Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Sunday, September 14, 2014

Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 7



“แล้วงานเกมกลผู้วิเศษนี่จะมีต่อใช่มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“ต้องมีต่อแหงๆอยู่แล้ว” รอนพูดขณะทานของว่างที่ได้จากจานสีทอง

“แต่ดัมเบิลดอร์บอกว่าจำเป็นต้องเลื่อนออกไปประมาณสองวัน” แฮร์รี่กล่าว
แล้วชำเลืองมองไปทางมัลฟอย ที่นั่งอยู่ข้างๆ กองหมวกไหมพรมถักเองของเฮอร์ไมโอนี่ 
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอว่ามีเอลฟ์มาทำดูแลที่นี่บ้างรึป่าว”

“ก็ต้องมีอยู่แล้ว” 

“เธอก็เลยถักหมวกไหมพรมนี่ให้มันงั้นสิ” รอนพูด

“นายก็เห็นคำตอบอยู่ตรงหน้า แล้วนี่ ..ใช่”

“แต่..” 

“นายไม่ต้องมาพยายามพูดให้ฉันล้มเลิกความตั้งใจนะรอน นี่มันคริสต์มาสนะ”

“แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น จะมีก็แต่ ด๊อบบี้เท่านั้นที่จะมาทำความสะอาดห้องนี้ให้เธอนะ” แฮร์รี่ลดเสียงลงน้อยๆ

“ช่าย เธอจะเพิ่มแรงให้มันต้องเหนื่อยนะ เฮอร์ไมโอนี่ แรงงานทาสอะไรของเธอน่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงไม่พอใจ และวางสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ลง แล้วเบือนหน้าไปทางมัลฟอยที่พักนี้อารมณ์ไม่ค่อยจะปกตินัก แต่กลับพบว่าเขากำลังยิ้มอย่างขบขัน เป็นครั้งแรกที่ แฮร์รี่ รอน และมัลฟอยมีความเห็นตรงกัน

“เออ เข้าข้างกันดีนักนะ เรื่องเอลฟ์น่ะ” เธอกล่าวแล้วลุกพรวดคว้ากระดาษกับปากกาขนนกไว้ แล้วตรงไปยังประตู

“นั่นเธอจะไปไหนน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” รอนถาม

“โรงนกฮูก อ้อ แฮร์รี่ขอยืมเฮ็ดวิกด้วยนะ” เธอตะโกน

“เฮ้ เกรนเจอร์ เธอจะปล่อยให้ฉันอยู่กับสองคนนี้ตามลำพังหรือไง” 

“ก็เห็นเข้าข้างกันดีนี่ อยู่ด้วยกันสักสิบห้านาทีนายคงจะไม่ตายหรอกน่า”
 เธอกล่าวแล้วปิดประตูเสียงดัง ทิ้งความเงียบกริบไว้เบื้องหลัง


“เฮ้ นี่พวกนายยังมีชีวิตอยู่รึป่าวนี่ มันคงจะไม่ตายหรอกนะถ้านายจะช่วยส่งเสียงหน่อย” มัลฟอยสบถเบาๆ 

“เออ ยังอยู่ๆ” แฮร์รี่กล่าวหลังจากเงียบไปหลายนาที เขาไม่นึกว่ากลายเป็นเขาและรอนที่ต้องมานั่งเฝ้ามัลฟอยแทน

“ฉันล่ะแปลกใจจริง เมื่อไหร่แผนเล่นงานฉันของพวกนายจะเริ่มล่ะ” มัลฟอยเอนกายลงบนโซฟา เอาแขนก่ายหน้าผาก

“จะให้เราบอกนายกี่ครั้งว่าเราไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น” แฮร์รี่พูด “อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ แน่นอน”

“แต่ที่เราสงสัย นายคงไม่มีแผนอะไรเหมือนกัน” รอนกล่าว

“แผนอะไร” มัลฟอยขมวดคิ้วให้กับความมืด

“เฮอร์ไมโอนี่ไง” แฮร์รี่เอ่ย

“เฮอะ ฉันบอกนายได้เลยว่าฉันก็ไม่มีแผนอะไรเช่นกัน” เขากล่าวอย่างแน่วแน่ “ว่าแต่ยัยนั่นไปไหน ชักช้าจริง”

