Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Tuesday, July 21, 2015

Chapter 16: ความโชคร้ายของเฮอร์ไมโอนี่

หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่ามีข่าวลือของเธอกับไรอันเกิดขึ้นนั้น  มันก็ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจอย่างมาก  โดยเฉพาะเมื่อเธอกับเขาไปไหนด้วยกันเพียงสองคน  อย่าว่าแต่แค่เธอกับไรอันสองคนเลยถึงแม้จะมีรอนกับแฮร์รี่อยู่ด้วยก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว  เพราะทุกครั้งที่คนอื่นเห็นเธอเดินมากับไรอันทั้ง ๆ ที่มีแฮร์รี่และรอนมาด้วย  เสียงซุบซิบนินทาก็จะดังขึ้นอย่างออกนอกหน้า  รวมทั้งสายตาอยากรู้อยากเห็นที่แสดงออกมาอย่างเปิดเผยของคนรอบข้างมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่อึดอัดเป็นที่สุด  แต่สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พอจะทำได้ในตอนนี้ก็คืออดทนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น  เพราะเธอเองก็คงไปห้ามไม่ให้คนเหล่านั้นหยุดพูดในสิ่งที่พวกเขา ‘ เชื่อ ’ ไม่ได้  แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันก็อาจจะทำให้ความอดทนของเฮอร์ไมโอนี่หมดลงง่าย ๆ ได้เช่นกัน

ตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าการตกเป็นข่าวกับแฮร์รี่เมื่อเทอมที่แล้วนั้นก็แย่พอแล้ว  แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะแย่กว่าครั้งก่อนมาก ๆ เลยด้วยซ้ำ  แย่จนแทบจะเรียกว่า ‘ เลวร้าย ’ ได้เลย  เพระว่าเมื่อครั้งก่อนนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็แค่เสียงซุบซิบนินทา  แต่ครั้งนี้อาจเป็นเพราะไรอันนั้นป็อปปูล่ามากในหมู่สาว ๆ ที่ฮอกวอตส์  มันเลยทำให้คนที่ตกเป็นข่าวกับเขาอย่างเฮอร์ไมโอนี่ต้องพลอยตกที่นั่งลำบาก

“เธอได้อีกแล้วหรือเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามเธอขณะที่พวกเขากำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นกำลังมองสิ่งที่นกฮูกโรงนาตัวหนึ่งมาส่งให้เธอในมืออย่างเหนื่อยใจ  จดหมายกัมปนาทนั่นเอง  และเมื่อมันเริ่มมีควันครุกรุ่นขึ้นมาเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจที่จะฉีกมันออก!

“แกกล้าดียังไง  ถึงได้ทำแบบนี้  อย่าคิดนะว่าเขาจะอยู่กับแกได้นานน่ะ  พวกเราจะไม่ปล่อยแกไปแน่ถ้าแกยังบังอาจไปยุ่งกับเขาอีก  ยัยเลือดสีโคลน!”

จดหมายกัมปนาทที่เปลี่ยนเป็นรูปปากขยับตัวและกรีดร้องเสียงแหลมและดังจนทุก ๆ คนในห้องโถงหันมามองเธอเป็นตาเดียวกันไปหมด  แฮร์รี่และรอนรีบยกมือขึ้นอุดหูทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่ฉีกมันออก  แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นมองมันด้วยสายตาเซ็ง ๆ เหมือนจะบอกว่า ‘ หยุดพล่ามได้แล้ว  รำคาญ! ’

และเมื่อจดหมายกัมปนาทพูดจบมันก็ฉีกตัวเองทิ้ง  เฮอร์ไมโอนี่มองมันด้วยสายตาเย็นชาก่อนที่จะปัดเศษกระดาษสีแดงที่เมื่อครู่เพิ่งร้องด่าเธออกจากหนังสืออย่างไม่ใส่ใจ  ถ้าเกิดว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่ได้จดหมายกัมปนาทล่ะก็เธอคงไม่ทำอย่างนี้หรอก  แต่นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วในช่วงเวลาสามวัน  เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้เธออาจจะได้ถูกบันทึกชื่อลงในกินเนสบุ๊คว่าได้รับจดหมายกัมปนาทมากที่สุดก็ได้ ( แต่คงยากเพราะกินเนสบุ๊คน่ะมีเฉพาะในโลกมักเกิ้ลเท่านั้น )

