Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

Chapter 2: การผจญภัยของเฮอร์ไมโอนี่ [ ความในใจของฉัน..และเธอ ]


เวลาอาหารเย็นของนักเรียนฮอกวอตส์. ..

แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่เดินลงบันไดมาที่ห้องอาหารวมพร้อมกัน ทั้งสามคนสวนกับ มัลฟอย แครบและกอยล์

 มัลฟอยมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่แว่บหนึ่งแล้วละสายตาไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินลงบันไดไปก่อนด้วยฝีเท้าที่เร็วและ
หนักขึ้นกว่าเดิม แครบและกอยล์เร่งฝีเท้าตามอย่างงง ๆ

"ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไปสิ" แฮร์รี่ว่า

"โอ๊ย..เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว เป็นตลอดไปได้ยิ่งดี เธอว่าไหมเฮอร์ไมโอนี่?" รอนหันไปถามความเห็น
 แล้วก็แปลกใจที่เธอหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู

"ฉัน..ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นอะไร" เฮอร์ไมโอนี่บอก

ไม่ตรงคำถามสักหน่อย -- -- รอนนึก

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านห้องสมุดของโรงเรียน ดูเหมือนว่า

ชายคนที่มาส่งหนังสือใหม่กำลังมีปัญหากับมาดามพินซ์ อยู่หน้าห้องสมุด

"ฉันไม่อยากให้เธอเอาหนังสือพวกนี้ไปเรียงบนชั้นเลย" มาดามพินซ์ผู้เป็นบรรณารักษ์กล่าวขึ้นอย่างกังวล

"แต่อาจารย์ครับหนังสือพวกนี้มีประโยชน์มากเลยนะครับ เราเอามาวางให้โดยไม่คิดมูลค่าอะไรเลย

 ทดลองที่ฮอกวอตส์เป็นโรงเรียนแรกด้วย" คนขายหนุ่มพูดเหมือนอ้อนวอน

"โอ๊ย..อยู่ในระหว่างทดลอง ฉันยิ่งไม่อยากให้เธอเอาขึ้นไปวางใหญ่..

ฉันขอให้เธอเอาหนังสือพวกนั้นไปเรียงไว้บนชั้นต้องห้ามจนกว่าศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จะ
กลับมาตรวจก็แล้วกัน"

พวกของแฮร์รี่มองหนังสือบนรถเข็นขนาดใหญ่สามคันนั้นอย่างสนใจ ทุกเล่มเป็นสีเขียวแก่จัดจนเกือบดำ

 ท่าทางหนา หนัก และมีขนาดใหญ่กว่าสมุดโทรศัพท์เหมือนกันหมด

ทั้งสามคนตาเบิกกว้างอย่างดีใจ เป็นหนังสือที่พวกเขาอยากอ่านมากแทบ
จะคว้ามันมาอ่านเสียเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว

เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นปิดปากอย่างดีใจ รอนจะหันไปคุยกับแฮร์รี่ก็เห็น
 พวกของมัลฟอยกำลังเดินมาห้องสมุดเหมือนกันเสียก่อน

"พวกน่าเบื่อมาอีกแล้ว ไปกันก่อนเถอะ" รอนสะกิด ทั้งสองคนจึงเดินตามไป มัลฟอยหยุดดูหนังสือทั้งสามคันรถ
นั่นด้วยความสนใจเช่นเดียวกัน

คืนนั้นหลังจากที่เปลี่ยนชุดนอนแล้วแฮร์รี่กับรอนก็มานั่งเล่นหมากรุกด้วยกัน แต่ตัวหมากของรอนทะเลาะกัน

นิดหน่อยเพราะตัวขุนที่รอนใช้นั้นยืมมาจากสำรับอื่น(ของเขาหายไป) ตัวหมากอื่นจึงไม่ค่อยยอมรับ
(เฮ้!แกไม่ใช่ขุนของเรานี่นา) รอนดีดตัวหมากที่บ่นทุกตัวจนพวกมันยอมเงียบ

"ฉันอยากไปอ่านหนังสือที่เพิ่งมาถึงนั่นจังเลย" รอนว่าพลางขยับตัวหมาก

"ฉันก็เหมือนกัน" แฮร์รี่พูด แล้วทั้งสองก็มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้ว

"ฉันไม่คิดว่านายจะสนใจเรื่องนั้นเลยนะ" ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน แฮร์รี่อ้าปากค้าง รอนจึงพูดขึ้นก่อน

"หนังสือนั่น..หนังสือวิธีได้รับเลือกเป็นพรีเฟ็ครับรองผล100%นะ"

"ไม่ใช่ มันคือหนังสือ วิธีจับลูกสนิชให้ได้ภายใน 2นาทีไม่ใช่เหรอ"

แฮร์รี่เถียง

"เดี๋ยวก่อน.."รอนยกมือห้าม

"นายว่าหนังสือทั้งรถเข็นนั่นคือหนังสือวิธีจับลูกสนิชภายในสองนาทีเหรอ

 แต่ฉัน..ฉันเห็นหนังสือทั้งรถเป็นหนังสือวิธีได้รับเลือกเป็นพรีเฟ็ครับรองผล100% นะ"

ทั้งสองคนอึ้งแล้วจ้องกันตาค้าง

"ใครบอก" เด็กผู้ชายตัวอ้วนกลมที่นั่งเล่นหมกรุกอยู่ข้าง ๆพูดบ้าง

"หนังสือลดความอ้วนโดยใช้เวทย์มนตร์ต่างหาก ฉันยังอยากไปอ่านซะเดี๋ยวนี้เลย" เขาพูดแล้วก็หน้าแดง

"ไม่ใช่นะ หนังสือเวทย์มนต์เสริมเสน่ห์ต่างหาก ฉันว่าจะไปอ่านพรุ่งนี้เหมือนกัน" เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดบ้าง

เป็นเรื่องที่แปลกเกินไปแล้ว แฮร์รี่และรอนถามเด็กทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ชื่อหนังสือที่ทุกคนเห็นแทบ

ไม่ซ้ำกันเลยแต่เปลี่ยนไปตามความสนใจที่มีอยู่ของคนที่เห็น

"เป็นไปได้ยังไงทั้ง ๆ ที่หนังสือกองเดียวกัน"รอนงงงวย

"ฉันว่ามีบางอย่างผิดปกติ" แฮร์รี่ว่า

พวกเขากำลังจะเข้านอนโดยตั้งใจว่าจะไปดูหนังสือนั่นพรุ่งนี้เช้า

แต่ที่ไม่มีใครสังเกตก็คือ เตียงของเฮอร์ไมโอนี่นั้นว่างเปล่า!




