หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่ามีข่าวลือของเธอกับไรอันเกิดขึ้นนั้น มันก็ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเธอกับเขาไปไหนด้วยกันเพียงสองคน อย่าว่าแต่แค่เธอกับไรอันสองคนเลยถึงแม้จะมีรอนกับแฮร์รี่อยู่ด้วยก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว เพราะทุกครั้งที่คนอื่นเห็นเธอเดินมากับไรอันทั้ง ๆ ที่มีแฮร์รี่และรอนมาด้วย เสียงซุบซิบนินทาก็จะดังขึ้นอย่างออกนอกหน้า รวมทั้งสายตาอยากรู้อยากเห็นที่แสดงออกมาอย่างเปิดเผยของคนรอบข้างมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่อึดอัดเป็นที่สุด แต่สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พอจะทำได้ในตอนนี้ก็คืออดทนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น เพราะเธอเองก็คงไปห้ามไม่ให้คนเหล่านั้นหยุดพูดในสิ่งที่พวกเขา ‘ เชื่อ ’ ไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันก็อาจจะทำให้ความอดทนของเฮอร์ไมโอนี่หมดลงง่าย ๆ ได้เช่นกัน
ตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าการตกเป็นข่าวกับแฮร์รี่เมื่อเทอมที่แล้วนั้นก็แย่พอแล้ว แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะแย่กว่าครั้งก่อนมาก ๆ เลยด้วยซ้ำ แย่จนแทบจะเรียกว่า ‘ เลวร้าย ’ ได้เลย เพระว่าเมื่อครั้งก่อนนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็แค่เสียงซุบซิบนินทา แต่ครั้งนี้อาจเป็นเพราะไรอันนั้นป็อปปูล่ามากในหมู่สาว ๆ ที่ฮอกวอตส์ มันเลยทำให้คนที่ตกเป็นข่าวกับเขาอย่างเฮอร์ไมโอนี่ต้องพลอยตกที่นั่งลำบาก
“เธอได้อีกแล้วหรือเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามเธอขณะที่พวกเขากำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นกำลังมองสิ่งที่นกฮูกโรงนาตัวหนึ่งมาส่งให้เธอในมืออย่างเหนื่อยใจ จดหมายกัมปนาทนั่นเอง และเมื่อมันเริ่มมีควันครุกรุ่นขึ้นมาเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจที่จะฉีกมันออก!
“แกกล้าดียังไง ถึงได้ทำแบบนี้ อย่าคิดนะว่าเขาจะอยู่กับแกได้นานน่ะ พวกเราจะไม่ปล่อยแกไปแน่ถ้าแกยังบังอาจไปยุ่งกับเขาอีก ยัยเลือดสีโคลน!”
จดหมายกัมปนาทที่เปลี่ยนเป็นรูปปากขยับตัวและกรีดร้องเสียงแหลมและดังจนทุก ๆ คนในห้องโถงหันมามองเธอเป็นตาเดียวกันไปหมด แฮร์รี่และรอนรีบยกมือขึ้นอุดหูทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่ฉีกมันออก แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นมองมันด้วยสายตาเซ็ง ๆ เหมือนจะบอกว่า ‘ หยุดพล่ามได้แล้ว รำคาญ! ’
และเมื่อจดหมายกัมปนาทพูดจบมันก็ฉีกตัวเองทิ้ง เฮอร์ไมโอนี่มองมันด้วยสายตาเย็นชาก่อนที่จะปัดเศษกระดาษสีแดงที่เมื่อครู่เพิ่งร้องด่าเธออกจากหนังสืออย่างไม่ใส่ใจ ถ้าเกิดว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่ได้จดหมายกัมปนาทล่ะก็เธอคงไม่ทำอย่างนี้หรอก แต่นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วในช่วงเวลาสามวัน เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้เธออาจจะได้ถูกบันทึกชื่อลงในกินเนสบุ๊คว่าได้รับจดหมายกัมปนาทมากที่สุดก็ได้ ( แต่คงยากเพราะกินเนสบุ๊คน่ะมีเฉพาะในโลกมักเกิ้ลเท่านั้น )
“ผมว่า ให้ผมทำอะไรซักอย่างไหมครับ” ไรอันถามเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่เธออดทนอยู่กับสายตาที่แสดงความอยากรู้อย่างเห็นออกมาอย่างเต็มเปี่ยมของคนเกือบทั้งห้องโถงอยู่
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่เป็นไร” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงเย็น
“คุณพูดว่า ‘ ไม่เป็นไร ’ อีกแล้ว” ไรอันท้วงอย่างรู้ทัน
“ก็ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ นี่ ไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรำคาญ
“แต่คุณ….”
