Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 28: A Necessary Alliance

พันธมิตรจำเป็น (A Necessary Alliance)


          เพดานหินหมดความน่าสนใจหลังจากเฝ้าพิจารณามันมาราวๆ หนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ เดรโกทำเสียงคราง;นี่มันงี่เง่า เขารู้ว่ามันเป็นแบบนั้น มัลฟอยไม่มัวเศร้าโศกเกี่ยวกับเรื่องประเภทไข้ใจรักวัยรุ่น  มัลฟอยเอาสิ่งที่พวกเขาต้องการเมื่อพวกเขาอยากได้มัน และพวกเขาจะเอ่ยปากโดยไม่รับข้อโต้แย้ง อย่างไรก็ตามแม้ทราบอยู่ว่า มัลฟอยที่ดีควรจะจัดการกับปัญหาในมือนี้ เดรโกยังต้องลากตัวเองออกจากแผ่นหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือเตียงนอนเขา
          เขารู้ว่าเขาควรไปหาเธอและขอโทษ แต่งเรื่องน่ารักไร้สาระเล็กๆ น้อยๆ ที่ลูเซียสเคยทำให้แม่ของเขามีความสุข อาจจะให้คำสัญญาบางอย่างที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะรักษาแก่เธอ แต่ถ้าหากว่าเขาตั้งใจรักษาสัญญาพวกนั้นล่ะ?  แน่นอนเลย นั่นเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดของเรื่องนี้ เขารู้สึกแย่มากอย่างแท้จริงที่ปล่อยให้แพนซี่จูบเขา เขารู้สึกละอายใจที่ไม่ผลักไสเธอออกไปทันที เดรโกจำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดนั้นเขารู้สึกละอายใจเกี่ยวกับเรื่องอะไร
          เวลานี้มีเพียงสิ่งเดียวที่เหลือให้ทำคือหาสาวน้อยคนนี้ ตามหาเฮอร์ไมโอนี่และทำให้เธอเข้าใจว่าเขารู้สึกเสียใจ บอกเธอว่าเขารู้สึกทุกข์ทรมานเมื่อเธอเกลียดชังเขา บอกเธอว่าเขาคิดถึงเธอ  แต่เดรโกอยากบอกพอตเตอร์ว่าเขาอิจฉาความสามารถเรื่องควิดดิชของพอตเตอร์มากกว่า ก่อนเขาจะบอกเรื่องชวนฝันพวกนั้นกับเฮอร์ไมโอนี่แม้ว่ามันเป็นเรื่องจริง  ไม่เอา วิธีเดียวเท่านั้นในการรับมือกับเรื่องนี้คือ บอกเธอว่าแพนซี่เป็นคนกระโจนใส่เขาเอง และนั่นเป็นเหมือนที่เฮอร์ไมโอนี่ได้พูดไว้ เขาไม่ได้ติดค้างอะไรกับเธอทั้งสิ้น จากนั้นเขาอาจพยายามโยงเรื่องงานโครงการเข้าไปในการสนทนาก็ได้ คุยเกี่ยวกับเรื่องตัวเลขมหัศจรรย์ซึ่งทำให้เธอเกือบอารมณ์ดีเสมอ จากนั้นถ้าเขาทำตัวให้มีเสน่ห์มากพอเป็นไปได้มากว่าเขาสามารถแม้แต่จูบเธอได้ด้วย ตอนนี้เขามีแผนการแล้วและนั่นเป็นเรื่องดี เวลานี้ยังไม่ถึงสองทุ่ม;เขาน่าจะยังพบเธออยู่ในห้องสมุดก็เป็นได้
          เดรโกกระโจนออกจากเตียงนอนและเดินเล่นอย่างสบายใจลงไปที่โถงทางเดินมุ่งสู่ห้องนั่งเล่นรวม เขาไม่ต้องรีบรีบร้อน;เขาสามารถนึกภาพออกได้อย่างง่ายดายว่า เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งอยู่ในห้องของพวกเขา กำลังทำงานในส่วนของเธอและกำลังคอยเขาอยู่ ความคิดนี้นำมาซึ่งรอยยิ้มชอบใจบนใบหน้าเขา เขาเร่งความเร็วอีกนิดและมีความสุขเสมอที่ได้ทำอย่างนั้น
          ประตูเข้าห้องถูกเปิดอ้าไว้เล็กน้อย เดรโกยิ้มอย่างเต็มเปี่ยมด้วยขัยชนะเมื่อเขาผลักมันให้เปิดออก
          “แพนซี่?”
