Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 14: The Yule Ball

งานเต้นรำวันคริสต์มาส (The Yule Ball)


          หิมะกำลังตกเป็นสายคลื่นบางเบาในวันคริสต์มาส พายุหิมะรุนแรงเมื่อคืนก่อนได้อ่อนกำลังลงและภายในหนึ่งชั่วโมงเมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าในที่สุด มันจะเป็นวันที่สวยงามอีกวันหนึ่งที่ฮอกวอตส์ ความเงียบสงัดคลอบคลุมไปทั่วฮอกวอตส์   มีเพียงเสียงมาจากห้องครัวที่พวกเอลฟ์กำลังวุ่นวายอย่างบ้าคลั่ง นักเรียนทั้งหมดยังคงหลับอย่างเป็นปกติสุขยกเว้นเดรโก มัลฟอย
          เดรโกนอนอยู่บนเตียงสี่เสาของเขา และพยายามเอาหมอนปิดหูอย่างไร้ผล เสียงกรนดังสนั่นของกอยล์;ซึ่งเขาคุ้นเคยกับมันมากและช่วยเขาให้หลับได้อย่างปกติ กลับทำให้เขาตื่นเช้าเกินไปกว่าที่เขาต้องการ ไม่มีสักครั้งที่เดรโกปฏิเสธชั่วโมงพิเศษของการนอนในตอนเช้า แต่เห็นได้ชัดทีเดียวว่าเช้านี้จะไม่ใช่หนึ่งในเช้าเหล่านั้น พร้อมกับเสียงร้องครางดังอย่างไม่พอใจ เดรโกโยนหมอนของเขาไปด้านหนึ่งและลุกขึ้นนั่ง ผลักผ้าม่านสีเขียวเข้มออกไปพ้นทาง เขาสัมผัสไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋าเสื้อ การเสาะหาเป้าหมายเป็นเรื่องยุ่งยากนิดหน่อยเมื่อภายในห้องยังมืดอยู่ พวกเอลฟ์คงเพิ่งจุดไฟ ในที่สุดเดรโกสามารถปรับสายตาตัวเองไปจับอยู่ที่ร่างใหญ่อุ้ยอ้ายของกอยล์ได้ โชคร้ายสำหรับกอยล์ เขาไม่เคยเสียเวลาปิดผ้าม่านเลย
          “Pertrificus Totalus!” เดรโกเปล่งเสียง
          เขารอคอยปฏิกิริยาจากกอยล์อยู่สักพัก แต่มีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น พร้อมกับถอนหายใจด้วยความพึงพอใจในตัวเอง เดรโกเอนกลับลงไปที่เครื่องนอนสีเขียวแกมสีเงินของเขา เวลานี้เขาอาจกลับไปหลับต่อและเต็มไปด้วยความหวังที่จะกลับสู่ความฝันที่เขาได้ถูกลากออกมาอย่างไม่มีมรรยาท เขารู้สึกตัวถึงสัมผัสเลือนรางกับความเป็นจริง เมื่อความง่วงเริ่มครอบงำเขา และห้องสมุดเริ่มวูบวาบขึ้นมาอย่างไม่ชัดเจนภายในใจเขา ขณะที่ความมีสติของเขายังเหลืออยู่ เขาทราบว่าเขาจะไปที่ไหนและใครกำลังคอยอยู่ เขาเพียงแค่หวังว่าเธอจะยังคงอยู่ในเครื่องแต่งกายชุดเดิมหรือไม่มีเลย หวังว่าเธออยู่ในนั้นแล้วก่อนเขาตื่นขึ้นมา
          มีเสียงดังอึกอักในลำคอฉับพลันตามด้วยเสียงหายใจไม่สะดวกแหบห้าวยาวนาน เดรโกร้องคำรามและลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง
          “กอยล์คนเดียวเท่านั้นที่สามารถกรนทะลุร่างที่แข็งทื่อไปทั้งตัวได้” เขาบ่น
          เดรโกยืนขึ้นและเริ่มเคลื่อนไหวอย่างน่ากลัวตรงไปที่ร่างไม่รู้สึกตัวของกอยล์ คุกหินใต้ดินซึ่งใช้เป็นหอนอนนักเรียนชายสลิธีรินชั้นปีที่ห้า ถูกอาบไปด้วยแสงไฟที่กำลังผุดขึ้นอย่างฉับพลัน เดรโกถูกทำให้วอกแวกไปชั่วขณะ และชำเลืองไปที่เปลวไฟซึ่งกำลังลุกโชนอย่างพลุ่งพล่านภายในตะแกรงเหล็กที่เย็นจัดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้ พวกเอลฟ์กำลังเริ่มต้นทำกิจวัตรประจำวันของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด เดรโกหยุดลงและถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ไม่มีเวลาแล้วตอนนี้
          หลังจากพึมพำถอนคาถาแล้ว เดรโกหันหลังให้กอยล์และมองไปที่ขาเตียงของเขา เป็นครั้งแรกที่มีกองของขวัญห่อสดใสกองใหญ่กำลังคอยเขาอยู่ เขารู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้สักพักหนึ่ง ลูเซียสอาจจะต้องการฆ่าเขาไม่น่าส่งของขวัญมาให้เขาเลย แต่เดี๋ยวก่อน เดรโกนึกเดาว่า
ลูเซียสอาจจะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องว่าลูกชายเขาแหกคอกก็เป็นได้ มันคงดูน่าสงสัยสำหรับคนอื่นถ้าเทศกาลคริสต์มาสผ่านมาและจากไปโดยที่ลูเซียสไม่ใส่ใจลูกชายของเขา