“ผมว่า  ให้ผมทำอะไรซักอย่างไหมครับ” ไรอันถามเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่เธออดทนอยู่กับสายตาที่แสดงความอยากรู้อย่างเห็นออกมาอย่างเต็มเปี่ยมของคนเกือบทั้งห้องโถงอยู่

“ไม่ต้องหรอก  ฉันไม่เป็นไร” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงเย็น

“คุณพูดว่า ‘ ไม่เป็นไร ’ อีกแล้ว” ไรอันท้วงอย่างรู้ทัน

“ก็ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ นี่  ไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรำคาญ

“แต่คุณ….”

“ที่ฉันพูดว่า \' ไม่เป็นไร \' น่ะ  มันไม่จำเป็นว่าฉันจะต้องโกหกเสมอไปหรอกนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอารมณ์เสีย  แค่เรื่องที่เธอเจออยู่ทุกวันนี้มันก็พอแล้วนะ  เธอไม่ต้องการให้มีคนมาเพิ่มความเครียดให้เธออีก

“ผมขอโทษ” ไรอันพูด  เขาไม่คิดว่าการที่เขาเป็นห่วงเธอจะทำให้เธอไม่พอใจแบบนี้

“เอ่อ  เปล่า  ฉันไม่ได้โกรธเธอ” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก  เธอเพิ่งรู้สึกว่าเธอออกจะพูดแรงไปซักนิดนึง

“ฉันแค่เครียด ๆ น่ะ  เธอก็รู้” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ

“ครับผมเข้าใจ” ไรอันพูด  ตอนนี้ในใจเขาไม่มีความรู้สึกอื่นมากไปกว่าสงสารและเป็นห่วงเธอที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้  โดยเฉพาะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเขา  ไรอันมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างห่วงใยขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย

เขาไม่ต้องการให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับเธอเลย  ไรอันคิดพลางถอนใจ  เขาไม่อยากจะเห็นเธอทุกข์ใจอย่างเช่นวันนี้อีก  แต่ในใจลึก ๆ ของไรอันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่คนอื่นคิดกันว่าเขาชอบเฮอร์ไมโอนี่นั้นเป็นจริงทุกประการ!  ไรอันคิดอย่างเหม่อลอย  ถ้าไม่ใช่เพราะมีเสียงของเฮอร์ไมโอนี่มาปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ซะก่อนล่ะก็เขาคงได้นั่งอยู่ตรงนั้นไปจนถึงเวลาเข้าเรียนเป็นแน่

“วันนี้เธอมีเรียนอะไร  ไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่ถามขณะพยยามหอบหนังสือที่หนาและหนักกว่าสามเล่มไว้ในอ้อมแขนอย่างทุลักทุเล  นี่ยังไม่รวมหนังสือที่ถูกยัดไว้ในกระเป๋าตุง ๆ ของเธออีกนะ

“แปลงร่างครับ”  ไรอันตอบ “คุณล่ะ”

“ปรุงยา” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างเบื่อ ๆ ปรกติวิชาปรุงยาก็เปรียบเสมือนชั่วโมงทรมานสำหรับเด็กกริฟฟินดอร์อยู่แล้ว  แต่ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่พิ่งรู้สึกว่าเธอไม่อยากจะเรียนปรุงยามากกว่าครั้งใดเลยในชีวิตนี้เพราะเธอไม่ต้องการเจอหน้ามัลฟอยในชั่วโมงเรียนอีก  และในขณะที่พวกเขากำลังเดินออกจากห้องโถงมา  โดยมีไรอัน  เฮอร์ไมโอนี่  และรอนกับแฮร์รี่ที่กำลังคุยเรื่องควิดดิชกันอย่างออกรส ( รอนไม่พูดกับเฮอร์ไมโอนี่เลยซักคำนับตั้งแต่วันที่เธอกับเขาทะเลาะกัน  แต่แฮร์รี่บอกเฮอร์ไมโอนี่ว่ารอนเครียดเรื่องที่หาคู่ไปงานเต้นรำไม่ได้อยู่ )  เมื่อพวกเขาทั้งหมดเดินอยู่ที่ระเบียงทางเดินหน้าห้องโถงนั้น  เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังมาจากกลุ่มนักเรียนหญิงเรเวนคลอกลุ่มหนึ่งที่เธอเพิ่งเดินผ่าน

