Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Monday, July 20, 2015

Chapter 5: ตรอกไดแอกอน



ในที่สุด ก็เหลือเวลาอีกเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้นที่จะเปิดเทอม เวลาผ่านไป อย่างช้าๆ ขณะที่มีสมาชิก
ภาคีนกฟีนิกซ์เข้าๆ ออกๆบ้านที่กริมโมเพซกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สุดแสนจะน่าเบื่อหน่ายสิ้นดี

 สำหรับพวกเด็กๆ เพราะพวกเขาก็ได้แต่อยู่กันเฉยๆ ทำความสะอาดบ้างเป็นครั้งคราว
แต่ห้ามออกจากบ้านโดยที่ไม่มีพวกผู้ใหญ่ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย ตั้งแต่มาถึง

“มันอันตรายน่ะจ๊ะ” ท็องค์ตอบประโยคนี้ทุกครั้ง ที่ใครคนใดคนหนึ่งในพวกเด็กๆถามเธอเข้า

และ...

“ข้างนอกมันอันตราย ในเมื่อตอนนี้โวลเดอร์มอร์กลับมาแล้ว เขาก็จะทำอะไรโดยที่ไม่ต้องระวังอะไร”
ส่วนลูปินก็จะตอบพวกเขาด้วยประโยคนี้

“โอ้ย... ฉันเบื่อจะแย่อยู่แล้ว” แฮร์รี่ระเบิดออกมา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจอันหนักหน่วง (ทำความสะอาด)
พวกเขาจึงมารวมตัวกันในห้องที่แฮร์รี่ และรอน พักอยู่

“แฮร์รี่ ฉันเบื่อเธอมากกว่านะ” เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับอย่างหงุดหงิด “เธอเล่นพูดประโยคนี้มาอย่างน้อย 8
รอบแล้วนะ ตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้น่ะ”

“ก็คนมันเบื่อนี่ ก็ต้องระบายสิ” รอนเถียงแทน เพราะเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับแฮร์รี่

“ระบายอะไรตั้ง 8 รอบยะ”

“ก็...”

“หยุดซะทีเถอะ” จินนี่ตะโกนก้อง “เลิกเถียงกันซะที หนูรำคาญ”

นั่น... ทำให้ เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่ และรอนเงียบกริบทันที ขณะที่จินนี่ถอนหายใจแรงๆ อย่างสะกดอารมณ์

แล้วประตูห้องก็เปิดออก ทุกสายตาหันไปทางประตู

“เถียงอะไรกัน เด็กๆ” นางวิสลีย์เข้ามาในห้อง สีหน้าแสดงความรู้สึกออกมาอย่างเด่นชัด
“เสียงดังไปถึงข้างล่างเลย กลัวบ้านเงียบรึไง ถึงจะให้ มิสซิสแบล็กมาส่งเสียงด้วยคน”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่” จินนี่ตอบ แต่กลับส่งสายตามาให้แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่อย่างกล่าวโทษ

“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว” นางวิสลีย์พูดต่อไป “พรุ่งนี้เราจะไปตรอกไดแอกอนกัน”

“พรุ่งนี้! ” แฮร์รี่ร้อง

“ตรอกไดแอกอน! ” รอนร้อง ราวกับว่าเขาไม่เคยอยากไปที่ไหนมาก่อนนอกจากที่นี่

“เมื่อไหร่คะ” จินนี่และเฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นพร้อมกัน

“ตอนเช้าเลย” นางวิสลีย์บอก ยิ้มนิดๆให้กับกริยาท่าทางของเด็กๆ

“เราจะได้ไปหาพี่เฟร็ด กับพี่จอร์จ ด้วยเลย” จินนี่ร้องอย่างดีใจ

“ไปร้านเกมกลวิสลีย์” รอนร้องเป็นเพลง พลางเต้นเร้าๆอยู่บนเตียง

“พวกเธอยังไม่เคยไปเหรอ” แฮร์รี่ถามจินนี่อย่างสงสัย ที่เห็นท่าทางของรอน

“ยังเลย” จินนี่ตอบ พลางส่ายศีรษะ “พวกเราอยากไปใจจะขาด แต่แม่ไม่ยอมให้ไป”

“เอ้าๆเด็กๆ แม่มาบอกแค่นี้แหละ ลูปิน กับท็องค์ ก็จะไปกับเราด้วย” เธอบอก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

“ดีจัง... ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำค่อยๆ

“เดี๋ยวฉันขอตัวก่อนล่ะ” เธอบอก ขยับไปที่ประตู

“ตรอกไดแอกอน”

“เธอจะไปไหนน่ะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ร้องขึ้น ขณะที่รอนยังไม่หยุดร้องเพลง

“กลับห้องน่ะ” มือจับอยู่ที่ลูกบิดประตู

“ร้านเกมกลวิสลีย์”

“ทำอะไรล่ะ” แฮร์รี่เริ่มหงุดหงิด “โอ้ย... ให้ตายเถอะรอน นายหยุดร้องซะที” แต่รอนกลับไม่ยอมหยุด
 แถมยังหมุนรอบตัวแถมให้แฮร์รี่อีกทีหนึ่ง

“เถอะนะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบปัดๆ ก่อนจะกรอกตาขึ้นมองรอนอย่างเบื่อหน่าย
แล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ต้องการตอบคำถามของแฮร์รี่

“จะรีบไปไหนของเขานะ” แฮร์รี่พึมพำอย่างหงุดหงิด

“ตรอกไดแอกอน ร้านเกมกลวิสลีย์”

จินนี่มองดูแฮร์รี่ และรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ได้เกิดขึ้นกับแฮร์รี่...

****************************************


ไม่กี่นาทีต่อมา เฮอร์ไมโอนี่ก็เข้ามานั่งบนเตียง มีปากกาและสมุดอยู่ในมือพร้อม ก่อนจะเริ่มเขียนลงไป...

