Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 21: Another Dream Sequence

 ความฝันอีกฉากหนึ่ง (Another Dream Sequence)


          ละอองฝนกำลังโปรยปรายอยู่ด้านนอกหอคอยกริฟฟินดอร์ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นในตอนเช้า กระนั้นความชื้นบนกำแพงก็ไม่สามารถลอดผ่านเข้าไปในห้องนอนได้ เปลวไฟอบอุ่นกำลังลุกโชนอย่างเริงร่าห่างออกไปไม่กี่ฟุตจากเตียงของเฮอร์ไมโอนี่;แสงไฟสีแดงล้อมกรอบใบหน้าเธอตั้งแต่เธอตื่นนอนแล้ว เธอไม่เคยปิดผ้าม่านเวลานอนหลับ เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาและมองขึ้นไปที่กระโจมคลุมเตียงสี่เสาของเธอ รู้สึกพึงพอใจกับเวลานี้ที่ได้นอนอยู่เงียบๆ และหาความสุขกับความสันโดษของเธอ มันช่างวิเศษที่มีสถานที่สักแห่งที่ปลอดภัยสำหรับเธอ;สถานที่สักแห่งที่เธอสามารถหยุดและคิดโดยปราศจากการรบกวนโดยรอนหรือว่าแฮร์รี่ สถานที่สักแห่งที่เธอสามารถหลบซ่อนจากสายตารู้เท่าทันซึ่งเดรโกอาจเฝ้าดูเธออยู่ ความจริงแล้วห้องนอนของเฮอร์ไมโอนี่ได้กลายเป็นสถานที่หลบภัยจากภายนอกอีกแห่งของเธอ มันเป็นสถานที่แห่งเดียวที่เธอสามารถซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้านวมสีแดงทอง และแสร้งทำว่าทั้งโรงเรียนไม่ได้กำลังกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเธอเมื่อเธอเดินผ่านมา
          ประหนึ่งว่าสิ่งที่ถูกเก็บเป็นความลับมาค่อนข้างดี กลายเป็นหัวข้อเรื่องที่น่าสนใจที่สุดไปทั้งโรงเรียนอย่างฉับพลัน อันที่จริงไม่ใช่ว่าไม่มีใครรู้เรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่ถูกมอบหมายให้ทำงานร่วมกับเดรโก นั่นเป็นเรื่องพอจะรับได้ของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพวกเขารู้จักเฮอร์ไมโอนี่และเข้าใจการทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อการเรียนของเธอ แต่แล้วเมื่อค่ำคืนราวกับว่าทั้งฮอกวอตส์ดูเหมือนนั่งจับเข่าและเริ่มสังเกตว่า ไม่ใช่แค่เฮอร์ไมโอนี่กำลังทำงานร่วมกับเดรโก มัลฟอย บ่อยมากกว่าที่คนจะคิด แต่เธอดูมีความสุขกับมันด้วยเหมือนกัน และหนุ่มสลิธีรินผู้ที่กำลังถูกพูดถึงอยู่นี้ไม่ดูเหมือนวิตกกลัดกลุ้มมากมายเกี่ยวกับการจัดแจงเรื่องนี้อีกคน
          พวกที่ใกล้ชิดกับเธอทราบว่ามีบางอย่างมากกว่างานที่กำลังทำร่วมกับมัลฟอย มีหลายความคิดเห็นในหมู่เพื่อนของเธอว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเดรโก ส่วนใหญ่ของความเชื่อที่แพร่หลายคล้อยตามคำพูดของรอนมากบ้างน้อยบ้าง
          “เธอวิกลจริตไปแล้ว!”
          เฮอร์ไมโอนี่ทราบว่าเขามีเจตนาดี และทราบว่าแฮร์รี่และรอนกำลังพยายามปกป้องเธอเท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่ถูกมองเป็นแค่เด็กเล็กๆ เสมอ;เธอไม่ได้ต้องการพี่ชายคอยตามปกป้องเกินเหตุอย่างแน่นอน
          ดูเหมือนว่าบรรดาเพื่อนๆ ของเธอตัดสินใจว่า อะไรก็ตามที่เฮอร์ไมโอนี่ผู้น่าสงสารกำลังก่อให้เกิดปัญหากับตัวเองด้วยการไปข้องเกี่ยวกับเดรโก มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะบอกกับใคร ทุกคนดูเหมือนยินดีเต็มที่ไม่ใส่ใจพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอ และการยอมรับที่ผิดปกติของเดรโก  ทั้งโรงเรียนยังคงไม่รู้เรื่องว่าทั้งคู่ได้ถูกจัดให้อยู่ตามลำพังในห้องของพวกเขาแยกจากห้องสมุด
