“ตื่นได้แล้วเฮอร์ไมโอนี่”
น้ำเสียงคุ้นหูของรอนดังแว่วมา เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ เผยอเปลือกตาขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ - -
เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงในหอนอนเหมือนทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ในเวลานี้แสงแดดส่อง
สว่างไปทั่วทั้งห้องเป็นตัวบอกว่าสายมากแล้ว เธอหยัดตัวขึ้นนั่งแล้วขมวดคิ้วมองคนที่ยืนอยู่รอบ
เตียงทั้งสองคน...รอนเข้ามาได้ยังไง แฮร์รี่ด้วย
“เธอตื่นสายจัง คนอื่นเขาลงไปรอข้างล่างกันหมดแล้ว” แฮร์รี่ว่าแล้วชี้ไปที่เตียงว่างเปล่าตัวอื่น
“รอฉัน...เราจะไปไหนกันเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามแล้วก้มลงมองเสื้อผ้าของตัวเอง
เธอคนเดียวที่ยังสวมชุดนอนอยู่ในขณะที่แฮร์รี่กับรอนสวมชุดนักเรียนเป็นปกติเหมือนกันหมด
เว้นแต่เนคไทเท่านั้นที่เป็นสีดำ
“ไปงานศพไง” รอนพูดพลางบิดขี้เกียจอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“เฮ้อ...ถ้าไม่ติดว่าหมอนั่นช่วยเธอไว้ล่ะก็ฉันกับแฮร์รี่ไม่มีทางไปหรอก”
ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างขึ้น หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นราวกับจะระเบิดออกมา - -
รอนกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“งานศพของใคร”
เด็กชายทั้งสองมองหน้ากันงง ๆ ก่อนที่แฮร์รี่จะเฉลย
“ก็มัลฟอยไง”
“เธอว่าไงนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงสั่น เหมือนมีบางอย่างแล่นมาจุกในอก
“มัลฟอยตายแล้ว” แฮร์รี่พูดเสียงเรียบ รอนจึงได้สำทับขึ้นบ้าง
“ฮื่อ...ตายแล้ว ตาย…”
ตาย...ตาย...ตาย....
ตาย
.................................................
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!”
ร่างบอบบางทะลึ่งพรวดขึ้นจากที่นอนพร้อมกับหวีดร้องเสียงดังลั่น
ยาช่าที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถลาไปคว้าแขนเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาโพลงขึ้นมองเด็กชายหมาป่าที่
สีหน้าตกใจไม่แพ้กัน เธอน้ำตาไหลพรากก่อนจะพูดเสียงสั่นสะท้าน
“มัลฟอย - - เขา เขาตายแล้ว….ใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่เขย่าตัวอีกฝ่ายแล้วร้องไห้อย่างหนัก
ยาช่ารู้สาเหตุในนาทีนั้นเอง เขาตบไหล่เธอปลอบ
“คุณฝันไปต่างหาก ใจเย็น ๆ ครับ - - ใจเย็น ๆ”
เฮอร์ไมโอนี่ค่อยสงบลงเมื่อได้ยินดังนั้น เธอหอบจนตัวโยนและเหงื่อเย็นเฉียบเกาะอยู่เต็มหน้า
“เขายังไม่เป็นอะไรครับ” ยาช่าพูดกับเฮอร์ไมโอนี่แล้วปล่อยให้เธอค่อย ๆ
