Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 8: Letters from Father

จดหมายจากพ่อ (Letters from Father)


          เดรโกขยำจดหมายจากลูเซียส แล้วดันตัวเองออกจากโต๊ะอย่างฉุนเฉียว พวกสลิธีรินหลายคนเงยขึ้นมองเขา ขณะที่เขาเบือนหน้าหนีและเดินออกจากห้องโถงใหญ่ เขารู้สึกถึงสายตาหลายคู่จับจ้องเขาเมื่อเขาเดินผ่านประตู แต่ปฏิเสธที่จะดูหรือรับรู้ว่าท่ามกลางสายตาเหล่านั้นมีดวงตาสีน้ำตาลด้วยหรือไม่ เขาไม่ต้องการพบกับสายตาของเธอในเวลานี้
          เขาเดินออกมาผ่านประตูหน้าของฮอกวอตส์และยืนอยู่บนพื้นสนาม เดรโกเอาจดหมายยับๆ ออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนปล่อยมันไป เขาเฝ้ามองเศษกระดาษเล็กๆ เหล่านี้ปลิวลอยอย่างอ้อยอิ่งตกลงในน้ำของทะเลสาบ เดรโกรู้ว่าเขาควรตอบจดหมายแม้ว่าเขาไม่ชอบลูเซียสมากแค่ไหนก็ตาม เดรโกรู้ว่าไม่อาจละเลยจดหมายหรือคำสั่งต่างๆ ของลูเซียสได้ อย่างน้อยที่สุดคำสั่งล่าสุดนี้แสนธรรมดา เดรโกถูกให้ไปพบเขาที่ฮอกส์
มี้ดก่อนงานเลี้ยงวันฮาโลวีน เดรโกทราบว่าจุดประสงค์ในการพบครั้งนี้คืออะไร ลูเซียสยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมเขาให้เป็นผู้เสพความตาม บีบบังคับให้ดำเนินรอยตามเขา บางครั้งเดรโกไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเขาไม่ตกลงให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป ทุกๆ คนคิดว่าเขาเป็นผู้เสพความตายคนหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว ยกเว้นเกรนเจอร์ เธอดูเหมือนเชื่อเขา เดรโกไม่รู้ว่าทำไมมันสำคัญสำหรับเธอที่รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นผู้เสพความตาย แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว เขารู้สึกประหลาดใจมากๆ ที่วันนั้นเขาพบเธองีบหลับอย่างง่ายดายในห้องของพวกเขา ลอนผมหยักศกสีน้ำตาลของเธอล้อมรอบใบหน้าเธอ เดรโกคิดว่าผมของเธอเกือบไม่ได้ฟูยุ่งเหยิงเหมือนที่เขาจำได้ เดรโกมองออกไปที่ทะเลสาบและหวนนึกถึงเช้าวันนั้นในห้องสมุด ชั่วขณะหนึ่งเขาเกือบจะคิดว่าเธอน่ารัก
          “เกรนเจอร์ ผู้รอบรู้ไปทุกเรื่องเนี่ยนะน่ารัก?” เดรโกส่งเสียงหัวเราะดูถูกที่ไม่ได้ปกปิดความสงสัยของเขา
          เดรโกหันกลับไปทางโรงเรียน;เขาสามารถเห็นคนหลายคนออกมาอยู่บนพื้นสนาม เมื่อเข้ามาใกล้กว่าเดิมเขาเห็นพวกนั้นว่าเป็นพอตเตอร์และวีสลี่ย์กำลังแบกไม้กวาด พร้อมกับเกรนเจอร์อยู่ระหว่างคนทั้งคู่ที่กำลังสนทนากันอย่างออกรส
          “เลือดสีโคลนงี่เง่า” เดรโกเอ่ยเสียงไม่พอใจ ขณะที่สายตาเขาตามดูเธอข้ามสนามหญ้าตรงไปที่สนามควิดดิช
          การพบกันของเขากับเกรนเจอร์กลายเป็นหายากจริงๆ ถึงแม้ว่าเดรโกไปที่ห้องสมุดเกือบจะทุกวัน เวลาร่วมกันของพวกเขาลดน้อยลงในที่สุดเหลือเพียงสองสามนาทีในห้องสมุดเพื่อปรึกษาหารือเรื่องรายงานความก้าวหน้าประจำสัปดาห์ของพวกเขา และในชั้นเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์พวกเขาไม่ได้พูดคุยกัน ในที่สุดเดรโกตระหนักว่าเกรนเจอร์กำลังหลีกเลี่ยงเขา เขาพบเธอในวิชาการปรุงยาและวิชาการดูแลสัตว์มหัศจรรย์ แต่เธอถูกล้อมรอบด้วยพอตเตอร์และวีสลี่ย์ตลอดเวลา เขาไม่สามารถถากถางเธอได้อย่างเต็มที่เมื่อพวกเขายืนเตร่อยู่ด้วย เมื่อไรก็ตามที่เขาทำการวิจารณ์เกี่ยวกับเธอ เธอก็จะถอยหลังไปและปล่อยให้ผู้คุ้มกันทั้งหลายของเธอดูแลจัดการแทน
