Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Monday, July 20, 2015

Chapter 7: สัญญา



หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยก็พยายามที่จะรักษาระยะห่างระหว่างกันไว้ให้มากที่สุด  เพราะทั้งสองไม่อยากให้ซิลเวียรู้เรื่องของพวกเขาทั้งสองอีกแม้แต่น้อย ( ถึงแม้เธอจะรู้ไปมากแล้วก็เหอะ )  เพราะทั้งเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยต่างคิดว่าเธอคงคาบข่าวไปบอกนายลูเซียสทันทีที่รู้เรื่อง

เรื่องที่เกิดในตอนนี้สร้างความหนักใจให้มัลฟอยเป็นอย่างมาก  เพราะว่าถึงอย่างไรพ่อของเขาก็ไม่มีวันที่จะยอมรับเฮอร์ไมโอนี่ในฐานะคนรักของเขาเป็นอันขาด  เพียงแต่ว่าพ่อของเขาจะจัดการอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้  เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อของเขาจะทำแค่จับเขาหมั้นโดยไม่ได้ถามความเห็นของเขาก่อน  เพราะเขารู้ว่าพ่อรู้จักเขาดีกว่าใคร  และก็รู้ดีว่าเขาดื้อรั้นเพียงใดพอ ๆ กับที่เขารู้ว่าพ่อของเขาชั่วร้ายเพียงใด  มัลฟอยรู้ว่าพ่อของเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่  มันต้องมีมากกว่าแค่ส่งยัยซิลเวียมาคอยกีดกันเขาและเฮอร์ไมโอนี่ออกจากกัน  มันต้องมีอย่างอื่นอีก  อย่างอื่นที่ชั่วร้ายเกินกว่าที่ใคร ๆ จะคาดคิด  แต่ตอนนี้เขาก็ได้เพียงแต่ภาวนาอย่าให้มันเป็นอย่างที่เขาคิดเลย

ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็ไม่มีสิ่งใดในใจนอกจากความกังวล  เธอรู้ดีว่ายังไง ๆ  ครอบครัวมัลฟอยก็ไม่มีทางยอมให้พวกเธอรักกัน  เพียงเพราะเธอเป็นเลือดสีโคลนเท่านั้น  ถึงแม้มัลฟอยจะบอกเธอว่าอย่ากังวลเพราะเขาจะไม่ยอมแต่งงานกับซิลเวียเด็ดขาด  แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย  ตอนนี้ทั้งเธอและมัลฟอยนั้นก็ไม่ได้เจอหน้าหรือพูดคุยกันมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว  จะมีสบตากันก็ตอนเดินสวนกันระหว่างจะไปเรียนหรือตอนเรียนวิชาปรุงยาเท่านั้น  ซึ่งมัลฟอยมักจะส่งสายตามาทางเธอเสมอ

และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าโต๊ะสลิธีรินนนั้นจะมีขาประจำมาทานข้าวอยู่ทุกวัน  เป็นใครไปไม่ได้นอกจากซิลเวีย ( ส่วนไรอันนั้นก็ยังเป็นขาประจำโต๊ะกริฟฟินดอร์เหมือนเดิม ) เธอแทบจะเกาะติดมัลฟอย 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว  นั่นยิ่งเพิ่มความหนักใจให้เขารวมทั้งลดโอกาสที่เขาจะไปเจอเฮอร์ไมโอนี่ลงไปเยอะทีเดียว  ส่วนทางแพนซี่  พาร์กินสันนั้นหลาย ๆ คนลงความเห็นว่าเธอดูเหมือนผีแบนชีเข้าไปทุกวัน  เพราะทุกเช้าที่เธอเห็นซิลเวียมานั่งข้างมัลฟอย  เธอก็จะกรีดร้องเสียงดังอย่างไม่อายใครพร้อมกับกระทืบเท้า  และชี้นิ้ว  รวมทั้งพยายามร่ายคำสาปนานาชนิดใส่ซิลเวีย  แต่เรื่องมักจะจบโดยการที่มีคนมาห้ามเธอไว้ก่อนที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลจะหักคะแนนบ้านสลิธีรินจนเหลือศูนย์  ทางด้านมัลฟอยนั้นก็ทำหน้าเหมือนผีตายซากเข้าไปทุกวันระหว่างที่แพนซี่กรีดร้อง ( ซิลเวียก็โต้กลับด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อน ) ส่วนแครบและกอยล์นั้นเฮอร์ไมโอนี่เห็นพวกเขาไปพบศาสตราจารย์สเปราต์เพื่อขอยืมที่ปิดหูสองอันหลังเรียนวิชาสมุนไพรเนื่องจากทนฟังเสียงแพนซี่กรีดร้องไม่ไหว

