Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Sunday, September 14, 2014

Part II อดีตที่หวนคืน: Chap 5



 “เดรโก ..เดรโก ตื่นสิ คนขี้เซา ตื่นเดี๋ยวนี้นะ” เสียงเล็กๆของเด็กหญิงดังก้องทั่วโสตประสาท 
“ตื่นได้แล้ว..บ่ายนี้เราจะได้ไปสวนสนุกกัน ไม่อยากไปหรือไง”

เดรโก มัลฟอย สะลึมสะลือตื่นขึ้น เขามองเห็นเด็กหญิงที่มากวนใจเขาขณะหลับอย่างอารมณ์เสีย
 ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองมายังเขา พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเขาหากัน ..เธอกำลังหงุดหงิด.. 
เขารู้ แต่ที่เขาสงสัยก็คือ เธอผู้นี้คือใคร

เด็กหญิงวัย ห้าขวบ ผมสีน้ำตาลฟู ที่กำลังฉุดเขาขึ้นมานั่ง

“เดรโก” เด็กหญิงเรียกเขาอีกครั้ง “ เป็นอะไรไปน่ะ”

“เธอเป็นใครน่ะ” เขาถามแล้วมองไปรอบๆ เขาจำได้ ที่นี่มันบ้านของเกรนเจอร์นี่ 
และเขากำลังนอนอยู่บนโซฟาที่ยังดูใหม่เอี่ยม

“นายเล่นตลกอะไรของนาย” เด็กหญิงหน้ามุ่ย ไม่พอใจ แต่ถ้าเธอไม่บอกเขาก็รู้แล้วว่าเธอคือใคร

“เอ้อ..” เขาพยายามที่จะสรรหาคำพูด 

“ฉัน เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ หรือที่นายเรียกว่า..” เธอบรรยาย “เฮอร์มี่ พ่อคนสติไม่ดี”

“อ้อ เฮอร์มี” ไม่รู้เพราะอะไร เขาจึงเรียกเธออย่างนั้น “เธอบอกว่าจะไปสวนสนุกอย่างงั้นหรอ”

“ใช่” เธอกล่าว แล้วนั่งลงข้างเขา “จัสตินจะพาเราไป”

จัสตินหรอ.. ถ้าเขาจำไม่ผิดก็คงเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ 

“นายไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะซื้อของว่างมาให้” เธอพูด แล้วหยิบหนังสือมาอ่าน ซึ่งกิริยาท่าทางเช่นนี้ ..เหมือนกันมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นหนังสือนิทานก็เถอะ

“อืม” มัลฟอยส่งเสียงในลำคอแล้วเดินไปยังห้องน้ำ เขาออกจะงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 ..เขามาที่นี่ได้ยังไง..และ.. เขาวักน้ำล้างหน้าจากอ่างที่ดูสูงกว่าปกติ เขาไม่เข้าใจเลย เขาเดิน
ถอยห่างออกจากมันแล้วมองไปที่กระจกที่อยู่เหนืออ่างล้างหน้า

“เฮ้ย” เขาร้องอย่างตกใจ “ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ”

เงาของเขาในกระจก ไม่ใช่ เด็กหนุ่มผมบลอนด์ ดวงตาสีซีด ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น แต่กลับเป็นเด็กชาย..วัยห้าขวบ..

เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“นี่เธอ เอ่อ เฮอร์มี่ ฉันมาอยู่ที่ได้ไงน่ะ” เขาถามเมื่ออกจากห้องน้ำ

“ถามแปลก นายน่ะมาบ้านฉันตั้งแต่เช้า แถมยังมานอนต่อที่นี่อีก ถ้าง่วงขนาดนั้นไม่ต้องรีบมาก็ได้
” เธอพูดแล้วละสายตาจากหนังสือมาที่ใบหน้าเสี้ยมแหลมของเขา “ แล้วป้านายรู้รึป่าวล่ะ ว่านายบ้านฉันน่ะ”

