Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

13 The decision 8



มัลฟอยเดินกระแทกส้นเท้าด้วยความหงุดหงิดกลับมาที่ห้อง เขาอาละวาดฟาดหัวฟาดหางใส่หมอน ที่นอนและข้าวของ
จนหมดแรงก็ทิ้งตัวลงนอนหอบมองเพดานเตียงสี่เสาของตัวเองอย่างขุ่นเคือง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้ทุเรศที่ทำเป็นแต่
เรื่องเฮงซวยและไม่ได้ฉลาดไปกว่าเจ้าลองบัตท่อมที่เขาดูถูกนักหนาเลยสักนิด

ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างอ้วน ๆ ของแครบกับกอยล์เดินเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิดตามตัวเปื้อนฝุ่นและโคลนเต็มไปหมด
 แต่เมื่อพวกเขาเห็นสภาพเละเทะภายในห้องก็ตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น มีขโมยเข้ามาค้นของเหรอ” กอยล์รีบถาม
“ฉันทำเอง มีปัญหาอะไร!” มัลฟอยหันไปตวาดใส่
“เปล่า” ทั้งสองประสานเสียงกัน

“พวกแกไปไหนกันมา” มัลฟอยหยัดตัวลุกขึ้น เขาทำหน้ารังเกียจเมื่อเห็นเท้าที่เหนียวเหนอะหนะของแครบซึ่งดูเหมือนว่า
เจ้าตัวจะเหยียบลงไปบนฟักทองเน่ามา
“กระท่อมของเจ้ายักษ์แฮกริดน่ะ” กอยล์ตอบ

“นี่พวกแกอดอยากขนาดต้องไปขโมยฟักทองไอ้ยักษ์งี่เง่านั่นเลยเรอะ” มัลฟอยพูดอย่างโมโหแกมสมเพช
“เราตั้งใจจะไปวางยาแปลงผักต่างหาก แต่ไม่รู้ว่ามันหาหมาป่าที่ไหนมาเฝ้าบ้านก็ไม่รู้” แครบถอดรองเท้าข้างที่เปื้อนออกพลาง
ทำหน้าเบ้ ส่วนกอยล์ก็ปัดฝุ่นออกจากเสื้อคลุมและมองแครบด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ - - เมื่อสักครู่ที่วิ่งล้มลุกคลุกคลานอย่าง
ไม่คิดชีวิตมาด้วยกัน ยังนึกเคืองที่อีกฝ่ายวิ่งนำหน้าไปหน้าตาเฉย

“หมาป่า” มัลฟอยขมวดคิ้วแล้วพูด
“ไอ้เขี้ยวหมาขี้เกียจของเจ้านั่นมากกว่า”

“ไม่ใช่ไอ้เขี้ยวแน่ หมานั่นมันหน้าตาน่าเกลียดจะตาย” กอยล์ว่า 
ประโยคนั้นสะดุดใจอีกฝ่ายเข้า

“หมาป่าสีน้ำตาลรึเปล่า” มัลฟอยถามด้วยเสียงที่แข็งขึ้นกว่าเดิม แครบกับกอยล์มองหน้ากัน
“เราเห็นไม่ชัดเท่าไหร่แต่คิดว่าคง...ใช่มั้ง”

มัลฟอยลุกจากที่นอน เขาเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจแครบกับกอยล์ที่ตะโกนถามเขาว่าจะไปไหน เด็กชายออก
จากปราสาทเดินดิ่งไปยังกระท่อมแฮกริด - - ถ้าเดาไม่ผิดคนที่เขาเกลียดคงมาที่โรงเรียนอีกแน่ ๆ 

เมื่อถึงหน้ากระท่อมมัลฟอยก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วกระชากประตูเปิดออก เสี้ยววินาทีหมาป่าขนสีน้ำตาลก็กระ
โจนพรวดมาจากในบ้านกระแทกเข้ากับร่างของเขาอย่างจัง มัลฟอยหงายหลังล้มลงบนพื้นหินโดยอีกฝ่ายคร่อมสี่ขาอยู่บนตัว
 หมาป่าชะงักกึกเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใคร 
มัลฟอยมองมันด้วยสีหน้าเย็นชา

