Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Part I เมืองบนฟ้า: Chap 10


 สวัสดีค่ะคุณปู่” รีแอนทัก เฮอร์ไมโอนี่มองดู ทั้งสองกอดกันด้วยความคิดถึง และรอยยิ้มที่ไม่เคยได้เห็นจากใบหน้าของรีแอน

“ปู่ว่าเรามีอะไรหลายอย่างต้องคุยกัน หลานรัก รีอา รอหลานอยู่ที่ห้องน่ะ”เขาพูดกับรีแอนแล้วหัน มาหาเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย “มาเถอะห้องพยาบาล” เขากล่าวอย่างราบเรียบเมื่อเห็นแผลที่ต้นแขน 
“เธอควรจะได้พักสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะจัดการกับพวกนี้เอง” 

. . . . . . . .


ทั้งสองได้รับการรักษาบาดแผล พวกเขามีผ้าพัน แผลพันแขนไว้บริเวณเดียวกันแต่คนละข้าง และก่อนเวลาอาหารเช้า ทั้งสองนั่งเล่นอยู่ในสวน ที่เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ ยกเว้นแต่ พื้นที่มีสีขาวของปุยเมฆ 

“เอ่อ ช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ย ว่าคนไหนคือ รีอา และคนไหนรีแอน ในเมื่อเธอสองคนใส่เสื้อเหมือนกันอย่างนี้” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น เนื่องจากเธอหมดความอดทนที่มัลฟอยเอาแต่ถามเธอ ว่าใครคือใคร

“พวกเธอก็สังเกตที่แหวนสิ” เอาเป็นว่า รีแอนนอนกล่าว แล้วชูแหวนที่ใส่อยู่ให้ดู มันเป็นแหวนที่มีอัญมณีเล็กๆ
ประดับอยู่ ต่างกันที่สี คนหนึ่งมีสีฟ้าใสแพรวพราว ส่วนอีกคนเป็นสีเขียวมรกต

“ของฉัน สีเขียว” รีแอนกล่าว “ส่วนสีฟ้าเป็นของรีอา”

“และเราก็ยืนยันที่จะให้พวกเธอเรียกเราว่า..” รีอาพูด

“รีแอนนอน!” พวกเธอตอบพร้อมกัน 

“อาจจะยกเว้นตอนที่เราอยู่ด้วยกัน แบบนี้” 

“ทำไมล่ะ พวกเธอกำลังทำให้ฉันงงนะ” มัลฟอยพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน

และเหตุผลของพวกเธอก็ปรากฏ เมื่อเธอ รีอา และพี่สาวฝาแฝด รีแอน ทาบมือเรียวยาวที่ใส่แหวน วางลงบนมือของอีกฝ่าย เกิดแสงสีขาวบาดตาขึ้นในทันใด และค่อยๆจางลง แต่สิ่งที่ เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยเห็น  ณ บริเวณที่รีอาและรีแอนยืนอยู่..จากสองคน..กลับกลายเป็น คนเดียว

“เอ้อ เอาล่ะ เธอคือใคร” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางสังเกตที่แหวน ของหญิงสาว มันเปลี่ยนไปเป็น.. 

“เพชร!นี่ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเธอคือใคร” มัลฟอยถาม

“รีแอนนอน ไง” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ 

“ถูกต้อง” รีแอนนอนตอบ “ฉันหิวแล้วล่ะ เราไปทานข้าวกันดีกว่า”

. . . . . . .


“ที่จริงวันนี้เป็นวันที่เธอต้องเดินทางกลับกัน แต่พวกเธอจะพักที่นี่ต่อก็ได้นะ เธอทั้งสองดูเหนื่อยๆ..” ซันสตาร์กล่าวอย่างจริงจัง 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราไม่เป็นอะไร” เฮอร์ไมโอนี่พูดเธอไม่อยากจะอยู่ต่อแล้วเผื่อมีเหตุการณ์กระทันหันเกิดขึ้นอีก

“ใช่ครับ แล้วนี่…ศิลาสีขาว” มัลฟอยยื่น หินสีขาวบริสุทธิ์ขนาดเท่ากำมือให้เขา

“โอ พวกเธอนี่มีความสามารถมากกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีกนะเนี่ย เอาล่ะ ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น นี่ประกาศนียบัตรของพวกเธอ และขอแสดงความยินดีกับเธอทั้งสองด้วย ส่วนอันนี้ ของฝากเล็กๆน้อยๆ” 
เขายื่นถุงผ้าสีทองให้คนละอัน 