          เด็กสาวสลิธีรินหมุนตัวมา สีหน้าละอายใจปรากฏบนใบหน้าเธอ เธอยัดของบางอย่างลึกเข้าไปในเสื้อคลุมยาวของเธอ และก้าวถอยหลังเกือบสะดุดเข้ากับกองหนังสือ
          “เดรโก...” เธองึมงำ ส่งสายตาเคร่งเครียดไปที่บานประตูข้างหลังเขา
          “เธอมาทำอะไรที่นี่ และเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงของเดรโกเน้นหนักและอันตราย มีบางอย่างเกี่ยวกับประกายดื้อดึงไม่รับฟังในแววตาเธอซึ่งเขาไม่ชอบ มีบางอย่างคล้ายคลึงกับการยินดีในชัยชนะบนสีหน้าเธอ
          “บางทีหล่อนออกไปเดินเล่นมั้ง?” น้ำเสียงของแพนซี่สม่ำเสมอ แต่เดรโกสามารถได้ยินความกังวลใจภายใต้มัน
          “เธอกำลังใส่อะไรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเธอ?” เดรโกคิดว่าบางทีเธอกำลังขโมยงานของพวกเขา
          “”ไม่มี” แพนซี่ตอบ ขณะที่ซุกมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและกำมือแน่น
          เดรโกก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วคว้าแขนของเธอ แพนซี่ขัดขืนแต่เดรโกซึ่งตัวใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่า เยื้อยุดกับเธอย่างง่ายดายไปที่โต๊ะซึ่งเขาบังคับเธอให้ติดกับมันไว้ มือทั้งสองของเขาพยายามเข้าไปใกล้ปากประเป๋าเสื้อของเธอ
          “สิ่งนี้นำกลับไปสู่ความทรงจำต่างๆ ไม่ใช่หรือไง เดรโก?” ราวกับต้องการเน้นความสำคัญเกี่ยวกับประเด็นของเธอ แพนซี่ดันตัวเธอกลับมาอิงแอบแนบเขา
          แต่ว่ามือของเดรโกสัมผัสแผ่นกระดาษชิ้นหนึ่ง เขาดึงมันออกมาแล้วผลักเธอออกไป “หุบปากซะ แพนซี่” เขาบอกขณะที่คลี่จดหมาย
          แพนซี่อยู่นิ่งตรงที่เธอยืนและเฝ้าดูขณะที่เขาเริ่มอ่านจดหมาย เขารู้ว่ามันมาจาก
ลูเซียสอย่างแน่นอน ทว่าเขาไม่เข้าใจ เขาไม่เคยมีแผนการจะพบลูเซียสที่ฮอกส์มี้ด   เดรโกอ่านจดหมายอีกครั้งด้วยความสับสน  เขาหันตรงมาที่แพนซี่ เธอก้าวถอยหลังเดินสะดุดข้ามกระเป๋าหนังสือที่ถูกทิ้งไว้อย่างไม่สนใจใยดีบนทางเดิน เดรโกมองมันอยู่ครู่หนึ่ง สติปัญญาของเขาใช้เวลาสักพักในการะปะติดปะต่อชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน แล้วตระหนักว่าทั้งหมดนี้หมายความว่าอะไร
          แพนซี่เริ่มค่อยๆ ขยับไปที่ประตูแต่เดรโกคว้าเธอเอาไว้อีกครั้ง และกระชากเธอให้ออกห่างจากมัน เขาผลักเธอไปชนกำแพงอย่างแรง เธอร้องด้วยความเจ็บปวด
          “หล่อนอยู่ที่ไหน?” เขาแผดเสียง ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าแพนซี่แค่ไม่กี่นิ้ว
          “ฉันไม่รู้” แพนซี่ตอบกลับอย่างอาจหาญ
          “เธอหลอกหล่อน เธอช่วยเขามาตั้งแต่ต้น เป็นสายลับ แม่ฉันไม่ได้แม้แต่ป่วยเลยใช่ไหม?” เดรโกผลักเธออีกครั้งแรงกว่าเดิม ความกล้าหาญของแพนซี่เริ่มลดลง
          “ไม่ แม่เธอไม่ได้ป่วย” เธอร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อเขาผลักเธออีกครั้ง “แต่พ่อเธอไม่รู้เรื่องอื่นๆ ที่ทำ  เธอตัดขาดจากครอบครัวของเธออย่างสิ้นเชิง หันหลังให้กับพวกเขา  เขารู้สึกผิดหวัง”
          “หล่อนอยู่ที่ไหน?” เดรโกรู้สึกว่าความอดทนของเขาหมดลง ขณะที่คลื่นความกลัวแพร่กระจายไปทั่วร่างเขา