          ด้วยความระมัดระวัง  เขาเอาปลายไม้กายสิทธิ์กระทุ้งห่อของชิ้นหนึ่ง  มันดูเหมือนปลอดภัยที่จะสัมผัส ดังนั้นเดรโกโกยห่อของจากบ้านทั้งหมดขึ้นมาและโยนพวกมันเข้าไปในเตาผิง รู้สึกหงุดหงิดกับจดหมายฉบับล่าสุดของลูเซียส  เดรโกคิดว่าไม่เปิดของอะไรที่พ่อเขาส่งมาให้เป็นดีที่สุด เดรโกไม่เคยทราบว่าผงแป้งที่ส่งกลิ่นเหม็นคืออะไร แต่ปลายนิ้วของเขาเป็นผื่นแดงและพุพองเป็นเวลาหลายวัน เดรโกคาดว่ามันถูกกำหนดให้ทำมากกว่าแค่ส่งถึงมือผู้รับ ถึงแม้ว่าเดรโกเป็นลูกชายของลูเซียส
          เขายืนอยู่หน้ากองไฟและเฝ้าดูของขวัญลุกไหม้ แล้วหันกลับไปที่เตียงของเขา สำรวจกองของขวัญที่เหลืออยู่เล็กน้อย การเห็นด้วยกับลูเซียสอาจเป็นเรื่องง่ายดายมากกว่าอะไรทั้งหมดนี้ ดัมเบิลดอร์ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะปลอดภัยอยู่ที่นี่ในฮอกวอตส์อย่างแน่นอน แต่
เดรโกทราบว่าลูเซียสเก่งกว่าใครทั้งนั้น และเขาสงสัยอย่างยิ่งว่านี่คือจุดจบของมัน  เหตุผลทั้งหมดของเขาสำหรับการไม่ทำตามพ่อของเขาและโวลเดอมอร์  ได้พังทลายก่อนโอกาสอันยิ่งใหญ่แห่งการตายของเขาซึ่งจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เหตุผลทั้งหมดของเขายกเว้นเพื่อคนเดียว
มาก่อนเจ้าแห่งศาสตร์มืด ทั้งหมดยกเว้นเพื่อเด็กสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลคนหนึ่งซึ่งจะจ้องมองเขาอย่างไม่มีอะไรเลยนอกจากความเกลียดชัง ถ้าเขายอมให้เครื่องหมายแห่งความชั่วร้ายถูกประทับตราลงบนแขนเขา
__________________

          ทุกคนในโรงเรียนดูเหมือนตื่นเต้นกันเหลือเกินกับงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนี้ อย่างน้อยที่สุดเดรโกคิดว่าพวกเขาเป็นแบบนั้น การที่เป็นมัลฟอยคนหนึ่ง;งานสังคมต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดามักจะพบเห็นที่คฤหาสน์เสมอ ทำให้งานเต้นรำเล็กๆ น่าสมเพชนี้แทบจะไม่ดูน่าประทับใจ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนักเรียนต่ำกว่าชั้นปีที่สี่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงาน เดรโกสามารถยกโทษให้กับเสียงอึกทึกในห้องโถงใหญ่ขณะที่เขารับประทานอาหารเช้า เขาสามารถไม่ใส่ใจกับเสียงอื้ออึงในห้องสมุด แม้แต่มาดามพินซ์ก็เลิกพยายามยับยั้งความกระตือรือร้นของนักเรียนทั้งหลาย แต่ทว่าเขาไม่สามารถมองข้ามพวกกริฟฟินดอร์กลุ่มใหญ่ที่กำลังชุมนุมอยู่ด้านนอก ดำเนินการเล่นหยอกล้อค่อนข้างเสียงดังมากๆ ในกองหิมะหนา
          ดวงตาเดรโกหรี่แคบลงขณะที่เขายืนอยู่ตรงทางเข้า  เขาจะไม่สามารถมีช่วงเวลาสงบเงียบปราศจากการถูกรบกวน ด้วยพวกเอะอะโวยวายกริฟฟินดอร์ผู้ไม่มีแม้แต่สติมากพอที่จะอยู่ในบ้านในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้หรือไง? และแน่นอนเลยต้องมีดาวเด่นแห่งหอคอยกริฟฟินดอร์:พอตเตอร์ และวีสลี่ย์ก็อยู่ด้วยเช่นกัน แต่เกรนเจอร์ไม่ได้อยู่กับพวกเขา เดรโกสำรวจท่ามกลางหุบเขาหิมะและในที่สุดก็มองเห็นเธอ เธอกำลังเดินอยู่กับเด็กหนุ่มคนนั้น เด็กหนุ่มจากวิชาการปรุงยา คู่ควงของเธอในงานเต้นรำ เดรโกชักสีหน้า;เขาไม่รู้สึกประทับใจกับดีน โธมัส  เกรนเจอร์น่าจะทำได้ดีมากกว่านั้น
          เดรโกลดฝีเท้าลง ยืนอยู่ที่ริมทะเลหิมะกว้างใหญ่ที่ล้อมรอบโรงเรียน และจับตามองต่อไป ไม่ได้สังเกตว่าการจลาจลมีผลตามมาหลังจากคู่แฝดเริ่มต้นสงครามหิมะ  หิมะปลิวว่อนไปทุกทิศทุกทางถึงกระนั้นไม่มีเข้ามาเฉียดใกล้เดรโกสักนิด ราวกับว่าเกล็ดหิมะพวกนั้นหวาดกลัวท่าทางเด็ดขาดของความไม่ชอบใจและความขยะแขยงบนสีหน้าเขา