‘เฟเร็ต นายอยู่มั้ย’ เฮอร์ไมโอนี่กลั้นหายใจรอ ไม่นานนักมัลฟอยก็ตอบกลับมา

‘อยู่นี่’ มัลฟอยตอบอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเองก็รอเฮอร์ไมโอนี่อยู่อย่างใจจดใจจ่อ

‘นายจะไปตรอกไดแอกอนเมื่อไหร่น่ะ’ เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างไม่รีรอ

‘เธอจะไปเมื่อไหร่ล่ะ’

‘พรุ่งนี้เลย’

‘โธ่... ไปตอนจะเปิดเทอมแล้วนี่นะ’

‘แล้วไงล่ะ นายไปแล้วรึไง’

‘ยังหรอก’

“โธ่... พูดซะหยั่งกับว่าไปมาแล้ว แถมยังมาว่าคนอื่นเขาอีก”

‘งั้นนายไปพรุ่งนี้เลยมั้ยล่ะ’

‘งั้นฉันก็มีโอกาสเจอเธอน่ะสิ’

‘ใช่แล้ว’ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแก้มแทบปริออกมา

‘งั้นฉันไม่ไป’

“ ‘ได้ไงล่ะ’ “ เฮอร์ไมโอนี่ร้อง พร้อมกับเขียนลงไปด้วยเลย

‘เราจะไม่เผยตัวจริงกัน จนกว่าจะคริสต์มาตร์’

เด็กสาวนิ่วหน้าใส่หน้าสมุดของเธอ

‘ออทเทอร์ เธออย่างอนสิ’

‘ใครงอนนานไม่ทราบ’

‘ก็ออทเทอร์ขี้งอนไงล่ะ’

“เชอะ” เฮอร์ไมโอนี่สะบัดหน้าใส่หน้ากระดาษ

‘โธ่... ไม่งั้นเราก็ไม่ค่อยเซอร์ไพร์น่ะสิ’

เฮอร์ไมโอนี่ต้องยอมจำนน

‘ก็ได้... ถ้างั้นฉันจะไม่คุยกับนาย จนกว่าจะเปิดเทอม’

‘ทำไมล่ะ’

‘ก็จะได้เซอร์ไพร์ไงล่ะ’

เด็กชายพ่นลมออกทางจมูกเล็กน้อย ก่อนจะจรดปลายปากกาอีกครั้ง แต่...

“นายน้อยครับ” ท็อดดี้เรียกอย่างกล้าๆกลัวๆ “คุณนายให้ท็อดดี้มาเรียกนายน้อยไปหาครับ”

มัลฟอยกัดฟันกรอด ก่อนจะตอบเอลฟ์ว่า

“เดี๋ยวฉันตามลงไป”

“ตะ... แต่...”

“ไม่มีแต่ บอกว่าเดี๋ยวตามลงไปไงเล่า” มัลฟอยจ้องท็อดดี้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“แก... ไอ้ตัวโสโครก ออกไปได้แล้ว”

‘เฟเร็ต นายเป็นอะไรรึเปล่า หรือว่านายจะไปกลายร่าง’

‘จะบ้าเหรอ’

‘แหม นายไม่ต้องอายหรอก ถ้านายไปกลายร่าง เดี๋ยววันหลังเราค่อยคุยกันก็ได้นะ’

‘ก็ได้ งั้นฉันขอไปกลายร่างก่อนก็แล้วกัน’

‘จริงเหรอ’

‘ไม่ใช่... ฉันหมายถึงว่าวันหลังเราค่อยคุยกันได้มั้ย’

‘ได้สิ แต่ว่ามีอะไรรึเปล่า’

‘ไม่มีอะไรหรอก... ‘ เขาตอบเลี่ยงๆ  ‘งั้นฉันไปก่อนนะ’

‘อืม... บาย’

‘บาย’

ทั้งสองปิดสมุดลง มัลฟอยค่อยๆเดินออกไปจากห้อง แล้วลงบันไดไปข้างล่าง เพื่อพบกับแม่ของเขา

“กว่าจะมาได้นะ” นาร์ซิสซาร์ดุ “ฉันนึกว่าแกตายอยู่ข้างบนแล้ว”

“ยังหรอกฮะ แม่ก็เห็น”

“ฉันรู้ แค่เปรียบย่ะ”

“แล้วแม่มีอะไรล่ะฮะ”

“มีแน่ล่ะ ฉันจะมาบอกแก ว่าพรุ่งนี้ แกต้องไปตรอกไดแอกอน”

“พรุ่งนี้! “ มัลฟอยร้อง

“ใช่ แกมีปัญหาอะไรรึไง”

“ไม่ไปพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอฮะ”

“ไม่ได้ ฉันว่างไปส่งแกพรุ่งนี้ แกก็ต้องไปพรุ่งนี้ แต่แกต้องไปคนเดียว” นางมัลฟอยบอก

“งั้นผมไปเองก็ได้”

“แกอย่าเรื่องมากนักเลย” นางมัลฟอยขู่ฝ่อ

“แต่... “

“ไม่มีแต่ แกต้องไปพรุ่งนี้ นี่เป็นคำขาด” นาร์ซิสซาร์ว่าแล้ว ก็ออกไปจากบ้านอีกครั้ง
ทิ้งให้มัลฟอยอยู่กับความหงุดหงิดตามลำพัง

****************************************

แล้วรุ่งเช้าก็มาถึง เด็กๆต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้ออกไปเจอแสงอาทิตย์ เด็กๆทำทุกวิถีทางเพื่อให้
ได้ออกจากบ้านหลังนี้ให้รวดเร็วที่สุด

“รอน ลูกไม่ต้องรีบกินอย่างนั้นก็ได้” นางวิสลีย์ร้องเตือน

“ไอ่เอนไอออกอะ อ่มอินไอว้” รอนพูดอู้อี้ เพราะเบคอน 8 แผ่นที่อยู่ในปาก
 จินนี่ และเฮอร์ไมโอนี่หันไปส่งสายตารังเกียจให้เขาแวบหนึ่ง ก่อนจะสนใจอาหารตรงหน้าตามเดิม
นางวิสลีย์หันไปหาแฮร์รี่แทน เพราะต้องการคำแปล

“อ้อ... รอนบอกว่า ไม่เป็นไรฮะ ผมกินไหว” แฮร์รี่ตอบ พลางยัดไส้กรอกเข้าปาก
 นางวิสลีย์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะเดินออกไป

สักพักหนึ่ง เธอก็กลับเข้ามาพร้อมกับ ท็องค์ และลูปิน

“ว่าไงเด็กๆ”

“หวัดดีค่ะ/ฮะ” ทุกคนทักตอบ ก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกัน ราวกับนัดกันไว้

“ไปกันเลยเถอะฮะ” รอนร้อง

ลูปินยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้าให้เด็กๆเดินตามไป

ในที่สุด พวกเขาก็ได้ออกมาโต้แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่เฝ้ารอคอยมานาน

“ดูแลตัวเองด้วยนะเด็กๆ” นางวิสลีย์บอกลา

ทุกคนพยักหน้ารับอย่างร่าเริง แล้วออกเดินไปเรียกรถเมล์อัศวินราตรี ลูปินยื่นไม้กายสิทธิ์ออกไป
ไม่นานเกินรอ รถเมล์ 3 ชั้น คันใหญ่สีม่วงก็จอดอย่างกะทันหันต่อหน้าพวกเขา

“เห็นอย่างนี้แล้ว ฉันไม่อยากขึ้นรถบ้านี่เลย” รอนแอบพึมพำให้แฮร์รี่ได้ยินคนเดียว ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปทีละคน...

