขาตาพร่าเพราะเลือดออกมามาก
 มันเปื้อนเข้าที่มือของโอวีล่า เธอยกมือข้างนั้นขึ้นดูสีแดงฉานที่ติดอยู่แล้วยิ้ม 

“โดนมนุษย์หมาป่ากัด…ที่รัก เธอต้องเป็นมนุษย์หมาป่าด้วยนะ” โอวีล่าพูดแล้วหัวเราะ ถึงตอนนี้เธอจะ
ไม่สามารถเห็นหน้าของเขา แต่เธอก็เดาได้ว่าใบหน้าของมัลฟอยต้องซีดลง

เพียงไร เมื่อมัลฟอยเผลอเธอจึงกระแทกท้องของมัลฟอยด้วยศอก เขาล้มลงทันที โอวีล่าชี้ปลายไม้กายสิทธิ์มาที่ศรีษะ
ของเขา 

“ฉันจะบอกอะไรให้นะ เพื่อนหมาป่าของแก…” เธอพูดเสียงดังราวกับจะให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินด้วย 

“ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งมนุษย์เสียด้วยซ้ำ” 

ยาช่าในร่างของมนุษย์หมาป่าลืมตาโพลงขึ้น มันกระโจนเข้าหาโอวีล่าที่กำลังสนใจมัลฟอยมากกว่า 
เธอจึงเสียท่าให้หมาป่าตัวนั้น ตอนนี้ยาช่าคร่อมสี่ขาอยู่บนตัวของโอวีล่าแล้ว 

มันคำรามอย่างโกรธจัด แต่โอวีล่าหัวเราะเหมือนบ้าคลั่ง 

“เป็นอะไรไป รับความจริงไม่ได้เหรอ” เธอพูดอย่างสบายใจโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แม้แต่น้อย 

“จะฟัดจะกัดฉันก็ตามใจนะ เพราะยังไงแกก็ทำฉันได้แค่นั้น” 

“ยกเว้นถ้าเป็นไอ้นี่ใช่ไหม!” 

เสียงของมัลฟอยตะโกนขึ้นข้างหลัง มือของเขาถือขวดน้ำยาสีกุหลาบไว้ โอวีล่าหันไปมองเขา หน้าของเธอซีดราวกับ
กระดาษ 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!!” 

มัลฟอยยิ้มอย่างสะใจ 

“ฉันน่าจะทำลายมันทิ้งเสียตั้งแต่แรก น่าจะรู้ว่าถ้าไม่มีมันแล้วเธอจะออกมาได้ยังไง” เขาง้างขวดในมือขึ้นสูง 

“ไม่ม่มม่ม่มม่ม่ม่….!!!” 

โอวีล่ากรีดร้อง พร้อมกับมัลฟอยปาขวดน้ำยาสีกุหลาบลงพื้น มันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย 

"กลับไปโลกของเธอได้แล้ว ลาก่อนชั่วนิรันดร์!!" 

แล้วร่างของโอวีล่าก็กลายเป็นควันสีขาว พุ่งตรงเข้าสู่น้ำยาสีกุหลาบที่นองพื้นนั้นทันที 

ยาช่าในร่างหมาป่าหันมามองมัลฟอยเหมือนจะขอบคุณเขา แล้วมันก็ล้มลงตรงนั้น ก่อนจะกลายร่างกลับเป็นคน
เหมือนเดิม มัลฟอยกุมแผลที่แขนแล้วทรุดลงเช่นกัน 

“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ถลาเข้ามาหาเขา แล้วประคองร่างเขาไว้ 

“เธอถูกยาช่ากัดหรือ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงสะอื้น 

มัลฟอยกัดริมฝีปาก เขาไม่กล้าแม้แต่จะพยักหน้ารับความจริงข้อนั้น เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้เสียงดังแล้วกอดเขาไว้แน่น
 ทั้งสองคนรู้ผลที่จะตามมาดี 

“เธอต้อง…ต้องเป็นเหมือนยาช่า!” 