พลันประตูทรงกลมก็เปิดออก ตามมาด้วยร่างของสาวน้อยที่หอบเพราะความเหนื่อย

“ใครน่ะ” มัลฟอยเอ่ยถาม

“เฮอร์ไมโอนี่ เธอไปไหนมาน่ะ” รอนพูด

“นั่นไม่สำคัญหรอก นายต่างหาก แน่ใจนะว่าไม่ได้นัดใครไว้น่ะ”

“ฉันเหรอ ก็ไม่นี่” รอนตอบ ขณะที่เธอยังอยู่หน้าประตู

“ไม่ใช่นาย แต่เป็นพวกนาย แฮร์รี่ และรอน” เธอกล่าวจ้องหน้าพวกเขาสลับกันไปมาอย่างหงุดหงิด

“เรานะเหรอ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถาม

“ใช่ นี่พวกนายไม่รู้ หรือแกล้งจำไม่ได้กันแน่” เธอกล่าวแล้วกระแทกขวดหมึกลงบนโต๊ะ 
“งั้นฉันจะบอกให้ แองเจลิน่า เฟร็ด จอร์จ และ โอ้ ควิชดิช!!”

“เออ จริงสิ ลืมสนิทเลย” แฮร์รี่พึมพำกับตัวเอง “รอน ทำไมนายไม่เตือนฉันล่ะ ว่าพวกเขาจะมากันวันนี้”

“นายนั่นแหละที่ไม่ได้เตือนฉัน ว่านายนัดซ้อมควิชดิชวันนี้”

“แล้วพวกนายมานั่งทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้!” เฮอร์ไมโอนี่กระแทกเสียง 
เป็นเพราะความห่วงเพื่อนที่พวกเขามีให้กับเธอมากเกินจนลืมไปว่า เฟร็ดกับจอร์จ
 และอีกหลายคนที่จบจากฮอกวอตส์แล้ว อาจจะมาเยี่ยมในช่วงคริสต์มาส

“รู้แล้วล่ะน่า” รอนบ่นขณะเดินออกจากห้องพร้อมกับแฮร์รี่ “ไม่ต้องไล่ก็ได้ รู้
หรอกว่าเธออยากจะอยู่กับหมอนี่ตามลำพังสองคน”

“แล้วเจอกัน เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่กล่าวแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันสงครามเล็กๆ
ที่อาจเกิดขึ้นและทำให้เขาโดนลูกหลง

“เฮ่ย” สาวน้อยถอนหายใจพร้อมกับรอยแดงๆบนใบหน้าที่เริ่มจางหายไปและกลับมาอีกรอบ
เมื่อเสียงหัวเราะน้อยๆในลำคอของชายผู้ที่ตาทั้งสองข้างไม่สามารถมองเห็นได้

“หัวเราะอะไรของนาย” 

“ฉันบอกเธอแล้ว ว่าสองคนนั่นเป็นโรคเดียวกัน” มัลฟอยกล่าวเสียงยานคาง

“โรคอะไรของนาย”

“โรคหวงหรือห่วงเพื่อนสาว ขั้นโคม่าเชียวล่ะ ฮาฮ่าฮ่า” แล้วเขาก็หัวเราะในแบบที่
ไม่เคยหัวเราะมาก่อนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา “ว่าแต่เธอไปส่งจดหมายหาใครกัน”

“ฉัน..ไม่บอกนายหรอก” เธอกล่าว พยายามทำให้รอยริ้วสีแดงของเลือดฝาดเลือนหายไปจากใบหน้า
 ถึงแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นก็เถอะ “อีกอย่างนายทำให้ฉันไม่พอใจ”

เขาคลายยิ้มน้อยๆอีกครั้ง ก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มที่ค้างเติ่งแบบไร้ชีวิตชีวา
 และถ้าเป็นเวลาก่อนนอน คิ้วของเขาจะขมวดเข้าหากันอย่างไม่สามารถแยกออก
 เนื่องด้วยความเครียด ถึงแม้ เฮอร์ไมโอนี่จะทำให้เขายิ้มออกอยู่พักหนึ่ง
 แต่ก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมจนได้ เธอจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง..

.  . . . . . . .

