Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

Chapter 13: The decision 1-2



ณ บ้านโพรงกระต่าย...

เสียงเอะอะจากผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ดังขึ้นตั้งแต่เช้าซึ่งพวกเขาก็คือครอบครัววิสลีย์นั่นเอง - - ความหมายของ “บ้านโพรงกระต่าย”
 แห่งนี้มิได้หมายความถึงลักษณะของบ้าน (บ้านที่ดูเหมือนจะเคยเป็นโรงเลี้ยงหมูขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยหิน) แต่เป็นผู้อาศัยอยู่ ณ
 ที่นี่ต่างหากที่จะทำให้ความหมายของ “บ้านโพรงกระต่าย” สมบูรณ์ 

นางวิสลีย์เปิดวิทยุคลื่นรายการที่ฟังอยู่เป็นประจำทุกเช้า ซึ่งขณะนี้กำลังมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุหิมะถล่มใกล้กับบริเวณ
โรงเรียนสอนเวทมนต์แห่งหนึ่งโดยที่หน่วยกู้ภัยกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดหิมะออกไป นอกจากนี้ยังมีข่าวเกี่ยว
กับการร้องเรียนว่ามีการจำหน่ายหนังสือ “คู่มือแนะนำการป้องกันตัวและบ้านเรือนเบื้องต้น” ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างสูงใน
ราคาสิบหกซิ้กเกิ้ลสี่คนุตส์ที่ร้านหนังสือที่ชื่อร้าน “เรียงอักษรบนกระดาษ” ทั้งที่ความจริงเป็นหนังสือแจกฟรีจากกระทรวงเวทมนต์ 

“แม่ฮะ ถุงเท้าผมหายไป” รอน วิสลีย์เด็กชายผมสีแดงร่างสูงเดินลงมาจากห้องพร้อมกับแฮร์รี่ พอตเตอร์เพื่อนของเขา

“อยู่ในลิ้นชักตู้ซ้ายมือบนห้องไงลูก” นางวิสลีย์ตะโกนบอก ไม่นานก็มีเสียงรอนวิ่งกลับขึ้นห้องไป เธอกำลังเตรียมอาหาร
เช้าให้กับทุกคนอยู่ที่โต๊ะ โดยมีผู้ช่วยคือจินนี่และเฮอร์ไมโอนี่ที่เรียงจานอยู่

เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์กับแฮร์รี่ พอตเตอร์เด็กชายพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกเวทมนต์มาพักกับครอบครัววิสลีย์ได้ราวหนึ่ง
สัปดาห์แล้ว ที่จริงเฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะมารบกวนครอบครัวนี่เท่าใดนัก (ยกเว้นแฮร์รี่ที่ดูเหมือนจะยินดีเสียเหลือเกินที่จะจากลุงเวอร์นอนกับป้าเพ็ดทูเนียมาได้) แต่ทั้งสองได้รับนกฮูกจากศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์บอกว่าพวกเขาควรจะมาพักอยู่ที่นี่หลังจากที่เจ้าแห่งศาสตร์มืด - - ลอร์ตโวลเดอร์มอร์ตได้กลับมาแล้ว ดังนั้นจะปลอดภัยมากว่าถ้าพ่อมดและแม่มดหลาย ๆ คนจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่