“ป้าฉันน่ะหรอ” เขาครุ่นคิดแล้วพึมพำกับตัวเอง แน่ล่ะตระกูลมัลฟอยที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ 
มีใครบ้างที่เขานับถือเป็นป้า ในเมื่อเขาแทบจำไม่ได้ หรือบางคนเขาก็ไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ 
“ป้าของฉันที่มีบ้านอยู่..ที่ไหนนะ”

“ก็ที่อยู่ข้างบ้านฉันไง” เธอกล่าวด้วยความหงุดหงิด

“ข้างบ้านเธอน่ะหรือ” เขาทวนคำ เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด

“ใช่” เธอตอบ “ฉันว่านายแปลกๆไปนะ ไม่สบายรึเปล่า”

เธอยื่นมือมาอังหน้าผากเขา จู่ๆเขาก็ร้อนวูบไปทั่วใบหน้า

“เอ้อ เราจะไปสวนสนุกกันเมื่อไหร่” เขาถามพลางคว้าข้อมือที่อังหน้าผากเขาอยู่ออก

“ตอนบ่ายๆน่ะ” เธอตอบแล้วกลับสู่โลกในหนังสือต่อ

“งั้นก็มีเวลา” เขาพูดพึมพำให้เธอได้ยิน “ฉันของีบต่ออีกหน่อย”

“นายเพิ่งตื่นขึ้นมาเองนะ” เด็กหญิงถลึงตาใส่เขา “ไม่เอาน่า ตอนนี้จัสตินไม่อยู่ ฉันไม่
อยากอยู่เงียบๆคนเดียวนะ เดรโก อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนนะ นะ”

“ฉันก็อยู่นี่ไง อยู่ข้างๆเธอ แต่แค่นอนหลับ ไม่ได้ไปไหนหรอกน่า” เขาพูดรู้สึกเวียนหัว
 “ไม่เป็นไร เฮอร์มี่ เดี๋ยวฉันมา”

เขาล้มตัวลงนอน ถัดจากเด็กหญิงที่นั่งบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ และหลับไป..

“เดรโก ตื่นได้แล้ว นายอยากจะไปสวนสนุกรึเปล่าฮะ” เสียงของเด็กหญิงถามขึ้นเพื่อปลุกเขา
 เขาจำได้ว่าเขาเพิ่งจะหลับไปได้ไม่นานเองนะ “เดรโก นี่ เดรโก………เดรโก……”

. . . . . . . . .

“อืมม” เขาครางในลำคอ อย่างรำคาญ และขยับเขยื้อนร่างกาย แต่ผลที่ได้คือ อาการปวดศีรษะอย่างแรง

“มัลฟอย ..มัลฟอย นายฟื้นแล้ว” เสียงผู้หญิง..เสียงนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
 แต่เมื่อครู่เธอยังเรียกเขาว่า ‘เดรโก’ อยู่เลย เขาลืมตาขึ้นจ้องมองไปรอบๆ แต่ก็พบเพียงความมืด แม้จะใช้เวลาชั่วขณะที่จะปรับสายตาให้ชิน มันก็ยังมืดอยู่ดี

“มัลฟอย เป็นยังไงมั่ง” 

“อืม ไม่เป็นไร ทำไมมันมืดจังล่ะ” เขาตอบเสียงแห้ง 

“…เอ่อ..ก็มัน.. ตอนนี้..ก็ดึกแล้วล่ะ” เธอตอบตะกุกตะกัก

“ดึกแล้วหรอ ก็เธอเพิ่งบอกฉันเองว่าเราจะไปสวนสนุกกัน” เขากล่าว
 แต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอยู่ห่างออกไป แต่เขาก็ไม่ได้สนอะไร “ช่วยเปิดไฟหน่อยได้มั้ย 
ฉันมองไม่เห็นน่ะ แล้วก็น้ำสักแก้ว”