มัลฟอยกลั้นเสียงร้องตะโกนด้วยความเสียใจของตัวเองไว้ เขากอดเฮอร์ไมโอนี่แน่นราวกับเธอกำลังจะหลุดลอยไป
 เฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน เธอกอดเขาแน่นขึ้นอีกและยังคงร้องไห้ไม่

หยุด 

“ไม่หรอก…” 

เสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังของทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองทันทีแล้วเธอก็อ้าปากค้าง 

“อาจารย์ลูปินคะ!”  
*****************************************


ลูปินยิ้มให้เด็กทั้งสองคนอย่างใจดี เขายังดูผอมเหมือนเดิมและดูอายุมากขึ้น 

“ครูดีใจนะที่เธอยังเรียกครูว่าครูอยู่” ลูปินพูด แล้วเขาก็เดินมาหายาช่าที่กลับเป็นคนแล้ว 
เสื้อผ้าของเด็กชายมอมแมมไปด้วยฝุ่นและเลือด ลูปินตรวจดูอาการของยาช่าแล้วก็ถอน

ใจโล่งอก เมื่อพบว่าเขายังปลอดภัยดี 

“อาจารย์รู้จักยาช่าเหรอคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม ลูปินยิ้ม 

“ก่อนอื่นครูต้องบอกว่าครูไม่อยากเชื่อเลยนะ ที่เธอลืมความรู้เรื่องมนุษย์หมาป่าตอนปีสามไปมากทีเดียว”
 เขาทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ กับยาช่า 

“และใช่…ครูรู้จักครอบครัวเรเนฟสกี้ทุกคน และรู้จักยาช่าดี เราติดต่อกันมาตลอด” 

“อาจารย์บอกว่ามัลฟอยจะไม่กลายเป็นมนุษย์หมาป่า ทำไมคะ ก็เขา…” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความงงงวย
 บาดแผลบนตัวของมัลฟอยไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันหรอกหรือว่าเขา

ต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่า 

“นึกให้ดี ๆ สิ เกรนเจอร์ แล้วเธอจะรู้ว่ายาช่าผิดไปจากครูตรงไหนบ้าง” ลูปินพูดแล้วก็หยุดให้เธอได้คิด 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจ แต่แล้วเธอก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นพระจันทร์เสี้ยวลอยอยู่บนฟ้า 

“ใช่แล้ว” ลูปินพูดขึ้นเสียก่อน 

“ยาช่ากลายร่างทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวง ถ้าเขาเป็นเหมือนครู แล้วเขากลายร่างได้ยังไง” 

เฮอร์ไมโอนี่นึกตำหนิตัวเอง ก็เมื่อตอนที่เธอพบยาช่าที่นี่ครั้งแรก เธอเพิ่งทะเลาะกับรอนเรื่องรายงาน
วิชาพยากรณ์ศาสตร์ของเขาอยู่แท้ ๆ 

“และอย่างที่สอง เธอไม่คิดบ้างหรือว่ายาช่าดื่มยาที่สเนปปรุงให้แล้ว แทนที่จะไปนอนสงบ ๆ กลับต้องมาจับปลากินที่นี่” 

“และอย่างที่สาม เธอคิดหรือว่าการที่เขาเป็นมนุษย์หมาป่าจะได้รับการชื่นชมจากครอบครัว” 

เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงเมื่อนึกถึงภาพวาดของยาช่าตอนเป็นหมาป่าที่น้องสาวของเขาส่งมาให้ เขาอวดให้เธอดูแท้ ๆ 
แต่เธอกลับไม่สงสัยอะไรเลย 

“และอย่างสุดท้าย นกฮูกของเขา” ลูปินหยุดพูดเพื่อให้เฮอร์ไมโอนี่ได้นึกทบทวน 

“หนูคิดว่ามันเกเร…” 

“ไม่เคยเชื่อฟังอะไรเขาเลย” เฮอร์ไมโอนี่นึกย้อนไปในแต่ละครั้ง 

“เธอคิดอย่างนั้นหรือ…” ลูปินยิ้ม 

“เธอไม่คิดว่ามัน กลัว เขาบ้างเลยหรือ” 

เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นทั้งสองขึ้นปิดปากตัวเอง ดวงตาของเธอไหวระริก ขณะมองไปที่ยาช่า 

“โอ คุณพระช่วย..” 