“นายไม่เคยใส่คู่เดียวกันอยู่แล้วนี่นา ใส่สีเขียวข้างสีแดงข้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร” เฟร็ดตะโกนแซว
“ช่าย” จอร์จร่วมวงไปอีกคน
“พวกนายมาเยี่ยมบ้านเพื่อจะมาก่อกวนฉันโดยเฉพาะรึเปล่าเนี่ย” รอนที่เดินกลับลงมาพร้อมแฮร์รี่บ่นดัง ๆ
“โอ๊ย ไม่เคยคิดเลย” ฝาแฝดมองหน้ากันแล้วยิ้มกว้าง
“พอร้านเราจะเปลี่ยนหลังคาเสร็จ...” เฟร็ดพูดต่อ
“เราก็จะไป...” จอร์จต่อให้
“พังกำแพงต่อ!” รอนแทรกทันควัน
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง - - เฟร็ดกับจอร์จได้เปิดร้านขายของเล่นอย่างที่ตั้งใจไว้ และกิจการก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่สาเหตุที่ฝาแฝด
ต้องทิ้งร้านมาอยู่กับครอบครัวก็เพราะของเล่นใหม่ที่อยู่ในระหว่างทดลอง(พวกเขาตั้งชื่อมันว่า “พลุดาวตก”) เกิดระเบิด
ขึ้นเองจนทำให้หลังคาร้านทะลุเป็นรูพรุน แต่ทั้งสองก็ยังมีอารมณ์ขันเหลือเฟือพอที่จะไม่เลิกล้มการผลิตสินค้าชนิดนี้
 และจ้างคนมาเปลี่ยนหลังคาใหม่ทั้งหมดให้เป็นกระเบื้องอย่างดี

“แจ๋วมากน้องชาย เราลืมคิดไป” ฝาแฝดหัวเราะ

แฮร์รี่และรอนเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างกัน นางวิสลีย์ตักข้าวโอ๊ตควันกรุ่นใส่ชามแต่ละใบพร้อมหยิบชามนมและน้ำเชื่อมวางไว้
ใกล้มือทุกคน แฮร์รี่ตักข้าวโอ๊ตใส่ปากขณะที่รอนเริ่มพูด

“พ่อไปไหนฮะ”

“ไปทำงานแล้ว เห็นเขาว่ามีคนสาปเครื่องปิ้งขนมปังของพวกมักเกิ้ล” นางวิสลีย์เติมข้าวโอ๊ตใส่ชามเพิ่มให้กับแฮร์รี่แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“อย่าเพิ่งอิ่มนะแฮร์รี่ เธอต้องกินเข้าไปเยอะ ๆ” 

“ครับ” แฮร์รี่รับคำแล้วตักข้าวโอ๊ตเข้าปาก ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่าแฮร์รี่ดูพูดน้อยลงหลังจากที่เขาสูญเสียพ่อทูนหัว
ไปในการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับลอร์ดโวลเดอร์มอร์ต แต่ถึงอย่างนั้นรอนและคนอื่น ๆ ก็พยายามพูดคุยหยอกล้อกับเขาตามปกติ 
แม้ต่างก็รู้ว่าไม่สามารถทำให้แฮร์รี่ลืมความทุกข์นี้ได้แต่พวกเขาก็หวังเพียงแต่ว่าความสุขรอบ ๆ ตัวจะช่วยบรรเทาความเศร้าโศกได้บ้าง

“เย็นนี้ที่โรงละครบาร์นาร์ตมีคอนเสิร์ตเดอะเวียร์ด ซีสเตอร์” เฟร็ดเอ่ยขึ้น

“อ๋อ ฉันได้ยินจากวิทยุแล้ว” รอนพูด

“มีอย่างอื่นที่เจ๋งกว่านี้อีก” ฝาแฝดมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

“เช่น…” จอร์จล้วงกระเป๋า 

“เราได้ตั๋วมา!” 

รอนอ้าปากค้างมองพี่ชายทั้งสองเอาตั๋วโบกไปมาตรงหน้าเขา

“พวกนายทำได้ยังไง! ตั๋วหมดตั้งแต่ขายไปได้แค่สองชั่วโมงนะ”

“แฟนตัวยงของวงนั้นเขาเป็นลูกค้าเราน่ะสิ แต่ครอบครัวเขาเกิดมีธุระไปไม่ได้ก็เลยเอามาแลกกับของเล่นในร้านเรา
ไปตั้งตะกร้าหนึ่งแน่ะ”

“แม่จำไม่ได้ว่าอนุญาตให้ลูกไปตั้งแต่เมื่อไหร่” นางวิสลีย์ขัดขึ้นเสียงเข้ม

รอนทำหน้าเหมือนถูกสั่งงดขนมที่กำลังกินอยู่ เขาโอดครวญ

“โธ่ แม่ฮะ นี่มันครั้งเดียวในรอบปี”

