Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Tuesday, July 21, 2015

Chapter 30: ด้วยรักและผูกพัน (End)

“ที่ฉันต้องทำกับเธอแบบนั้น  ที่ฉันต้องการเลิกกับเธอนั้นไม่ใช่เพราะฉันเบื่อเธอหรือว่าอะไรหรอกนะเกรนเจอร์ แต่มันเป็นเพราะว่าฉันกลัวต่างหาก”

“กลัว” เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำอย่างสงสัย

“ใช่ฉันกลัว” มัลฟอยพูด

“นายกลัวอะไรมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถามแต่มัลฟอยไม่ตอบเธอ

“ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องกับเธอ  ฉันก็ฝันร้ายมาตลอด  ฉันฝันเห็นเหตุการณ์วันนั้น  ตอนที่พ่อของฉันกำลังจะสาปเธอ” มัลฟอยหยุดพูด

“แต่ฉันก็ไม่เป็นไรนี่” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา

“แต่ในฝันมันไม่ใช่อย่างนั้นเกรนเจอร์  ในฝัน  ฉันเห็นว่าเธอถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาฉัน  ฉันเห็นเธอถูกสาปโดยที่ฉันเข้าไปช่วยเธอไม่ได้” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงปวดร้าว

“นายก็เลยกลัวว่าความฝันของนายจะกลายเป็นความจริง” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“ใช่ฉันกลัว  กลัวว่าเธอจะถูกทำร้ายเพราะฉันอีก” มัลฟอยสารภาพ

“แต่ตอนนี้พ่อของเธอก็ถูกจับไปแล้วนี่” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง

“แล้วเธอคิดว่าเขาจะไม่หาทางออกมาเหรอ  เธอคิดว่าคนที่เธอรู้ว่าใครจะปล่อยให้ลูกน้องของเขาติดคุกอยู่ทั้ง ๆ ที่เขากลับมามีอำนาจดังเดิมแล้วงั้นเหรอ” มัลฟอยพูดและเฮอร์ไมโอนี่ก้จนปัญญาที่จะเถียงเขา

“มันก็จริง” เธอพูด

“เพราะฉะนั้นฉันเลยอยากให้เรื่องของเราจบลงแค่นี้ไงล่ะ  ฉันกลัว  เกรนเจอร์  ฉันกลัวว่าถ้าฉันคบเธอต่อไปและถ้าวันหนึ่งเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก  ฉันจะสูญเสียเธอไป” มัลฟอยพูดอย่างปวดร้าว  เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจความรู้สึกของเขาดี  มันก็เหมือนกับที่เธอรู้สึกตอนที่เธอรู้ว่าครอบครัวมัลฟอยพยายามจะขัดขวางความรักของเธอ

ความกลัวที่จะสูญเสีย

“เธอไม่ต้องกลัวหรอกมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างปลอบโยน “ฉันก็ยังอยู่ที่นี่นี่  ยังอยู่กับเธอตรงนี้”

“แต่  เธอไม่เข้าใจหรอกเกรนเจอร์  ว่าพ่อฉันน่ะ” มัลฟอยเถียงเธอ

“เลิกพูดเรื่องพ่อของนายซะที” เฮอร์ไมโอนี่พูด “แล้วก็เลิกพูดเรื่องความกลัวนั่นด้วย”

“ทำไม” มัลฟอยถามเธอ

“เพราะฉันเองก็กลัว” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และเมื่อมัลฟอยได้ยินเช่นนั้นเขาทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง  แต่เฮอร์ไมโอนี่ห้ามเขาไว้ก่อน “แต่ฉันมีความกลัวที่มากกว่านั้น” เธอพูด

“ฉันกลัวว่าเธอจะเกลียดฉัน  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“ไม่มีทาง  ฉันไม่มีทางที่จะเกลียดเธอหรอก” มัลฟอยพูด

“งั้นเราก็กลับมาเป็นอย่างเดิมได้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถามเขา

“ฉัน…” มัลฟอยอึกอัก

“เธอยังรักฉันอยู่รึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“ฉันไม่เคยที่จะไม่รักเธอ  เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดกับเด็กสาว “ฉันรักเธอ”

“ฉันก็เหมือนกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เมื่อเธอพูดจบมัลฟอยก็กอดเฮอร์ไมโอนี่ทันที  เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอคิดถึงอ้อมแขนนี้เหลือเกิน  และเมื่อมัลฟอยคลายวงแขนออกจากร่างของเฮอร์ไมโอนี่

“เธอจะรับได้เหรอเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด “ที่ฉันเป็นลูกผู้เสพความตาย  ที่พ่อของฉันพยายามทำร้ายเธอ” มัลฟอยพูดอย่างกังวล

“แล้วทำไมฉันจะรับไม่ได้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอ่อนโยน

“แต่ฉัน….”