“หรือว่า สภาพดั้งเดิมเป็นหมาป่า!” 

“ถูกต้อง” ลูปินเอื้อมมือไปลูบศรีษะของยาช่าด้วยความสงสาร 

“เขาเป็นหมาป่าจริง ๆ เพียงแค่โชคดีได้มีร่างของคนเท่านั้น” 

“เรื่องเป็นยังไงกันคะ หนู หนูงงไปหมดแล้ว” 

“แต่เดิมบรรพบุรุษของตระกูลเรเนฟสกี้เป็นผู้มีเวทมนตร์เหมือนพวกเรา
 พวกเขาอาศัยอยู่บนเกาะร่วมกับพ่อมดคนอื่น ๆ 
“ ลูปินเริ่มเล่าเรื่องของยาช่า 

“ต่อมาเขาเกิดขัดแย้งกับตระกูลหนึ่ง จึงถูกสาบให้กลายเป็นหมาป่ากันหมดทั้งเกาะ
 พวกเขาจำต้องใช้ชีวิตเช่นหมาป่าและมีลูกหลานออกมาเรื่อย ๆ เป็นเวลาหลายร้อยปี จนพวก

เขาไม่เหลือสำนึกว่าตัวเองเป็นคนเหลืออยู่อีกแล้ว” 

“เหมือนเรื่องของ*ควินทาเพ็ดเลยค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ทำท่านึกออก ลูปินยิ้มให้เธอ 

(*ควินทาเพ็ดเดิมเป็นพ่อมดที่อาศัยอยู่บนเกาะ ตอนหลังถูกสาปให้กลายเป็นสัตว์ร้ายสี่ขามีคนสีน้ำตาลเต็มตัว
 พวกเขาฆ่าคนที่สาบตัวเองจนตายหมด จึงไม่เหลือใครที่จะถอนคำ

สาปให้จึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างนั้นตลอดไป / สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ หน้า5) 

“ใช่ แต่พวกเขาโชคดีกว่าที่ได้กลับเป็นคน เพราะเวทมตร์เสื่อมลงในรุ่นพ่อของยาช่า พ่อและแม่ของเขากลับเป็นคน
ได้หลังจากที่ยาช่าอายุได้ 5 ขวบ และพวกเขาไม่ต้องการให้ยา
ช่าใช้ชีวิตเช่นหมาป่าผอมโซตัวหนึ่ง…” 

“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ไปพบ ครอบครัวนี้เข้า และคิดว่ายาช่าควรจะกลับไปใช้ชีวิตในฐานะพ่อมดเหมือนบรรพบุรุษ 
จึงช่วยเหลือครอบครัวเขาทุกอย่าง พ่อของเขาได้งานทำที่

กระทรวงเวทมนตร์ ถึงจะตำแหน่งเล็ก ๆ แต่ก็พอจะทำให้ครอบครัวมีความสุข ยาช่าก็ได้เรียนหนังสือ 
และศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ให้ครูมาเป็นที่ปรึกษาของยาช่าในบางครั้ง” 

“หนูยังไม่ค่อยเข้าใจ ถ้ายาช่ากลับเป็นคนได้ ทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าตัวเองเป็นมนุษย์หมาป่า” เฮอร์ไมโอนี่ถาม 

“ยาช่าบอกครูว่าเขาทำพลาดไปมาก เพราะเขารักที่จะอยู่ในร่างหมาป่าที่เคยชินมาตั้งแต่เด็ก แต่เขากลัวว่าเพื่อน
ของเขาคนหนึ่งจะรังเกียจที่เขาไม่ได้เป็นมนุษย์มาตั้งแต่เกิดจะไม่
ยอมคบกับเขาอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงยอมให้เพื่อนคนนั้นเข้าใจผิดดีกว่า” ลูปินมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างอ่อนโยนเหมือน
จะบอกว่าครูหมายถึงเธอ 