          “ที่...ที่ฮอกส์มี้ด  ลูเซียสต้องการพูดกับหล่อน ทำให้หล่อนเชื่อว่าจะอยู่ห่างจากเธอ” แพนซี่ตัวสั่น
             “เธอมันผู้หญิงโง่เง่า” เดรโกปล่อยตัวเธอ;มือทั้งสองของเขากำลังเริ่มสั่น “เขาจะฆ่าหล่อน”
          เดรโกปล่อยแพนซี่ไว้ตรงนั้น;เขาไม่มีเวลามากังวลเกี่ยวกับเธอ เขาควรมุ่งอยู่กับเรื่องเดียวเท่านั้น กำลังหวังว่าเขาจะพบเฮอร์ไมโอนี่ก่อนลูเซียส เขาต้องรีบแล้ว
          เดรโกเพิ่งมาถึงประตูทางเข้าที่จะนำเขาไปยังข้างนอกท่ามกลางแสงขมุกขมัว เมื่อเสียงหนึ่งร้องตะโกนตามหลังเขาแต่เขาไม่หยุด ขณะที่เขากระชากประตูให้เปิดและเริ่มกระโจนออกไปสู่ยามค่ำคืน อย่างไรก็ตามเขาถูกยับยั้งไว้เมื่อมือหนักๆ มือหนึ่งวางลงบนบ่าเขา เขาถูกกระชากมาข้างหลังผ่านประตูแล้วเซล้มลงบนพื้นห้อง พิล์ชกำลังมองมาที่เขาอย่างชั่วร้าย และศาสตราจารย์มักกอนนากัลกำลังรีบร้อนมาพบพวกเขา
          “มิสเตอร์มัลฟอย เธอคิดว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน?” เสียงของศาสตราจารย์เฉียบขาด
          “ศาสตราจารย์ครับ  เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ อยู่ที่ฮอกส์มี้ด”
          “เหลวไหล” หญิงผู้น่าเกรงขามขัดขึ้น “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เป็นนักเรียนตัวอย่างคนหนึ่งผู้ซึ่งกำลังดูตำรับตำราอยู่ข้างบนในห้องนอนของหล่อน ในขณะที่เธอพูดอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้”
          “ไม่ใช่ คุณไม่เข้าใจ! หล่อนอยู่ที่นั่น และหล่อนอยู่ใน...” เขากำลังจะพูดว่าอันตรายเมื่อเขาตระหนักทันทีว่าตัวเองไม่สามารถพูดอะไรได้
          ศาสตราจารย์มักกอนนากัลลดไม้กายสิทธิ์ของเธอลงและถลึงตาใส่เดรโก “ไม่ต้องพูดอีกแล้ว มิสเตอร์มัลฟอย! เธอใช้ชีวิตทั้งหมดของเธอที่โรงเรียนนี้หมดไปกับการพยายามก่อความวุ่นวายให้กับเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ และพวกเพื่อนๆ ของหล่อน”
          เดรโกจ้องไปที่ศาสตราจารย์ด้วยความช็อก และพยายามอีกหนเพื่อพูดบางอย่างแต่มันรู้สึกราวกับว่าน้ำหนักมหาศาลถูกวางทับอยู่เหนือลิ้นของเขา  เขาโถมตัวไปที่ประตูทันทีแต่
ฟิล์ชคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้วและกระแทกเขากลับลงไปที่พื้นห้อง
          “มิสเตอร์มัลฟอย” มักกอนนากัลพูดพร้อมกับถอนหายหายใจ “เวทมนตร์นี้จะคลายลงในสองสามนาที และเธอควรกลับไปที่ห้องนอนของเธอซะ ไปได้แล้ว!”
          เดรโกมองอาจารย์ของเขาอย่างเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ก่อนหันหลังและเดินไปยังบันไดซึ่งนำทางไปที่คุกใต้ดิน อย่างไรก็ตามเขาไม่มีความตั้งใจจะไปยังห้องของเขา  เขาจำ-
เป็นต้องหาหนทางบางอย่างเพื่อไปฮอกส์มี้ดให้ได้
          เขาเริ่มเดินลงบันไดและจมอยู่กับความคิด มันต้องมีบางอย่าง เขาต้องคิดให้ได้ เดรโกหยุดลงทันที “พอตเตอร์” เขากระซิบออกมาดังๆ  จากนั้นหันหลังและเผ่นกลับขึ้นบันไดไป ศาสตราจารย์มักกอนนากัลยังคงยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นของห้องโถงใหญ่และกำลังพูดคุยกับฟิล์ช เธอตะโกนเรียกตามหลังเดรโกเมื่อเขาเริ่มเดินขึ้นบันไดถัดไป
          “มิสเตอร์มัลฟอย! ตอนนี้เธอคิดว่าเธอกำลังจะไปที่ไหนบนโลกนี้อีกหา?”
