Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 7: Confessions of Innocence

การสารภาพความบริสุทธิ์ (Confessions of Innocence)


          เฮอร์ไมโอนี่ซบพิงกำแพงแล้วสูดหายใจลึกๆ “ทำไมฉันบอกเขาเรื่องนั้น?” เธอถามกับตัวเอง
          เมื่อมัลฟอยมองเธอแบบนั้น ด้วยดวงตาสีเทาคู่นั้นที่ดูลึกลับเหมือนอารมณ์ของเขา เธอไม่สามารถโกหกได้ เธอบอกเขาในสิ่งที่เธอไม่ได้บอกคนอื่นเลย เธอเกือบจะปล่อยให้เขาตาย กระทำบางอย่างที่เธอคิดว่ามีเพียงพ่อมดชั่วร้ายเท่านั้นที่จะทำ และเวลานี้มัลฟอยรับทราบแล้ว
          เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยกระเป๋าของเธอหล่นลงพื้น และค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งข้างมัน ปล่อยให้ผมสีเข้มของเธอปกคลุมใบหน้าขณะที่เธอชันเข่าขึ้นมา และเอาหน้าผากซบกับมันไว้ ทุกสิ่งกำ
ลังจะไม่มีที่ติแล้วเชียวถ้าไม่ใช่เพราะเขา ระยะเวลาสั้นๆ ที่เธอได้ทำงานสำเร็จในห้องสมุดช่างเป็นยามเย็นที่น่าสนใจ  เฮอร์ไมโอนี่ทราบว่าเธอสูญเสียการควบคุมตัวเองได้อย่างง่ายดายในห้องนั้น เธอชื่นชอบวิชาตัวเลขมหัศจรรย์;มันเป็นระเบียบและเต็มไปด้วยโครงสร้างมากมาย แต่เธอสูญเสียการควบคุมตัวเองเพราะการจ้องมองของมัลฟอยได้อย่างไร? มันทำให้เธอโมโหมากเมื่อนึกถึงเขาที่มีท่าทางจองหอง ยิ้มเยาะร้ายกาจ ทั้งหมดที่เขาทำล้วนสร้างปัญหา
          “เชอะ เขาคิดว่าเขาหน้าตาดี เพราะดวงตาเปล่งประกายวิบวับในบางครั้งนี่นะ” เฮอร์ไมโอนี่บ่นงึมงำแล้วพลันหยุดทันที “ฉันกำลังคิดอะไรกันเนี่ย? ถ้าดวงตาเขาวิบวับมันก็เป็นเพียงเพราะว่าเขากำลังคิดบางอย่างที่ชั่วร้ายอยู่”
          “เฮอร์ไมโอนี่? เธอกำลังทำอะไรน่ะ?”
          เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งโหยง และเห็นดีน โธมัส กำลังก้มดูเธอ
          “สวัสดี ดีน” เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้เขา
          “เธอสบายดีหรือเปล่า เฮอร์ไมโอนี่?” ดีนดูค่อนข้างกังวลที่พบสาวน้อยกริฟฟินดอร์อยู่ตามลำพังคนเดียวบนเฉลียงมืดๆ
          “ฉันสบายดี แค่กำลังคิดว่าฉันเกลียดมัลฟอยมากแค่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบๆ ไม่ได้เจาะจงอะไรเป็นพิเศษ
          “โอ้ ฉันคิดว่ามีอะไรบางอย่างกวนใจเธอซะอีก” ดีนฉีกยิ้มกว้าง “ตอนนี้ถ้าเธอไม่เกลียดมัลฟอยซิ เราควรจะเริ่มกลุ้มใจ”
          เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกผ่อนคลายและจับมือดีนที่ยื่นมาให้ เขาดึงเธอขึ้นยืน พวกเขาเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์ด้วยกัน ระหว่างที่พวกเขาเดินเล่นอย่างไม่รีบร้อน เฮอร์ไมโอนี่พูดไม่หยุดเกี่ยวกับสิ่งที่มัลฟอยและเธอกำลังทำกันอยู่ในห้องเล็กของห้องสมุด พวกเขาก้าวข้ามช่องรูปภาพเหมือน แล้วภาพใบหน้ามัลฟอยเลือนหายไปจากใจของเฮอร์ไมโอนี่อย่างสิ้นเชิง เธอคิดเสมอว่าห้องนั่งเล่นรวมเป็นสถานที่ปลอมประโลมใจและน่าอบอุ่น อย่างน้อยที่สุดเมื่อไม่ได้ถูกใช้เป็นเขตทดลองสำหรับเกมส์กลวิเศษวีสลี่ย์(Weasley’s Wizard Wheezes) การฝึกซ้อมควิดดิชรอบเย็นนี้เพิ่งเสร็จลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะทั้งทีมกริฟฟินดอร์กำลังยืนอยู่ใกล้ทางเข้าประตู ตั้งแต่หัวจรดเท้าเต็มไปด้วยดินโคลน และกำลังถกเถียงกันเรื่องกลยุทธ์ เฮอร์ไมโอนี่โบกมือให้รอนและแฮร์รี่ กลั้นหาวและออกเดินไปยังหอนอนนักเรียนหญิง
          ลาเวนเดอร์ และปาราวตี กำลังกระซิบกระซาบใส่กันและกันถึงหนังสือวิชาพยากรณ์ศาสตร์เรื่อง”ศิลปะการดูลายมือเรื่องความรัก” เฮอร์ไมโอนี่ยักไหล่และเก็บหนังสือทั้งหลายเข้าใต้เตียงของเธอ เธอเปลี่ยนชุดนอนอย่างรวดเร็วและคลานขึ้นเตียงอย่างสบายใจ ความคิดสุดท้ายของเธอก่อนหลับยืนยันกับเธอว่า “ฉันเกลียดเดรโก มัลฟอย”
. . . . . . . . . . . . . .  . .

