Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Tuesday, July 21, 2015

Chapter 20: การจับกุมและความโชคร้ายของเดรโก

ภายในสำนักงานใหญ่มือปราบมารนั้นดูวุ่นวายมากทีเดียว  เพราะตั้งแต่ผู้เสพความตายที่จะถูกส่งไปอัซคาบันหลบหนีไปก็เกิดเรื่องร้ายแรงต่าง ๆ ขึ้นตามมามากมาย  ซึ่งผู้เสพความตายเหล่านั้นพยายามที่จะรวมตัวกันขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่โวลเดอร์มอร์เจ้านายของพวกมันได้จบชีวิตลงไปเมื่อสี่ปีก่อน  และนั่นก็ทำให้เหล่ามือปราบมารต่างต้องรับภาระหนักในการเข้ากวาดล้างผู้เสพความตายที่คิดเหิมเกริมเหล่านั้นให้สิ้นซากก่อนที่พวกมันจะรวมตัวกันได้จนเป็นกลุ่มเป็นก้อน

ในห้องทำงานของมิสเตอร์  ริชาร์ด  แฮมเบิร์ก  ซึ่งเจ้าตัวกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ไม่น้อย  และเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเลขาสาวของเขา  ลิซซี่

“คุณแฮมเบิร์กคะ  คุณพอตเตอร์ขอพบค่ะ” ลิซซี่รายงาน

“ให้เข้ามาเลยลิซ” มิสเตอร์แฮมเบิร์กพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากงานบนโต๊ะ

“เชิญค่ะ” ลิซซี่หันมาพูดกับแฮร์รี่ที่บัดนี้ก้าวเข้ามาอยู่ในห้องของหัวหน้ามือปราบมารเรียบร้อยแล้ว

“เอ้า  พอตเตอร์นั่งลงสิ” เขาพูดพลางชี้ไปที่เก้าอี้ตรงหน้า  “มีธุระอะไรก็ว่ามา  รีบหน่อยก็ดีนะ  เพราะประเดี๋ยวผมต้องเข้าประชุมกับแผนกบำบัด” เขาพูด  สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แฟ้มเอกสารตรงหน้า

“คือผม….มีเบาะแสของผู้เสพความตายมาให้ครับ”  แฮร์รี่พูด  มิสเตอร์แฮมเบิร์กเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารทันที

“คุณว่าอะไรนะ  พอตเตอร์” หัวหน้ามือปราบมารถามอย่างเฉียบคม  แฮร์รี่กลืนน้ำลายก่อนที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟังตามโดยตรง

“คุณคิดว่าข้อมูลนี้เชื่อถือได้แค่ไหน” มิสเตอร์แฮมเบิร์กถามเมื่อฟังที่แฮร์รี่เล่าจบแล้ว

“ผมไม่ทราบครับ” แฮร์รี่ตอบ  คุณแฮมเบิร์กเลิกคิ้ว “คือ  ผมไม่กล้าพูดว่าข้อมูลนี้จะถูกต้องร้อยเปอร์เซ็น  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่จริงไปเสียหมด” เขาว่า

“คุณได้ข้อมูลนี้มาจากเดรโก  มัลฟอยใช่ไหม” ริชาร์ด  แฮมเบิร์กถาม  แฮร์รี่พยักหน้า

“แล้วคุณคิดว่าคุณเชื่อใจเขาได้แค่ไหน” เขาถามอีกครั้ง

“ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนที่ผมเชื่อใจเลยแม้แต่น้อย  ตั้งแต่ที่ได้รู้จักเข้า” แฮร์รี่พูดตามความจริง “แต่ในครั้งนี้ผมคิดว่าเขาน่าจะพูดความจริง” ชายหนุ่มตอบ

“คุณเชื่อใจเขางั้นหรือ” มิสเตอร์แฮมเบิร์กถาม

“ครับ  สำหรับในครั้งนี้” แฮร์รี่ตอบอย่างไม่ลังเล

“ดี” หัวหน้ามือปราบมารกล่าว “งั้นผมก็เชื่อใจคุณ  พอตเตอร์”