          เกรนเจอร์และเด็กหนุ่มคนนั้นไปได้ไม่ไกลนักโดยไม่เจ็บตัว แต่แล้วเมื่อวีสลี่ย์กอบหิมะขึ้นมาเต็มกำมือใหญ่และเริ่มต้นวิ่งไล่เด็กสาว เธอหันหลังและวิ่งตรงไปที่ประตูโรงเรียน วิ่งเร็วเท่าที่ทำได้ในขณะที่สายตาเฝ้าดูหนุ่มหัวแดงที่กำลังตามมา เธอไม่ทันสังเกตว่าเดรโกกำลังขวางทางเธอจนกระทั้งเธอวิ่งชนใส่เขา พร้อมกับเสียงร้องตกใจ เธอล้มหงายหลังอย่างแรงและนอนแผ่อยู่บนพื้นตรงหน้าเขา แรงกระตุ้นอันดับแรกของเขาคือจับเธอไว้เหมือนที่เขาเคยทำมาหลายครั้งแล้ว แต่เขาเห็นโธมัสกำลังรีบมาถึงตัวเธอ เช่นเดียวกับวีสลี่ย์ และถ้าเธอต้องการใช้เวลาอยู่กับพวกเขา ดังนั้นหนึ่งในพวกเขาควรจับเธอไว้ เขามองลงไปที่เธอ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงกับใบหน้าน่ารักทำให้เขาโกรธมากขึ้น เขารู้สึกถึงการดูหมิ่นคุ้นเคยออกมาจากเขาก่อนที่จะหยุดตัวเองทัน
          “ระวังซิ เลือดสีโคลน” เขาแผดเสียง ลืมไปชั่วขณะว่าเขาเป็นสลิธีรินคนเดียวท่ามกลางพวกกริฟฟินดอร์
          ดวงตาของเกรนเจอร์ยังปิดอยู่แต่กระพือเปิดขึ้นพร้อมกับคำพูดของเขา เธอทำให้เขาสะดุ้งและช็อก ความเงียบกระจายไปทั่วพื้นที่โล่งอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกกริฟฟินดอร์ทั้ง
หมดหยุดทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ และจ้องเขม็งมาที่เขาด้วยความเกลียดชังอย่างไม่ปิดบัง
          วีสลี่ย์มาถึงพวกเขาเป็นคนแรก โธมัสตามมาติดๆ เกือบจะทันที วีสลี่ย์เดินตรงผ่านเกรนเจอร์ไปและเหวี่ยงกำปั้นใส่เดรโกซึ่งหลบได้อย่างชาญฉลาด และมองไปที่เกรนเจอร์อีกครั้ง ในขณะเดียวกันโธมัสกำลังช่วยเกรนเจอร์ให้ลุกขึ้นยืน ความผิดพลาดชั่วพริบตาเดียวของเดรโกให้บทเรียนแก่เขา เมื่อวีสลี่ย์อีกสองคนเข้ามาสมทบในการวิวาทครั้งนี้ เดรโกพบว่าตัวเขาถูกกระแทกใส่กำแพงหินอย่างรวดเร็ว และเท้ากำลังห้อยพ้นจากพื้น เมื่อคู่แฝดยกเขาขึ้นเพื่อให้น้องชายของพวกเขาเล็งเป้าหมายได้ถูกต้อง
          “รอน! หยุดนะ!” เสียงของเกรนเจอร์แทรกผ่านเสียงหึ่งๆ ของความโกรธ เพื่อหยุดเพื่อนๆ ของเธอ
          “อะไรนะ?” ฝาแฝดร้องตะโกนพร้อมกัน
          “เฮอร์ไมโอนี่” รอนตวาดใส่เธอ “เธอได้ยินที่เขาพูดไม่ใช่หรือ?”
          เกรนเจอร์มายืนอยู่ข้างเขาและวางมือลงบนแขนที่เขากำลังจะทุบใส่เดรโก พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
          “ฉันได้ยินที่เขาพูด รอน ฉันแค่ไม่ใส่ใจ ฉันไม่แคร์อะไรทั้งนั้นที่เขาพูด”
          เดรโกมองเธอด้วยความประหลาดใจ เธอสบตาเขาเพียงแวบเดียวสั้นๆ แต่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เธอไม่ได้โกรธมีแค่เหนื่อยล้าและเจ็บปวด เดรโกรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด เวลานี้เขาสามารถมองเข้าไปในแววตาเธอ เขาไม่แน่ใจนักว่าทำไมเขาถึงได้โกรธมากมายขนาดนี้
          ช่างน่าเสียดาย คู่แฝดปล่อยเขาลงมา สามพี่น้องวีสลี่ย์หันหลังให้เขา แล้วเดินไปสมทบกับพวกเพื่อนๆ ที่กำลังคอยอยู่
          “เกรนเจอร์ ฉัน...” เดรโกเริ่ม ต้องการอธิบายเหตุผลบางอย่าง แต่เธอห้ามเขา
          “ไปซะ มัลฟอย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าและหมดหวัง “นายไม่เป็นที่ต้อนรับที่นี่”
__________________

          “เดรโก! เธออยู่นี่เอง ฉันกำลังเริ่มคิดว่าเธอต้องลืมฉันแล้ว”
          เดรโกมองข้ามผ่านห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธีรินไปพบแพนซี่ซึ่งกำลังรีบมาหาเขา ชุดกระโปรงสีน้ำเงินเป็นประกายแวววาวเรียกร้องความสนใจรอบตัวเธอ
          “ไม่แน่นอน แพนซี่ งานเต้นรำเริ่มตอนหนึ่งทุ่ม ฉันบอกเธอว่าฉันจะไปพบเธอก่อนงานเริ่มสิบห้านาที” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงช้าๆ ราวกับว่าเขากำลังคุยอยู่กับเด็กเล็กๆ
          แพนซี่ทำหน้าเบ้อย่างไม่ชอบใจ แล้วเหมือนคิดอะไรที่ดีกว่าขึ้นมาได้ เธอกำลังจะพูดและเติมความนุ่มนวลใส่ในรอยยิ้ม
          “ดีเลย ตอนนี่เธออยู่ที่นี่แล้ว ฉันดูสวยน่าประทับใจไหม?” แพนซี่อวดโฉมตัวเองตรงหน้าเขา ชุดกระโปรงสีน้ำเงินรัดรูปของเธอพอดีแนบสนิทไปตามรูปร่าง ซึ่งเดรโกต้องยอมรับว่ามันมีพลังน่าดึงดูด
          “อึมม์...” เขาตอบ “เราจะไปกันหรือยัง?”