************************************* 



เฮอร์ไมโอนี่เดินย่องลงมาที่ห้องสมุดของโรงเรียนเพียงลำพัง พร้อมกับถือตะเกียงลงมาด้วย เธอไม่กล้าชวนแฮร์รี่

กับรอนลงมาเป็นเพื่อน เพราะเธอไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าเธออยากอ่านหนังสือที่มาใหม่
 หน้าปกเขียนว่า"วิธีรู้ใจคนที่รัก"

ภายในห้องสมุดมืดสนิท เฮอร์ไมโอนี่เดินหาหนังสือเป้าหมาย จนสายตาไปสะดุดกับชั้นหนังสือต้องห้าม
ที่สูงเกือบสี่เมตร

 ทั้งชั้นคือหนังสือที่เธอกำลังหา เธอเดินเลาะเข้าไปอย่างเงียบเชียบ สันหนังสือสีเขียวแก่ที่ถูกพิมพ์ด้วย
อักษรสีทองสะ
ท้อนแสงตะเกียงแวววาว

 เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างดีใจ เธอวางตะเกียงแล้วเดินเข้าไปที่ชั้นทันที

เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าหนังสือทั้งชั้นกำลังจ้องมองมาที่เธอ
 เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้น

 ก็มีแสงตะเกียงอีกอันส่องมาข้างหลัง เฮอร์ไมโอนี่ตกใจ หันกลับไปมองทันที

"มัลฟอย!" เธอเรียกชื่อเขา รู้สึกว่าผิวแก้มร้อนขึ้นมาทันที

"เกรนเจอร์ เธอมาทำอะไรป่านนี้" มัลฟอยยกตะเกียงในมือขึ้นส่องหน้าเฮอร์ไมโอนี่

"แล้วเธอล่ะ" เธอถามย้อน ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเขาเพราะในเวลานี้เธอต้องการเพื่อนมากกว่าอะไรทั้งหมดเสียแล้ว

"อย่ามาถามย้อนฉัน" มัลฟอยวางตะเกียงลง เฮอร์ไมโอนี่จึงไม่เห็นว่าหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีชมพู

"เธออยากอ่านหนังสือพวกนี้เหรอ" เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างแปลกใจ

"ฉัน...." มัลฟอยขยับจะตอบ

ทันใดนั้นเอง! มือนับร้อยที่ยาวราวกับเถาวัลย์ก็พุ่งตรงมาจากหนังสือบนชั้นหนังสือต้องห้าม

 มันคว้าแขนขาและพันรอบตัวเฮอร์ไมโอนี่ไว้ก่อนจะกระชากเธอทั้งตัวไปตรึงไว้ที่ชั้น
หลังของเฮอร์ไมโอนี่กระแทกกับชั้นอย่างจัง

 เท้าของเธอลอยสูงขึ้นจากพื้นเกือบเมตร

เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้อง

"ช่วยด้วย..!" เสียงของเธอแทบจะเงียบลงในทันทีเพราะมือขนาดใหญ่พุ่งมาปิดปากเธอไว้แน่น

มัลฟอยตกตะลึงจนตัวแข็งค้าง ภาพเบื้องหน้าทำให้เขารู้สึกว่าเลือดในตัวเย็นเฉียบไปหมด มือจำนวนนับร้อย
 แต่ละมือยาวเกือบสี่เมตร

โผล่ยึกยักออกมาจากหนังสือบนชั้นดูน่าสยดสยองราวกับพวกมันกำลังจะไขว่คว้าสิ่งรอบตัวไป
ติดตรึงเหมือนเฮอร์ไมโอนี่

เสียงหัวเราะเย็นเยียบดังขึ้นจากหนังสือเล่มหนึ่ง มันค่อย ๆ ดึงตัวเองจากชั้นบนสุดแล้วค่อยๆ กลายเป็นหัวกลมๆ
โปร่งใส สีเขียว

ตาของมันกลวงโบ๋และปากฉีกกว้างผิดปกติ ดูเหมือนหัวของหุ่นไล่กาที่ทำขึ้นอย่างลวก ๆ

มันหัวเราะชอบใจ เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ถูกมือของหนังสือเล่มอื่น ๆ ตรึงเอาไว้ที่ชั้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบ
 แต่เล็ก แหลมว่า

"โอ๊ะ..โอ๋ แม่หนูน้อยผู้อยากรู้อยากเห็น"

มือที่เหลือนับสิบชี้มาที่มัลฟอยฟ้องว่ายังเหลือเขาอยู่ มันหันไปมองเขาแล้วมองกลับมายังเฮอร์ไมโอนี่

"เขาไม่เห็นอยากจะช่วยแกเลย แม่หนูน้อย" หนังสือเล่มอื่น ๆ พากันประสานเสียงหัวเราะไปกับมัน

"แก..." มัลฟอยโกรธจัด เขาขยับเท้าทันที

หนังสือเล่มนั้นจุ๊ปาก แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายเป็นเชิงห้าม

"อย่าขยับดีกว่า ฉันหักคอแม่ยอดดวงใจแกได้สบาย"

มือที่พันเฮอร์ไมโอนี่อยู่เหมือนจะแน่นขึ้นเหมือนได้รับคำสั่ง!



*************************************  


เจ้าหัวกลม ๆ ขนาดเท่าลูกโป่งนั้น ลอยลงมาใกล้ ๆ กับมัลฟอยที่ยืนตัวแข็งอยู่ เขาสะกดความกลัวแล้วถาม

"แกต้องการอะไร ฆ่าพวกฉันรึไง" มัลฟอยพยายามบังคับเสียงให้เป็นปรกติทั้ง ๆ ที่กลัวจนแทบจะวิ่งหนี

เจ้าหัวสีเขียวใสนั้นหัวเราะเยียบเย็น

"มาเล่นกันหน่อยเป็นไง" ว่าจบมันก็ลอยไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหายใจไม่ออกเพราะ
มือขนาดใหญ่ที่ปิดปากไว้แน่น

"ทายซิว่า แม่หนูน้อยคนนี้..." มือหนึ่งเอื้อมไปสะกิดปลายคางของเฮอร์ไมโอนี่ เธอเบี่ยงหน้าออกอย่างขยะแขยง

"กำลังอยากให้ใครช่วย" มันพูดจบก็หัวเราะยั่วยวน

มัลฟอยยืนกำหมัด เขาแน่ใจว่าเขารู้ - - จะมีใครอื่นอีกเล่า!