ไม่มีใครพูดอะไร หรือบางที ถ้าจะให้ถูก ก็คือกลัวว่า ถ้าอ้าปากแล้ว อาหารเช้าที่เพิ่งกินเข้าไป จะออกมาต่างหาก

“ถึงซะที” รอนร้องทันที เมื่อรถเมล์หยุดกะทันหันหน้าร้านหม้อใหญ่รั่ว เขาก้าวลงรถอย่างรวดเร็ว
 เรียกได้ว่าเขาเลื้อยลงรถเลยก็ว่าได้ จนเมื่อรถเมล์อัศวินราตรีหายไปเขาจึงพึมพำกับทุกคนว่า
“ฉันจะไม่ต้องขึ้นรถบ้านี่ จนกว่าจะถึงตอนเย็น เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่ฉันได้เจอวันนี้เลย”

“เราไปกันเถอะ” ท็องค์ว่า แล้วก็เดินเข้าร้านหม้อใหญ่รั่ว เหยียบเท้าแม่มดแก่หงอมเข้าคนหนึ่ง
ซึ่งตะโกนด่าเธอไม่หยุดปาก

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ” เธอกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนจะรีบเดินออกไปหลังร้าน เคาะอิฐ แล้วทางเข้าสู่ตรอก
ไดแอกอนก็เปิดออก พร้อมต้อนรับพวกเขา

“ฉันไม่เคยมาตรอกไดแอกอนทางนี้เลยล่ะ” จินนี่ร้องอย่างอิจฉา แล้วทุกคนจึงเดินเข้าสู่ตรอกไดแอกอน

“เราจะไปไหนก่อนดีล่ะ” รอนร้องอย่างตื่นเต้น “ไปร้านเกมกลวิสลีย์ก่อนเลยมั้ย”

“เราไปกริงกอตส์ก่อนดีกว่านะ ไม่งั้นพวกเธอคงไม่มีเงินซื้อของแน่” ลูปินเสนอ ซึ่งไม่มีใครปฎิเสธเลย
พวกเขาจึงตรงไปยังธนาคารพ่อมดแม่มด

“อ้าว... เฮอร์ไมโอนี่ เธอไม่ลงไปใต้ดินเหรอ”

“รอน ฉันต้องบอกเธอทุกปีเลยรึไงนะ ว่าฉันไม่มีเงินฝากอยู่ใต้ดินนั่น” เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างรำคาญเต็มที
จริงซะแน่กว่าจริง ที่รอนถามเธอทุกปี และเธอต้องมาคอยบอกเรื่องนี้แก่เขาทุกปี “ฉันต้องไปแลกเงินทางนู้น”

 เธอบอก พลางชี้นิ้วโป้งไปทางก็อบลินตนหนึ่งที่กำลังยื่นเงินปอนด์ และเหรียญแกลเลียน ซิกเกิ้ล
และบรอนซ์คนุตน์ ให้กับเด็กหญิงคนหนึ่งที่มีท่าทางตื่นกลัวถึงที่สุด

“แล้วเธอจะรอเรามั้ย” แฮร์รี่รีบถาม

“ไม่ล่ะ ฉันว่าฉันไปเดินดูของดีกว่า แล้วเจอกันหน้า ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก นะ”

“เฮอร์ไมโอนี่ ต้องให้เราไปด้วยมั้ย” ท็องค์ถามขึ้น น้ำเสียงเป็นห่วงอย่างยิ่ง
 ราวกับเธอจะต้องมีอันเป็นไป เมื่อเธออยู่ห่างจากท็องค์

“ไม่เป็นไรค่ะ... หนูไปก่อนนะ”

เธอโบกมือลาเพื่อน แล้วไปแลกเงิน ขณะที่ก๊อบลินหน้าตาน่ากลัวเดินนำแฮร์รี่ รอน จินนี่ ลูปิน และท็องค์
 เข้าประตู เพื่อลงไปเอาเงินที่ฝากไว้

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่แลกเงินเสร็จ เธอก็เดินไปตามทางต่างๆ ร้านแรกที่เธอต้องการใช้เงินที่ดังกุ๊งกริ๊งอยู่ในกระเป๋า
คือร้านเสื้อคลุมทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้น เพื่อเธอจะได้ซื้อชุดสำหรับแต่งไปงานแฟนซีวันฮัลโลวีน
 และงานเลี้ยงเต้นรำคริสต์มาตร์

“ยินดีต้อนรับจ๊ะแม่หนูผู้น่ารัก” มาดามมัลกิ้นทักอย่างใจดี “ต้องการชุดอะไรดีจ๊ะ”

“ชุดที่ปิศาจ กับ ชุดไปงานเต้นรำค่ะ”

“อ้อ... ฮอกวอตส์ใช่มั้ยจ๊ะ”

เด็กสาวพยักหน้ารับ ก่อนที่มาดามมัลกิ้นจะเดินนำเธอไปยังมุมๆหนึ่งของร้าน

“เดี๋ยวฉันไปเอาชุดที่ฉันคิดว่าเหมาะกับเธอมาก่อนนะจ๊ะ” เธอกล่าวแล้วเดินไปหลังร้าน เฮอร์ไมโอนี่จึง
ยืนกอดอกพิงผนังร้านอย่างเบื่อหน่าย ที่ต้องรอคอย แต่เธอก็ไม่ต้องเบื่อนานนักหรอก ในเมื่อ...