“ที่ฉันพูดว่า \' ไม่เป็นไร \' น่ะ มันไม่จำเป็นว่าฉันจะต้องโกหกเสมอไปหรอกนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอารมณ์เสีย แค่เรื่องที่เธอเจออยู่ทุกวันนี้มันก็พอแล้วนะ เธอไม่ต้องการให้มีคนมาเพิ่มความเครียดให้เธออีก
“ผมขอโทษ” ไรอันพูด เขาไม่คิดว่าการที่เขาเป็นห่วงเธอจะทำให้เธอไม่พอใจแบบนี้
“เอ่อ เปล่า ฉันไม่ได้โกรธเธอ” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก เธอเพิ่งรู้สึกว่าเธอออกจะพูดแรงไปซักนิดนึง
“ฉันแค่เครียด ๆ น่ะ เธอก็รู้” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ
“ครับผมเข้าใจ” ไรอันพูด ตอนนี้ในใจเขาไม่มีความรู้สึกอื่นมากไปกว่าสงสารและเป็นห่วงเธอที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้ โดยเฉพาะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเขา ไรอันมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างห่วงใยขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย
เขาไม่ต้องการให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับเธอเลย ไรอันคิดพลางถอนใจ เขาไม่อยากจะเห็นเธอทุกข์ใจอย่างเช่นวันนี้อีก แต่ในใจลึก ๆ ของไรอันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่คนอื่นคิดกันว่าเขาชอบเฮอร์ไมโอนี่นั้นเป็นจริงทุกประการ! ไรอันคิดอย่างเหม่อลอย ถ้าไม่ใช่เพราะมีเสียงของเฮอร์ไมโอนี่มาปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ซะก่อนล่ะก็เขาคงได้นั่งอยู่ตรงนั้นไปจนถึงเวลาเข้าเรียนเป็นแน่
“วันนี้เธอมีเรียนอะไร ไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่ถามขณะพยยามหอบหนังสือที่หนาและหนักกว่าสามเล่มไว้ในอ้อมแขนอย่างทุลักทุเล นี่ยังไม่รวมหนังสือที่ถูกยัดไว้ในกระเป๋าตุง ๆ ของเธออีกนะ
“แปลงร่างครับ” ไรอันตอบ “คุณล่ะ”
“ปรุงยา” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างเบื่อ ๆ ปรกติวิชาปรุงยาก็เปรียบเสมือนชั่วโมงทรมานสำหรับเด็กกริฟฟินดอร์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่พิ่งรู้สึกว่าเธอไม่อยากจะเรียนปรุงยามากกว่าครั้งใดเลยในชีวิตนี้เพราะเธอไม่ต้องการเจอหน้ามัลฟอยในชั่วโมงเรียนอีก และในขณะที่พวกเขากำลังเดินออกจากห้องโถงมา โดยมีไรอัน เฮอร์ไมโอนี่ และรอนกับแฮร์รี่ที่กำลังคุยเรื่องควิดดิชกันอย่างออกรส ( รอนไม่พูดกับเฮอร์ไมโอนี่เลยซักคำนับตั้งแต่วันที่เธอกับเขาทะเลาะกัน แต่แฮร์รี่บอกเฮอร์ไมโอนี่ว่ารอนเครียดเรื่องที่หาคู่ไปงานเต้นรำไม่ได้อยู่ ) เมื่อพวกเขาทั้งหมดเดินอยู่ที่ระเบียงทางเดินหน้าห้องโถงนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังมาจากกลุ่มนักเรียนหญิงเรเวนคลอกลุ่มหนึ่งที่เธอเพิ่งเดินผ่าน
“นั่น เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์นี่”
“มากับครัมด้วย”
“แต่พอตเตอร์ก็มาด้วยนะ”
“น่าสงสารพอตเตอร์นะ เขาจะรู้สึกยังไงเนี่ย ที่ต้องมาทนเห็นเกรนเจอร์กับแฟนใหม่แบบนี้”
