Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Monday, July 20, 2015

VI: Draco Wedding


บทสรุปแห่งรักของมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่



            เดรโก มัลฟอยสะดุ้งตื่นขึ้นในกลางดึกคืนหนึ่ง เขามองไปรอบๆตัวก่อนจะหันไปคว้านาฬิกาที่วาง
ไว้บนโต๊ะข้างเตียงมาดูเวลา หนึ่งนาฬิกาสามสิบห้านาที เขาวางมันลงก่อนจะลุกขึ้นนั่งและคว้าแก้วน้ำที่อยู่ข้างมาเพื่อจะดื่ม เขาพบว่ามันว่างเปล่าจึงได้วางไว้บนโต๊ะตามเดิม ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างห้องของเขา มัลฟอยเหม่อมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า สมองนั้นครุ่นคิดอย่างงวิตกกังวลเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
 ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆก่อนจะกลับมานั่งลงบนเตียงของเขาและร้องเรียกหาเอลฟ์ประจำบ้าน
 เสียงดังฟุ่บเบาๆพร้อมกับร่างจ้อยของ ด็อบบี้ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มันวางมือไว้ด้านหน้าอย่างอ่อน
น้อมก่อนจะเอ่ยปากถาม

“นายท่านมีอะไรจะให้ด็อบบี้รับใช้ขอรับ”

“น้ำดื่มฉันหมด” มัลฟอยพูดห้วนๆ “รีบเติมให้ฉันใหม่เร็วๆเข้า”

ด็อบบี้ลนลานเข้ามาคว้าขวดน้ำที่ว่างเปล่าและหายตัวไป เพียงชั่วอึดใจมันก็กลับมาพร้อมกับน้ำ
ใสสะอาดที่บรรจุอยู่เต็มขวด เจ้าเอลฟ์น้อยมองดูมัลฟอยรินน้ำใส่แก้วและยกขึ้นดื่มอย่างเอาใจ
ใส่จนอีกฝ่ายต้องถามขึ้น

“หน้าฉันมีอะไรผิดไปอย่างนั้นเรอะ”

“ขอรับ เอ้อ….คือดูนายท่านกำลังเป็นกลุ้มใจนะขอรับ” ด็อบบี้ตอบและถามด้วยท่าทางประหม่า
 มัลฟอยจ้องหน้ามันนิ่ง

“ฉันไม่ได้ให้แกกลับเข้ามาในบ้านเพื่อตั้งคำถามกับฉันนะ” เขาสะบัดหน้าน้อยๆก่อนจะถอนหายใจ
 “ฉันกำลังกลุ้มใจอย่างที่แกว่าจริงๆ”

“ด็อบบี้ช่วยได้นะขอรับ” ด็อบบี้พูดด้วยท่าทางกระตือรือล้น “ให้ด็อบบี้ช่วยนายท่านนะขอรับ”

“แกจะช่วยอะไรฉันได้ ด็อบบี้” มัลฟอยพูดเสียงหน่ายๆ

“ด็อบบี้เคยช่วยมาหลายครั้ง” มันเริ่มสาธยาย “ทั้งแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทั้งรอน วีสลีย์ ทั้งเ…….”

“พอได้แล้ว!" มัลฟอยตวาดอย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกโกรธขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อของแฮร์รี่ “ออกไปได้!"

"แต่…..” ด็อบบี้รู้สึกตกใจที่มันทำให้มัลฟอยโกรธขึ้นมา มันมีท่าทางลนลานอย่างช่วยไม่ได้

“ฉันบอกว่า ออก ไป!" มัลฟอยพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิท แต่ดวงตาวาวอย่างเอาเรื่อง
เจ้าด็อบบี้ก้มตัวจนหัวแทบโขกพื้นก่อนจะหายตัวไป มัลฟอยถอนหายใจหนักๆอีกครั้งและมองดูดาว
ที่กระพริบเต็มท้องฟ้า เสียงเคาะประตูเบาๆดังจากด้านนอก เขาขมวดคิ้วก่อนจะร้องออกไป