เฟร็ดกับจอร์จพยักหน้าให้กันเหมือนได้ตกลงแผนขั้นสองไว้แล้ว 

“แล้วก็จะเป็นครั้งเดียวในรอบปีด้วยที่แม่จะอนุญาตเรา…” เฟร็ดเอาศอกสะกิดจอร์จให้รีบพูดต่อ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนไม่เคยพูดได้จบประโยคเลยสักครั้งเพราะอีกคนมักจะต่อให้เสร็จสรรพ

“ให้พาแฮร์รี่ไป”

เด็กชายทุกคนบนโต๊ะช่วยกันส่งสายตาอ้อนวอนมาที่นางวิสลีย์ ซึ่งก็รวมสายตาของแฮร์รี่ด้วยจึงทำให้เธอลังเล
 การพาแฮร์รี่ออกไปข้างนอกเสียบ้างก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนัก

“เอาล่ะ แม่ยอมแพ้”

ฝาแฝดพร้อมด้วยแฮร์รี่กับรอนร้องเฮเสียงดังด้วยความดีใจ นางวิสลีย์รีบชูนิ้วขัดขึ้นมาเสียก่อน

“แต่….นะลูก - - แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกลับบ้านเกินสองทุ่มเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแม่จะให้พ่อของลูกออกไปรับ”

“ตกลงฮะ!”

“หนูไม่ชอบเดอะเวียร์ด ซีสเตอร์” จินนี่พูดอย่างไม่สนใจ

“โอ้ น้องสาว เธอไม่ใช่ เดอะเวียร์ด ซีสเตอร์ของเราหรอกน่า” เฟร็ดแซว

“เรารู้อยู่แล้วว่าเธอไม่สนใจวงนี้” จอร์จเสริม

“และเราก็มีตั๋วพอสำหรับหนุ่ม ๆ เท่านั้น”

พูดจบจอร์จและเด็กชายทั้งโต๊ะก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ ฝาแฝดหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยดวงตาสำนึกผิด

“ขอโทษนะ เฮอร์ไมโอนี่”

“ฉันก็ไม่ชอบเดอะเวียร์ด ซีสเตอร์” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกันกับจินนี่

“อีกอย่างเย็นนี้ฉันว่าจะออกไปข้างนอก”

“หนูจะไปไหน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” นางวิสลีย์ดูตกอกตกใจ เด็กหญิงจึงรีบพูดต่อ

“หนูจะกลับไปบ้านค่ะ หนูลืมการบ้านวิชาปรุงยาไว้บนโต๊ะ แต่พ่อกับแม่อาจจะให้หนูอยู่ด้วยสักสองสามวันก็ได้”
 เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย เธอแทบจะไม่ได้อยู่บ้านเลยเพราะต้องมาอยู่กับครอบครัววิสลีย์ตั้งแต่เพิ่งปิดเทอมได้ไม่นาน

“เธอไม่ควรจะไปอยู่บ้านคนเดียวในเวลาอย่างนี้นะ” รอนพูดอย่างเป็นห่วง

“ฉันมั่นใจว่าคนที่เธอรู้ว่าใครไม่ลงมือกับพวกมักเกิ้ลให้เสียแรงเปล่าในช่วงนี้หรอก” เด็กหญิงว่า

เย็นวันนั้นหลังจากที่ส่งบรรดาเด็กชายที่แต่งตัวกันเต็มยศเพื่อไปคอนเสิร์ตอย่างที่ตั้งใจไว้แล้ว
 (เฟร็ดกับจอร์จเตรียมของเล่นที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่จำนวนหนึ่งไปแจกเป็นตัวอย่างที่งานคอนเสิร์ตเพื่อโฆษณาร้านไปในตัวด้วย) 
เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินตามนางวิสลีย์ไปยังเตาผิงของบ้าน

“เธอเดินทางด้วยผงฟลูได้ใช่ไหมจ๊ะ” นางวิสลีย์ถามขณะยื่นกระถางให้เฮอร์ไมโอนี่หยิบผงที่เหมือนขี้เถ้าออกมา