          ถึงกระนั้นเดรโกไม่ยอมหยุดวิ่ง ไม่จนกว่าเขาได้ขึ้นชั้นบันไดหลายทอด และผ่านเฉลียงยาวสองเฉลียงไปแล้ว เขาไม่หยุดจนกระทั่งเขามาถึงรูปภาพเหมือนที่เขาได้เห็นเฮอร์ไมโอนี่รอดผ่านเข้าไปมากกว่าหนึ่งครั้ง
          “ให้ฉันเข้าไป” เขาออกคำสั่งกับรูปภาพเหมือน
          “รหัสผ่าน!” หญิงสาวร้องตะโกนอย่างร่าเริง คล้ายกับว่าเธอทราบอยู่แล้วว่าเขาไม่มี
          “ฉันไม่มีรหัสผ่าน! แต่ฉันจำเป็นต้องเข้าไป! ให้ฉันเข้าไป!” เขาตะโกนใส่รูปภาพเหมือน
          หญิงสาวในชุดกระโปรงสีชมพูทำหน้านิ่วใส่เขา “ฉันไม่สามารถให้เธอเขาไปได้โดยไม่บอกรหัสผ่านมาก่อน”
          “ฉันไม่สนใจเรื่องรหัสผ่านของแกหรอก!” เดรโกชกกำปั้นเข้าใส่รูปภาพเหมือน “ปล่อยฉันเข้าไปซิ!”
          มีเสียงอ้าปากหายใจหอบด้านหลังเขา เดรโกหมุนตัวไปเห็นเนวิลล์ ลองบัตท่อม กำลังยืนอยู่ที่สุดปลายโถงทางเดินที่ตรงมายังรูปภาพเหมือน ใบหน้าเขาซีดขาวและเขาก้าวเท้าสั่นๆ ถอยไปข้างหลัง
          เดรโกพุ่งไปข้างหน้าและคว้าลองบัตท่อมก่อนที่เขาจะหลบลอดไปได้
          “เปิดมัน!” เขาสั่ง
          “มะ...ไม่...” ลองบัตท่อมร้องครางเมื่อเดรโกบิดแขนของเขาไปด้านหลัง
          “ฉันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้นะ ลองบัตท่อม เปิดไอ้ประตูเฮงซวยนี่ซะ!” เดรโกตะคอก พยายามอย่างยิ่งไม่คิดถึงภาพเฮอร์ไมโอนี่ในฮอกส์มี้ด เฮอร์ไมโอนี่กับลูเซียส
          “กระดุมบัตเตอร์สก๊อต” ลองบัตท่อมร้องตะโกนออกมา เมื่อเดรโกบิดแขนของเขาไปด้านหลังมากขึ้นกว่าเดิมอีก
          รูปภาพเหมือนเหวี่ยงไปด้านหลังเปิดเผยห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์ เดรโกไม่แม้แต่หยุดชะงักเพื่อสำรวจสถานที่ใหม่แห่งนี้ ซึ่งเขาไม่เคยจินตนาการสักครั้งเลยในชีวิตว่าเขาจะมา เขาเดินเข้าไปและยืนอยู่ตรงกลางของห้องกลม ผู้คนกำลังผุดลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจ เสียงร้องตะโกนเดือดดาลกำลังเริ่มดังเพิ่มมากขึ้น
          “พอตเตอร์ อยู่ที่ไหน?” เขาคำราม น้ำเสียงแหบต่ำของเขาแทรกผ่านเสียงอื้ออึง “แฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ที่ไหน?” เขาตะโกนเมื่อไม่มีใครตอบคำถามของเขา
          “นายช่างมีความกล้ามากเลยนะ มัลฟอย”
          เดรโกหมุนตัวและมองขึ้นไป;ที่นั่นบนทางซุ้มประตูโค้งซึ่งมองลงมาที่ห้องนั่งเล่นรวมคือพอตเตอร์กับวีสลี่ย์
          “นายไปที่ฮอกส์มี้ดได้อย่างไร?” เดรโกถามอย่างรวดเร็วพร้อมกับเดินตรงไปหาพวกเขา
          “นายคิดว่านายเพิ่งมาเดินพาเหรดในนี้หรือไง?” พอตเตอร์เสียงดังด้วยความโมโห
          “ฟังนะ พอตเตอร์ ฉันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้ บอกฉันว่านายไปที่ฮอกส์มี้ดได้อย่างไรตอนอยู่ชั้นปีที่สาม!” เดรโกตะโกนใส่เขา ถึงแม้ว่าสิ่งนี้ไม่จำเป็นเลยเพราะว่าห้องนั่งเล่นรวมได้เงียบเหมือนตายไปแล้ว
          พอตเตอร์มีท่าทางตกใจ “นายกำลังจะพูดอะไร?”
