ในที่สุดรอนก็หลุดพ้นมาจากนรกในคุกใต้ดินมาได้เรียบร้อยแล้ว เฟร็ดกับจอร์จถึงกับจัดงานเลี้ยงย่อม ๆ เพื่อรับขวัญน้องชายคนเล็กของเขาทีเดียว ทุกคนต่างคิดว่างานคงดำเนินไปอย่างราบรื่นถ้าแองเจลิน่าไม่มาลากคอสามพวกเขาไปซ้อมควิดดิชซะก่อน ยิ่งเข้าใกล้ช่วงแข่งเท่าไรโอกาสที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้เจอแฮร์รี่และรอนนั้นยิ่งน้อยพอ ๆ กับโอกาสที่พวกเขาจะได้ยืนบนพื้นทีเดียว ถ้าไม่นับเวลาทานอาหารสามมื้อกับเวลาในชั่วโมงเรียนแล้วล่ะก็เธอกับแฮร์รี่และรอนก็แทบจะไม่ได้เจอหน้าค่าตากันเลย
“นายจะอิ่มได้หรือยังวีสลีย์” แองเจลิน่าถามเสียงเขียว ขณะนี้เธอยืนเท้าเอวอยู่ใกล้ ๆ แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังทานอาหารเช้าอยู่
“เอออะอีบไอไอ๋อ่ะ แองเออิอ่า” รอนพูดไม่เป็นศัพท์ขณะที่กำลังเคี้ยวเบคอนอยู่ ส่วนแองเจลิน่านั้นเอี้ยวตัวหลบเศษเบคอนที่กระเด็นมาจากปากรอน
“อั๋นอังอินไอ่อิ่มเอยอ่ะ” รอนพูดขึ้นมาอย่างยากเย็นอีกครั้งส่วนกัปตันทีมควิดดิชของเรานั้นกำลังใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะฟังสิ่งที่รอนพูดออกมา
“เธอจะรีบไปไหนแองเจลิน่า ฉันยังกินไม่อิ่มเลยนะ” แฮร์รี่เอ่ยขึ้น เขาแปลภาษาต่างดาวของรอนพูดให้เป็นภาษาที่คนทั่วไปฟังออก
“ถ้านายถามฉันว่าจะรีบไปไหน ฉันก็จะบอกเหมือนเดิมนะวีสลีย์ว่าฉันต้องรีบไปซ้อมควิดดิช รวมทั้งนายด้วย!” แองเจลิน่าพูดอย่างหัวเสีย ส่วนรอนนั้นเมื่อได้ยินคำว่า ‘ ควิดดิช ’ เขาถึงกับสะอึก
“ฉันให้เวลานายอีก 15 นาทีนะวีสลีย์!” เธอพูดพลางปรายตามองไปที่เฟร็ดกับจอร์จเหมือนจะหมายความว่า ‘ รวมถึงพวกนายด้วย ’ “และถ้าถึงเวลาแล้วฉันไม่เห็นลูกทีมของฉันอยู่กันครบล่ะก็” เสียงของแองเจลิน่าขาดหายไป แต่เธอส่งสายตาน่ากลัวมาแทนคำตอบ และเมื่อพวกเขาทำหน้าเหมือนรับรู้สิ่งที่เธอพูดแล้วก็เธอสะบัดเสื้อคลุมจากไป
“โอ้พระเจ้า ข้านายเฟร็ด วีสลีย์และน้องชายของข้าทำผิดประการใดเราถึงต้องถูกลงโทษให้ต้องมาเจอชะตากรรมเช่นนี้” เฟร็ดครวนครางเอามือประสานกันเหมือนสวดอ้อนวอน
“ถูกต้องอย่างยิ่ง เราทำผิดอะไรถึงต้องมาถูกยัยแม่มดที่แสนน่ากลัวทรมานอย่างนี้” จอร์จพูดทำท่าเหมือนฝาแฝดของเขาแววตามองสูงขึ้นไปยังเพดานเนรมิต ราวกับว่ากำลังขอความเป็นธรรมจากสวรรค์อยู่ ขณะที่เด็กคนอื่น ๆ หัวเราะกับการกระทำของพวกเขา แต่รอนนั้นไม่ได้สนใจพี่ชายของเขามากกว่าอาหารบนโต๊ะเลย เขาก้มหน้าก้มตากินราวกับว่าอดอยากมานานปี ทางด้านเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็มองดูพวกเขาอย่างเบื่อหน่ายและเลือกที่จะสนใจหนังสือตรงหน้าของเธอดีกว่า
หลังจากส่งแฮร์รี่และรอน รวมทั้งเฟร็ดกับจอร์จไปซ้อมควิดดิชแล้ว ( รอนดูมีสีหน้าดีกว่าตอนไปกักบริเวณกับเสนปนิดเดียว ) เฮอร์ไมโอนี่ก็เลือกที่จะตรงไปที่ห้องสมุดตามปรกติของเธอ แต่วันนี้อาจจะไม่เหมือนทุกวันตรงที่มีไรอันติดสอยห้อยตามเธอไปด้วย