เช้าวันรุ่งเฮอร์ไมโอนี่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าจะทำให้เขาลุกจากเตียง

“ไม่เอาน่า มัลฟอย ฉันรู้หลอกว่านายแกล้งทำเป็นหลับน่ะ” เธอกล่าวแต่มันก็ไม่เป็นผล 
“นายจะมานอนซมอยู่แต่บนเตียงไม่ได้นะ ไหนนายบอกว่านายไม่ใช่คนป่วยไง”

“เออ รู้น่า แต่ฉันไม่อยากลุกนี่” เขาพูดแล้วพลิกตัวไปมา “ถ้าให้ฉันเลือกฉันขอเป็นเจ้าชายนิทราดี
กว่ามาตาบอดมองไม่เห็นอย่างนี้

เขาดึงผ้าห่มมาปิดหน้าปิดตาเพื่อจะหลีกหนีจากเธอ ทำให้เธอต้องดึงผ้าห่มนั้นออก
 แต่กลับกลายเป็นแย่งผ้าห่มจากเขาต่างหาก

“โอเค เจ้าชายเพคะ ต้องให้หม่อมฉันไปทูลเชิญเจ้าหญิงมาจุมพิตให้พระองค์ตื่นจากนิทราหรือเปล่าเพคะ” เธอประชด

“ได้งั้นก็ดี”

“เฮ่ย เรื่องมาก ลุกขึ้นมาเถอะน่า ฉันรู้หรอกว่ากระเพาะท้องพระโรงของนายต้องการอาหาร 
ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย” เธอฉุดเขาขึ้นมานั่ง จากนั้นก็ลากเขาตรงไปยังห้องน้ำ แล้วจัดแจงอุปกรณ์อาบน้ำให้เขา 

“ฉันเตรียมน้ำไว้ให้นายแล้ว กำลังอุ่นได้ที่” เธอกล่าว “เอ้านี่ไม้กายสิทธ์ คาถาเรียกของจะเป็นประโยชน์กับนาย” 
แล้วเธอก็ออกจากห้องน้ำไป

เวลาผ่านไปไม่นาน ประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมร่างสูงๆของมัลฟอยที่คลำทางออกมา 
สาวน้อยที่นั่งรอเขาอยู่ปิดหนังสือที่อ่านลงข้างๆ แล้วพยายามกลั้นเสียงหัวเราะไว้ 

“เอ้อ นายโอเครึป่าว” เธอพูดแล้วถลามาหาเขา “ฉันหมายถึงทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ย”

“ดี ฉันไม่ได้ลื่นตกห้องน้ำหรอกน่า นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ” เขากล่าวเมื่อรู้สึกว่ามือเล็กๆกำลังมายุ่งอยู่กับเสื้อของเขา

“ก็ติดกระดุมเสื้อให้นายใหม่น่ะสิ ติดยังไงไม่ถูกที่เลยสักเม็ด” เฮอร์ไมโอนี่บ่น

“ก็ติดแบบคนตาบอดน่ะสิ” เขาพูดด้วยท่าทีขัดเขิน หวังเพียงอย่างเดียวว่าเธอจะไม่เงยขึ้นมามองหน้าเขา

“เสร็จแล้ว เราไปกันเถอะ” เธอพูดแล้วจูงมือเขา

“ไปไหน”

“อาหารเช้าไง” เธอว่า “อ้อนี่เสื้อคลุมใส่ซะ ข้างนอกอากาศค่อนข้างเย็น”

เขารับไปใส่อย่างว่าง่าย แล้วรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันทีเมื่อ เฮอร์ไมโอนี่เอาผ้าพันคอพันให้เขา

“เรากินกันที่นี่ก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องยุ่งยากเลย และอีกอย่างฉันไม่อยากไปนั่งที่โต๊ะกริฟฟินดอร์หรอกนะ”

“งั้นก็สลิธีริน ฉันคิดว่านายอยากจะเจอเพื่อนนายบ้าง” เธอกล่าวแล้วมุ่งหน้าสู่ห้องโถงใหญ่พร้อมกับเขา

“แต่ฉันไม่อยาก” เขาหยุดชะงักแล้วดึงมือของเธอที่เขาจับอยู่ไว้ และรู้สึกถึงความเงียบชั่วขณะ

“งั้น แล้วถ้า..นายกับฉัน แค่สองคน สนใจมั้ย”