“ทีนายยังรับเรื่องสายเลือดของฉันได้เลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดยิ้ม  ๆ

“มันก็จริง” มัลฟอยพึมพำ “ฉันขอโทษเธอเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดนะเกรนเจอร์ที่ฉันทำเธอเสียใจ”

“ช่างมันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเขา

“เธอไม่โกรธฉันเลยเหรอ  ทั้ง ๆ ที่ฉันทำกับเธอถึงขนาดนั้นน่ะ” เขาถาม

“แล้วทำไมฉันต้องโกรธคนที่ฉันรักด้วยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบยิ้ม ๆ และเมื่อมัลฟอยได้ยินเช่นนั้นเขาก็รวบตัวเฮอร์ไมโอนี่มากอดอีกรอบ

“ว้าย ปล่อยนะ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง

“เมื่อไหร่เธอจะเลิกเรียกฉันว่ามัลฟอยซะที” เขาพูดพลางยื่นหน้ามาใกล้ ๆ แก้มของเด็กสาวมากขึ้น  ถ้าเป็นครั้งก่อน ๆ เฮอร์ไมโอนี่คงปฎิเสธเขาไปแล้ว  แต่ว่าครั้งนี้

“เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา

“อะไรนะ” มัลฟอยพูดราวกับไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

“เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดซ้ำใบหน้าเป็นสีชมพูด้วยความเขิน

“อะไรนะ  ฉันไม่ได้ยิน” มัลฟอยแกล้งเธอ

“พอเลย  ฉันไม่พูดแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่โวยวาย

“โอ๋  ฉันแค่ล้อเล่นแค่เนี้ย  ทำโกรธไปได้” มัลฟอยพูดอย่างอารมณ์ดีพลางดึงเธอเข้ามากอดแน่นขึ้น

“ปล่อยเถอะ  เดรโก  ฉันอึดอัด” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อเด็กหนุ่มกอดเธอแน่นขึ้น  แต่มัลฟอยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเธอเลย

“เดรโ…”

“ฉันรักเธอ” มัลฟอยกระซิบที่ช้าง ๆ หูของเธอ “ฉันรักเธอนะเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าแดงจัดจนแยกไม่ออกว่าเพราะพิษไข้หรือเพราะเขินกันแน่

“ตาเธอบ้างแล้ว” มัลฟอยทวง  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นหน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอก็ไม่ยอมพูดซะที

“โถ่  กะอีแค่คำสามคำเอง” มัลฟอยบ่น

“ฉันรักเธอ  เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางหลบตาเขา  ส่วนมัลฟอยนั้นยิ้มอย่างพอใจและก้มลงจูบเธออย่างแผ่วเบา  ซึ่งเด็กสาวก็ไม่ขัดขืนเขาแต่อย่างใด



“นี่เดรโก  เธอไม่กลัวติดหวัดฉันเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อมัลฟอยถอนริมฝีปากของเขาออกมาแล้ว  ส่วนมัลฟอยนั้นทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้

“ทำไมไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้เนี่ย” มัลฟอยบ่น

“ก็นายอยากมาลามกกับฉันเองนี่” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวพร้อม ๆ กับหัวเราะ

“นี่  เธอหาว่าฉันลามกเหรอ” มัลฟอยพูด “ดี  งั้นฉันจะให้เธอรู้ว่าลามกจริง ๆ มันเป็นยังไง” เขาพูดพลางมองเด็กสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ราวกับราชสีห์เห็นลูกกวาง

“นี่จะทำอะไรน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพลางเขยิบออกห่างเขา  แต่ช้าไปเสียแล้ว  มัลฟอยรวบตัวเธอไปไว้ในอ้อมแขนของเขาได้เสียก่อนและก่อนที่เขาจะก้มลงจูบเธอ

“ฮัดเช่ย” มัลฟอยจามออกมา  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นมองอย่างงง  ๆก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะ

“หยอยยัยตัวแสบ” มัลฟอยคว้าตัวเฮอร์ไมโอนี่มาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้งแต่เมื่อเขาจะก้มลงจูบเธออีกครั้ง