“มันเป็นผงละอองที่ฉันป้ายให้เธอที่กระดูกสะบัก เพื่อให้มีปีกในเวลา อาทิตย์กว่าๆ ใช้มันให้ดีล่ะ  ส่วนปีกที่หลังของเธอ มันจะหายไปเมื่อผ่านพ้นแสงตะวันยามเย็น เอาล่ะขอให้โชคดี ลาก่อน 
ว่างๆจะแวะมาบ้างก็ย่อมได้ ที่นี่ เมืองบนฟ้า ยินดีต้อนรับพวกเธอเสมอ”

เฮอร์ไมโอนี่สวมกอดรีอา ที่แยกร่างออกรีแอนแล้ว ขณะที่พวกเขาออกมาส่งพวกเธอที่รถม้า

“หวังว่า เราจะได้พบกันอีกนะ” เมื่อผละออกจากกัน เธอก็มองไปยังรีแอนที่กำลังร่ำลามัลฟอยอยู่

“ขอบใจที่ช่วยให้ฉันได้เจอคุณปู่กับรีอา และเราคงจะได้พบกันอีก” รีแอนกล่าว แล้วหอมแก้มเขา 
ที่เริ่มจะมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้..

“ส่วนเธอ” รีแอนหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส ในแบบของรีอา “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เฮอร์ไมโอนี่ ลาก่อน”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน รีแอน” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มตอบ ขณะจับมือกับเธอ “ลาก่อนรีแอนนอน”

เมื่อบอกลากันเรียบร้อยแล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงตามมัลฟอยที่กำลังจะเข้าไปในรถม้าไป

ข้างในนั้น ที่นอนทั้งสองสะอาดเอี่ยมไม่เหมือนตอนขามา แล้วรถม้าถลาบินขึ้นสู่ฟากฟ้า มุ่งหน้าไปยัง โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนต์ศาสตร์ฮอกวอตส์

. . . . . .


รีแอน และรีอายังคงมองตามรถม้านั้น ไปรอให้มันมันหายลับไปจากสายตา

“เราจะได้พบกันอีกแน่” รีแอนพูดพึมพำให้น้องสาวของเธอได้ยิน “คริสตร์มาสนี้เป็นไง”

“แน่นอน เยี่ยมไปเลย ว่าแต่ รีแอน เธอเล่าเรื่องของสองคนนั้นให้ฉันฟังหน่อยสิ”

“อย่างเช่นอะไรล่ะ”

“เธออย่าบอกฉันนะว่าเธอมองไม่ออก” รีอาพูด “ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั่น”

“แน่นอนสิฉันมองออก ถึงพวกเขาจะทะเลาะกันซะจนหูชาก็เถอะ”

“เฮ้ แล้วที่เธอไปจูบเขาล่ะ ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น” รีอาถาม “เธอยังเล่าให้ฉันฟังไม่จบเลยนะ”

“โธ่ เธอก็เห็นๆอยู่ ว่าสองคนนั่น ทะเลาะกันอย่างกับงานอดิเรก ถ้าไม่มีอะไรไปกระตุ้น พวกเขาจะรู้ตัวเหรอ”

“ไม่เอาน่า เราเข้าไปข้างในดีกว่า” รีแอนพูดขึ้น เมื่อเห็นว่ารีอาจะถามต่อ “เรายังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าจะต้องจัดการนะ” 

“เรื่อง คุณปู่ทั้งสองน่ะเหรอ” รีอากล่าว

“ใช่” แล้วทั้งสองก็เดินกลับเข้าปราสาท ปล่อยให้แขกผู้มาเยือนกลับสู่บ้านหลังที่สองของพวกเขา..
. . . . . . .