          “เธอเป็นใครถึงหลีกเลี่ยงเขา? เธอเป็นเลือดสีโคลน!” เดรโกมองไปที่สนามควิดดิช เห็นพอตเตอร์และวีสลี่ย์ลอยอยู่บนไม้กวาด เขามองอย่างเศร้าสร้อยจากตรงนี้ ในขณะที่ทั้งสองคนปล่อยลูกสนิชออกจากกล่องและเริ่มต้นไล่จับมัน
          เดรโกเดินก้าวอาดๆ ผ่านประตูปราสาทและเริ่มต้นออกเดินไปทางคุกใต้ดิน บนด้านหนึ่งของกำแพงมีป้ายประกาศเกี่ยวกับการแข่งขันควิดดิชนัดแรกของฤดูกาล;เรเวนคลอ กับ ฮัฟเฟิลพัฟ ในวันเสาร์
          “ฉันอาจข้ามการแข่งขันแล้วไปห้องสมุด เธอต้องอยู่ที่นั่นและคาดว่าฉันต้องไปที่การแข่งขัน” เขาพึมพำภายใต้ลมหายใจขณะที่มองป้ายประกาศ เขาไม่ทราบว่าทำไมต้องการพบเธอ เขาพยายามทำให้ตัวเองเชื่อว่าเป็นเพราะเขาต้องการตรวจดูงานของเธอเท่านั้น ครึ่งหนึ่งของคะแนนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ของเขาขึ้นอยู่กับเธอ แต่มีข้อสงสัยไม่เป็นสุขภายในจิตใจของเขาเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ราวกับว่าอาจจะมีเหตุผลอย่างอื่นสำหรับเขาเพื่อพบเกรนเจอร์ ราวกับว่าจริงๆ แล้วเขาอาจต้องการเห็นเกรนเจอร์ ราวกับว่าจริงๆ แล้วเขาอาจคิดถึงเธอ เดรโกขับไล่ความคิดต่างๆ อย่างไม่รีบร้อน ประหนึ่งว่ามันน่าหัวเราะเสียเหลือเกิน แต่เขาพบว่าตัวเองตั้งหน้าตั้งตารอวันเสาร์ด้วยความรู้สึกคาดหวังแปลกๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้

                                                                  . . . . . . . . . . .  . . .

          เดรโกต้องฝ่ากลุ่มนักเรียนที่กำลังหลั่งไหลออกไปที่สนามหญ้าเพื่อชมการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มไปตลอดเส้นทาง เขาไม่เปลี่ยนใจเรื่องที่จะไปห้องสมุดแม้ว่าเขาเกือบรู้สึกละอายใจที่ไม่ไปชมการแข่งขัน เขาทราบว่าต้องเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันของพวกเขากับฮัฟเฟิลพัฟ จริงๆ แล้วเขาสมควรเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเล่นของคนที่มาแทนที่เซดริก ดิกกอรี่ แต่เดรโกสงสัยหน่อยๆ ว่าพวกเขาอาจจะแพ้ไม่ว่าพวกเขาจะเล่นดีแค่ไหนก็ตาม เดรโกค่อนข้างภูมิใจในความสามารถด้านกีฬาควิดดิชของเขา และมันทำให้เขาโกรธเหลือเกินที่พอตเตอร์จัดการให้ออกมาเหนือกว่าเสมอได้อย่างไร เขาชะงักเพื่อดูกริฟฟินดอร์กลุ่มใหญ่ที่ผ่านเขาไปด้านนอก มีพอตเตอร์และวีสลี่ย์รวมอยู่ด้วย เดรโกรู้สึกดีใจที่เห็นว่าเกรนเจอร์ไม่ได้อยู่กับพวกเขา
          ห้องสมุดไม่มีคนเมื่อเดรโกมาถึง;แม้แต่มาดามพินซ์ก็ดูเหมือนไม่อยู่ เขาเดินผ่านชั้นหนังสือต่างๆ มีความสุขท่ามกลางความเงียบวังเวง เขารู้สึกดีใจที่เห็นประตูห้องนั่งรอถูกเปิดอยู่ เดรโกรู้ว่าเกรนเจอร์ระมัดระวังเรื่องห้องนี้เช่นเดียวกับเขา เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าเธอกลับมาตรวจดูว่าประตูใส่กุญแจหรือเปล่าหลังจากเธอไปแล้ว เธอไม่เคยปล่อยประตูเปิดทิ้งไว้ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่ ทั้งเดรโกและเกรนเจอร์ทราบว่างานเขียนต่างๆ ของโอ’แลรี่ มีคุณค่าอย่างมาก แม้ว่าไม่มีใครสักคนเห็นความสวยงามของต้นฉบับร่างที่เก่าแก่เหล่านี้ เขาเปิดประตูอย่างเงียบๆ และเดินหลบเข้าไปในห้อง เกรนเจอร์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในเก้าอี้นวม ซึ่งดูเหมือนเธอชอบมันมากเหลือเกิน