ไม่ทันทีพวกเขาจะพูดจนจบบทสนทนาเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจเดินหนีไปทางอื่นเสียก่อน แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองทางไรอัน
“แล้วเจอกันครับ” เขาพูด พลางส่งยิ้มร่าเริงมาให้เฮอร์ไมโอนี่
“แล้วเจอกัน” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำมองเขาหายไปกับกลุ่มนักเรียนก่อนที่จะเดินไปเรียนวิชาปรุงยาของตัวเอง และเมื่อพวกเขาทั้งสามมาถึงคุกใต้ดินนั้น เสนปยังไม่มา พวกเด็กสลิธีรินก็เลยจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกปาก ส่วนเด็กกริฟฟินดอร์นั้นไม่กล้าแม้แต่จะยื่นนิ้วเท้าออกจากอาณาบริเวณรอบโต๊ะของตัวเองเลย เพราะการทำอะไรพลาดในชั่วโมงของเสนปนั้นมีอัตราเสี่ยงต่อการถูกหักคะแนนอย่างยิ่ง เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปที่โต๊ะที่เธอนั่งประจำกับเนวิล แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมเพราะมีเด็กสลิธีรินกลุ่มใหญ่มายืนขวางทางอยู่
“ขอทางด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเรียบ ๆ พยายามเบียดตัวเข้าไปให้ถึงโต๊ะ แต่เหมือนกับว่าจะมีคนที่ต้องการไม่ให้เธอได้ไปถึงมัน
“จะพูดเพราะ ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง ยัยเลือดสีโคลน” เสียงแหลมสูงดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก แพนซี่ พาร์กินสันนั่นเอง เธอเดินมาหยุดที่หน้าเฮอร์ไมโอนี่และมองเธอด้วยสายตาเหยียด ๆ
“เธอไม่รู้รึไงว่าเสื้อคลุมของพวกฉันเปื้อนโคลนจากตัวเธอหมดแล้ว” แพนซี่พูด และก็มีเสียงเฮรับมาจากสลิธีริน ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นยังคงนิ่งเงียบ
“ฉันว่ามันก็คงสะอาดดีนะถ้าเธอไม่เอามือสกปรกของเธอไปจับมันเสียก่อนน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเย็น ส่วนแพนซี่นั้นก็ตอบโต้เธอแทบจะในทันที เธอกรีดเสียงหัวเราะอย่างน่าเกลียด
“ใครกันแน่ที่สกปรก เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าเกรนเจอร์ เธอต่างหากที่สกปรกโสโครก” แพนซี่พูด
“การนับว่าใครสกปรกหรือไม่น่ะ ฉันนับที่จิตใจต่างหากแพนซี่ ไม่ใช่สายเลือด!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเยือกเย็น ส่วนแพนซี่นั้นเหมือนจะถูกแทงใจดำ แต่เธอก็ยังตีสีหน้าเรียบเฉยอยู่
“อ๋อ งั้นครัมก็คงคิดแบบเดียวกับเธอล่ะสิ เขาถึงได้รับได้กับแฟนเลือดสีโคลนอย่างเธอ” เมื่อแพนซี่พูดจบนักเรียนสลิธีรินก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
“ฉันกับไรอันไม่ใช่แฟนกัน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอารมณ์เสีย ดูเหมือนว่าความอดทนของเธอกำลังจะถึงขีดจำกัดแล้ว
“เธอคิดว่าพูดไปแล้วใครเขาจะเชื่อเธองั้นเหรอ” แพนซี่พูด “แต่เธอก็เก่งเหมือนกันนะที่จับหนุ่มหล่อแบบครัมได้ ไหนลองบอกวิธีกับฉันหน่อยสิ จะให้เรียกว่าไงดีนะ” แพนซี่ทำท่าครุ่นคิด “ ‘เสน่ห์เลือดสีโคลน’ ดีไหม” แพนซี่หันไปพูดกับเพื่อน และก็มีเสียงเฮรับอย่างท่วมท้น
สุดจะทนแล้วทีนี้!