          “พอตเตอร์ ฉันสาบานว่าฉันจะทุบนายให้ตายไปเลย ถ้านายไม่บอกฉันมาว่านายแอบลักลอบเข้าไปในฮอกส์มี้ดได้อย่างไร!”
          พอตเตอร์ชำเลืองไปที่เพื่อนผมแดงของเขาแล้วย้อนกลับมาที่เดรโก  เขาไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
          “พอตเตอร์!” เดรโกร้อง “ฉันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้ เธอไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้!”
          พอตเตอร์และวีสลี่ย์ทั้งคู่หน้าซีดกับคำพูดนี้ แล้วพวกเขาก็หายตัวกันไปตรงสุดทางเดินเพียงเพื่อมาปรากฏตัวใหม่ตรงข้ามกับเดรโกที่ตีนบันได พวกเขารุดมาที่เดรโกและคว้าไหล่ของเขาแล้วลากเขาอย่างหยาบคายกลับผ่านช่องรูปภาพเหมือนออกไป ทันทีที่รูปภาพเหวี่ยงปิดตามหลังพวกเขา บดบังสีหน้าสนอกสนใจของกริฟฟินดอร์คนอื่นๆ พอตเตอร์ผลักเดรโกไปชนติดกับกำแพง
          “นายหมายถึงอะไร เธอ?” พอตเตอร์พูดอย่างระงับอารมณ์
          เดรโกมองนิ่งไปที่พอตเตอร์ ไม่อยากยอมรับอะไรทั้งสิ้นกับเขา
          “เฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่ไหน?” วีสลี่ย์ถามเขาอย่างเย็นชา
          “ในฮอกส์มี้ด แพนซี่กับพ่อของฉันหลอกเธอ” เดรโกพบว่าต้องบอกพวกเขาเพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ของเธอ
          “โอ้ ใช่แล้ว แน่นอนว่าเป็นหล่อน” วีสลี่ย์พูด ทำเสียงค่อนข้างโล่งอกประหนึ่งว่าสิ่งที่
เดรโกกำลังบอกอยู่นั้นเป็นไปไม่ได้ “อย่างกับยายสลิธีรินงี่เง่าสามารถหลอกเฮอร์ไมโอนี่ได้
และถึงแม้ว่าหล่อนทำได้ เฮอร์ไมโอนี่ก็จะไม่มีทางแอบออกไปจากบริเวณ...” เสียงของวีสลี่ย์
ช้าลงๆ และมองไปที่พอตเตอร์  สองคนนี้แลกเปลี่ยนการมองที่มีความนัยสำคัญ
          “และฉันคิดว่าสลิธีรินเป็นบ้านสำหรับพวกชอบแหกกฎระเบียบ” เดรโกงึมงำ
          “อยู่ที่นี่กับเจ้าทุเรศนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมา” พอตเตอร์บอกวีสลี่ย์
          “เฮ้!” เดรโกโวยใส่เขา “อย่างน้อยนายน่าจะหาชื่อใหม่มาเรียกฉันนะ”
          “ได้สิ ขอโทษนะ รอน นายอยู่ที่นี่กับเจ้าน่ารังเกียจ และฉันจะกลับมาทันที”
          เดรโกถลึงตาใส่พวกเขาทั้งคู่ พอตเตอร์ย้อนกลับไปลอดผ่านช่องรูปภาพเหมือน ปล่อยรอนกับเดรโกไว้ซึ่งเริ่มเดินไปเดินมาอย่างหมดความอดทน พอตเตอร์หายไปแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เมื่อเขาโผล่กลับออกมาจากด้านหลังรูปภาพเหมือน และที่กำแน่นอยู่ในมือของเขาคือม้วนแผ่นกระดาษเก่าๆ
          “เขาพูดถูก เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลยในโรงเรียน” พอตเตอร์มองเขม็งมาที่รอนก่อนพูดต่อว่า “แต่เธอทิ้ง” เขามองอย่างมีความหมายกับเพื่อนเขาอีกหน “ เออ นายรู้ว่าเธอทิ้งอะไรไว้”