          “เร็วหน่อยซิ เฮอร์ไมโอนี่ เธอกินข้าวโอ๊ตต้มชามนี้นานแค่ไหนแล้ว?” รอนกำลังเขี่ยลูกเกดจำนวนเล็กน้อยไปรอบจานด้วยส้อมอย่างหมดความอดทน
          “นี่มันวันเสาร์นะ ฉันไม่ต้องเร่งรีบเลย เธอก็รู้” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา ขณะรินเติมน้ำฟักทองใส่แก้วของเธอ พอเธอพูดกับเขาเสร็จ บรรดานกฮูกทั้งหลายบินเข้ามาผ่านหน้าต่างทรงสูงหลายบาน นกฮูกสีน้ำตาลตัวหนึ่งวางหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตไว้ข้างหน้าเฮอร์ไมโอนี่ตามปกติ แต่ก่อนที่ตัวแรกจะบินออกไปนกฮูกอีกตัวก็ลงมาอยู่ข้างมัน นกฮูกตัวนี้ใหญ่กว่านกฮูกขนส่งเล็กน้อยและมีสีค่อนข้างเป็นสีเทา จดหมายฉบับหนึ่งผูกติดอยู่กับขาที่ยื่นมาอยู่เหนือชามของเฮอร์ไมโอนี่
          “มาจากใคร เฮอร์ไมโอนี่?” แฮร์รี่ถาม ขณะมองเฮดวิกบินลงมาวางจดหมายสั้นๆ จากแฮกริดบนหน้าตักเขา
          เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นทันเวลาเห็นนกฮูกเหยี่ยวของมัลฟอยร่อนลงที่โต๊ะสลิธีริน “มาจากวิกตอร์ “ เธอบอกพวกเขา
          ใบหน้าของรอนเริ่มเปลี่ยนสี เมื่อเอ่ยถึงชื่อนักกีฬาควิดดิช
          “เจ้าวายร้ายนั่นยังส่งจดหมายมาหาเธอเพื่ออะไร? ฉันคิดว่าเธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอต้องการเป็นแค่เพื่อน”
          “ฉันบอกเขาไปแล้วว่าฉันต้องการเป็นแค่เพื่อน และเราเป็นเพื่อนกัน นี่คือทำไมเขาถึงส่งจดหมายมาหาฉัน จริงๆ เลยรอน ฉันคิดว่าเธอเข้าใจเรื่องราวที่ผ่านมานี้แล้วนะ” เฮอร์ไมโอนี่สอดจดหมายลงในกระเป๋าเพื่อไว้อ่านทีหลัง ไม่ใช่เรื่องเลยที่ทำให้รอนต่อต้านมากกว่านี้ด้วยการอ่านจดหมายที่นี่
          “เธอสองคนเรียบร้อยกันหรือยัง? แฮกริดอยากให้เราลงไปเยี่ยม” แฮร์รี่บอกพวกเขาเมื่อเฮดวิกบินออกไปพร้อมกับนกฮูกตัวอื่นๆ รอนหันมาหาเฮอร์ไมโอนี่เพื่อดูว่าเธอยังกินอยู่หรือไม่
          “เธอสองคนไปเถอะ ฉันจะต้องไปห้องสมุดซะหน่อย” เธอบอกพวกเขาพร้อมกับฉีกขนมปังปิ้ง
          “ห้องสมุดรึ? เฮอร์ไมโอนี่ นี่มันสุดสัปดาห์นะ!” รอนบอกเธอด้วยน้ำเสียงครวญคราง
          “ฉันต้องการไปตอนนี้ เพื่อว่าฉันจะหลีกเลี่ยงมัลฟอยน่ะ” เธอบอกพวกเขา
          “เธอรู้ได้ยังไงว่ามัลฟอยจะไม่อยู่ที่นั่นตอนนี้?” รอนถามเธอ
          “ฉันทราบว่ามัลฟอยจะไม่อยู่ที่นั่น เพราะเธอกับแฮร์รี่บนเรื่องที่เธอสองคนไม่สามารถเล่นควิดดิชในเช้าวันนี้ได้ เพราะว่าพวกสลิธีรินได้จองสนามเพื่อฝึกซ้อมและเขาเป็นซีกเกอร์ของทีมด้วยในกรณีที่เธอลืมไป” เธอดื่มน้ำผลไม้แล้วผลักชามของเธอออกไป
          “เอาล่ะ ฉันคิดว่าเราจะพบเธอเวลาอาหารกลางวัน” แฮร์รี่บอกเธอ ขณะที่เขาและรอนลุกขึ้น “ระวังมัลฟอยนะ!” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง


. . . . . . . . . . . . . .  . .

          เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงภายในห้องเล็กของห้องสมุด เธอได้เปิดลังไม้ที่แตกต่างกันหลายใบในเช้าวันนี้ แต่ละลังดูเหมือนบรรจุแผ่นงานและม้วนกระดาษมากมายที่มาจากปีต่างๆ  มีสองสามลังบรรจุหนังสือคาถาที่ดูเปราะขาดง่ายไว้หลายเล่ม เธอศึกษาของพวกนี้เป็นเวลาพอสมควรก่อนหยุดลงในที่สุดและเริ่มต้นทำงาน  เป็นครั้งคราวที่เธอลุกขึ้นไปมองนอกหน้าต่าง และสามารถมองเห็นสนามควิดดิชจากตรงนี้  เฮอร์ไมโอนี่ดูนาฬิกาและตัดสินใจตรวจดูให้แน่ใจว่ามัลฟอยยังอยู่บนสนาม หลายคนที่นั่งบนไม้กวาดกำลังพุ่งไปรอบสนามและหนึ่งในนั้นมีผมสี
บลอนด์เงินสะดุดตา เฮอร์ไมโอนี่ชะงักและมองดูสักพัก เธอต้องยอมรับว่ามัลฟอยเป็นซีกเกอร์ที่ดีคนหนึ่ง ไม่มีอะไรเหมือนแฮร์รี่แน่นอน แต่เขาอาจไม่จำเป็นต้องซื้อตำแหน่งในทีมก็เป็นไปได้
          เฮอร์ไมโอนี่เปิดหน้าต่างบานหนึ่งแล้วนั่งพักที่โต๊ะ เธอเปิดม้วนกระดาษแผ่นหนึ่ง พบว่ามันแทบไม่น่าสนใจพอกันกับม้วนก่อนๆที่ได้อ่านมา แผ่นกระดาษม้วนนี้เกี่ยวข้องกับการพยา
กรณ์มากกว่าตัวเลขมหัศจรรย์ เฮอร์ไมโอนี่หาวแล้วดึงปากกาขนนกออกมา ทำตัวผ่อนคลาย
อย่างสบายเหลือเกินในเก้าอี้นวมที่เธอลากจากตรงเตาผิงมาไว้อยู่เหนือโต๊ะ ช่างน่าเสียดาย เธอทำให้ตัวเองสบายมากเกินไปหน่อย เมื่อปากกาขนนกร่วงจากมือและศีรษะฟุบลงกับแขนเธอที่พับไว้อยู่บนโต๊ะตรงหน้า เธอไม่แม้แต่รู้สึกตัวสักนิด
          “เกรนเจอร์”
          เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งจากไกลๆ สัมผัสเบาๆ ที่แก้มของเธอ และเสียงกระซิบอีกครั้ง
          “เกรนเจอร์”
          เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจลึกกว่าเดิมเล็กน้อย และสงสัยว่าทำไมลาเวนเดอร์และปาราวตีไม่ยอมลดเสียงของพวกเธอลงในหอนอน เธอรู้สึกลมหายใจเบาๆ สัมผัสแก้มเธอ เธอยกมือเพื่อลูบครุกแชงซ์ แต่แทนที่เป็นขนสัตว์มือเธอกลับสัมผัสบางอย่างที่เรียบลื่นและเย็น เสียงนี้เริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อเธอตื่นขึ้นอย่างช้าๆ และเรียกเธอซ้ำอีกครั้ง
          “เกรนเจอร์”
          มือเธอยังคงสัมผัสกับพื้นผิวเรียบลื่นของสิ่งที่ไม่ใช่ครุกแชงซ์  เฮอร์ไมโอนี่กระพริบลืมตาขึ้น และกระชากมือกลับราวกับว่าถูกลวกมือ พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องตกใจเบาๆ  มือของเธอได้สัมผัสแก้มของมัลฟอย เขากำลังคุกเข่าถัดจากเก้าอี้ของเธอ ใบหน้าเขาอยู่ห่างจากใบหน้าเธอแค่ไม่กี่นิ้ว เฮอร์ไมโอนี่ดันเก้าอี้เธอไปด้านหลังอย่างแรงและมันเริ่มเอียง เธอมีเวลาเพียงแป๊บเดียวเพื่อรับรู้ว่ามันกำลังจะคว่ำ เมื่อมือของมัลฟอยจับเก้าอี้เธอไว้และลากเธอมาข้างหน้าอีกครั้ง เขาดึงมือขวาเธอออกจากเก้าอี้ แล้วเธอก็ล้มลงมาคุกเข่าถัดจากเขา