“อ้าว... นี่มันยัยเลือดสีโคลน เกรนเจอร์นี่นา” เสียงยานคาน คุ้นหูดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่จำได้แทบจะในทันที
 เธอหันควับไปหาเจ้าของเสียง

“เลือดสีโคลนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่โต้ ตาสีน้ำตาลมองสำรวจมัลฟอย
 ดูเหมือนเขาจะสูงขึ้นมาก มีกล้ามเนื้อมากขึ้น แถมยังดูหล่อเหลาเอาการ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ใช่คนที่
จะอ่อนไหวตามรูปลักษณ์ภายนอกอยู่แล้วนี่ (อาจยกเว้นล็อกฮาร์ต)

“ปากดีนักนะเกรนเจอร์”

“ปากดีแล้วมันหนักอะไรของนายด้วยล่ะ”

“มันจะมากไปแล้วนะ” มัลฟอยเริ่มเดือด เขาไม่รู้เลย ว่านี่แหละ... ออทเทอร์ ที่สู้อุตส่าห์คุยกันมาตลอดปิดเทอม

“ถ้ามันจะมากไปหน่อย แล้วมันเกี่ยวอะไรตรงไหนของนายด้วยล่ะ”

“ยัยหัวฟู”

“นายหัวเรียบ”

มัลฟอยถึงขีดสุดแล้ว เขาตั้งท่าจะเดินเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่มาดามมัลกิ้นเข็น
ราวแขวนเสื้อผ้าหลายสิบชุด หลายสีสัน เข้ามาพอดี เธอจึงรอดตัวไป

“เอ้านี่จ๊ะ ชุดของเธอ ทั้งชุดราตรี และ ชุดแฟนซีเลยนะจ๊ะ”

“ขอบคุณค่ะ” ว่าแล้ว เธอก็หายเข้าไปหลังราวแขวนเสื้อผ้า

“อ้าวหนุ่มน้อย” มัลฟอยทำหน้าขยะแขยงเมื่อมาดามมัลกิ้นเรียกเขาอย่างนี้ “เธอเลือกชุดที่เธอต้องการเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ”

“เปล่า คุณไม่ได้เอาชุดแฟนซีมาให้ผม” มัลฟอยพูดอย่างวางท่า

“อ้าว ขอโทษทีจ๊ะ งั้นเธอช่วยไปรอทางนู้นหน่อยนะจ๊ะ ทางนี้ผู้หญิงที่น่ารักคนนี้” เธอพยักเพยิบไปหลังราวเสื้อผ้า
 “คงต้องการจะลองชุดน่ะจ๊ะ มันไม่เหมาะใช่มั้ยจ๊ะ”

มัลฟอยหรี่ตาลงอย่างแค้นเคือง ก่อนจะหันหลังเดินไปอีกมุมหนึ่งของร้าน

“หนูจ๋า ห้องลองชุดอยู่ข้างหลังหนูนะจ๊ะ เสร็จแล้วก็เรียกฉันด้วยล่ะ” แล้วเธอก็เดินกลับเข้าไปหลังร้านอีกครั้ง
 เฮอร์ไมโอนี่จึงเลือกชุดที่ถูกใจ แล้วลองสวมดู ซึ่งก็เหมาะกับเธอทุกชุด เธอต้องใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่า
จะเลือกได้อย่างละชุด (ยังไม่บอกตอนนี้นะคะ ว่าชุดที่เฮอร์ไมโอนี่เป็นยังไง เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น เหอๆ)

เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจากร้านอย่างพอใจ พร้อมกับชุดที่เธอคัดสรรมาอย่างดี ดูเหมือนว่า
 ตรอกไดแอกอนจะคึกคักขึ้นกว่าทุกวัน มีผู้คนเข็นรถเข็นส่งของไปมา ลูกค้าในแต่ละร้านดูเหมือนจะมีมากกว่าปกติ

“เจอยัยเลือดสีโคลนอีกแล้วเหรอเนี่ย” มัลฟอยพูดลากเสียง

“เจอนายเลือดบริสุทธิ์อีกแล้วเหรอเนี่ย” เฮอร์ไมโอนี่ลากเสียงย้อนเขา

“เธอนี่กวนประสาทฉันจริงๆนะ”

“ฉันก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วล่ะย่ะ”

มัลฟอยเดินตรงเข้ามาหาเธออย่างขู่ขวัญ เฮอร์ไมโอนี่กำไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋าเสื้อคลุมตัวยาวไว้แน่น
พลางเดินถอยหลังไปจนหลังติดกับผนังร้านเสื้อคลมทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้น
เธอเหลือบไปเห็นรถเข็นคันใหญ่และยาว ที่บรรทุกหนังสือเล่มหนาๆหนักๆไว้เต็ม จนแทบจะหล่นลงมา

มัลฟอยเดินเข้ามาประชิดตัวเฮอร์ไมโอนี่อย่างรวดเร็ว เธอดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา แต่มัลฟอยเร็วกว่า
 เขาจับมือข้างที่เฮอร์ไมโอนี่ถือไม้กายสิทธิ์ไว้แน่น แต่เหตุที่เขาบีบมือเธอแน่นมาก

จนเธอต้องยอมทิ้งไม้กายสิทธิ์หล่นลงพื้น เขาจึงรีบจับมืออีกข้างของเธอ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอ
ทำร้ายเขาได้ ถึงจะไร้ไม้กายสิทธิ์ก็ตามที

“ปล่อยฉันนะ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง มือของเขาที่บีบมือของเธอช่างแข็งแกร่งนัก

“ทีอย่างนี้ล่ะ กลัวขึ้นมาเชียวนะ” มัลฟอยพูด ริมฝีปากเหยียดออกเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
แล้วรถเข็นบรรทุกหนังสือที่ทั้งยาวและใหญ่ก็เข็นมาถึง ที่ๆทั้งสองยืนอยู่ ความกว้างของรถเข็นกว้างซะจน
แทบจะไม่เหลือที่พอให้คนแม้แต่คนเดียวยืนได้ มัลฟอยเบียดตัวเข้าหาเฮอร์ไมโอนี่ เพราะไม่มีที่จะให้รถเข็นผ่าน

“มัลฟอย! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ” เฮอร์ไมโอนี่ดิ้น อย่างไร้สิ้นหนทาง เพราะตอนนี้
 มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่อยู่ใกล้กัน จนแทบจะรวมร่างกันได้อยู่แล้ว ลมหายใจร้อนๆของเขา
กระทบเข้ากับใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ เสียงเธอแผ่วลง “ออกไป”