          แน่นอนว่าเรื่องนั้นได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เมื่อเดรโกมาเผชิญหน้ากับเธอที่ด้านนอกชั้นเรียนวิชาการแปลงร่างวันก่อน ไม่มีสิ่งใดให้ถูกกล่าวถึงที่อาจเกี่ยวพันกับพวกเขาคนใดคนหนึ่ง แต่คนทั่วไปที่ได้เห็นไม่ต้องการหลักฐานแน่นหนา;พวกเขาได้ยินทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าความโกรธแค้นและความสิ้นหวังในน้ำเสียงเรียบเฉย เสียดสีเย้ยหยันเป็นปกติของเดรโก แต่ที่น่าประหลาดใจมากยิ่งกว่านั้นคือการยอมรับของเฮอร์ไมโอนี่ต่อการเรียกร้องของเขา
          ข่าวลือได้เริ่มต้นขึ้นอย่างทันทีทันใด นานแค่ไหนแล้วที่พวกเขามีความสัมพันธ์ซึ่งกำลังพูดกันอยู่นี้? ทำไมเฮอร์ไมโอนี่ไม่สาปส่งเขาไปเสีย? ทำไมเดรโกต้องอดทนอดกลั้นกับเลือดสีโคลนตรงหน้าเขา? พวกเขาเป็นเพื่อนกันหรือ? หรือว่าพวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อน?  ปีนี้มีความตื่นเต้นน้อยมากเกิดขึ้นในฮอกวอตส์  ไม่มีการแข่งขันไตรภาคีเวทย์  ไม่มีนักเรียนถูกทำให้หวาดกลัว และไม่มีนักโทษหลบหนี   ดังนั้นข่าวซุบซิบขี้ประติ๋วเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่กำลังเริ่มเป็นไปได้ระหว่าง
กริฟฟินดอร์คนหนึ่งกับสลิธีรินคนหนึ่ง  จึงแพร่สะพัดไปทั่วตลอดห้องโถงทางเดินเหมือนไฟป่า
เฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดว่าเธอรู้สึกประหม่าอายแบบนี้นับตั้งแต่เธออยู่ชั้นปีที่หนึ่ง เมื่อเธอสูญเสียคะแนนบ้านทั้งหมด
          เธอซุกตัวลึกเข้าไปในผ้าห่มและหลับตาลงอีกครั้ง เธอไม่อยากออกจากห้องนี้อีกเลย
          “เฮอร์ไมโอนี่? เธอตื่นแล้วใช่ไหม?” น้ำเสียงคุ้นหูมากๆ เสียงหนึ่งกระซิบ
          เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาและเหลือบมองด้านข้าง พบปาราวตีและลาเวนเดอร์กำลังนั่งอยู่บนเตียงใกล้ๆ  บางอย่างเกี่ยวกับท่าทางที่พวกหล่อนกำลังมองเธออย่างครุ่นคิด ทำให้เธอร้องโอดครวญอยู่ข้างใน
          “เฮอร์ไมโอนี่ พวกเราดีใจมากเลยที่เธอตื่นแล้ว พวกเราอยากคุยกับเธอแบบผู้หญิงกับผู้หญิงคุยกัน เธอเข้าใจใช่ไหม?” ลาเวนเดอร์บอกพร้อมกับส่งยิ้มแบบหนึ่งมาให้ซึ่งเฮอร์ไม่ชอบเลย
          “เธอรู้นะ เฮอร์ไมโอนี่ มีการพูดกันมากมายไปทั่วโรงเรียนและ...” ปาราวตีเริ่มต้นแต่ถูกขัดจังหวะโดยเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังเตะผ้าห่มและปีนออกจากเตียงอย่างว่องไว
          “โอ้ไม่ ดูเวลาซิ มันเจ็ดโมงครึ่งแล้วหรือนี่?” เฮอร์ไมโอนี่ตั้งคำถาม ระหว่างที่ผลุบหายเข้าไปในตู้เสื้อผ้า และโผล่ออกมาไม่กี่วินาทีต่อมา พร้อมกับดึงเสื้อคลุมยาวมาสวมทับเสื้อผ้าเธอ
          ลาเวนเดอร์กับปาราวตีไม่ยอมให้ถูกขัดขวางง่ายๆ เลย  พวกหล่อนเฝ้าตามเธอไปทั่วห้องในระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่เก็บรวบรวมบรรดาปากกาขนนกและหนังสือทั้งหลายของเธอ “เธอกำลังจะไปพบมัลฟอยใช่ไหม?” ลาเวนเดอร์ถาม
          เฮอร์ไมโอนี่หันขวับมาที่ปาราวตีกับลาเวนเดอร์ “มัลฟอยรึ? ไม่ใช่เลย ฉันจะไปดูแฮร์รี่และรอนฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันคราวหน้า” นี่เป็นเรื่องโกหกชัดๆ เธอกำลังวางแผนมุ่งหน้าไปที่ห้องสมุดเพื่อพบมัลฟอย และเฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจเลยว่าแฮร์รี่และรอนมีตารางการฝึกซ้อมในเช้าวันนี้หรือไม่
          “ถ้างั้นเราทั้งหมดไปด้วยกันเลย” ปาราวตีบอกอย่างร่าเริง แล้วคล้องแขนเข้ากับแขน
เฮอร์ไมโอนี่ และลากเธอออกประตูไป
          “ไม่ต้องหรอก ฉันคิดว่าฉันไปเองได้” เฮอร์ไมโอนี่วิงวอนอย่างสิ้นหวัง รู้ว่าการซักฟอกรออยู่ใกล้แค่เอื้อม
          “เหลวไหล! ปาราวตีและฉันชื่นชอบการดูกีฬาควิดดิช  และเราไม่เคยได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากพอเลยใช่ไหม ปาราวตี?”