“แต่ยาช่ากินยาแบบเดียวกับอาจารย์นี่คะ” 

“นั่นไม่ใช่ยาแบบเดียวกับที่สเนปปรุงให้ครูหรอก ยาช่าแค่อยากทำให้เธอเชื่อเท่านั้น สเนปเลยปรุงแค่ยาสำหรับบำรุง
หมาป่า แต่ครั้งสุดท้ายนี่เขาเขียนจดหมายมาหาครู บอกว่ายาที่
ดื่มมีกลิ่นหอมแปลก ๆ และเวียนหัวหลังจากที่ดื่มทุกครั้ง ครูคิดว่าสเนปคงจะก่อเรื่อง ปกติยาช่าถึงกลายเป็นหมาป่า
ก็ไม่ดุร้ายและมีสติทุกประการนะ แต่พอครูมาถึงก็เข้าใจทั้งหมดแล้วล่ะ” ลูปินพูดจบก็มองมัลฟอย 

“แต่ว่า ถึงจริง ๆ แล้วเขาจะเป็นหมาป่า หนูก็ไม่สนใจหรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงหนักแน่น 
แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเห็นใจ 

“ยาช่าได้ยินคงจะดีใจมาก” ลูปินยิ้มแล้วประคองร่างของยาช่าขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ประคองมัลฟอยให้ยืนเช่นกัน 

“กลับกันเถอะ ครูจะไปส่งพวกเธอทีห้องพยาบาลนะ แต่จะไม่เข้าไปหรอก มาดามพอมฟรีย์ต้องไม่พอใจแน่ถ้าเห็นว่าครู
กลับมา” 

คืนนั้นยาช่าต้องนอนพักที่ห้องพยาบาลเพราะบาดเจ็บและไม่ได้สติ ด้วยฤทธิ์ยาของโอวีล่าและบาดแผลตามตัว
 ส่วนมัลฟอยนั้น แขนของเขาที่บาดเจ็บเพราะคมเขี้ยวของยาช่ายัง
ต้องพันผ้าไว้ เฮอร์ไมโอนี่ปลอดภัยดี ทั้งสองคนจึงเดินกลับไปที่หอนอนของตัวเองด้วยกัน 

“ฉันขอโทษนะ ฉันก็เป็นต้นเหตุอยู่เหมือนกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงอ่อน ตอนนี้พวกเขานอยู่หน้าหอนอนของบ้าน
กริฟฟินดอร์ 

“ช่างมันเถอะ” มัลฟอยว่า 

แล้วทั้งสองคนก็สบตากันราวกับไม่ได้มองอีกฝ่ายอย่างชัดเจนมาเป็นเวลานานมากแล้ว ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
 มัลฟอยเอื้อมมือมาลูบที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่อย่างแผ่วเบา 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพู แล้วเธอก็ก้มศรีษะลงมาพิงที่ไหล่ของมัลฟอย เขายกแขนข้างที่เจ็บอย่างฝืนเต็มทนมาวาง
ที่ไหล่ของเธอ 

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นแล้วหอมแก้มมัลฟอยหนัก ๆ มัลฟอยคาดไม่ถึงแต่ก็หน้าเป็นสีชมพูจัด เฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน
 เธอตั้งท่าจะเดินจากไป แต่มัลฟอยเรียกไว้ก่อน 

“น่าจะเป็นตรงนี้นะ” เขาชี้ไปที่ริมฝีปากของตัวเอง 

“โลภ!” เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นอีก เธอวิ่งกลับเข้าหอนอนของตัวเองไปทันที 

……………………………. 