          “โอ้ นรกเอ๋ย พอตเตอร์! ฉันรู้เรื่องผ้าคลุมล่องหน” พอตเตอร์และวีสลี่ย์มองมาที่เขาด้วยความแปลกใจ “สิ่งที่ฉันต้องการรู้คือนายแอบเข้าไปในฮอกส์มี้ดได้อย่างไร”
          “อย่างกับว่าเราจะบอกนายนี่!” วีสลี่ย์ตวาดใส่
          “ฉันอยากช่วยชีวิตเธอ” เดรโกบอก พยายามพูดอย่างสุขุม
          “ไม่ต้องกังวลกับมันหรอก” พอตเตอร์พูดอย่างเยือกเย็น “เราจะไปรับเธอ”
          เดรโกหัวเราะอย่างร้ายกาจ “นายไม่แม้แต่รู้ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน”
          “ยังไงซะเราจะไม่ไว้ใจนายให้ไปช่วยชีวิตเธออย่างแน่นอน” พอตเตอร์บอกเขาอย่างดื้อดึง
          “ฉันขอโทษนะ พอตเตอร์ ฉันลืมไปว่านายชำนาญเหลือเกินเกี่ยวกับการช่วยชีวิตผู้คน ตลกจัง แต่ฉันไม่คิดว่าเซดริค ดิกกอรี่ จะเห็นด้วยกับนายหรอกนะ” มันเป็นการโจมตีที่ต่ำช้า แม้แต่เดรโกก็ต้องยอมรับ
          ใบหน้าพอตเตอร์เปลี่ยนเป็นสีเทาหลายเฉดสีก่อนกลายเป็นซีดเผือดอย่างมาก เดรโกไม่แม้แต่เห็นกำปั้นของเขาลอยมาจนกระทั่งพอตเตอร์ชกตรงเข้าที่กรามของเขา เดรโกเซถลาไปด้านหลังและล้มลงอย่างแรง รสชาติของเลือดอยู่ภายในปากเขา พอตเตอร์มีท่าทางค่อนข้างงุนงงกับการกระทำของตนเอง
          “สมควรแล้ว” เดรโกพูดพร้อมกับลูบแก้มที่บวมขึ้นอย่างรวดเร็ว “เนื่องจากเราได้โต้เถียงไร้สาระไม่เข้าท่าเสร็จแล้ว  เราจะไปกันได้หรือยัง?”
          พอตเตอร์และวีสลี่ย์ต่างมองกันและกัน จากนั้นพอตเตอร์เดินไปทางเดรโกและยื่นมือของเขาออกมา เดรโกมองมันด้วยอะไรบางอย่างระหว่างความขยะแขยงกับอาการตื่นตระหนก สุดท้ายเขาก็ยอมรับการสงบศึกที่เสนอมาให้และลุกขึ้นยืน พอตเตอร์เหลือบมองแผ่นกระดาษที่เขาถือ และพยักหน้าให้วีสลี่ย์ผู้เริ่มออกเดินลงไปตามโถงทางเดิน เดรโกเพ่งมองอย่างอยากรู้ข้ามหัวไหล่พอตเตอร์ เห็นบางอย่างซึ่งดูคล้ายแผนที่ของโรงเรียนพร้อมกับจุดเล็กๆ หลายจุดที่กำลังเคลื่อนไหว
          “นั่นคืออะไร?” เขาถาม แต่พอตเตอร์พับมันกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็วและถลึงตาใส่เดรโก
          “ไม่ใช่เรื่องที่นายจำเป็นต้องรู้หรอก มัลฟอย” วีสลี่ย์บ่นอู้อี้
          พอตเตอร์ดึงผ้าคลุมล่องหนของเขาออกมาจากกระเป๋าและกางมันออก เดรโกต้องยอมรับว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงามอย่างแท้จริง
          วีสลี่ย์มาสมทบกับพอตเตอร์ข้างใต้มันแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็หายวับไป มีการแลกเปลี่ยนกันดุเดือดซึ่งถูกทำด้วยเสียงกระซิบ จากนั้นมือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่ของเดรโกแล้วเขาก็ถูกดึงลงมาและอยู่ข้างใต้ผ้าคลุมล่องหน เขาเบียดเสียดเข้ากับพอตเตอร์และวีสลี่ย์;พวกเขาชิดติดกันอย่างระมัดระวัง
          “มาตกลงกัน” วีสลี่ย์พูด ใบหน้าเขาแดงก่ำ “ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
          “ตกลง”  เดรโกและพอตเตอร์พูดโดยพร้อมเพรียงกัน