“เดี๋ยวนี้รับจ้างเฝ้าบ้านรึไง” เขาพูดอย่างหยัน ๆ ไม่ได้มีท่าทีว่ากำลังเสียเปรียบอยู่เลยสักนิด
ยาช่าก้มมองไปที่อกของตัวเอง เขาเห็นปลายไม้กายสิทธิ์ของอีกฝ่ายชี้มา นับว่าเขาไวพอสมควร - - จะเล่นงานมัลฟอย
ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย หมาป่าเดินลงจากตัวเขาแล้วกลับร่างเป็นเด็กชาย มัลฟอยเก็บไม้กายสิทธิ์เข้าไปในเสื้อ

“คุณมาขโมยฟักทองกับเขาด้วยเหรอ” ยาช่าถาม
“นายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” มัลฟอยไม่สนใจจะตอบ

“ก็ตั้งแต่พวกคุณเปิดเทอม จะเข้ามาข้างในไหมฮะ”
“ไม่” เด็กชายผมบลอนด์พูดอย่างเหยียดหยาม

ทั้งสองคนมองหน้ากัน มัลฟอยนึกอยากให้ยาช่าตบะแตกต่อยเขาสักหมัดเขาจะได้มีเหตุผลพอจะชกกับหมอนี่ไปเสียให้สิ้นเรื่อง 
มัลฟอยกอดอก

“เกรนเจอร์คงเรียกนายมาสินะ แล้วนายก็กระดิกหางหนีโรงเรียนมาหายายนั่นทันทีเลยสิ”
“อย่าหาเรื่องผมดีกว่า - - ถึงผมจะทำให้คุณเป็นมนุษย์หมาป่าไม่ได้แต่กัดคุณจมกองเลือดได้แน่ ๆ!”

เด็กชายทั้งสองคนจ้องหน้ากันด้วยดวงตาแข็งกร้าว บรรยากาศเริ่มคุกรุ่นขึ้นทุกขณะ ยิ่งต่างฝ่ายต่างส่งสายตาอย่าง
ไม่มีใครยอมใครก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนมีความร้อนทวีขึ้นในอกในขณะที่รอบตัวกลับเย็นลงจนทำให้นิ้วมือเย็นเฉียบ

นกฮูกสีน้ำตาลตัวหนึ่งร่อนลงมาที่กระท่อมแฮกริดพร้อมกับกระดาษม้วนยาว ๆ ที่ถือไว้ด้วยเท้าหลัง 
ยาช่าหันไปมองก็เห็นว่ามันคือไอริช นกฮูกของเขา เด็กชายหมาป่ายื่นแขนออกไป มันบินลงมาเกาะอย่างว่าง่าย 

- - ตอนนี้มันเชื่องกับเขามากขึ้นเหมือนกับสำนึกบุญคุณที่เด็กชายเอาใจใส่ดูแลมันอย่างดี
 “ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรอีก ผมก็ขอตัวก่อน” ยาช่าพูดกับอีกฝ่ายแล้วเดินกลับเข้ากระท่อมไป

มัลฟอยยืนอยู่อย่างนั้นเป็นครู่ก่อนจะเดินกลับไปยังหอพักของตัวเอง ระหว่างทางก็คิดได้ว่าอย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าอีกฝ่าย
ไม่ได้มาหาเฮอร์ไมโอนี่ เขามั่นใจว่าถ้ายาช่ามาเพื่อจุดประสงค์นั้นจริง ๆ อย่างหมอนั่นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ยอมรับตั้งแต่แรก

อีกไม่กี่นาทีต่อมามัลฟอยก็กลับมาถึงหอนอนด้วยใจที่ยังไม่เย็นลงนัก แครบกับกอยล์ซึ่งนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น
รวมรีบลุกจากเก้าอี้มาถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าเขาไปไหนมาเพราะคิดว่ามัลฟอยอาจจะไปจัดการหมาป่าตัว
ปัญหาให้พวกเขาแล้ว และต่อไปพวกเขาจะได้ดำเนินแผนการแกล้งแฮกริดต่อ

“ทำไมพวกแกไม่รู้จักไปหลับไปนอนกันซะบ้างหา!” มัลฟอยบ่นดัง ๆ อย่างรำคาญขณะเดินหนีกลับห้อง

“นายจัดการเจ้าหมาป่าตัวนั้นรึเปล่า” กอยล์ถามอย่างไม่ลดละ - - เรื่องอะไรเขาจะทิ้งน้ำยาที่สู้อุตส่าห์ขโมยมา
จากคาบเรียนวิชาปรุงยาไปง่าย ๆ ถ้าไม่ได้ทำให้ต้นไม้ของแฮกริดตายไปสักต้นสองต้น