“เข้ามาได้”

บานประตูเปิดออก นางมัลฟอยผู้เป็นมารดาเดินเข้ามาในห้อง เธอมองดูมัลฟอยนิ่งก่อนจะถามเบาๆ

“แม่ได้ยินเสียงเอะอะ มีอะไรหรือเดรโก”

“ไม่มี” มัลฟอยตอบห้วนๆอย่างนึกรำคาญ นาร์ซิสซาแม้มปากน้อยๆก่อนจะเดินมานั่งข้างๆเขา

“กำลังกลุ้มใจกับงานในวันพรุ่งสี้ใช่ไหม” เธอถาม มัลฟอยส่ายหน้าไปมาและไม่ได้ตอบอะไร
นางมัลฟอยจึงถามตรงๆ

“ถ้าลูกจะเปลี่ยนใจในตอนนี้ก็ยังทันนะ”

“ไม่มีทาง” มัลฟอยตอบทันที นาร์ซิสซายิ้มอย่างรู้ทัน

“ถ้าอย่างงั้นแล้วลูกกำลังกลุ้มเรื่องอะไร”

“ไม่รู้สิ” มัลฟอยตอบด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ ผู้เป็นแม่ลูบหลังเขาเบาๆ

“กลุ้มเพราะไม่แน่ใจว่าจะดูแลเขาได้ดีแค่ไหน กลุ้มเพราะกลัวว่าจะทำให้เขาต้องเสียใจ
กลุ้มเพราะไม่อยากให้เขาต้องเสียเพื่อนๆของเขาไปถ้ามาอยู่กับลูก”

มัลฟอยมองหน้าแม่ของเขาอย่างแปลกใจ เขารู้ดีว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับงานในครั้งนี้อย่างที่สุดก็
คือนางนาร์ซิสซาแม่ของเขา เพราะนางรังเกียจพวกพ่อมดแม่มดที่เป็นเลือดสีโคลนและมักเกิ้ล
 อย่าว่าแต่พูดคุยด้วยเลย แค่เดินผ่านนางก็แทบจะเสกคาถากำจัดพวกเขาไปเสียแล้ว

“ทำไมแม่รู้” เขาเพียงแค่หลุดคำถามสั้นๆออกมา ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะถามอะไรให้มากกว่านั้น
นางนาร์ซิสซายิ้มอย่างอ่อนโยน มันเป็นรอยยิ้มที่นานๆเขาจะได้เห็นจากใบหน้าที่เฉยชาอยู่เสมอของผู้เป็นแม่

“จะว่าไป พ่อของลูกเองคงไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กับแม่แน่ๆ” นางตอบ
 สายตาจับจ้องไปอีกด้านหนึ่งของห้อง มันเป็นสายตาที่ล่องลอยย้อนกลับไปในอดีตที่นานแสนนาน

“แต่แม่จำได้ดีว่า คืนก่อนวันแต่งงานของแม่ แม่รู้สึกวุ่นวายใจแค่ไหน” นางยิ้มน้อยๆให้กับตัวเอง
 “แม่กลัวและไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงถ้าได้มาอยู่กับพ่อของลูก แม่กลัวว่าจะดูแลปรนนิบัติเขาได้ไม่ดีพอ
แม่รู้สึกไม่มั่นใจว่าจะทำตัวให้เข้ากับเพื่อนๆของเขาได้หรือไม่ ตลกนะทั้งๆที่แม่ได้ชื่อว่าเป็นคน
ที่หยิ่งและมีความมั่นใจในตัวเองมากที่สุดแท้ๆ” นางเลื่อนสายตากลับมามองดูมัลฟอย

“แม่เองก็ไม่เคยเห็นด้วยกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของลูก เดรโก แต่แม่ก็ไม่อยากให้ลูกต้อง
ตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับแม่ ต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างไปจนชั่วชีวิต” สีหน้าของนางมัลฟอยสลดลงเมื่อพูดจบ
มัลฟอยบีบมือแม่ของเขาเบาๆราวกับปลอบใจ นับตั้งแต่นายลูเชียสผู้เป็นบิดาหายสาบสูญ
ไปในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย นางนาร์ซิสซาดูหมองเศร้าและเงียบขรึมลงกว่าเดิม