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าแล้วก้าวเข้าไปในเตาผิง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ปล่อยมันลงบนพื้นเตานกฮูกชราขนรุ่งริ่งหรือก็
คือแอรัลนั่นเองก็บินมาชนกำแพงบ้านเสียงดังนางวิสลีย์รีบเดินไปดูอาการมันทันที เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมาตั้งสมาธิ
ใหม่อีกครั้งแล้วปล่อยผงฟลูออกจากมือ

"บ้านเกรน - - อุ๊ย!" เด็กหญิงอุทานออกมาก่อนที่จะพูดจบเพราะแมงมุมที่ซ่อนอยู่ในเตาผิงกระโดดมาเกาะชายเสื้อคลุมของเธอเข้า

ไฟสีเขียวลุกพรึบขึ้นอาบร่างของเฮอร์ไมโอนี่พาเธอไปยังที่ที่ใครก็ไม่ทราบได้…

To be continued!

******2******

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าร่างกายหมุนเร็วจี๋พร้อมกับขี้เถ้าจำนวนมหาศาลพุ่งเข้ามาในปากจนเธอได้รสขมปี๋ไปถึงคอ
 เด็กหญิงเสียหลักล้มลงกระแทกกับพื้นทุกอย่างจึงหยุดนิ่งลง 

เฮอร์ไมโอนี่ไอแค้ก ๆ สำลักขี้เถ้าอย่างหนัก แต่ก็เธอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีล้นเหลือที่โผล่มาในเตาผิงที่ไม่ได้ติดไฟร้อน ๆ อยู่
 นอกจากนี้ยังกว้างและสูงจนแทบจะเดินออกไปได้ เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวคลานออกไปอย่างหวาดหวั่นเพราะกลัวว่าจะเดินออก
ไปพบเจ้าของเตาผิงที่อยู่ภายนอก - - ไม่นานเธอก็สัมผัสกับพื้นหินเย็น ๆ ด้านนอกในที่สุด เด็กหญิงยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบ ๆ

เตาผิงแห่งนี้อยู่ในห้องที่เป็นเหมือนห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางแสนสบาย ราวกับที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของคฤหาสน์หลังใหญ่
 เครื่องตกแต่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นม่านกำมะหยี่สีเขียวเข้ม โต๊ะ ตู้ไม้เนื้อมันวาวเก้าอี้หรือแม้แต่แจกันใบเล็กใหญ่ทั้งหลาย
ล้วนดูเป็นของมีราคาทั้งหมด 

แต่แล้วเลือดในกายของเฮอร์ไมโอนี่ก็เหมือนจะเย็นเฉียบเมื่อตาโปน ๆ สีเขียวคู่หนึ่งกำลังมองเธอมาจากเงามืด!

“ผู้บุกรุก!!!” เสียงร้องกรี๊ดแสบแก้วหูจากเจ้าของดวงตาดังขึ้นพร้อมกับเอลฟ์ประจำบ้านตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากใต้โต๊ะ
 มันสวมชุดที่เหมือนเป็นผ้าม่านเก่า ๆ สีน้ำเงินที่มีแต่รอยปะ ดูราวกับเจ้าตัวพยายามเย็บให้มันดูคล้ายกระโปรงให้มากที่สุด
“ไม่! ไม่ใช่!” เฮอร์ไมโอนี่วิ่งจะไปจับตัวมัน เอลฟ์กระโดดแผล็วไปบนหลังตู้สำหรับโชว์ของประดับตัวใหญ่แล้วตะโกนเสียงดังอีก
“มีคนเข้ามา! มีคนเข้ามา!”

“ไม่ใช่นะ! อย่าตะโกน! ขอร้องล่ะ!” เธอพยายามบอกแต่ว่าอีกฝ่ายกลับวิ่งไปรอบ ๆ ห้องและโวยวายด้วยประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก
 เฮอร์ไมโอนี่คว้าชายผ้าม่านที่มันสวมอยู่ไว้ได้สำเร็จ เอลฟ์ตัวนั้นร้องเสียงหลง

“ปล่อยฉันนะ! ขโมย!” มันตะโกนตำแหน่งใหม่ที่มันคิดเอาเองให้กับเฮอร์ไมโอนี่ เด็กหญิงเขย่าตัวมันสุดแรง
“ฉันหลงทางมาต่างหาก! ถ้าเธอมีผงฟลูฉันก็จะออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

“โจรขโมยผงฟลู เข้ามาในบ้าน!!”
เอลฟ์ร้องเสียงดังกว่าเดิมเกือบเท่าพร้อมกับพยายามดึงตัวออกจากเฮอร์ไมโอนี่หรือตอนนี้ที่มันเข้าใจก็คือ - - โจรขโมยผงฟลู!
“หนวกหูที่สุด! พวกแก!”