นั่งลงบนที่นอนตามเดิม เด็กหญิงพยักหน้าทั้งที่ในใจรู้ดีว่าสภาพของมัลฟอยที่เห็น
ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น...กระทั่งฝันร้ายถึงขนาดนี้ เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบ ๆ ถึงได้รู้ว่า
ตนอยู่ในบ้านของแฮกริดและในเวลานี้ฟ้าภายนอกก็ยังคงมืดอยู่
“คุณจะล้มหลายครั้งแล้วตอนที่เรากลับมาด้วยกัน ผมเลยพาคุณมาที่นี่หัน
ไปอีกทีคุณก็หลับไปแล้ว” ยาช่าพูดแล้วลุกไปรินน้ำชาจากกาบนโต๊ะมาให้เธอ
พอเด็กชายขยับตัวนกฮูกตัวที่เกาะตรงหน้าต่างอยู่อย่างหวาดระแวงก็บินพรวดพราดหนีไปในความมืด
“นกฮูกนั่น” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ของศาสตราจารย์มักกอนนากัลครับ อาจารย์ส่งจดหมายมาบอกให้แฮกริดเข้าไปตรวจ
ในป่าต้องห้ามเพราะกลัวว่าจะมีคนของลอร์ดโวลเดอมอร์ซ่อนตัวอยู่” ยาช่าเล่าแล้วหยิบจด
หมายบนโต๊ะขึ้นมาให้เธอเห็น
“แฮกริดรู้ว่าฉันมาเหรอ” เด็กหญิงถาม...บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องของเธอกับมัลฟอยแล้ว
“ไม่ฮะ โชคดีเรามาตอนแฮกริดออกไปพอดี ไม่มีใครเห็นคุณหรอก” ยาช่าพูดแล้วยื่นถ้วยชา
ให้เฮอร์ไมโอนี่รับไปด้วยมืออันสั่นเทาก่อนที่เขาจะเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงของเธอ
“เขาอาการหนักจริง ๆ คุณฝันร้ายก็ไม่แปลกหรอก” เด็กชายหมาป่ามีสีหน้ากังวลแล้วเขาก็เงียบ
ไปทันทีเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่เอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ ยาช่าหน้าเจื่อนไป
เขาไม่ควรพูดถึงอาการของมัลฟอยในแง่ไม่ดีตอนนี้
:**~~**~:**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**
วันนั้นเป็นอีกวันที่เฮอร์ไมโอนี่เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง เธอเหม่อลอยจนไม่รู้ตัวว่าต้องช่วยเหลือ
เนวิลล์ในคาบวิชาปรุงยาที่นับวันสเนปยิ่งเห็นเด็กชายเป็นเหยื่อที่สมควรจะเก็บไว้ทึ้งเนื้อกินนาน ๆ
แฮร์รี่กับรอนพยายามจะช่วยเนวิลล์เสียเองแต่สุดท้ายก็เป็นผลให้กริฟฟินดอร์ถูกหักคะแนน
ไปสามสิบคะแนนรวด
“สำหรับความผูกพันอันน่าขยะแขยงของพวกเธอ” สเนปจ้องหน้าเด็กชายทั้งสามคนอย่างเหยียดหยาม
อาจจะมีเพียงเขาคนเดียวที่ดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจไปกับการบาดเจ็บของมัลฟอยทั้งที่ตนเองเป็นอาจารย์
ผู้ดูแลบ้านสลิธีริน ผิดกับอาจารย์คนอื่น ๆ ที่ยังมีท่าทางกังวลบ้าง
“ไอ้คนไม่มีใครคบ…” รอนกัดฟันพูดหลังจากที่เดินออกมาจากห้องเรียนวิชาปรุงยาแล้ว