และท่ามกลางเรื่องยุ่งวุ่นวายอย่างนี้ก็มีใครคนหนึ่งกำลังจะเป็นบ้าไปแล้ว  แองเจลิน่า  จอห์นสันนั่นเอง  ไม่ใช่เพราะอะไรเลยแต่เพราะเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์ก็จะแข่งแล้วแต่รอนยังไม่สามารถมาซ้อมได้เนื่องจากโดนกักบริเวณกับเสนป  เธอเลยไปลงกับคนอื่นในทีมโดยที่ยืนยันว่าจะซ้อมทุกเวลาที่พวกเขาว่าง

“ฉันอยากจะบ้าตาย  ซ้อมทุกเวลาที่เราว่าง  ฉันก็มีอย่างอื่นต้องทำนะไหนจะการบ้านกองเท่าภูเขานั่นอีกล่ะ”  อันนี้แฮร์รี่พูดนะ  เพื่อน ๆ กรุณาอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นรอน

“โถ่แฮร์รี่  ถ้านายเจอกักบริเวณกับเสนปอย่างฉันล่ะก็  นายจะยอมไปอ้อนวอนแองเจลิน่าให้ซ้อมตอนที่นายหลับทีเดียวเลย”  รอนบ่นอย่างท้อแท้พลางทำหน้าสยดสยอง

“มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอกรอน” เฮอร์ไมโอนี่ท้วง เธอกำลังอ่านหนังสือ ‘ แผนที่และทิศทางการโคจรของดวงดาว ’ สำหรับสอบ ว.พ.ร.ส. อยู่

“แย่สิเฮอร์ไมโอนี่  เธอไม่ลองมาเป็นฉันนี่  เสนปน่ะเลวร้ายยิ่งกว่า ๆ ”  รอนทำหน้านึกคิดแต่ดูเหมือนคำตอบของเขาจะไปสะกิดใจเฮอร์ไมโอนี่เข้า

“ตอนนี้ฉันว่ายิ่งกว่าไอ้เจ้ามัลฟอยซะอีก”  รอนพูดทำหน้าขยะแขยง  ส่วนแฮร์รี่มองหน้าเฮอร์ไมโอนี่แต่เธอไม่ยอมสบตาเขา

“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรหมู่นี้ถึงไม่ค่อยมาหาเรื่องแกล้งพวกเรา  จะมีก็แต่วันนั้น”  รอนพูดไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจสีหน้าคนรอบข้าง  เพราะตอนนี้แฮร์รี่นั้นกำลังทำหน้าบูดใส่เขาประมาณว่า ‘ นายหยุดพูดก่อนได้ไหมรอน ’  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นทำสีหน้าเรียบเฉย

“เออ  แล้ววันนั้นไอ้เจ้ามัลฟอยมันทำอะไรเธอเหรอ  ที่หน้าห้องโถงน่ะ  ฉันถามแฮร์รี่ก็ไม่ยอมบ…”  รอนเงยหน้าขึ้นมาแต่สายไปเสียแล้วเพราะเฮอร์ไมโอนี่นั้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นรวมไปเรียบร้อยแล้ว

“เฮ้  เฮอร์ไมโอนี่”  รอนตะโกนใส่ช่องรูปภาพ  “เป็นอะไรของเขาน่ะ”  รอนพูดกับแฮร์รี่ที่ส่งสายตาตำหนิมาให้เขา  และแฮร์รี่ก็เดินหายไปที่ช่องรูปภาพเช่นเดียวกับเธอ

“อ้าว  แฮร์รี่  นายจะไปไหนน่ะ”  รอนตะโกนไล่หลังมาแต่ไม่มีใครสนใจเขา



เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจากห้องนั่งเล่นรวมทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน แต่ก็คงมีที่เดียวที่เธอจะไปได้ในตอนนี้นั่นก็คือห้องสมุด

“เฮอร์ไมโอนี่”  เสียงแฮร์รี่ตะโกนไล่หลังเธอมา  แฮร์รี่เร่งฝีเท้าจนเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองเขา

“เธอมีอะไรเหรอ  แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแฮร์รี่จะพูดอะไร

“เอ่อ  คือ  เธอเป็นอะไรไหม”  เขาอึกอักส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นรอให้แฮร์รี่พูดอยู่ “ฉันหมายถึงเธอมีปัญหาอะไรกับมัลฟอยรึเปล่า”

พูดไม่ทันขาดคำมัลฟอยก็ปรากฏตัวขึ้นตรงระเบียงทางเดินและทักเขาด้วยน้ำเสียงยานคางเช่นเดิม

“มีอะไรกับฉันรึพอตเตอร์”  มัลฟอยพูดมองเขาทั้งสองด้วยแววตาสีซีด

“มัลฟอย  นาย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างแปลกใจ  เธอไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอถึงหอในเวลาแบบนี้

“เปล่า  ไม่มีอะไรนี่”  แฮร์รี่พูดอย่างไม่ใส่ใจพร้อมยักไหล่  “ถ้างั้นฉันไปก่อนนะเฮอร์ไมโอนี่”  แฮร์รี่พูดพลางเดินกลับหอกริฟฟินดอร์  และเมื่อร่างของแฮร์รี่ลับสายตาไปแล้วมัลฟอยก็ดึงตัวเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาโอบ

“ไอ้เจ้าพอตเตอร์มันพูดอะไรกับเธอ  เกรนเจอร์”  มัลฟอยถามเธอด้วยน้ำเสียงน่ากลัว  เฮอร์ไมโอนี่รู้ทันทีว่ามัลฟอยหึงเธอขึ้นมาอีกแล้ว

“เปล่านี่  มัลฟอย  แฮร์รี่ก็แค่”  เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ขาดห้วงไป  เธอทำท่าเหมือนนึกคิด  “เขาก็แค่เป็นห่วงฉันเฉย ๆ ”

“เฮอะ  เป็นห่วงงั้นเหรอ”  มัลฟอยตอบพลางทำหน้าเบ้  เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็คงจะไม่ดีแน่ ๆ

“นายมีธุระอะไรกับฉันงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามมองหน้าเขา  เธอพยายามจะเปลี่ยนบสนทนาให้ไปไกลจากแฮร์รี่หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้มัลฟอยอารมณ์เสีย

“มีสิยายบ๊อง  ไม่งั้นจะมาหาเธอที่นี่ทำไมล่ะ  มานี่เร็ว”  มัลฟอยพูดยังไม่ทันจบเขาก็ลากเฮอร์ไมโอนี่ไปตามทางเดินจนถึงห้องเรียนห้องหนึ่ง

“มัลฟอยนายพาฉันมานี่ทำไม” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างงุนงงขณะที่มัลฟอยลากเธอเข้าไปในห้องนั้นและเสกคาถาล็อคประตู

“เกรนเจอร์ฉันคิดถึงเธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับโอบกอดเธอ  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็กอดเขาตอบเช่นเดียวกัน

“ฉันก็คิดถึงนายมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่บอกขณะที่เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา

“เธอรักฉันไหมเกรนเจอร์”  มัลฟอยถามมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่

“รักสิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  หน้าของเธอเป็นสีชมพู

“แล้วเจ้าพอตเตอร์ล่ะ”  มัลฟอยถามเธอ  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นึกขำกับอาการหึงหวงของเขา

“แฮร์รี่เป็นเพื่อนฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเพื่อให้เขามั่นใจ

“แล้วเจ้าครัมล่ะ  ฉันเห็นมันสนิทกับเธอ…”  มัลฟอยพูดออกมาไม่ทันจบประโยค  เฮอร์ไมโอนี่ก็เงยหน้าขึ้นและแตะริมฝีปากของเธอบนริมฝีปากเรียวซีดของเขา  เธอคิดว่าการทำอย่างนี้น่าจะเป็นการแสดงออกที่ดีที่สุดว่าเธอรักเขา  ขณะที่มัลฟอยงง ๆ แกมตกใจกับการกระทำของเด็กสาวเพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยเป็นฝ่ายมาจูบเขาก่อนเลย

“เธอมาจูบฉันก่อนนะยัยหัวฟู”  มัลฟอยกระซิบเมื่อเขาถอนริมฝีปากเขาออกมาจากริมฝีปากเธอ  และเขาก็กดมันลงอีกรอบคราวนี้เด็กหนุ่มพยายามแทรกลิ้นเข้าไปในปากของเธอ  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้ขัดขืนเขาแต่อย่างใด  แต่เธอกลับเอาแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอเขา  เมื่อมัลฟอยเห็นปฏิกิริยาของเด็กสาวเขาก็กระชับแขนที่กอดเธอให้แน่นขึ้นอีก  ทั้งสองจูบกันอยู่เนิ่นนานราวกับว่ากลัวอีกฝ่ายหนึ่งหลุดลอยไป

“ฉันต้องไปแล้วเกรนเจอร์”  มัลฟอยพูดหลังจากถอนริมฝีปากออกมา  เขาเอาหน้าผากของเขาแตะกับหน้าผากของเธออยู่  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเศร้า

“ตอนนี้ฉันอาจจะมาเจอเธอบ่อย ๆ ไม่ได้นะ  เธอก็รู้”  มัลฟอยพูดเสียงเศร้า  ไม่ต่างอะไรกับเฮอร์ไมโอนี่เลย  เขาคลายวงแขนที่โอบรอบตัวเธอออก  และจูบเธอที่แก้มเบา ๆ

“ฉันรักเธอนะเกรนเจอร์”  มัลฟอยพูดพลางสูดลมหายใจเข้าไปขณะที่จมูกของเขาแตะที่แก้มเฮอร์ไมโอนี่

