Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 23: Watcher in the Woods

ผู้เผ้ามองในดงไม้ (Watcher in the Woods)



          “เอาล่ะ เอาล่ะ สาวน้อย หยุดร้องไห้ได้แล้ว มันไม่ได้แย่มากนัก” มาดามพอมฟรี่ย์ทำเสียงรำคาญเล็กน้อย ระหว่างที่เธอตรวจดูใบหน้าของลาเวนเดอร์ “ฉันคิดว่ามิสเกรนเจอร์คงต้องได้รับแรงกดดันจากมันนะ”

          เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่บนเตียงถัดจากลาเวนเดอร์ “เธอจะหายดีใช่ไหมค่ะ? หนูไม่อยากเชื่อเลยว่า หนูช่างโง่มากที่ทำอะไรแบบนั้น”

          มาดามพอมฟรี่ย์เริ่มทาครีมสีน้ำเงินเข้มลงบนใบหน้าลาเวนเดอร์อย่างอ่อนโยน “ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว เธอมีแผลไหม้เพียงเล็กน้อยแค่นั้น มันจะหายดีทั้งหมดเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน แต่สำหรับเธอ” หล่อนเอ่ยพร้อมกับหันมาที่เฮอร์ไมโอนี่ “เธอจำเป็นต้องปิดผ้าพันแผลพวกนี้ไปจนถึงพรุ่งนี้เช้า”

          เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทางผิดหวังอย่างมาก “นานขนาดนั้นหรือค่ะ? แต่ว่าหนูมีการบ้านต้องทำ”

          มาดามพอมฟรี่ย์ใช้สายตาพิจารณาเฮอร์ไมโอนี่อย่างลึกซึ้ง;มันผิดปกติที่มีนักเรียนบ่นร้องเรียนว่าไม่สามารถทำการบ้านของพวกเขาได้ “ฉันแน่ใจว่าเธอจะทำได้” เธอพูดในที่สุด หลังจากพิจารณาแล้วเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้กำลังเสแสร้งแกล้งทำ

          เฮอร์โมโอนี่หันไปหาลาเวนเดอร์อีกครั้ง “เธอสบายดีนะ? ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ”

          ลาเวนเดอร์ผู้สามารถหยุดคร่ำครวญได้ในที่สุด มองมาที่เธอด้วยนัยน์ตาแดงๆ และเปียกชื้น แล้วพูดน้ำเสียงสั่นเครือว่า “สบายดี เฮอร์ไมโอนี่ ฉันเองเป็นคนที่สะดุดล้มใส่เธอ”

          “ฉันรู้ แต่ว่าสเนปพูดถูก ฉันไม่ควรชั่งตวงรากดอกบัวเหนือหม้อปรุงยาของฉัน ฉันรู้ดีเกินกว่าทำแบบนั้น”

          และเธอทราบดีเกินกว่านั้นอีก เฮอร์ไมโอนี่ทราบข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทั้งหมดเมื่อทำการปรุงยา การชั่งตวงส่วนผสมของคุณต้องให้ห่างจากความร้อนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในรายการ แต่ว่าเธอได้ถูกทำให้วอกแวก เบี่ยงเบนความสนใจไปนับตั้งแต่เธอก้าวเท้าเข้าไปในห้องเรียน นับตั้งแต่เธอยอมให้เขาสบตากับเธอ จากนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาที่เหลือในชั้นเรียนไปพร้อมกับแก้มแดงเรื่อเล็กน้อย มือไม้สั่น และสิ่งที่รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อนับพันกำลังกระพือปีกอยู่ภายในท้องของเธอ

          เธอไม่แน่ใจนัก แต่เฮอร์ไมโอนี่สาบานได้ว่ามีบางคนกำลังจับตามองเธออยู่ตลอดที่ชั้นเรียน และเดาได้ง่ายมากเลยว่าใครคือบุคคลคนนั้น แต่ว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่กล้าหันกลับไปมอง เพราะตราบเท่าที่เธอไม่มอง แน่นอนว่าเธอก็จะไม่รู้ และความไม่รู้ดูเหมือนปลอดภัยมากกว่าความเป็นไปได้ที่ว่า เดรโก มัลฟอย กำลังเฝ้ามองเธอและกำลังระลึกถึง

          “เอาล่ะ ฉันเสร็จเรื่องกับพวกเธอสองคนแล้ว”  เสียงของมาดามพอมฟรี่ย์ดึงเฮอร์ไมโอนี่ออกจากภวังค์กลับมายังสถานพยาบาล “ตอนนี้เธอจำสิ่งที่ฉันพูดนะ มิสเกรนเจอร์ เธอต้องปิดผ้าพันแผลพวกนี้ไว้ เธอจำเป็นต้องได้รับยามากกว่ามิสบราวน์ และห้ามโดนน้ำหรือโดนลมด้วยนะ”

          เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าโดยไม่พูดอะไรและยืนขึ้น เธอมองดูมือทั้งสองข้าง;พวกมันถูกห่อหุ้มอยู่ในผ้าพันแผลสีขาวหนาเตอะ เรื่องราวต่างๆ ดูเหมือนว่าเกิดขึ้นกับมือของเธอเสมอ ราวกับว่าโชคชะตารู้ว่าความทรมานที่แท้จริงสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เธออยู่ห่างจากเรื่องงานการเรียนของเธอ เมื่อเธอลองขยับนิ้วมือ เฮอร์ไมโอนี่ก็ทราบว่าไม่มีทางเลยที่เธอจะเขียนหนังสือได้ในคืนนี้ ถึงแม้ไม่มีน้ำหนักของผ้าพันแผลที่หุ้มไว้ การเคลื่อนไหวนิ้วมือแข็งทื่อของเธอก็เป็นสาเหตุให้เจ็บปวดมากเกินกว่าเธอจะอยากทำซ้ำอีก