"เดี๋ยว อย่าเพิ่งตอบ" เจ้าหัวกลมนั้นห้าม

"ถ้าทายถูก..ฉันจะปล่อยพวกแกไป แต่ถ้าผิด..." แล้วมันก็หันไปทางเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง

"ฉันจะกินพวกแก ไม่ต้องกลัว ไม่ตายทันทีหรอก" ประโยคสุดท้ายเหมือนปลอบ
แต่น้ำเสียงเยียบเย็นนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
แล้วมันก็ลอยมาเกือบจะชิดหน้าซีดเซียวของมัลฟอย พูดเสียงกระซิบ

"แต่ให้ไปเอาตัวรอดในท้องของฉันเอง!!" พูดจบมันก็ประสานเสียงหัวเราะกับหนังสือเล่มอื่น ๆ อย่างสะใจ พักหนึ่ง

เสียงก็ค่อยเงียบลงเหมือนรอคำตอบจากมัลฟอย

"ฉันจะตอบ! ฉันรู้ว่ายายนี้กำลังอยากให้ใครช่วย!" เขามองใบหน้าที่ถูกปิดปากปิดจมูกของเฮอร์ไมโอนี่

 เธอมองตอบเขาด้วยสายตาปฎิเสธ เหมือนรู้คำตอบที่เขากำลังคิด

"แฮร์รี่ พอตเตอร์!" มัลฟอยตะโกน

เจ้าหัวกลม ๆนั้น เบิกตากลวงโบ๋ของมันขึ้นแว่บหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังสนั่นพร้อมกับหนังสือเล่มอื่นบนชั้น

"ถูกครึ่งเดียว เจ้าหนู...ยายหนูนี่เรียกชื่อนั้นในตอนแรก แค่ครั้งเดียวแล้วมันก็เรียกชื่ออื่นมาตลอด
....แต่ในเมื่อยังมีส่วนถูก.
.

 ฉันจะปล่อยแกไป ส่วนยายหนูนี่.." มันมองเฮอร์ไมโอนี่

"ฉันจะกินมันล่ะ"

ว่าจบหัวสีเขียวนั้นก็ขยายขนาดขึ้นจนเกือบเท่าลูกบอลลูน มันอ้าปากของมันออก มัลฟอยยืนตกตะลึง

 มือที่ตรึงเฮอร์ไมโอนี่ไว้ค่อย ๆ ส่งร่างของเธอเข้าปากมัน

"ช่วยฉันด้วย..! มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนี่ร้องทันทีเมื่อมือที่ปิดปากของเธอไว้ยอมปล่อยออก

 เจ้าหัวสีเขียวซึ่งตอนนี้สูงเกืบสิบเมตรมองมาที่มัลฟอยแว่บหนึ่ง เขากัดฟันแน่นแล้วตะโกน

"คำตอบอีกครึ่งคืออะไร!"

มันแสยะยิ้ม หันมามองเขาเต็มตา

"ยายเด็กนี่เรียกชื่อแก เดรโก มัลฟอย!!"

มัลฟอยรู้สึกชาไปทั้งตัว เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน แล้วเขาก็เห็น..เห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังเข้าไปใน
ปากมันจนมิดทั้งตัว

สติสัมปชัญญะเหมือนจะขาดสะบั้นลงเดี๋ยวนั้น มัลฟอยกระโจนตามเข้าไปในปากขนาดใหญ่ของมันทันที!
เขาตะโกนดังลั่น

"เกรนเจอร์!.."

"เจ้าเด็กโง่เง่าเอ๋ย!!" เจ้าหัวสีเขียวนั้นร้อง เมื่อร่างของทั้งสองหายเข้าไปในปากของมัน...!




*************************************  


เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนตัวเองลอยหมุนอยู่กลางพายุจนเวียนหัวอยู่นาน จนเธอหล่นลงบนพื้นหญ้านุ่ม ๆ

 เฮอร์ไมโอนี่หยัดตัวลุกขึ้น รู้สึกเจ็บระบมไปทั้งตัวเพราะแรงกระแทก

"มัลฟอย!" เธอนึกขึ้นได้

เขาสลบอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปเขย่าตัวเรียกชื่อเขาทันที มัลฟอยค่อยลืมตาขึ้น

"ที่นี่ที่ไหน" เขาถามทั้งยังเอามือกุมศรีษะไว้

รอบ ๆ ตัวของทั้งสองคนดูเหมือนเป็นป่าทึบ และเป็นเวลาเริ่มเย็นจึงยังพอมีแสงสว่างให้เห็นรายละเอียดได้

"คงเป็นในท้องมันล่ะมั้ง" เฮอร์ไมโอนี่ตอบแล้วหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู รู้สึกว่าเป็นคำตอบที่ดูโง่ชอบกล

"ในท้องมันเนี่ยนะ" มัลฟอยเริ่มสำรวจรอบตัวบ้าง ดูยังไงก็เป็นป่าทึบ ไม่มีน้ำย่อยหรือว่าโครงกระดูกคน เหมือนกับ
ที่คิดไว้

"ก็...มันเป็นท้องของหนังสือนี่นา คงต่างกับท้องของเราล่ะมั้ง" เฮอร์ไมโอนี่แก้ แล้วก็หันไปมองพุ่มไม้เตี้ย ๆ ข้างตัว

มัลฟอยหันไปมองข้างหลังแว่บหนึ่ง แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โผเข้ามากอดเขาไว้แน่น

"เป็นอะไร เกรนเจอร์!" เขาถาม

"ตัวอะไรก็ไม่รู้อยู่หลังพุ่มไม้" เฮอร์ไมโอนี่ยังกอดเขาไว้แน่น

กระต่ายสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งกระโดดออกมาจ้องพวกเขาอย่างสนใจ มัลฟอยถอนใจเฮือก

"แค่กระต่ายน่ะ"

แต่เฮอร์ไมโอนี่เหมือนไม่ยอมเชื่อ ยังคงหลับตาปี๋ รัดเขาแน่นขึ้นอีก

"เกรนเจอร์ ซี่โครงฉันจะหักแล้ว" มัลฟอยร้อง

เฮอร์ไมโอนี่ยอมหันมามอง แล้วก็รีบปล่อยแขนออกจากตัวเขาทันที

กระต่ายอีกตัวกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ เป็นตัวที่สอง ตัวที่สามก็กระโดดออกมาอีก ตัวที่สี่ ห้า หก...

"อะไรกันนี่ กระต่ายพวกนี้" มัลฟอยรู้สึกว่าเสียงตัวเองสั่นขึ้นนิดหนึ่ง

ตอนนี้กระต่ายนับสิบกำลังล้อมรอบตัวพวกเขาไว้ กระต่ายตัวแรกที่กระ

โดดออกมากระโดดมาข้างหน้าเล็กน้อย ยกขาขึ้นยืนสองขา แล้วพูดด้วยเสียงเล็ก ๆ ว่า

"Game starts (เริ่มเกมได้)"




************************************* 



ขณะที่มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่กำลังงง กระต่ายตัวถัดไปก็พูดขึ้นบ้าง

"ต้องผ่าน" กระต่ายตัวถัดไปอีก พูดบ้างว่า"ุถ้าแพ้" ตัวถัดไปอีกก็พูดว่า"ตาย" หลังจากนั้นตัวอื่น ๆ
โดยรอบก็พูดเรียง ๆ กันต่อไปว่า ตาย ตาย ตาย กันระงม

ตุบ!!