“นายอย่าทำที่นอนนายเลอะอีกล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น เมื่อก้าวเข้ามาในรถม้าที่ทะยานสู่อากาศ

“แล้วถ้าฉันจะทำล่ะ” 

“นายต้องหาที่นอนเอง” เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงบนเตียงของเธอ และเขาก็นั่งบนที่ของเขา เธอรับกระเป๋าของเธอที่เขายื่นให้ แล้วเอาของทุกอย่างออกจากกระเป๋า หนังสือวิเศษรู้ทุกเรื่อง
 ต้นอ่อนของต้น อันสการ์ สามต้น และอุปกรณ์อื่นๆที่เธอพกติดตัวไว้ประจำ อย่างเช่น  ปากกาขนนกกับขวดหมึก หนังสืออ่านเล่นที่ยุ่ยๆ เพราะเปียกน้ำ เธอมองมันอย่างเสียดาย 
แล้ววางมันไว้บนโต๊ะ แล้วพูดต่อ “และต้องไม่ใช่เตียงของฉัน”

“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย อีกอย่างฉันเพลียแล้วขอนอนก่อน” แล้วมัลฟอยก็หลับไป

แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังนั่งอยู่ เธอมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง คำถามที่อยากจะถามเขาก็ยังไม่ได้ถาม เธอจึงหาอะไรอย่างอื่นทำ ใช่แล้วหนังสือ เธอเอาหนังสือ รู้ทุกเรื่อง ออกมา เธอกำลังอ่านเรื่อง
 สมุนไพร อันสการ์ จนเธอฟุบหลับไปกับโต๊ะด้วยความเพลีย

. . . . . .


เธอตื่นขึ้น นึกได้ว่าเธอมานอนอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ในเมื่อครั้งสุดท้ายเธออ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ แต่ก็คงจะไม่แปลกอะไรถ้ามัลฟอยจะจัดท่านอนให้เธอ และเธอก็พบว่าเขากำลังมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง 

“ตื่นแล้วหรอ” เขาถามเมื่อเห็นเธอลุกขึ้นนั่ง 

“อืม” เธอตอบ แล้วคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ..ที่เพิ่งจะผ่านมาแวบเข้ามาในหัวของเธอ ทำให้เกิดความเงียบไปชั่วครู่ เธอค่อนข้างจะเจ็บคอ เนื่องจากที่เธอได้ตะโกน ก่นด่า เดรโก มัลฟอย ก่อนจะถูกจับขัง

“ขอโทษนะ” จู่ๆเธอก็พูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง

“ขอโทษอะไร” มัลฟอยถาม

“ที่ฉันด่านายตอนนั้นน่ะ”

“ช่างมันเถอะ เธออยู่ในสภาวะ จิตอ่อนแอ เธออาจจะกลายเป็นยัยโรคประสาทก็ได้นะถ้าฉันไม่เข้าไปคุยกับเธอ”

“นี่นาย ฉันพูดกับนายดีๆนะ”

“เฮอร์ไมโอนี่!” เสียงหนึ่งดังขึ้น นอกรถม้าที่กำลังบินอยู่ เป็นเสียงที่เธอคุ้นหู..เสียงของ รอนกับแฮร์รี่นั่นเอง เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองหน้ามัลฟอยครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้น เธอเดินไปที่ประตูสู่ระเบียงรถ แฮร์รี่และรอน ขี่ไม้กวาดมาหาเธอ แสดงว่าใกล้จะถึงฮอกวอตส์แล้วสินะ 

“ไง” เธอทัก

“เป็นไงบ้าง เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถาม “ไม่เห็นเธอส่งจดหมายมาบ้างเลย”

“ขอโทษ ฉันไม่มีนกฮูกนี่”

“ไม่อย่างนั้น เราคงจะนึกว่าเธอมัวแต่สนุกจนลืมเรา” รอนเสริม

“ช่าย เธอสนุกจนเกือบตาย เธอก็เลยลืมนึกถึงเพื่อน คิดดูสิ วีสลีย์” 
เสียงยานคางของมัลฟอยขัดขึ้น เขาก้าวออกมายืนข้างเฮอร์ไมโอนี่

“เงียบน่า มัลฟอย อย่าหาเรื่อง” เฮอร์ไมโอนี่กล่าว

“มันทำอะไรเธอรึป่าว เฮอร์ไมโอนี่”รอนถาม ส่งสายตาชิงชังไปที่เขา

“ก็ป่าวนี่ ไม่ได้ทำอะไร”

“แล้วแขนเธอไปโดนอะไรมา” แฮร์รี่ เขาสังเกตเห็นผ้าพันแผลที่ต้นแขนของเธอ

“อุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก” เธอตอบ “อากาศเย็นดีนะ”

“อยากบินเล่นหน่อยมั้ย” แฮร์รี่ถาม

“เอ่อ..”