“มิสเตอร์มัลฟอย” เสียงของมาดามพรอมฟรีย์ดังขึ้น  ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที  และซักครู่เธอก็เดินตรงมาที่เตียงของเฮอร์ไมโอนี่

“เธอต้องมาให้ฉันตรวจดูแผลของเธอก่อนนะ  ตามฉันมา” มาดาพรอมฟรีย์พูดกับมัลฟอยที่ทำหน้าเซ็งสุด  ๆ และเขาก็พึมพำออกมาว่า “ให้มันได้อย่างงี้สิ”  ก่อนจะเดินตามมาดามพรอมฟรีย์ออกไปโดยดี



หลังจากวันนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดก็กลับเข้าสู่ภาวะปรกติ ลูเซียส  มัลฟอย  และผู้เสพความตายอื่น ๆ ที่ถูกจับกุมในวันนั้นถูกส่งไปอัซคาบัน  เช่นเดียวกับซิลเวีย  เพราะว่าถึงแม้เธอจะยังเป็นเด็กอยู่  แต่เธอก็พยายามที่จะทำร้ายผู้อื่นรวมทั้งยังทำงานให้กับผู้เสพความตายอย่างนายลูเซียส  และที่สำคัญเธอกลับภูมิใจในสิ่งที่เธอทำลงไปและไม่รู้สึกเสียใจแม้สักนิด  เช่นเดียวกับแม่ของเธอ  เธอจึงถูกลงโทษให้ไปอยู่ที่อัซคาบันจนกว่าเธอจะสำนึกผิดได้  แต่สำหรับเฮอร์ไมโอนี่เธอคิดว่าอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็ได้  ส่วนข่าวเรื่องที่ซิลเวียจับตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปถูกปิดเงียบด้วยความต้องการของดัมเบิลดอร์ที่ไม่อยากจะให้นักเรียนของเขาถูกนักข่าวตามรังควาน  และเรื่องทั้งหมดที่ดำเนินต่อไปอย่างที่มันควรจะเป็น  รวมทั้งเรื่องราวความรักของเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยด้วย  มันยังคงดำเนินต่อไปดังเดิม  โดยที่ไม่มีใครรู้



สองปีต่อมาในพิธีการจบการศึกษา

เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์  เด็กสาววัย 17 ปี  หรือประธานนักเรียนหญิงผู้มีผมสีน้ำตาลหยักศกรับกับใบหน้าที่ดูอ่อนหวานน่ารักของเธอ  จนใครหลาย ๆ คนต่างลงความเห็นว่าเธอนั้นยิ่งโตยิ่งสวย  กำลังเดินขึ้นไปประรำพิธีเพื่อเป็นตัวแทนนักเรียนปี 7 กล่าวคำอำลาในพิธีจบการศึกษา  เคียงคู่กับ  เดรโก  มัลฟอย  เด็กหนุ่มผู้รับตำแหน่งประธานนักเรียนชาย  ซึ่งเขามีผมบลอนด์  ผิวสีซีด  แต่ใบหน้าของเขานั้นจัดอยู่ในขั้นหล่อเหลา  โดยเฉพาะดวงตาสีซีดของเขาที่สาว ๆ หลายคนต่างกล่าวว่ามันดูมีเสน่ห์เหลือเกิน

“เอาล่ะต่อไปนี้ประธานักเรียนชายและหญิงมีอะไรจะพูด” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์กล่าว  เมื่อมัลฟอยนั้นขึ้นไปยืนบนประรำพิธีด้วยท่าทีมั่นใจ  ในขณะที่รอนกำลังคิดในใจว่า ‘ ขอให้ตกลงมาคอหักตาย ’

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทนในการกล่าวคำอำลาในวันนี้” เขาหยุดพูดและมองไปที่นักเรียนทั้งห้องโถง “ตลอดเวลาเจ็ดปีที่ผมได้อยู่ที่นี่ผมรู้สึกราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของผม  ผมได้พบเพื่อนใหม่  ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย  รวมทั้งได้พบคนรู้ใจ” เมื่อเขาพูดจบก็มีเสียงซุบซิบมาจากนักเรียนทั้งสี่บ้าน  รวมทั้งมีเสียงพึมพำอย่างผิดหวังมาจากบรรดานักเรียนหญิงที่เป็นแฟนคลับของเขา จนศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้องส่งสายตาขุ่นเขียวไปให้  นักเรียนเหล่านั้นจึงยอมเงียบ