          “เธอช่างซุ่มซ่ามอย่างมาก เกรนเจอร์ บอกฉันหน่อยว่านี่เพราะเธอเป็นเลือดสีโคลนหรือเป็นเด็กกริฟฟินดอร์?” เขายิ้มแหยะให้เธอแล้วปล่อยมือเธอ
          “ฉันคิดว่าเราสงบศึกกันซะอีก มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดใส่ขณะที่รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
          “อะไรกัน เธอโดนสาปรึไง?” เขาถามเธออย่างไร้เดียงสา เมื่อเธอยืนเรียบร้อยแล้ว
          เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบห้อง มองไปที่กองหนังสือเธอ จากนั้นเธอยกแขนทั้งสองของเธอขึ้นตรวจดูและค้นหาร่องรอยของเวทมนตร์ที่หลงเหลือไว้บ้าง แต่ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
          “มันต้องใช้ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ทั้งหมดของฉันที่ไม่เสกคาถาใส่เธอ แน่นอนฉันรักษาสัญญาของฉัน ถึงแม้ว่าฉันเป็นมัลฟอยคนหนึ่งก็ตาม” เขาเดินอ้อมโต๊ะมาแล้วนั่งลง
          “และนั่นน่าพิจารณาอย่างยิ่ง เหล่าผู้เสพความตายรู้จักวิธีการซื่อสัตย์ด้วยงั้นหรือ?” เฮอร์ไมโอนี่ลากเก้าอี้ไปด้านหลังและเริ่มเก็บกระเป๋า ใบหน้าเธอแดงก่ำและรู้สึกค่อนข้างกระดากที่มัลฟอยมาพบเธอหลับอยู่
          “ฉันไม่ใช่ผู้เสพความตาย” มัลฟอยพูดอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงของเขาหนักแน่นมากทำให้เฮอร์ไมโอนี่เงยมองเขาอย่างประหลาดใจ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างมาก และมีลักษณะเหม่อลอยอยู่ในแววตาสีเทาของเขา
          “แต่ว่าพ่อของนาย...” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มได้แค่นั้นก็ถูกขัดจังหวะจากมัลฟอยซึ่งลุกขึ้นอย่างเดือดดาล
          “ฉันจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับพ่อของฉันแน่   พวกเขาไม่เคยสอนเธอหรือไงแม่คนดีมีศีลธรรมว่าอย่าตัดสินผู้คนจากพ่อแม่ของเขา?” เขาอ้อมโต๊ะมายืนอยู่ข้างหน้าเธอ ความสนุกสนานทั้งหมดที่เขารู้สึกก่อนหน้านั้นจางหายไปหมดแล้ว
          “ฉันไม่เคยตัดสินนายจากพ่อแม่ของนายเลย ฉันตัดสินนายเพราะว่านายเป็นคนพูดพล่ามอารมณ์ร้ายนะซิ!” เฮอร์ไมโอนี่หันมาเผชิญหน้ากับมัลฟอยตรงๆ
          “เธอต้องถอนคำพูด เลือดสีโคลน!” มัลฟอยคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เขายืนตรงหน้าเธอ ดวงตาสีเทาดูลึกลับเมื่อประสานตากับเธอ
          “ฉันจะไม่ทำ” เฮอร์ไมโอนี่ตะคอกใส่เขา แล้วหันหลังเดินไปที่ประตู เธอหยุดก่อนออกไปและหันกลับมาที่เขา หน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อย “นายไม่ได้เป็นผู้เสพความตายจริงๆ นะ?”
          เขาจ้องเธออย่างสงบนิ่ง เธอคิดว่าเขาจะไม่ตอบคำถามของเธอ แต่เมื่อเธอเดินผ่านประตูไป เธอได้ยินเขาเอ่ยออกมาจากด้านหลังเธอ
          ไม่ เกรนเจอร์ ฉันไม่ได้เป็น”

TBC

No comments:

Post a Comment