“ก็ยังดีกว่าเธอนี่แพนซี่ แค่ผู้ชายคนเดียวยังเอาไม่อยู่!” เฮอร์ไมโอนี่ระเบิดคำพูดออกมาจากปากอย่างเหลือทน และเหมือนกับว่าคำ ๆ นี้จะไปจี้ใจดำของแพนซี่อย่างจัง เธอควักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาทันที เฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน แต่แพนซี่เร็วกว่า
“สตูเปฟาย!”
แสงสีแดงพุ่งเข้าใส่เฮอร์ไมโอนี่ เพียงแต่มันกลับไปโดนร่าง ๆ หนึ่งที่โดดเข้ามาขวางไว้เสียก่อน ร่างกำยำนั้นล้มลงกับพื้นแทบจะในทันที!
มัลฟอยนั่นเอง
“เดรโก!” แพนซี่ร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แก!” เธอทำท่าจะชี้ไม้กายสิทธิ์ขึ้น แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่ให้โอกาสแพนซี่ได้ร่ายคาถาอีกเป็นครั้งที่สอง
“เอกซ์เปสลิอาร์มัส” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง และร่างของแพนซี่ก็ถูกเหวี่ยงไปกระแทกตู้ ๆ หนึ่งทำให้โหลใส่ของดองที่ชวนให้ขนลุกต่าง ๆ หล่นลงมาแตกกับพื้นจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นคุกใต้ดิน ส่วนไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่นั่นเฮอร์ไมโอนี่รับไว้ในมืออย่างทันท่วงที
“เกิดอะไรขึ้น” เสียงเรียบนุ่มดังขึ้นพร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของผู้ที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะเจอมากที่สุด เสนปกำลังยืนอยู่ที่ประตูคุกใต้ดิน มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่ยากจะอ่านว่าโกรธเพราะมีคนมาก่อความวุ่นวายในห้องเรียนของตน หรือว่าดีใจกับโอกาสการหักคะแนนกริฟฟินดอร์แบบเต็ม ๆ ในครั้งนี้ดี
เสนปเดินเข้ามาในคุกใต้ดินพร้อม ๆ กับที่เด็กนักเรียนสลิธินสองสามคนไปช่วยกันพยุงแพนซี่ขึ้นมาจากซากของดองเหล่านั้น สภาพของแพนซี่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องเอามือปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้หัวเราะออกมา เพราะตอนนี้ทั้งตัวของเธอปกคลุมไปด้วยลูกตามังกร ซากแมลงสาปดอง เมือกเหนียว ๆ ของทากกินเนื้อ สมองของปลิงดูดเลือด และตับของตัวแบดเจอร์ หรืออาจจะมีมากกว่านั้นก็ได้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ได้เห็นเพียงแค่นั้นเธอก็หยุดขำเพราะเสนปหันมาทางเธอทันทีที่เห็นว่าอะไรเกิดขึ้น
“เธอร่ายคำสาปใส่มิสพาร์กินสันใช่ไหม” เสนปหันมาถามเธอด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่ก็ปกปิดความดีใจเล็ก ๆ ของเขาไว้ไม่มิด
“ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ยอมรับ “แต่นั่นก็เพราะ…..”