“นั่น  เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์นี่”

“มากับครัมด้วย”

“แต่พอตเตอร์ก็มาด้วยนะ”

“น่าสงสารพอตเตอร์นะ  เขาจะรู้สึกยังไงเนี่ย  ที่ต้องมาทนเห็นเกรนเจอร์กับแฟนใหม่แบบนี้”

ไม่ทันทีพวกเขาจะพูดจนจบบทสนทนาเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจเดินหนีไปทางอื่นเสียก่อน  แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองทางไรอัน

“แล้วเจอกันครับ” เขาพูด  พลางส่งยิ้มร่าเริงมาให้เฮอร์ไมโอนี่

“แล้วเจอกัน” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำมองเขาหายไปกับกลุ่มนักเรียนก่อนที่จะเดินไปเรียนวิชาปรุงยาของตัวเอง  และเมื่อพวกเขาทั้งสามมาถึงคุกใต้ดินนั้น  เสนปยังไม่มา  พวกเด็กสลิธีรินก็เลยจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกปาก  ส่วนเด็กกริฟฟินดอร์นั้นไม่กล้าแม้แต่จะยื่นนิ้วเท้าออกจากอาณาบริเวณรอบโต๊ะของตัวเองเลย  เพราะการทำอะไรพลาดในชั่วโมงของเสนปนั้นมีอัตราเสี่ยงต่อการถูกหักคะแนนอย่างยิ่ง  เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปที่โต๊ะที่เธอนั่งประจำกับเนวิล  แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมเพราะมีเด็กสลิธีรินกลุ่มใหญ่มายืนขวางทางอยู่

“ขอทางด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเรียบ ๆ พยายามเบียดตัวเข้าไปให้ถึงโต๊ะ  แต่เหมือนกับว่าจะมีคนที่ต้องการไม่ให้เธอได้ไปถึงมัน

“จะพูดเพราะ ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง  ยัยเลือดสีโคลน” เสียงแหลมสูงดังขึ้น  ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก  แพนซี่  พาร์กินสันนั่นเอง  เธอเดินมาหยุดที่หน้าเฮอร์ไมโอนี่และมองเธอด้วยสายตาเหยียด ๆ

“เธอไม่รู้รึไงว่าเสื้อคลุมของพวกฉันเปื้อนโคลนจากตัวเธอหมดแล้ว” แพนซี่พูด  และก็มีเสียงเฮรับมาจากสลิธีริน  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นยังคงนิ่งเงียบ

“ฉันว่ามันก็คงสะอาดดีนะถ้าเธอไม่เอามือสกปรกของเธอไปจับมันเสียก่อนน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเย็น  ส่วนแพนซี่นั้นก็ตอบโต้เธอแทบจะในทันที  เธอกรีดเสียงหัวเราะอย่างน่าเกลียด

“ใครกันแน่ที่สกปรก  เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าเกรนเจอร์  เธอต่างหากที่สกปรกโสโครก”  แพนซี่พูด

“การนับว่าใครสกปรกหรือไม่น่ะ  ฉันนับที่จิตใจต่างหากแพนซี่  ไม่ใช่สายเลือด!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเยือกเย็น  ส่วนแพนซี่นั้นเหมือนจะถูกแทงใจดำ  แต่เธอก็ยังตีสีหน้าเรียบเฉยอยู่

“อ๋อ  งั้นครัมก็คงคิดแบบเดียวกับเธอล่ะสิ  เขาถึงได้รับได้กับแฟนเลือดสีโคลนอย่างเธอ” เมื่อแพนซี่พูดจบนักเรียนสลิธีรินก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

“ฉันกับไรอันไม่ใช่แฟนกัน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอารมณ์เสีย  ดูเหมือนว่าความอดทนของเธอกำลังจะถึงขีดจำกัดแล้ว

“เธอคิดว่าพูดไปแล้วใครเขาจะเชื่อเธองั้นเหรอ”  แพนซี่พูด “แต่เธอก็เก่งเหมือนกันนะที่จับหนุ่มหล่อแบบครัมได้  ไหนลองบอกวิธีกับฉันหน่อยสิ  จะให้เรียกว่าไงดีนะ” แพนซี่ทำท่าครุ่นคิด “ ‘เสน่ห์เลือดสีโคลน’ ดีไหม” แพนซี่หันไปพูดกับเพื่อน  และก็มีเสียงเฮรับอย่างท่วมท้น

สุดจะทนแล้วทีนี้!