“อ๋อแหงสิ พอตเตอร์ เกรนเจอร์เขาอยากบินจะตาย มาฉันช่วยสงเคราะห์ให้”
 มัลฟอยว่า แล้วผลัก เฮอร์ไมโอนี่ลงไป

“ว้าย!”

“เฮอร์ไมโอนี่!!” แฮร์รี่และรอนร้องอย่างตกใจ

แต่เฮอร์ไมโอนี่กางปีกสีใสของเธอออกมา แล้วบินขึ้นไปหามัลฟอย หลังจากที่ล่วงลงไปสักเมตรได้

“นายจะทำอะไรของนาย”

“ฉันคิดว่าเธออยากจะบินซะอีก เลยช่วยไง”

“แล้วถ้าเกิดว่าฉันไม่ได้มีปีกล่ะ”

“แล้วฉันจะผลักเธอลงไปทำไม ถ้าฉันไม่รู้น่ะ มีเหตุผลหน่อยเกรนเจอร์ เธอทำให้ พอตตี้กับวีเซิ้ล แข็งอย่างกับหินแน่ะ ดูสิ ตาโตปากอ้า น่าขำสิ้นดี”

“เอ่อ แฮร์รี่ รอน พวกนายเป็นอะไรรึปล่าว”

“เธอ..มีปีก” พวกเขาถามเธออย่างอึ้ง แล้วเมื่อกี้เธอก็เกือบจะตกลงไป น่าใจหายจริงๆ

“เอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “แต่เดี๋ยวฉันก็จะไม่มีมันแล้ว และนายไม่คิดจะบินเล่นเลยหรือไงมัลฟอย”

“ไม่ล่ะ ฉันไปงีบต่อดีกว่า” แล้วเขาก็หายเข้าไป

เฮอร์ไมโอนี่บินไปข้างๆรถม้า แล้วพูดคุยกับแฮร์รี่และรอน อย่างสุขใจที่เธอได้กลับมาเจอเพื่อนๆส่วนมัลฟอยนั้น แอบมองพวกเขาอยู่สักพักแล้วค่อยล้มตัวลงนอน 

. . . . . ..


“มัลฟอย มัลฟอย ตื่นได้แล้ว เกือบจะถึงฮอกวอตส์แล้ว ตื่น” เฮอร์ไมโอนี่ปลุกเขา

“อืม รู้แล้ว” เขาลุกขึ้น “อ้าว แล้วเพื่อนเธอล่ะ”

“กลับไปก่อนแล้ว ทีนี้ไปล้างหน้าซะ” เธอฉุดให้เขาลุกขึ้น "ถ้านายไม่รีบ นายจะอดบินเล่นเป็นครั้งสุดท้ายนะ”

“แล้วไง ให้ฉันไปคนเดียวฉันก็ไม่ไปหรอกนะ”

“ก็ตามใจ แต่ฉันจะไปล่ะ” แล้วเธอก็ลุกเดินไป 

“เฮ้ เดี๋ยวสิ ฉันไปด้วย” มัลฟอยตามเธอออกไปทันที

ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีแดงจากแสงอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดินเต็มที และอีกฟากของฟากฟ้า รอยของพระจันทร์เสี้ยวปรากฏให้เห็นลางๆ ทั้งเธอและเขาบินชมทิวทัศน์ไปด้วยกันทั่วฮอกวอตส์
 และมาหยุดพักบนหลังคาของหอคอยทิศเหนือ

“มัลฟอย”

“อะไร”

“ฉันมีเรื่องอยากจะถาม”

“อะไร”

“ฉันอยากรู้ว่า..”

“อะไร”

“ทำไม..”

