มัลฟอยอุ้มเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปในลิฟต์เพื่อจะกลับไปยังห้องสวีทที่อยู่บนชั้นสามสิบสองของพวกเขา เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงน้อย ๆ เมื่อชายหนุ่มจัดแจงวางเธอลงบนเตียงพร้อมกับจูบเธอที่แก้มเบา ๆ มัลฟอยมองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในชุดที่เขาเลือกให้ ผิวสีแทนอ่อน ๆ สวยงามนั้นดูเข้ากับชุดสีเงินอย่างแปลกประหลาด
“ฉันบอกเธอหรือยังว่าคืนนี้เธอสวยมากเลย” มัลฟอยกระซิบเธอเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเอียงอาย
“ก็เพราะชุดที่เธอเลือกให้ฉันด้วยแหละ เดรโก เธอไปหาของพวกนี้มาจากไหนกัน” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ฉันก็ใช้บริการของทางโรงแรมนิดหน่อย ให้เขาติดต่อห้องเสื้อให้ก็เท่านั้นแหละ ส่วนเครื่องประดับพวกนี้” มัลฟอยพูด มือของเขาสัมผัสสร้อยเพชรที่กำลังประดับอยู่บนรำคอเรียวระหงส์ของเธอเบา ๆ
“เป็นของที่มีอยู่แล้ว ความจริงก็เป็นของเธอนั่นแหละ”
“เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางก้มลงสำรวจเครื่องประดับต่าง ๆ ของตัวเอง เครื่องเพชรพวกนี้คงมีราคาแพงมากเป็นแน่
“ฉันชอบชุดนี้จังเลย เธอเข้าใจเลือกจริง ๆ ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยรอยยิ้มราวกับเด็ก ๆ
“ถึงเธอจะชอบมันแค่ไหนก็เถอะ แต่ฉันก็ชอบให้เธอไม่ใส่อะไรเลยมากกว่า” มัลฟอยก้มลงมากระซิบที่หูของเธอเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นทันที เธอตีมัลฟอยเบา ๆ ด้วยความอาย แต่ชายหนุ่มกลับรั้งร่างเธอไว้ในอ้อมแขนเสียก่อน
มัลฟอยค่อย ๆ จูบเฮอร์ไมโอนี่อย่างแผ่วเบา มือของเขาลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาว ในขณะที่เธอยกแขนทั้งสองขึ้นโอบรอบคอของเขา มัลฟอยค่อย ๆ ไล้มือแข็งแรงของเขาไปสัมผัสแผ่นหลังของเธอเบา ๆ ก่อนที่จะรูดซิปออก ในไม่ช้าชุดสีเงินสวยนั้นก็ลงไปกองอยู่ที่พื้นพร้อม ๆ กับชุดสูทของมัลฟอย ชายหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนมือไปเพื่อจะปลดตะขอเสื้อในของเธอออกแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับห้ามมือของเขาไว้
“ดับไฟก่อนดีไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูด ใบหน้าสวยนั้นขึ้นสีด้วยความอายบวกกับความรุ่มร้อนเพราะสัมผัสที่ได้รับ มัลฟอยยิ้มที่มุมปาก
“แล้วถ้าฉับอกว่าไม่ล่ะ” ชายหนุ่มพูด เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้า
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะขอให้รูมเซอร์วิสเปิดห้องนอนให้ฉันใหม่อีกห้องหนึ่ง และทิ้งเธอไว้ที่นี่” หญิงสาวพูดอย่างเป็นต่อ มัลฟอยทำหน้าไม่พอใจ
“ตามใจเธอ” เขาว่าด้วยท่าทีงอน ๆ
และเมื่อไฟทั้งห้องดับลง ชายหนุ่มก็คว้าร่างของเธอมาจูบอีกครั้ง คราวนี้การกระทำของนั้นหนักแน่นและรุนแรงกว่าเมื่อครู่ ทั้งสองแลกจูบกันเนิ่นนาน ริมฝีปากสัมผัสกัน มือของทั้งสองต่างลูบไล้ร่างกายอีกฝ่าย ทรวงอกอวบอิ่มเบียดกับแผ่นอกแข็งแรง ขาของทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันราวกับไม่ต้องการแยกจาก
เสียงครางของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นเมื่อมัลฟอยขึ้นมาคร่อมร่างของหญิงสาวไว้ ทั้งสองกอดกันแน่น เล็บของเฮอร์ไมโอนี่จิกลงบนแผ่นหลังของมัลฟอยที่กำลังหอบหายใจอย่างเป็นจังหวะ หญิงสาวกอดเขาแน่นขึ้นและส่งเสียงร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ ไปตามเสียงหอบหายใจของชายหนุ่มที่กำลังอยู่บนร่างเธอนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เสียงร้องของพวกเขาจะดังขึ้นพร้อมกันพร้อมกับวงแขนที่กอดกระหวัดกันแน่นกว่าครั้งไหน เมื่อร่างของพวกเขาได้หลอมรวมกันอีกครั้ง แต่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายในตลอดค่ำคืนนี้
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่ตื่นนอนมาด้วยความเหนื่อยอ่อนและรู้สึกว่าเธอไม่ต้องการลุกจากที่นอนเสียเลย และสาเหตุที่เธอเป็นอย่างนี้เนื่องจากเมื่อคืนนั้นเธอกับมัลฟอยนั้นได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันหลายต่อหลายครั้งจนเฮอร์ไมโอนี่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่เท่าที่เธอรู้มัลฟอยนั้นไม่ยอมปล่อยให้เธอออกไปจากอ้อมแขนของเขาอย่าง
ที่เขาว่าจริง ๆ แต่นั่นก็ทำให้เธอมีสภาพราวกับอดนอนมาสามวันสามคืนในเช้าวันนี้ ในขณะที่ตัวต้นเหตุนั้นกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข
เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ผละกายออกจากอ้อมแขนของมัลฟอยที่กำลังกอดเธอไว้แน่น ถ้าเป็นปรกติเขาคงรู้ตัวไปแล้วแต่เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนคงทำให้เขาเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าได้ไหว
เฮอร์ไมโอนี่ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเธอกลับมาที่ห้องนอนมัลฟอยก็ยังคงหลับอยู่ เธอไม่อยากจะปลุกเขาเพราะดูแล้วเขานั้นเหนื่อยมากทีเดียว หญิงสาวจึงโทรไปสั่งรูมเซอร์วิสให้ขึ้นมาเสิร์ฟอาหารเช้าบนห้อง พอเวลามัลฟอยตื่นขึ้นมาเขาจะได้ทานอาหารได้เลย
หลังจากที่โทรศัพท์ไปสั่งอาหารแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ออกไปเดินเล่นที่ระเบียง สายลมกับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทำให้เธอสดชื่นขึ้นเยอะทีเดียว เฮอร์ไมโอนี่ทอดสายตาลงไปยังท้องทะเลเบื้องล่าง ภาพทิวทัศน์ที่แสนสวยงามของมัลดีฟส์นั้นปรากฏสู่สายตาของเธอ ภาพความทรงจำดี ๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่วนเวียนเข้ามาในหัวสมองของเธอช้า ๆ เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจ
เธอไม่อยากกลับไปเลยจริง ๆ เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างเสียดายที่วันเวลาอันแสนสุขผ่านไปรวดเร็วนัก และในขณะที่เธอกำลังเหม่อมองอยู่นั้น ภาพนกฮูกสีขาวตัวหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของเธอ
เป็นไปไม่ได้ที่จะมีนกฮูกในตอนกลางวันและยิ่งเป็นนกฮูกหิมะในเขตร้อนอย่างนี้ด้วยแล้ว นอกเสียจาก
เฮ็ดวิกบินมาส่งจดหมายให้เฮอร์ไมโอนี่ตามหน้าที่ของมัน หญิงสาวสังเกตได้ว่ามันดูเหนื่อยอ่อนที่ต้องเดินทางเป็นระยะทางไกล ๆ เฮอร์ไมโอนี่จึงรินน้ำใส่แก้วให้มันกิน นกฮูกสาวส่งเสียง ‘ ฮูก ’ ราวกับจะขอบใจก่อนจะลงมือกินน้ำอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เอาซองจดหมายนั้นมาดู จดหมายที่ใครจะเป็นผู้ส่งไม่ได้นอกจากแฮร์รี่
