Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Tuesday, July 21, 2015

Chapter 14: ความฝันของเฮอร์ไมโอนี่และค่ำคืนแห่งความทรงจำ

ในคืนที่ปราศจากพระจันทร์คืนหนึ่ง  ดวงดาวจำนวนมากมายต่างพากันส่งแสงระยิบระยับอยู่บนผืนฟ้าที่มีสีดำราวกับกำมะหยี่  ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งกำลังมองดูดวงดาวเหล่านั้นทอแสงแข่งกันด้วยท่าทีราวกับเด็ก ๆ ในขณะที่เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายของเธอค่อย ๆ เคลื่อนกายมาโอบกอดเธอจากด้านหลังโดยที่เด็กสาวไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด  สายตาของทั้งสองต่างทอดไปยังท้องฟ้าสีดำสนิทที่มีดวงดาวจำนวนมากประดับอยู่ราวกับอัญมณีที่มีค่า

ช่วงเวลาที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่ผ่านไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางแสงดาวระยิบระยับ  ทั้งคู่เริ่มคุยกัน  เด็กหนุ่มถามเด็กสาวในอ้อมแขนถึงสิ่งที่เธอต้องการทำต่อไปหลังจากเรียนจบ  และเธอก็ตอบกลับไปว่า  เธออยากเป็นมือปราบมาร  ทั้งสองพูดถึงเรื่องของอนาคตกันได้ไม่นานนัก  สีหน้าของเด็กหนุ่มก็เต็มไปด้วยความกังวล

“จากวันนี้ไปเราก็คงไม่ได้เจอกันเหมือนแต่ก่อนแล้ว” เด็กหนุ่มพูดเสียงเศร้า  ในขณะที่เด็กสาวเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขา  แต่เธอพยายามจะเก็บความเสียใจเอาไว้

“ถ้าพวกเราไม่ต้องไปจากที่นี่ก็ดีสินะ  ฉันจะได้อยู่กับเธออย่างนี้ตลอดไป” เด็กหนุ่มพูด  ในขณะที่เด็กสาวแย้งว่ามันเป็นไปไม่ได้  แม้ว่าเธอเองก็ต้องการให้มันเป็นอย่างที่เขาพูดก็ตาม

“แล้วเธออยากอยู่กับฉันไปนาน ๆ ไหม  เฮอร์ไมโอนี่  อยู่กับฉันตลอดไป” เด็กหนุ่มพูดออกมาในที่สุด  และเมื่อเด็กสาวรับคำด้วยความสงสัย  และไม่เข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา  และจู่ ๆ เด็กหนุ่มคนนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นทันที

“เธอจะแต่งงานกับฉันได้รึเปล่าเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดพลางหยิบแหวนทองคำขาววงสวยออกมา “เธอจะใช้ชีวิตอยู่กับฉันตลอดไปได้มั้ย” เด็กหนุ่มพูดเหมือนรอคำตอบ  ในขณะที่เด็กสาวตรงหน้าของเขานั้นน้ำตาไหลอาบแก้ม

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เด็กสาวพูดพลางโผเข้ากอดร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้าของเธอ  คนที่เธอรัก  ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนลงบนนิ้วนางของเธอ

“ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของฉันแล้วนะ  ห้ามไปรักคนอื่นเด็ดขาด” เขาพูดราวกับต้องการย้ำว่าตอนนี้เธอได้เป็นของเขาแล้ว

“ไม่หรอก  ฉันรักแต่เธอ” เด็กสาวพูดด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความใสซื่อบริสุทธิ์

“ฉันเองก็รักแต่เธอ  รักแต่เธอคนเดียว  เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูด  กระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นขึ้น  ก่อนที่เขาจะก้มลงไปประทับริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของเธอท่ามกลางแสงดาวที่ทอประกาย



*************************************************



แสงแดดยามเช้าของมัลดีฟส์ปลุกให้เฮอร์ไมโอนี่ตื่นจากการหลับไหล  ดวงตาสีน้ำตาลนั้นดูง่วงงุน  เธอขยี้ตาเบา ๆ พลางมองไปที่ร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังหลับสนิทอยู่  ใบหน้าของเดรโก  มัลฟอยยามหลับนั้นดูดีไม่น้อย  ผมบลอนด์ของเขาปรกลงมาที่หน้าผาก  แววตาสีซีดถูกซ่อนไว้ในเปลือกตาทั้งสองข้าง  ใบหน้าซีดเซียวของเขานั้นดูดีอย่างเหลือเชื่อ  ในยามหลับเขาดูสงบนิ่ง  แผ่นอกแข็งแรงของเขาที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังซุกตัวอยู่นั้นขยับเบา ๆ ตามจังหวะการหายใจของลมหายใจอุ่น ๆ ที่มารดตัวของเธออย่างสม่ำเสมอ