*************************************************



ณ  ห้องพักผู้ป่วยที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่โรงพยาบาลเพื่อผู้ป่วยและบาดเจ็บเซนต์มังโก  เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งเหม่ออยู่บนเตียง  สายตาของเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง  ในใจของเธอหวนคิดไปถึงเรื่องราวของชายหนุ่มที่เธอรัก  เดรโก  มัลฟอย

หยาดน้ำตารินไหลออกมาเลอะแก้มขาวเนียน  แต่เธอไม่สนใจจะปาดมันทิ้ง  เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่ซองจดหมายที่มัลฟอยส่งมาให้เธออย่างปวดร้าว  เธอรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

เสียงเคาะประตูดังขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่รีบปาดน้ำตาทิ้ง  และเมื่อประตูเปิดออกร่างของชายหนุ่มสองคนก็ก้าวเข้ามาในห้อง

“ว่าไง  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ทักเธอ “ดีขึ้นหรือยัง” ชายหนุ่มถาม  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเล็กน้อย  ก่อนที่เพื่อนรักทั้งสองจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงของเธอ

“เธอเป็นยังไงบ้างน่ะ” รอนถาม

“ก็สบายดี  ผู้บำบัดบอกฉันว่าอีกไม่นานคงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” เธอเล่า

“งั้นก็ดีสิ  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดด้วยรอยยิ้ม  แต่หญิงสาวกลับมีสีหน้าเศร้าหมอง

“ถึงฉันจะออกไปจากที่นี่ได้  ฉันก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเศร้าสร้อย

“ฉันไม่รู้จริง ๆ ” เธอพูด  น้ำตาไหลเอ่อดวงตาอีกรอบ  แต่ก่อนที่มันจะไหลอาบแก้มของเธอ  แฮร์รี่ก็เอามือเช็ดมันไว้ก่อน

“อย่าร้องไห้สิ  เฮอร์ไมโอนี่  เธอยังมีพวกเรานะ” แฮร์รี่พูด

“ใช่  ถ้าเธอไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนจริง ๆ เธอไปอยู่ที่บ้านของฉันก็ได้  แม่ของฉันต้องดีใจแน่ ๆ ที่เธอมาอยู่เป็นเพื่อน” รอนพูด  เฮอร์ไมโอนี่ฝืนยิ้มให้เขา

“ขอบใจรอน” เธอพูด  ยิ้มน้อย ๆ แต่แววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความเศร้า

“อย่าคิดมากเลย  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ปลอบเธอ  “ทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง” เขาลูบหัวเธอเบา ๆ และมองเธออย่างมีความหมาย  ถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไรก็ตาม



*************************************************



เดรโก  มัลฟอยกำลังยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในคฤหาสน์ของเขา  เขามองภาพสะท้อนในกระจกซึ่งเป็นภาพของชายหนุ่มผมบลอนด์สวมเสื้อคลุมสีดำยาวกรอมเท้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด  เพราะชุดที่เขากำลังสวมอยู่นั้นเป็นชุดของผู้เสพความตาย

มัลฟอยเงยหน้ามองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเตาผิงซึ่งบอกเวลาสิบเอ็ดโมงห้าสิบ  มัลฟอยก็ดึงฮู้ดของเสื้อคลุมสีดำลงมาปิดศีรษะของเขาและเดินออกจากห้องไป  และเมื่อมัลฟอยไปถึงห้องโถง  เขาก็พบว่ามีใครบางคนกำลังรอเขาอยู่  เธอสวมชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกับเขา

“สวัสดีเดรโก” แพนซี่เอ่ยทัก “เธอดูดีทีเดียว  รู้ไหม” เธอชม  มัลฟอยไม่ตอบ  เขาเดินลงบันไดมาหยุดที่หญิงสาว  ซึ่งกำลังยิ้มหวานให้เขาอย่างเสแสร้ง