เฮอร์ไมโอนี่เปิดซองจดหมายออกอ่าน ซึ่งมีข้อความว่า
ถึง เฮอร์ไมโอนี่
ฉันรู้สึกเป็นห่วงเธอก็เลยส่งจดหมายมาหา หวังว่าที่เธอกลับดึกในวันนั้นคงไม่ทำให้เกิดปัญหาอะไรกับเธอและมัลฟอยนะ ฉันเห็นเธอเงียบไปนานและไม่ติดต่อพวกเราอีกเลย แต่ฉันกับรอนก็ไม่ว่างที่จะไปหาเธอที่บ้าน เพราะตอนนี้ที่กระทรวงมีงานยุ่งมาก ถ้าได้เธอมาอยู่ตรงเหมือนก่อนก็คงจะดี
อีกอย่างฉันก็อยากจะเตือนเธอ เฮอร์ไมโอนี่ ตอนนี้ฉันเพิ่งได้รับรายงานว่าผู้เสพความตายจำนวนหนึ่งที่เธอ ฉัน และรอนเข้าจับกุมในวันที่เธอได้รับอุบัติเหตุจนสูญเสียความทรงจำไป ได้หลบหนีไประหว่างที่จะถูกส่งตัวไปอัซคาบัน และหนึ่งในนั้นมีแพนซี่ พาร์กินสันที่เป็นคนสาปเธอด้วย จึงอยากให้เธอระวังตัวมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อเธออยู่ใกล้มัลฟอย เพราะฉันได้ยินมาว่าผู้เสพความตายจำนวนหนึ่งเคียดแค้นที่เขาไม่ยอมเข้าร่วมด้วยทั้ง ๆ ที่เป็นลูกชายของลูเซียส มัลฟอย ฉันจึงอยากให้เธอระวังตัว บางทีพวกมันอาจจะอยู่รอบ ๆ กายเธอก็ได้ อย่าได้ไว้ใจคนที่อยู่ใกล้ตัวให้มากนัก
รักและเป็นห่วง
จาก แฮร์รี่ เพื่อนของเธอเสมอไป
เฮอร์ไมโอนี่อ่านจดหมายของแฮร์รี่จบลงด้วยความกังวล เธอพับมันใส่กระเป๋าเสื้อคลุม รู้สึกใจหายกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเมื่อเธอได้รู้ว่าแพนซี่หลบหนีออกมาเธอก็ยิ่งกังวล เพราะเธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าแพนซี่นั้นรักมัลฟอย และสำหรับแพนซี่นั้นเธอก็เปรียบเสมือนก้างขวางคอชิ้นใหญ่ที่จำเป็นต้องกำจัดทิ้งเสีย
เมื่อคิดมาถึงตรงนั้นแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เกิดการปวดหัวอย่างแรง จนหญิงสาวต้องเกาะราวระเบียงไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงไปกับพื้น ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เธอไม่รู้ว่ามันเกิดเมื่อไหร่ผุดเข้ามาในศีรษะอย่างรวดเร็ว
“ใช่ คนอย่างฉันมาเป็นผู้เสพความตายมันอาจจะไม่แปลกซักเท่าไหร่นะ แต่คนอย่างเธอมาเป็นคุณนายมัลฟอยนี่สิ ฉันว่ามันพิสดารเลยล่ะ!” เสียงของแพนซี่ดังอยู่ในหัวของเธอพร้อมกับภาพของหล่อนที่ผุดขึ้นในสมอง
“แต่ถึงยังไงแกก็จะไม่ได้พบเดรโกอีกต่อไปแล้วล่ะ ลาก่อนนะยัยเลือดสีโคลน”
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาจนเธอแทบทนไม่ไหว และเมื่อร่างของเธอกำลังจะล้มลงกับพื้น
“เฮอร์ไมโอนี่!” มัลฟอยอุทานอย่างตกใจเมื่อเขาเห็นว่าอาการของหญิงสาวเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างของเธอทันที
“เธอเป็นอะไร เฮอร์ไมโอนี่” ชายหนุ่มพูดอย่างร้อนรน ในขณะที่หญิงสาวนั้นแทบหมดแรงอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“เดรโก ฉันปวดหัว” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ ใบหน้าของเธอขาวซีดเหมือนคนเป็นลมจนมัลฟอยตกใจ
“จะไปหาหมอไหม” มัลฟอยถามพลางประคองร่างของเธอให้นั่งลงกับเตียงอาบแดด เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร ค่อยยังชั่วแล้ว” เธอพูด มัลฟอยมองด้วยท่าทีไม่อยากเชื่อ
“แต่ฉันว่าไปหาหมอหน่อยดีไหม” มัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่ยกมือห้าม