เฮอร์ไมโอนี่มองใบหน้าของมัลฟอยอย่างสนใจ  อาจจะเป็นเพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าของเขาในระยะประชิดขนาดนี้  หรือเธอคงจะเคยเห็น  แต่เธอจำมันไม่ได้เท่านั้นเอง

เฮอร์ไมโอนี่เผลอคิดไปถึงความฝันของเธอ  ความฝันที่มีเธอและมัลฟอยอยู่ในนั้น  ความฝันที่ดันไปเหมือนกับเรื่องราวที่มัลฟอยเคยเล่าให้เธอฟัง

“ท้องฟ้าในคืนนี้  มันเหมือนกับท้องฟ้าในคืนวันจบการศึกษาของเรา  คืนวันที่ฉันขอเธอแต่งงาน”

เสียงของมัลฟอยแว่วเข้ามาในศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่ และนั่นก็ทำให้เธอแน่ใจว่าเรื่องราวที่เธอฝันเห็นนั้นเคยเกิดขึ้นในอดีตของเธอ  ในวันจบการศึกษาของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่นึกย้อนไปถึงความฝันนั้นอีกครั้ง  เธอจำได้ว่าในฝันนั้นเธอรู้สึกมีความสุขมาก  และตัวเธอเองรู้สึกดีใจแค่ไหนเมื่อตอนที่มัลฟอยขอเธอแต่งงาน  แม้ว่าความฝันนั้นจะผ่านเลยไปแล้วก็ตาม  แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความตื้นตันใจนั้น  ราวกับว่ามันเธอไม่ได้ลืมเลือนมันไปเลยแม้แต่น้อย!

ทำไมเธอถึงรู้สึกดีถึงขนาดนี้เมื่อเธอฝันเห็นเขา  ทำไมเมื่อเธออยู่ในอ้อมกอดของเขานั้นเธอถึงรู้สึกราวกับจะหลอมละลายไปกับอ้อมกอดนั้น  และทำไมเมื่อเขาจูบเธอ  เธอถึงรู้สึกมีความสุขเช่นนี้

เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจอย่างสับสน  และเธอเองก็ไม่โง่พอที่จะไม่รู้คำตอบนั้น

เธอคงจะรักเขาเข้าแล้วจริง ๆ ใช่ไหม



*************************************************



หลังจากนั้นไม่นานมัลฟอยก็ตื่นนอน  เฮอร์ไมโอนี่แสร้งทำเป็นหลับ  และรอให้เขาเป็นฝ่ายปลุกเธอก่อน  แต่เมื่อมัลฟอยค่อย ๆ จูบเธอที่หน้าผาก  ใบหน้าของหญิงสาวก็กลับร้อนผ่าวและขึ้นสีเสียใจยากที่เธอจะแกล้งหลับต่อ  แต่ชายหนุ่มตรงหน้าของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรมากไปกว่ามอบมอร์นิ่ง คิส ให้เธออีกทีนึง  จนเล่นเอาเฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงเสียยิ่งกว่าผมของรอนเสียอีก

หลังจากนั้นทั้งสองก็พากันลงไปทานอาหารเช้าที่ล็อบบี้  ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารชั้นดีและราคาแพงทั้งนั้น  แต่นั่นก็คงเทียบไม่ได้กับที่มัลฟอยคอยตักอาหารให้เฮอร์ไมโอนี่ทุกอย่าง  โดยที่เธอไม่ต้องขยับตัวแม้แต่น้อย

ทำไมเขาถึงดีกับเธอเหลือเกินนะ  หญิงสาวคิดเมื่อมัลฟอยลุกไปจากโต๊ะเพื่อไปเติมน้ำส้มให้เธอเป็นรอบที่สาม  แล้วนี่เธอควรจะบอกความรู้สึกของเธอกับเขาไปดีรึยังนะ