          มีหนังสือหลายเล่มอยู่รอบเธอแต่ไม่ได้เปิดสักเล่ม เดรโกเข้าใจเมื่อมาอยู่ด้านหลังเธอว่า เธอกำลังอ่านจดหมายฉบับหนึ่ง เดรโกมองข้ามไหล่ของเธอไปดูมัน เขาอ่านคร่าวๆ อย่างรวด
เร็วและสังเกตด้วยความแปลกใจนิดๆ ที่มันถูกลงชื่อว่า วิกตอร์    
          “บางทีนี่อาจไม่ใช่ วิกตอร์ ครัม?” เขาสงสัยกับตัวเอง
          เขาคิดเสมอว่าครัมกำลังใช้เกรนเจอร์เพื่อก่อกวนพอตเตอร์ในระหว่างการแข่งขัน “ใครก็ได้อาจต้องการอะไรจากยายฟันกระต่ายผู้รอบรู้ไปทุกเรื่อง? แน่นอนที่ว่าเธอไม่ได้มีฟันกระต่ายอีกแล้ว และถ้าหากการเป็นผู้รอบรู้ไปทุกเรื่องของเธอคือหนึ่งในคุณสมบัติที่ดีหลายอย่างของเกรนเจอร์ล่ะ? นั่นไม่น่าจะดึงดูดความสนใจจากคนที่มีชื่อเสียงเช่นครัม” เขารู้สึกถึงความโกรธนิดๆ เมื่อก้มมองจดหมาย
          “เรากำลังอ่านจดหมายรึ? มีอะไรน่าสนใจไหม?” เดรโกหายใจรดใส่หูของเกรนเจอร์ ปากของเขาอยู่ใกล้ศีรษะเธออย่างมากทำให้ผมหยักศกของเธอปลิวไหว
          เกรนเจอร์หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย “มัลฟอย! นายไม่เคยได้ยินเรื่องการเคาะประตูหรือ!” เธอแทบจะกรีดร้องใส่เขา
          “ทำไมต้องเคาะประตู? ฉันมีกุญแจนะ” เขานั่งลงถัดจากเธอ รู้ว่ามันทำให้เธออึดอัดที่
ต้องอยู่ใกล้ชิดเขา
          “ฉันสาบาน ถ้านายทำแบบนั้นอีกหน ฉันจะสาปนาย ฉันไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ฉันสาบานว่าฉันจะทำแน่” ดวงตาของเกรนเจอร์สว่างวาบอย่างเดือดดาลใส่เขา และเดรโกสงสัยนิดๆ ว่าเธอหมายความตามนั้น
          ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อว่าเดรโกอาจขโมยจดหมายจากมือเธอ “อ้าว ยังนัดพบกับวิกตอร์ ครัม ผู้มีชื่อเสียงหรือ?”
          “เปล่า และไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนายเลย มัลฟอย”
          เดรโกรับรู้ถึงความรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด เป็นความสุขไม่ต้องสงสัยที่หนึ่งในบุคคลมีชื่อเสียงที่เขาชื่นชอบไม่ได้เกี่ยวข้องกับเลือดสีโคลน “อ้า...งั้นตอนนี้วีสลี่ย์มีโอกาสแล้วซิหรือไม่ใช่?” เดรโกยิ้มเยาะใส่เกรนเจอร์ที่จ้องเขาเขม็ง “แหงเลย ฉันแน่ใจว่าวีสลี่ย์จะยินดีที่รู้ว่าวิกตอร์พร้อมใช้การได้อีกครั้ง” เดรโกรู้ว่านี่เป็นเรื่องตลกแค่ไหน แต่เพราะท่าทางที่วีสลี่ย์ได้แสดงออกเมื่อปีที่แล้ว เดรโกอาจเกลียดพอตเตอร์และเพื่อนๆ ของเขา แต่ก็ชอบจับตาดูพวกเขา
          เดรโกเฝ้าดูเกรนเจอร์ กำลังรอคอยคลื่นความโกรธที่เขารู้ว่าต้องมาเมื่อใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนสี แต่เมื่อเธอเปิดปากกลับไม่ใช่ทำนบคำพูดที่หูเขาได้ยิน แต่เป็นเสียงหัวเราะบริสุทธิ์และสดใสคล้ายระฆังส่งเสียงในห้องนี้ และอาจดังออกไปทั้งห้องสมุดว่างเปล่า เดรโกจ้องเธอด้วยความสงบน่าตกใจ เขาทำให้เธอหัวเราะ ไม่ใช่เสียงหัวเราะเยาะเย้ยแต่เป็นความสุขและน่าขบขัน เดรโกคิดอีกครั้งทันทีว่าจะเป็นอย่างไรที่มีเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เป็นเพื่อนคนหนึ่งไม่ใช่ศัตรู เป็นเวลาครู่หนึ่งก่อนที่การฝึกฝนทั้งหมดของตระกูลมัลฟอยจะกระแทกใส่เขา แต่เขาไม่คิดว่ามันเป็นความคิดที่เลวร้ายมากนัก
          “นั่นเป็น..” เกรนเจอร์หัวเราะอีกครั้งก่อนดึงการควบคุมตัวเองกลับมาได้ “เรื่องไร้สาระที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมา อย่าให้รอนได้ยินนายพูดแบบนั้นล่ะ!”