ถ้าหากเขามองเห็น เขาคงจะมองเธอด้วยความสงสัย ว่าเธอคิดอะไรของเธอ

“ยังไงล่ะ”

เวลาต่อมา เขารู้สึกถึงความเย็นของหิมะรอบกาย ทั้งจากด้านข้างและด้านใต้ที่มีผ้าปูไว้ 
เขากำลังนั่งรอเฮอร์ไมโอนี่ที่กลับเข้าไปในปราสาทเพื่อเอาอาหารออกมา และเขาคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีทีเดียว 

“ฉันไม่คิดหรอกนะ ว่าเราจะได้ทานอาหารเช้ากันสองคนน่ะ” เขากล่าวและรู้สึกถึงมืออุ่นๆของเฮอร์ไมโอนี่
ที่ยัดขนมปังใส่มือของเขา “ถ้าฉันเดาไม่ผิด เดี๋ยวพอตเตอร์กับวีสลีย์ก็ตามเธอออกมาอยู่ดี”

“ไม่หรอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่นายกำลังจะกิน” เธอตอบ แล้วคนซุปข้นๆและอุ่นๆไปมาก่อนจะลิ้มรสมัน 

“ทำไมล่ะ ฉันคิดว่าพวกนั้นคงอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศซะอีก” 

“ดัมเบิลดอร์มีเรื่องพูดกับทุกคนนิดหน่อย” 

“เรื่องอะไรล่ะ” 

“ไม่สำคัญหรอกน่า อ้าปากซิ ซุปนี่อุ่นดีนะ” เธอสั่งเขา

“ทำไมฉันต้องทำตามที่เธอบอกด้วย ฉันกินของฉันได้น่า” เขาว่าพลางยื่นมือมาให้เธอ

เฮอร์ไมโอนี่ลังเลที่จะส่งถ้วยซุปให้เขา 

“เอ้า นี่ช้อน ถือไว้” เธอพูดพลางจัดท่าให้เขา แล้ววางถ้วยซุปใส่มือเขาอย่างระมัดระวัง “ระวังหน่อยมันร้อน”

“เฮ้ ถือดีๆสิ เดี๋ยวก็หกหมดหรอก นายนี่” เธอว่าแล้วจับมือที่ถือถ้วยเอียงกระเท่เร่ของเขาไว้
 “มันไม่ตายหรอกนะ ถ้าจะให้ฉันป้อนน่ะ”

“เออก็ได้” เขาตอบอย่างรำคาญ เพราะดูเหมือนช้อนที่เขาถือ คนได้แต่อากาศเท่านั้น
“แค่นี้ก็หมดเรื่อง เอ้า อ้าปากซิ” มัลฟอยทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นานอาหารก็หมดลงพร้อมกับคนที่
เริ่มทยอยออกมาจากห้องโถง

“เฮ้ เฮอร์ไมโอนี่” รอนและแฮร์รี่ทักขึ้น “ดัมเบิลดอร์เรียกเธอไปพบน่ะ ตอนนี้เลย”

“ตอนนี้น่ะเหรอ” เธอตอบแล้วหันหน้าไปมองมัลฟอย “งั้นพวกนายพาเขากลับห้องด้วยนะ”

“เฮ้ย ได้ไง เกรนเจอร์ ถ้าฉันกลับไปกับพวกนี้มีหวังเดินตกบันไดแน่” มัลฟอยแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจ

“เอาน่า ไม่งั้นฉันเอานายไปฝากกับพาร์กินสันก่อนก็ได้ แล้วจะไปรับ” 

“เธอจะบ้ารึไง ฉันไม่ใช่เด็กน้อยตัวกระเปี๊ยกที่เธอจะเอาไปฝากชาวบ้านเขาตอนเธอไม่ว่างนะ”

“แล้วไงล่ะ ให้เดินกลับห้องก็ไม่เอานิ” เฮอร์ไมโอนี่เถียง

“ไปเถอะ เฮอร์ไมโอนี่ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” แฮร์รี่พูดขึ้น

“ขอบใจไปก่อนนะ” เธอตอบ แล้วเดินจากไปโดยไม่สนใจเสียงฮึดฮัดของมัลฟอยเลย 

“ไปกันเถอะ” รอนกล่าว แต่ออกเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ มัลฟอยก็สะดุดไปซะทั่วทุกที่