“ทานนี่สิ  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดพลางตักเบคอนให้เฮอร์ไมโอนี่  ทั้ง ๆ ที่จานของเธอนั้นมีอาหารอยู่เต็มจานแล้ว

“ไม่ต้องแล้ว  ฉันกินไม่หมดแล้วนะ” เธอประท้วง  มองมัลฟอยดุ ๆ เมื่อเห็นว่าเขาจะตักอาหารให้เธออีก

“แต่ฉันอยากให้เธอทานเยอะ ๆ นะนี่  เอ้ากินไข่ด้วยนะ” มัลฟอยแย้งพลางตักไข่ดาวใส่จานของเธออีก

“ไม่เอาแล้ว  เดี๋ยวฉันก็อ้วนเป็นตุ่มพอดีหรอก  เล่นบำรุงซะขนาดนี้” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างงอน ๆ ในขณะที่มัลฟอยยิ้มกับท่าทีของเธอ

“เธอไม่อ้วนหรอกน่านะ  ทานอีกหน่อยนะ” มัลฟอยอ้อนเธอ  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างไม่สบอารมณืก่อนจะเอามีดจิ้มเบคอนมาใส่ปากด้วยท่าทีงอน ๆ แต่ตัวเธอก็อดดีใจไม่ได้ที่เขาเอาใจเธอเสียขนาดนี้  และยังทำอะไรหลายต่อหลายอย่างให้เธอสารพัด  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่คิดว่า  คุณชายเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาจะยอมทำให้ใคร

“ทานเสร็จแล้วเราจะไปไหนกันต่อดีล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“ฉันคิดว่ามีที่ ๆ หนึ่งที่เธออยากจะไป” เขาพูดพร้อมกับอมยิ้ม



*************************************************



สองชั่วโมงต่อมา  เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังอยู่ในชุดกระโปรงเทนนิสสีขาวกับเสื้อกล้ามนั้นกำลังเหนื่อยใจกับฝีมือการเล่นเทนนิสของคุณชายเลือดบริสุทธิ์อย่างมัลฟอยอยู่

“เวลาฉันตีลูกไป  เธอก็คอยรับดี ๆ สิ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางหวดลูกส่งไปให้เขา  แต่มัลฟอยนั้นคงคิดว่า ‘ ลูกเทนนิส ‘ กับ ‘ ลูกสนิช ‘  นั้นคงเหมือน ๆ กันกระมัง  เลยคอยแต่จะจับเจ้าลูกขนเขียว ๆ นั่นท่าเดียว

“ไม่ใช้อย่างนั้น  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อมัลฟอยทิ้งไม้เทนนิสไปเพื่อจับลูก  ถึงแม้เขาจะจับมันได้ก็เถอะ  แต่นี่มันเทนนิสนะ  ไม่ใช่ควิดดิช

“โทษที  ฉันลืมตัวอีกแล้ว”  มัลฟอยพึมพำ  เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างระอาแกมขำเมื่อเนึกถึงภาพที่มัลฟอยพยายามจับลูกเทนนิสอย่างเอาเป็นเอาตาย  หญิงสาวก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของเธอ

“งั้นไปเล่นอย่างอื่นไหมนี่ก็จะหมดเวลาแล้ว”

“ได้สิ”

ที่ต่อมาของพวกเขาก็คือฟิสเนต  แต่นั่นก็ไม่ได้ดีไปกว่าการเล่นเทนนิสเลย  เพราะเมื่อมัลฟอยเห็นว่าการปั่นจักรยานหรือการยกดัมเบล์เป็นเรื่องเปลืองแรงเขาจึงร่ายคาถาให้พวกมันทำงานเอง  แต่ดีที่เฮอร์ไมโอนี่มาห้ามไว้ทันก่อนที่พวกมักเกิ้ลจะเข้ามาเห็น

“เธอทำอย่างนี้ไม่ได้นะ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ดุเขา

“ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าจะต้องไปเหนื่อยฉีบจักยานทำไม  หรือเหนื่อยยกไอ้เจ้าดัมบ้าอะไรนั่นทำไม  ในเมื่อฉันใช้เวทย์มนตร์จัดการมันได้” มัลฟอยเถียง

“ถ้าอย่างนั้นเธอจะมาเข้าฟิสเนตทำไมล่ะ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง “ถ้าอย่างนั้นนอนอยู่ห้องไม่ดีกว่าเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ในขณะที่มัลฟอยนั้นยิ้มร่า