          ลาเวนเดอร์และเฮอร์ไมโอนี่แยกทางกันที่ตรงบันไดเหนือห้องโถงทางเข้า ลาเวนเดอร์ตั้งใจว่าจะใช้เวลาว่างช่วงบ่ายของเธอ  เพื่อผสมเครื่องสำอางเวทมนตร์ของมาวิส(Mavis’ Megical Makeup) เข้ากับสีทาแก้มพวกมักเกิ้ลของฮันนาห์ แอบบอท(Hannah Abbot’s muggle blush)  โดยจินตนาการว่าสิ่งนี้ก่อกำเนิดเป็นการรวมตัวกันที่น่าสนใจเลยทีเดียว ซึ่งปาราวตีสาบานว่าจะสามารถมองเห็นได้แต่ไกลเกือบหนึ่งกิโลเมตร โดยส่วนตัวแล้วเฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงอยากให้หน้าแดงเหมือนไฟจราจร แต่เธอสนิทสนมกับลาเวนเดอร์ไม่ดีมากพอที่จะพูดแบบนั้น เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธการแปลงโฉมหน้าซึ่งลาเวนเดอร์เสนอมานี้อย่างสุภาพ และตัดสินใจไปเดินเล่นบริเวณทะเลสาบแทน

          สายลมอ่อนๆ ของฤดูใบไม้ผลิพัดลอยข้ามสายน้ำใสในทะเลสาบ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกพอใจที่มันไม่หนาวเย็นมากนัก ภายในอีกแค่ไม่กี่เดือนพวกเขาจะต้องสอบ ว.พ.ร.ส.(O.W.L.S.)  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าบึ้ง;เธอควรใช้เวลาช่วงนี้เพื่อศึกษาทบทวนสำหรับการสอบ แต่เปล่าเลย เธอกลับทำลายและระเบิดหม้อปรุงยา

          เฮอร์ไมโอนี่หยุดลงใกล้ริมทะเลสาบ;ป่าต้องห้ามกำลังรุกคืบขึ้นมาบนทางเดินเท้าอีกแล้วซึ่งทิ้งร่องรอยไว้ตามเนินทราย เธอได้อ่านเรื่องฮอกวอตส์;เรื่องราวที่ว่าทุกๆ 2-3 ปี เวทมนตร์ต้องถูกใช้เพื่อผลักดันให้ป่าไม้ถอยกลับไป พวกต้นไม้เหล่านี้ดูเหมือนมีจิตวิญญาณของตัวมันเอง และบางครั้งแสดงให้เห็นว่าต้องการเขมือบกินโรงเรียน เฮอร์ไมโอนี่สั่นเทาเมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนไปอยู่ด้านหลังก้อนเมฆ ทำให้เกิดเงาลางๆ จากดงไม้หนาทึบมาถึงตัวเธอ ทันใดนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอกำลังถูกจับตามองอยู่

          เธอหมุนไปรอบๆ แต่ไม่มีใครสักคนที่นี่ อย่างไรก็ตามความรู้สึกนี้ยังคงอยู่ ความเชื่อแน่นอนอันเย็นเยือกว่าบางคนกำลังจ้องมองมาที่เธอ ความรู้สึกนี้ช่างแรงกล้ามาก และความรุนแรงนี้ช่างคุ้นเคยนัก

          “เดรโก?” เธอเรียกเบาๆ แต่เสียงเธอดังไปไกลเกินกว่าที่เธอตั้งใจไว้

          เฮอร์ไมโอนี่ยังมองสำรวจไปที่ดงไม้อย่างกังวลต่อไป สายตาเธอเคลื่อนกลับไปที่เสียงของการเคลื่อนไหวที่บอกถึงความชั่วร้ายลึกเข้าไปในกลุ่มต้นไม้สีเขียว ชั่วแวบหนึ่งเธอคิดว่าเธอเห็นร่างคน

          “เฮอร์ไมโอนี่?”

          เฮอร์ไมโอนี่ร้องอุทานแล้วหันกลับไป เมื่อเสียงแฮกริดร้องเรียกเธอ แฮกริดกำลังเดินมาตามทางเดินเท้า

          “แฮกริด มีบางคน...” แต่เสียงของเฮอร์ไมโอนี่เลือนหายไปเมื่อเธอมองกลับเข้าไปในความมืดทึบของป่าไม้ ไม่มีใครอยู่ที่นั่น “หนูคิดว่าหนูเห็น...” เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย

          “ทำไมเธอไม่อยู่ในชั้นเรียน?” แฮกริดถามพร้อมกับเดินมายืนข้างเธอ

          พระอาทิตย์เคลื่อนออกจากด้านหลังก้อนเมฆที่พัดผ่านไป และทางเดินเท้าถูกปกคลุมอยู่ในแสงสว่างอบอุ่นอีกหน พวกต้นไม้น่ากลัวนี้ดูเหมือนเกือบจะถอยห่างออกไปภายใต้แสงอาทิตย์ และความรู้สึกของเฮอร์ไมโอนี่เรื่องกำลังถูกจับตามองอยู่ก็อันตรธานไปด้วย เธอชำเลืองดูแมกไม้น่าสงสัยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหันไปหาแฮกริดผู้ที่กำลังรอคำตอบ เฮอร์ไมโอนี่ยกมือทั้งสองของเธอที่ถูกปิดผ้าพันแผลไว้เป็นคำตอบ

          “เกิดอะไรขึ้น? เนวิลล์ระเบิดหม้ออีกแล้วหรือ?”