“นี่พวกนาย ช่วยบอกทางอย่างละเอียดไม่ได้รึไง” เขากล่าวด้วยความหงุดหงิด

“เห็นทีจะมีแต่เฮอร์ไมโอนี่ล่ะมั้ง ที่ทำอะไรก็ถูกใจนายไปซะหมด” รอนประชด

“เอาเถอะ ฉันมีวิธี” แฮร์รี่พูดขึ้น

“อะไร แล้วนายเอาไม้กายสิทธ์ออกมาทำไมล่ะ แฮร์รี่” รอนพูดเมื่อเห็นว่าปลายไม้นั้นชี้ไปที่มัลฟอย

“อิมเปริโอ” โดยไม่ตอบคำถาม แฮร์รี่ก็ร่ายคาถาสะกดใจใส่มัลฟอยเสียแล้ว 

“นั่นมัน คำสาปโทษผิดสถานเดียว นะแฮร์รี่” รอนเอ่ยอย่างอึ้งๆ จ้องมองแฮร์รี่ที่ยักไหล่ตอบ 
แล้วเลื่อนมาที่มัลฟอยผู้มีท่าทางเลื่อนลอยอย่างประหลาดกว่าเดิม

ไม่ช้าไม่นาน ชายร่างสูง ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีซีด ดูเลื่อนลอย เนื่องด้วยไม่สามารถมองเห็น
 หรือที่เรียกว่าตาบอด ก็กลับมามีสติอีกครั้ง และพบว่าตนกำลังนั่งอยู่ในที่ ที่อบอุ่นบนโซฟา
 เขาลูบมันด้วยสัมผัสจากมือ ก็รู้ได้ทันทีว่าเขากลับมาอยู่ในห้องของเขาแล้ว

“อะแฮ่ม” เขากระแอมเล็กน้อย เผื่อว่าผู้ที่พาเขามาจะยังอยู่ในห้อง

“ไง มัลฟอย” รอนทัก “ตอนนี้นายอยู่ในห้องของนายแล้ว”

“แล้วฉันกลับมาได้ยังไง”

“ฉันใช้ คำสาปสะกดใจน่ะ” แฮร์รี่กล่าว

“คำสาป สะกดใจ!”มัลฟอยพูดเสียงดัง เขาไม่ค่อยชอบใจนักหรอกที่ต้องถูกบังคับให้ทำอะไรโดยที่ไม่สามารถ
ควบคุมตัวเองได้ เขาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “นายกล้าดียังไง ถึงมาใช้คำสาปสะกดใจกับฉัน!!” 

“ฉันทำเพราะว่ามันสะดวกในการพานายมาอย่างปลอดภัยและง่ายได้” แฮร์รี่พูดเสียงเรียบ 
“ถ้าตอนนั้นนายมีสตินะ นายจะพบว่า นายเดินกลับมาเองได้โดยไม่ต้องมีคนช่วย 
เดินกลับมาแบบคนปกติ คนที่ไม่ได้..เอ่อ..ตาบอด”

“เออ” มัลฟอยถอนหายใจ แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่ทำให้แฮร์รี่และรอนยิ้มไม่หุบ “ขอบใจ..”

…นาทีต่อมา เฮอร์ไมโอนี่ก็กลับมา เธอแปลกใจนิดๆว่าทำไมพวกเขามาถึงกันเร็ว

“ไง เฮอร์ไมโอนี่” รอนทักขึ้นระหว่างที่เธอนั่งลงที่พื้นพรมนุ่มๆ ข้างโซฟาที่มัลฟอยนั่งอยู่ 

“คืนนี้เธอจะไปงานเลี้ยงรึเปล่า” เสียงของรอนช่วงท้ายแผ่วเบาลง เนื่องด้วยสายตาของเฮอร์ไมโอนี่
 ที่ชำเลืองมองไปทางมัลฟอย แล้วกลับมาถลึงตาใส่เขา โดยหวังว่ารอนคงจะรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร

“งานเลี้ยงอะไร” มัลฟอยถามเสียงเข้ม ด้วยความสงสัยเป็นที่สุด



TBC



No comments:

Post a Comment