“คุณนี่ขยันจังนะครับเฮอร์ไมโอนี่” ไรอันพูดในมือของเขามีหนังสือ ‘ การแปลงร่างชั้นสูง ’ ของเฮอร์ไมโอนี่ที่เขาเพิ่งอาสาช่วยถือให้อยู่ในมือ เขามองเจ้าหนังสือเล่มหน้ากว่าพันหน้านั้นแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างทึ่ง ๆ
“ไม่หรอกไรอัน เธอก็รู้นี่ว่าพวกเราใกล้สอบแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ ความจริงตอนนี้เธอก็รู้ว่าเธอนั้นทำตัวขยันกว่าเดิมหลายเท่า เพราะว่าถ้าเธอปล่อยให้ตัวเองว่างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เธอคิดถึงมัลฟอยมากเท่านั้น และเมื่อเธอคิดถึงเขาเรื่องของซิลเวียและเรื่องของนายลูเซียสก็มักจะเข้ามาสร้างความกังวลใจให้เธอเสมอ
เมื่อทั้งสองถึงห้องสมุด เฮอร์ไมโอนี่ก็ก้าวฉับ ๆ ไปหามาดามพินซ์ราวกับว่ากลัวเธอจะหนีไปไหนพร้อมกับหยิบหนังสือในมือของไรอันมาวางบนเคาท์เตอร์
“อรุณสวัสดิ์ค่ะมาดามพินซ์ หนูอยากคืนหนังสือเล่มนี้ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดมองไปที่หนังสือ ‘ การแปลงร่างชั้นสูง ’ ที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะมิสเกรนเจอร์ เธอแน่ใจเหรอว่าจะคืนมันน่ะ” มาดามพินซ์ตอบเธอพลางมองไปที่หนังสือเล่มนั้น “เธอเพิ่งยืมมันไปเมื่อสองวันก่อนเองนะ” เธอมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยแต่เพราะเธอกำลังพูดอยู่กับ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ไม่ใช่นักเรียนธรรมดาทั่วไป เธอจึงไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นอ่านหนังสือหนาพันหน้าภายในสองวันได้อย่างไร
“ถ้าหนูไม่คืนมันหนูก็จะยืมเล่มอื่นไม่ได้สิคะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบยิ้ม ๆ
“แล้วตอนนี้เธอกำลังหาหนังสือเรื่องไหนอยู่ล่ะจ๊ะ บอกมาสิเผื่อฉันจะช่วยได้” มาดามพินซ์พูดขณะกำลังวางหนังสือ ‘ การแปลงร่างชั้นสูง ’ ลงบนหนังสือกองหนึ่ง
“เอ่อ เรื่องยาพิษต้องห้ามมั้งคะ” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ย เหตุผลที่เธอต้องมาหาหนังสือเรื่องนี้เป็นเพราะเมื่อวันก่อนที่เธอเอาเรียงความเรื่อง ‘ ยาพิษและวิธีแก้พิษ ’ ไปส่งนั้น เสนปกลับไม่รับเรียงความของเธอโดยอ้างว่ามันมีเนื้อหาไม่ครบสมบูรณ์ และยังให้เธอมาทำเรียงความเรื่อง ‘ ยาพิษต้องห้าม ’ แทน ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าที่ผิดนั้นไม่ใช่เรียงความของเธอหรอก แต่เป็นเพราะเธอเป็นเด็กบ้านกริฟฟินดอร์และเป็นเพื่อนสนิทของแฮร์รี่ เพราะฉะนั้นเสนปเลยหาโอกาสกลั่นแกล้งเธอ
“ฉันเกรงว่าฉันคงช่วยเธอไม่ได้หรอก มิสเกรนเจอร์” มาดามพินซ์พูดซึ่งคำพูดของเธอนั้นสร้างความสงสัยให้กับเฮอร์ไมโอนี่เป็นอย่างมาก เพราะมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่มาดามพินซ์จะไม่สามารถช่วยเธอหาหนังสือได้ถ้าหากว่ามันอยู่ในห้องสมุดแห่งนี้ และเหมือนว่ามาดามพินซ์จะอ่านสีหน้าของเธอออก