“จะไปกันรึยัง  พาร์กินสัน” เขาถาม  แพนซี่ก้มลงมองนาฬิกา

“แล้วเธอพร้อมรึยังล่ะ  เดรโก” แพนซี่ถามด้วยรอยยิ้ม “เธอพร้อมที่จะมาเป็นพวกเดียวกับเรารึเปล่า”

“ฉันพร้อมเสมอแพนซี่  พร้อมตั้งแต่เธอบังคับฉันแล้ว” มัลฟอยตอบตามตรง  รอยยิ้มของแพนซี่จางหายทันที

“อย่างนั้นรึ  เดรโก” แพนซี่พูดด้วยเสียงปกติของเธอ “แต่ถึงเธอไม่ต้องการก็ไม่มีประโยชน์หรอก นอกเสียจากว่าเธอต้องการเห็นนังนั่นตาย!” เธอพูดอย่างเยือกเย็น  มัลฟอยเม้มปากแน่น

“ความจริงฉันก็บอกว่าฉันพร้อมตั้งนานแล้วนะ  พาร์กินสัน” มัลฟอยพูดกับเธออย่างเย็นชาเช่นกัน “หรือถ้าเกิดเธอยังไม่พร้อมฉันขึ้นมาก็ไม่ว่าอะไรเธอนะ” มัลฟอยพูดอย่างไม่ยี่หระ  แพนซี่กัดริมฝีปาก

“ฉันพร้อมตั้งนานแล้ว!” เธอพูดอย่างเกรี้ยวกราด

“งั้นก็ดี  แต่เราจะไปที่นั่นกันยังไงล่ะ” มัลฟอยถาม  “ผงฟลูงั้นเหรอ”

“ไม่” แพนซี่ส่ายหน้า “ผงฟลูเสี่ยงเกินไปสำหรับการถูกตรวจสอบ  เราจะใช้กุญแจนำทาง” แพนซี่พูดพร้อมกับยื่นกล่องไม้ขัดเงาอย่างดีกล่องหนึ่งให้เขา  ซึ่งมันบรรจุไปป์เก่า ๆ อันหนึ่งไว้  กับปากกาขนนกอีกหนึ่งด้าม

“รับไปสิ” แพนซี่ว่า  และเมื่อเขาหยิบไปป์มาถือไว้ในมือก็มีแรงดึงดูดมาหาศาลดูดเข้าเขาไป!



เมื่อมัลฟอยรู้สึกตัวเขาก็มาอยู่ที่โกดังหลังหนึ่งเสียแล้ว  มัลฟอยมองไปรอบ ๆ  สภาพของโกดังแห่งนี้ดูเก่าและรกร้างเหมือนกับไม่มีใครได้เหยียบเข้ามาเนิ่นนาน

“มาทางนี้สิ  เดรโก” แพนซี่พูด  พลางเดินนำเขาเข้าไปในตัวโกดัง  และมัลฟอยก็ได้พบว่าแม้ว่าสภาพภายนอกโกดังนั้นจะดูเก่าและทรุดโทรมเพียงใดก็ตาม  แต่ภายในโกดังนั้นถูกปรับปรุงให้มีลักษณะคล้ายกองบัญชาการที่สามารถจุคนได้เป็นจำนวนมาก  และเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในนั้นมัลฟอยก็พบว่ามีผู้เสพความตายจำนวนมากมาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว

พวกผู้เสพความตายเหล่านั้นจ้องมองเขาเป็นตาเดียวตั้งแต่เขาเดินเข้าไปในโกดัง  แต่มัลฟอยก็ไม่อาจบอกได้ว่าพวกที่จ้องมองเขานั้นรู้สึกอย่างไร  เพราะผู้เสพความตายทุกคนนั้นมีฮู้ดปกปิดใบหน้าอยู่  เช่นเดียวกับเขา