          “ฉันไม่แคร์ถ้าเขาได้ยิน วีสลี่ย์ที่น่าสงสารจะทำอะไรฉัน? และมันเป็นความผิดของเขา
เองสำหรับการเป็นไอ้วายร้ายหัวแดงที่ไม่รู้แม้แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้าเขา” เดรโกรู้ตัวว่าเขากำลังยิ้มกลับให้เธอ แต่เธอกลายเป็นนิ่งในพริบตา
          “นะ...นั่นต้องการหมายความว่าอะไร มัลฟอย?” เธอดูเหมือนหน้าเปลี่ยนสี นิ้วมือบิดชายผ้าของเสื้อคลุมของเธอ
          “อะไร คือต้องการหมายความว่าอะไร เกรนเจอร์?” เดรโกไม่ได้กำลังฟังเธอเลย เขาพบว่าตัวเองถูกทำให้ไขว้เขวแป๊บเดียวจากสีขาววูบวาบเคลื่อนไหวซึ่งเป็นข้อเท้าบอบบางของเกรนเจอร์ ในที่สุดเขาจัดการถอนสายตาออกจากภาพนุ่มนวลที่เธอแสดง และพบกับการมองมาของเธอ ในเวลานั้นเขาจำได้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่เขาไม่มีคำตอบว่าเขาหมายความว่าอะไร เขาเห็นเธอเปิดปากและรีบยืนขึ้น
          “เธอคิดว่าฉันหมายความว่าอะไรล่ะ เลือดสีโคลน?” เขาตะคอกใส่เธอ ชอบใจเมื่อเธอหวาดกลัวเล็กน้อย สันติภาพเล็กๆ ที่พวกเขาทำสำเร็จประเดี๋ยวเดียวหายไปแล้ว เขาคว้าหนังสือเล่มหนึ่งจากโต๊ะ พยายามแสดงความน่าเชื่อถือนิดหน่อยสำหรับการมาถึงโดยไม่คาดคิดของเขา จากนั้นเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เกรนเจอร์ทำตาโตจ้องที่พี้น
. . . . . . . . . . .  . . .

          เดรโกดึงผ้าคลุมให้กระชับรอบไหล่ของเขามากขึ้น ขณะที่เร่งรีบผ่านฝูงชนตรงไปยังที่อยู่ที่ลูเซียสได้ให้เขา เขาใช้เส้นทางอีกด้านของถนนติดต่อกันไปเรื่อย จนกระทั่งเขาพบย่านเสื่อมโทรมที่สุดของฮอกส์มี้ดก็เป็นได้ บ้านเกือบพังตรงหน้าเขาหลังนี้เป็นเพียงหลังเดียวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านหลังอื่นๆ เขาสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่งแล้วเคาะประตู
          “ยินดีต้อนรับ นายน้อยมัลฟอย” ผู้ชายคนหนึ่งยิ้มแห้งๆ ซึ่งเดรโกรไม่รู้จัก ยอมให้เขาเข้าไปในบ้าน “พ่อของคุณกำลังคอยอยู่ในห้องรับแขกสุดทางห้องโถงครับ”
          เดรโกเดินช้าๆ ตรงไปที่ห้องสุดท้ายที่ตั้งอยู่สุดทางห้องโถง;เขาเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่เขาเห็น กระดาษปิดผนังพิมพ์ลายกำลังหลุดลอก มีเครื่องเรือนไม่มากนักตั้งอยู่ถูกปกคลุมภายใต้ผงฝุ่นเป็นนิ้ว นี่ไม่ได้มาตรฐานในการใช้ชีวิตตามปกติของลูเซียสอย่างแน่นอน เมื่อเขาผ่านประตูบานหนึ่งทางซ้ายมือ เขาได้ยินเสียงการพูดคุยเบาๆ จากผู้ชายหลายคน เดรโกรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างแรง และคิดว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ในการพบครั้งนี้ ประตูที่อยู่สุดทางของห้องโถงเปิดออกก่อนที่เขามาถึง แล้วเขาก็มายืนอยู่ที่นี่ตรงหน้าที่เย็นชาของพ่อเขา
          “เข้ามาข้างใน เดรโก” ลูเซียสพูดน้ำเสียงเบาๆ ที่ทำให้เดรโกสั่นเทาด้วยความกลัว
          เดรโกไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย เมื่อเดินอย่างมั่นคงเข้าไปในห้องและยืนมองไปรอบตัวเขา ห้องนี้แตกต่างอย่างมากจากที่เขาเห็นส่วนอื่นๆ ของบ้านหลังนี้ ห้องนี้ดูสะอาดและอบอุ่น เครื่องเรือนแม้ว่าเก่าแต่ดูน่าสะดวกสบาย ลูเซียสโบกมือให้เดรโกนั่งแต่เขาเพียงแค่สั่นหัว และถามคำถามที่เขาทราบคำตอบเรียบร้อยแล้ว
          “คุณต้องการอะไรครับ ลูเซียส?” เดรโกถามเขาอย่างเย็นชา และสบตากับเขา
          “พ่อคนหนึ่งจะใส่ใจในลูกชายของเขาไม่ได้หรือไง?” ลูเซียสไม่ได้พยายามพูดคำเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงจริงใจเลย เขายังคงน้ำเสียงเบาๆ ที่ใช้ทำให้แม่ของเดรโกตกใจกลัวเสมอ “ฉันเกรงว่าแกอาจจะเริ่มต้นทำความผิดพลาดอย่างหนึ่ง และเดรโกฉันหมายความว่า ร้ายแรง”
          เดรโกไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อคำพูดของลูเซียส เขารู้ว่าเขาต้องนิ่งและเงียบเอาไว้
          ลูเซียสถอนหายใจแรง และเอาไม้กายสิทธิ์ของเขาออกมา “เดรโก ลูกชายของฉัน จริงๆ แล้วฉันชอบให้เรื่องนี้ดูง่ายๆ และไม่เจ็บปวดมากกว่า แกจะเป็นทรัพย์สินที่สำคัญสำหรับวัตถุประสงค์ของเรา สถานะของแกที่เป็นนักเรียนคนหนึ่งในฮอกวอตส์ ทำให้แกสำคัญต่อแผนการต่างๆ ของเจ้าแห่งศาสตร์มืด”
          “ยังมีแครบบ์และกอยล์ที่ยินดี ลูเซียส ผมแน่ใจว่าพวกเขาปรารถนาจะร่วมมือกับคุณอย่างมาก” เดรโกรับรู้ถึงอารมณ์ของเขาที่เริ่มสั่นเทาด้วยความกลัว เคลือบคลานไปตามกระดูกสันหลังอย่างไม่รู้ตัว
          “เจ้าแห่งศาสตร์มืดไม่สนใจแครบบ์และกอยล์ ท่านต้องการแก! และฉันจะไม่อดทนกับแกที่ทำให้แผนการของท่านล่าช้าไป เพียงเพราะแกไม่รู้ว่าความจงรักภักดีของแกต้องอยู่ที่ไหน ถ้าฉันต้องเตือนความจำแกว่าตัวแกทั้งหมดเป็นหนี้ฉัน ฉันก็จะทำอย่างนั้น” ลูเซียสลุกขึ้นยืน เผชิญหน้ากับเดรโก ถือไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือ
          เดรโกเชิดศีรษะขึ้นสูงและพยายามไม่แสดงความกลัวของเขาออกมา เขาเหลือบมองไปที่ไม้กายสิทธิ์แวบหนึ่ง และทราบว่าเป็นความผิดพลาด เมื่อลูเซียสยิ้มร้ายกาจให้ลูกชายเขาและด้วยน้ำเสียงเบาเช่นเดิม เขาคำรามคาถาที่เดรโกได้ยินถูกใช้หลายครั้งมาแล้ว แต่ไม่เคยโดนกับตัวเขาเอง
          “Crucio”
          ความเจ็บปวดช่างมโหฬารนัก เดรโกรู้สึกถึงแสงไฟสีขาวร้อนแรงกำลังไหลลื่นผ่านตัวเขา เผาไหม้ทุกตารางนิ้วบนร่างกาย เส้นเลือดกำลังเหือดแห้ง และทำให้ศีรษะเขากรีดร้องด้วย
ความทรมาน เขาล้มลงคุกเข่าไปข้างหน้าแต่ปฏิเสธที่จะแผดเสียงร้อง หูของเขาถูกกระหน่ำ
อย่างรุนแรง เขาไม่ได้ยินคำสาปที่ดังซ้ำแล้วซ้ำอีก ขณะที่ลูเซียสเสกคาถาใส่เขาหลายครั้งหลายหน เดรโกทราบเพียงแค่ว่าทุกๆ ส่วนของเขาเจ็บปวด ทุกเส้นขนบนร่างกายกำลังไหม้เกรียมอยู่บนผิวหนังเขา เผาไหม้เนื้อเขา รู้สึกว่ามันเหมือนก้อนเนื้อกำลังแห้งแตกจากความร้อนและความพ่ายแพ้ เดรโกกำลังพยายามอย่างหนักไม่กรีดร้องออกมา ไม่ทำเสียงดัง ไม่ยอมให้ลูเซียสชนะ แต่เสียงครวญครางเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากตัวเขา เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ กลายเป็นการร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของการพ่ายแพ้ แล้วพริบตาเดียวความเจ็บปวดก็จากไป
          “ลืมตาขึ้นมา ลูกชาย”
          เดรโกลืมตาและเงยขึ้นมองใบหน้าพ่อของเขา ไม้กายสิทธิ์ยังคงอยู่ในมือเขาและชี้มาที่เดรโก เมื่อความเจ็บปวดผ่านไปเดรโกรับรู้ถึงน้ำตาที่ถูกเค้นออกมาจากตัวเขาระหว่างความทุกข์ทรมาน เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามทรงตัวให้มั่นคง แต่เขารู้สึกอ่อนแอมากแทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
          “เดรโก แกจะร่วมมือกับเรา” มันไม่ใช่คำขอร้อง ลูเซียสคาดหวังว่าไม่มีการโต้แย้งจากลูกชายเขา และเดรโกรับรู้ว่าเขากำลังพยักหน้า
          “ครับ” เขากระซิบ แต่ลูเซียสยังถือไม้กายสิทธ์ กำลังเฝ้ามองเขา “ครับพ่อ” เดรโกพูด น้ำเสียงเขาแห้งผากและเจ็บปวดอยู่ในลำคอ