“เขาจะเข้ามาอยู่กับพวกเรานะ แม่” มัลฟอยพูดเบาๆ “ฉันรู้ว่าแม่ไม่ชอบ แต่เขาเองก็ยินดีและเต็มใจที่จะทำแบบนั้น”

“แม่คงทำใจและยอมรับเขาได้สักวันหนึ่ง” นางนาร์ซิสซาพูดเนือยๆ
“แต่ตอนนี้สิ่งที่แม่ควรทำก็คือดูแลว่าที่เจ้าบ่าวให้พร้อมที่สุด ยังมีอะไรรบกวนใจลูกอีกหรือเปล่าเดรโก”

“ครับ” มัลฟอยตอบอย่างลังเล “คือ…..ลูกไม่รู้ว่าจะทำตัวกับเขายังไงในคืนแรก”

นางนาร์ซิสซาหัวเราะเบาๆอย่างนึกเอ็นดูบุตรชาย แม้ว่าในเวลานี้เขาจะเติบโตเป็นชายหนุ่ม
ที่หล่อเหลาและดูสง่าที่สุดในบรรดาพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ทั้งหลาย แต่เดรโกก็ยังคงเป็นเดรโกน้อยๆที่
ไร้เดียงสาสำหรับนางเสมอ

“แล้วลูกจะรู้เอง เดรโก” นางตอบยิ้มๆ “ที่สำคัญอย่าทำอะไรตามแต่อารมณ์ตัวเองเท่านั้นก็พอ
 อ่อนโยนและนุ่มนวลเข้าไว้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่จะชอบความรุนแรง”

มัลฟอยทำสีหน้าเหมือนไม่เข้าใจในคำพูดของผู้เป็นมารดา
เขาทำหน้างงๆอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งนางมัลฟอยลุกขึ้น

“อย่ามัวแต่กลุ้มใจและวิตกกังวลอยู่เลย นอนพักผ่อนให้มากๆแม่ไม่อยาก
ได้ลูกชายที่ดูเหมือนผีกูลแก่ๆในงานของเขาเองนะ”

“งั้น ราตรีสวัสดิ์ครับ แม่”

“ราตรีสวัสดิ์ เดรโก” นางมัลฟอยเดินไปที่ประตูและเปิดออก มัลฟอยถามขึ้นเบาๆ

“แม่ว่าเขาจะตื่นทั้งคืนแบบลูกไหม”

“แม่ไม่รู้” นางมัลฟอยตอบยิ้มๆ “แต่แม่เคยตื่นสิบสองครั้งในคืนก่อนวันแต่งงาน”

มัลฟอยยิ้มจางๆให้กับแม่ของเขาจนบานประตูปิดสนิทลง เขาจึงมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง

“เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ เฮอร์ไมโอนี่”

*******************

เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ไม่ได้นอนเหมือนอย่างที่เดรโกเข้าใจ แต่เธอกำลังนั่งมองจ้องชุด
แต่งงานที่สวมไว้บนตัวหุ่นที่ตั้งอยู่ในห้องโถงภายในบ้านของเธอเอง หญิงสาวจัดแจงแก้ไขตก
แต่งระบาย ดอกไม้ประดับบนเสื้อหลายต่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ถูกใจไปเสียทุกที
 เธอเอนตัวพิงพนักเก้าอี้และหลับตาลง

“นอนไม่หลับหรือลูก” นางเกรนเจอร์เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆพูดขึ้นหลังจากเฝ้ามองดูกิริยา
กระสับกระส่ายของลูกสาวอยุ่นานพอควร เฮอรืไมโอนี่สะดุ้งน้อยๆและยืดตัวนั่งตรง

“คือหนูลงมาแก้ไขเสื้อนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะแม่” เธอตอบเขินๆ แม่ของเธอเดินมามอง
สำรวจชุดแต่งงานและพูดเบาๆ