“อะไร”

“นี่อย่ามากวนส้นเท้าฉันนะ”

“โอเคๆ ว่ามา” เขาพูดแล้วยิ้มแสดงถึงความมีอารมณ์ดี

“นายทำยังไงถึงพาฉันออกมาจากปราสาทของไนท์ไซล์ได้น่ะ” เธอถามในที่สุด

“ฉันนึกว่าเธอจะถามเรื่องอื่นซะอีก”

“เรื่องอะไร”

“ก็อย่างเช่น หลังจากที่ฉันทายาให้เธอแล้ว ฉันไปทำอะไรกับรีแอน” เขาพูดพยายามไม่มองหน้าเธอ

“แล้วทำไมฉันต้องถามนายด้วยล่ะ” เธอทำท่าทางสงสัยเป็นอย่างมาก ตรงข้ามกับความเป็นจริง

“แล้วเธอไม่อยากรู้หรือ”

“อ้อ แน่ล่ะนั่นเป็นส่วนหนึ่งในตัวมนุษย์ แต่ฉันไม่ได้อยากรู้อะไรมากมายนี่ ในเมื่อมันเป็นเรื่องของนาย ซึ่งบางเรื่องก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้ เว้นเสียแต่ นายอยากจะบอก ฉันก็ยินดีรับฟัง”

“งั้นเธอก็ฟังซะ” แล้วเขาก็เริ่มเล่า “หลังจากฉันกับรีแอน..เอ้อ..ออกจากห้องของเธอแล้ว 
ก็เริ่มวางแผนพาเธอหนี ช่าย มันเป็นความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจาก รีแอนน่ะ อันที่จริงแล้ว รีแอนและรีอาอยากจะเจอกันสักครั้ง แต่ถูกปู่ทั้งสองห้ามไว้ด้วยความที่ไม่ถูกกัน เธอก็เลยหาทางเพื่อที่จะได้พบพวกเขาสักครั้ง” 

“ถ้างั้นก็ขอบใจ” เธอพูดแล้วหันมาสบตาสีซีดที่จ้องมองเธออยู่ ก่อนจะหลบสายตาคู่นั้น

“ขอบใจสำหรับสิ่งดีๆที่มีให้ ..ขอบใจสำหรับการให้อภัยที่มีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด ..และขอบใจสำหรับมิตรภาพ
ที่อาจได้มาเพียงชั่วคราว ..ขอบใจ เดรโก --”

“มีมิตรภาพที่ไหนกัน..” เขาขัดขึ้น แล้วมองเธออย่างล้อเรียน “..ที่ได้มาแค่เพียงชั่วคราว เกรนเจอร์”

“ก็ถ้าฉันคาดไม่ผิด อีกไม่นานนายก็ต้องมาหาเรื่องพวกฉันอยู่ดี” เธอกล่าว “นี่ไม่ใช่การทำนายนะ” 

“แต่นั่นก็เป็นมิตรภาพอีกแบบหนึ่งไม่ใช่หรอ ฮ่าๆ” เขากล่าวอย่างอารมณ์ดี 
“เอาเถอะ เมื่อกี้เธอเพิ่งจะเรียก เอ้อ เรียกฉันว่าอะไรนะ”

“เรียกอะไร”

“ก็ฉันได้ยินเธอเรียกชื่อฉันนี่ เดรโก”

“ฉันไปเรียกชื่อนายตอนไหนกัน มัลฟอย” เธอหลังจากคิดทบทวนดีแล้ว ..อ้อ สงสัยฉันคงพูดชื่อ
 และนามสกุลของเขาไม่จบ..เธอคิด

“ช่างเถอะ ฉันคิดว่า นายคงไม่อยากได้ยิน ชื่อนายจากปากของฉันหรอก”

“ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ฉันอยากได้อย่างอื่นจากปากของเธอมากกว่า” เขากล่าวแล้วโอบหลังเธอไว้ “เธอก็รู้..”

“ไม่มีทาง” เธอกล่าว “เฮ้ ฉันไม่ใช่รีแอนนะ”

“ก็เพราะว่าไม่ใช่น่ะสิ” เขากล่าวแล้วขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ “และฉันอยากจะบอกเธอว่า นั่นฉันไม่ได้ขอ รีแอน เขาให้ฉันเอง”

“นั่นก็น่าจะดีแล้วสำหรับนาย มาโลภมาก เอาอะไรจากฉันเล่า” เธอโวยวาย 

“ก็ฉันไม่อยากได้รีแอนนี่”

“ทีคนเขาเต็มใจให้ก็ไม่รู้จักจะรับ แต่กับคนที่ไม่เต็มใจให้กลับจะเอา” เธอแขวะ ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

“ทีตอนที่เธอ เอ่อ ส่งกุญแจให้..”มัลฟอยกล่าวหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

“นั่นเพราะมันจำเป็น”

“แล้วตอนที่ฉันเอาอาหารไปให้เธอตอนเธอถูกขัง..” เขาพูดแต่รู้คำตอบของมันทันที

“นั่นเพราะฉันไม่มีแรงขัดขืน”

“แล้วก่อนที่เราจะหนี..”