“ที่ฉันช่วยเธอไม่ได้เพราะว่าหนังสือที่เธอต้องการจะหาอยู่ในเขตหวงห้าม มิสเกรนเจอร์” มาดามพินซ์ตอบ “เธอจำเป็นต้องมีใบอนุญาติจากอาจารย์ถึงจะยืมหนังสือเล่มนั้นได้” เธอพูด
และแล้วก็เข้าใจว่าที่แท้จริงแล้วเสนปนั้นไม่ได้ต้องการให้เธอไปเขียนเรียงความเรื่องใหม่ แต่เขากำลังสั่งให้เธอทำในสิ่งที่เธอทำไม่ได้ และก็เปล่าประโยชน์ที่จะไปขอใบอนุญาติจากเสนป
“แล้วฉันจะทำยังไงดีเนี่ย” พึมพลางถอนหายใจ เธอไม่นึกเลยว่าเสนปจะจงใจกลั่นแกล้งเธอถึงขนาดนี้
“คุณจะเอาหนังสือนั่นไปทำไมเหรอครับ” ไรอันถามมองเฮฮร์ไมโอนี่ที่ทำหน้ากลุ้มใจอยู่
“ก็เสนปน่ะสิ สั่งให้ฉันทำรายงานเรื่องนี้ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้ว่าหนังสือที่จะใช้ทำมันอยู่ในเขตหวงห้าม เขาจงใจแกล้งฉันนี่ เขารู้ว่าฉันไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปในนั้น แล้วทีนี้ฉันจะทำยังไงดีล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่บ่นยืดยาว เธอนึกไม่ออกเหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากเธอไม่มีงานไปส่งเนปตามเวลา เฮอร์ไมโอนี่นึกอยากให้เธอมีใบอนุญาติจากอาจารย์อย่างตอนที่เธออยู่ปีสองอีกครั้ง ( แต่น่าเสียดายที่ล็อกฮาร์ตความจำเสื่อมไปเรียบร้อยแล้ว )
“คุณไม่ได้รับอนุญาติ แต่ผมคิดว่าผมได้นะ” ไรอันตอบยิ้ม ๆ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นเงยหน้ามามองเขาอย่างงง ๆ และเมื่อเขาเห็นสีหน้าของเด็กสาวเขาก็เริ่มอธิบายให้เธอฟัง ไรอันควักกระดาษแผ่นหนึ่งมาจากเสื้อคลุมของเขา
“ผมได้รับอนุญาติให้เข้าไปในเขตหวงห้ามของห้องสมุดได้ครับ เพราะผมเป็นหัวหน้านักเรียนเดิร์มแสตรงค์” เขาพูดพลางชี้ให้เฮอร์ไมโอนี่ดูกระดาษแผ่นนั้นซึ่งเหมือนกับใบอนุญาติที่ล็อกฮาร์ตเซ็นต์ให้เธอตอนทีเธออยู่ปีสอง แต่ต่างกันที่ลายเซ็นต์นั้นเป็นของศาสตราจารย์มักกอนนากัล
“ดีจัง งั้นเธอก็เข้าไปอ่านหนังสือในนั้นได้สิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอิจฉา และนึกอยากได้ใบอนุญาติอย่างเขาบ้าง
“ใครบอกว่าคุณจะไม่ได้เข้าล่ะครับ” ไรอันตอบพลางชี้ให้เธอดูด้านล่างของใบอนุญาติที่เขียนไว้ว่า
‘ หัวหน้านักเรียนสามารถพาผู้บุคคลอื่นเข้าไปได้หนึ่งคน ซึ่งจะต้องเป็นคนที่อาจารย์คัดเลือกให้เป็นผู้ร่วมงานแล้วเท่านั้น ‘
เฮอร์ไมโอนี่อ่านจบก็ยิ้มดีใจ เพราะว่า ‘ ผู้ร่วมงานที่อาจารย์คัดเลือก ’ นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเธอและมัลฟอย ซึ่งอย่างนั้นก็หมายความว่าเธอสามารถเข้าไปอ่านหนังสือในเขตหวงห้ามได้ตามสบาย และทั้งสองก็เอาใบอนุญาติไปให้มาดามพินซ์ดู และเธอก็ปล่อยให้ทั้งสองเข้าไปในเขตหวงห้าม และกลับไปจัดการกับงานของเธอต่อที่โต๊ะบรรณารักษ์