“ฉันไม่ได้อยากจะมาเข้าใกล้เธออย่างนี้หรอกนะ”

“ก็ออกไปสิ” เด็กสาวร้อง เธอรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่หน้าอกของเขา ดูเป็นผู้ชายเต็มตัว

“ฉันออกได้ ฉันออกไปนานแล้ว ถ้าโคลนไม่ได้บังตาเธอนะ เธอก็ดูซะว่ามันเบียดแค่ไหน” เขามองเธอดุๆ

“ฉันเจ็บนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างเจ็บปวด เมื่อเขาบีบมือเธอแน่นซะจนเลือดไม่เข้าไปเลี้ยงมือ

มัลฟอยยอมคลายมือออก แต่ไม่ปล่อยเธอไป หรือจะให้ถูกก็คือ ปล่อยไม่ได้นั่นแหละ
 ก็แนบกันซะขนาดนั้น กระดิกตัวแทบจะไม่ได้เลย

มัลฟอยก้มลงมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เธอดูสวย น่ารัก ขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นไหนๆ
ถึงแม้ผมของเธอจะยังฟูฟ่อง แต่ไม่มีปัญหาต่อหน้าตาของเธอเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งบัดนี้ใบหน้านั้นกลายเป็นจุดศูนย์กลางของเลือดทั้งตัวไปแล้ว เขารู้ทันทีว่าเธอเป็นอะไรไป
เพราะเขาเจออาการแบบนี้อยู่บ่อยๆ กับพวกผู้หญิงที่มาสารภาพรักกับเขา แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกแปลกๆ

“สนใจฉันรึไง เกรนเจอร์”

“ไม่... ไม่มีทาง” เธอร้องทันที

“แต่ถึงเธอจะสนใจฉันไปก็เปล่าประโยชน์นะ” มัลฟอยยิ้มเยาะ “เพราะฉันน่ะ ไม่สนใจพวกเลือดสีโคลนหรอก”

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองเขา สีหน้าแสดงถึงความรังเกียจเป็นที่สุด(ง่า... รองเท้าแตะใครปามานี่เนี่ย)

“ฉันไม่มีวันจะชอบคนอย่างนายแน่นอน”

“มั่นใจซะเหลือเกินนะ” มัลฟอยหรี่ตาลง พร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้าย และแล้วหนังสือเล่มที่หนา
ที่สุดที่อยู่บนสุดของกองก็หล่นลงมา ตามมาด้วยหนังสืออีกหลายเล่ม ตามสัญชาติญาณของสุภาพบุรุษ
 ทำให้เด็กชายต้องปล่อยมือเฮอร์ไมโอนี่ แล้วบังเธอไว้จากหนังสือเล่มหนัก

มัลฟอยร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อหนังสือหล่นลงมากระแทกเขา

“มัลฟอย! “ เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “เป็นอะไรรึเปล่า”

“ไม่เป็นไรมั้ง ถามได้” เขาประชด สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว จนกระทั่งสายฝนหนังสือเริ่มซาลง
 จนถึงเล่มสุดท้าย คนเข็นรถรีบเข็นผ่านไป แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“คนบ้าอะไร กลับมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้นะ” เฮอร์ไมโอนี่โวยวายใส่คนเข็นรถ เธอลืมไปแล้วว่า
มัลฟอยยังคงแนบชิดเธออยู่

“โอ้ย... “ มัลฟอยครางด้วยความเจ็บปวด

“นายเจ็บมากมั้ยมัลฟอย”

“เธอลองบ้างมั้ยล่ะ” เขาตะคอกใส่

“นี่ฉันถามนายดีๆนะ”

มัลฟอยสะบัดหน้าหนี ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวว่ามัลฟอยอยู่ติดกับเธอมากเกินไป
ถึงแม้ว่ารถเข็นจะผ่านไปแล้วก็ตาม

“นี่มัลฟอย นายจะปล่อยฉันได้รึยังล่ะ”

“ยัง” เด็กชายมองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าแดงก่ำ ราวกับเธอเพิ่งดื่มวิสกี้ไฟ 3 แก้วเต็มๆมา

“เธอเป็นอะไรรึเปล่าน่ะเกรนเจอร์” เขาถาม แกล้งดัดเสียงให้อ่อนโยน “หน้าเธอแดงๆนะ”

“ไม่... นายอย่ามาพูดดีหน่อยเลย ฉันรู้หรอก คนอย่างนาย พูดดีๆกับฉันไม่เป็นหรอก”

มัลฟอยเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ หน้าของเธอ ทำให้เด็กสาวต้องเอนศีรษะไปข้างหลังจนชิดติดกับผนังร้าน
 ดวงตาสีซีดของมัลฟอย และ ดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่ประสานกัน ใบหน้าของเด็กสาวดูเหมือน
จะแผ่ความร้อนออกมาได้เลยทีเดียว

“ออกไปห่างๆฉันนะมัลฟอย”

“ฉันแค่มีบางเรื่องจะบอกเธอ” เขาเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ข้างหูของเฮอร์ไมโอนี่
 ลมหายใจของเขาแตะต้นคอของเธอ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

มัลฟอยเหยียดยิ้มแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนเป็นที่สุด

“ยัยเลือดสีโคน”

เขาผละตัวออกมาจากเฮอร์ไมโอนี่ ยิ้มเยาะให้เด็กสาว แล้วเดินจากไปพร้อมกับความรู้สึกเกลียด
เขามากยิ่งขึ้นของเฮอร์ไมโอนี่

“มัลฟอย!!! “ เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนไล่หลัง “คนบ้า ฉันจะไม่มีวันชอบนายเด็ดขาด”

แต่มัลฟอยแค่โบกมือให้ โดยที่ไม่หันมามอง แฮร์รี่ และรอน สวนทางกับเขา จึงรีบตรงเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่

“อ้าว... เฮอร์ไมโอนี่ ทำไมเธอมาอยู่นี่ล่ะ” รอนร้อง เมื่อเจอเฮอร์ไมโอนี่ยืนพิงผนังร้านด้านนอกอยู่ ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ก็เรานัดกันไว้ที่หน้าร้านตัวบรรจงและหยดหมึกไม่ใช่เหรอ” แฮร์รี่ถามบ้าง

“เฮอร์ไมโอนี่”