          “ไม่ใช่” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเศร้าหมอง “หนูทำเองค่ะ”

          แฮกริดกลั้นเสียงหัวเราะกลับลงไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจว่า “เอาเถอะน่า เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้แม้แต่กับคนเก่งที่สุดของพวกเรา”

          “หนูไม่สามารถแม้แต่ทำการบ้านได้” เฮอร์ไมโอนี่โอดครวญอย่างบูดบึ้ง กำลังรู้สึกค่อนข้างเสียใจให้กับตัวเอง เมื่อรู้สึกทันทีว่ามือข้างหนึ่งของเธอเริ่มคันอย่างมโหฬาร

          “เอาน่า เธอสามารถมาและช่วยฉันได้นะ ไม่ต้องกลุ้มใจไปหรอก เธอไม่จำเป็นต้องใช้มือของเธอเลย”  แฮกริดยิ้มกว้างเห็นฟัน “ฉันเพิ่งได้พวกไบเมสทริส(bimestris) มาวันนี้เอง และฉันกำลังพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการอยู่อย่างสงบ ระหว่างที่ฉันยังไม่ได้จัดการกับพวกมัน”

          เฮอร์ไมโอนี่เดินตามไปกับแฮกริด ดีใจที่ได้มีอะไรให้ทำและโล่งใจที่ไม่ต้องเดินคนเดียวตามลำพังอีกต่อไป

          เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับไบเมสทริสมาก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย เพราะเฮอร์ไมโอนี่มีความรู้เรื่องพวกสัตว์วิเศษค่อนข้างมาก และแฮกริดเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความรักใคร่ให้กับพวกสัตว์ที่ผิดกฏหมาย ความรู้สึกสังหรณ์ใจนี้เพิ่มมากขึ้นเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ลานโล่ง และเสียงดังแหลมสามารถได้ยินชัดเจน เมื่อมาถึงกระท่อมเสียงดังนี้แทบสุดจะทนรับได้ มันคล้ายกับกับเสียงเล็กๆ นับพันกำลังร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัว ความกังวลใจทั้งหมดของเธอหายไปเมื่อเธอเห็นสิ่งที่

แฮกริดกำลังพูดถึง ข้างในลังที่เปิดอยู่หลายใบใกล้ประตุ คือสัตว์ขนปุกปุยตัวเล็กๆ สีสันต่างกัน เจ้าสัตว์พวกนี้ซึ่งไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือของเฮอร์ไมโอนี่กำลังร้องโหยหวนด้วยความตกใจ และกำลังตะกรุยเข้าใส่ตัวอื่นแต่ละตัวอย่างไม่ว่างเว้น เจ้าสัตว์สี่เท้าขนปุกปุยบางตัวหยุดการดิ้นรนบ้าคลั่งของมัน และเงยขึ้นมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความสนใจอย่างไม่ปิดบัง จมูกสีชมพูของพวกมันกระตุกก่อนกลับไปสู่อารมณ์ตกใจกลัว และเข้าร่วมในการทะเลาะวิวาทของพวกมันอีกหน

          “แฮกริด” เฮอร์ไมโอนี่ถามพร้อมกับยิ้มไปด้วย “พวกมันทำอะไรได้ค่ะ?”

          “เออ เมื่อพวกมันไม่ถูกทำให้ตื่นเต้นตกใจ พวกมันทำได้หลายอย่างเลยนะ” แฮกริดเอื้อมมือหนึ่งลงไปที่พวกมันตัวหนึ่ง แล้วเหมือนกับฝูงปลาพวกมันทั้งหมดแตกฮือจากการจับ “โดยปกติพวกมันถูกใช้กำจัดพวกวัชพืชในสวนของพวกพ่อมด เธอดูซิ พวกมันชื่นชอบหญ้าสดๆ และอะไรทำนองนี้มากเลย และพวกมันเหมือนรู้เสมอว่าพืชชนิดไหนไม่ควรสัมผัส” แฮกริดยิ้มอย่างรักใครให้กับเจ้าสัตว์ตัวเล็กที่กำลังวิ่งเตลิดอยู่ “โอ้ เธอเห็นไหมว่าพวกมันขี้ตกใจขนาดไหน เธอแทบจะไม่เคยได้เห็นพวกมัน เธอสามารถปล่อยพวกมันนับร้อยเข้าไปในเรือนต้นไม้ของศาสตราจารย์เสปราต์ แล้วจะไม่ได้เห็นพวกมันสักตัวเดียวอีกเลย พวกมันใจดีคล้ายกับพวกเอลฟ์รับใช้ทำนองนั้น”

          “หนูคิดว่ามันผิดสำหรับทุกคนที่หวังให้พวกเอลฟ์รับใช้อยู่นอกสายตา แน่นอน นั่นเป็นไปได้ที่ผู้คนส่วนใหญ่สามารถมองข้ามเงื่อนไขโหดร้ายนี้ ว่าเอลฟ์รับใช้มีชีวิตอยู่ภายใต้สังคมโลกเวทมนตร์ใบนี้ อยู่นอกสายตา ออกจาก...”