          “นายรู้ไหม” เดรโกระซิบ เมื่อพวกเขาหยุดเพื่อให้นักเรียนสองสามคนเคลื่อนผ่านพวกเขาไปตรงโถงทางเดินแคบๆ “เราไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าคลุมเลยจริงๆ นะ เพราะว่าตอนนี้มันก่อนกำหนดเวลาห้ามออกนอกห้อง”
          “นายพูดถูก  เพราะว่าเราคงจะไม่มองดูการเดินเล่นที่น่าประหลาดพิกลไปตามระเบียงพร้อมกับนายหรอกนะ” พอตเตอร์ตอบอย่างประชดประชัน
          พวกเขามาหยุดพักทันทีตรงข้างหน้ารูปปั้นพ่อมดตาเดียว เดรโกจับตาดูมันอย่างสงสัย พอตเตอร์มองมาที่เขาและเดรโกทราบเรื่องนั้น มันต้องมีราคาสูงมากสำหรับพวกเขาที่ต้องยอมเสียความลับมากมายเหลือเกิน
          “ดูแผนที่” พอตเตอร์พูด เดรโกเฝ้ามองขณะที่วีสลี่ย์ศึกษาแผ่นกระดาษเก่าๆ ซีดจาง
          พอตเตอร์เปิดเผยหน้าตาความลับข้างใต้ผ้าคลุมแล้วขยับไม้กายสิทธิ์ของเขา  เขาจิ้มใส่พ่อมดตาเดียว เหลือบมองกลับมาตรงเดรโกที่กำลังมองมาเหมือนไม่เคยเห็น จากนั้นชะโงกเข้าไปใกล้รูปปั้นและกระซิบใส่มัน เกิดมีเสียงดังแกรกๆ เมื่อรูปปั้นขยับเคลื่อนไหว กำลังเผยให้เห็นช่องมืดอันหนึ่ง
          วีสลี่ย์พับแผนที่ขึ้นแล้วยัดมันลงในกระเป๋าเสื้อของเขา เดรโกดึงผ้าคลุมออกจากพวกเขาและยื่นมันให้พอตเตอร์
          “เราควรจะรีบหน่อยดีกว่า” พอตเตอร์พูดเบาๆ  เด็กหนุ่มทั้งสามคนเบียดกันเข้าไปในอุโมงค์ รูปปั้นพ่อมดเคลื่อนปิดลงด้านหลังพวกเขา
          พวกเขากำลังเดินไปซึ่งดูเหมือนนานหลายชั่วโมง แต่เดรโกรู้ว่าจริงๆ แล้วนั้นแค่ประมาณสิบห้าที เขาเหลือบมองนาฬิกา มันเกือบจะสองทุ่ม เกือบจะเป็นเวลาที่เธอไปอยู่ที่นั่น เขาปล่อยให้ตัวเองหวังว่าเธออาจจะไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหน แต่เฮอร์ไมโอนี่ฉลาดมากๆ  สุดท้าย
เดรโกก็สลัดความคิดนั้นออกไป เธอจะต้องคิดมันออกจนได้ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง
          พอตเตอร์เดินอยู่ข้างหน้าเขา ปลายไม้กายสิทธิ์ของเขากำลังส่องแสงสว่างจ้า วีสลี่ย์เดินตามมาข้างหลังเขาปิดท้ายขบวน หัวแดงขึ้นเกือบเป็นสองเท่า เพดานอุโมงค์โค้งต่ำเหลือเกินอยู่เหนือศีรษะพวกเขา
          “อย่างไรก็ตาม ลูเซียสต้องการอะไรจากเฮอร์ไมโอนี่?” วีสลี่ย์บ่นพึมอย่างเดือดดาล
          “ให้ฉันเดานะ เธอเป็นหนึ่งในบรรดาเพื่อนที่ดีที่สุดของพอตเตอร์  เธอได้ช่วยเหลือหยุดยั้งแผนการของเจ้าแห่งศาสตร์มืดหลายครั้ง เธอเป็นเด็กมักเกิ้ลคนหนึ่ง  และโอ้ ใช่เลย
ลูกชายและทายาทคนเดียวของเขาได้ข้องเกี่ยวพัวพันกับเธอ นายพูดถูกนะ ไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายเธอเลย ไม่รู้ว่าลูเซียสกำลังคิดอะไรอยู่” เดรโกตอบอย่างเผ็ดร้อน เขาไม่รู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่อดทนกับเพื่อนๆ ปัญญาทึบพวกนี้ได้อย่างไร