“พี่เฮอร์ไมโอนี่”

“เฮอร์ไมโอนี่ เธอฟังฉันอยู่รึเปล่า” รอนเริ่มหมดความอดทน เมื่อไม่เห็นวี่แววว่าเด็กสาวฟังที่เขาพูดเลย

“เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ร้องสุดเสียง คนที่เดินไปเดินมาหันมามองเขาเป็นตาเดียว ทำให้เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งสุดตัว

“อะ... อะไรแฮร์รี่”

“ฉันถามเธอว่ามัลฟอยมันทำอะไรเธอรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย “ฉันเห็นมันสวนทางกับพวกเรามา”

“ไม่... ไม่เป็นอะไรนี่แฮร์รี่”

“พี่แน่ใจนะคะ พี่เฮอร์ไมโอนี่” จินนี่ถามบ้าง เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าแรงๆ

“แต่เธอหน้าแดงๆนะ” รอนถามขึ้นอย่างกังวล เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าลงทันที

“ฉันแค่มีเรื่องกับมัลฟอยนิดหน่อยน่ะ”

“เรื่องอะไร” แฮร์รี่ ร้องขึ้นพร้อมกับรอน

เด็กสาวเล่าเรื่องที่เธอทะเลาะกับมัลฟอยให้แฮร์รี่ รอน และจินนี่ฟัง โดยเว้นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอหน้าแดงไปอย่างตั้งใจ

“แล้วทำไมเธอหน้าแดงอย่างนี้ล่ะ” แฮร์รี่แสดงความเป็นกังวลออกมาชัดเจน
ขณะที่เดินไปยังร้านตัวบรรจงและหยดหมึก

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองฟ้า เพื่อหาข้อแก้ตัว “อืม... แดดร้อนละมั้ง”

“เออ คงใช่” แฮร์รี่ยอมรับในที่สุด

“วันนี้คนเยอะจังนะ” จินนี่บ่น มือข้างหนึ่งปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก

ในที่สุด ทั้ง 4 ก็เดินมาถึงร้านตัวบรรจงและหยดหมึก แล้วแยกย้ายกันไปซื้อหนังสือที่ต้องใช้เรียนในปีนี้
หลังจากนั้น ก็ต้องกลับไปร้านของมาดามมัลกิ้นอีกครั้ง เพราะทั้งแฮร์รี่ รอน และจินนี่ ยังไม่ได้ชุดแฟนซี
และชุดราตรี เฮอร์ไมโอนี่จึงไปช่วยพวกเขาเลือกชุด

“รอน ฉันว่าชุดนี้เหมาะกับเธอมากกว่านะ” เฮอร์ไมโอนี่บอก ขณะที่รอนกำลังลองชุดไปงานเลี้ยงเต้นรำ
 พลางชี้ไปที่ชุดสีเลือดหมู ซึ่งรับกับผมสีเพลิงของเขาดีทีเดียว

“นายว่างั้นด้วยรึเปล่าแฮร์รี่” รอนไม่มั่นใจ จึงหันไปถามแฮร์รี่ที่ลองชุดอยู่ใกล้ๆ

“ไม่รู้สิ รอน” แฮร์รี่บอก พลางสำรวจดูรอน “แต่ฉันว่า นายเชื่อผู้หญิงน่ะดีแล้วนะ”

“ก็ได้” เขาตอบ พลางยักไหล่ให้ ก่อนจะเข้าห้องลองชุดอีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิม

“เฮอร์ไมโอนี่ แล้วเธอว่าชุดไหนดีกว่ากันล่ะ” แฮร์รี่ถามเสียงแผ่ว ใบหน้าเป็นสีชมพูจางๆ ขณะยื่นชุดให้ดู

“ชุดสีเขียวล่ะ เก๋ดีนะ รับกับตาเธอด้วย แถมยังดูไม่หวือหวาเกินไป” เธอตอบยิ้มๆ

“ดี ฉันเชื่อเธอละกัน”

“พี่เฮอร์ไมโอนี่ ของหนูล่ะ”

“สีฟ้าจ๊ะ น่ารักดี เหมาะกับเธอ”

“พี่แน่ใจนะ หนูว่าสีน้ำเงินสวยกว่าอีก” จินนี่บอก เสียงปั้นปึ่ง

“แล้วแต่นะจินนี่ แต่พี่ว่าสีน้ำเงินมันมืดไปหน่อยน่ะ”

จินนี่มองสำรวจชุดสีน้ำเงินอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะยอมแพ้ในที่สุด “ก็ได้ค่ะ”

“ฉันไปรอข้างนอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องบอกทั้ง 3 ขณะที่กำลังลองชุดนั้นๆอยู่ แล้วออกไปทันที ไม่รอเสียงตอบรับ

ในไม่ช้า ทุกคนก็ออกมาจากร้าน แล้วตรงไปยังร้านเกมกลวิสลีย์ของ เฟร็ด และจอร์จ

“ต้องขอบใจแฮร์รี่เลยนะเนี่ย เพราะเขาแท้ๆพวกเราถึงได้มีร้านนี้ขึ้นมาได้” พวกเด็กๆ
ได้ยินเสียงเฟร็ดที่กำลังชื่นชมแฮร์รี่อยู่ลอยมาตามสายลม

“นั่นสิ เขาคือผู้มีพระคุณติดอันดับท็อปเท็นของพวกเราเลย”

“นั่นฉันถือว่าเป็นเรื่องดีนะ”

“แฮร์รี่” ฝาแฝดร้องพร้อมกัน ราวกับเป็นคนๆเดียวกัน ท่าทางราวกับเห็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าผี
(ก็ผีเห็นกันทุกวันที่ฮอกวอตส์นี่)

“ฉันไม่ใช่โอลิเวอร์นะ” แฮร์รี่ขำในท่าทางของฝาแฝด “นายถึงได้กลัวว่าจะเรียกให้นายมาซ้อมควิดดิชนะ”

“พวกนายมาที่นี่ได้ไงน่ะ”

“ท็องค์กับลูปินพามาน่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “แล้วพวกเราก็มาซื้อของด้วย”

“จะเปิดเทอมกันแล้วเหรอเนี่ย”

“ใช่สิ... ว่าแต่พวกนายจะเรียนต่อที่ฮอกวอตส์มั้ย” แฮร์รี่ถามขึ้น

“ไม่ล่ะแฮร์รี่”