“แล้วก็มิสเตอร์มัลฟอยด้วย” เสนปพูดต่อด้วยแววตาราวโรจน์ บัดนี้เขามายืนอยู่ตรงหน้าของเฮอร์ไมโอนี่แล้ว “เปล่าค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายนักเรียนร่วมชั้นในคาบของฉัน มิสเกรนเจอร์” เสนปพูดยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเกรงกลัวเขาแต่อย่างใด และเธอก็สังเกตได้ว่าเสนปเกียบจะพูดว่า ‘ นักเรียนบ้านฉัน ’ แทน ‘ นักเรียนร่วมชั้น ’ เสียแล้ว
“และเธอยังทำห้องเรียนพังพินาศอีก” เสนปพูดพลางชี้นิ้วไปที่ตู้วางโหลดองที่เพิ่งพังลงมาเมื่อกี๊
“หนูไม่คิดว่ามันจะถึงกับ ‘ พังพินาศ ’ หรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เถียงสีหน้าเรียบเฉย
“เธอกล้าเถียงฉันหรือมิสเกรนเจอร์” เสนปพูดเสียงกร้าว ท่าทางโกรธจัดกับท่าทีไร้ซึ่งความสำนึกผิดของเฮอร์ไมโอนี่ “แล้วเธอยังกล้าทำร้ายมิสเตอร์มัลฟอยอีก” เสนปพูดพลางมองไปร่างหมดสติของมัลฟอย
“หนูเปล่าค่ะ คนที่ร่ายคาถาใส่มัลฟอยคือแพ….” เฮอร์ไมโอนี่ตั้งหน้าจะเถียง แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะเธอเสียก่อน
“เธอต่างหาก เกรนเจอร์!” แพนซี่พูดออกมาอย่างลำบากยากเย็นเพราะตอนนี้มีเมือกเหนียว ๆ ติดอยู่เต็มหน้าของเธอ “เธอต่างหากที่ร่ายคาถาใส่มัลฟอย!”
เสนปหันมาหาเธอ เขามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีดำพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด
“อย่างนั้นรึ” เสนปพูด
“ไม่ใช่ครับ!” รอนร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง จนเสนปและเด็กคนอื่น ๆ หันไปสนใจเขาแทนเฮอร์ไมโอนี่ “เฮอร์ไมโอนี่ไม่ผิดครับ เพราะผมเห็นว่าแพนซี่ต่างหากที่ร่ายคาถาใส่มัลฟอย” รอนพูด ส่วนเด็กกริฟฟินดอร์ทุกคนก็พยักหน้าพร้อม ๆ กัน
“เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวีสลีย์ เธอคิดว่ามิสพาร์กินสันจะร่ายคาถาใส่พวกเดียวกันเองงั้นเหรอ” เสนปเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม และตั้งใจเน้นคำว่า ‘ พวกเดียวกัน ’ เป็นพิเศษ
“นั่นก็เป็นเพราะ” รอนอึกอัก “แพนซี่จะสาปเฮอร์ไมโอนี่แล้ว…..”
“เธอกำลังจะบอกฉันหรือว่ามิสเตอร์มัลฟอยเข้ามาช่วยมิสเกรนเจอร์งั้นเหรอ ดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สุดในศตวรรษเลยนะวีสลีย์” เสนปเอ่ยอย่างมีชัย แต่ก็จริงของเสนปเพราะรอนรวมทั้งเด็กกริฟฟินดอร์และสลิธีรินทั้งหมดยกเว้นแฮร์รี่นั้นยังแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจะได้เห็นมัลฟอยกระโดดเข้าไปช่วยเฮอร์ไมโอนี่จนตัวเองโดนคาถาสะกดนิ่งเข้าไปอย่างจัง
“งั้นก็เป็นว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อเธอ” เสนปกล่าวเสียงเรียบ แววพอใจกำลังเต้นระริกอยู่ในตาสีดำที่น่ารังเกียจคู่นั้น “งั้นฉันก็จำเป็นที่จะต้องลงโทษมิสเกรนเจอร์”
“รอนไม่ได้โกหก พวกเราทุกคนเห็นจริง ๆ ” แฮร์รี่พูด