เสียงตวาดดังเหมือนฟ้าผ่าดังขึ้น ทั้งเอลฟ์และเฮอร์ไมโอนี่หันไปมองก็เห็นเดรโก มัลฟอยยืนเหนี่ยวผ้าม่านสีเขียวตรงประ
ตูทางเข้าออกของห้องเพื่อพยุงตัวเองอยู่ เขาหายใจหนัก ๆ และเหงื่อท่วมตัวเหมือนคนวิ่งมาแต่ไกล ใบหน้าซีดเซียวของเขา
ดูซีดมากกว่าปกติแต่ถึงอย่างนั้นก็มีสีแดงจากความร้อนในกายเจืออยู่ที่แก้ม เมื่อเห็นว่าเธอเป็นใครเขาก็หรี่ตามองมาอย่างไม่อยากเชื่อ
“เกรนเจอร์...” 

เฮอร์ไมโอนี่เองก็แปลกใจไม่แพ้กัน เอลฟ์ตัวจ้อยวิ่งไปหาเด็กชายทันทีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“นายน้อยเดรโก นายน้อยไม่สบาย นายน้อยอย่าลุกมาจากเตียงสิเจ้าคะ”

มัลฟอยก้มลงกระชากคอเอลฟ์ตัวนั้นมา เขายังหอบหายใจขณะจ้องหน้ามันแล้วพูดเสียงกร้าว
“ใครจะไป...หลับลง...ถ้าได้ยินเสียงแก...แหกปาก!!” 

พูดจบเขาก็เหวี่ยงร่างเล็กจ้อยนั่นไปตกแอ้กแทบเท้าเฮอร์ไมโอนี่ เด็กหญิงร้องด้วยความตกใจ
“เธอทำมันทำไม!”

“เงียบนะ!” มัลฟอยตวาดใส่  เหงื่อออกมาเต็มหน้าซีดเซียวของเขา เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งแล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง 
แต่เธอยังคงมองเขาที่ทำท่าเหมือนหายใจไม่สะดวกนัก เด็กชายจับหน้าอกแล้วพูด

“มีธุระอะไรกับฉัน ไม่ได้อยู่กับเจ้าพอตเตอร์รึไง”
ความโกรธดูเหมือนจะพุ่งจี๊ดขึ้นในสมองของเฮอร์ไมโอนี่ เธอเสียงดังสู้

“ฉันแค่หลงมา! ฉันไม่ได้อยากมาสักหน่อย!”
ใบหน้าซีดเซียวของมัลฟอยแดงก่ำด้วยความโกรธ เขากัดฟันกรอดแล้วกำหมัดแน่น

“อ้อ เรอะ! งั้นกลับไปได้แล้ว อย่าคิดมาเหยียบบ้านฉันเด็ดขาด!”
เอลฟ์ตัวนั้นคลานมาหามัลฟอย ดูมันเป็นห่วงนายน้อยของมันมากกว่าตัวเองเสียอีก

“นายน้อยไม่สบาย กลับไปนอนนะคะ”
“ลากยายหัวฟูนี่ออกไป!” เด็กชายตะโกนสั่ง
“ค่ะ ค่ะ” มันละล่ำละลักแล้วฝืนลุกขึ้นมาหาเฮอร์ไมโอนี่ แต่ไม่ทันไรร่างสูง ๆ ของมัลฟอยก็โงนเงนล้มลงกระแทกพื้นเสียงโครมสนั่น 
“มัลฟอย!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความตกใจ


To be continued!!


No comments:

Post a Comment