          เดรโกไม่ขยับเขยื้อนจากตรงที่เขาทรุดลงอยู่กับพื้น เข่าของเขาพับขึ้นติดคาง ลูเซียสหันหลังและเดินออกจาห้องโดยไม่เหลียวกลับมามอง เดรโกหลับตาลงอีกครั้ง พ่อของเขาชนะ;แข็งแกร่งกว่าเขา มีความเจ็บปวดมากมายนักซึ่งเขาไม่ทราบว่าจะทำอะไรได้ เวลานี้โชคชะตาของเขาได้ถูกกำหนดแล้ว เขารู้สึกถึงความโกรธที่เพิ่มขึ้นในตัว แต่เขาอ่อนล้าเกินกว่าจะเคลื่อนไหว จริงๆ แล้วไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ต่อสู้กับมัน;เขารู้ว่าโวลเดอมอร์มีพลังอำนาจมากเกินไป อย่างน้อยที่สุดวิธีนี้เขาจะอยู่กับฝ่ายที่ได้ชัยชนะ เขาจะไม่ต้องอดทนกับคนที่เหมือนอย่างพอตเตอร์และพลพรรคของเขาอีกต่อไป เขานึกถึงสายตาเย็นชาของพ่อภายในใจและเกลียดเขา เกลียดเขามากกว่าอะไรทั้งสิ้นในโลกนี้ หลังจากนั้นใบหน้าคนอื่นลอยเข้ามา คนหนึ่งที่เขาไม่ได้รังเกียจ แววตาสีน้ำตาลอบอุ่นยิบหยีจากการหัวเราะกับบางอย่างที่เขาพูด ใครสักคนที่เชื่อเขาเมื่อเขาบอกเธอว่าเขาไม่ได้เป็นผู้เสพความตาย
          เดรโกคว้าที่ท้าวแขนของเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุดและดึงตัวเองขึ้น เขายืนและมองไปรอบตัวอย่างหวั่นๆ มีหน้าต่างบานหนึ่งอยู่ที่กำแพงด้านหนึ่ง เขาเดินกระโผลกกระเผลกตรงไปที่นั่น และชนเข้ากับโต๊ะตัวหนึ่ง ขณะกำลังดันตัวเองลุกขึ้นพร้อมคำสบถ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าในห้องโถง เดรโกผลักหน้าต่างให้เปิดออกและสัมผัสกับกระแสลมหนาวเย็นซึ่งทำให้ผมเขายุ่งเหยิง เขาตระหนักว่าเขาอ่อนแอเกินกว่าจะปีนออกไปจากหน้าต่าง ดังนั้นเขาจึงเพียงปล่อยตัวเองให้หล่นลงมาเท่านั้น เมื่อดึงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง เขาเอนพิงกับกำแพงบ้านและเริ่มต้นออกเดินอย่างรวดเร็วเท่าที่ทำได้ เขาผ่านถนนร้างหลายสายและเมื่อเลี้ยวตรงหัวมุมถนนอีกสาย เขาได้ยินเสียงร่าเริงหลายเสียงกำลังตรงมาที่เขา;เขาก้มหัวเพื่อหลบภายในตรอกแห่งหนึ่ง คอยให้พวกเขาผ่านไป
          พอตเตอร์, วีสลี่ย์, และเกรนเจอร์กำลังเดินเล่นไปตามถนนไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายมาก
มายที่ซุ่มรออยู่เพียงแค่ถนนไม่กี่สายจากตรงนี้ พอตเตอร์หยุดแป๊บหนึ่งและหันไปดูภายในตรอก      “ทำไมนายมาหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในความมืด มัลฟอย?” พอตเตอร์ถามเขาอย่างเย็นชา เดรโกรู้สึกรำคาญอย่างมากเมื่อพอตเตอร์และวีสลี่ย์เขยิบมาอยู่ข้างหน้าเกรนเจอร์ทั้งคู่ บดบังสาวน้อยน่ารักจากการมองเห็น
          “ฉันกำลังเดินเล่นพอตเตอร์ มันดูเหมือนอะไรล่ะ” เดรโกตะคอกใส่เขา ปรารถนาให้พวกเขาจากไป “นายควรระวังหน่อยนะ พอตเตอร์ นายจะพาเพื่อนๆ ของนายไปเจอกับปัญหา รู้ไว้ด้วย” เขาคิดว่าลูเซียสและเพื่อนๆ ของเขาจะต้องสนใจมากๆ ในการพบกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้วิเศษโดยบังเอิญบนถนนร้าง ไม่ใช่ว่าเดรโกห่วงใยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพอตเตอร์ แต่เกรนเจอร์ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ไม่ใช่ความผิดของเธอที่เป็นเลือดสีโคลนคนหนึ่ง
          แต่พอตเตอร์ไม่ได้รับรู้การบอกใบ้ของเขา เดรโกรู้ว่าพอตเตอร์ลำบากใจที่จะเลือกระหว่างความปรารถนาสองอย่าง;อย่างแรกต้องการทุบหัวเดรโกเหลือเกิน แต่อีกอย่างควรหลีกเลี่ยงเดรโกในที่สาธารณะมากกว่า
          “เร็วเข้า พอตเตอร์” เดรโกคำรามใส่เขา ใบหน้าของเกรนเจอร์กำลังชะเง้ออยู่ใกล้ๆ
วีสลี่ย์มองมาที่เขา;เธอดูเหมือนกังวลใจ เดรโกเอนตัวถอยหลังเข้าไปอยู่ในเงามืดมากขึ้น “ทำไมนายไม่พาเพื่อนสาวเลือดสีโคลนงี่เง่าของนาย แล้วไปช่วยวีสลี่ย์หาซื้อบ้านสักหลังที่นี่ล่ะ ฉันเห็นหลายหลังสวยน่าอยู่ลงไปตามทางนั้น พวกมันมีหลังคาคลุมด้วยนะ ฉันพูดถูกเรื่องระดับราคาของเขานายว่างั้นไหม?”