มือของเขาสัมผัสกับแก้วน้ำที่เธอยื่นมาให้ แต่แสงสว่างก็ยังไม่ปรากฏ…เขาดื่มน้ำเข้าไปอย่างกระหาย

“เอ่อ มัลฟอย สวนสนุกอะไรที่ไหนกัน” เธอถามกลับมาอย่างไม่แน่ใจ และนั่นทำให้เขารู้อะไรขึ้นมาบางแล้ว

“เธอคือ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ใช่มั้ย” เขาถาม 

“ใช่ ทำไมนายถึงถามแบบนั้น” เธอตอบ

“เธอ เอ่อ ไม่ได้อายุ ห้าขวบใช่รึเปล่า” 

“แหงสิ” เธอกล่าว “จะมีเด็กห้าขวบคนไหนเข้ามาเรียนที่ฮอกวอตส์นี่ฮะ”

“อ่อ งั้นนี่ฉันก็อยู่ห้องพยาบาลสินะ” เขาพูด “แต่เธอจะช่วยเปิดไฟหน่อยไม่ได้หรือไง มันมืด”

“มัลฟอย..เอ่อ คือ” เธอกล่าวอย่างมีพิรุธ เขาไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงมีน้ำเสียงเหมือนกังวลใจอะไรบางอย่าง

“เอ้อ โอเค มัลฟอย ฉันจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ” เธอกล่าว

“นายจำเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ใช่มั้ย” เธอถาม “เกมกลผู้วิเศษน่ะ”

“นั่นไม่ได้อ้อมค้อมเล้ย” เสียงกระซิบกระซาบเสียงหนึ่งดังแว่ว แต่เขาไม่ได้สนใจ
 ที่เขาสนก็คือ เกิดอะไรขึ้น และเขาก็ไม่รู้เลยว่า ตอนนี้ สาวน้อย เฮอร์ไมโอนี่กำลังถลึงตามองเพื่อนของเธอที่พูดประชดเธอเมื่อครู่

“อ้อ จำได้สิ ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมนะ ยัยบ๊อง แต่ไม่ยักรู้ ว่าเธอชอบอยู่ในที่มืดๆ” ถึงเขาจะสงสัยแต่ก็ตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไร

“เอาล่ะ เดรโก มัลฟอย นายฟังฉันให้ดี” เธอสูดลมหายใจเข้าปอด
 “ตอนนั้น ตอนที่นายกับฉันถูกผลักออกจากกันด้วยแรงของแม่เหล็ก หัวนายกระแทกโดนหินก้อนอย่างแรง และ เอ่อ..มันเหมือนกับว่าไปโดน ปุ่ม อะไรบางอย่างเข้า อย่างเช่น โทรทัศน์ นายรู้จักใช่มั้ย”

“อืม” เขาเริ่มมีอาการเครียดขึ้นมาเสียแล้ว

“แล้วนายรู้ใช่มั้ย ว่าถ้าปิดโทรทัศน์ มันจะเป็นยังไง”

“มันก็ ดูไม่ได้ มองไม่..” เขาหยุดชะงักทันที “เธอคงไม่ได้หมายความว่า..”

“เธอล้อฉันเล่นแน่ๆ เธอคงใช้คาถาอะไรสักบท อย่ามาแกล้งฉันหน่อยเลย เกรนเจอร์ มันไม่ได้ผลหรอก
 แก้คาถา หรือไม่ก็ เปิดไฟซะที” เขาพูด ออกจะกังวลไม่น้อย มือที่ถือแก้วน้ำอยู่ สั่นอย่างแรง เนื่องเพราะแรงบีบ

“ฉันขอยืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริง มิสเตอร์ มัลฟอย” เสียงมาดามพรอมฟรีย์ดังขึ้น
 “เธอคิดว่าในห้องพยาบาลจะปิดไฟซะมืดมิดหรือไง”

“ถ้างั้นคุณก็ต้องมีทางรักษาสิฮะ” เขาพูดอย่างวุ่นวายใจ “คุณทำได้ไม่ใช่หรือไง”