          “เฮอร์ไมโอนี่” แฮกริดพูดอย่างนุ่มนวล “เธอกำลังทำให้พวกไบเมสทริสตกใจกลัวนะ”

          เฮอร์ไมโอนี่หยุดการพูดโวยวายของเธอแล้วเหลือบกลับลงไปในลัง เห็นว่าพวกสัตว์ขนฟูตัวเล็กนี้ตื่นตระหนกมากยิ่งกว่าเมื่อก่อนหน้านั้น “โอ้ หนูเสียใจ” เธอพูดอย่างรวดเร็วกับแฮกริด

“หนูไม่ได้ตั้งใจทำให้พวกมันตกใจเลย เราจะทำให้พวกมันสงบลงได้อย่างไรค่ะ?”

          “พวกมันดูเหมือนชอบการฮัมเพลงเพราะๆ เสมอ”

          “อะไรนะค่ะ?” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

          “การฮัมเพลง พวกมันชอบการฮัมเพลง แต่ว่าไม่ใช่เสียงของฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง” รอยยิ้มของแฮกริดจางลงไปแป๊บหนึ่งเมื่อถึงตรงนี้ “แต่ฉันคิดว่าพวกมันน่าจะชอบเสียงของเธอนะ”

          เฮอร์ไมโอนี่มองพวกไบเมสทริสแล้วกลับมาที่แฮกริด “หนูควรจะฮัมเพลงอะไร?”

          “เพลงอะไรก็ได้จนกระทั้งได้ผล”

          เธอขมวดคิ้วและลองคิดถึงเพลงหนึ่งซึ่งผุดขึ้นมาทันทีลบเพลงอื่นๆ ทั้งหมดออกไปจากหัวเธอ เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจแล้วเริ่มฮัมทำนองเพลงช้าอันไพเราะ เพลงที่เธอไม่สามารถจดจำเนื้อเพลงได้เลย แม้ว่ามองย้อนกลับไปหามัน เฮอร์ไมโอนี่จดจำได้แค่ว่ามันเป็นทำนองเพลงเดียวกับที่เธอเต้นรำอยู่ด้านนอกภายในสวนช่วงเวลาที่สายหิมะกำลังโปรยปรายเมื่อนานมาแล้ว

          ทีละตัวทีละตัว เจ้าพวกไบเมสทริสเฝ้าสังเกตการฮัมเพลงนุ่มนวล พวกมันเริ่มโยกไหวอย่างช้าไปตามเสียงเพลง ยินยอมให้โอกาสกับแฮกริดเอื้อมมือลงไปและจับพวกมันขึ้นมา เขาตรวจดูขนและลูกตาของพวกมัน แล้วเคาะจมูกแต่ละตัวเบาๆ ซึ่งทำให้ไบเมสทริสดิ้นไปมา ร้องครางแล้วสุดท้ายก็จามผงฝุ่นสวยงามเป็นประกายออกมาลอยกระจายไปในอากาศ จากนั้นแฮกริดวางแต่ละตัวอย่างอ่อนโยนเข้าไปในกรงกระต่ายใบใหญ่ใบหนึ่งที่วางคอยอยู่ใกล้ๆ

          เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลายามบ่ายไปกับการทำให้พวกไบเมสทริสหันเหความสนใจไป ในระหว่างที่แฮกริดดำเนินกระบวนการนี้ตลอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั้งแต่ละตัวและทุกๆ ตัวได้รับการตรวจดูแล้ว จากนั้นก็วางลงไปในบ้านหลังใหม่ เมื่อพวกเขาทำเสร็จสิ้นเรียบร้อย เฮอร์ไมโอนี่กล่าวคำอำลาและเดินกลับไปที่โรงเรียนด้วยหัวใจเบิกบานและอารมณ์ดี ถึงแม้ว่าเธอไม่สามารถทำการบ้านได้ แต่เธอยังคงเป็นประโยชน์ให้แก่คุณครูคนหนึ่ง และสิ่งนั้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเป็นสุขเสมอ เธอเพิ่งมาถึงประตูเมื่อรู้สึกถึงแรงกระตุ้นให้เหลือบข้ามไหล่กลับไปมองที่นั่นตรงชายป่า;ร่างคนยืนอยู่ 

เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองต้านแสงพระอาทิตย์กำลังตกดิน พยายามมองว่าใช่แฮกริดหรือไม่ แต่ร่างนั้นได้หายกลับไปในความมืดก่อนที่เธอจะมีโอกาส เฮอร์ไมโอนี่ยืนนิ่งอย่างกังวลใจ รออยู่สักพักใหญ่ก่อนเดินต่อเข้าไปในโรงเรียน

          ลมกรรโชกพัดใส่รูปภาพเหมือนปิดตามหลังและทำให้เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เธอไม่อาจอธิบายมันได้ เธอไม่คิดว่าตัวเธอเป็นพวกตื่นตกใจง่ายๆ  ใช่แล้วบางทีมันเกิดจากการเรียนมากของเธอ คงเป็นเช่นนั้น แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังเดินอยู่บนเปลือกไข่มาตลอดทั้งวัน โถงทางเดินของโรงเรียนดูร้างว่างเปล่าผิดปกติ เมื่อเธอกลับจากกระท่อมของแฮกริดในตอนบ่าย  พระอาทิตย์

เจิดจ้าดูเหมือนไม่สามารถสาดส่องทะลุเข้าไปภายในโถงทางเดินของโรงเรียนได้ เปลวไฟสว่างกับบรรดาเทียนไขไหวระริกตามปกติช่วยเสริมให้เงามืดทั้งหลายกระจายลึกเข้าไป และเอื้อมนิ้วมืออันหิวโหยตรงมายังเฮอร์ไมโอนี่

          มีเสียงดังกริ๊กด้านหลังเธอ เฮอร์ไมโอนี่กลั้นหายใจ มือหนึ่งวางลงบนไหล่ของเธอ เธอรู้สึกถึงบางอย่างที่บ้าคลั่งและตื่นตระหนกซึ่งมาจากภายในตัวเธอ เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปและเริ่มต่อสู้อย่างหนักเท่าที่เธอทำได้ มีเสียงร้องอุทานแล้วมือนั้นก็เลื่อนหลุดไป

          เฟร็ดล้มลงห่างจากเฮอร์ไมโอนี่ กำลังกุมสีข้างของเขาตรงที่เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งต่อยเขาไป จอร์จยืนอยู่ด้านหลังเขาภายในช่องรูปภาพเหมือน กำลังตะลึงมองด้วยอาการตกใจอย่างเปิดเผย

          “โอ๊ย เฮอร์ไมโอนี่!” เฟร็ดพูดอู้อี้ “ทำไมทำแบบนั้นหา?”