          พวกหล่อนลากเธอลงไปที่ขั้นบันได เฮอร์ไมโอนี่กำลังพยายามคิดหาอะไรสักอย่าง เพื่อให้สามารถพาตัวเองหนีจากเพื่อนร่วมห้องผู้ซึ่งทำให้เธอนึกถึงนกฮาพิ(Harpy=สัตว์ประหลาดมีใบหน้าเป็นผู้หญิงแต่ลำตัวเป็นนก)
          “เฮอร์ไมโอนี่!” เสียงหนึ่งเรียกมาจากทางเข้าประตูของนักเรียนหญิงชั้นปีที่สี่ “โอ้ ฉันดีใจมากเลยที่เจอเธอ ฉันต้องการให้เธอช่วยเรื่องปัญหาการบ้านวิชาเวทมนตร์ศาสตร์ของฉันหน่อย”
จินนี่ก้าวออกมาจากห้องของเธอ พร้อมกับส่งยิ้มกว้างมาให้เฮอร์ไมโอนี่
          “เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะไปกับพวกเราเพื่อดูการฝึกซ้อมควิดดิช” ปาราวตีบอกเธออย่างเฉยเมย
          “โอ้ย เรื่องนี้ใช้เวลาแค่นาทีเดียวเอง” จินนี่คว้ามือข้างหนึ่งของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วกระชากเธอออกมาจากคนอื่น “หล่อนจะตามไปสมทบกับพวกเธอ!” จินนี่ลากเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปในห้องเธอ และปิดประตูใส่หน้าลาเวนเดอร์กับปาราวตี
          เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงที่ปลายเตียงของจินนี่ แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณนะ”
          “ไม่ต้องคิดมากหรอก เธอดูท่าทางสมควรได้รับการช่วยเหลือ สองคนนั้นไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ให้ทำหรือไงนะ?” จินนี่ซึ่งยังอยู่ในชุดนอน ล้มตัวลงบนเตียงถัดจากเฮอร์ไมโอนี่
          “ไม่มีสักคนเลยที่ดูเหมือนว่ามีอะไรดีกว่านี้ให้ทำ” เฮอร์ไมโอนี่บ่น
          “โธ่เอ๊ย เธอคาดหวังอะไรล่ะ? เธอข้องเกี่ยวกับมัลฟอยใช่ไหม?” จินนี่จ้องเฮอร์ไมโอนี่
          “อะไรนะ?” เฮอร์ไมโอนี่หน้าร้อนผ่าว “ฉัน...ฉันเปล่านะ! นั่นคือเรื่องที่ทุกคนกำลังพูดกันรึ?”
          “มันเป็นทฤษฎีหนึ่งที่แพร่หลาย มันอยู่ภายใต้ความเชื่อว่าเธอกำลังใช้เดรโกเพื่อทำให้รอน และ/หรือแฮร์รี่หึงหวง หรือไม่ก็เขามีบางอย่างใช้ขู่กรรโชกเธอเพื่อให้ทำงานทั้งหมดของเขา และเรื่องสุดโปรดส่วนตัวของฉันคือ เธอเป็นน้องสาวฝาแฝดที่หายไปนานของมัลฟอย เธอมีความสุขมากๆ เลยที่ในที่สุดก็ได้มาอยู่รวมกันอีกครั้ง และเธอกำลังใช้เวลาทั้งหมดของพวกเธอร่วมกัน”
          “แต่ว่าฉันไม่เหมือนเดรโกเลยสักนิดเดียวนะ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ ท่าทางตกตะลึงชั่วขณะแล้วเบิกตาโตมองไปที่จินนี่ “เธอเพิ่งแต่งเรื่องนั้นขึ้นมา!”
          “ใช่แล้ว ฉันคิดว่าฉันทำ แต่จริงๆ แล้วบางเรื่องที่ผู้คนกำลังพูดกัน มันช่างน่าหัวเราะสิ้นดีเลย”
          “เธอไม่ได้กำลังช่วยเหลือ จินนี่” เฮอร์ไมโอนี่งึมงำอย่างไม่ชอบใจ
          จินนี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้เฮอร์ไมโอนี่ “มันจะลืมไปเอง ฉันสัญญา  พวกนักเรียนเดี๋ยวก็เบื่อกันแล้ว จำข่าวลือทั้งหลายที่แพร่กระจายหลังจากเธอได้ไปงานเต้นรำวันคริสต์มาสกับวิกตอร์ ครัม เมื่อปีที่แล้วได้ไหม? ฉันพูดได้เลยนะเฮอร์ไมโอนี่ ว่าชีวิตรักของเธอมันน่าตื่นเต้นเหลือหลายเกินกว่าที่ชาวฮอกวอตส์ไม่สนใจได้”
          “ฉันถูกพูดถึงเกินจริง จริงๆ นะ” เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้นแล้วเดินไปรอบห้อง “เวลานี้ฉันควรจะทำอะไรดี?”