“ความจริงผมก็ไม่อยากจะจากที่นี่ไปเลย  เพียงแต่คนเราต้องมีเดินไปข้างหน้าตามทางของเรา  แม้ผมจะได้อยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้ายแล้วก็ตาม  แต่ผมสัญญาว่าผมจะเก็บเรื่องราวทั้งหมดไว้ในความทรงจำของผม  ตลอดไปครับ” และเมื่อมัลฟอยพูดจบก็มีเสียงปรบมือดังมาจากทั่งห้องโถง ( ยกเว้นรอน ) แม้แต่เด็กกริฟฟินดอร์บางคนที่ไม่ชอบเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามัลฟอยพูดได้ดีจริง ๆ

พอพูดจบมัลฟอยก็ก้าวลงจากประรำพิธีเพื่อให้เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไปพูดบ้าง  และเมื่อเขาเดินผ่านเฮอร์ไมโอนี่เขาก็กระซิบกับเธอเบา ๆ ว่า “อย่าเผลอบอกรักฉันออกไปล่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะหันไปเล่นงานเขาแล้ว  ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเสียงของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ดังขึ้นเสียก่อน “เอาล่ะ  ต่อไปเชิญประธานนักเรียนหญิงขึ้นกล่าวความรู้สึก” เขาพูด  และเฮอร์ไมโอนี่ก็ก้าวขึ้นบนประรำพิธีโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไว้

“ฉันเองก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ขึ้นพูดในวันนี้  ตั้งแต่วันแรกที่ฉันได้ก้าวเข้ามาที่นี่  มันได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของดฉันไปโดยสิ้นเชิง” เธอพูด  และหยุดหายใจชั่วครู่

“โลกที่นี่แตกต่างกับโลกที่ฉันเคยอยู่อย่างมาก  และที่นี่ทำให้ฉันได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ฉันไม่เคยสัมผัส  ทำให้ฉันได้เจอเพื่อนใหม่  และได้รู้ซึ้งถึงคำว่า ’ มิตรภาพ ’ จนตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องจากที่นี่ไปแล้ว  แม้ฉันจะดีใจที่จะได้ก้าวออกไปในโลกของเวทย์มนตร์อย่างแท้จริง  แต่ฉันก็อดที่จะใจหายไม่ได้ที่จะต้องจากเพื่อนทุก ๆ คนไป  แต่ฉันอยากจะบอกกับทุก ๆ ไว้ว่าทุกคนยังคงเป็นเพื่อนของฉันเสมอแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ใกล้กันอีกแล้วก็ตาม” เมื่อเฮอร์ไมโอนี่พูดจบก็มีเสียงปรบมืออย่างท่วมท้นมาจากนักเรียนทุกคนในห้องโถง  เธอสังเกตุว่านักเรียนหญิงบางคนกอดคอเพื่อนร้องไห้ ( รวมทั้งปาราวตีและลาเวนเดอร์ด้วย ) เฮอร์ไมโอนี่ยอมรับว่าเธอเองก็เกือบจะเป็นอย่างสองคนนั่นแล้ว  แต่เธอไม่อยากจะร้องไห้ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน

“ไม่เห็นพูดถึงฉันเลย” มัลฟอยพูดกับเธอเมื่อเธอลงมาจากประรำพิธีแล้ว

“จะให้ฉันพูดได้ยังไงล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เถียง  มองหน้าอีกฝ่าย

“ขอเสียงปรบมือให้ประธานนักเรียนชายและหญิงอีกครั้ง” ดัมเบิลดอร์พูด  และทั้งห้องโถงก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมือ

“เอาล่ะ  ฉันรู้สึกเสียใจจริง ๆ นะที่จะต้องกล่าวคำอาลาพวกเธอ  เพราะว่าเท่าที่ฉันจำได้  พวกเธอเป็นรุ่นที่แสบที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว  แต่ฉันอยากจะอวยพรให้พวกเธอโชคดีและประสบความสำเร็จกับหน้าที่การงานนะ  เอาล่ะ  ฉันคงพูดมามากพอแล้ว  เอาเป็นว่าพวกเธอลงมือทานกันได้” เขาพูด  และเมื่อมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเดินลงไปสมทบกับเพื่อน ๆ ของพวกเขา

“มาเจอฉันที่หอดูดาวตอนสองทุ่มนะ” มัลฟอยกระซิบเธอก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะสลิธีรินอย่างรวดเร็ว

“เธอพูดได้ดีมากเลย  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่เอ่ยชมเธอ  ส่วนรอนนั้นกำลังกินอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทานอาหารที่ฮอกวอตส์แล้ว