มัลฟอยคว้าไม้ตีลงไปกลางวงกระต่ายอย่างโกรธจัด พวกมันแตกฮือวิ่งหนีเข้าพุ่มไม้ไปจนหมด

"เธอไปตีมันทำไม" เฮอร์ไมโอนี่คว้าแขนมัลฟอยไว้

"ไม่ได้ยินเหรอว่ามันพูดว่าอะไรบ้าง!" มัลฟอยหันมาตะโกน

"พวกมันอาจจะพูดอะไรที่เป็นประโยชน์กับเราบ้างก็ได้นะ"

มัลฟอยขยับจะเถียง ก็มีเสียงเล็ก ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น

"ใช่แล้ว"

กระต่ายตัวหนึ่งที่ยังเหลืออยู่กำลังจ้องมองมาที่พวกเขา

"เธอว่าอะไรนะ เธอจะช่วยเราหรือ" เฮอร์ไมโอนี่รีบไปนั่งข้างหน้ามันอย่างสนใจ
 แล้วดึงมัลฟอยไปนั่งใกล้ ๆ มันด้วย

แต่กระต่ายตัวนั้นกลับยืนนิ่งเหมือนเล่นตัว เฮอร์ไมโอนี่ดึงแขนถามมัลฟอย

"มัลฟอย เธอมีแครอทไหม"

"อะไรนะ!" เขาร้อง แต่เฮอร์ไมโอนี่เขย่าแขนเร่งเขา

"ฉันจะพกแครอทเดินไปเดินมาได้ยังไง!" มัลฟอยพูดแล้วหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู
นึกภาพตัวเองมีหัวแครอทโผล่ออก
มาจากกระเป๋าเสื้อคลุม

"งั้นก็แอปเปิ้ล" เฮอร์ไมโอนี่ถามอีก

"ไม่มี!"

"กะหล่ำปลี"

"ไม่..!"

หลังจากเปลี่ยนตัวเลือกไปสี่ห้าอย่างก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีอะไรไปต่อรองกับเจ้ากระต่ายตัวนั้น
เฮอร์ไมโอนี่ตั้งท่าจะร้องไห้

 มัลฟอยล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออย่างเหนื่อยหน่ายแล้วยื่นท๊อฟฟี่ให้

เฮอร์ไมโอนี่รีบแกะห่อยื่นให้มันทันที แล้วถามขณะที่กระต่ายตัวนั้นกำลังแทะท๊อฟฟี่ในมืออย่างเอร็ดอร่อย

"ที่นี่ที่ไหน แล้วเธอว่าเราจะตายเหรอ"

"ที่นี่คือหนังสือเกมผจญภัย" กระต่ายตัวนั้นตอบ

"แล้วเราจะออกไปได้ยังไง" เฮอร์ไมโอนี่ถามต่อ แต่กระต่ายตัวนั้นกลับเงียบอีกครั้ง
 มัลฟอยยื่นขนมปังกรอบห่อเล็ก ๆ

ให้อย่างรำคาญเมื่อถูกเฮอร์ไมโอนี่เขย่าแขนอีก

"ก็ต้องเล่นผ่านไปจนหน้าสุดท้าย" มันพูดทั้ง ๆ ที่ยังเคี้ยว
เฮอร์ไมโอนี่เขย่าแขนมัลฟอยแล้วรับช็อกโกแลตจากเขามา
โยนให้มันแล้วถาม

"แล้วเราจะตายไหม"

"ถ้าผ่านไปได้ก็รอด" มันตอบ ช็อกโกแลตยังเต็มปาก

เฮอร์ไมโอนี่เขย่ามัลฟอยอย่างแรงอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาหมดความอดทนแล้ว

"ไม่มีแล้ว! ฉันไม่ใช่ตู้ขนมหยอดเหรียญนะ!" มัลฟอยพูดเหมือนตะโกน

"เผื่อมันจะตอบอะไรเราได้อีกนะ ยังมีอีกไหม" เฮอร์ไมโอนี่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของมัลฟอยอย่างร้อนรน
เขาร้องอย่างตกใจ

"ไม่มีแล้ว..เกรนเจอร์! อย่าล้วงเสื้อฉัน!.."

ระหว่างที่ทั้งสองขลุกขลักกันอยู่ กระต่ายตัวนั้นก็หายไปแล้ว




*************************************  


"มันหายไปแล้ว" เฮอร์ไมโอนี่หันไปเห็น

"คงไม่โทษว่าเป็นเพราะฉันหรอกนะ" มัลฟอยประชด

"เปล่าสักหน่อย" เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ แล้วก็สังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งตกอยู่ตรงพื้นที่กระต่ายเคยยืนอยู่
 เธอหยิบขึ้นมาคลี่แล้วร้อง

"แผนที่!"

"แผนที่อะไร สมบัติเหรอ" มัลฟอยพูดแบบไม่เชื่อ เขาสนใจมองรอบตัวมากกว่าที่จะกุลีกุจอไปถาม

"แผนที่นำทางต่างหาก มันจะนำเราไปหน้าสุดท้ายของหนังสือนี้ได้โดยไม่หลง แต่เขียนด้วยอักษรรูนโบราณ..."

เฮอร์ไมโอนี่พลิกกระดาษขึ้น ๆ ลง ๆ ขมวดคิ้วพูด

"ฉันเคยเรียนมาบ้างแต่ก็มีบางตัวที่อ่านไม่ออก"

"ไหนเอามาดูหน่อยสิ" มัลฟอยพูดแล้วก็รับแผนที่มาดู

"ไกลพอดูเลยนะเนี่ย แล้วจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ นี่จะมืดแล้วด้วย" เขายื่นกระดาษคืนให้เมื่ออ่านจบ
 จริงอย่างที่มัลฟอยว่า

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวว่าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว จะว่าไป ตอนที่พวกเขาเข้ามาในหนังสือนี่ก็เป็นเวลาดึก
พอสมควร เธอเริ่มหาว

"ง่วงแล้วสิ เกรนเจอร์" มัลฟอยถาม เขาเองก็ง่วงนอนเหมือนกัน แต่ก็ยังหันไปมองรอบ ๆ ตัวเหมือนระวังภัย

"โชคดีที่ในนี้ไม่มียุงหรือแมลงอะไรเลย ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องก่อไฟ" มัลฟอยพูดเรื่อย ๆ

"แต่ก็ไม่รู้ว่าจะก่อยังไงเหมือนกัน เราสองคนไม่มีใครมีไม้กายสิทธิ์ทั้งคู่ หรือเธอว่าไง เกรนเจอร์.."
 เขาหันมาถามคู่สนทนา

แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว เธอกำลังพิงต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ และ..หลับสนิท

"เกรนเจอร์!" มัลฟอยร้องอย่างไม่เชื่อสายตาที่เฮอร์ไมโอนี่ยังกล้านอนหลับในเวลาอย่างนี้
แต่เขาเองก็ง่วงนอนไม่แพ้กัน จึงนั่งลงข้าง ๆ แล้วหลับไปด้วยอีกคน

.............

อืม...เสียงหัวใจของใครกันนะเนี่ย เต้นดังจังเลย แล้วทำไมถึงมาดังอยู่ข้างหู
ได้ล่ะ..เอ๋?..ทำไม?.. เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาตื่น
 ยกศรีษะขึ้นจากอกของอีกฝ่าย แล้วก็ตกใจ

มัลฟอย!