ตลอดระเบียงมีนักเรียนบ้านอื่น ๆ ที่เพิ่งหมดคาบเรียนเช่นกันเดินปะปนกันแน่นขนัดทำให้เกิด
เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กพอช่วยกลบคำพูดของรอนไปได้ - - ถึงจะรู้อยู่แก่ใจถึงนิสัยของสเนปดี
แต่รอนก็ดูแค้นเคืองกว่าทุกคนเพราะพรีเฟ็กอย่างเขาไม่สมควรจะเป็นสาเหตุไปด้วย
“เฮ้ พวกนายได้ยินข่าวนี้รึยัง” ดีน โธมัสแหวกบรรดาเด็กคนอื่น ๆ วิ่งมาหาทั้งสามคน
แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่หยุดเดิน เป็นผลให้เด็กหลายคนที่ได้ยินเข้ารีบวิ่งมามุงรอบดีน
อย่างอยากรู้อยากเห็น
“นายได้ยินว่ามาดามพอมฟรีย์มีข่าวอยากแจ้งให้ทุกคนทราบคืนนี้กันรึยัง”
“เรื่องมัลฟอยรึเปล่า” รอนถาม
ดีนเงียบไปเหมือนเร้าความสนใจ
“หมอนั่น....ตา- - เอ่อ...เป็นหนักมากเลยล่ะมั้ง” เนวิลล์ห้ามปากตัวเองไว้ได้ทัน
เขาไม่ต้องการพูดว่า “ตาย” ถึงแม้ว่าจะเป็นมัลฟอยก็ตาม
“ไม่ฟื้นตั้งห้าวัน ร่างกายรับไม่ไหวหรอก” รอนผิวปากเบา ๆ อย่างไม่ร้อนใจ
“ตกลงใช่เรื่องมัลฟอยรึเปล่า” แฮร์รี่เริ่มรำคาญเมื่อเจ้าของข่าวไม่เฉลยสักที
เด็กทุกคนจ้องหน้าดีนอย่างให้ความหวัง
“เอ่อ - - จริง ๆ แล้วฉัน ไม่รู้ น่ะ”
เสียงโห่ดังสนั่นไปทั่วทางเดิน ดีน โธมัสดูมีน้ำโหขึ้นทันที
“เฮ้! แต่ฉันก็รู้มาว่าวันนี้มาดามจะขึ้นพูดล่ะน่า - - ก็คงเป็นเรื่องมัลฟอยนั่นแหละ”
เชมัสยักไหล่อย่างคนรู้มากกว่า
“แต่ฉันได้ยินอีกข่าวนะ มาดามอาจจะพูดเรื่องมิสซิสนอร์ริสก็ได้ มีคนบอกว่ามัน
ไม่สบายเพราะช็อกสุดขีด - - นายคิดดูสิมี ตัว อะไรที่ทำให้ยายแมวแก่หน้าโง่นั่นตกใจจน
ขนร่วงหมดตัวเมื่อคืนนี้....สะใจเป็นบ้า”
เมื่อได้เวลาอาหารเย็นที่ทุกคนรอคอยเด็กนักเรียนก็เริ่มทยอยเข้ามาในห้องโถงกลางเป็นกลุ่ม ๆ
แต่ในวันนี้บรรยากาศดูอึมครึมกว่าทุกครั้งเพราะแทบทุกคนแอบรู้มาว่า มาดามพอมฟรีย์จะ
พูดถึงอาการล่าสุดของมัลฟอย ฝั่งบ้านสลิธีรินนั้นเงียบเหงากว่าทุกวันแครบกับกอยล์แม้จะดู
ไม่ผอมลงกว่าเดิมสักเท่าไรแต่ก็ซีดเซียวและดูอดนอน ทุกคนแยกย้ายกันนั่งเก้าอี้ที่เรียงราย
ไว้เป็นระเบียบตามโต๊ะบ้านของตัวเองจนครบอย่างเงียบ ๆ
จานทองตรงหน้าพวกเขายังคงว่างเปล่าแต่เด็ก ๆ ก็ไม่ได้มีท่าทางว่าอยากรับประทานอาหารกันเต็มแก่
ทุกคนมีเรื่องต้องครุ่นคิดต่างกันออกไป - - หากมีการตายเกิดขึ้นในโรงเรียน....ผู้ปกครองหลาย
คนที่เคยเชื่อกันว่าฮอกวอตส์นั้นปลอดภัยก็อาจจะต้องเรียกตัวนักเรียนบางคนกลับทันที
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเคาะแก้วสองสามครั้งเหมือนทุกทีที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จะพูด