          จินนี่หายเข้าไปในตู้เสื้อแล้วโผล่ออกมาในชุดเสื้อคลุมนักเรียน “ไปกินอาหารเช้ากับฉันนะซิ การกินอาหารคนเดียวเพียงแค่จะหลบหน้าคนทั้งโรงเรียนไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ นอกจากนั้นยิ่งเธอหลบซ่อนจากทุกๆ คน เธอจะยิ่งดูมีความผิดมากขึ้น”
          “เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
          “ฉันมีพี่ชายตั้งหกคน และเธอก็เจอแม่ฉันแล้ว ฉันรู้ว่าจะหลีกเลี่ยงจากเส้นทางแห่งความยุ่งยากได้อย่างไร สิ่งที่ดีที่สุดที่เธอสามารถทำได้คือ เผชิญหน้าพวกนั้นและหัวเราะ” จินนี่คล้องแขนเข้ากับแขนเฮอร์ไมโอนี่ แล้วพาหญิงสาวออกไปจากห้อง
          “นี่อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีก็เป็นไปได้” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ เมื่อพวกเธอออกจากหอคอย
กริฟฟินดอร์
          ช่วงเวลาอาหารเช้าปรากฏว่าดีมากกว่าที่เฮอร์ไมโอนี่คาดไว้  ระหว่างที่ทั้งห้องโถงกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้นกับการเข้ามาของเธอ สีหน้าตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่เธอแสดงออกมา ดูเหมือนเอาชนะแม้แต่พวกชอบซุบซิบตัวฉกาจที่สุดได้ หลังจากการจ้องมองอย่างไม่พอใจกับท่าทางการปฏิเสธ
ไม่รับรู้ของเธอแล้ว  นักเรียนส่วนใหญ่เริ่มหันกลับไปใส่ใจกับมื้ออาหารของพวกเขา  และปล่อยให้
เฮอร์ไมโอนี่กินอาหารของเธอไป       
          “อู้หู เฮอร์ไมโอนี่ ลองไอ้นี่หน่อยซิ” จินนี่ตักไข่จำนวนมากวางใส่บนจานของเธอ มีเปลือกไข่สีสันน่ากินชิ้นเล็กๆ กระจายไปทั่วอยู่ในตัวมัน
          เฮอร์ไมโอนี่มองที่จานเธออย่างตกใจแล้วส่งกลับคืนจินนี่ “เธอรู้ไหม จิน แม่ฉันพยายามเอาเปลือกไข่ออกจากอาหารในมื้อเช้าเป็นประจำ”
          จินนี่ย่นจมูก “ทำไมเธอจะต้องทำแบบนั้น? เปลือกไขนี่แหละเป็นส่วนที่มีรสชาติอร่อยที่สุดเลยนะ” เธอจิ้มส้อมลึกลงในอาหารของเธอ
          เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไรและเอื้อมไปหยิบขนมปังปิ้งหนึ่งชิ้น โดยปกติแล้วเธอเพลิดเพลินกับอาหารแห่งโลกเวทมนตร์ แต่วันนี้บางสิ่งที่วิเศษและคุ้นเคยน่าจะดีมากกว่านี้
          เสียงเคลื่อนไหวดังกรอบแกรบดึงความสนใจของเธอ เธอเงยขึ้นมองบรรดานกฮูกยามเช้ากำลังโฉบลงมาเหนือพวกเธอ เฮดวิกลงมาหยุดที่โต๊ะของพวกเธอและมองไปรอบๆ เพื่อหาแฮร์รี่
          “เสียใจนะ เฮดวิก” จินนี่บอกเจ้านกฮูกหิมะ “แฮร์รี่อยู่ที่สนามฝึกซ้อม”
          เจ้านกฮูกบินขึ้นไปด้วยความหงุดหงิด จินนี่เฝ้าดูมันบินวนสูงขึ้นไป  แต่ว่าสายตาของ
เฮอร์ไมโอนี่กำลังไล่ตามนกฮูกที่ต่างไปอีกตัวหนึ่ง นกฮูกเหยี่ยวของเดรโกได้ร่อนลงอย่างรวดเร็วที่โต๊ะสลิธีริน ถอยหลังแทบวินาทีสุดท้ายและพลาดฝังกรงเล็บอันแหลมคมลงในศรีษะของเดรโกไปอย่างหวุดหวิด นกตัวนี้กำจดหมายฉบับหนึ่งไว้  เฮอร์ไมโอนี่วางขนมปังปิ้งลง  เธอทราบโดยปราศจากข้อกังขาว่า เดรโกกำลังจะทำบางอย่างที่โง่เขลามากๆ  และทราบว่าเขากำลังจะเปิดจดหมายฉบับนั้นซึ่งมาจากพ่อของเขา
          เฮอร์ไมโอนี่ได้ทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้เขาเชื่อว่า ถ้าแม่ของเขาไม่สบายจริงๆ อาจารย์ใหญ่จะต้องบอกเขา เธอหวังว่าเธอคงดูเหมือนจริงใจมากกว่าที่เธอรู้สึก เดรโกมีมุมมองที่ดีเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่น้อยกว่าเหตุการณ์ที่กำลังปรากฏอยู่นี้
          แต่เฮอร์ไมโอ่นี่ไม่อาจเชื่อได้ว่าแพนซี่กำลังพูดความจริง มันต้องเป็นกลอุบายสักอย่าง
          เดรโกเหลือบตาขึ้นจากทางยาวของโถงทางเดิน เธอเห็นดวงตาสีเทาของเขา แม้ว่าระยะห่างขนาดนี้เธอก็ทราบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาต้องรู้ให้ได้แม้ว่าจดหมายฉบับนี้ถูกลงคาถาชั่วร้ายบางอย่างไว้ แม้ว่าพ่อเขากำลังโกหก เขาก็ต้องรู้ให้ได้
          เดรโกลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน พวกสลิธีรินหลายคนหยุดกินแล้วมองมาที่เขา เขาส่งสายตาสื่อสารกับเธอแวบหนึ่ง ก่อนหันหลังและเดินอย่างรวดเร็วออกไปจากห้องรับประทานอาหาร พร้อมกับจดหมายในมือ
          เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นทันทีเกือบชนแก้วน้ำฟักทองหล่น จินนี่เงยมองเธอด้วยความประหลาดใจ แต่เฮอร์ไมโอนี่ผลักเก้าอี้ไปด้านหลังเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะปลีกตัวออกไปจากกริฟฟินดอร์คนอื่นๆ
          “เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะทำ...” จินนี่ชะงัก ขณะที่เธอมองตามสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ไป และเห็นเดรโกออกไปจากห้องโถง
          “เฮอร์ไมโอนี่ นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ” เธอกระซิบ เพราะว่านักเรียนคนอื่นๆ กำลังเริ่มสังเกตเห็น
          เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจเธอ และวิ่งอย่างรวดเร็วผ่านหลายโต๊ะแล้วออกประตูตามหลังเดรโกไป มันแทบจะน่ายินดีเมื่อตระหนักว่าเธอไม่แคร์ว่าใครจะคิดอะไรทั้งนั้นในเวลานี้