เช้าวันต่อมาเฮอร์ไมโอนี่ไปเยี่ยมยาช่าที่ห้องพยาบาล เขาตื่นแล้วและกำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง 
เขาแปลกใจแต่ก็ยินดีที่เห็นว่าเธอมาเยี่ยม 

“คุณมาเยี่ยมผมเหรอ” ยาช่าถามสีหน้าของเขาดีใจมาก 

“ฉันก็ต้องมาเยี่ยมสิ” เฮอร์ไมโอนี่ยกเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เตียงเขา 

“ผมขอโทษที่เกือบทำร้ายคุณนะฮะ” ยาพูดเสียงสำนึกผิด 

“นั่นก็เป็นเพราะยาของโอวีล่านี่นา ว่าแต่….” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มเรื่อง 

“เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังได้หรือยัง” 

“ครับ อาจารย์ลูปินคงเล่าให้คุณฟังหมดแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณว่าผมเป็นมนุษย์หมาป่านะฮะ
 แตผมก็ไม่กล้าบอกคุณว่าจริง ๆ แล้วผมเป็นอะไร” 

“เธอคงชินกับการเป็นหมาป่ามากกว่าสินะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด 

“ฮะ แต่ตอนนี้ผมชินที่จะอยู่ในร่างคนมากกว่าแล้ว หลังจากที่มีคุณเป็นเพื่อน” ยาช่าพูดแล้วยิ้มอ่อน ๆ 

“แล้วหลังจากนั้นทำไมเธอไม่บอกฉันล่ะ เธอน่าจะรู้จักนิสัยฉันแล้วนี่ว่าฉันไม่มีทางเลิกคบเธอหรอก” 
เฮอร์ไมโอนี่พูดน้ำเสียงน้อยใจ ยาช่ารีบพูด 

“ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วฮะว่าคุณเข้าใจผิด” เขามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างจริงใจ 

“ผมไม่ใช่มนุษย์หมาป่าก็จริง แต่ถ้าคุณบอกว่าใช่ผมก็ไม่ว่าอะไร” 

เฮอร์ไมโอนี่มองยาช่าที่ยังคงยิ้มให้เธอ แล้วศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็เดินเข้ามาหา ทั้งสามคนทักทายกัน 

“พ่อกับแม่ผมจะมาพรุ่งนี้ฮะ” ยาช่าพูดกับศาตราจารย์ดัมเบิลดอร์ 

“เธอจะเก็บของคืนนี้หรือ” เขาถามเสียงเรียบ แต่เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วหลังจากที่ยาช่ารับคำ 

“ยาช่า เธอจะไปไหน” 

ยาช่ายิ้มให้เธอ 

“ผมต้องย้ายโรงเรียนฮะ ผมทำร้ายเพื่อนของคุณ พ่อของเขาอาจจะโกรธได้” 

“แต่มัลฟอยยังไม่ได้ฟ้องพ่อของเขานี่นา” เฮอร์ไมโอนี่เถียง 

“มิสเกรนเจอร์” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดน้ำเสียงอ่อนโยน 

“มิสเตอร์มัลฟอยอาจจะไม่ฟ้องพ่อของเขาก็จริง แต่บาดแผลบนตัวเขาก็ปิดบังไม่ได้ พ่อของเขาจะต้องไม่อยู่เฉย
แน่ถ้าเห็นว่าลูกชายถูกกัด” 

เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบอย่างอับจน  

*********************************************** 

วันนั้นทั้งวัน ยาช่าไม่ได้เข้าเรียน อาจจะเป็นเพราะบาดแผลตามตัวเขาไม่ใช่เล็กน้อย และฤทธิ์ยาของโอวีล่า
 นอกจากนี้เขายังต้องเก็บของลงหีบด้วย น่าแปลกใจที่เรื่องที่เขาเป็น

หมาป่ามาก่อนไม่ได้แพร่กระจายเหมือนเมื่อครั้งลูปิน อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำร้ายใคร และมัลฟอยก็ไม่กล้า
ป่าวประกาศให้ใครต่อใครเข้าใจผิดว่าเขาถูกมนุษย์หมาป่ากัด และ
จะกลายเป็นมนุษย์หมาป่าไปอีกคน (ในกรณีของยาช่าคงไม่มีใครอยากเชื่อ) 