“ก็ยังดีกว่าเธอนี่แพนซี่  แค่ผู้ชายคนเดียวยังเอาไม่อยู่!” เฮอร์ไมโอนี่ระเบิดคำพูดออกมาจากปากอย่างเหลือทน  และเหมือนกับว่าคำ ๆ นี้จะไปจี้ใจดำของแพนซี่อย่างจัง  เธอควักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาทันที  เฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน  แต่แพนซี่เร็วกว่า

“สตูเปฟาย!”

แสงสีแดงพุ่งเข้าใส่เฮอร์ไมโอนี่  เพียงแต่มันกลับไปโดนร่าง ๆ หนึ่งที่โดดเข้ามาขวางไว้เสียก่อน  ร่างกำยำนั้นล้มลงกับพื้นแทบจะในทันที!

มัลฟอยนั่นเอง

“เดรโก!”  แพนซี่ร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ  “แก!” เธอทำท่าจะชี้ไม้กายสิทธิ์ขึ้น  แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่ให้โอกาสแพนซี่ได้ร่ายคาถาอีกเป็นครั้งที่สอง

“เอกซ์เปสลิอาร์มัส” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  และร่างของแพนซี่ก็ถูกเหวี่ยงไปกระแทกตู้ ๆ หนึ่งทำให้โหลใส่ของดองที่ชวนให้ขนลุกต่าง ๆ หล่นลงมาแตกกับพื้นจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นคุกใต้ดิน  ส่วนไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่นั่นเฮอร์ไมโอนี่รับไว้ในมืออย่างทันท่วงที

“เกิดอะไรขึ้น” เสียงเรียบนุ่มดังขึ้นพร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของผู้ที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะเจอมากที่สุด  เสนปกำลังยืนอยู่ที่ประตูคุกใต้ดิน  มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่ยากจะอ่านว่าโกรธเพราะมีคนมาก่อความวุ่นวายในห้องเรียนของตน  หรือว่าดีใจกับโอกาสการหักคะแนนกริฟฟินดอร์แบบเต็ม ๆ ในครั้งนี้ดี

เสนปเดินเข้ามาในคุกใต้ดินพร้อม ๆ กับที่เด็กนักเรียนสลิธินสองสามคนไปช่วยกันพยุงแพนซี่ขึ้นมาจากซากของดองเหล่านั้น  สภาพของแพนซี่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องเอามือปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้หัวเราะออกมา  เพราะตอนนี้ทั้งตัวของเธอปกคลุมไปด้วยลูกตามังกร  ซากแมลงสาปดอง  เมือกเหนียว ๆ ของทากกินเนื้อ  สมองของปลิงดูดเลือด  และตับของตัวแบดเจอร์  หรืออาจจะมีมากกว่านั้นก็ได้  แต่เฮอร์ไมโอนี่ได้เห็นเพียงแค่นั้นเธอก็หยุดขำเพราะเสนปหันมาทางเธอทันทีที่เห็นว่าอะไรเกิดขึ้น

“เธอร่ายคำสาปใส่มิสพาร์กินสันใช่ไหม”  เสนปหันมาถามเธอด้วยน้ำเสียงดุดัน  แต่ก็ปกปิดความดีใจเล็ก ๆ ของเขาไว้ไม่มิด

“ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ยอมรับ “แต่นั่นก็เพราะ…..”

“แล้วก็มิสเตอร์มัลฟอยด้วย”  เสนปพูดต่อด้วยแววตาราวโรจน์  บัดนี้เขามายืนอยู่ตรงหน้าของเฮอร์ไมโอนี่แล้ว “เปล่าค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายนักเรียนร่วมชั้นในคาบของฉัน  มิสเกรนเจอร์” เสนปพูดยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเกรงกลัวเขาแต่อย่างใด  และเธอก็สังเกตได้ว่าเสนปเกียบจะพูดว่า ‘ นักเรียนบ้านฉัน ’ แทน ‘ นักเรียนร่วมชั้น ’ เสียแล้ว