“ก็ดีเหมือนกัน  งั้นกลับไปนอนที่ห้องกันไหม” มัลฟอยเอ่ยชวนในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองเขาพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ



*************************************************



ในที่สุดทั้งสองก็กลับมาที่ห้องสวีทบนชั้นที่สามสิบสองของพวกเขา  โดยที่เฮอร์ไมโอนี่รีบตรงไปที่ห้องน้ำทันทีที่กลับมาถึงเพราะเธอทนสภาพที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลเหนียวเหนอะหนะแบบนี้ไม่ไหวแล้ว  แต่โชคดีที่ห้องพักของพวกเขานั้นมีห้องน้ำสองห้อง  ทั้งสองจึงได้อาบน้ำพร้อม ๆ กันโดยที่ไม่ต้องรอ  แต่ตามความคิดของมัลฟอยแล้วเขาอยากให้มันมีห้องเดียวมากกว่า

มัลฟอยที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำของทางโรงแรมเดินเข้ามาภายในห้องนอนเนื่องจากเขาลืมเสื้อผ้าไว้ที่นั่น  เขาได้ยินเสียงน้ำแว่วมาเบา ๆ ซึ่งแสดงว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังอาบน้ำอยู่  มัลฟอยจึงเปิดประตูออกไปโดดที่ไม่ทันเคาะก่อน

“กรี๊ด!!!” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นอย่างกระทันหันก่อนที่จะฉวยผ้าขนหนูมาปกปิดร่างกาย  ซึ่งตอนนี้มีเพียงกางเกงชั้นในตัวจิ๋วเท่านั้น

“เข้ามาทำไม!” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ใบหน้าเป็นสีแดงจัดด้วยความอาย  ในขณะที่มัลฟอยที่เพิ่งหายตกใจพยายามจะแก้ตัว

“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ  ฉัน” มัลฟอยพูดตะกุกตะกัก  มองเฮอร์ไมโอนี่ที่ใบหน้าขึ้นสี  ซึ่งตอนนี้เขาเองก็ไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่นักหรอก

“ฉันขอโทษ!” มัลฟอยพูดเท่านั้นก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องไปทันที

และเมื่อพ้นจากรัศมีของห้องนอนไปแล้ว   มัลฟอยก็เอามือลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ  แต่นั่นไม่ได้ช่วยทำให้ใบหน้าของเขากลับไปขาวซีดดังเดิมได้

“ให้ตายสิ  ถ้าฉันอดทนไม่ไหวขึ้นมาล่ะ” เขาพึมพำ



*************************************************



เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลานานมากกว่าจะออกมาจากห้องน้ำได้  แถมเธอยังไม่กล้าสบตากับมัลฟอยตรง ๆ เสียที  เพราะทุกครั้งที่เขาพูดกับเธอนั้น  เฮอร์ไมโอนี่มักจะหลบตาเขาตลอด

“พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนดีล่ะ” มัลฟอยถามเฮอร์ไมโอนี่พลางเอาข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวที่ขอมาจากล็อบบี้มาให้เธอดู

“ก็  ตามใจเธอละกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ไม่ยอมสบตาเขา

“แล้วเธออยากไปไหนรึเปล่าล่ะ” มัลฟอยถามเธออีกครั้ง

“ฉัน…..ยังไงก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ไม่ยอมมองหน้าเขาเสียที  มัลฟอยมองท่าทีของเธออย่างรำคาญ  และเมื่อความอดทนของเขาหมดลง  ชายหนุ่มก็คว้าตัวหญิงสาวมาไว้ในอ้อมกอด

“ทำไมถึงไม่มองตาฉันล่ะ  ฉันพูดกับเธออยู่นะ” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก  ใบหน้าเป็นสีแดง

“จะไม่ตอบฉันเหรอ” เขาพึมพำ  พร้อมกับเชยคางของเธอขึ้นมา  ดวงตาสีน้ำตาลของเธอสบกับดวงตาสีซีดของเขา  แต่เมื่อมัลฟอยเริ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ  หญิงสาวกลับผลักเขาออกห่าง

“อย่า!”

มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความไม่เข้าใจ

“ฉัน…..ขอโทษ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ

“ช่างเถอะ  ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร” มัลฟอยพูดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

“ไม่ใช่อย่างนั้น  มัลฟอย  ฉันไม่ได้รังเกียจ  แต่…..” เฮอร์ไมโอนี่พูด

“แต่อะไร” ชายหนุ่มถาม

“ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอรักฉันมากไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูด  มองมัลฟอยด้วยดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยของเธอ

“มากสิ  ฉันก็เคยบอกเธอไปแล้วนี่  เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดพลางรั้งร่างของเธอมาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง  แต่คราวนี้หญิงสาวขืนตัวเล็กน้อย

“แต่ฉันอยากจะรู้ว่า  ถ้าฉันจำเรื่องราวระหว่างเราไม่ได้อย่างนี้ตลอดไป….” เฮอร์ไมโอนี่หยุดพูดมองมัลฟอยด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ “ถ้า….ฉันไม่ได้บอกเธอซักคำว่ารักเธออย่างนี้ไปเรื่อย ๆ   เธอจะยังรักฉันอยู่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดจบ  มัลฟอยมีสีหน้าลำบากใจ  เขาเงียบไปสักครู่ราวกับกำลังตัดสินใจอยู่จนกระทั่ง

“ฉันก็จะรักเธออย่างนี้ต่อไป” มัลฟอยพูดด้วยแววตาหมองเศร้า “แต่ถ้าเธอไม่ต้องการจะอยู่กับฉัน  ถ้าถึงตอนนั้นฉันก็จะยอมให้เธอไป”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ  มัลฟอย  ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เฮอร์ไมโอนี่พูดเพื่อแก้ความเข้าใจผิดของชายหนุ่ม  ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ยอมฟังสิ่งที่เธอพูดเลย

“แต่เธอพูดอย่างนี้ก็หมายความว่าเธอก็รู้ว่าเธอไม่ได้รักฉันใช่ไหม” มัลฟอยถาม

“ไม่ใช่อย่างนั้น” เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ

“อย่างห่วงเลย  ถ้าถึงตอนนั้น  ถ้าเธอบอกฉันเพียงคำเดียวว่าเธอไม่อยากจะอยู่กับฉัน  ฉันก็จะยอมให้เธอไปโดยดี” มัลฟอยพูดพลางลุกขึ้นจากโซฟาที่พวกเขาทั้งสองกำลังนั่งกันอยู่  เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเขา

“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น  เธอจะไปไหนน่ะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องถาม  แต่มัลฟอยไม่ตอบ  เขาเดินไปยังประตูห้อง  และหายลับออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรซักคำ



*************************************************



ตลอดทั้งบ่ายวันนั้นมัลฟอยไม่ได้กลับมาที่ห้องเลย  เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าเธอผิดที่พูดแบบนั้นออกไป  แต่เธอไม่ได้ต้องการจะหมายความว่าเธอจะจากเขาไปอย่างที่เขาคิดเลยแม้แต่น้อย  เธอเพียงต้องการแค่ความมั่นใจว่าถึงอย่างไรเขาก็จะรักเธอ  ไม่ว่าเธอจะจำเรื่องราวในอดีตได้หรือไม่ก็ตาม  แต่เรื่องกลับกลายมาเป็นแบบนี้ได้

เฮอร์ไมโอนี่นั่งรอมัลฟอยที่ห้องพักจนกระทั่งวลาผ่านไปนานเข้าเธอก็รู้สึกเป็นห่วงเขามากเกินกว่าที่จะทนรออยู่ในห้องพักเฉย ๆ ตอนสอง – สามชั่วโมงแรกที่มัลฟอยหายไป  เฮอร์ไมโอนี่ได้โทรไปที่ล็อบบี้  และที่อื่น ๆ ภายในโรงแรมเพื่อถามว่าเห็นเขาบ้างไหม  และคำตอบก็คือไม่  เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่ามัลฟอยจะไปอยู่ที่ไหน  แต่เธอจะตามหาเขาได้อย่างไรเมื่อเธอไม่มีทั้งนกฮูก  ไม่รู้แม้กระทั่งถนนหนทางในเมืองนี้  เพราะฉะนั้นทางเลือกเดียวของเธอก็คือรอ  แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนความคิดนั้นเสียแล้ว

เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจออกจากห้องไปตามหามัลฟอย  เธอไปทั้งที่ล็อบบี้  ที่ฟิสเนต  ที่สระว่ายน้ำ  แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเขาเลย  จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่มาหยุดลงที่ทะเล  ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว  พระอาทิตย์กำลังค่อย ๆ ลาจากผืนฟ้า  ความมืดกำลังเข้ามาแทนที่  มองภาพของแสงสุดท้ายของวันด้วยความหดหู่  น้ำตาเริ่มรินเอ่อดวงตาทั้งสองของเธอ

นี่ถ้าเธอไม่พูดอย่างนั้นไปก็คงดีหรอก  ถ้าเธอไม่พูดออกไปแบบนั้นมัลฟอยก็คงไปหายไปแบบนี้

“เธอเป็นอะไรรึเปล่าน่ะ” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง  เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองทันที  และเธอก็เห็นชายหนุ่มวัยไม่เกิน 25 ปี  ประมาณสามคน  ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก

“เธอร้องไห้ด้วยนี่  ทะเลาะกับแฟนมาเหรอ” ชายหนุ่มอีกคนนึงพูด  เฮอร์ไมโอนี่เอามือปาดน้ำตา

“ฉันไม่เป็นไร” เธอพึมพำ และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเดินไปจากตรงนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็มาขวางเธอไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวซี่  เธอดูเหงา ๆ นะ  ยังไงไปเที่ยวกับพวกเราไหม” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด

“ใช่  ไปกับที่ห้องเพื่อนฉันไหม  เขาพักห้องสูทเชียวนะ” เพื่อนของพวกเขาอีกคนหนึ่งสมทบพลางเอามือมาจับที่ไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่

“ปล่อยนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพยายามสะบัดมือของชายคนนั้นออกแต่ไม่สำเร็จ

“จะไม่ไปสนุกกับพวกเราก่อนเหรอ” พวกเขาพูด  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นพยายามที่จะหนีออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

“พวกแกมีธุระอะไรกับเธองั้นเหรอ” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่หันไปดู และเธอก็พบกับคนที่เธอหวังว่าจะเป็นเขา  มัลฟอยนั่นเอง

“แล้วแกยุ่งอะไรด้วย  ไอ้หน้าจืด” ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนด่า  มัลฟอยมองพวกเขาอย่างเย็นชา

“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง  ก็พวกแกกำลังยุ่งกับผู้หญิงของฉันอยู่น่ะสิ” มัลฟอยคำราม  ใบหน้าดุดัน  แววตาสีซีดนั้นกลับดูน่ากลัวขึ้นมากระทันหัน

“ใครอยากยุ่งกับยัยนี่เล่า” หนึ่งในนั้นพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนที่จะปล่อยเฮอร์ไมโอนี่และรีบสลายตัวไปในทันที

“มัล…”

“บ้ารึไง!” มัลฟอยตะโกน “มาเดินท่อม ๆ ริมชายหาดคนเดียวกลางคืนแบบนี้น่ะ”

“ขอโทษ” เฮอร์ไมโอนี่พูด “แต่ฉันตั้งใจจะมาตามหาเธอ  เธอหายไปตั้งนานรู้ไหมว่าฉัน….”

“เป็นห่วงฉันงั้นเหรอ” มัลฟอยถามด้วยรอยยิ้มกวน ๆ

“ก็ใช่น่ะสิ  ก็เธอเล่นหายไปตั้งนาน” เฮอร์ไมโอนี่พูด  สีหน้าน้อยใจ “ฉันรอไม่ไหวจนต้องออกมาตามหา”

“ทีหลังอย่ามาเดินคนเดียวอย่างนี้อีกนะ  รู้มั้ยว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหนตอนที่กลับไปที่ห้องแล้วไม่เจอเธอ” มัลฟอยพูด  มองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาอ่อนโยน  หญิงสาวมองเขาด้วยความแปลกใจ

“เหรอ  แล้วเธอหายไปไหนมาล่ะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  มัลฟอยมีท่าทีลังเลราวกับไม่อยากจะตอบ

“ไม่เป็นไร  ไม่ต้องตอบก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แม้ว่าจริง ๆ เธอจะอยากรู้เพียงใดก็ตาม

“ฉันจะบอกเธอก็ได้  แต่ว่าเธอต้องตามฉันมาก่อน” มัลฟอยพูด



*************************************************



มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่กลับมาที่ห้องพักของทั้งสอง  เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจว่าทำไมถึงต้องกลับมาที่นี่แต่ก่อนที่เธอจะได้ถามอะไรออกไปนั้น  มัลฟอยก็เปิดประตูห้องออกและพาเธอเดินเข้าไปในนั้น