เย็นวันนั้นที่โต๊ะอาหารรวม ศาสตราจารย์มักกอนนากัลประกาศที่โต๊ะอาหารว่า ยาช่าจะต้องย้ายโรงเรียน
 แต่เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่ณที่นั้น จึงไม่ได้ขึ้นมากล่าวคำอำลาอะไร 

รอนกับแฮร์รี่พูดถึงยาช่า 

“อันที่จริงแล้วเขาก็เป็นคนดีนะ น่าจะเป็นเพื่อนกันต่อไป” แฮร์รี่พูด 

“อั้นอิ (นั่นสิ)” รอนพูดได้แค่นั้น เพราะเขากำลังเพลินกับการเคี้ยวสตูอยู่ 

เฮอร์ไมโอนี่ตักสตูขึ้นกินบ้าง แล้วเธอก็เห็นปาราวตีที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามทำหน้าเศร้า 

“เป็นอะไรเหรอปาราวตี” เฮอร์ไมโอนี่ถาม แต่อีกฝ่ายหนึ่งหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู 

“เขาชอบยาช่าน่ะสิ” ลาเวนเดอร์ บราวน์พูดยิ้ม ๆ ปาราวตีรีบหลบตาด้วยความอาย ลาเวนเดอร์รีบพูดต่อ 

“แต่ก็ไม่แปลกนี่นา ฉันว่าเขาก็ดีออก ทั้งหล่อทั้งสูงแบบนั้น” คราวนี้คนพูดกลับเป็นฝ่ายหน้าแดงเสียเอง 

เฮอร์ไมโอนี่นึกทบทวนถึงยาช่า แต่เสน่ห์เหล่านั้นเธอไม่เคยนำมาคิดติดใจเหมือนปาราวตีหรือลาเวนเดอร์เลย 

“น้องสาวฉัน….” ปาราวตีพูดถึงปัทมาน้องสาวฝาแฝด หน้าของเธอยังคงเป็นสีชมพูอยู่ 

“เขาก็ชอบยาช่าเหมือนกัน” 

เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะในลำคอ ทั้งสามคนนี้จะคิดยังไงนะ ถ้ารู้ว่าเธอเคยเห็นยาช่าไม่ใส่เสื้อผ้าเดินขึ้นจากน้ำมาแล้ว 

“นี่จะประกวดสาวหน้าแดงกันหรือไง” รอนพูดเสียงดัง ขณะหันมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เขามองปาราวตีและลาเวนเดอร์ 
ทั้งสองคนแบะปากใส่รอนแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ พอ

รอนหันกลับไป ปาราวตีก็รีบกระซิบถามเฮอร์ไมโอนี่ 

“ยาช่าสนิทกับเธอนี่นา บอกฉันบ้างสิว่าเขาชอบอะไรฉันจะให้เป็นของขวัญ” 

“ปลาสดมั้ง” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วก็หัวเราะให้กับใบหน้าเหรอหราของอีกฝ่าย 

“นี่ฉันพูดจริง ๆ นะ เธออยู่กับอีตานี่ (ชี้ไปที่รอน) นานเกินไปแล้วสิ ถึงมองไม่เห็นว่าผู้ชายคนอื่น ๆ เขาเป็นยังไง” 

…………………………………….. 

เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่จะมีใครตื่น เฮอร์ไมโอนี่มาส่งยาช่าที่สนามควิดดิช เพราะยาช่าบอกว่าครอบครัวของเขาจะ
ใช้พรมผืนใหญ่มารับและไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ เห็น 

“ถ้าพวกมักเกิ้ลเงยหน้าขึ้นมาเห็นก็จะเห็นเป็นเครื่องบินที่ลอยอยู่เท่านั้น” 

ลูปินพูด แล้วเขาก็ผละไป ปล่อยให้ยาช่าได้ลาเฮอร์ไมโอนี่เพียงลำพัง 

“ขอให้คุณโชคดีนะฮะ โชคดีไปตลอด” ยาช่าพูด 

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ เธอแกะผ้าพันคอของตัวเองออกแล้วคล้องให้ยาช่า เขารับไว้อย่างเต็มใจ 

“เธอจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ” 

“ผมจะไปสก๊อตแลนด์ฮะ ญาติผมอยู่ที่นั่น เขาบอกว่ามีทุ่งหญ้าที่เหมาะกับเราถ้าเราจะกลายร่างบ้างบางเวลา”
 ยาช่าพูดน้ำเสียงของเขายังมีแววร่าเริงอยู่บ้าง 

“เราจะได้เจอกันอีกไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถาม 

“แน่นอนฮะ ไม่แน่ผมอาจจะไปดูควิดดิชเวิร์ดคัพก็ได้” เขายิ้ม 

ถึงตอนนี้ น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ก็ไหลออกมา ยาช่าตกใจเขารีบหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ายื่นให้ เธอจึงยิ้มออกมาได้ 

และแล้วพรมผืนใหญ่ก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะร่อนลงอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ทันถึงพื้นดี เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็กระ
โดดลงมาก่อน เธอวิ่งมาหายาช่าแล้วกอดเขาแน่น 

“หนูเป็นห่วงพี่แทบแย่” เด็กผู้หญิงคนนั้นรุ่นราวคราวเดียวกับจินนี่ ยาช่าลูบศรีษะปลอบแล้วพาเธอมาหาเฮอร์ไมโอนี่ 

“น้องสาวผมไงฮะ แอนย่า” 

ทั้งสองคนทักทายกันอย่างสนิทสนม เฮอร์ไมโอนี่เคยเห็นรูปของแอนย่ามาก่อนหน้านี้แล้ว 

“พี่เคยพูดถึงคุณค่ะ เขาบอกวาคุณเป็นคนใจดีมาก” แอนย่าพูดฉะฉาน แต่ยาช่าหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู แล้วแอนย่าก็มอง
ไปที่ประตูสนามควิดดิชเพราะเห็นเงาคน มัลฟอยนั่นเอง 

เธอวิ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว 

“ขอโทษที่พี่กัดคุณนะคะ” เด็กหญิงมองผ้าพันแผลที่ต้นแขนของมัลฟอย 

“แต่คุณก็ช่วยพี่ไว้ ขอบคุณนะคะ” 

มัลฟอยไม่ทันตั้งตัว แอนย่าก็กอดเขาไว้หมับ หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ มัลฟอยหน้าแดง นายและนางเรเนฟสกี้ลงมาจาก
พรมพร้อมกัน พวกเขามองบรรยากาศรอบตัวอย่างพอใจ 

“ที่นี่ดีเหลือเกิน จนเราคิดว่าโรงเรียนใหม่ที่ยาช่าจะไปอยู่อาจจะไม่ดีเท่า” นางเรเนฟสกี้พูด เธอเป็นผู้หญิงผมยาว
สีน้ำตาลอ่อนสวยเหมือนยาช่า แต่ดวงตาของเธอนั้นเป็นสีทอง

เหมือนหมาป่า 

จนกระทั้งเวลาผ่านไปได้สักพัก แอนย่าที่วิ่งรอบ ๆ สนามควิดดิชจนทั่วเริ่มเหนื่อย และข้าวของของยาช่าทุกชิ้น
ไปอยู่บนพรมหมดแล้ว นายและนางเรเนฟสกี้กล่าวขอบคุณลูปิน

และลาเขา เฮอร์ไมโอนี่ใจหายและน้ำตาไหลอีกครั้ง เธอก้มหน้าซับมันไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าของยาช่า 

ยาช่ายืนอยู่ข้างหน้าเธอ เขาเม้มริมฝีปากเหมือนรวบรวมความกล้า แล้วเขาก็โน้มหน้าลงมาหาเฮอร์ไมโอนี่ช้า ๆ 
แต่แล้วเขาก็ชะงักเมื่อเห็นมัลฟอยที่ยังคงยื่นอยู่ห่าง ๆ ยาช่ายกศรีษะขึ้นตามเดิม 