นาฬิกาตั้งพื้นเรือนใหญ่ตีบอกเวลาเที่ยงตรง  เหล่าผู้เสพความตายต่างมารวมกันที่ใจกลางห้องโถง  พวกเขายืมล้อมกันเป็นวงกลมเช่นเดียวกับการประชุมครั้งก่อนแต่แตกต่างกันตรงที่ครั้งนี้จำนวนผู้เสพความตายมีมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่านัก  แพนซี่พามัลฟอยเข้าไปยืนในวงนั้นด้วยกันซึ่งพวกเขานั้นยืนอยู่ในแถวในสุดจากทั้งหมดห้าแถว  และพวกเขาก็รอคอย

เวลาเริ่มผ่านไปอย่างช้า ๆ และน่าอึดอัด  พระอาทิตย์ที่เคยอยู่ตรงศีรษะเมื่อเวลาเที่ยงตรงนั้นค่อย ๆ คล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตกมากขึ้น  จนเมื่อเวลาแห่งการรอคอยผ่านไปครบครึ่งชั่วโมง  มัลฟอยก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับการรอคอยครั้งนี้  แต่ผู้เสพความตายคนอื่น ๆ นั้นยังคงรอต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหน่าย  โดยเขาไม่รู้เลยว่าพวกมือปราบมารนั้นกำลังนำกำลังเข้าโอบล้อมโกดังนี้ไว้

จนในที่สุดเวลาแห่งการรอคอยก็หมดพร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมแบบเดียวกับผู้เสพความตายคนอื่น ๆ กลางวงล้อมของเหล่าผู้เสพควมาตายที่เหลือ  เขากราดสายตามองผู้เสพความตายที่รายล้อมเขาลอดฮู้ดที่คลุมศีรษะอยู่ก่อนก่อนทีจะพูดเสียงดังฟังชัดว่า

“วันนี้  เรามาที่นี่เพื่อมาทำพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์  ที่เหล่าสมาชิกของเราต้องพร้อมใจกันสาบานตนเองที่จะเข้าร่วมกับสมาคมของเรา” เสียงของชายคนนั้นดังก้องกังวาลไปทั่วโกดัง  มันเป็นเสียงที่ดูมีอำนาจและดูน่ากลัวในคราวเดียวกัน  ผู้เสพความตายที่เหลือยืนฟังเขาอย่างสงบนิ่ง

“และผู้ที่มาอยู่ที่นี่ ณ ตอนนี้ก็คือพี่น้องที่มีจุดประสงค์เช่นเดียวกัน  และจุดประสงค์ของเราก็คือ  แก้แค้นให้เจ้าแห่งศาสตร์มืดผู้ล่วงลับ” ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงอันดัง “ตามคำปฏิญาณที่เราจะได้กล่าวกัน ณ ขณะนี้”

“ข้าคือผู้ที่มีจิตใจที่ฝักใฝ่ในศาสตร์มืด” ชายคนนั้นกล่าวนำ  และก็มีเสียงของผู้เสพความตายจำนวนเหลายสิบคนกล่าวตามกันโดยพร้อมเพรียง  เสียงของชายซึ่งเป็นผู้นำกับเสียงเอ่ยตามของเหล่าผู้เสพความตายที่เหลือดังสลับกันไปมาราวกับบทสวดบูชาซาตาน



ข้าคือผู้ที่มีจิตใจที่ฝักใฝ่ในศาสตร์มืด

ข้าขอสาบานตนว่าจะภักดีกับเจ้านายผู้ล่วงลับ

จะแก้แค้นให้เจ้าแห่งศาสตร์มืดผู้ยิ่งใหญ่

และจะสานต่อเจตนาที่ท่านหมายมั่นไว้

จะให้อำนาจมืดแผ่ไพรศาล

ดำรงไว้ซึ่งเลือดบริสุทธิ์อันเป็นนิรันดร์

และหากแม้นมีผู้ใดมาขัดขวางการกระทำอันเป็นเจตนารมณ์ของเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่นั้น

ข้าไซร้จะส่งให้มันลงนรกอเวจี!