          เธอไม่แม้แต่จำเป็นต้อคิดว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหน ห้องเล็กที่แยกจากห้องสมุดฝังแน่นอยู่ในใจเขาเช่นเดียวกับของเธอ เฮอร์ไมโอนี่มุ่งหน้าตรงไปยังห้องสมุด แล่นถลาไปที่โถงทางเดินและหยุดมาเดินแค่นั้น เมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลและศาสตราจารย์ฟลิตวิกโผล่ออกมาจากห้องเรียนห้องหนึ่งด้วยกัน มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกช่างน่าเย้ยหยันเมื่อเธอเร่งความเร็วอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอกำลังวิ่งไล่ตามเดรโก มัลฟอย เมื่อแค่ปีก่อนหรือบางทีแค่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เธออาจไม่แม้แต่รู้สึกยินดียินร้ายในความทุกข์ทรมานของเขา แต่กระนั้นบางทีถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาอาจจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยพิจารณาถึงเรื่องนี้ว่าอาจจะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธอ เธอไม่เคยถามเดรโกว่าทำไมเขาไม่กลายเป็นผู้เสพความตาย
          เธอชนกองหนังสือล้มคว่ำเมื่อเข้าไปในห้องสมุด ไม่สนใจบรรณารักษ์ที่ตะโกนตามหลังเธอ นักเรียนบางคนเงยมองด้วยความแปลกใจเมื่อเธอทำแบบนั้น เฮอร์ไมโอนี่เป็นแขกประจำสม่ำเสมอของห้องสมุด แต่การเห็นเธอกำลังวิ่งและชนข้าวของล้มคว่ำ ดูเหมือนแปลกไปจากอุปนิสัยของหนอนหนังสือสาวผู้เงียบขรึม เธอก้าวขึ้นบันไดวนเล็กๆ ทีละสองขั้น และผลักประตูเปิดห้องของพวกเขาด้วยความดุเดือดจนมันไปกระแทกผนังห้อง
          “เดรโก อย่านะ” เธอตะโกนออกไปอย่างสิ้นหวัง
          เดรโกกำลังยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าวภายในห้อง พร้อมกับฉีกเปิดซองจดหมายไปเรียบร้อยแล้ว “ไม่ต้องกังวล” เขาบอกเธอโดยไม่เงยมองในระหว่างที่เขาคลี่แผ่นกระดาษนี้ “มันเป็นแค่จดหมายน่ะ”
          “เธอแน่ใจหรือ?” เธอพูดพร้อมกับหายใจหอบ
          เขาพยักหน้า เธอทรุดตัวลงในเก้าอี้พร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเริ่มถูสีข้างของเธฮตรงที่เสียดยอกอย่างแรงซึ่งเกิดขึ้นตามเส้นทางที่เธอวิ่งมายังห้องสมุด
          “เธอสามารถอ่านมันได้ถ้าเธอต้องการ” เขาบอกทื่อๆ  หย่อนจดหมายลงใส่หน้าตักเธอก่อนหันกลับไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งแล้วนั่งลง
          เฮอร์ไมโอนี่จ้องแผ่นกระดาษเขม็งอย่างระวัง แล้วเหลือบมองไปทางเดรโก เขาเริ่มทำเครื่องหมายต่างๆ ลงในหนังสือ และดูเหมือนไม่สนใจตัวเธอกับจดหมายเลยทีเดียว เธอยักไหล่แล้วหยิบมันขึ้นมาเริ่มอ่าน
          เดรโก,
          ฉันไม่มีหนทางไหนเพื่อส่งข่าวสารให้แกได้ นอกจากหวังว่าแกจะเก็บความดื้อรั้นแบบเด็กๆ ของแกไปในที่สุด และอ่านจดหมายพวกนี้ที่ฉันส่งให้แกผ่านนกฮูกไปรษณีย์ ฉันเห็นภาพแกทำลายพวกมันเป็นส่วนใหญ่  แต่ก็เต็มไปด้วยความหวังว่าความมีเหตุผลจะแทรกผ่านเข้าไปได้  และฉันจะสามารถติดต่อกับแกได้
          ฉันเกรงว่ามีเวลาเหลือน้อยมากสำหรับแม่ที่รักของแก เธอล้มป่วยด้วยโรค Aucupor ที่ร้ายแรง ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เซนต์มันโกได้รับรองกับฉันว่า พวกเขาจะทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อช่วยเหลือให้หล่อนฟื้นตัว อย่างไรก็ตามนี่เป็นการเจ็บป่วยที่แสนลำบากเหลือเกิน  แม่ของแกเป็นผู้หญิงบอบบางเสมออยู่แล้วด้วยร่างกายที่อ่อนแอกระเสาะกระแสะ ฉันไม่อาจเชื่อได้ว่าหล่อนมีกำลังมากพอที่จะฟื้นไข้ หล่อนยังประสบกับความโชคร้ายมากทีเดียวเมื่อแกได้ทำตัวเหินห่างจากพวกเรา ฉันเชื่อว่าสิ่งนี้มีผลมาจากอิทธิพลอันมากเกินไปของปัจจัยต่างๆ ที่น่ารังเกียจในโรงเรียนของแก เช่น อาจารย์ใหญ่กับพวกเด็กมักเกิ้ลมีค่าของเขา แกและฉันรู้ความจริงดีทีเดียวว่าเรื่องที่แกทรยศครอบครัวของแกด้วยการกระทำอันน่ารังเกียจเช่นนี้ อาจจะทำลายความเป็นไปได้ทั้งหลายในการฟื้นไข้ของหล่อนอย่างแน่นอน
          ฉันกำลังดูแลอาการเจ็บป่วยของหล่อนเท่าที่การปกป้องของสามีอย่างฉันทำได้ ฉันเชื่อว่าการช่วยเหลือที่หลั่งไหลอย่างท่วมท้นจากเพื่อนๆ ของหล่อนอาจไม่มีประโยชน์ มีแต่พวกที่จะใช้ความอ่อนแอนี้เพื่อส่งผลกระทบต่อเป้าหมายต่างๆ ของฉัน มีเพียงเพื่อนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับทราบข้อมูลเรื่องความร้ายแรงในการเจ็บป่วยของหล่อน
          ฉันไม่มีภาพลวงตาเรื่องความรู้สึกของแกที่มีต่อฉัน แต่ฉันหวังว่าฉันได้อบรมเลี้ยงดูแกมาดีมากพอ ที่แกจะแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับความเป็นความตายของแม่แก และทางเลือกอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นี้วางไว้บนไหล่ที่ค่อนข้างไม่ซื่อสัตย์ของแก
                                                                                      พ่อ
          เฮอร์ไมโอนี่เงยขึ้นมอง “เดรโก?”