“เราจะเริ่มหาตรงไหนก่อนดีครับ” ไรอันพูดพลางมองชั้นหนังสือที่ตั้งเรียงรายเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด และคิดว่าอยากให้มาดามพินซ์มาช่วยพวกเขาหาหนังสือมากกว่า แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นไได้คิดอย่างเขาเลย เธอรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้อ่านหนังสือที่เธอยังไม่เคยอ่าน เฮอร์ไมโอนี่เดินลัดเลาะไปตามชั้นหนังสือ และหยิบหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่ามาดูอย่างสนอกสนใจ ส่วนไรอันก็มองอาการตื่นเต้นแบบเด็ก ๆ ของเธออย่างยิ้ม
“ผมว่าถ้าเราไม่รีบหาห้องสมุดอาจจะปิดก่อนก็ได้นะครับ” ไรอันพูดเตือนเฮอร์ไมโอนี่ที่เอาแต่ดูหนังสือจนลืมเรื่องสำคัญไปว่าเธอมาที่นี่เพื่อมาหาหนังสือไปทำรายงานส่งเสนป
“เอ้อ โทษที ฉันลืมตัวน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดแก้เขินกับอาการบ้าหนังสือที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดของเธอ และเธอกับไรอันก็เริ่มต้นหาหนังสือ ‘ ยาพิษต้องห้าม ’ กัน
เมื่อเวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง ไรอันคิดว่าการหาหนังสือในห้องสมุดของฮอกวอตส์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแค่ในเขตหวงห้ามนี่มีหนังสือเยอะเกินกว่าที่พวกเขาจะหาหนังสือเรื่องเดียวได้ ทั้งสองตั้งหน้าตั้งตาหาหนังสือที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องการมาเป็นเวลานานแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของมัน จนทำให้ทั้งสองเริ่มเหนื่อย และเริ่มรู้สึกไม่อยากทำภารกิจน่าเบื่อนี้ต่อไปแล้ว
“เราหาตรงชั้นบนนั่นหรือยังนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามตัวเองขณะที่มองไปที่ชั้นหนังสือสูงเกินสองเมตร เธอพยายามจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือบนชั้นมาดู แต่เนื่องจากมันอยู่สูงเกินไป เด็กสาวพยายามกี่ครั้งก็หยิบมันไม่ถึง เฮอร์ไมโอนี่เลยให้วิธีเหยียบไปบนขอบของชั้นล่างสุดของชั้นหนังสือเพื่อที่จะปีนขึ้นไปเพื่อที่จะคว้ามันลงมา ( พยายามซะเหลือเกินนะเจ๊ ) แต่เนื่องจากเธอก้าวพลาดทำให้เธอลื่นล้มลงมาจากชั้น แต่มือของเธอคว้าชั้นหนังสือไว้
“เฮอร์ไมโอนี่” เสียงไรอันดังขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาว
“ตุบ!!!!”
หนังสือทั้งชั้นนั้นที่มือของเฮอร์ไมโอนี่คว้าไว้ได้หล่นลงไปกับพื้นจนทำให้เกิดเสียงอันดัง ส่วนตัวเธอนั้นไรอันรับไว้ได้ทันท่วงที ซึ่งทำให้ตอนนี้เธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่ม
“คุณไม่เป็นใช่มั้ยครับ” ไรอันพูด พลางมองเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
“ใครน่ะ!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าของเสียงขึ้นที่มุมของชั้นหนังสือ ตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเป็นมาดามพินซ์ เพราะเธอทำเสียงดังขนาดนี้ในห้องสมุดและเป็นไปไม่ได้ที่มาดามพินซ์จะไม่ได้ยิน แต่เฮอร์ไมโอนี่ก้รู้ว่าคิดผิดไป เพราะที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่มาดามพินซ์
แต่กลับเป็น ซิลเวีย เดอ เวซอง
TBC
No comments:
Post a Comment