เมื่อเสียงบทสวดปฏิญาณตนที่ชวนให้ผู้ฟังขนลุกจบลงนั้น  ชายซึ่งเป็นผู้นำเหล่าผู้เสพความตายนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ

“เมื่อเสร็จสิ้นคำปฏิญาณนั้นเราก็จะร่วมกันแสดงความซื่อสัตย์ต่อจอมมารที่เปรียบเสมือนเจ้านายผู้เป็นเจ้าชีวิตของเรา” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับโบกมือน้อย ๆ ถ้วยสีดำที่บรรจุของเหลวสีใสก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเหล่าผู้เสพความตายทั้งหมด

“จงดื่มน้ำในถ้วยเสียให้หมด” เขากล่าว “เพื่อเป็นการแสดงความซื่อสัตย์ในคำปฏิญาณ  และเป็นการทดสอบว่าในเหล่าพวกเราทั้งหมดนี้  มีผู้คิดคดทรยศอยู่รึเปล่า” ชายผู้นั้นพูด ผู้เสพความตายเริ่มมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่ต้องห่วง” ชายซึ่งเป็นผู้นำกล่าวราวกับรู้ทัน “ถ้าใจของใครคิดเช่นเดียวกับที่ปฏิญาณยาจะไม่ออกฤทธิ์  แต่ถ้าใครที่ไม่คิดเช่นนั้น  น้ำในถ้วยนี้จะเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิง  แผดเผาลำคอและร่างกายของมัน  เอาล่ะดื่มพร้อมกัน” เขาพูดพลางยกถ้วยตรงหน้าขึ้นสูง  ผู้เสพความตายที่เหลือทำตาม  บัดนี้มัลฟอยรู้สึกว่ามือของเขาชื้นเหงื่อ  เขาหยิบถ้วยขึ้นมาถืออย่างไม่มีทางเลือก

“แด่เจ้านายผู้ล่วงลับของเรา” ชายผู้อยู่กลางวงพูด

“แด่เจ้านายผู้ล่วงลับของเรา!” เสียงของผู้เสพความที่เหลือดังขึ้นตาม  และเมื่อชายผู้เป็นหัวหน้ายกถ้วยขึ้นจรดปาก!

แต่ก่อนที่ของเหลวในถ้วยนั้นจะได้สัมผัสริมฝีปากของใคร  ลำแสงสีแดงจำนวนกว่าสิบลำก็พุ่งเข้ามาที่กลางวงของผู้เสพความตายเหล่านั้น  เป็นผลให้หลายร่างล้มลงไปนอนแน่นิ่งพื้นด้วยฤทธิ์ของคาถาสะกดนิ่ง  เหล่ามือปราบมารมากกว่าสิบคนกำลังกรูเข้ามาจับกุมผู้เสพความตายเหล่านั้นทันที  เกิดการต่อสู้กันระหว่างผู้เสพความตายและมือปราบมารอย่างดุเดือด  มัลฟอยรีบทิ้งถ้วยในมืออย่างโล่งอกพร้อมกับชักไม้กายสิทธิ์ออกมา

ตอนนี้หน้าที่ของเขาก็คือจับหัวหน้าของผู้เสพความตายให้ได้เสียก่อน  เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นพวกมันคงต้องคิดแผนชั่วขึ้นมาเล่นงานเขาอีกแน่  แต่ทันใดนั้นเองก็มีลำแสงหนึ่งฟาดมาที่เขา  ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงที  แพนซี่นั่นเอง

“เธอทรยศเรา  เดรโก!” แพนซี่พูดด้วยใบหน้าโกรธจัด “เธอเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกมือปรายมาร” เธอตะโกน  ก่อนที่จะร่ายคาถาอีกครั้ง  เดรโกไหวตัวทัน  แต่ลำแสงนั้นก็เฉียดตัวเขาไปไม่ถึงเซนต์!