“ฉันเองก็รักนาย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงเศร้า  และทั้งสองก็ผละออกจากกัน  พวกเขาออกจากห้องรียนและมัลฟอยก็เดินไปส่งเธอที่หน้าหอกริฟฟินดอร์

“อาทิตย์หน้าฉันจะแข่งควิดดิชแล้วนะ”  มัลฟอยพูด “อย่าลืมเชียร์ฉันล่ะ”  เขาพูดกวน ๆ เฮอร์ไมโอนี่ก็ยิ้ม ๆ ทั้ง ๆ ที่ในใจเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอควรจะเชียร์ใครดีระหว่างเพื่อนรักหรือคนรัก

“แล้วถ้าฉันชนะล่ะก็”  มัลฟอยพูดพลางเอาปากเรียวซีดของเขามาใกล้ ๆ หูของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพู

“ขอรางวัลให้ฉันด้วยนะ”  เขากระซิบ  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มหน้าแดงพลางทุบแขนเขาด้วยกำปั้นของเธอ

“คนบ้า” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาด้วยความเขินอาย  ส่วนมัลฟอยยิ้มกับท่าทีของเธอ

“นะเกรนเจอร์แค่จูบเอง  เมื่อกี๊เธอยังให้ฉันได้เลย”  เขาพูดอออดอ้อน  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าครุ่นคิด

“ฉันจะจูบนายก็ได้  ถ้านายทำได้นะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบลังเล  มัลฟอยมองเธอและยิ้มกว้างขึ้นอีก

“แต่ต้องจูบต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนนะ”  มัลฟอยพูดเสริม  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่หน้าถอดสี

“ฉันพูดเล่นน่า  เอาเป็นว่าสัญญานะว่าจะจูบฉันถ้าฉันชนะ”  เขาพูดมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ทำหน้าลังเล

“อือ  ถ้านายชนะนะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบทำท่างอน ๆ  ส่วนมัลฟอยนั้นเมื่อเห็นเธอทำท่าอย่างนี้ยิ่งอยากกอดเธอขึ้นมาอีก

“แล้วอีกเรื่อง  เรื่องยัยซิลเวียนั่นน่ะ”  มัลฟอยพูดเริ่มทำหน้าเครียด  รอยยิ้มบนหน้าเขาหายไปโดยสิ้นเชิง  “เธอระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ  เพราะว่ายัยนั่นน่ะร้ายกว่าที่เธอคิด  เขาอาจจะทำอะไรเธอก็ได้”  มัลฟอยพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง  และเฮอร์ไมโอนี่ก็เข้าใจเขาดี

“ได้มัลฟอย  ฉันจะระวัง” เฮอร์ไมโอนี่พูดสีหน้าเป็นกังวล

“งั้นฉันไปนะ”   มัลฟอยเอ่ยพลางทำท่าจะหันหลังกลับแต่ดูเหมือนว่าเขาจะลืมอะไรไปอีกอย่าง

“อ้อ  แล้วอย่าลืมสัญญาล่ะ”  มัลฟอยเตือนเธอด้วยการกระซิบเข้าที่ข้างหูของเฮอร์ไมโอนี่  ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาปะทะเข้าที่หน้าของเด็กสาว  พอพูดจบเขาก็บรรจงจูบเธอที่หน้าผากเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหันหลังและวิ่งไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว  แต่ก็ไม่เร็วเพราะเขายังได้ยินเฮอร์ไมโอนี่ตะโกนว่า ‘ คนบ้า ’ ไล่หลังมา

ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็เดินหน้าแดงกลับหอกริฟฟินดอร์และเดินขึ้นหอนอนไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของรอน

“ฉันรู้แล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นอะไร”  รอนพูดกับแฮร์รี่ที่กำลังทำการบ้านวิชาปรุงยาอยู่  ส่วนแฮร์รี่เงยหน้ามามองรอนอย่างสงสัยว่า  รอนรู้เรื่องเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยได้อย่างไร

“ฉันว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องเป็นไข้แน่ ๆ หน้าถึงแดงขนาดนั้น  เมื่อกี๊นายพาเฮอร์ไมโอนี่ไปห้องพยาบาลมาใช่ป่ะแฮร์รี่”  รอนพูดตามความเข้าใจของตัวเอง  ส่วนแฮร์รี่นั้นมั่นใจได้เลยว่ารอนไม่รู้อะไร ( เลย )  จริง ๆ

“ฉันก็บอกเฮอร์ไมโอนี่แล้วว่าอย่าหักโหมอ่านหนังสือมากไป  แต่เธอเคยเชื่อฉันที่ไหนล่ะ”  รอนยังคงพูดสิ่งที่เขาคิดต่อไป   ส่วนแฮร์รี่นั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ


TBC

No comments:

Post a Comment