          รอยยิ้มแพนซี่ลึกซึ้งกว่าเดิม และเธอยอมรับแขนที่เดรโกยื่นมาให้เธอ พวกเขาเดินขึ้นบันไดจากคุกใต้ดินและพาตัวเองมาอยู่ตรงข้ามกับห้องโถงใหญ่ ประตูถูกเปิดออกกว้างและผู้คนกำลังเริ่มผ่านพวกเขาเข้าไปในห้องรับประทานอาหารเย็น แพนซี่ยิ้มให้แทบจะทุกคนที่พวกเขาเดินผ่าน ไม่ใช่การแสดงมิตรภาพแต่เป็นความภาคภูมิใจและความทะนงตัวเท่านั้น ถึงมันไม่เคยทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด แต่เดรโกพบว่าความอาจหาญของเธอค่อนข้างไม่ถูกใจ ชุดสีน้ำเงินของเธอแทบจะเปิดเผยอย่างเหลือร้าย และอีกครั้งที่เขาพบว่าฐานะที่เหนือกว่าของเขากลายเป็นสิ่งเอื้ออำนวยผลประโยชน์ คืนนี้เขารู้สึกว่าการแต่งกายของเธอแทบจะอนาจาร และช่วยไม่ได้ที่เขาคิดถึงกริฟฟินดอร์ผมสีน้ำตาลคนหนึ่ง ผู้อาจไม่เคยอวดคุณสมบัติทางร่างกายของตัวเองโจ่งแจ้งแบบนี้ และรู้สึกพอใจกับสิ่งเป็นอยู่
          พวกเขานั่งลงที่โต๊ะตัวเล็กตามด้วยแครบบ์, กอยล์, และคู่นัดของพวกเขา ทั้งสองคนจัดการกล่อมให้เด็กสลิธีรินปีที่สองมาเป็นเพื่อนกับพวกเขา เดรโกคิดว่านี่อาจไม่ใช่ความสมัครใจทั้งหมดของเด็กสาวเหล่านี้ พวกเธอทั้งคู่นั่งเบียดชิดกัน กำลังมีท่าทางตื่นกลัวสองผู้ร้ายร่างยักษ์ที่นั่งอยู่ข้างพวกเธอ
          อาหารเย็นเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว และพวกนักเรียนสามารถเริ่มสังสรรค์กันได้ในที่สุด แพนซี่ทำตัวติดกับมัลฟอยอีกครั้ง และลากเขาออกไปที่ฟลอร์เต้นรำ เธอยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขาทันทีและดึงเขาเข้ามาใกล้ ร่างกายเธอกำลังเสียดสีกับตัวเขาอย่างเป็นจังหวะไปตามเสียงดนตรี ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเดรโกเคยเห็นว่าสิ่งนี้ช่างน่ารื่นรมย์มากทีเดียว แต่เวลานี้แพนซี่เหมือนเป็นเพียงแค่ความแตกต่างน่าจืดชืดจากสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ เดรโกหยุดเต้นรำ
          “ฉันต้องการเกรนเจอร์?” เขาตื่นตะลึงด้วยความช็อก “ทั้งหมดนี่มันเรื่องอะไรกัน? เกรนเจอร์?”
          แพนซี่กอดแขนตัวเองอย่างโมโห “เธอเป็นอะไรไป เดรโก?”
          เดรโกมองลงไปที่แพนซี่แต่ไม่เห็นเธอ จิตใจของเขากำลังก้าวข้ามอุปสรรคในความคิดของเขา เขาทราบว่าเขาเคยจูบเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่เขาไม่เคยพิจารณาว่าเขาอาจต้องการเธอจริงๆ เลยสักครั้ง เธอมีแรงดึงดูดค่อนข้างน่าสนเท่ห์ และเขาตระหนักถึงมันเป็นอย่างดี แต่สำหรับเขาที่ต้องการเธอจริงๆ...เขาไม่เคยพิจารณามันถึงความเป็นไปได้
          “เดรโก...” แพนซี่ร้องครวญ แล้วเกิดความคิดหนึ่งอย่างฉับพลัน เธอโน้มตัวมาใกล้เขาทำเสียงแหบพร่าใส่หูเขา “อะไรก็ตามที่ทำให้เธอวอกแวกอยู่ ฉันสามารถเสนอบางอย่างที่น่าสนใจมากกว่าให้เธอได้อีกนะ” มือของเธอกระชับแน่นบนตัวเขาด้วยท่าทางที่ทำให้เดรโกปราศจากข้อสงสัยว่าเธอหมายความถึงอะไร
          “ไม่ล่ะ ขอบคุณ แพนซี่” เขาบอกเธอ น้ำเสียงเอือมระอาเล็กน้อย
          แพนซี่จ้องเขาเขม็งอย่างเดือดดาล สะบัดส้นเท้าแล้วผลุนผลันจากไปอย่างเกรี้ยวกราด ถึงกระนั้นเดรโกรไม่ได้มองการล่าถอยไปของเธอเลย;เขากำลังสำรวจคร่าวๆ ไปยังกลุ่มนักเรียนที่เสียงดังเพื่อหาเกรนเจอร์
          เขาขยับออกมาอีกด้านหนึ่งเพื่อว่าสามารถสำรวจฝูงชนได้ดีกว่า มันแสนยากที่จะหาใครสักคนในสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายขนาดนี้ เพราะว่านักเรียนทุกชั้นปีได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานได้ ที่นี่เสียงดังมากๆ และยากทีเดียวที่จะเห็นวงดนตรี;กลุ่มหญิงสาวผู้มีลักษณะเกือบจะเหมือนพวกแบนชี และร้องคร่ำครวญด้วยน้ำเสียงระดับสูงมากซึ่งให้ความเพลิดเพลินใจอย่างพิเศษ เขาใช้เวลาไม่กี่นาทีจึงพบเธอ เธอกำลังเต้นรำกับเด็กหนุ่มคนนั้น เดรโกจ้องนิ่งไปที่พวกเขา และกำลังรู้สึกเหมือนกับที่เขารู้สึกวันก่อนนั้น โธมัสเคลื่อนไหวงุ่มง่ามไปกับเกรนเจอร์