          “ฉันไม่ต้องการพูดถึงมัน” เขาบอกสั้นๆ โดยไม่เงยหน้า
          “แต่ว่าเธอไม่สามารถเชื่อว่าเป็นไปได้...”
          “ฉันบอก” เดรโกปิดหนังสือเสียงดัง แล้วจ้องเขม็งมาที่เฮอร์ไมโอนี่ “ว่าฉันไม่อยากพูดถึงมัน”
          “เธอคงไม่ยอมรับเรื่องนี้ตามที่ได้อ่านหรอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้น แล้วเริ่มก้าวไป “ฉันหมายถึงว่าไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ว่าแม่ของเธอแม้แต่เป็นหวัดอยู่ตามลำพังจนกลายเป็นการไม่สบายขั้นวิกฤติ”
          เดรโกลุกขึ้นและมองอย่างเหี้ยมโหดมาที่เฮอร์ไมโอนี่ “มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ เกรนเจอร์”
          เฮอร์ไมโอนี่หยุดเดิน สำรวจเขาด้วยความคาดไม่ถึง “อะไรนะ?”
          “มันไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ” เดรโกหันหลังให้เธอแล้วไปที่กองหนังสือ ดึงเล่มหนึ่งที่เขาต้องการออกมาและกลับไปที่นั่งเขา ดึงปากกาขนนกด้ามหนึ่งที่พบอยู่ใต้ม้วนกระดาษออกมา
          เฮอร์ไมโอนี่ยืนทื่อพูดไม่ออกในระหว่างที่มองเขา “ถ้างั้นเธอต้องการให้เป็นอย่างไงล่ะ?”
เธอรอให้เขาพูดหรือทำบางอย่าง ทว่าเขายังคงนั่งนิ่งอย่างปลงตก “ดีจริง” เธอพึมพำ
          เฮอร์ไมโอนี่เคลื่อนผ่านเขาและฉวยหนังสือเล่มหนึ่งจากโต๊ะ เธอเหลือบดูเขาข้ามไหล่ระหว่างที่ยัดมันลงในกระเป๋าหนังสือ แล้วผลุนผันออกจากห้องไป เดรโกไม่เงยขึ้นมองเลย
__________________
          เฮอร์ไมโอนี่นั่งขัดสมาธิบนพื้นห้องอยู่ปลายเตียงนอน พร้อมกับเปิดพจนานุกรมภาษา
ละตินอย่างโมโห เสียงฉีกขาดเกินคาดคิดตามมาติดๆ จากการกระทำของเธอ เฮอร์ไมโอนี่เบิกตาโตใส่แผ่นกระดาษขาดที่อยู่ในมือเธอ
          “โฮ้ บ้าชะมัดเลย!” เฮอร์ไมโอนี่วางหนังสือลงแล้วดึงไม้กายสิทธิ์ของเธอออกมา และซ่อมแซมกระดาษที่ขาด
          เฮอร์ไมโอนี่เอนพิงไปด้านหลัง หลับตาลงพยายามบังคับตัวเองให้ลืมเรื่องจดหมาย เธอต้องการลืมทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลมัลฟอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดรโก เธอไม่แน่ใจว่าเขากลายเป็นบุคคลสำคัญในใจเธอตอนไหน แต่เวลานี้เธอเหมือนไม่สามารถขับไล่เขาออกไปจากความคิดของเธอได้
          เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาไม่คิดว่ามันไม่ถูกต้อง มันไม่มีทางเป็นเรื่องจริงได้
ใช่ไหม? มันช่างดูประจวบเหมาะเกินไป และเดรโกเพิ่งดูเหมือนว่ากำลังยอมรับมัน เธอไม่เข้าใจเลย และเธอก็ไม่เข้าใจด้วยเช่นกันตอนที่เธอออกจากห้องของพวกเขาเมื่อเช้านี้ มันรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาได้ประสบมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดูคล้ายกับนำพวกเขามาอยู่ด้วยกันและทำให้หนทางต่างๆ เลอะเลือนแบ่งแยกพวกเขาอยู่เสมอได้หายไปแล้วในเวลานี้ เธอออกจากห้องนั้นมาพร้อมกับรู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า
          “ไม่ ไม่ใช่คนแปลกหน้า” เธอกระซิบแผ่ว “ศัตรู”
__________________
          ตรอกแห่งนี้มืดทึบ แต่ก้อนหินหยาบทั้งหลายของถนนสายนี้ ทำให้แสงจากพระจันทร์
หักเห ส่งผลให้มันสาดส่องลึกเข้าไปในสถานที่หลบภัยในความมืดที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังหมอบคู้อยู่ เสียงหลายเสียงสามารถถูกได้ยินและเฮอร์ไมโอนี่พยายามเงี่ยหูฟัง เสียงหัวเราะแหบห้าวประสานกันกลบเสียงอื่นๆ  เฮอร์ไมโอนี่ชะโงกตัวออกไปจากตรอกเพื่อจะดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าบ้านเก่าโทรมหลังหนึ่ง เดรโกนั่งแผ่อยู่บนพื้นดิน ท่าทางค่อนช้างแย่มีเลือดไหลที่ริมฝีปาก และรอยฟกช้ำบนแก้มซีดเผือดของเขา  พ่อของเดรโกยืนอยู่เบื้องหน้าเขา กำลังชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ลูกชาย เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างและสะดุดเซไปข้างหน้าเข้าไปในถนน
          “เดรโก” เธอร้องตะโกน รู้ว่าเธอไม่สามารถทำอะไรได้เพื่อช่วยเหลือเขา แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถห้ามตัวเองจากความพยายามได้
          เดรโกเหลือบมองมาทางเธอ “ทั้งหมดนี้สำหรับความล้มเหลวหรือ?”