“ทำไมล่ะ ดัมเบิลดอร์ไม่ให้เรียนต่อเหรอ”

“เปล่าๆ เขาน่ะให้พวกเราเรียนปีสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่พวกเราจะต้องซ้ำชั้น” จอร์จตอบ อย่างพอใจในตนเอง

“แต่พวกเราไม่อยากเรียนต่อแล้วล่ะ ในเมื่อเรามีร้านเกมกลวิสลีย์อยู่กับเรา 6 ปีก็พอแล้วล่ะ
 สำหรับการตรวจสอบว่าเด็กๆที่ฮอกวอตส์ชอบอะไร” เฟร็ดตอบบ้าง

“แต่ฮอกวอตส์คงไร้สีสันไปเลยนะ ถ้าไม่มีพวกนาย”

“ช่าย แถมฟิลว์คงเหงาไปเลยล่ะ” รอนยิ้มมุมปาก

“โอ้ย ไม่ต้องห่วงเลย เราจะส่งของเล่นให้พวกนายไปใช้กันที่ฮอกวอตส์กันฟิลว์เหงา”

เด็กๆกลั้นหัวเราะไว้ เพราะแม่มดแก่ๆกลุ่มหนึ่งกำลังมองมาทางพวกเขา อย่างต้องการเรื่องซุบซิบนินทา
 รอนจึงเอ่ยขึ้น

“แล้วนี่พวกนายจะไม่ชวนเราเข้าข้างในหน่อยเหรอ”

“โอ้... เชิญครับคุณผู้ชาย และ คุณผู้หญิง” เฟร็ดบอกด้วยน้ำเสียงประชดเต็มที พลางโค้งเชิญทุกคนเข้าไป...

ข้างในร้านมีสภาพไม่ต่างจากร้านซองโก้ที่ฮอกมี้ดนัก แต่มีของเล่นหน้าตาแปลกๆ ที่ฝาแฝดช่วยกันคิดค้นขึ้นมา

“พวกนายสนใจอะไรบ้างมั้ยล่ะ” จอร์จถามด้วยหน้าตาเจ้าเหล่เป็นที่สุด “มีสินค้าใหม่ๆด้วยนะ”

“นายก็ลองแนะนำมาสิ”

“ได้คร๊าบบบ... ว่าแต่นายนี่เป็นน้องพวกเราหรือว่าเป็นคุณนายวิสลีย์ร่างที่ 2 ล่ะ”

หลังจากที่ แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ และจินนี่ กลั้นหัวเราะข้างนอกมาแล้ว ก็ต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด

“เอาล่ะ เรามาเริ่มกันที่... “ จอร์จถอดแว่นแฮร์รี่ออก

“จอร์จ เอาแว่นคืนฉันเดี๋ยวนี้นะ” แฮร์รี่ร้อง ทุกอย่างดูพร่ามัวไปหมด

“ก็ได้ เอาไปสิ” เขาส่งแว่นอีกอันคืนแฮร์รี่ ซึ่งรับมาสวมอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเลย

“พวกนายเป็นอะไรกัน” แฮร์รี่มองดูหน้าเพื่อนทีละคน ซึ่งดูหวาดผวา ราวกับเห็นเขากลายร่างเป็น
 สกู๊ปประทุไฟตัวยักษ์ ยกเว้นฝาแฝดที่กำลังยิ้มอย่างอวดดี

พรึ่บ... แฮร์รี่กลายเป็นหนอนฟลอบเบอร์ตัวเขียว ที่กำลังใส่แว่น ในนาทีต่อมา

“แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ ส่วนรอนและจินนี่ทำได้เพียงอ้าปากค้างเท่านั้น

“ไม่ต้องตกใจไปเฮอร์ไมโอนี่ เดี๋ยวพอถอดแว่นออก เขาก็เป็นเหมือนเดิมแล้วล่ะ” เฟร็ดบอกอย่างสบายอารมณ์

เฮอร์ไมโอนี่จึงเป็นคนถอดแว่นให้แฮร์รี่

พรึ่บ... แฮร์รี่กลับมาเป็นชายผมสีดำที่ดูยุ่งเหยิง เหมือนเดิม ดวงตายังคงพร่ามัว เพราะไม่มีแว่น

“นี่แว่นเธอแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่บอก ก่อนจะสวมแว่นให้แฮร์รี่

“ขอบใจ” เด็กชายพึมพำ ใบหน้าเป็นสีจัด ลำไส้ดูเหมือนจะบิดไปมา
 แต่เฮอร์ไมโอนี่เพียงแต่ยิ้มตอบเท่านั้น เพราะเธอไม่ได้สังเกตอาการของแฮร์รี่เลย

“เยี่ยมมั้ยล่ะแว่นหนอนฟลอบเบอร์ของพวกเรา”

“เยี่ยมเลย เข้าใจคิดจริงนะ” แฮร์รี่บอก ด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“เยี่ยม! รอน... นายจะเอาสักอันมั้ยล่ะ ในฐานะที่ฉันแน่ใจว่านายจะต้องเอาไปแกล้งแฮร์รี่
ฉันให้นายฟรีๆเลยอันหนึ่ง” เฟร็ดบอกเสียงใส แต่แฮร์รี่ขว้างสายตาขุ่นเขียวมาให้เขาก่อน

“รอน ฉันว่านายต้องซื้อแล้วล่ะ” เฟร็ดบอก แกล้งทำเสียงสะหลด “แต่ฉันจะลดราคาให้นายเป็นพิเศษละกัน”

“เอาล่ะๆ สินค้าชิ้นต่อไป... “

เมื่อพวกเขาก็ออกมาจาก ร้านเกมกลวิสลีย์ของเฟร็ด และจอร์จ ก็เป็นเวลาเกือบ บ่าย 3 โมงแล้ว
 เด็กๆรีบตรงไปร้านหม้อใหญ่รั่ว เพื่อทานอาหารกลางวัน และกลับบ้านที่กริมโมเพลซกัน

“หวัดดีค่ะ/ฮะ ท็องค์ ลูปิน” เด็กๆเอ่ยพร้อมกัน เมื่อมาถึง แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้รอบๆโต๊ะ

“ไปเป็นชาติเลยนะเด็กๆ” ท็องค์ล้อ “จะไม่กินอาหารกันเลยรึไงจ๊ะ”