“ฉันคงต้องคิดถึงพวกนายมาก ๆ แน่เลย” เนวิลล์บอก  ใบหน้ากลม ๆ ของเขามีความเศร้าแฝงอยู่

“ไม่เป็นไรน่ะ  เนวิลล์  ว่าง ๆ เราจะไปเยี่ยมนาย  หรือไม่ก็ส่งนกฮูกไปก็ได้” เชมัสพูดด้วยสีหน้ารื่นเริง  แต่ความจริงแล้วเขาเองก็เศร้าใจไม่แพ้เนวิลล์

“แต่ฉันไม่อยากจากพวกนายไป” เนวิลล์พูดเสียงเศร้า  น้ำตาเริ่มคลอเบ้า

“ฉันเองก็ไม่อยากจาก  เนวิลล์  แต่เราต้องก้าวไปในทางของเราเมื่อถึงเวลา” เฮอร์ไมโอนี่พูดปลอบใจเขา “แต่พวกเราก็ยังนัดเจอกันได้นี่  จริงไหม”  เธอหันไปถามความเห็นจากเพื่อน ๆ และพวกเขาก็ต่างพยักหน้ากัน  “ก็จริงของเธอ” เนวิลล์พูดพลางเช็ดน้ำตา  และลงมือจัดการกับอาหาร

ถึงแม้เฮอร์ไมโอนี่จะพูดเช่นนั้น   แต่เธอเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกับเนวิลล์เลยแม้แต่น้อย  เธอรู้สึกใจหายจริง ๆ ที่ต้องจากเพื่อนที่เธอรักไป  รวมทั้งคนที่เธอรักด้วย



หลังจากงานเลี้ยงเลิกเฮอร์ไมโอนี่ก็ไปหามัลฟอยที่หอดูดาวตามนัด  ในใจก็สงสัยว่าทำไมเขาต้องนัดเธอมาที่นี่ด้วย  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่มาถึงที่นั่นเขาก็พบร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังยืนรออยู่ตรงทางเข้าหอดูดาว

“มาช้าจริง  มัวแต่ร่ำลาเจ้าพอตเตอร์อยู่หรือไง”  มัลฟอยบ่น

“ขอโทษ” เฮอร์ไมโอนี่พูด “นายนัดฉันมาทำไม”

“ก็ไม่มีอะไร” มัลฟอยพูด “ฉันแค่อยากเจอเธอก็เท่านั้น”

“แค่นี้” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “นายนัดฉันมานี่เพราะว่าอยากเจองั้นเหรอ”

“ความจริงก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอก” มัลฟอยพูด “ฉันมีอะไรที่อยากให้เธอดู”

“อะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยน้ำเสียงรำคาญนิด ๆ ที่มัลฟอยเรียกเธอออกมาดึก ๆ ดื่น ๆ ด้วยเหตุผลแค่ว่า ‘ อยากเจอ ’

“ต้องปิดตาก่อน” มัลฟอยพูดพลางเอาผ้ามาปิดตาเฮอร์ไมโอนี่ไว้

“นี่  จะทำอะไรน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เมื่อมัลฟอยพาเธอเดินมาเรื่อย ๆ  “จะพาฉันไปไหน”

“เงียบเหอะน่า  เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ” มัลฟอยพูด  และเมื่อถึงที่หมายเขาก็แกะผ้าผูกตาให้เฮอร์ไมโอนี่

“ลองมองสิ”มัลฟอยพูด  และเมื่อเธอทำดังนั้นมันทำให้เธอได้เห็นภาพเบื้องหน้าที่ทำให้เธอต้องตะลึง

ดวงดาวจำนวนมากมายมหาศาลส่องประกายระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าสีดำ  มันมากมายเสียจนนับไม่หมด  และมันก็ดูสวยงามมาก

“สวยไหม” มัลฟอยถามเธอ  ตอนนี้เขาเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่แล้ว

“อื้อ  สวยมาก” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเธอไม่คิดเลยว่ามัลฟอยจะเป็นคนโรแมนติคกับเขาด้วย

“ขอบใจนะ” เธอบอกเขา

“ไม่เป็นไร  หวังว่าเธอคงชอบนะ” มัลฟอยพูด

“ชอบสิ  ฉันชอบมาก  มันสวยมาก ๆ เลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางมองดูท้องฟ้าสีดำนั่นอีกครั้ง  โดยที่มัลฟอยเคลื่อนกายมาโอบกอดเธอจากด้านหลังอย่างช้า ๆ