“ไม่เป็นไรเดรโก ฉันไม่เป็นไร” เฮอร์ไมโอนี่พูด ฝืนยิ้มให้เขา “คงแค่อ่อนเพลียน่ะ”
“จริงเธอ หน้าเธอซีดมากเลยนะ” เขาพูดมองเธอด้วยแววตาเป็นห่วง หญิงสาวยิ้มฝืน ๆ
“ไม่เป็นไร ฉันดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เธอพูดเบา ๆ
“แน่ใจนะ” มัลฟอยถามเธอ พยักหน้าน้อย ๆ ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
*************************************************
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เก็บของเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางกลับอังกฤษ ทั้งคู่เช็คเอาท์ตอนเวลาเที่ยงตรง หลังจากที่มัลฟอยชำระค่าใช้จ่ายแสนแพงที่เขาไม่ยอมบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่เสร็จแล้วพวกเขาก็นั่งรอของโรงแรมไปที่สนามบิน
เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยมาถึงสนามบินเวลาบ่ายโมงตรง เครื่องบินออกตอนบ่านสองโมงตามเวลาท้องถิ่น ทั้งสองต่างก็ไม่อยากให้การฮันนีมูนที่แสนสุขนี้จบลงรวดเร็วเช่นนี้เลย แต่ต่างก็รู้ดีว่าไม่สามารถจะต่อช่วงเวลาเช่นนี้ออกไปได้อีกแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่มองภาพของมัลดีฟส์ที่ค่อย ๆ ไกลออกไปจากทางหน้าต่างเครื่องบิน จนเมื่อพวกเขาบินสูงขึ้นจนถึงเมฆหญิงสาวก็ละสายตาจากมันอย่างเสียดาย
“ไม่ต้องห่วงหรอก คราวหน้าฉันจะพาเธอมาเที่ยวที่นี่อีกถ้าเธอต้องการ” มัลฟอยพูด
“อือ แต่ฉันก็ยังเสียดายอยู่ดี” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะถ้ากลับไปที่บ้านฉันก็จะอยู่กับเธอตลอดเวลา” มัลฟอยพูดพลางหอมแก้มหญิงสาว “ไม่ให้เธอต้องเหงาเลย” เขาว่า เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับก่อนที่จะซบศีรษะลงบนไหล่เขาเบา ๆ แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
ตลอดการเดินทางกลับอังกฤษนั้น เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องจดหมายที่แฮร์รี่ส่งมาให้เธอกับมัลฟอยเลย แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่พยายามจะเล่าให้มัลฟอยฟังหลายต่อหลายครั้งแต่สุดท้ายแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดมันออกไป เพราะเธอกลัวว่าเมื่อมัลฟอยรู้เรื่อง มันจะกลายเป็นการทะเลาะกันใหญ่โตอย่างคราวที่ก่อน ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อยากเสี่ยงให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง เธอไม่ต้องการจะสูญเสียความรู้สึกดี ๆ นี้ไป
เมื่อเดินทางมาถึงลอนดอน คนขับรถของมัลฟอยก็เอารถมารอรับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ก่อนทางที่จะแวะกลับคฤหาสน์นั้นมัลฟอยเสนอให้เฮอร์ไมโอนี่แวะไปที่เซนต์มังโกส์เสียก่อน
“ฉันอยากให้ผู้บำบัดตรวจดูอาการของเธอดูหน่อยน่ะ เฮอร์ไมโอนี่ เผื่อว่าจะมีอะไร” มัลฟอยอธิบาย เฮอร์ไมโอนี่รีบปฏิเสธ
“ฉันไม่เป็นไร เดรโก ไม่เห็นต้องเข้าโรงพยาบาลหรอก” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง
“แต่เธอปวดหัวนี่ แล้วฉันก็อยากจะให้ผู้บำบัดเช็คให้แน่ใจเฉย ๆ ” มัลฟอยพยายามทำให้เปลี่ยนใจ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับส่ายหน้า
“ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันคงจะนอนไม่พอเท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย “อีกอย่างฉันก็อยากจะกลับไปพักผ่อนแล้ว เราเดินทางกันมาตั้งนานแล้วนะ” เธอพูด และในที่สุดมัลฟอยก็ยอมคล้อยตามเธอและสั่งให้คนขับรถขับรถกลับคฤหาสน์โดยดี
เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงบ้าน มิสเตอร์คลิฟฟอร์ดก็ออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างดี
“โอ้ นายน้อยกลับมาแล้วหรือครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม พลางสั่งให้เอล์ฟประจำบ้านมาขนของ ๆ มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไป เฮอร์ไมโอนี่มองพ่อบ้านชราอย่างไม่พอใจนิด ๆ
“ผมเตรียมทำความสะอาดห้องนอนให้นายน้อยแล้วครับ” พ่อบ้านชราพูด มัลฟอยพยักหน้ารับ
“เดี๋ยวของพวกนี้น่ะขนไปที่ห้องนอนใหญ่ให้หมดเลยนะ ส่วนห้องนอนสำรองน่ะปิดไปเลยก็ได้ เพราะตอนนี้ฉันจะย้ายไปนอนที่ห้องนอนใหญ่แล้ว” มัลฟอยพูด มิสเตอร์คลิฟฟอร์ดมองที่มัลฟอยก่อนที่จะมาจบลงที่เฮอร์ไมโอนี่ และซักครู่เขาก็ยิ้มขึ้นราวกับเพิ่งนึกได้
“อ้อ ได้ครับ ได้ เดี๋ยวผมจะสั่งให้เอล์ฟจัดการให้ ตอนนี้เชิญนายน้อยขึ้นไปพักเถอะครับ” พ่อบ้านชราพูดพลางฝายมือเชื้อเชิญ ในขณะที่มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไปที่ห้องนอน
เมื่อถึงห้องนอนเฮอร์ไมโอนี่ก็จัดแจงถอดเสื้อคลุมออกและแขวนมันไว้ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน ในขณะที่มัลฟอยเลือกที่จะไปอาบน้ำ ล้างหน้าก่อนมากกว่า
“จะอาบน้ำเหรอ เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเอาผ้าขนหนูขึ้นพาดบ่า
“ใช่ อาบด้วยกันไหม” เขาถาม เฮอร์ไมโอนี่ใบหน้าเป็นสีแดงก่อนที่จะตะโกนออกไปว่า
“บ้า!” มัลฟอยหัวเราะน้อย ๆ ก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องน้ำ
เฮอร์ไมโอนี่นอนอยู่บนเตียงสี่เสา แววตาของเธอเหม่อมองขึ้นไปบนเพดานครุ่นคิดเรื่องจดหมายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
*************************************************
หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านตามเดิม แต่ก็ดูไม่เหมือนเดิมสักเท่าไหร่นักเมื่อตอนนี้ทั้งสองนั้นได้อยู่ร่วมกันอย่างที่คนเป็นสามีภรรยาสมควรทำจริง ๆ แม้ว่าตอนนี้เธอกับมัลฟอยจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาอย่างตอนที่ไปฮันนีมูนก็ตาม แต่หลังจากที่เลิกงานมัลฟอยก็จะใช้เวลาที่เหลือกับเธอที่บ้าน ทั้งสองทานข้าวด้วยกัน ทำกิจวัตรประจำวันด้วยกัน และที่สำคัญก็คือทั้งสองได้อยู่ในอ้อมกอดกันและกันทุกค่ำคืน
เพียงแต่หลังจากที่มัลฟอยและเธอกลับมาจากมัลดีฟส์นั้นมัลฟอยก็ดูเหมือนจะมีงานหนักขึ้นทุกวัน อาจจะเป็นเพราะเขาต้องทำงานชดเชยในช่วงที่เขาได้ไปเที่ยวมาก็เป็นได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก มัลฟอยมักจะมีนัดกับลูกค้าเป็นประจำ และบ่อยครั้งที่เขาปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ทานข้าวคนเดียว ตอนแรก ๆ นั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่ามัลฟอยคงงานยุ่งจนปลีกตัวมาไม่ได้ และเธอก็สมควรที่จะเข้าใจเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่วมเดือนและมัลฟอยก็ยังคงเป็นอย่างเดิมนั้นมันก็ทำให้เฮอร์ไมโอนี่อดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เธอดังเดิมเลย