อันที่จริงถึงเธอจะไม่เรียกความสนใจด้วยวิธีนี้ เด็กทุกคนก็กำลังรอเวลาอยู่แล้ว
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยืนขึ้นแล้วกระแอม
"ในยามที่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น..." พ่อมดเคราสีเงินยวงเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวานไปทั่วห้องโถง
"ไม่ว่ามันจะนำเรื่องสุขใจหรือเรื่องทุกข์ใจมาให้เราทุกคน สิ่งสำคัญคือเราต้องอยู่ด้วยกันกระทั่งสิ่ง
เลวร้ายนั้นผ่านไปพ้นไป...ด้วยดีหรืออาจจะผิดไปจากที่คิด"
เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากเมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายเหมือนพยายามจะปลอบใจเด็กทุก
คนกับสิ่งที่กำลังจะบอกต่อไปนี้
“ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วมาดามพอมฟรีย์จะไม่ขึ้นมาพูดกับพวกเธอด้วยตัวเอง...” ศาสตราจารย์ดัมเบิล
ดอร์มองไปรอบ ๆ เขาสัมผัสถึงความรู้สึกของเด็กทุกคนณ ที่นี้ได้เป็นอย่างดี
“แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้ควรจะให้เธอมาพูดด้วยตัวเองจะดีกว่า”
มาดามพอมฟรีย์ยืนขึ้นมองไปทั่วห้องโถงกลาง
“ฉันมีข่าวจะแจ้งให้ทุกคนทราบ” เธอเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง
ระหว่างนั้นเสียงคุยพึมพำของเด็กก็ดังขึ้นครู่หนึ่งเหมือนเป็นการบอกต่อระหว่างเด็ก
ที่รู้แล้วว่าพวกเขากำลังจะได้รับรู้เรื่องอะไรกับเด็กที่ยังไม่ทราบเกี่ยวกับหัวข้อในวันนี้
“มัลฟอยแน่” เด็กคนหนึ่งไปกระซิบกับเพื่อน
“หมอนั่น....เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
มาดามพอมฟรีย์กระแอมขึ้น บรรดานักเรียนเงียบลงแล้วหันไปมองเธอทันที
เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เธอตัดสินใจเสียมารยาทลุกจากเก้าอี้ก่อนจะวิ่งออก
ไปจากห้องโถงกลาง โชคดีที่เด็กหลายคนรวมทั้งอาจารย์ไม่ได้สนใจเพราะกำลังใจจดใจจ่อกับสิ่ง
ที่กำลังจะได้ฟัง
แฮร์รี่และรอนแปลกใจ
“ไปห้องน้ำมั้ง” รอนเดาแล้วหันกลับไปมองด้านหน้าตามเดิม
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งสุดชีวิตมาที่ห้องพยาบาล เสียงฝีเท้าของเธอกระทบกับทางเดินหินของ
โรงเรียนดังระรัวเหมือนเสียงหัวใจของเธอในเวลานี้ เสียงของมาดามพอมฟรีย์ดังไล่หลังเธอมาตามทาง
“คิดว่าหลายคนคงจะแล้วรู้ว่าฉันกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร....”
เฮอร์ไมโอนี่เร่งฝีเท้าขึ้นอีกแต่เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นในเวลานี้
ไม่สามารถกลบคำพูดที่เธอจดจำไม่รู้ลืมของเขาได้
ทำไม...ต้องเป็นเจ้าพอตเตอร์คนเดียวงั้นสิ!