          วีสลี่ย์พุ่งมาข้างหน้าแต่พอตเตอร์คว้าแขนเขาเอาไว้ และพึมพำบางอย่างกับเขาที่เดรโกไม่สามารถได้ยิน ทั้งสามคนมองเขาอย่างไม่ชอบใจจากนั้นหายลับตาไปจากถนน เดรโกถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าและเอนตัวพิงกำแพง เขารู้สึกว่าหัวเข่าไร้เรี่ยวแรงและทรุดตัวลงบนพื้นฝุ่น เขาได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งเข้ามาใกล้เขาและคิดว่ามันจบแล้ว เขาไม่สามารถหลบหนี
ลูเซียสได้
          “มัลฟอย?”
          แววตาเดรโกเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาได้ยินเสียงเธอ เกรนเจอร์ยืนอยู่ตรงปากตรอก เธอรีบมาที่เขาและคุกเข่าลงถัดจากเขา
          “นายสบายดีนะ?” เกิดอะไรขึ้นกับนาย?” น้ำเสียงของเธอเป็นกังวล
          เดรโกช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง เธอเป็นห่วง
          “ฉันบอกเธอให้ไปซะ! ฉันไม่ต้องการเธอ” เขาตวาดใส่เธอ ซ่อนความดีใจที่ทำให้เธอเป็นห่วง เธอวางมือหนึ่งบนไหล่เขาและอีกมือหนึ่งสัมผัสหน้าอกเขาอย่างเบาๆ ผ่านเสื้อคลุมของเขา
          “มัลฟอย...” เธอเริ่มพูด แต่เดรโกยกนิ้วแตะริมฝีปากเธอทันที เขาเงี่ยหูพยายามฟัง มีบางคนกำลังมา เขามองเกรนเจอร์และทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาพบเธอที่นี่ เขาจับกำแพงและดันตัวเองลุกขึ้น เกรนเจอร์ยืนขึ้นพร้อมกับเขาและกำลังจะพูดเมื่อเขาคว้าตัวเธออย่างหยาบคาย เขาผลักเธอเข้าไปในเงามืดยิ่งขึ้นและเอามือปิดปากเธอไว้
          “ขอสักครั้งในชีวิตเธอ หุบปากซะ เกรนเจอร์” เขาพ่นใส่หูเธอ เดรโกคิดว่าเธอจะโต้เถียง แต่เธอกลับนิ่งและเงียบทันที เขาดึงเธอมาใกล้ตัวเขาเพราะไม่คิดว่าเขาสามารถยืนได้ถ้าปราศ
จากการพยุงของเธอ แต่ส่วนเล็กๆ ในตัวเขาปรารถนาอย่างแรงกล้าเพื่อปกป้องเธอเช่นกัน มีเสียงฝีเท้ากำลังใกล้เข้ามา;เสียงฝีเท้าที่รีบร้อน จากตรงที่พวกเขากำลังยืนอยู่ เดรโกสามารถเห็นลูเซียสหยุดและมองมาที่ตรอกแห่งนี้
          “เขาต้องอยู่ใกล้ๆ นี้ กอยล์ ไปดูที่นั่น” ลูเซียสออกคำสั่งกับคนรูปร่างกำยำสูงใหญ่ ซึ่งเริ่มเดินลงมาที่ตรอกตรงมาที่พวกเขา “ฉันจะไม่ปล่อยเขาไว้ตามลำพังอีก มันเหมือนแม่ของเขา เธออดทนกับการทุบตีได้ดี”
          เดรโกตระหนักว่าเกรนเจอร์กำลังสั่นกลัว เขาดึงเธอเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น พวกเขาเฝ้ามองและหวาดกลัวเมื่อกอยล์ใกล้เข้ามา เขารู้สึกได้ว่ามือของเกรนเจอร์ผ่อนลง และเอื้อมไปที่ไม้กายสิทธิ์ของเธอ แต่แล้วกอยล์หยุดเคลื่อนเข้ามาใกล้เมื่ออีกคนมาสมทบกับลูเซียส
          “ดัมเบิลดอร์รู้แล้วว่าเราอยู่ที่นี่ เราต้องออกจากฮอกส์มี้ด” คนมาใหม่บอกเขา “ไม่ต้องกังวลลูเซียส เรารู้ว่าจะพบลูกชายของคุณได้ที่ไหน เขาไม่มีที่อื่นให้ไปนอกจากฮอกวอตส์”
          ลูเซียสพยักหน้า;แสดงท่าทางผิดหวังเล็กน้อย เขาหันไปหาคนอื่นๆ แล้วทั้งสามคนหายวับไปพร้อมกับเสียงดังป๊อก
          เดรโกยืนอยู่เป็นเวลานานพอสมควร;ไม่ต้องการขยับเพราะกลัวว่าอาจจะเป็นกลอุบาย;พวกเขากำลังคอยรอเขาอยู่ก็ได้ ในที่สุดเขาก็ปล่อยเกรนเจอร์ซึ่งถอยห่างจากเขา เดรโกยืนพิงกำแพง รู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเคลื่อนไหว เขามองเกรนเจอร์ เธอดูเหมือนตกใจกลัวมากๆ เขาคาดหวังให้เธอหันกลับและวิ่งหนีไปอีกทาง แต่ฉับพลันเธอเหวี่ยงแขนโอบรอบคอของเขาและกอดเขาแน่นๆ ทีหนึ่ง