ผู้ดูสง่างามมาก หากเปรียบเทียบกับคำอุปมาที่เหมะสม อาจเป็นบางอย่างที่คล้ายกับผีเสื้อต่อสู้กับช้าง
          เธอสวมชุดกระโปรงสีแดงที่เขาเห็นเธอกำลังชื่นชมอยู่ในร้านแกลดแร็กซ์  ชุดนี้พลิ้วไหวไปกับเธออย่างสบายๆ  เดรโกสังเกตว่าสีแดงทำให้เกิดบรรดาสีสันน่าประหลาดใจกับผมสีน้ำตาลของเธอ เธอดูเหมือนมีความสุขพอสมควรในการเต้นรำกับโธมัส แต่เดรโกคิดว่าเธอน่าทำได้ดีกว่านั้น
          ทั้งคู่เลิกเต้นรำเพลงต่อไปและไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งที่มุมของกริฟฟินดอร์ในห้องโถงใหญ่ เดรโกเฝ้ามองด้วยสายตาเย็นชาเมื่อเธอนั่งกับเพื่อนๆ ของเธอ  พอตเตอร์และวีสลี่ย์มาร่วมงานโดยไม่มีคู่นัดและดูท่าทางสนุกสนานกันดี  พอตเตอร์, วีสลี่ย์, โธมัส, และเพื่อนชาวไอริชของเขา ดูเหมือนกำลังพูดคุยอย่างออกรสชาติระหว่างพวกเขากันเอง พอวีสลี่ย์กระโดดขึ้นยืนอย่างฉับไวและยกมือทำท่าทางโฉบเฉี่ยวไปมา เดรโกรู้เลยว่าพวกเขากำลังถกเถียงเรื่องควิดดิช
 แม้ว่าเดรโกชื่นชอบควิดดิชมากพอๆ กับเรื่องเวทมนตร์ แต่เขาไม่มีทางละเลยคู่ควงในงานสังคม เกรนเจอร์กำลังเริ่มเบื่ออย่างแน่นอน ในขณะที่เขาต่อว่าพฤติกรรมของโธมัส  เขาเองก็ไม่ได้ให้ความเป็นห่วงเป็นใยกับแพนซี่ พาร์กินสัน
เกรนเจอร์ก้มไปหาเด็กหนุ่มและกระซิบบางอย่างกับเขา เขาพยักหน้าและเธอลุกออกจากโต๊ะ เดินไปที่โต๊ะเครื่องดื่มแล้วเติมน้ำฟักทองผสมเครื่องเทศใส่แก้ว เธอดื่มมันช้าๆ พร้อมกับเดินเล่นอย่างไร้จุดหมายรอบๆ ด้านนอกกลุ่มคนเต้นรำ บางอย่างดูจะสะดุดตาเธอและ
เกรนเจอร์เดินไปที่ประตูซึ่งเปิดออกไปสู่ด้านนอก
          เดรโกเฝ้าดูเธอมองไปด้านนอกบนลานสนาม เธอมีสีหน้าชอบอกชอบใจ เขารู้ว่าเขามีความคิดแปลกๆ เมื่อมันเกี่ยวข้องกับเธอ แต่เขาไม่เคยให้ความใส่ใจกับพวกมันมากมายมาก่อน เขาเชื่อว่าพวกมันอาจหายไปเองเหมือนกับไข้หวัด แต่เวลานี้เขาเผชิญหน้ากับความคิดที่ว่าเขาอาจต้องการเธอ พูดอีกอย่างคือความคิดที่ทำให้เป็นทุกข์ทรมานในที่สุดก็มาถึงตัวเขา ถ้าหากเขาชอบเธอจริงๆ ล่ะ? ถ้าหากความคิดประหลาดเหล่านี้ขยายใหญ่มากกว่าเรื่องตัณหาล่ะ? ถ้าเช่นนั้นคืออะไร?
          เกรนเจอร์ชำเลืองกลับไปที่โธมัสและเพื่อนๆ ของเธอ;พวกเขายังคงกำลังพูดคุยกันอยู่ และดูเหมือนไม่ค่อยรับรู้ถึงงานเต้นรำที่ดำเนินอยู่รอบๆ พวกเขา
          “ฉันจะปฏิเสธทุกสิ่งที่ลูเซียสเคยสั่งสอนฉันเรื่องพวกเลือดสีโคลนและพวกเลือดบริสุทธิ์จริงๆ หรือ? ฉันอาจมีใจต่อเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์จริงๆ หรือ?” เดรโกถามตัวเองเงียบๆ แทบจะรู้สึกกลัวคำตอบ
          เกรนเจอร์มองไปที่คู่นัดของเธออีกหนแล้วเดินผ่านประตูที่เปิดไว้ ทันทีที่ชายผ้าสีแดงหายลับไป เดรโกได้ทำการตัดสินใจแล้ว
          “เอาล่ะ” เขาพึมพำ “มีแค่ทางเดียวเท่านั้นที่จะรู้ความจริง และมันนานมากแล้วที่ฉันฟัง
ลูเซียส”
          เดรโกเดินข้ามฟลอร์เต้นรำ หลบหลีกคู่เต้นรำทั้งหลายและพุ่งตรงไปที่ประตูออกไปสู่ความหนาวเย็น แต่แล้วเดรโกพบว่ามันไม่หนาวมากอย่างที่คิด ต้องมีการร่ายเวทมนตร์อย่างเห็นได้ชัด คอยทำให้มีอุณหภูมิสบายๆ ที่ข้างนอก เขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อคลุมเลย สายลมอ่อนๆ เย็นสดชื่นพัดมาทำให้ชุดราตรีสีเทาควันบุหรี่ของเขาปลิว แต่ไม่แรงมากพอจะทำให้เขารู้สึกหนาว
          เมื่อปีก่อนเขาละทิ้งงานเต้นรำเพื่อไปสำรวจลานสนามที่ได้รับการประดับตกแต่งกับแพนซี่ พวกเขาทำการสำรวจเยอะแยะแต่ไม่รู้สึกซาบซึ้งอย่างที่เล่าลือเลยสักนิด ถึงกระนั้นลานสนามในปีนี้แตกต่างออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างดูประหนึ่งว่าถูกทำจากน้ำแข็ง สถานที่ที่เคยเป็นสนามหญ้าเปิดโล่ง เวลานี้เป็นเขาวงกตน้ำแข็ง กำแพงหนาเรียงเป็นทางด้วยก้อนน้ำแข็ง เกล็ดหิมะละเอียดกำลังหล่นลงมาจากท้องฟ้ากระจ่างปราศจากเมฆ ในลานโล่งกว้างอีกแห่งเดรโกเห็นภูเขาลูกหนึ่งทำด้วยน้ำแข็ง น้ำเป็นฟองไม่หยุดนิ่งไหลลงจากมันและจับตัวแข็งระหว่างทางที่ตกลงมา หยาดน้ำแข็งเล็กๆ ที่ตกถึงพื้นละลายแทบจะทันที ไม่มีดวงไฟแต่เขาสามารถมองเห็น พื้นที่ทั้งหมดเปล่งแสงวาวด้วยความสว่างใสสีชมพู แต่มันใช่สีชมพูหรือ? เพราะเมื่อ