ห้องทั้งห้องปิดไฟมืดสนิท  มืดจนมองไม่เห็นแม้แต่น้อย  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกได้ว่ามัลฟอยจกุมมือของเธอไว้  และเมื่อเขากดเปิดไป  เฮอร์ไมโอนี่ก็ถึงกับตะลึง

ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ที่เธอชอบมากกว่าสีใด  และมันมีอยู่ทั้งห้องนั่นคือทั้งห้องจริง ๆ ทั้งตรงโซฟา  โต๊ะ  เตียง  และมีอีกมากมายที่ถูกใส่แจกันประดับไว้ตามมุมต่าง ๆ ของห้อง

“เธอเคยถามฉันใช่ไหมว่าฉันรักเธอมากไหม” มัลฟอยกระซิบที่ข้างหูของเธอ “และฉันก็อยากจะบอกว่า ‘ ฉันรักเธอมากเท่าดอกกุหลาบพวกนี้ ’ ”

“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่พูดก่อนที่จะกระโดดกอดเขาด้วยความดีใจ  ซึ่งมัลฟอยเองก็รับหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่รีรอ

“ฉันรักเธอ  เฮอร์ไมโอนี่  ฉันรักเธอไม่ว่าเธอจะรักฉันหรือไม่ก็ตาม  ฉันรักเธอแม้ว่าเธอจะจำอดีตของพวกเราไม่ได้ตลอดไป  แต่ฉันก็จะไม่มีวันเลิกรักเธอ  ไม่มีวัน” มัลฟอยพูด  และคำพูดนั้นก็ราวกับเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่  เธอหลับตาลงอย่างตื้นตัน  น้ำตาใส ๆ ของเธอนั้นไหลอาบแก้มขาวเนียน  หากแต่ไม่ใช่น้ำตาแห่งความทุกข์  แต่เป็นน้ำตาที่แสดงถึงความสุขเปี่ยมล้มที่เธอได้รับจากคนรัก  และตอนนี้ก็น่าจะถึงเวลาที่เธอควรจะให้เขาได้รับมันกลับคืนไปบ้าง

มันคงถึงเวลาแล้วที่เธอจะพูดความในใจของเธออกไป

“ฉันเองก็รักเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  ถึงแม้มันจะแผ่วเบา  แต่มัลฟอยก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน  ถ้อยคำที่เขาไม่คิดว่าเขาจะได้ยินมันอีกต่อไปแล้ว

“เธอพูดว่าอะไรนะ” เขาถามเพื่อความแน่ใจ  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเอียงอาย

“ฉันพูดว่า ’ ฉันรักเธอ  เดรโก ’ ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปด้วยใบหน้าทีเป็นสีเข้ม  และทันทีที่เธอพูดจบมัลฟอยก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนทันที

“ว้าย!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานด้วยความตกใจ  มัลฟอยมองเธอด้วยสาวตาที่เต็มไปด้วยความรัก

“เธอพูดอย่างนี้หมายความว่า  เธอจะไม่ไปจากฉันใช่ไหม” มัลฟอยถาม เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าน้อย ๆ

“ฉันจะไม่จากเธอไปไหน” เฮอร์ไมโอนี่พูดย้ำ

“และเธอจะยอมอยู่กับฉันใช่ไหม  เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูด  หญิงสาวพยักหน้าอีกครั้ง

“และเธอรู้ไหม  ว่าถ้าเธอพูออย่างนี้ฉันก็จะไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว” มัลฟอยพูดออกไป เฮอร์ไมโอนี่มองเขาในขณะที่ใบหน้าของเธอร้อนวูบวาบ

“อือ” หญิงสาวตอบ

“เธอจะยอมเป็นของฉันใช่ไหม” มัลฟอยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง  ซึ่งคราวนี้คำตอบที่ได้กลับมานั้นกลับเป็นจูบน้อย ๆ ที่ดูบริสุทธิ์และไร้เรียงสาของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาแทน

และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำเช่นนั้นมัลฟอยก็ช้อนร่างของเธอขึ้นมาพร้อมกับเดินไปที่ห้องนอนทันที


TBC

No comments:

Post a Comment