“และเธอยังทำห้องเรียนพังพินาศอีก” เสนปพูดพลางชี้นิ้วไปที่ตู้วางโหลดองที่เพิ่งพังลงมาเมื่อกี๊

“หนูไม่คิดว่ามันจะถึงกับ ‘ พังพินาศ ’ หรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เถียงสีหน้าเรียบเฉย

“เธอกล้าเถียงฉันหรือมิสเกรนเจอร์” เสนปพูดเสียงกร้าว  ท่าทางโกรธจัดกับท่าทีไร้ซึ่งความสำนึกผิดของเฮอร์ไมโอนี่ “แล้วเธอยังกล้าทำร้ายมิสเตอร์มัลฟอยอีก” เสนปพูดพลางมองไปร่างหมดสติของมัลฟอย

“หนูเปล่าค่ะ  คนที่ร่ายคาถาใส่มัลฟอยคือแพ….” เฮอร์ไมโอนี่ตั้งหน้าจะเถียง  แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะเธอเสียก่อน

“เธอต่างหาก  เกรนเจอร์!”   แพนซี่พูดออกมาอย่างลำบากยากเย็นเพราะตอนนี้มีเมือกเหนียว ๆ ติดอยู่เต็มหน้าของเธอ “เธอต่างหากที่ร่ายคาถาใส่มัลฟอย!”

เสนปหันมาหาเธอ  เขามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีดำพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด

“อย่างนั้นรึ”  เสนปพูด

“ไม่ใช่ครับ!” รอนร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง  จนเสนปและเด็กคนอื่น ๆ หันไปสนใจเขาแทนเฮอร์ไมโอนี่  “เฮอร์ไมโอนี่ไม่ผิดครับ  เพราะผมเห็นว่าแพนซี่ต่างหากที่ร่ายคาถาใส่มัลฟอย” รอนพูด  ส่วนเด็กกริฟฟินดอร์ทุกคนก็พยักหน้าพร้อม ๆ กัน

“เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวีสลีย์  เธอคิดว่ามิสพาร์กินสันจะร่ายคาถาใส่พวกเดียวกันเองงั้นเหรอ” เสนปเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม  และตั้งใจเน้นคำว่า ‘ พวกเดียวกัน ’ เป็นพิเศษ

“นั่นก็เป็นเพราะ”  รอนอึกอัก “แพนซี่จะสาปเฮอร์ไมโอนี่แล้ว…..”

“เธอกำลังจะบอกฉันหรือว่ามิสเตอร์มัลฟอยเข้ามาช่วยมิสเกรนเจอร์งั้นเหรอ  ดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สุดในศตวรรษเลยนะวีสลีย์” เสนปเอ่ยอย่างมีชัย  แต่ก็จริงของเสนปเพราะรอนรวมทั้งเด็กกริฟฟินดอร์และสลิธีรินทั้งหมดยกเว้นแฮร์รี่นั้นยังแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจะได้เห็นมัลฟอยกระโดดเข้าไปช่วยเฮอร์ไมโอนี่จนตัวเองโดนคาถาสะกดนิ่งเข้าไปอย่างจัง

“งั้นก็เป็นว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อเธอ” เสนปกล่าวเสียงเรียบ  แววพอใจกำลังเต้นระริกอยู่ในตาสีดำที่น่ารังเกียจคู่นั้น “งั้นฉันก็จำเป็นที่จะต้องลงโทษมิสเกรนเจอร์”

“รอนไม่ได้โกหก  พวกเราทุกคนเห็นจริง ๆ ” แฮร์รี่พูด

“ใช่ค่ะเราเห็นจริง ๆ ” ปาราวตีบอกเสนป  แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมรับฟังอะไรก็ตามที่เด็กกริฟฟินดอร์เป็นคนพูด

“ถึงพวกเธอจะดึงดันที่จะบอกฉันว่าว่ามิสเกรนเจอร์ไม่ได้สาปมิสเตอร์มัลฟอย  แต่ยังไงเธอก็ทำร้ายมิสพาร์กินสัน  เพราะฉะนั้นฉันต้องลงโทษเธอ” เสนปกล่าวเสียงนุ่ม  สีหน้าพอใจอย่างที่สุด