วิสลีย์ไม่รู้หรอกน่า
แน่ใจเหรอที่พูดว่า “ไม่” ฉันขี้โมโหนะ
เมื่อถึงห้องพยาบาลเธอก็หอบฮัก เด็กหญิงสูดลมหายใจแล้วใช้เรี่ยวแรงสุดท้าย
ดันบานประตูขนาดใหญ่ให้เปิดออก - - เสียงของมาดามพอมฟรีย์จากห้อง
โถงกลางดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง
“เกี่ยวกับอาการของมิสเตอร์มัลฟอยที่ทุกคนเป็นห่วงอยู่”
เด็กหญิงฝืนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าด้วยขาที่แทบจะไม่มีแรงไปยังเตียงสุดท้าย
มัลฟอยยังคงนอนนิ่งเหมือนที่เห็นครั้งแรก ผ้าพันแผลตามตัวของเขาถูกแกะออกไปเกือบหมดแล้ว
เว้นไว้แต่ที่ศีรษะที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนที่อาการหนักที่สุด - - แผลภายนอกอาจจะหาย
แต่มันจะมีประโยชน์อะไร...ถ้าเขาไม่รู้สึกตัว
เด็กหญิงเริ่มร้องไห้ - - หัวใจของเธอเหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
แต่เสียงขอมาดามพอมฟรีย์ยังคงดังอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา
“ตั้งแต่ตอนแรกอาการของเขาก็เข้าขั้นสาหัส แทบจะไม่หายใจ กระดูกหักหลายที่และมีบาดแผล”
อย่าพูดอีกเลย! - - เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแล้วใช้หลังมือข้างหนึ่งของตัวเองเช็ดน้ำตาที่
ไหลพรากออกมาแต่เธอก็ห้ามความจริงไม่ได้...ความจริงที่มาดาพอมฟรีย์กำลังพูดถึงคนที่นอน
อยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้
“การที่เขาไม่ฟื้นตลอดห้าวันก็คงจะทำให้ทุกคนเข้าใจกันดีว่าความหวังที่จะให้เขาหายเป็นปกติมันน้อยเต็มที…
ซึ่งฉันก็ยอมรับว่าอยากจะบอกอาการของเขากับทุกคนมานานแล้ว”
เด็กหญิงเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วสะอึกสะอื้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา
“อย่างน้อยเพียงแค่มิสเตอร์มัลฟอยจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น - - ฉันภาวนาอย่างนั้น”
นาทีนั้นเอง.....เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกเหมือนมีคนดึงมือเธอไว้ เด็กหญิงหัน
ไปก็เห็นเปลือกตาปิดสนิทของมัลฟอยค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างช้า ๆ ตาสีซีดของอีกฝ่ายมองมาที่
เธอพร้อมกับมือของเขาบีบที่มือเธอเบา ๆ
“กระทั่งเมื่อคืนเขาถึงได้ฟื้นขึ้นมา...”
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาตอบทั้งที่น้ำตาทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัว...
เดรโก มัลฟอยยิ้มบาง ๆ พร้อมกับมือแข็งแรงของเขาดึงเธอให้โน้มตัวลงมาหา
เด็กหญิงยิ้มกว้างและเริ่มร้องไห้ - - เป็นการร้องไห้ด้วยความสุขเป็นครั้งแรก
เธอก้มลงไปหาเขาให้ริมฝีปากสีชมพูแตะกับเรียวปากซีดเซียวที่เริ่มมีสีเลือดของเขาอย่างแผ่วเบา
มัลฟอยคล้องแขนไว้รอบตัวเธออย่างอ่อนโยนและเริ่มขยับริมฝีปากเหมือนทุกครั้ง
เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยให้น้ำตาไหลหยดลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายที่นอนอยู่บนเตียง
แว่วเสียงมาดามพอมฟรีย์ดังขึ้นมาจากห้องโถงกลาง
“ตอนเขาปลอดภัยดีทุกอย่าง ฉันคิดว่าคงจะกลับมาเรียนได้ในไม่ช้า”
เสียงปรบมือกึกก้องดังขึ้นจากห้องโถงกลางราวกับเสียงคลื่นที่กระทบฝั่งระลอกใหญ่.....
นอกหน้าต่างของห้องพยาบาลคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพรายซึ่งกำลัง
ส่องแสงสว่างมาที่พวกเขาเหมือนเป็นสิ่งที่คอยเฝ้าดูเรื่องราวของทั้งสองมาตลอด
มัลฟอยกระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบาเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ขยับริมฝีปากออก
"เป็นห่วงฉันเหรอ เด็กดี"
To be continued!!!
No comments:
Post a Comment