“เฮอร์ไมโอนี่”  เขาเรียกเธอ

“หือ”

“เธอเรียนจบแล้ว  เธอจะทำอะไรต่อไป” มัลฟอยพูด

“ฉันยังไม่รู้เหมือนกัน” เฮอร์ไมโอนี่บอก “แต่ถ้าได้เป็นมือปราบมารคงดี”

“เธอคิดอย่างนั้นเหรอ” มัลฟอยถาม

“อื้อ  แต่ฉันคงลองสมัตรงานอื่นดูด้วยแหละ  แล้วเธอล่ะ  เดรโก”

“ฉันไม่รู้” มัลฟอยพูด “ฉันก็คงต้องหางานทำ”

“เหรอ”

“จากวันนี้ไปเราก้คงไม่ได้เจอกันเหมือนแต่ก่อนแล้ว” มัลฟอยพูดเสียงเศร้าพลางกอดเฮอร์ไมโอนี่แน่นขึ้น  “ฉันคงไม่ได้เจอเธอทุกวัน  ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ เธออย่างเดิมแล้ว” มัลฟอยพูด

“มันก็จริง” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เธอพยายามที่จะไม่คิดเรื่องนี้มาตลอด  แต่เธอก็ทำเช่นนั้นไม่ได้

“ถ้าพวกเราไม่ต้องไปจากที่นี่ก็ดีสินะ  ฉันจะได้อยู่กับเธออย่างนี้ตลอดไป” มัลฟอยพูด

“ไม่ได้หรอกเดรโก  มันเป็นไปไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดพยายามฝืนตัวเองไม่ให้ร้องไห้

“ฉันเองก็ไม่อยากจากเธอนะ  เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเศร้า  พวกเขาทั้งสองรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร  เพราะพวกเขารู้สึกเช่นเดียวกัน

“แล้วเธออยากอยู่กับฉันไปนาน ๆ ไหม  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูด “อยู่กับฉันตลอดไป”

“อยากซิเดรโก  ฉันอยากอยู่กับเธอตลอดไป” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แม้จะไม่เข้าใจความหมายจริง ๆ ของสิ่งที่มัลฟอยพูดก็ตาม  และจู่ ๆ มัลฟอยก็ทรุดตัวลงไปคุกเข้ากับพื้น

“เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างแปลกใจ  “เธอเป็นอะไร”  แต่มัลฟอยไม่ตอบเธอ  แต่เขากลับคว้ามือข้างหนึ่งของเธอมากุมไว้

“เธอจะแต่งงานกับฉันได้รึเปล่าเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดในขณะที่เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบแหวนทองคำขาววงหนึ่งออกมา  แหวนที่เขาซื้อที่ฮอกมี้ดส์เมื่อสองปีก่อน  แหวนที่เขาตั้งใจจะให้เธอตั้งแต่ตอนนั้นแต่กลับไม่มีโอกาส

“เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำน้ำตาคลอเอ่อดวงตาคู่สวยนั้น

“เธอจะใช้ชีวิตอยู่กับฉันตลอดไปได้มั้ย” เขาพูดมองตาเธอเหมือนรอให้เธอตอบ  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่น้ำตาไหลอาบแก้ม

“แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เธอตอบ  และโผเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้าเธอทันที

“เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นด้วยความดีใจ  ส่วนมัลฟอยก็กอดเธอไว้แน่นเช่นเดียวกัน

“ยื่นมือมาสิ” มัลฟอยพูดจับมือของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา และเขาก็บรรจงใส่แหวนวงนั้นลงบนนิ้วนางของเธอ

“ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของฉันแล้วนะ” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงหน้ากลัว “ห้ามไปรักคนอื่นเด็ดขาด”

“ไม่หรอก” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวยิ้ม ๆ “ฉันรักแต่เธอ”  เธอพูดมองหน้ามัลฟอยด้วยใบหน้าไร้เดียงสาที่ทำให้มัลฟอยอยากกอดเธอขึ้นมาทันที

“ฉันเองก็รักแต่เธอ  รักแต่เธอคนเดียว  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดพลางกระชับวงแขนเพื่อกอดร่างเธอแน่นขึ้น  และเมื่อดวงตาของทั้งสองสบกัน  มัลฟอยก็ก้มลงจูบเฮอร์ไมโอนี่อย่างนุ่มนวลที่สุด



The  End

Next: ศัตรูที่่รักภาคพิเศษ: เรื่องวุ่น ๆ หลังแต่งงานของเฺฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย

No comments:

Post a Comment