          “อะไร?” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบอย่างไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่าไม่มีเงาดำพร่ามัวคนไหนสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเธอ
          “การค้นคว้าทั้งหมดของฉันเป็นการสูญเปล่าหรือ?” เดรโกพูดซ้ำ
          เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นเทาเมื่อสายลมหนาวพัดต้องเสื้อคลุมยาวของเธอ แต่เธอไม่ได้กำลังใส่เสื้อคลุมยาว;เธอกำลังใส่ชุดนอนผ้าสักหลาดที่แม่ของเธอมอบให้เธอสำหรับคริสต์มาสปีนี้ เธอสั่นระริกอีกคราแล้วสะดุ้งตื่นขึ้น
          ลมหนาวเย็นยะเยือกส่งเสียงหวีดหวิวรอบหอคอยกริฟฟินดอร์ กระแสลมแทรกซึมเข้าไปในหอนอนนักเรียนหญิง ช่วงเวลาหนึ่งในระหว่างความฝันของเธอ ผ้าห่มได้เลื่อนหลุดจากร่างกายที่กระสับกระส่ายของเธอ และลงไปกองรวมอยู่บนพื้นห้อง เฮอร์ไมโอนี่ก้มตัวลงไปหอบมันกลับขึ้นมา แล้วพันมันรอบไหล่เธอ เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วหยิบไม้กายสิทธิ์จากโต๊ะข้างเตียง
          “lumos”
          ปลายไม้กายสิทธิ์ระเบิดเป็นดวงไฟสีฟ้าขาว ทำให้ดวงตาเธอพร่ามัวไปชั่วขณะ ความสว่างสดใสซึ่งไหลออกมาจากไม้กายสิทธิ์ กำลังทำให้รู้สึกสบายใจหลังจากความมืดดำของความฝันเธอ
          “เฮอร์ไมโอนี่...” เสียงงึมงำอยู่ในเตียงถัดจากเตียงของเธอ ลาเวนเดอร์;ผู้ซึ่งปกติเป็นคนนอนหลับง่ายดายอย่างน่าเบื่อ กลับปัดผ้าห่มไปข้างหลังแล้วทำตาหยีมองมาที่เฮอร์ไมโอนี่ “เธอกำลังทำอะไร? มัน...” เธอเหลือบมองนาฬิกาปลุกเรือนเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะของเธอ “ตีสาม”
          “ขอโทษนะ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ “แค่ฝันร้าย ฉันจะดับไฟเดี๋ยวนี้เลย”
          ลาเวนเดอร์ลุกนั่งบนเตียงแล้วจุดไฟที่ไม้กายสิทธิ์ของเธอ “ความฝันรึ? จริงนะ? ความฝันแบบไหนกัน? มันเกี่ยวกับเด็กสลิธีรินแหงเลยใช่ไหม?”
          “ไม่ใช่!” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างร้อนรนเกินไป แล้วพลันหน้าแดง เธอไม่เคยเก่งเรื่องการพูดโกหกเลย
          “เถอะน่า เธอสามารถบอกฉันได้นะ ฉันรู้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับความฝัน” ลาเวนเดอร์ยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจมาที่เธอ “ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์บอกว่าบรรดาความฝันเป็นเสมือนหน้าต่างเข้าไปภายในการทำงานต่างๆ ของจิตใจใต้สำนึก”
          เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความไม่เชื่อ
          “ก็ได้ นั่นสำหรับฉันเป็นส่วนใหญ่ แต่ว่าความฝันสำคัญมากนะ”
          เฮอร์ไมโอนี่ดับแสงไฟของเธอแล้วล้มตัวนอน ปิดตาลงและพยายามอยากให้ตัวเองหลับ กระนั้นมันก็ไร้ผล;เธอยังได้ยินเสียงเดรโกซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายในตัวเธอ
          “ลาเวนเดอร์” เธอพูดพร้อมกับพลิกตัวกลับมาด้านข้าง และจุดไฟที่ไม้กายสิทธิ์ใหม่อีกหน “ในความฝันของฉัน ใครบางคนพูดบางอย่างซ้ำๆ ราวกับว่ามันสำคัญจริงๆ”
          ลาเวนเดอร์ผู้ล้มตัวลงนอนแล้ว ยันตัวเองขึ้นมาบนข้อศอกข้างหนึ่ง “แล้วมันหมายความบางอย่างถึงเธอหรือ?”