“ฉันไม่ได้ทรยศใคร  พาร์กินสัน” มัลฟอยตะโกน “เพราะฉันก็ไม่ได้เป็นพวกของเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เขาพูด  แพนซี่กัดฟันแน่น  เธอฟาดไม้กายสิทธิ์มาอีกครั้ง  คราวนี้มัลฟอยไม่ยอมให้เธอเล่นงานเขาอยู่ฝ่ายเป็นแน่  ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด  จนเมื่อแพนซี่พลาดท่า

“เอ็กเปสลิอาร์มัส!” มัลฟอยพูด  ไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่ลอยไปอยู่ในมือเขา  ซึ่งเขารับมันมาอย่างชำนาญ  และตอนนี้แพนซี่ก็ไร้ซึ่งอาวุธแล้ว

“รีคัตโต!” มัลฟอยตะโกน  ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เธอ

“อิมเปดิเมนต้า!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแรงอัดมหาศาล  มัลฟอยกับแพนซี่กระเด็นไปคนละทาง  เมื่อเขารู้ตัวอีกที  ร่างในชุดคลุมสีดำเหมือนผู้เสพความตายคนอื่น ๆ นั้นก็ชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางเขาแล้ว

“แก!” มัลฟอยคำรามกัดฟันแน่น  เขาไม่รู้เลยว่าร่างที่มาช่วยแพนซี่เอาไว้นั้นคือใคร  แต่เท่าที่เขารู้มันคงไม่หวังดีกับเขาแน่  มัลฟอยคิดว่าครั้งนี้เขาคงตกที่นั่งลำบากแล้ว  แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อร่างลึกลับร่างนั้นลดไม้กายสิทธิ์ในมือลงช้า ๆ และค่อย ๆ ถอดฮู้ดที่ปิดศีรษะออก  และเมื่อใบหน้าของมันประจักษ์เข้าสู่สายตาของมัลฟอยเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก

เพราะใบหน้าใต้ฮู้ดนั้นก็คือคุณคลิฟฟอร์ด  พ่อบ้านประจำตระกูลมัลฟอยนั่นเอง!

“นายน้อย” ชายชราพูด “นายน้อยไม่ควรทำเช่นนี้เลย”

“คุณคลิฟฟอร์ด  ทำไมเป็นคุณ” มัลฟอยพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามนายน้อย  ว่าทำไมนายน้อยถึงทรยศต่อพวกเรา  ทำไมนายน้อยถึงต้องคาบข่าวไปบอกพวกมือปราบมารด้วย” เขาถาม  มัลฟอยมองไปทางแพนซี่ที่เข้ามายืนใกล้ ๆ

“อย่าไปหาคำตอบจากเขาเลยค่ะ  เขาเสียสติไปแล้ว” แพนซี่พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เขาเลือกที่จะเข้าข้างพวกเลือดสีโคลนมากกว่าพวกเรา  ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นเลือดบริสุทธิ์แท้ ๆ ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจและโกรธแค้น  และมองมัลฟอยอย่างผิดหวัง

“ทำไมกันครับนายน้อย  ทั้ง ๆ ที่นายท่านปลูกฝังเรื่องนี้ไว้ในหัวของนายน้อย  ในเลือดของนายน้อยแท้ ๆ แต่นายน้อยกลับทำให้นายท่านเสียใจ” ชายชรารำพึง

“เลิกพูดถึงเรื่องพ่อซะทีเถอะ!” มัลฟอยตะโกนราวกับเขาเก็บกดเรื่องนี้มานาน “นี่มันชีวิตผม  นี่มันตัวผม  ผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกเองได้!” เขาพูด

“แต่ทางเลือกของนายน้อยก็คือการทำลายสายเลือดบริสุทธิ์ที่ตระกูลมัลฟอยรักษามากว่าร้อยปี!” มิสเตอร์คลิฟฟอร์ดพูดด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน “ทั้ง ๆ ที่ผมพยายามทำทุกอย่าง  พยายามที่จะช่วยนายน้อยไม่ให้หลงผิด  ทั้ง ๆ ที่ผมกับคุณหนูแพนซี่พยายามจะดึงนายน้อยกลับมา” เขาพูด  มัลฟอยหรี่ตาลงอย่างสงสัย