“ใช่ฉันทำได้ แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อย ยาที่จะใช้รักษา มันหมดอายุไปนานแล้ว” เธอกล่าวเสียงเรียบ

“แต่เธอไม่ต้องห่วง ฉันและศาสตราจารย์สเนป กำลังหาทางรักษาให้ เราได้ส่งนกฮูกไปยังเซนต์มังโกแล้ว เพื่อขอตัวยา คงอีกไม่นานกว่ายาจะมาถึง ทีนี้เธอนอนพักซะ”

เมื่อแน่ใจว่ามาดามพรอมฟรีย์เดินออกไปแล้ว ความรู้สึกที่เก็บไว้ อัดอั้นตันใจ อย่างรับไม่ได้ 
..เขารับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กับเขาไม่ได้ มือที่บีบแก้วน้ำอยู่นั้น เพิ่มแรงบีบขึ้นอีกเท่าตัว จนเกินกว่าที่เขาจะทนไหว 

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเสียงแผ่ว เหมือนดั่งสัญญาณที่บ่งบอกเขาให้เริ่มขว้างปาสิ่งของได้
 และสิ่งแรกที่เขาจะทำ เพื่อระบายอารมณ์ก็คือ แก้วน้ำ..มันตกลงกระแทกพื้น แตกละเอียด
 และตามมาด้วย หมอนหรืออะไรก็ตามที่เขาคว้าได้ โดยไม่สนใจเลยว่ามันจะเป็นอะไร “เพล้ง!!!” 

“อย่านะ มัลฟอย ได้โปรด อย่าทำอย่างนี้” เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้อง แต่เขาก็ไม่หยุดแต่อย่างไร 

“อย่ามายุ่งกับฉัน!! ฉันอยากอยู่คนเดียว!! ไปให้พ้น!!”

“แต่..”

“หยุดพูดซะที ยัยเลือดสีโคลน เธอคงจะสมน้ำหน้าฉันใช่มั้ยล่ะ ไหนล่ะเพื่อนของเธอ 
ลากมันมาหัวเราะเยาะฉันให้หนำใจสิ” เขาตวาด “ฉันอยากจะรู้นักว่ามันจะทำยังไง เมื่อรู้ว่าฉันตาบอดสนิทอย่างนี้ ประกาศข่าวลงเดลี่พรอเพ็ตเลยดีมั้ย ฮะ สะใจพวกเธอเลยสิล่ะ ใช่มั้ย”

“ฉันไม่ทำอย่างงั้นหรอน่า” เธอตอบเสียงเบากว่าเดิมเขาพอจะได้ยินบวกกับความกังวลของเธอก็มีมากยิ่งขึ้น

“แหงสิ เธอทำแน่” เขาขบกรามคำราม ด้วยอารมณ์ของความโกรธที่ครุกกรุ่น “ไหนละ พอตเตอร์กับวีสลีย์..”

“เราอยู่นี่” ผู้ที่เขาร้องหาเพื่อเป็นการประชดเอ่ยขึ้น อย่างที่เขาไม่คาดฝัน เขาไม่คิดเลยว่าสองคนนั่นจะอยู่ที่นี่ด้วยตั้งแต่แรกที่เขาตื่น 

“และเราก็จะไม่ทำอะไรอย่างที่นายบอก” แฮร์รี่พูด

“แต่มากกว่านี้งั้นสิ!!” โทสะของเขาพลุ่งพล่านในบัดดล เขาไม่น่าประชดเฮอร์ไมโอนี่แบบนั้นเลย

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่” เสียงมาดามพรอมฟรีย์ดังขึ้นอีกหน และแทบจะเป็นลมกับสภาพในห้องพยาบาลที่มีเศษแก้วเกลื่อนกลาด แล้วยังจะปุยนุ่นจากหมอน เศษดอกไม้ที่กลากเกลื่อนโดยมีเศษ
แจกันตกอยู่ประปราย รวมทั้งน้ำที่หกเลอะเทอะอีกต่างหาก 