          “เฟร็ด?” เฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนกำลังมีปัญหาในการตามเรื่องให้ทันชั่วขณะ “โอ้ พระเจ้าช่วย เฟร็ด ฉันเสียใจจริงๆ” เฮอร์ไมโอนี่ก้าวตรงไปหาเขา

          จอร์จเริ่มหัวเราะคิกคัก เฮอร์ไมโอนี่และเฟร็ดทั้งคู่ต่างถลึงตาใส่เขา ทว่าเขากลับหัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิม “นั่นเป็นสิ่งที่นายสมควรเจอแล้ว เฟร็ด!” เขาพูดพลางหอบหายใจไปด้วย “ฉันบอกนายแล้วว่าอย่าเที่ยวเดินไปทั่วคอยแอบย่องตามพวกเด็กสาวๆ มันอาจใช้ได้ผลกับพวกฮัฟเฟิลพัฟซึ่งนายเคยทำมาก่อน แต่กับสาวๆ กริฟฟินดอร์ของเราเป็นอีกพวกหนึ่ง”

          “หุบปากไปเลย จอร์จ “ เฟร็ดร้องเบาๆ  สีสันกำลังกลับสู่ใบหน้าเขา

          “ฉันเสียใจจริงๆ นะเฟร็ด ฉันไม่รู้ว่าเป็นเธอ ฉันคิดว่า...ฉันไม่รู้ว่าฉันคิดอะไร” เฮอร์ไมโอนี่แค่รู้สึกกลัว เธอไม่คิดว่าตัวเธอเป็นคนรุนแรงดุร้ายอีกเช่นกัน

          ช่องรูปภาพเหมือนเปิดอีกหน รอนและแฮร์รี่ปีนลอดเข้ามาพร้อมกับแบกกองหนังสือตั้งใหญ่ ซึ่งพวกเขาเอามาจากห้องสมุดเพื่อทำการบ้านวิชาเวทมนตร์ศาสตร์

          “มีอะไรตลกมากหรือ?” รอนถามอย่างระวัง

          “ไม่มีอะไร!” เฟร็ดอุทาน

          “ทำไมนายกุมสีข้างตัวเองแบบนั้นล่ะ?” แฮร์รี่สงสัย ขณะที่เฟร็ดทำหน้าเบี้ยว

          “ไม่มีอะไรหรอก” จอร์จเออออด้วย “เฟร็ดเพิ่งรู้ความจริงว่า เฮอร์ไมโอนี่ของเรากำลังเติบโตเป็นนักมวยสำหรับสมาคมมวยแห่งชาติอังกฤษ”

          เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงเมื่อแฮร์รี่และรอนหันมาจ้องเธอ “ก็เขามาทำลับๆ ล่อๆ ใส่ฉัน” เธอพูดอย่างสำนึกผิด

          “ไม่เป็นหรอก เฮอร์ไมโอนี่ ในเวลาไม่นานฉันจะยกโทษให้เธอ บางทีหลังจากการฟื้นตัวที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอันแสนนาน ฉันจะสามารถค้นหาความเข้มแข็งเพื่อมองข้ามผ่านความอ่อนแอนี้และ...” เฟร็ดหยุดลงเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าตาถมึงทึงใส่เขา เขาทรุดลงคุกเข่าอย่างฉับพลัน กำมือทั้งสองเข้ากันแน่นไว้บนหน้าอก;คลานเข่าเข้ามาหาเธอ “ได้โปรดเถอะ อย่างทุบตีฉันอีกนะเฮอร์ไมโอนี่ ฉันจะไม่ทำอะไรทั้งสิ้น! กรุณาด้วยเถิด” เฟร็ดร้องวิงวอน

          “โอ้ เห็นแก่พระเจ้า” เฮอร์ไมโอนี่หันหลังให้กับเด็กหนุ่มทั้งสี่คนซึ่งกำลังส่งเสียงหัวเราะดังลั่น แล้วเดินผ่านช่องรูปภาพเหมือนออกไป เธอเกือบจะถึงห้องสมุดแล้วเมื่อเฮอร์ไมโอนี่สำนึกได้ว่าเธอตั้งใจจะไปที่ห้องนอนของเธอ ก่อนที่พวกเพื่อนๆ ของเธอมาดักหน้าไว้

          เสียงกระซิบกระซาบหลายเสียงดังสะท้อนมาจากกองหนังสือมากมาย เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจเข้าอย่างเต็มปอด อากาศไม่ได้เหม็นอับเสียทีเดียวแต่เก่าแก่อย่างแน่นอน เธอรักมัน กลิ่นของบรรดาหนังสือและปกหนังสือ ความเงียบของนักเรียนทั้งหลายที่ขมีขมันกับการเรียน และแม้แต่มาดามพินซ์คนเดิมกับสายตาเจ้ากี้เจ้าการของหล่อนเป็นประจำ ให้ความรู้สึกคล้ายกับการต้อนรับแก่เฮอร์ไมโอนี่