เช้าวันหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนทุก ๆ วัน มัลฟอยต้องออกไปทำงานแต่เช้าและปล่อยให้เธออยู่บ้าน แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็พยายามตื่นเช้าเพื่อมาส่งเขาไปทำงาน
“ฉันไปนะ” มัลฟอยพูดพลางจูบเธอที่แก้มเบา ๆ อย่างรักใคร่
“กลับมาเร็ว ๆ ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงเง้างอน มัลฟอยยิ้มและขยี้หัวเธอเบา ๆ
“ฉันจะพยายาม” มัลฟอยพูดก่อนที่จะหายตัวไป ทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับบ้านที่กว้างใหญ่ หากแต่ขาดความอบอุ่น
เฮอร์ไมโอนี่กลับขึ้นไปที่ห้องนอน เธอนั่งอ่านหนังสือที่หยิบมาจากห้องสมุดไปได้สองสามหน้าหญิงสาวก็วางมันลง เธอกำลังสับสน ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกเหงามากกว่าอะไรทั้งหมด เธอรู้สึกหว้าเหว่อย่างน่าใจหาย
น้ำตาของเธอรินไหล หญิงสาวซบหน้าลงกับผ่ามือ พยายามจะเก็บมันเอาไว้แต่เธอก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้ออกมา เธอคว้าหมอนมากอดและปล่อยให้มันซับน้ำตาของเธอไว้
หลังจากนั้นไม่นาน เฮอร์ไมโอนี่ก็ค่อย ๆ เช็ดน้ำตาออกเบา ๆ
มันไร้สาระที่จะมาร้องไห้เพื่อเรื่องแค่นี้
ในขณะที่หญิงสาวกำลังปาดน้ำตาอยู่นั้น ก็มีเสียงป็อปเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเอล์ฟสาวนามว่ามีน่าและเมื่อมันได้เห็นภาพของเฮอร์ไมโอนี่
“นายหญิงร้องไห้!” มันร้อง ดวงตาเบิกกว้าง “นายหญิงร้องไห้ทำไมเจ้าคะ ใครทำให้นายหญิงเป็นอย่างนี้” มีน่าซักไซร้ เฮอร์ไมโอนี่ปาดน้ำตาทิ้ง และยิ้มให้มันอย่างฝืน ๆ
“เปล่า ฉัน…..เอ่อ….ฉัน” เฮอร์ไมโอนี่อึกอักพยายามหาข้อแก้ตัว เพราะเธอไม่อยากให้มีน่าทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
“ฉัน เอ่อ อ่านหนังสือน่ะ พอดีหนังสือเล่มนี้มันเศร้าไปหน่อยเท่านั้นเอง” เฮอร์ไมโอนี่โกหก
“เรื่องคาถาต้องห้ามและอันตรายเนี่ยนะเจ้าคะ” มีน่ามองหนังสือเล่มนั้นก่อนที่จะมองหน้าของนายหญิงของเธออย่างงง ๆ
“เอ่อ….ก็…ฉันสงสารพวกพ่อมดแม่มดที่โดนผู้เสพความตายทรมานไงล่ะ โดยใช้คาถากรีดแทงน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แก้ตัว เอล์ฟสาวพยักหน้าช้า ๆ
“อ้อ มีจดหมายถึงนายหญิงเจ้าค่ะ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เธอต้องมาที่นี่” มันพูดพร้อมกับส่งจดหมายซองสีเข้มที่ไม่มีชื่อผู้ส่งระบุไว้ให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่รับมาเปิดอ่าน ในจดหมายนั้นมีข้อความสั้น ๆ เขียนไว้แค่ว่า
ถ้าอยากรู้อดีตของเธอกับเดรโกให้มาที่ร้านหม้อใหญ่รั่วตอน 6 โมงเย็น
เฮอร์ไมโอนี่อ่านจดหมายฉบับนั้นจบ แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย
ใครกันนะที่เป็นคนส่งจดหมายนี่ แล้วเขาต้องการอะไร
เธอครุ่นคิดอย่างด้วยความสับสนบวกกับความอยากรู้
และที่สำคัญทีสุดก็คือ ‘ อดีตของเธอกับเดรโก ‘ ที่ว่านั้นมันคืออะไรกันแน่
แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เลยหากเธอไม่ไปตามนัดดังที่จดหมายนั้นระบุไว้
TBC
No comments:
Post a Comment