“ฉันเพิ่งจะไปตาม ศาตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ได้ไม่กี่นาทีเองนะเนี่ย” เธอโบกไม้กายสิทธ์จัดการซ่อม
แซมสิ่งของเหล่านั้นจนไม่เหลือสภาพเดิมที่เธอเพิ่งเข้ามาเลย

“เป็นยังไงบ้างล่ะ มิสเตอร์ มัลฟอย” ดัมเบิลดอร์กล่าว มัลฟอยหันไปตามเสียงนั้น 
แววตาเลื่อนลอยอย่างประหลาด เขาอยากจะตะโกนระบายอารมณ์ใส่ชายชราผู้เป็นถึงอาจารย์ใหญ่ซะ
ด้วยซ้ำถ้าหากดัมเบิ้ลดอร์รอคำตอบจากเขา แต่ก็เปล่า “ฉันพยายามที่จะติดต่อพ่อของเธอ..”

“คุณจะติดต่อหาพ่อผมได้อย่างไง ในเมื่อพ่อกำลังหลบหนีอยู่” มัลฟอยพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บอารมณ์ของเขาไว้

“เขาคงไม่สละชีวิตตัวเอง ให้ลูกชายไม่เอาถ่านคนนี้หรอกนะ!!” เขาตะโกน

จริงสิ ลูเซียส มัลฟอย หนึ่งในผู้เสพความตาย สมุนผู้สนิทชิดเชื้อกับเจ้าแห่งศาสตร์มืด 
กำลังหลบหนีการจับกุมของกระทรวงเวทมนต์อยู่ เฮอร์ไมโอนี่คิด แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง 
ในเมื่อมัลฟอยบอกเธอว่า พ่อของเขาอนุญาตให้เขาได้ไปทัศนศึกษาที่เมืองบนฟ้า ..
บางทีอาจจะไม่ใช่พ่อของเขาที่อนุญาต แต่เป็นแม่ของเขาก็ได้

“แล้วถ้าคุณจะถามผม ผมก็ไม่สามารถบอกอะไรคุณได้ทั้งนั้น!” เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ตัวเองได้เลย

“เพราะว่าผมไม่รู้!”

“อันที่จริงฉันไม่ได้ต้องการจะถามเธอหรอกนะ” ดัมเบิลดอร์กล่าวเสียงเรียบ 
“แต่เธอก็คงรู้ว่า เขาไม่สามารถหาเธอได้ และแม่ของเธอ..”

“แม่ไม่ค่อยสบาย อย่ารบกวนแม่เลย” เขาลดเสียงลง “ถ้าเกิดว่า ผมมองเห็นได้อีกครั้งและเร็วๆนี้ 
ก็ไม่จำเป็นต้องบอกแม่หรอกฮะ ผมไม่อยากให้แม่กังวล..”

“ถ้าเช่นนั้น” ชายชราตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ “เราจะส่งเธอไปเซนต์มังโก”

“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่ที่นี่ ที่ฮอกวอตส์” เขาพูดเสียงดังขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่ค่อยพอใจ
 “ผมไม่อยากนอนอยู่แต่ในห้องพยาบาล ผมไม่ได้เป็นคนป่วย”

“งั้นเราจะจัดห้องให้ต่างหาก เธอไม่ต้องกลับไปที่หอ” ดัมเบิลดอร์พูดต่อ
 เมื่อเห็นเขาพยักหน้าน้อยๆ “แต่ฉันต้องการเพียงอย่างเดียว ก็คือคนที่จะคอยดูแลเธอ”

Knock! Knock! Knock!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยเสียงของศาสตราจารย์ประจำบ้านสลิธิริน

“ผมพามาแล้วครับ ท่านอาจารย์ใหญ่” เขาพูดกับดัมเบิลดอร์ “มิสพาร์กินสัน มิสเตอร์แครบ และมิสเตอร์กอยล์”


TBC

No comments:

Post a Comment