เขากำลังโงกหลับพิงศรีษะกับเธออยู่ เสียงหัวใจเมื่อครู่คงเป็นเสียงของเขา
เฮอร์ไมโอนี่ยกศรีษะของเขาให้ไปอีกทาง

มัลฟอยงึมงำบางอย่างแล้วก็โงกกลับมาอีก เธอจะเขย่าปลุกเขาอย่างโกรธ ๆ มัลฟอยก็พูดขึ้นทั้งที่ยังไม่ลืมตา

"เกรนเจอร์ ฉันขอโทษ ฉันทำให้เธอฝันร้าย..."

เฮอร์ไมโอนี่ชะงักค้าง มัลฟอยกำลังละเมอถึงเมื่อครั้งที่เธอกินน้ำยาฝันร้ายเข้าไปเพราะแผนการณ์ของเขา

"ฉันขอโทษ ฉันคิดถึงเธอ..มาก"

ประกายตาที่ไมพอใจของเฮอร์ไมโอนี่อ่อนลงอย่างฉับพลัน เธอปล่อยศรีษะของมัลฟอยไว้เหมือนเดิม
ก่อนจะโน้มศรีษะลงพิงไหล่ของเขาอย่างแผ่วเบา



*************************************  


แต่มันก็เป็นเรื่องยากเย็นยิ่งนักที่จะหลับต่อไปในทันที ในเมื่อมัลฟอยยังคงพิงเธออยู่อย่างนี้ เธอได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ

 จากเส้นผมของเขา และประโยคที่มัลฟอยพูดเมื่อสักครู่ยังคงก้องอยู่ในหูของเฮอร์ไมโอนี่"ฉันคิดถึงเธอ...มาก"
แล้วเลยนึกไปถึงว่าถ้าเขาเกิดตื่นมาเรียกชื่อเธอแล้วจูบ

 เหมือนในครั้งนั้นแล้วเธอจะทำยังไงดี...จะทำยังไงดี... เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกจิตใจไม่เป็นสุข ทันใดนั้นเอง

"เกรนเจอร์.."

มัลฟอยเรียกเฮอร์ไมโอนี่จริง ๆ เธอสะดุ้งแล้วจะร้องว่าไม่ได้นะ เขาก็ชิงพูดขึ้นก่อน

"ได้ยินเสียงอะไรรึเปล่า"

เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจเฮือกแล้วก็เงี่ยหูฟังตาม มันเป็นเสียงฝีเท้านับสิบของสัตว์ฝูงหนึ่งที่กำลังวิ่งตรงมาทางนี้

"ฉันได้ยินเสียงเหมือนหมูร้องด้วยนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูด

"หมูเหรอ" มัลฟอยขมวดคิ้วมองเฮอร์ไมโอนี่

"ไม่แน่นะ..ถ้าเป็น..." เธอนึกถึงหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่

ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ หมูป่าสีฝุ่นขนาดใหญ่ทั้งฝูงก็วิ่งรี่เข้ามาหาทั้งสองคนอย่างดุร้าย

"ตัวเทโบ!!" เฮอร์ไมโอนี่ร้อง มัลฟอยไม่รอฟังคำตอบเขาดึงแขนเธอให้ออกวิ่งทันที

"เร็วเข้า! เกรนเจอร์" ทั้งสองคนวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เหยียบกอหญ้าและต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ตามพื้นจนราบเป็นทาง
 แต่ตัวเทโบกลุ่มนั้นก็ยังวิ่งตามอย่างไม่ลดละ

"กระโดดออกข้างทาง! มันจะได้ไม่เห็น! เร็ว!" มัลฟอยตะโกน แล้วกระชากเฮอร์ไมโอนี่ให้กระ
โจนเข้าไปในพุ่มไม้หนา ๆ

 แล้วล้มลุกคลุกคลานไปด้วยกัน เนื่องจากความมืดทำให้ตัวเทโบมองพวกเขา
ไม่เห็นพวกมันจึงวิ่งต่อไปอย่างโกรธเกรี้ยว
 เสียงดังราวแผ่นดินไหว

มัลฟอยหอบแฮ่ก ๆ แล้วหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้างตัว เขาสะดุ้งโหยง ตาเบิกโพลง รีบยกมือเป็นเชิงห้าม

"เกรนเจอร์ อย่าขยับนะ!"



*************************************  


"อะไรเหรอ" เฮอร์ไมโอนี่ขยับถอยนิดหนึ่ง มองมัลฟอยที่กำลังหยิบท่อนไม้ขึ้นมา ถึงจะกลัวในท่าทางของเขา

แต่ความอยากรู้ของเธอก็มีมากมายนัก จึงค่อย ๆ หันหลังไปมองช้า ๆ

งูสีน้ำตาลขนาดใหญ่กำลังเลื้อยลงมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เมื่อเธอประสานสายตากับมันก็กรีดร้องทันที

"กรี๊ด...ด!" เฮอร์ไมโอนี่คุมสติไม่อยู่วิ่งพรวดชนมัลฟอยจนเขาเซถลาล้ม พอเขาได้สติก็เห็นเฮอร์ไมโอนี่
กำลังวิ่งห่างออกไป มัลฟอยตะโกน

"อย่านะ! เกรนเจอร์ อย่าวิ่งไปทางนั้น!" ว่าเล้วเขาก็วิ่งตามไปทันที

คำเตือนนั้นช้าเกินไป เฮอร์ไมโอนี่ลื่นตกลงไปในที่ที่เหมือนหน้าผาเพราะความมืด
และมีหญ้าปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น
 ทำให้เธอมองไม่เห็นทาง

มัลฟอยกระโจนไปคว้าแขนเฮอร์ไมโอนี่ไว้ได้ทัน

"ขึ้นมาเร็ว! เกรนเจอร์!" เขาร้อง ทั้งที่เจ็บแขนเพราะเล็บของเฮอร์ไมโอนี่ที่บาดเข้ามาในผิว

"ฉันปีนขึ้นไปไม่ได้!" เฮอร์ไมโอนี่ร้อง พยายามใช้มืออีกข้างคว้าแขนมัลฟอยเอาไว้ แต่ไม่สำเร็จ

มัลฟอยพยายามดึงเธอขึ้นมาจนสุดกำลัง เฮอร์ไมโอนี่เห็นท่าทางของมัลฟอยก็กลัวว่าแขนของเขาจะหลุด
 หรือไม่ก็ตกลงมาด้วยกัน

"เธอปล่อยฉันตกลงไปก่อนก็ได้ แล้วเธอค่อยหย่อนเถาวัลย์ลงมา มัน...มันคงไม่ลึกเท่าไหร่หรอก" เฮอร์ไมโอนี่พูด

"แล้วถ้าตกลงไปคอหักตายซะก่อนล่ะ! ยายงี่เง่าเอ๊ย!.." มัลฟอยตะโกน

ถึงแม้ว่ามัลฟอยยังมีเรี่ยวแรงพอจะยื้อเฮอร์ไมโอนี่ไว้ แต่ปากหลุมที่ไม่มีอะไรให้ยึดก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงช้า ๆ

และแล้ว...ร่างของทั้งสองก็ลอยละลิ่วลงสู่เบื้องล่าง!