          “ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ...” เสียงพอตเตอร์ขาดหายไป ไม่อยากเปิดเผยความกลัวของเขา
          “ฉันรู้” เสียงของเดรโกแผ่วเบา คำพูดกระทบกระเทียบของเขาเมื่อครู่ก่อนหายไปจากปากเขา “ฉันรู้”
          และเขาควรรู้ดี มันเป็นความผิดของเขาที่เธอไปที่นั่น เธอต้องไปเพื่อยับยั้งเขา เพื่อช่วยชีวิตเขา ทำไมเธอต้องเป็นคนดีเหลือกเกิน เธอเพียงแค่ปล่อยเขาไปซะและทำให้ตัวเองถูกฆ่าตายถ้าหากเขาต้องการไม่ได้หรือไง? เธอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นได้ไหม? เดรโกรู้สึกคลื่นไส้ มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด
          “เราเกือบถึงที่นั่นแล้ว” พอตเตอร์ร้องข้ามไหล่ของเขามา
          “นายรู้จริงๆ หรือว่าไปที่ไหน?” วีสลี่ย์ถามเขา ความรู้สึกไม่วางใจเจืออยู่ในน้ำเสียงเขา
          เดรโกตัดสินใจว่าเขาจะไม่ยอมรับคำถามนี้ด้วยคำตอบ อันที่จริงถ้าวีสลี่ย์เชื่อว่าเดรโกเจตนาทำให้เฮอร์ไมโอนี่ตกอยู่ในอันตราย เขาคิดว่ากริฟฟินดอร์สองคนนี้น่าจะทิ้งเขาลงไปนอนกองเดี๋ยวนี้และไปต่อโดยไม่มีเขา
          เดรโกกัมหัวหลบเพื่อเลี่ยงการเอาศีรษะไปชนเข้ากับส่วนที่โผล่ออกมาจากพื้นหินต่ำเป็นพิเศษ;มีเสียงสบถงึมงำด้านหลังเขาเมื่อวีสลี่ย์ไม่ได้เห็นมันอย่างแน่นอน  เดรโกกำลังเริ่มพิศวงกับความเด็ดเดี่ยวของกริฟฟินดอร์พวกนี้ พวกเขากล้าหาญจริงๆ  คนโง่เขลา ใช่แล้วแต่ความกล้าหาญนี้ช่างน่าประหลาดใจ เฮอร์ไมโอนี่กระโจนเข้าใส่อันตรายที่ปรากฏด้วยความเชื่อว่าเธอต้องช่วยชีวิตเขา และเวลานี้เพื่อนที่ดีที่สุดสองคนของเธอกำลังเต็มใจติดตามหนึ่งในบรรดาศัตรูที่เกลียดชังที่สุดของพวกเขา เข้าสู่การต่อสู้เพื่อนำเธอกลับคืนมา เดรโกพบว่าเขาไม่สามารถส่งพวกเขาไปโดยไม่มีการเตรียมตัว
          “มีคาถาบทหนึ่งที่พวกนายทั้งคู่จำเป็นต้องรู้”
          วีสลี่ย์ทำเสียงขึ้นจมูกดูถูก แต่ว่าพอตเตอร์ชะงักเพื่อมองกลับมาที่เดรโก
          “เราพบมัน เฮอร์ไมโอนี่กับฉัน ในกองหนังสือที่พวกเรากำลังศึกษาสำหรับโครงการวิชาตัวเลขมหัศจรรย์” เดรโกเกลียดการเล่าเรื่องนี้ให้กับพวกเขา เขาเกลียดการแบ่งปันบางสิ่งบางอย่างในช่วงเวลาของเขาและเฮอร์ไมโอนี่ให้กับพวกเขา เขาเกลียดการแบ่งปันมันให้กับใครบางคน
          “เฮอ มันทำให้รู้สึกสบายใจที่รู้ว่าพวกนายทั้งสองคนกำลังทำงานบางอย่างจริงๆ” วีสลี่ย์บ่นอย่างคลุมเครือ
          “นายคิดว่าฉันเป็นพ่อมดประเภทไหนกัน วีสลี่ย์?” เดรโกตะคอกกลับใส่เขา
          วีสลี่ย์เปิดปากจะบอกเขาถึงสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับสลิธีรินผู้นี้ เมื่อพอตเตอร์ขัดจังหวะเขาซะก่อน
          “คาถาประเภทไหน มัลฟอย?”
          “หวังอย่างยิ่งว่าเป็นประเภทที่จะช่วยให้พวกเรามีชีวิตรอดนานพอจะช่วยเฮอร์ไมโอนี่ให้พ้นภัยได้”


TBC

No comments:

Post a Comment