“ใช่ค่ะเราเห็นจริง ๆ ” ปาราวตีบอกเสนป แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมรับฟังอะไรก็ตามที่เด็กกริฟฟินดอร์เป็นคนพูด
“ถึงพวกเธอจะดึงดันที่จะบอกฉันว่าว่ามิสเกรนเจอร์ไม่ได้สาปมิสเตอร์มัลฟอย แต่ยังไงเธอก็ทำร้ายมิสพาร์กินสัน เพราะฉะนั้นฉันต้องลงโทษเธอ” เสนปกล่าวเสียงนุ่ม สีหน้าพอใจอย่างที่สุด
“แต่แพนซี่เรียกเธอว่า…..” ลาเวนเดอร์พยายามอธิบาย
“ว่าอะไรรึ มิสบราวน์” เสนปถาม
“เอ่อ…” ลาเวนเดอร์อึกอัก
“อ้อ ว่าสิ่งที่เรารู้กันว่าเอาไว้เรียกคนอย่างมิสเกรนเจอร์ใช่ไหม ฉันเข้าใจล่ะ แต่มันก็เป็นความจริงไม่ใช่รึ” เสนปพูดอย่างร้ายกาจ ส่วนเด็กกริฟฟินดอร์ทุกคนมองหน้าเขาอย่างเคียดแค้น รอนนั้นถึงกับกำหมัดแน่น
“แล้วอีกอย่างฉันก็คิดว่า ‘ คนอย่างมิสเตอร์มัลฟอย ‘ คงไม่เข้ามาปกป้อง ’ คนอย่างมิสเกรนเจอร์ ’ หรอกนะ จริงไหม” เสนปหันไปถามความเห็นพวกสลิธีรินที่พยักหน้ากันหงึกหงัก
“เพราะฉะนั้น” เสนปหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ”หักกริฟฟินดอร์ห้าสิบคะแนน และกักบริเวณเธอหนึ่งอาทิตย์มิสเกรนเจอร์” พอเสนปพูดจบก็มีเสียงดังอย่างพอใจมาจากกลุ่มนักเรียนสลิธีรินขณะที่พวกกริฟฟินดอร์สาปแช่งเสนปอยู่ในใจ
“ไม่ยุติธรรมเลย!” รอนร้องขึ้นมาอย่างเหลืออด แต่แฮร์รี่คว้าเสื้อคลุมเขาไว้ก่อนที่เขาจะกระโจนไปต่อยหน้าเสนป “รอน!” แฮร์รี่กระซิบเสียงดุ
“เธอว่าอะไรนะวีสลีย์” เสนปหันมาสนใจรอนแทน “เธอมีอะไรไม่พอใจรึเปล่า”
รอนกำหมัดแน่น หน้าเป็นสีแดงแซงหน้าสีผมของเขาไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีแฮร์รี่คอยห้ามไว้อยู่ล่ะก็ป่านนี้เสนปคงลงไปกองกับพื้นคุกใต้ดินไปแล้วแหละ “รอนนายจะทำให้บ้านเราเสียคะแนนเพิ่มรู้มั้ย!”
“เอ่อ อาจารย์ครับแล้ว…..” เด็กสลิธีรินคนหนึ่งชี้ไปที่ร่างหมดสติของมัลฟอย
“ก็พาไปห้องพยาบาลสิต้องให้ฉันบอกอีกรึ!” เสนปตวาด “เธอด้วยมิสพาร์กินสัน ไปห้องพยาบาลซะ ฉันไม่แน่ใจนะว่าไอ้โหลที่หล่นมาใส่เธอน่ะมันมีพิษไหม”
“เธอโอเคนะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามพลางเดินเข้ามมาใกล้ ๆ เธอ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเป็นคำตอบ
“ขอบคุณพวกเธอมากนะที่พยายามช่วยฉันน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างซาบซึ้ง
“ไม่เป็นไร ก็เราเพื่อนกันนี่” รอนพูดกับเธอเป็นครั้งแรกในรอบสามวันที่ผ่านมา
“ฉันนึกว่าเธอโกรธฉันซะอีก รอน” เฮอร์ไมโอนี่พูด ส่วนรอนนั้นอ้ำอึ้งก่อนตอบ
“ฉันก็แค่อารมณ์เสียเท่านั้น เธอคงไม่ว่าฉันหรอกใช่ไหม” รอนพูดหน้าเป็นสีแดง
“ไม่ว่า ฉันไม่โกรธเธอหรอกรอน” ยิ้มอย่างดีใจที่ความสัมพันธ์ของเธอกับรอนกลับมาเป็นอย่างเดิมที่มันควรจะเป็นอีกครั้งแต่สายตาของเธอก็อดที่จะเหลือบไปมองที่มัลฟอยที่นอนสลบอยู่ไม่ได้
‘ เขาจะมาช่วยฉันอีกทำไม ในเมื่อเขาไม่รักฉันแล้วนี่ ‘ เฮอร์ไมโอนี่คิด
TBC
No comments:
Post a Comment