เฮอร์ไมโอนี่กระแทกเข้ากับหินหลายครั้งก่อนจะตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง จริงอย่างที่เธอคิด ว่านี่เป็นเพียงแค่หลุมกว้าง

ไม่ใช่ปากเหวอย่างที่เข้าใจ จึงไม่ลึกมาก แต่อย่างนั้นก็ทำให้เธอเจ็บระบมไปทั้งตัว

"มัลฟอย" เธอนึกขึ้นได้

มัลฟอยสลบอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก เฮอร์ไมโอนี่ถลาไปช้อนศรีษะของเขาขึ้นมาทันที

"มัลฟอย เป็นยังไงบ้าง! ทำใจดี ๆ ไว้นะ" เธอเขย่าตัวมัลฟอย

ไม่มีเสียงตอบจากเขา... เฮอร์ไมโอนี่ยกมือที่เปื้อนน้ำเปียก ๆ จากศรีษะของมัลฟอยขึ้นมาดู

แสงจันทร์ที่ฉายเข้ามาในปากหลุมช่วยให้เธอเห็นได้อย่างชัดเจน

เลือด..!!

"มัลฟอย!..."

เฮอร์ไมโอนี่จ้องดวงหน้าซึดเผือดที่ไร้ความรู้สึกของมัลฟอยแล้วตะโกนเรียกชื่อเขาดังลั่น!

"มัลฟอย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"




************************************* 



“ทำใจดี ๆ ไว้มัลฟอย! พูดกับฉันสิ!” เฮอร์ไมโอนี่วางมัลฟอยลงนอนราบกับพื้น เธอไม่กล้าเขย่าเขาซ้ำ

เพราะเคยได้ยินมาว่าคนบาดเจ็บอาจจะช้ำใน ยังพอโล่งใจไปได้บ้างเพราะมัลฟอยยังหายใจอยู่
เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่เขย่ามือเขาไว้ตลอดเวลา

เวลาผ่านไปนาน มัลฟอยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว เฮอร์ไมโอนี่เริ่มร้องไห้ และเริ่มไม่แน่ใจแล้ว

ว่าเขายังหายใจอยู่หรือเปล่าเธอเอานิ้วไปแตะที่จมูกของเขา ลมหายใจของมัลฟอยแผ่วมากจนน่ากลัว
เฮอร์ไมโอนี่เอาหูไปใกล้ ๆ

ใบหน้าของมัลฟอยเพื่อฟังเสียงลมหายใจแทน

“ไม่ผายปอดอีกเหรอ...” มัลฟอยกระซิบกับหูเธอแทน

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเฮือก ยกศรีษะขึ้นทันที มัลฟอยเห็นท่าทางของเธอก็หัวเราะทั้ง ๆ ที่ยังนอนอยู่

“แกล้งสลบเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ยกกำปั้นขึ้น อีกมือหนึ่งเช็ดน้ำตาด้วยความอาย

“ฉันไม่ได้แกล้งนะ” มัลฟอยหยัดตัวขึ้น รองอูยเบา ๆ แล้วเอามือจับที่แผล

“ฉันตื่นตอนที่เธอเอาผมมาแยงจมูกฉันเนี่ยแหละ”

“ฉันนึกว่าเธอ..” เฮอร์ไมโอนี่พูดยังไม่ทันจบ น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาจนเธอซับด้วยหลังมือไม่ทัน

มัลฟอยหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เฮอร์ไมโอนี่วางไว้บนศรีษะของเขาออกมายื่นให้
 แต่เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่าเลือดของมัลฟอยยัง
ไม่หยุด เธอจึงเอาไปซับเลือดบนหน้าผากของเขาแทน

“ดีใจจังที่เธอร้องไห้” มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังสาละวนกับหน้าผากของเขา
เธอชะงักแล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความ
แปลกใจ

“เพราะกลัวว่าฉันจะตาย” เขาพูด แล้วจ้องตาเฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะยกแขนขึ้นจับมือของเธอที่กำลังเช็ดเลือดอยู่

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นเรื่อย ๆ

มัลฟอยขยับหน้าเข้ามาหาช้า ๆ เป็นเชิงหยั่งใจเธอก่อน เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ หลับตาลง

เมื่อลมหายใจของทั้งสองคนประสานกัน มัลฟอยก็กระซิบใกล้ ๆ ริมฝีปาก

"อย่ากัดลิ้นฉันอีกนะ"

เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องในครั้งนั้น

มัลฟอยก้มหน้าลงจูบเฮอร์ไมโอนี่อย่างแผ่วเบา ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนแม้แต่น้อย...



*************************************  

มัลฟอยขยับแขนโอบเฮอร์ไมโอนี่ไว้แน่น แน่นขึ้นอีก

"มัลฟอย เดี๋ยวก่อน" เฮอร์ไมโอนี่ดันตัวเขาออก

แต่มัลฟอยไม่ยอมฟังอะไรแล้ว ยิ่งเฮอร์ไมโอนี่ขัดขืนเขาก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นอีก มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมอง

"เลิกเรียกมัลฟอยได้แล้ว" เขาพูด

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีแดงจัดกว่าเก่า แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ได้ เธอนึก

ก่อนที่เรื่องจะเป็นไปมากกว่านี้ เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยขึ้น ลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ

"อะไรกันเนี่ย" เธอร้อง มัลฟอยก็กำลังลอยขึ้นเช่นเดียวกัน

"ไม่รู้เหมือนกัน" มัลฟอยก้มลงมองพื้นดิน

ทั้งสองคนลอยขึ้นมาถึงปากหลุม มีคน ๆ หนึ่งยืนรออยู่แล้ว

"ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คะ!" เฮอร์ไมโอนี่ร้อง

"พวกเธออยู่ที่นี่กันเอง ฉันตามหามาตั้งแต่หน้าแรก ปลอดภัยกันดีใช่ไหม"
 ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อน
โยนแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง

"อาจารย์รู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่คะ" เฮอร์ไมโอนี่รีบถาม

"มันก็เป็นความผิดของฉันด้วยนะ..." เขาพูด

"ฉันไม่ได้ตรวจสอบหนังสือพวกนี้ให้ดีเสียก่อนจะอนุญาติให้เขาเอามาวางบนชั้น จนฉันคิดว่าฉันจะ

มาดูสักหน่อยก่อนที่จะมีใครอ่านพรุ่งนี้ แต่พอมาถึงฉันก็โดนพวกมันเล่นงานเหมือนกัน"

"แล้วอาจารย์ไม่เป็นไรหรือคะ"

"ไม่เป็นไร" ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หลิ่วตา

"ฉันเห็นตะเกียงสองดวงวางอยู่ ก็เลยถามมันว่ามันกินใครเข้าไปมันก็ยอมบอก"

ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์มองรอบ ๆ ตัวแล้วพูด

"อันตรายจริง ๆ หนังสือพวกนี้เป็นหนังสือเล่นเกมผจญภัยก็จริง แต่ดูเหมือนว่าจะควบคุมไม่ได้

นี่ถึงขนาดเปลี่ยนหน้าปกตามใจชอบเพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาติดกับในตัวเชียวนะนี่"

"แต่พวกมันว่าเราต้องเล่นไปจนถึงหน้าสุดท้ายค่ะถึงจะออกไปได้" เฮอร์ไมโอนี่พูด

"เป็นไปไม่ได้หรอกมิสเกรนเจอร์" อีกฝ่ายตอบเสียงอ่อนโยน

"ถ้าเป็นหนังสือปกติล่ะก็ได้ แต่นี่พวกมันเหมือนโดนลงคาถาชั่วร้ายไปแล้ว คงต้องส่งคืนทั้งหมด"

ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หันไปมองเด็กทั้งสองแล้วพูดว่า

"เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ มิสเตอร์มัลฟอย เธอยังเดินไหวหรือเปล่า" เขาถามมัลฟอย

"ไหวครับ"มัลฟอยตอบ

"ไปกันเถอะ"ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เอื้อมมือมาจับไหล่เด็กทั้งสอง

"อ้อ เดี๋ยวมิสเกรนเจอร์" เขาหันมาพูดเสียงเรียบ ๆ เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมอง

"ติดกระดุมเสื้อสักหน่อยดีไหม"

เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงดูเสื้อที่กระดุมหลุดเรียงกันสามเม็ดด้วยใบหน้าสีชมพูเข้มแล้วก็หันไปมองมัลฟอยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
พึมพำว่า

"นาย..!"

มัลฟอยก้มหน้ากำลังเกาจมูกแก้เขิน ใบหน้าเป็นสีแดงเช่นกัน




************************************* 



ทั้งสองคนหลับตาลงตามคำสั่งของศาสตราจารย์ดัมเบิลเดอร์ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่ามีสายลมหวีดหวิวอยู่รอบตัว
 ก่อนที่เท้าจะสัมผัสพื้นเย็น ๆ ในห้องสมุดอย่างนุ่มนวล

เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า

"เอาล่ะเรามาถึงแล้ว" ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ปล่อยมือออกจากไหล่ของทั้งสองคน

"แต่เราต้องจัดการอะไรกับหนังสือพวกนี้หน่อย" ว่าจบ เขาก็เสกตาข่ายขนาดใหญ่ขึ้นมาคลุมชั้นหนังสือทั้งชั้นไว้

"ทีนี้ก็มาถึงตาพวกเธอสองคนแล้วนะ"

"อาจารย์จะตัดคะแนนบ้านเราหรือเปล่าคะ..." เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงกังวล

"เพราะเราแอบออกมากลางดึก"

ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ฉันไม่คิดจะตัดคะแนนนักเรียนที่ได้รับอันตรายเพียงเพราะพวกเขาอยากอ่านหนังสือหรอก"

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างดีใจและกล่าวขอบคุณ

"ฉันจะพาไปหามาดามพอมฟรีย์นะ มิสเกรนเจอร์ เธอมีแค่แผลถลอก แต่ก็ต้องตรวจดู มิสเตอร์มัลฟอย

บาดแผลเธออาจจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ฉันคิดว่าเธอควรจะให้มาดามพอมฟรีย์ตรวจสมองสักหน่อย"
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูด

ทั้งสองคนไปถึงห้องพยาบาล ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์แจ้งรายละเอียดแล้ว
 ก็ปล่อยให้มาดามพอมฟรีย์ดูแลทั้งสองคน

มัลฟอยต้องดื่มยาให้นอนหลับสนิทหนึ่งคืนเพื่อดูอาการว่าเขาจะปวดศรีษะคืนนี้หรือไม่ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่

เธอเลือกที่จะกลับไปนอนพักที่หอ หลังจากที่แผลเล็ก ๆ น้อย ๆ บนตัวหายไปสนิทแล้ว

"เธอจะไม่นอนที่นี่หรือ" มาดามพอมฟรีย์ถาม

"หนู...ค่ะ!" เฮอร์ไมโอนี่รับแล้วหันไปมองมัลฟอยที่หลับสนิทบนเตียงเรียบร้อยแล้ว

นกฮูกตัวหนึ่งบินมาเกาะที่หน้าต่าง มาดามพอมฟรีย์จึงเดินไปหามัน ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ตามลำพัง

เธอเหม่อมองไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท... ไม่น่าเชื่อเลยว่าการผจญภัยของเธอจะผ่านไปแล้ว
 ภายในเวลาไม่นานนัก

มัลฟอยขยับตัวนิดหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองเขา

"แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยม" เธอว่าแล้วขยับผ้าห่มให้เขา ก่อนจะยกมือของมัลฟอยขึ้นมากุม เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว

"ขอบใจเธอมาก มัลฟอ..."

ไม่...อย่างน้อยก็ในเวลานี้

"เดรโก..."




************************************* 



เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า เฮอร์ไมโอนี่ย่องออกจากหอนอนไปหาแฮเกร็ดที่กระท่อม
 แฮเกร็ดเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางงัวเงีย

"มาหาฉันแต่เช้า มี'ไรเหรอ เฮอร์ไมโอนี่"

"คือ...หนูอยากจะขอดอกไม้ในสวนของคุณสักช่อน่ะค่ะ"

"ตามสบายเลย" แฮเกร็ดหาว

อากาศในตอนเช้าที่ฮอกวอตส์เย็นสบาย มีหมอกลงบาง ๆ จนทำให้สวนดอกไม้ของแฮเกร็ด

ดูสวยและชุ่มชื่นมากกว่าเก่า เฮอร์ไมโอนี่เลือกเก็บดอกลิลลี่สีขาวมาได้ช่อหนึ่งแล้วเธอก็รีบเดินไปห้องพยาบาลทันที

มาดามพอมฟรีย์กำลังเก็บเอกสารอยู่ที่โต๊ะ เฮอร์ไมโอนี่กล่าวทักทายเธอก่อน

"มาแต่เช้าเชียวมิสเกรนเจอร์ ฉันเพิ่งจะมาถึงได้สิบนาทีเท่านั้น"

"เขา...ตื่นหรือยังคะ" เฮอร์ไมโอนี่ถามถึงมัลฟอย

"ยังหลับสนิทอยู่เลย ฉันเพิ่งไปดูเขาเมื่อสักครู่นี้เองว่าจะเปลี่ยนผ้าพันแผลที่ศรีษะเขาสักหน่อย

 ถ้าเธออยากเยี่ยมเขาก็ได้ แต่อย่างทำให้เขาตื่นล่ะ ฉันจะไปจัดการเรื่องเอกสารข้างนอกสักครึ่งชั่วโมง"

เฮอร์ไมโอนี่กล่าวขอบคุณแล้วก็เดินไปหามัลฟอยที่เตียงพยาบาล เธอวางช่อดอกไม้ลงที่โต๊ะข้างเตียงเขา
ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ลงนั่ง

ความเงียบปกคลุมทั้งสอง เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของมัลฟอย

"ฉัน...ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแผ่ว

"แต่ฉันก็รู้สึกดีกับเธอมากกว่าเมื่อก่อน"

มัลฟอยยังคงหลับสนิท

"แต่ส่วนเธอล่ะ...ความรู้สึกของเธอเกิดขึ้นเพียงเพราะในแต่ละครั้งเราลำบากอยู่ด้วยกันเท่านั้นหรือเปล่า"

 เฮอร์ไมโอนี่ย้อนนึกไปถึงเรื่องที่ผ่านมา ใช่...มัลฟอยดีกับเธอเฉพาะตอนที่เธอและเขา..ไม่มีใคร!