มัลฟอยเริ่มหมดความอดทน เขาตั้งท่าจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาสาปทั้งสองคนนี้ให้กลายเป็นหมูสีชมพูดูสักที 
ทันใดนั้นเองรูปภาพตรงทางเข้าออกก็เลื่อนดังครืด พร้อมกับมีคนเดินเข้ามา

มัลฟอย แครบ และกอยล์หันไปมองพร้อมกันก็เห็นว่าเธอคือแพนซี่ พาร์คินสันนั่นเอง
“เดรโก” เด็กหญิงผมสีดำทักเมื่อเห็นทั้งสามคนยังไม่เข้านอนแล้วพูดต่อ

“พวกเธอไปวางแผนการซ้อมกับมอนทาคิวมารึไง”
แครบกับกอยล์มองหน้ากัน สีหน้างงงวย

“หรือยังไม่วางแผนกันเลย... ตารางการแข่งควิดดิชปีนี้ออกแล้วนะ - - แต่ก็....ช่างเถอะ ไม่มีใครบอกเธอล่ะสิเนี่ย” 
แพนซี่มองแครบกับกอยล์แล้วยักไหล่ ทั้งสองคนนี้ไม่ได้สนใจจะอ่านป้ายประกาศใด ๆ อยู่แล้ว(นอกจากป้ายโฆษณาอาหาร) 
พวกเขาทำได้ก็เพียงแค่รอให้หัวหน้าทีมมาเรียกซ้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น 
เด็กหญิงผมดำดูเหมือนรู้ทันเธอรีบพูดดักคอทั้งสองคน

“พวกเธอกันรีบหน่อยก็ดีนะ ฉันว่าปีนี้ถ้าเล่นงานพอตเตอร์กับวิสลีย์ให้หนักกว่าเดิมเราอาจจะได้ถ้วยควิดดิชมาซะที
 อย่ามัวแต่นั่งนอน ๆ ไม่คิดซ้อมกันล่ะ”
“ควิดดิช” มัลฟอยทวนคำ

แพนซี่เลิกคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนเพิ่งรู้ว่าเธอว่ากำลังพูดถึงอะไร
“ปีนี้เรามีลุ้นนะ” แพนซี่พูดต่อ

เสียงของอีกฝ่ายทำให้เขาหันกลับมา เด็กหญิงเลิกคิ้วคิ้วอีกแล้วความรู้สึกสงสัยนั้นก็หายไปเมื่อมัลฟอยยิ้ม
มุมปากพร้อมกับหรี่ตาพูดกับเธอ
“อยากไปดูฉันซ้อมไหมล่ะ”

“ทำไมฉันจะไม่อยากล่ะ” แพนซี่รีบตอบและมองเขากลับด้วยดวงตาเป็นประกาย

เด็กชายผมบลอนด์มองเธอแล้วยิ้มอย่างพอใจ เป็นรอยยิ้มที่แพนซี่เคยได้รับเหมือนที่ผ่านมา เด็กหญิงใจเต้นแรง
และยิ้มหวานตอบเขาทันที แครบกับกอยล์มองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายเอื้อก ปกติมัลฟอยจะพูดกับแพนซี่ก็ต่อ
เมื่ออยากให้เธอเป็นตัวกระจายข่าวเรื่องที่เขาทำลงไป (โดยเฉพาะเรื่องร้าย ๆ) น่าแปลกที่ครั้งนี้มัลฟอยพูดกับเธอ
ราวกับสนิทสนมกันดังคนพิเศษ

มัลฟอยยื่นหน้าไปหาแพนซี่ - - บางสิ่งแว่วเข้ามาในหู....เข้ามาในสมอง...ในใจด้านมืด  - - เรียงเป็นประโยคที่ใคร ๆ 
หรือแม้แต่พ่อของเขายังพูดเลยว่า

ผู้หญิงตรงหน้านี่ต่างหากที่เหมาะสมกับเขา!
เด็กชายเลือดบริสุทธิ์ กระซิบที่หูเธอเสียงแผ่ว

“พรุ่งนี้มาที่สนามสิ ฉันจะรอ” 

To be continued!

No comments:

Post a Comment