          “ฉัน...ฉันไม่คิดอย่างนั้น”
          “เธอแน่ใจนะ? เธอเคยได้ยินมันที่ไหนมาก่อนไหม? หรือว่าเธอเคยอ่านมันในหนังสือสักเล่มไงล่ะ? ฉันไม่อยากเชื่อว่าฉันกำลังพูดอย่างนี้ แต่คิดให้ดีๆ ซิ เฮอร์ไมโอนี่” ลาเวนเดอร์ดึงผ้าห่มของเธอให้กระชับรอบตัวมากขึ้นก่อนเสริมว่า “บางครั้งเราก็หลงลืมบางอย่าง และความฝันสามารถช่วยเตือนความจำให้พวกเราได้ ความฝันส่วนใหญ่ถูกวางรากฐานอยู่บนสิ่งต่างๆ ที่เธอคุ้นเคยเป็นบางส่วน”
          เฮอร์ไมโอ่นี่หลับตาลงและพยายามรวบรวมความคิด มันจำได้แม่น และเธอได้ยินมันที่ไหนสักแห่งใช่ไหม? เธอถอนหายใจอย่างผิดหวังและมองเขม็งไปที่พื้นห้อง พจนานุกรมภาษาละตินวางเปิดอยู่ถัดจากหนึ่งในบรรดาบันทึกประจำวันเก่าแก่จากห้องสมุด เธอรู้สึกหงุดหงิดมากเกินไปจนไม่ได้เก็บพวกมันขึ้น ไม่ใช่อุปนิสัยของเธอที่ไม่ดูแลรักษาหนังสือต่างๆ อย่างดี หรือไม่เป็นระเบียบแบบนั้น เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นนั่งอย่างปุ๊บปั๊บอีกหน ปัดผ้าห่มออกไปและกระโดดลงจากเตียง คุกเข่าลงถัดจากกองหนังสือ เธอเปิดเล่มบนสุดและเริ่มต้นพลิกมันอย่างบ้าระห่ำ
          ลาเวนเดอร์ชะโงกมาข้างหน้าและเฝ้าดูด้วยความสนใจ “คิดบางอย่างได้หรือ?”
          “ฉันไม่แน่ใจ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบระหว่างที่โยนหนังสือเล่มแรกไว้ข้างๆ แล้วเริ่มหยิบเล่มถัดไป มันเป็นเล่มที่เดรโกได้อ่านผ่านมานานแล้วตอนที่พวกเขาได้เริ่มศึกษาว่าโอ’แลรี่เป็นใคร เธออ่านคร่าวๆ อย่างรวดเร็วตามที่เดรโกได้ทำเครื่องหมายของเขาไว้ พวกเขาไม่ได้อ่านเนื้อหานี้จนเสร็จทั้งหมด ตำราคาถาเวทมนตร์ต่างๆ ดึงดูดความสนใจของพวกเขาไป นิ้วมือเธอไล่ไปตามเครื่องหมายที่เขียนเป็นรหัสจนกระทั่งเธอพบสิ่งที่เธอกำลังค้นหา เดรโกได้เขียนมันด้วยแผ่นกระดาษชิ้นเล็กๆ
            “ฉันได้แค่หวังว่าการค้นคว้าของฉันจะไม่เป็นการสูญเปล่า”
          “เดรโกพูดแบบนี้” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบอย่างแผ่วเบา ลืมสายตาจับจ้องของลาเวนเดอร์ไปเสียสนิทเลย
          “เดรโก?” ลาเวนเดอร์ถามพร้อมกับดวงตาเบิกกว้าง ทุกคนทราบเรื่องข่าวลือ ทว่าเรื่องนี้มันน่าทึ่งมากกว่าที่เธอจินตนาการไว้
          เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้กำลังฟังลาเวนเดอร์เลย เธอลุกขึ้นยืนและตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าของเธอ แต่งตัวอย่างรีบร้อนและเริ่มเก็บกระเป๋าหนังสือ
          “เฮอร์ไม่โอนี่ เธอคงไม่ได้จะไปห้องสมุดใช่ไหม?” ลาเวนเดอร์ถามด้วยความไม่เชื่อ
          ปาราวตีทำเสียงโอดครวญแล้วลุกขึ้นนั่ง “เธอสองคนคุยกันค่อยๆ ไม่ได้หรือไง? มันตีสามแล้วจริงๆ หรือเนี่ย?” ความง่วงนอนหลีกทางให้กับการถูกรบกวน
          “เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งฝันเกี่ยวกับเดรโก มัลฟอย และตอนนี้เธอกำลังแอบออกไปข้างนอกเพื่อไปที่ห้องสมุด” ลาเวนเดรอ์เล่าเรื่องไประหว่างมองเฮอร์ไมโอนี่สวมรองเท้าบู๊ต
          “อะไร! จริงๆ หรือ?” ปาราวตีถามอย่างตื่นเต้น
          เฮอร์ไมโอนี่ไม่แม้แต่ปรายตาไปดูเพื่อนร่วมห้องของเธอ มุ่งตรงไปที่ประตูอย่างว่องไว
          “อย่าโดนจับได้ล่ะ!” ลาเวนเดอร์ตะโกนเบาๆ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ดึงประตูปิดตามหลังเธอ
          ขณะที่เธอแอบออกไปที่ห้องสมุด เฮอร์ไมโอนี่อดไม่ได้ที่ได้ยินเสียงเดรโกในหัวของเธอ สิ่งที่เขาพูดในความฝันและสิ่งที่เขาอ่านจากหนังสือมาก่อน พวกมันเกือบจะเหมือนกันมากๆ มันต้องมีความหมายบางอย่าง และมีอย่างอื่นอีกเกี่ยวข้องกับมัน พวกนี้เป็นคำพูดของโอ’แลรี่ ดังนั้นพวกมันต้องสำคัญ

TBC

No comments:

Post a Comment