“งั้นก็เป็นคุณใช่ไหม” มัลฟอยพูด “คุณใช่ไหมที่คอยช่วยเหลือแพนซี่  คุณใช่ไหมที่ร่วมมือกับเธอทำร้าย เฮอร์ไมโอนี่!” มัลฟอยตะโกนด้วยความโกรธ  ตอนนี้มัลฟอยดูราวกับพายุที่พร้อมจะพัดทุกอย่างตรงหน้าให้พังพินาศ  เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ในมือขึ้นทันที!

ในขณะที่มัลฟอยกำลังจะร่ายคาถาใส่มิสเตอร์คลิฟฟอร์ดนั้น

“เอกซ์เปสลิอาร์มัส!” เสียงของแฮร์รี่ดังขึ้น  ไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอยลอยไปอยู่ในมือเขา

“นั่นแกจะทำอะไรน่ะพอตเตอร์!” มัลฟอยคำราม  มองแฮร์รี่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ฉันจะห้ามนายน่ะสิ  นายกำลังจะฆ่าคนรู้มั้ย!” แฮร์รี่ตะโกน  แต่ดูเหมือนมัลฟอยจะไม่ยอมฟังเขา

“นั่นมันเรื่องของฉัน  พอตเตอร์  อย่ายุ่ง!” มัลฟอยตวาดเสียงดังลั่น  ชี้ไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่ที่อยู่ในมือเขาไปทางแฮร์รี่ที่ดูไม้สะทกสะท้านกับคำพูดเขา  แต่ชายหนุ่มกลับมายืนขวางระหว่างมัลฟอยกับมิสเตอร์คลิฟฟอร์ดและแพนซี่ไว้

“ฉันไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของนายมัลฟอย!” แฮร์รี่พูด “แต่เขาเป็นผู้เสพความตายที่ต้องนำตัวไปดำเนินคดี  นายไม่มีสิทธิ์จะฆ่าเขา” แฮร์รี่ว่า

“ฉันไม่สนเรื่องนั้น!” มัลฟอยโต้ “ถอยไปพอตเตอร์  ถ้าไม่อยากสู้กับฉัน!”

“ถึงนายไม่สนตัวเองนายก็น่าจะห่วงคนอื่นบ้างนะ  ถ้านายฆ่าคนตายไป  แล้วเฮอร์ไมโอนี่ล่ะ  เธอจะทำยังไงเมื่อนายต้องไปอยู่ในอัซคาบันน่ะ!” แฮร์รี่ตะโกน  เมื่อได้ยินอย่างนั้นมัลฟอยก็ฉุกคิดขึ้นได้



นั่นสิ  ถ้าเขาวู่วามไปแล้วเฮอร์ไมโอนี่ล่ะ  เธอจะเป็นอย่างไรแล้วไหนจะลูกของเขากับเธอที่อยู่ในท้องอีก



มัลฟอยลังเลไปชั่วขณะ  แฮร์รี่มองเขาด้วยท่าทีเบาใจ

“ทีนี้ฉันจับตัวพวกเขาไปได้หรือยัง” แฮร์รี่พูด  มัลฟอยไม่ตอบอะไร  แต่ก่อนที่แฮร์รี่และมัลฟอยจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น  แพนซี่ก็ฉวยไม้กายสิทธิ์ในมือของมิสเตอร์คลิฟฟอร์ดมา เธอชี้ไปที่มัลฟอยทันที!

ถ้าเธอไม่ได้เขามาเป็นของเธอแล้ว  เธอก็ไม่ต้องการให้ใครได้เขาไป!

แสงสีแดงจากปลายไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่พุ่งเข้าปะทะร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ไม่ทันตั้งตัว  ร่างของเขาล้มลงทันที!



TBC

No comments:

Post a Comment