“นั่นเพราะฉันไม่ทันตั้งตัว”

จริงอย่างเธอว่า เธอไม่เต็มใจให้เขาสักครั้ง..แต่..แล้วนี้เขากำลังทำอะไรของเขาเนี่ย ..คำว่าเลือดบริสุทธิ์ กับเลือดสีโคลน ..สายเลือด สิ่งที่พ่อของเขาพร่ำสอน ผุดขึ้นในความคิด
 นี่เขาออกนอกทางไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น สิ่งที่เขาทำเพื่อเธอ เพื่อปกป้องและช่วยเหลือเธอ มันเป็นสิ่งที่เขาทำโดยไม่รู้ตัว เป็นไปโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเอง แต่สำหรับคำว่า สายเลือด มันทำให้เขารู้สึกถูกรั้งไว้..ไม่เป็นอิสระ 
และดูเหมือนสติเริ่มจะกลับมา เขาปล่อยมือที่โอบกอดเฮอร์ไมโอนี่ออก

“เอ่อ ฉันแค่แกล้งเธอเล่นหรอกน่า ยัยเลือดสีโคลน” มัลฟอยกล่าว 

“เฮอะดี” เธอไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ที่เขายังเรียกเธออย่างนั้น “แต่จะดีกว่านี้ ถ้านายเลิกเล่นบ้าๆอย่างนี้ซักที ฉันไปล่ะ” 

“แล้วเธอจะไปไหน” เขาถาม

“ฉันจะไปไหน แล้วมันเกี่ยวกับนายตรงไหน”

“ก็ฉันคิดว่า เธองอน หรืออะไรประมาณนั้น ก็เลยจะเดินหนี ..พวกหนีปัญหา”

“ฉันไม่ได้เดินหนีปัญหาแล้วฉันก็ไม่ได้งอนนายด้วย แต่ไม่พอใจอย่างมาก มีอะไรมั้ย”

“ก็ไม่มีนี่”

“งั้นก็ลา เราคงไม่เจอกันบ่อยนัก ฉันล่ะเบื่อหน้านายแย่เลย ไปล่ะ” เ
ฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเดินไป แต่เธอก็หันกลับมาหาเขาอีกครั้ง “อ้อ ฉันลืมของน่ะ” แล้วเธอก็เขย่งปลายเท้า แล้วหอมแก้ม 

“ราตรีสวัสดิ์”

“..เอ้อ..ราตรีสวัสดิ์” เขากล่าวตอบแล้วยิ้มให้เธอ เมื่อเธอจากไปแล้วเขามองดูท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง 
แล้วเก็บคำว่า สายเลือด นั้นไว้ชั่วคราว เขาคิดถึงสิ่งดีๆที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้หัวเราะ อย่างนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ..ไม่เคยสบายใจแบบนี้มานานแค่ไหน….เขานึกถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง 
เขาจำเธอไม่ได้หรอก เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่เขามีรูปของเธอถ่ายคู่กับเขาในวัยเด็กและเด็กชายอีกคนที่มีอายุมากกว่า เก็บไว้ในล็อกเก็ต เขาไม่รู้ความเป็นมาของมันเลย เขาพกมันติดตัวไว้ตลอด
 เขาจำเธอคนนั้นไม่ได้ นอกซะจาก ความผูกพันธ์ และรอยยิ้ม..รอยยิ้มที่ร่าเริงและสดใส..ที่คล้ายเธอ 
เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์.. รอยยิ้มที่เขาไม่นึกว่าจะได้จากเธอ..