          ห้องเล็กว่างเปล่า อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คาดหวังว่าเดรโกอยู่ที่นี่ มันน่าสบายใจอย่างแปลกประหลาดที่ไม่มีเขาอยู่ที่นี่ เธอสามารถนั่งและทำงานได้ และไม่ต้องกังวลเรื่องเขา อันทีจริงแล้วใช่ว่าเธอจะทำอะไรได้ด้วยมือที่ปิดผ้าพันแผลอยู่ เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงอย่างเศร้าใจ คิ้วเธอย่นเข้าหากันเมื่อมองอย่างสิ้นหวังไปที่กองหนังสือ เธอกลั้นหาว;เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้นอนมากนักเมื่อคืนก่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเดรโกและทุกเรื่อง

          เดรโก  เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างเคลิ้มฝัน เขารบกวนความคิดของเธอตลอดเวลา เธอรู้ว่ามันน่าขันที่ปล่อยให้ตัวเองรู้สึกบางอย่างกับเขา เขาเป็นสลิธีรินแต่เธอเป็นกริฟฟินดอร์ เขาเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์เท่าที่พ่อมดคนหนึ่งจะเป็นได้ แต่เธอเป็นเพียงเด็กมักเกิ้ลต่ำต้อยคนหนึ่ง พวกเพื่อนๆ ของเธอเกลียดชังเขา และเขาเหมือนชื่นชอบในความเกลียดชังของพวกนั้น เฮอร์ไมโอนี่ทราบเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมเธอไม่อาจตกหลุมรักเดรโก มัลฟอยได้  สติปัญญาที่มีระเบียบแบบแผนของเธอมองเห็นความเป็นจริงเสมอ แต่ไม่สำคัญว่าสติของเธอบอกอะไรกับเธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถข่มกลั้นความสุขมากมายที่เธอรู้สึกได้ เมื่อเดรโกอาจมองมายังเธอเวลาที่เขาคิดว่าเธอไม่ได้กำลังสนใจ เวลาที่รอยยิ้มเย้ยหยันของเขาเลือนหายไปกลายเป็นรอยยิ้มนุ่มนวลอ่อนโยน หรือความพึงพอใจที่เธอรู้สึกเวลาเขาปัดเส้นผมของเธอออกจากใบหน้าเธอ หรือความรู้สึกหวาบหวิวอย่างน่าประหลาดที่เธอรู้สึกเวลาเขาสัมผัสเธอ

          เฮอร์ไมโอนี่ร้องครางแล้วฝังความทรงจำต่างๆ กลับลึกลงไปในหัวของเธอเท่าที่เธอสามารถทำได้ บังคับตัวเองให้คิดถึงเรื่องอื่นมากกว่าเดรโก จิตใจของเธอถอยกลับไปสู่ความกระวนกระวายใจที่ทะเลสาบเมื่อเช้านี้ และจากนั้นความไม่สบายใจต่อเนื่องที่เธอรู้สึกได้ระหว่างที่เดินอยู่โถงทางเดิน เมื่อพิจารณาถึงเรื่องร้ายน่ากลัวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับแฮร์รี่ภายในฮอกวอตส์ และบริเวณพื้นที่โดยรอบแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ยังคงเชื่อว่าฮอกวอตส์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ตามความกลัวเล็กน้อยของเธอยังวนเวียนอยู่รอบนอกจิตใต้สำนึกของเธอ เรื่องจริงที่ว่าบางคนกำลังเฝ้ามองเธอที่ทะเลสาบทำให้เธอกลัว มีบางคนอยู่ที่นั่นจริงหรือ?

          เปลวไฟในตะแกรงเหล็กแตกเสียงดังเปรี๊ยะทำให้เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง “นี่เป็นเรื่องไร้สาระ!” เธอตะโกนดังออกมา เสียงนี้เป็นสิ่งผ่อนคลายภายในห้องที่เงียบเชียบเกินไป

          เฮอร์ไมโอนี่เริ่มต้นกระชากผ้าพันแผลของเธออย่างฉุนเฉียว ในที่สุดก็จัดการแก้ข้างหนึ่งออกมาได้ เธอเริ่มคลายผ้าบนมือที่บาดเจ็บอย่างระมัดระวัง เธอไม่แคร์ว่ามันถูกสั่งให้พันไว้อยู่เป็นเวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งชั่วโมง เธอต้องหาบางอย่างเพื่อควบคุมสติของเธอ มือทั้งสองของเธอแสบและแดงแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เกิดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่งอมือสองสามครั้งกำลังพยายามผ่อนคลายความแข็งตึง จากนั้นหยิบปากกาขนนกด้ามหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจและกำมันไว้หลวมๆ แล้วลองใช้งานมัน นิ้วมือเธอกระตุกด้วยความเจ็บปวด เฮอร์ไมโอนี่ขบฟัน ดื้อรั้นบังคับมือเธอให้ทำสิ่งที่เธอต้องการให้มันทำ เป็นเวลาสองสามนาทีที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดว่าเธอจะสามารถทำมันได้สำเร็จ แต่ว่า

กริฟฟินดอร์เป็นพวกยืนหยัดมุ่งมั่น หลังจากนั้นสักพักความเจ็บปวดรุนแรงที่ไหลออกจากนิ้วมือเธอก็ลดน้อยลง เธอเริ่มมุ่งอยู่กับงานอย่างแข็งขัน