เดรโกเลี้ยวไปอีกหัวมุมหนึ่งความสว่างเหมือนว่ากลายเป็นสีน้ำเงิน, สีเขียว, และจากนั้นเป็นสีเหลือง ความสว่างนี้ดูเหมือนกำลังไหลออกมาจากตัวน้ำแข็งเอง พร้อมกับสัมผัสด้านหนึ่งของกำแพงอย่างระมัดระวัง;เขาพบว่ามันไม่เย็น
          เวลานี้เขากำลังเดินไปทั่วดินแดนมหัศจรรย์แห่งฤดูหนาวเป็นเวลาพอสมควร และไม่เห็นร่องรอยของเกรนเจอร์ที่ไหนเลย เขาชำเลืองดูคนอื่นๆ หลายคนไม่รู้จักชื่อกำลังยืนแนบชิดกัน บ้างก็สลับกันอยู่ในอ้อมกอดอย่างกระตือรือร้นตามทางเดิน
          เดรโกได้ยินเสียงดนตรีอันไพเราะดังขึ้นกว่าเดิม ถ้าไม่ใช่เขากำลังเข้าใกล้ทางเข้างานเต้นรำก็เป็นพวกเขาเปิดเสียงดนตรีให้ดังขึ้น ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เดรโกนั่งลงบนม้านั่งแกะสลักอย่างวิจิตรตัวหนึ่ง ซึ่งน่าจะเย็นจัดจากที่มองเห็นว่ามันทำด้วยน้ำแข็งแต่ไม่ใช่เลย ความเคลื่อนไหวหนึ่งสะดุดสายตาเขา เขาเงยขึ้นดูผ่านกำแพงน้ำแข็งด้านตรงข้ามเขา  เขาสามารถเห็นรูปร่างรางๆ แต่งกายสีแดง เดรโกลุกขึ้นยืนและเริ่มไปที่ทางเดินอีกครั้งอย่างว่องไว เลี้ยวซ้ายตรงจังหวะที่ใกล้ที่สุด เขาตามรอยไปด้านหลังและไม่นานพบว่าตัวเขาอยู่ในสนามรูปวงกลมเต็มไปด้วยม้านั่งเรียงไปตามกำแพง เกรนเจอร์กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งตัวหนึ่ง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะที่เกล็ดหิมะเล็กๆ พัดปลิวลงมา ผมหยักศกสีน้ำตาลของเธอถูกรวบขึ้นไปครึ่งหนึ่งแค่นั้น;ส่วนที่เหลือปล่อยสยายคลุมไหล่เป็นลอนนุ่มสลวย เกล็ดหิมะกระจายติดอยู่ในปอยผม
          “นายรู้ไหมไม่มีเกล็ดหิมะที่เหมือนกันสักอันเลย แต่ละอันเป็นเจ้าของความมหัศจรรย์ที่แตกต่างกัน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเบา ราวกับว่าเธอช่างห่างไกลจากเขาจริงๆ และไม่ใช่แค่เอื้อมไม่ถึง
          “อันที่จริง” เขาพูดเมื่อนั่งลงอย่างไม่สนใจบนม้านั่งติดกันตัวหนึ่ง “ทั้งหมดที่เธอต้องทำคือใช้เวทมนตร์เกี่ยวกับการขยายและทำมันซ้ำๆ ฉันเคยทำแบบนั้นตลอดเวลาตอนสมัยฉันเป็นเด็ก จริงๆ แล้วคงทำให้พวกมักเกิ้ลอยู่ในความรู้สึกสับสนเมื่อเธออวดเกล็ดหิมะที่เหมือนกันให้พวกเขา...”
          เดรโกพูดเฉื่อยลงไปเมื่อเกรนเจอร์มองมาที่เขาอย่างอ่อนล้า รอยยิ้มหยันถึงเรื่องราวในอดีตที่แสดงอยู่เลือนหายไปจากใบหน้าเขา
          “นายต้องการอะไร มัลฟอย?”
          “ฉัน...ใครบอกว่าฉันต้องการอะไร?” เขาตะคอกใส่เธอ
          เกรนเจอร์มองไปทางอื่นโดยไม่พูดอะไร เดรโกคิดว่าเธอดูตัวเล็กอย่างประหลาดเมื่อนั่งอยู่ตรงนี้ จุดเล็กๆ สีแดงท่ามกลางทุ่งน้ำแข็งสีขาว เดรโกรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ข้างในตัวเขาอ่อนโยนขึ้น
          “ฉันเสียใจเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันพูดคราวก่อน”
          เธอเงยขึ้นมองเขาด้วยความแปลกใจ “ทำไมนายต้องเสียใจ?”
          “ฉันไม่ควรพูดแบบนั้น” เขาชะงักและมองเธออีกครั้ง “และฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นด้วย”
          เวลานี้เธอสบตาเขาและยิ้ม เดรโกรู้สึกถึงรอยยิ้มของเขาคืนกลับมาและถอนหายใจอย่างมีความสุข นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น เขาได้ยินเสียงดนตรีเริ่มดังอีกครั้ง ทำนองเพลงไกลๆ เดินทาง ข้ามผ่านน้ำแข็งมาอย่างช้าๆ  เขายืนขึ้นและหันไปหาเธอพร้อมกับยื่นมือออกไป เธอเงยขึ้นมองเขาอย่างเป็นคำถาม
          “อะไร?”
          เดรโกกลอกลูกตาของเขาใส่เธอก่อนตอบคำถาม “ฉันกำลังขอเธอเต้นรำ เกรนเจอร์?”
          “อะไรนะ?”