"ถามใจเธอก่อนเถิดนะ มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนี่ไม่เรียกชื่อเขาอีกแล้ว

"ฉัน...ไม่เคยได้ยินคำว่ารักหรือชอบจากปากของเธอเลย" เธอพูดเสียงสั่นขึ้นเล็กน้อย แล้วนึกถึงภาพ

ที่เขาและเธอพบกันในตอนก่อนที่จะเกิดเรื่อง มัลฟอยมองเธอด้วยสายตาเจ็บปวด แฮร์รี่และรอนไม่มีทางรู้

เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้นช้า ๆ แล้วเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ มาดามพอมฟรีย์กลับมาแล้ว

"อย่าบอกเขานะคะ ว่าหนูมา" เฮอร์ไมโอนี่ขอร้อง

"แต่ถ้าเขารู้ เขาคงดีใจมากนะ" มาดามพอมฟรีย์พูด

"หนู...ต้องการให้เขาคิดให้ดีก่อนค่ะ" เธอหันไปมองที่เตียงมัลฟอยแล้วหันกลับมาลามาดามพอมฟรีย์

 ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว มาดามพอมฟรีย์ถอนหายใจแล้วเดินมาหามัลฟอยบ้าง

เธอสะดุ้งเมื่อเห็นมัลฟอยลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงแล้ว และกำลังถือช่อดอกลิลลี่สีขาวนั้นเอาไว้ด้วยสองมือ

 เขาเอาหน้าซบกับดอกไม้นั้นนิ่ง น้ำค้างบนดอกไม้ซึมเข้ามาในพ้าพันศรีษะสีขาวของเขา

"มีคนมาเยี่ยมผมหรือครับ" มัลฟอยถามทั้งที่ยังไม่เงยหน้า

"ไม่มีหรอก ดอกไม้นั่น ฉัน..เอาไปวางไว้เอง" มาดามพอมฟรีย์โกหก

มัลฟอยฝังใบหน้าเข้ากับช่อดอกไม้นั้นลึกขี้นอีก

"ได้โปรดเถิดครับ.." เสียงของเขาสั่นขึ้นเล็กน้อย

มาดามพอมฟรีย์กัดริมฝีปากแน่น!




************************************* 



"มี.." มาดามพอมฟรีย์ตอบในที่สุด

"เธอรู้.."

"ผมรู้ ผมได้ยินหมดทุกอย่าง" มัลฟอยยกศรีษะออกจากดอกไม้ แต่ตายังคงจ้องไปในช่อดอกไม้นั้น

ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง มาดามพอมฟรีย์มองมัลฟอยพลางเม้มริมฝีปากแน่น รอคำพูดจากเขา

"มาดามพอมฟรีย์ คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงไม่เคยบอกว่า ผม...ชอบเขา" มัลฟอยพูด

"คุณพลิกม่านหน้าต่างออกแล้วดูข้างล่างสิครับ ผมรู้..ว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะไปเรียนวิชาปรุงยา"

มาดามพอมฟรีย์ทำตามที่บอก จริงอย่างที่มัลฟอยว่า เธอเห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังวิ่งตามแฮร์รี่กับรอนที่ยืนรออยู่ข้างล่าง
 เธอหันมามองมัลฟอยด้วยอาการทึ่ง

แฮรรี่ทักเฮอร์ไมโอนี่

"ไปไหนมาแต่เช้า"

"ไปห้องสมุดน่ะ" เฮอร์ไมโอนี่โกหก แต่ก็หน้าเป็นสีชมพู เธอไม่ใช่คนโกหกเก่งอยู่แล้ว

"แต่เช้าเลยเนี่ยนะ ฉันล่ะเชื่อเลยจริง ๆ" รอนพูด

ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินไปนั้น เฮอร์ไมโอนี่หันมามองหน้าต่างห้องพยาบาลครั้งหนึ่ง แน่นอนว่าเธอไม่เห็นมาดาม
พอมฟรีย์

"เธอรู้ เรื่องของมิสเกรนเจอร์เยอะเหมือนกันนี่" เธอหันมาพูด แล้วลดม่านลงมาเหมือนเดิม

"ตอนนี้..ผม..แทรกตัวเข้าไปในสามคนนั้นไม่ได้" มัลฟอยพูด

"ยิ่งถ้าเขาต้องการให้ทุกอย่างเหมือนเดิม ผมก็จะเป็นอย่างที่เขาต้องการต่อไป"

มัลฟอยกำดอกไม้ในมือแน่น ก่อนจะขว้างดอกไม้ในมือลงพื้นเต็มแรง
 กลีบดอกไม้กระจาย มาดามพอมฟรีย์ตกตะลึง!

"ผมเกลียดดอกไม้!" เขากัดฟัน ก้มหน้าเอามือป้องตา

"อ่อนแอ เดี๋ยวก็โรย.. ยิ่งเกลียดมากยิ่งขึ้นถ้ามาจากยายหัวฟูนั่น!!"

มัลฟอยเดินลงมาจากเตียงนอน มาดามพอมฟรีย์ห้ามไม่ทัน เขาเปิดม่านหน้าต่างออก

 ดูภาพของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังเดินไปกับรอนและแฮร์รี่ เขากำม่านสีขาวนั้นแน่นก่อนจะหันหลังนาบ

กระจกหน้าต่างบ้างใหญ่นั้น แล้วค่อย ๆ เลื่อนตัวลงนั่ง ครางด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

"ฉันจะรอ..จนกว่าจะถึงวันที่ฉันสามารถบอกเธอได้เอง"


ใช่....เรื่องทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง มัลฟอยยังคงไม่พูดกับเฮอร์ไมโอนี่เหมือนเดิม แฮร์รี่และรอน
ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ จากเขาทั้งสอง แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้จากเฮอร์ไมโอนี่ก็คือ
เธอมักจะมองเหม่อไปนอกหน้าต่าง และลูบริมฝีปากของตัวเอง เหมือนกับที่มัลฟอยยังคงทำอยู่


TBC

No comments:

Post a Comment