          “นายสบายดีนะ มัลฟอย? พวกเขาต้องการอะไรจากนาย?” เธอถามอย่างอ่อนโยน เมื่อเธอเอนตัวไปด้านหลังมากพอเพื่อมองเข้าไปในดวงตาเขา ซึ่งเดรโกไม่คิดว่าไกลมากพอเมื่อเขาเริ่มอึดอัดทันทีที่รู้ตัวว่าเธออยู่ใกล้ชิดเพียงไร
          “ฉันสบายดี เกรนเจอร์” เขาพูดอย่างไม่เป็นมิตร และผลักเธอถอยหลังไปอย่างสุภาพ เธอไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แค่จับแขนเขาวางรอบไหล่ของเธอ และดึงเขาออกจากกำแพง
          “เร็วเข้า มัลฟอย ฉันจะช่วยพานายกลับ” เธอบอกเขาเมื่อเขาเอนพิงเธอ
          “คนอื่นจะเห็น” เขาพูดเมื่อเธอเริ่มต้นนำเขาผ่านตรอกออกมา “และฉันไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือจากเลือดสีโคลน” เขาตะคอกใส่เธอ
          เกรนเจอร์ปล่อยแขนเขาทันทีเลย และเดรโกรู้ตัวว่ายืนได้ลำบากบนพื้น เธอหันมาซัดใส่เขา ดวงตาเธอเจิดจ้า
          “มองดูซะ มัลฟอย เกือบจะทุกคนกลับไปที่ปราสาทแล้วตอนนี้ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ดังนั้นไม่มีใครจะเห็นนายกำลังถูกช่วยเหลือจากเลือดสีโคลนหรอก ได้โปรดเถอะนะ นายจะหยุดพูดพล่ามสักสองสามนาทีจะได้ไหม?” เธอยื่นมือมาให้เขา เดรโกยอมรับมันด้วยความไม่เต็มใจ
          เกรนเจอร์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเธอ เจอถุงลูกกวาดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ หลังจากค้นหาสักพักเธอก็ได้ช็อกโกแลตแท่งใหญ่หนึ่งแท่ง
          “เอานี่ กินมันซะหน่อย” เธอหักมันแบ่งครึ่งแล้วยื่นให้เขาชิ้นหนึ่ง
          “เธอรู้นะ ลูเซียสไม่ใช่ผู้คุมวิญญาณ” เขาบอกเธอ พร้อมกับมองช็อกโกแลตอย่างสงสัย
          “ฉันรู้เรื่องนั้น แต่นี่มีน้ำตาลเยอะ นายจะรู้สึกดีขึ้นถ้านายกินมันซะหน่อย” เธอบอกเขาแค่นั้น และใส่ถุงลูกกวาดฮันนี่ดุ๊กซ์กลับเข้าไปในกระเป๋าหนังสือของเธอ
          พวกเขาเดินอย่างช้าๆ ออกจากเขตชุมชนและตรงไปทางโรงเรียน เดรโกต้องยอมรับว่าเวลานี้เขากำลังรู้สึกดีขึ้น พระอาทิตย์กำลังตกดิน แสงเรืองรองสีแดงอ่อนๆ กำลังสาดอ้อยอิ่งอยู่เหนือพื้นดิน เขาไม่จำเป็นต้องพิงเกรนเจอร์อีกแล้ว และเขารู้สึกขอบคุณสำหรับเรื่องนั้น เธอทำให้เขารู้สึกอึดอัดเมื่อเธอใกล้ชิดเขาแบบนั้น เธอไม่ได้ถามเขาสักคำถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาคิดว่าความเงียบของพวกเขาน่าสบายใจ
          หน้าต่างหลายบานในปราสาทสว่างไสว และพวกเขาต้องผ่านตะเกียงฟักทองยิ้มแฉ่งไปตลอดทางจนถึงห้องโถงใหญ่ เสียงครื้นเครงมากมายหลายเสียงสามารถได้ยินจากอีกด้านของประตูใหญ่ พวกเขาหยุดชะงักก่อนไปร่วมงานเลี้ยง เดรโกหันมามองเกรนเจอร์ที่หยุดเหมือนกัน
          “เธอรู้ไหม เกรนเจอร์” เขาพูดอย่างอ่อนโยน “เธอไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ฉันคิด”
          เธอยิ้มให้เขาแทบดูไม่ออกและตอบว่า “ขอบคุณ ฉันคิดว่านายก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป มัลฟอย” แล้วเธอเข้าไปในห้องโถงเพื่อสบทบกับพอตเตอร์และวีสลี่ย์ ปล่อยเดรโกยืนอยู่นอกห้องโถง กำลังคิดว่าวันนี้ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด

TBC

No comments:

Post a Comment