“ก็พวกเราไม่ได้ออกมาเป็นชาติแล้วนี่คะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างนึกสนุก แล้วทุกคนก็ทานอาหารกัน
โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร

“เรากลับกันเลยนะ” ลูปินบอก เมื่อออกมาจากร้านหม้อใหญ่รั่ว

“อะไรกัน เราต้องขึ้นรถเมล์อัศวินราตรี ให้ปั่นกระเพาะพวกเราเล่นอีกแล้วเหรอฮะ”
 รอนร้องอย่างตกใจ ทุกคนพ่นลมทางจมูกเบาๆ อย่างนึกขำ

“เถอะน่ารอน เราต้องเข้ากระทรวงต่อ”

“ก็ได้ฮะ” รอนตอบ พลางเบ้ปากนิดๆ

อีกครั้งที่ลูปินโบกรถ ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่รถเมล์อัศวินราตรีจอดกะทันหัน และปั่นกระเพาะพวกเขา

ในที่สุดทุกคนก็ปลอดภัยมาถึงกริมโมเพลซ (คือไม่แหวะเอาอาหารกลางวันออกมาน่ะคะ)

ลูปินและท็องค์ขอตัวไปกระทรวง เพื่อทำงานต่อให้เสร็จ หลังจากนั้น ทุกคนก็ตรงเข้าห้องของตนทันที
รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ด้วย

“พี่เฮอร์ไมโอนี่ หนูขอดูชุดของพี่หน่อยสิ” จินนี่ร้อง ขณะที่หยิบชุดของเธอขึ้นมาชื่นชม

“ไม่ได้หรอกจินนี่ เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น”

“ก็ได้ ยังไงเดี๋ยวหนูก็ต้องได้เห็นอยู่แล้วล่ะ”

“จ้า จ้า” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

“พี่เฮอร์ไมโอนี่ หนูไปหาพี่รอนกับ พี่แฮร์รี่ก่อนนะ”

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าให้เธอ ก่อนจะตอบว่า

“งั้นเดี๋ยวพี่ค่อยตามขึ้นไปนะ”

จินนี่พยักหน้าตอบบ้าง แล้วออกไปจากห้อง ทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่กับข้าวของในห้อง
 เฮอร์ไมโอนี่จึงหยิบสมุดขึ้นมาเขียนถึงมัลฟอย

‘เฟเร็ต’

ไม่มีตัวหนังสือตอบรับเธออย่างเคย เด็กสาวจึงรอก่อน...

ขณะเดียวกัน ท็อดดี้ เอลฟ์ประจำบ้านของบ้านมัลฟอย ที่ได้รับคำสั่งจากมัลฟอยให้เฝ้าดูสมุดเล่มสีฟ้าของเขา
ซึ่งขณะนี้ กำลังส่องแสงอยู่ มันจึงรีบไปบอกมัลฟอย

“นายน้อยเดรโก นายน้อย”

“อะไรของแก” เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เขาได้แกล้งยัยเลือดสีโคลนที่เขาเกลียดนักเกลียดหนา

“เป็นสมุดของนายน้อย มีแสงมีฟ้าออกมา” เอลฟ์ตอบกล้าๆกลัวๆในอารมณ์ของมัลฟอยที่มักจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

“สมุดเหรอ... “ เด็กชายนึกเล็กน้อย ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วร่ายคาถา
“เอ็กซีโอ สมุด” มีเสียงบางอย่างเสียดกับอากาศทันที สมุดเล่มสีฟ้าพุ่งตรงมาหาเขา

‘มีอะไรออทเทอร์’

‘นายไปไหนมากัน กว่าจะตอบฉันได้นี่ เป็นชาติเลยนะ’ เด็กสาวแหวใส่

‘ตรอกไดแอกอน’

‘ตรอกไดแอกอน ไหนนายบอกว่าจะไม่ไปไงล่ะ’

‘เปลี่ยนใจน่ะ’

‘แล้วเราเจอกันมั้ย’

‘จะไปรู้เหรอ ฉันไม่รู้นิว่าเธอเป็นคนไหน’

‘ก็นายนั่นแหละ เรื่องมากนัก อยากให้เจอกันวันคริสต์มาตร์เลย’ เด็กสาวอารมณ์บูด

‘อย่าบ่นไปหน่อยเลย ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด’ มัลฟอยยืนยัน ‘เราจะไม่เผยตัวกัน จนกว่าจะถึงวันคริสต์มาตร์’

‘ก็ได้ๆ’ เฮอร์ไมโอนี่ยอมแพ้ในที่สุด

‘ดี... ว่าแต่เธอมีอะไรเหรอ’

‘อ้อ ฉันจะเล่าให้ฟังว่าเมื่อกี้ฉันเจอคนที่ฉันเกลียดมากที่สุดเลย’

‘ฉันก็เจอคนที่ฉันเกลียดเหมือนกัน ที่ตรอกไดแอกอนน่ะ ซวยจริงๆเลย’

‘อื้ม... แล้วเจ้าบ้านั่นก็แกล้งฉันด้วยล่ะ’ เฮอร์ไมโอนี่บ่นยกใหญ่ ‘ฉันล่ะเกลียดหมอนี่จริงๆเลย’

‘แล้วเจ้าบ้านั่นมันเป็นใครกัน บังอาจมาแกล้งคุณหนูคนนี้ได้’ มัลฟอยประชด โดยที่ไม่รู้ว่า เจ้าบ้านั่น ก็คือเขาเอง

‘ช่างเถอะ อารมณ์เสียเปล่าๆ’

“เธอก็อารมณ์เสียอยู่แล้วนี่”

‘ช่างเถอะ ฉันไปดีกว่านะ แล้วค่อยคุยกันใหม่’

‘ระบายอารมณ์เสร็จแล้ว ก็จะไปเลยเหรอ’

‘แหม ขอบใจนายด้วยนะ ที่ฟังฉันระบายน่ะ’

‘เออๆ ไปเถอะ บาย’

‘บาย’

อีกครั้งที่ทั้งสองปิดสมุดลง เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มน้อยๆอย่างพอใจ แต่ความพอใจนั้นก็ต้องลดลง
 เมื่อเธอต้องขึ้นไปห้องแฮร์รี่ และรอน เพื่อเริ่มต้นทำความสะอาด



TBC


No comments:

Post a Comment