          “เต้นรำ เกรนเจอร์ มันคือสิ่งที่ผู้คนทำกันในงานเต้นรำ พวกเขาเต้นรำ” มีความสนุกขบขันเล็กน้อยเล็ดลอดมาในน้ำเสียงเขา
          เธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เขา “นายต้องกำลังล้อเล่น”
          “ฉันเห็นเธอเต้นรำกับโธมัส และฉันคิดว่าอย่างน้อยเธอสมควรได้เต้นรำกับคู่เต้นตัวจริงสักครั้ง ฉันบอกเธอแล้วว่าเขาเก้งก้างเกินไป” เดรโกตอบอย่างมีน้ำอดน้ำทน
          “เขาไม่ได้เก้งก้างนะ” เกรนเจอร์เถียง แต่เดรโกบอกได้ว่าเธอพูดออกมาเพียงเพราะศักดิ์ศรีของกริฟฟินดอร์
          “เกรนเจอร์?” มือของเดรโกยังคงยื่นมาที่เธอ
          จากท่าทางแบบนั้นบอกว่าเธอคิดว่าเรื่องไม่ดีอาจมากับสิ่งนี้ เกรนเจอร์ยกมือขึ้นอย่างระมัดระวังและวางลงในมือเขา เขาพิศวงอยู่ชั่วครู่ว่ามันช่างเล็กบอบบางเหลือเกินเมื่ออยู่ในมือเขา ก่อนกระชับการกุมมือของเขาให้แน่นและดึงเธอให้ลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนโยน
          เกรนเจอร์มองเขาอย่างตึงเครียด เธอวางมือหนึ่งบนไหล่เขาอย่างเคอะเขิน เดรโกยิ้มเยาะกับความกังวลของเธอ แล้วเอาแขนโอบรอบเอวเธอ มือเขาวางพักอยู่ที่แผ่นหลังเธอพร้อมกับการกดเบาๆ อย่างเหมาะสม ดวงตาเธอเบิกกว้างกับการสัมผัสนี้ และเธอดูคล้ายจะบอกเขาให้เอามันออก แต่เขาได้เริ่มเต้นรำและดึงเธอให้ตามไปกับเขาเรียบร้อย
          ความกังวลที่เห็นจากภายนอกของเธอถูกสลัดทิ้งไปแล้ว เกรนเจอร์ปล่อยให้เขาโอบเธอเข้ามาใกล้ขณะพวกเขาเต้นรำ หลังจากนั้นสักพักเธอเหมือนดูเป็นธรรมขาติอย่างเต็มที่ และเขาเห็นว่าเธอกำลังยิ้มเหมือนในความฝันอันแสนไกล นัยน์ตาเธอปิดลงครึ่งหนึ่ง การเคลื่อนไหวเชื่องช้าของเธอตามไปกับเสียงดนตรีที่แว่วมา เธอปล่อยศีรษะพักไว้บนไหล่เขาอย่างนุ่มนวล ขณะที่เสียงดนตรีค่อยๆ ช้าลงจนเป็นการลากเสียง พวกเขาแทบจะไม่ขยับเขยื้อนในเวลานี้ หิมะยังคงปลิวอยู่รอบพวกเขา และความสว่างส่องประกายอย่างนุ่มนวลออกจากน้ำแข็ง แต่เดรโกไม่ได้รับรู้เรื่องนี้เลย เขามองเห็นเพียงแค่เธอเท่านั้น หนึ่งในบรรดาศัตรูของเขาและอาจเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาก็เป็นไปได้ เดรโกคิดว่า ณ ช่องว่างที่งดงามในเวลานี้ มันไม่สำคัญว่าเขาเป็นเลือดบริสุทธิ์คนหนึ่งและเธอเป็นเลือดสีโคลนคนหนึ่ง ไม่สำคัญว่าลูเซียสตามหาเขาอยู่หรือเจ้าแห่งศาสตร์มืดอาจฆ่าพวกเขาทั้งหมดในปีนี้หรือนานกว่านั้น ทั้งหมดสำคัญอยู่ที่เวลานี้ คือผู้หญิงในฝันของเขาคนนี้อยู่ที่นี่ และเขากำลังจะจูบเธอ
          เขาก้มศีรษะลงไปหาเธอ ริมฝีปากเขาเสาะหาริมฝีปากเธอ ต้องการรับรู้การตอบสนองของเธอที่มีต่อเขาอย่างรุนแรง เดรโกหลับตาลงทราบว่าเขาไม่จำเป็นต้องเห็นเพื่อหาเธอ
          “มัลฟอย เกิดอะไรขึ้นกับเรา?” เธอกระซิบอย่างนุ่มนวล
          เดรโกลืมตาขึ้นด้วยความใส่ใจ เกรนเจอร์กำลังมองมาที่เขา คำถามปรากฏอยู่ในสีหน้าเธอ เดรโกรู้สึกว่าช่วงเวลาที่งดงามของเขาได้ลอดผ่านนิ้วมือเขาไปแล้ว และอีกครั้งที่น้ำหนักของความเป็นจริงโถมใส่บนตัวเขา การต้องการเธอเสมือนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขา เขาไม่สามารถเสแสร้งว่ามันไม่ใช่
          “ทำไมเธอเรียกฉันว่ามัลฟอยตลอดเลย?” เขาถาม ปล่อยตัวเธอและก้าวถอยหลัง
          “อะ...อะไรนะ?” เกรนเจอร์มีท่าทางงงๆ
          หัวข้อที่เปลี่ยนปุ๊บปั๊บทำเอาเธอประหลาดใจทีเดียว เดรโกพยายามฉีกยิ้มหยันอย่างเต็มที่
          “เธอเรียกฉันว่ามัลฟอยตลอด และฉันเรียกเธอว่าเกรนเจอร์เสมอเลย ทำไมเป็นอย่างนั้น?"