“ไม่เอาดีกว่า” เด็กชายร่างสูงพูดเสียงหัวเราะ เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นสีหน้าแปลกใจ 

“เสี่ยงเกินไป บอกเขาด้วยนะฮะว่าผมขอโทษที่กัดเขา” ยาช่าพยักเพยิดไปข้างหลังเฮอร์ไมโอนี่เธอหันไปเห็นมัลฟอ
แล้วหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู 

ยาช่ายกมือขึ้นแทน แล้วเขาก็ยื่นให้เฮอร์ไมโอนี่ เธอยื่นมือตอบ ยาช่าประคองมือข้างนั้นของเธอไว้ด้วยมือทั้งสองของเขา 
ก่อนจะย่อเข่าลงข้างหนึ่งแล้วจุมพิตที่หลังมือของเฮอร์ไม

โอนี่ เธอหน้าแดงก่ำ แล้วก็เหมือนมีกระแสไฟช๊อตไปทั่วร่าง เมื่อยาช่าใช้ปลายลิ้นแตะลงมาอย่างแผ่วเบา
 แล้วยาช่ายืนขึ้นตามเดิมเหมือนกับรู้สึกว่าเขาทำเรื่องธรรมดาเหมือนจับมือลงไป 

“ลาก่อนฮะ” เขาบีบมือเธออีกครั้ง 

“ลาก่อน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบขณะมองตาสีเทาของยาช่าอย่างพินิจ 

บางที ปาราวตีกับลาเวนเดอร์อาจจะพูดไว้ไม่ผิดหรอก ยาช่ามีเสน่ห์ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว 

แล้วพรมผืนนั้นก็พาครอบครัวหมาป่าเรเนฟสกี้ลอยห่างออกไป เฮอร์ไมโอนี่โบกมือให้พวกเขาจนมันลอยลับตาไป 

มัลฟอยเดินมาหาเฮอร์ไมโอนี่ช้า ๆ เขาคล้องแขนไว้รอบคอของเธอแล้วเอาคางวางบนไหล่บอบบางนั้น 

“เธอชอบเขาเหรอ” มัลฟอยถาม 

“ไม่รู้สิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ เธอยังคงเหม่อลอยมองท้องฟ้าอยู่ 

“ชอบได้ แต่ห้ามรัก” เขาซบหน้าเข้ากับคอของเฮอร์ไมโอนี่ เธอได้สติ 

“นี่! เรื่องอะไรมากอดฉัน ปล่อยเลย!” เฮอร์ไมโอนี่โวยวายแกะแขนมัลฟอยออก 

“ไม่เอาล่ะ” มัลฟอยปฏิเสธ 

“ปล่อยไปคราวหน้าก็ขัดขืนอีก คราวนี้ฉันเจ็บตัวเพราะเธอน่าดูเลยนะ ทั้งโดนโอวีล่าทำร้าย โดนกัดแถมเสี่ยงเป็นมนุษย์
หมาป่าด้วยนะ และที่ร้ายที่สุดคือ โดนเธอตบเอาด้วย” เขา

สาธยาย เฮอร์ไมโอนี่หน้าเจื่อนไป แล้วมัลฟอยก็ยอมปล่อยเธอโดยดี ทั้งสองคนมองหน้ากัน เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง 

“ขอโทษนะ ก็…ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา” 

“ช่างมันเถอะ แต่มันก็ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เธอตบฉันครั้งแรกนะ” มัลฟอยว่า แล้วเขาก็โน้มหน้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ 

“สมควรโดนอยู่หรอก” เธอพูดเสียงดัง 

“แต่เธอก็กัดลิ้นฉันนี่” มัลฟอยพูดบ้าง แล้วก้มหน้ามาชิดริมฝีปากของเธอ เขาพูดหยอก ๆ 

“งั้นให้กัดตามใจเลย” 

“พูดเองนะ” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ 

แล้วมัลฟอยก็นาบริมฝีปากลงมาแตะที่เธออย่างแผ่วเบาดังเช่นทุกครั้ง 



TBC


          

No comments:

Post a Comment