“แต่แพนซี่เรียกเธอว่า…..”  ลาเวนเดอร์พยายามอธิบาย

“ว่าอะไรรึ  มิสบราวน์” เสนปถาม

“เอ่อ…” ลาเวนเดอร์อึกอัก

“อ้อ  ว่าสิ่งที่เรารู้กันว่าเอาไว้เรียกคนอย่างมิสเกรนเจอร์ใช่ไหม  ฉันเข้าใจล่ะ  แต่มันก็เป็นความจริงไม่ใช่รึ” เสนปพูดอย่างร้ายกาจ  ส่วนเด็กกริฟฟินดอร์ทุกคนมองหน้าเขาอย่างเคียดแค้น  รอนนั้นถึงกับกำหมัดแน่น

“แล้วอีกอย่างฉันก็คิดว่า ‘ คนอย่างมิสเตอร์มัลฟอย ‘ คงไม่เข้ามาปกป้อง ’ คนอย่างมิสเกรนเจอร์ ’ หรอกนะ  จริงไหม” เสนปหันไปถามความเห็นพวกสลิธีรินที่พยักหน้ากันหงึกหงัก

“เพราะฉะนั้น” เสนปหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ”หักกริฟฟินดอร์ห้าสิบคะแนน และกักบริเวณเธอหนึ่งอาทิตย์มิสเกรนเจอร์” พอเสนปพูดจบก็มีเสียงดังอย่างพอใจมาจากกลุ่มนักเรียนสลิธีรินขณะที่พวกกริฟฟินดอร์สาปแช่งเสนปอยู่ในใจ

“ไม่ยุติธรรมเลย!” รอนร้องขึ้นมาอย่างเหลืออด  แต่แฮร์รี่คว้าเสื้อคลุมเขาไว้ก่อนที่เขาจะกระโจนไปต่อยหน้าเสนป “รอน!” แฮร์รี่กระซิบเสียงดุ

“เธอว่าอะไรนะวีสลีย์” เสนปหันมาสนใจรอนแทน “เธอมีอะไรไม่พอใจรึเปล่า”

รอนกำหมัดแน่น  หน้าเป็นสีแดงแซงหน้าสีผมของเขาไปเรียบร้อยแล้ว  ถ้าไม่มีแฮร์รี่คอยห้ามไว้อยู่ล่ะก็ป่านนี้เสนปคงลงไปกองกับพื้นคุกใต้ดินไปแล้วแหละ  “รอนนายจะทำให้บ้านเราเสียคะแนนเพิ่มรู้มั้ย!”

“เอ่อ  อาจารย์ครับแล้ว…..” เด็กสลิธีรินคนหนึ่งชี้ไปที่ร่างหมดสติของมัลฟอย

“ก็พาไปห้องพยาบาลสิต้องให้ฉันบอกอีกรึ!” เสนปตวาด “เธอด้วยมิสพาร์กินสัน  ไปห้องพยาบาลซะ  ฉันไม่แน่ใจนะว่าไอ้โหลที่หล่นมาใส่เธอน่ะมันมีพิษไหม”

“เธอโอเคนะเฮอร์ไมโอนี่”  แฮร์รี่ถามพลางเดินเข้ามมาใกล้ ๆ เธอ  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเป็นคำตอบ

“ขอบคุณพวกเธอมากนะที่พยายามช่วยฉันน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างซาบซึ้ง

“ไม่เป็นไร  ก็เราเพื่อนกันนี่” รอนพูดกับเธอเป็นครั้งแรกในรอบสามวันที่ผ่านมา

“ฉันนึกว่าเธอโกรธฉันซะอีก  รอน” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ส่วนรอนนั้นอ้ำอึ้งก่อนตอบ

“ฉันก็แค่อารมณ์เสียเท่านั้น  เธอคงไม่ว่าฉันหรอกใช่ไหม” รอนพูดหน้าเป็นสีแดง

“ไม่ว่า  ฉันไม่โกรธเธอหรอกรอน”  ยิ้มอย่างดีใจที่ความสัมพันธ์ของเธอกับรอนกลับมาเป็นอย่างเดิมที่มันควรจะเป็นอีกครั้งแต่สายตาของเธอก็อดที่จะเหลือบไปมองที่มัลฟอยที่นอนสลบอยู่ไม่ได้

‘ เขาจะมาช่วยฉันอีกทำไม  ในเมื่อเขาไม่รักฉันแล้วนี่ ‘ เฮอร์ไมโอนี่คิด


TBC

No comments:

Post a Comment