พลันเขาก็รู้สึกถึงแรงผลัก มาจากทางด้านหลัง แต่กว่าที่เขาจะทำอะไรได้ เขาก็ก้าวพลาด ถลาตกลงมาจากยอดหอคอย แต่เขายังสามารถใช้ปีกได้ และเขาก็ใช้มัน หันไปดู บุคคลที่ผลักเขา 
เฮอร์ไมโอนี่ นั่นเอง

“เฮ้ ยัยเลือดสีโคลน เกรนเจอร์ เธอเล่นบ้าอะไรของเธอน่ะ ถ้าฉันไม่มีปีกแล้วตกลงไปจะทำยังไง” 
เขาพูดสีหน้าแสดงความเคร่งเครียด ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ หัวเราะอย่างหยุดไม่ได้

“แล้วฉันจะผลักนายลงไปทำไม ถ้าฉันไม่รู้น่ะ มีเหตุผลหน่อยสิ มัลฟอย” คำพูดนี้คุ้นๆแฮะ
 เหมือนมันเคยออกจากปากของเขาเมื่อหลายชั่วโมงก่อน

“เออ ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยบ๊อง” เขาตะโกนบอกเฮอร์ไมโอนี่ที่กลับเข้าไปในปราสาทแล้ว 

เขาตามกลับเข้าไปก่อนที่ปีกของเขาจะหายไป ตรงไปยังห้องโถงใหญ่ ที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย เขามองไปรอบๆ เห็นเฮอร์ไมโอนี่ พูดคุยกับเพื่อนของเธออย่างร่าเริง
 เธอคงจะเล่าเรื่องที่เธอได้ผจญมาอยู่ล่ะมั้ง เขาละสายตามาที่โต๊ะ สลิธีริน และนั่งลงตักอาหารมากที่สุด
เท่าที่จะกินไหว และไม่พูดคุยกับใคร เขาหิวเหลือเกิน แถมยังง่วงอีกด้วย เขาไม่ค่อยได้พักสักเท่าไหร่
 เมื่อทานเสร็จเขากำลังจะลุกกลับหอแต่เสียงของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ดังขึ้นซะก่อน

“ ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์ สำหรับ พรีเฟ็คที่ไปทัศนศึกษากันมา ฉันรู้ว่าพวกเธอคงจะเหนื่อยกับการผจญภัยที่ยากจะลืม แต่ก่อนที่เธอจะกลับหอ ขอให้พวกเธอแวะไปห้องพยาบาลกันก่อน 
ไปตรวจสุขภาพ จะได้พร้อมสนุกกับกิจกรรมที่จะมีขึ้นในช่วงคริสต์มาสนี้”

ดัมเบิลดอร์กล่าวจบ บางคนก็ทยอยกันออกจากห้องโถง เฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน เธอแยกตัวออกมาจากแฮร์รี่และรอน มองมาทางมัลฟอยก่อนจะเดินออกไป ตรงไปยังห้องพยาบาล

มัลฟอยซึ่งตามมาทีหลัง ก็พบว่า พรีเฟ็คจากอีกสามบ้านก็มาอยู่รวมกันที่ห้องพยาบาล เนื้อตัวเต็มไปด้วย สเก็ดแผล เฮอร์ไมโอนี่ ยื่นต้น อันสการ์อีกสองต้นที่เหลือให้มาดามพรอมฟรีย์
 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจสำหรับมาดามเขา ทั้งสี่ตรวจสุขภาพกันอย่างเงียบกริบไม่มีใครพูดคุยกัน เพราะความเหนื่อยล้า อาจจะยกเว้นมาดามพรอมฟรีย์ที่ต้องการให้พวกเขานอนที่ห้องพยาบาล 
ไม่มีใครโต้แย้งแต่ละคนปีนขึ้นเตียงและหลับไปในที่สุด หลับสนิทไม่ฝันอะไรเลย 

 

ที่แน่ๆ พวกเขาจะไม่ลืมเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น.. 

การผจญภัยที่เป็นเหมือนสิ่งที่ผูกเชื่อมความสัมพันธ์ไว้ด้วยกัน..

ความสัมพันธ์ที่อาจจะไม่ได้เห็นแค่เพียงผิวเผิน..

แต่หากได้ใกล้ชิดกัน ได้มองเห็นส่วนที่อยู่ลึกในจิตใจของอีกฝ่าย แล้วจะได้รู้..

สิ่งที่ได้มองข้ามไปนั้น สิ่งที่ทำให้เกิดความขัดใจ ...ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ..

หรือแค่เพียงความห่วงใย แม้จะไม่รู้สึกตัวเลยก็เถอะ... 

แต่นั่นแหละ มันเป็นสายใยที่เชื่อมเขาทั้งสอง ..ความสัมพันธ์อันไม่มีที่สิ้นสุด..



The End oF Part I

To Be Continue : Part II อดีตที่หวนคืน

No comments:

Post a Comment