          เดรโกและเธอ พวกเธอกำลังคืบหน้าไปอย่างดีมาก แต่ในเดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่พวกเธอค้นพบหนังสือคาถาเวทมนตร์พวกนี้   พวกเธอก็มุ่งความสนใจไปอยู่ที่เรื่องอื่นที่เล็กๆ น้อยๆ

มากกว่าการอธิบายตีความ จากนั้นทำการทดลองคาถาแต่ละบทที่พวกเขาพบ หนังสือเล่มอื่นๆ ที่เหลืออยู่ถูกละเลยไม่สนใจ และปีการศึกษานี้ผ่านมาเกินครึ่งแล้ว เฮอร์ไมโอนี่กังวลใจว่าพวกเธออาจจะทำ

ไม่เสร็จ ศาสตราจารย์เวคเตอร์ไม่เคยพูดว่า เธอคาดหวังให้ทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นเทอมนี้หรือไม่ เฮอร์ไมโอนี่สงสัยว่าบางทีพวกธออาจทำงานนี้ต่อระหว่างปิดเทอมฤดูร้อน เธอพยายามนึกภาพตัวเธอกำลังนั่งอยู่กับเดรโกที่ร้านไอศกรีมฟลอรีน ฟอร์เทสคิว(Florean Fortescue’s Ice Cream Parlor)  ตรวจสอบบทความเก่าแก่ที่เขียนเป็นภาษาละตินอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นคัดลอกมาเป็นรหัสตัวเลขมหัศจรรย์ มันเกือบดูคล้ายกับการนัดพบคู่รัก  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้างเยาะเย้ยให้กับตัวเอง

          แล้วอีกความคิดหนึ่งก็บังเกิดขึ้นกับเธอ เดรโกจะทำอะไรระหว่างปิดเทอมฤดูร้อน? ถ้าเขาไม่พูดกับพ่อของเขา และถ้าลูเซียสเป็นบุคคลอันตรายอย่างยิ่ง เขาจะกลับไปที่คฤหาสน์หรือ? เขาอาจจะมีญาติอยู่ที่ไหนสักแห่งซึ่งสามารถให้ที่พักพิงแก่เขาได้ เฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดว่าเดรโกจะมีความสุขมากนักกับความคิดเรื่องเป็นผู้พึ่งพิง และเธอสงสัยเช่นกันว่ามีญาติมิตรสักคนหรือไม่ที่ลูเซียส มัลฟอยไม่สามารถควบคุมได้ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้คิดถึงแม่ของเดรโกเลย เธอมีข้อสงสัยเล็กน้อยว่าเรื่องการเจ็บป่วยสาหัสเป็นเพียงเรื่องไร้สาระทั้งสิ้นเพื่อทำให้เดรโกรู้สึกเสียใจ

          หลังจากถอนหายใจ เฮอร์ไมโอนี่จัดการเคลียร์พื้นที่บนโต๊ะแล้วเดินไปเอาพวกหนังสือที่ถูกละเลยมานาน เธอดันลังใบหนึ่งตรงไปที่โต๊ะด้วยปลายนิ้วเท้า ไม่ต้องการใช้มือเธอมากเกินกว่าที่จำเป็น ใบหน้าเธอแดงก่ำกับการพยายามนี้ เฮอร์ไมโอนี่ออกแรงมากกว่าเดิมเพื่อที่จะเคลื่อนย้ายกล่องใหญ่ใบหนึ่ง มีเสียงแตกดังเปรี๊ยะ แผ่นไม้เก่าที่ใช้ทำลังแยกออก ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เซถลาและล้มใส่กองหนังสือ

          เธอนอนมึนอยู่สักพัก ไม่เชื่อเรื่องความโชคร้ายที่เธอได้รับในวันนี้ ก้อนฝุ่นหนาเตอะลอยฟุ้งขึ้นมาเมื่อเธอล้มลง และเวลานี้มันกำลังร่วงลงมาปกคลุมทุกอย่าง เป็นเหตุให้เฮอร์ไมโอนี่ผู้ไม่ถูกกับผงฝุ่นไอจามเสียงดัง

          “ฉันน่าจะกลับไปที่ห้องและเข้านอนซะ!” เฮอร์ไมโอนี่บ่นงึมงำอย่างขุ่นเคือง

          เธอลุกขึ้นยืนและเริ่มต้นเรียงกองหนังสือที่ล้มใส่อย่างรอบคอบ ขณะหันกลับไปยังกล่องใบที่ทำให้เธอล้มลงอย่างแรง เธอสังเกตเห็นของทะลุรอดรูโหว่ที่เธอทำให้เกิดขึ้น มันซีดจางและเปราะบางมากดูคล้ายกับเศษแผ่นกระดาษถูกพับไว้

          เนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกชินกับการดูรหัสตัวเลขมหัศจรรย์และการแปลภาษาละติน มันทำให้เธอใช้เวลาสักพักถึงจำภาษาอังกฤษได้ มันเป็นภาษาอังกฤษสมัยก่อนแน่นอน และเฮอร์ไม-

โอนี่อาจคิดว่ามันเป็นภาษาละตินตอนไหนก็ได้ กระดาษแผ่นนี้ปรากฏว่าเป็นจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งถูกเขียนอย่างหวัดๆ ในแบบเดียวกันกับที่โอ’แลรี่เขียน