          “ฉัน...ฉันไม่รู้” เธอกำลังดูตื่นตะลึงมากๆ ในเวลานี้ “เออ...เราคงไม่เคยแนะนำตัวกันอย่างถูกต้องเหมาะสมมั้ง?” เกรนเจอร์ดูเหมือนว่าคว้าประโยคน่าหัวเราะนี้เนื่องจากความสิ้นหวัง
          “จริง เราไม่เคยให้รายละเอียดในการพบกันครั้งแรกของเรา จริงไหม?” เดรโกกำลังรู้สึกว่าตัวเองควบคุมสถานการณ์ได้อีกครั้ง “นั่นแก้ไขได้ง่ายๆ เลย  เดรโก อคิลิส มัลฟอย ยินดีรับใช้" เขาคำนับให้เล็กน้อย
          เกรนเจอร์ท่าทางมึนงง เธออ้าปากแล้วหุบลงหลายครั้ง พยายามคิดหาคำตอบที่หลักแหลม เมื่อไม่พบอะไรเลย เธอเริ่มหน้าแดงนิดหน่อยและมองลงไปที่เท้าของพวกเขาก่อนตอบว่า
          “เฮอร์ไมโอนี่ แอนน์ เกรนเจอร์  และห้ามหัวเราะกับอักษรย่อด้วย”
          เดรโกยิ้ม พวกเขาดูเหมือนเป็นเพื่อนกันในเวลานี้
          “อคิลิส? นั่นไม่ใช่ภาษาละตินหรือ?” เฮอร์ไมโอนี่ถามทันที เรียกความสนใจของเขากลับมา
          “ใช่ มันเป็นภาษาละติน เช่นเดียวกับเดรโก”
          “ฉันรู้ว่าเดรโกน่ะใช่ มันหมายถึงมังกร แต่อคิลิสล่ะ?” คิ้วของเธอชนกันด้วยความตั้งอกตั้งใจ และเริ่มเดินกลับไปกลับมา “อคิลิส...ไม่ได้หมายความว่ามืดดำหรือ?”
          เดรโกฉีกยิ้มกว้างให้เธอ ภูมิใจอย่างประหลาดกับสติปัญญาฉับไวของเธอ แล้วพยักหน้าให้
          “เธอมีชื่อว่า มังกรดำ หรือ?” รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าเธอทันที
          “มันเป็นชื่อหนึ่งของตระกูล!” เดรโกพูดอย่างเคืองๆ
          “มันใช่แน่นอนเลย” เธอเห็นด้วย ขณะพยายามห้ามตัวเองไม่ให้หัวเราะคิกคักอย่างไร้ผล
          “ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเราไม่เคยแนะนำตัวกันอย่างถูกต้อง” เดรโกพูดอย่างอารมณ์เสีย ถึงกระนั้นความโกรธไม่มีอยู่ในแววตาของเขาเลย และเธอก็รู้ด้วย
          “ฉันจะไม่หัวเราะอีก ฉันสัญญา” เธอพยายามละล่ำละลักออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะดังๆ
          เสียงหัวเราะเธออ่อนกำลังลง ในขณะที่เดรโกจ้องเธออย่างไม่เห็นด้วย และอีกครั้งที่เธอดูเหมือนจมอยู่กับความคิด
          “มัล..เดรโก?” เธอเรียกอย่างอ่อนโยน
          เดรโกรู้สึกว่าตัวเขาอยากจะยิ้ม เมื่อเธอเรียกเขาด้วยชื่อของเขา แต่เขาฝืนมันไว้
          “หือ?”
          “ถ้าเธอเป็นพ่อมดคนหนึ่งในศตวรรษที่สิบหก และเธอกำลังบันทึกบางอย่างที่สำคัญมากๆ เธอจะเขียนมันด้วยภาษาอะไร?” เธอกระซิบกระซาบแทบกลั้นหายใจ
          “อึมม์” เดรโกเริ่มพยายามคิด “มันขึ้นอยู่กับว่าเธอเป็นคนที่มีการศึกษาที่ดีหรือไม่ ฉันหมายความว่าสมัยก่อนพ่อมดส่วนใหญ่เขียนหนังสือเป็น แต่พวกที่มีเชาว์ปัญญาดีดูเหมือนชื่นชอบภาษาที่ตายไปแล้วมากกว่าเสมอเลย อย่างเช่น ภาษากรีก หรือ...” เสียงเขาขาดหายไปเมื่อเขาสบตากับเธอ “เธอคงไม่ได้คิดว่า...?”
          “แน่นอนเลย! นั่นอธิบายมัน!” เธอร้องอย่างดีใจ “เขาเขียนหนังสือเหล่านี้เป็นภาษา
ละตินก่อน แล้วแปลพวกมันมาเป็นรหัสตัวเลขมหัศจรรย์!”
          เฮอร์ไมโอนี่กระโดดมาข้างหน้าและเหวี่ยงแขนโอบรอบเดรโก และจูบแก้มเขาอย่างตื่นเต้น ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ เธอก็คว้าแขนเขาแล้วหันหลังพร้อมกับลากเขาตามหลังเธอ เธอเร่งรีบกลับไปที่ทางเดินน้ำแข็ง
          “อะไร? เรากำลังจะไปไหน?” เขาพยายามถาม;ยังคงรู้สึกช็อกกับการแสดงออกอย่างร่าเริงของเธอ
          “ห้องสมุด แน่นอนอยู่แล้ว เราต้องเริ่มต้นการแปลเดี๋ยวนี้!” เธอตอบข้ามไหล่ตัวเองมา
          “แต่ว่า งานเต้นรำล่ะ?”
          “เธอคิดถึงงานเต้นรำในเวลาแบบนี้ได้อย่างไร?” เธอหยุดนิดหนึ่ง และหันมาเผชิญหน้ากับเขา “เรามาถึงปากทางของการค้นพบว่าอะไรที่ถูกบันทึกอยู่ในหนังสือพวกนี้ เธอไม่อยากรู้หรือว่าอะไรที่สำคัญมากๆ ขนาดที่โอ’แลรี่ต้องทำทั้งหมดให้ยุ่งยาก?” เธอปล่อยแขนเขาแล้วจ้องเขม็งมาที่เขา “เธอจะมาหรือไม่มา?”
          เดรโกมองสาวกริฟฟินดอร์ในชุดสีแดงเข้ม;เธอมีท่าทางเหมือนว่าเธออาจจะระเบิดออกมาด้วยความตื่นเต้น และเขาต้องยอมรับว่าเขารู้สึกมันแบบเดียวกันเลย
          “แน่นอน ฉันไป...เฮอร์ไมโอนี่”

TBC

No comments:

Post a Comment