          มักเคนนา ที่รัก,

          ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหน มันช่างแสนยาวนานนับตั้งแต่ฉันได้เห็นสายน้ำที่โอบล้อมบ้านเก่าของพวกเรา ฉันเกรงว่ามันคงต้องยาวนานกว่านั้นอีกก่อนฉันได้กลับไป ฉันไม่อยากทำให้เธอตกใจ เพียงแค่อยากขอร้องให้เธอนำความระลึกถึงจากฉัน ไปให้กับหลานสาวและหลานชายตัวน้อยของฉัน การต่อต้านของพวกเราไร้ผลมาก ฉันรู้ว่าพ่อมดที่ร่างกายแข็งแรงทุกคนต้องช่วยกันต้านทานภัยพิบัติครั้งนี้ แต่เธอรู้ไหมว่าฉันไม่เคยเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่ออกไปสู้รบ

          ฉันฆ่าคน พี่สาวที่รัก ฆ่าหนึ่งในพวกชั่วร้ายเหล่านั้น เขากำลังค้นหาฉัน เขารู้จักบ้านของฉันในป่าและรู้เรื่องงานของฉันด้วย ฉันไม่อาจปล่อยให้เขาไปบอกคนอื่นๆ เรื่องแผนการของพวกเรา  ฉันไม่ได้ตั้งใจฆ่าเขา ฉันสาบานกับเธอได้ว่าไม่ได้ตั้งใจ ฉันเจตนาทำให้เขาสลบเท่านั้น คาถาที่ฉันสร้างขึ้นมีเจตนาแค่ทำให้สลบ แต่ว่าฉันโมโหมากไปและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แล้วคาถานั้นก็ฆ่าทุกอย่างด้วยตัวมันเอง เมื่อแสงไฟสีเขียวเลวร้ายจางหายไป ฉันปรารถนาว่าฉันไม่เคยเข้าร่วมกับการต่อสู้นี้ ว่าฉันไม่เคยแม้แต่หยิบไม้กายสิทธิ์มาไว้ในมือของฉัน

          มอร์สันอยู่ที่นี่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้น;เขาเป็นพยานคนเดียวกับบาปของฉัน ทว่าเขารู้สึกปิติยินดีในการกระทำครั้งนี้ เขาชอบใจในความหวาดกลัวที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนในดวงตาของผู้ตาย ถึงกระนั้นฉันก็รู้สึกละอายใจที่ยอมรับมัน ฉันสอนเขาว่าทำอย่างไร แล้วเขาก็ไปสอนคนอื่นต่อ เราจัดการโจมตีกระทรวงครั้งใหญ่ มีการชื่นชมยินดีมากมายระหว่างบรรดาเพื่อนๆ ของฉัน แต่ว่าสิ่งดีๆ สามารถมาจากความตายมากมายได้อย่างไร?
          ในเวลานี้ฉันปรารถนาแค่ได้กลับบ้าน ฉันอยากถอนตัวจากการแสวงหาความชอบธรรมที่เลวร้ายครั้งนี้และกลับบ้านแค่นั้น แต่ฉันเกรงว่าเรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้คงจะไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว

          จดหมายจบลงอย่างห้วนๆ  เฮอร์ไมโอนี่วางมันกลับลงไปตรงที่เธอพบมันด้วยมืออันสั่นเทา ต้องการให้มันยังคงถูกซ่อนเอาไว้  หันหลังกลับแล้วเฮอร์ไมโอนี่กวาดสายตาอย่างไร้จุดหมายผ่านส่วนที่เหลืออยู่ของสิ่งของที่เก็บรวบรวมชุดนี้ ลักษณะการข่มกลั้นอาการคลื่นเหียนปรากฏขึ้นในดวงตาเธอ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงในกองหนังสือคาถาเวทมนตร์เก่าแก่ด้วยอารมณ์ กำลังค้นหาสิ่งที่เธอหวังว่าจะไม่อยู่ที่นั่น แต่ว่ามันมี

          มันช่างพอดีหลังเวลาห้ามออกนอกสถานที่เมื่อประตูเปิดออกอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ไม่ขยับเขยื้อนเลย เดรโกเข้ามาในห้องและไม่สังเกตเห็นเธอ วางกระเป๋าหนังสือไว้ด้านหนึ่งแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นเธอในที่สุด

          “เป็นอะไรหรือเปล่า? มือเธอยังเจ็บอยู่หรือ?” เขาถามเธอ สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอ

          เธอเหลือบตาขึ้นมาสบตากับเขา และเขาบอกได้เลยว่าเธอได้ผ่านการร้องไห้มา มีร่องรอยแดงๆ บนใบหน้าเธอแล้วเธอก็สะอื้นออกมา

          “เขาทำมัน” เธอกระซิบ

          “อะไร?” เดรโกก้าวมาหาเธอและสัมผัสแก้มเธออย่างอ่อนโยน “ใครทำอะไร?”

          “ฉันเจอมันในหนังสือพวกนี้ มันอยู่ที่นั่น” เฮอร์ไมโอนี่ชี้ไปที่หนังสือเล่มหนึ่งตรงไกลสุดปลายโต๊ะ มันถูกเข้าเล่มอยู่ในปกหนังสือเก่าๆ และไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร เธอนั่งอยู่ในเก้าอี้ตัวที่ไกลที่สุดจากโต๊ะ สายตาจับจ้องอยู่ที่หนังสือด้วยแววตาสับสนไม่อยากเชื่อ

          “เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ แล้วหันศีรษะเธอให้มามองเขา “เธอพบอะไร?”

          ดวงตาเธอเริ่มพร่ามัวด้วยน้ำตาอีกหน น้ำเสียงเธอเผยถึงความอ่อนแอน่าเจ็บปวด “ฉันเจอ

อะวาดา เคดาฟ-รา(Avada Kedavra)”

TBC

No comments:

Post a Comment