“ไม่เห็นมีที่จะต้องแก้ไขตรงไหนเลยนี่นา”

“แต่หนูว่ามันไม่สวย” เฮอร์ไมโอนี่เถียงอ่อยๆ “มันดูแปลกๆ”

“ที่แปลกๆน่ะคือความรู้สึกของลูกเองมากกว่ากระมังเฮอร์ไมโอนี่” นางเกรนเจอร์พูดยิ้มๆอย่างรู้ทัน
 เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงเล็กน้อย เธอเอนตัวมาข้างหน้าและประสานมือทั้งสองข้างไว้บนตัก

“ลูกนอนไม่หลับ” เธอสารภาพ “มันรู้สึกแปลกๆบอกไม่ถูก เหมือนกลัวก็ไม่ใช่ กังวลก็ไม่เชิง”

“แปลกจริงที่ได้ยินประโยคนี้จากนักเรียนดีเด่นแบบลูก” นางเกรนเจอร์ล้อก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบ
และนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่ตั้งข้างๆ

“ลูกแค่วิตกกังวลกับการเปลี่ยนในชีวิตของลูกเท่านั้นเอง” นางพูดเบาๆ”จากที่เคยอยู่คนเดียว
ทำอะไรคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว คิดอะไรคนเดียว หลังจากวันพรุ่งนี้แล้วลูกจะมีคนอยู่ข้างๆ
 มีคนช่วยคิด ช่วยทำ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน และที่สำคัญลูกจะต้องถนอมและ
รักษาชีวิตใหม่นี้ไปจนตลอดชีวิต”

“ลูกกลัวจะทำไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ครอบครัวเขาไม่เหมือนกับพวกเรานะแม่”

“ที่ลูกเลือกคือตัวของเขา” นางเกรนเจอร์ตอบ “และที่เขาเลือกก็คือตัวของลูกไม่ใช่หรือ”
นางเอื้อมกุมมือของลูกสาวและบีบเบาๆ

“เฮอร์ไมโอนี่ ลูกอาจจะเคยตัดสินใจทำอะไรมาหลายครั้งในชีวิต และในหลายครั้งนั้น
อาจจะมีบ้างที่ลูกตัดสินใจผิดพลาด แน่นอนมันอาจจะแก้ไขได้หรือไม่ได้ แต่ลูกก็มักจะเดิน
ไปข้างหน้าต่อโดยไม่มีการลังเลหรือว่าเสียใจ แม่ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือวุ่นวายกับ
ตัวของลูกเพราะแม่คิดว่าลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ลูกมีความคิด มีความสามารถในการตัดสินใจที่ดีขึ้น
 และในครั้งนี้แม่เองก็คิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของลูก เขาเป็นคนดี
อาจจะดูเจ้าอารมณ์ไปบ้าง แต่ก็เป็นคนดี”

“เขาเป็นคนเจ้าอารมณ์มากๆเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูด ดวงตานั้นจับจ้องไปที่ชุดแต่งงาน
สีหน้าแต้มรอยยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงอีกฝ่าย

“เจ้าอารมณ์ โกรธง่าย ชอบหงุดหงิดขี้รำคาญ เจ้ายศเจ้าอย่างถือตัว แต่ก็อ่อนไหว
 สุภาพ ทำอะไรทำจริง เป็นคนมุ่งมั่นและมีมานะ ถึงจะดูดื้อรั้นไปบ้างก็เถอะ”

“แต่เขาก็เป็นคนดี และนั่นคือเหตุผลที่ลูกเลือกเขา” นางเกรนเจอร์พูดต่อประโยคให้
 “สิ่งที่ลูกรู้สึกในตอนนี้มันก็แค่ความกลัวในความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่ใจในตัวเองเท่านั้น
แม่เองก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนในคืนก่อนวันแต่งงานกับพ่อของลูก แม่นอนไม่หลับทั้งคืนเลย
รู้ไหมว่าพอเช้าวันรุ่งขึ้นแม่เป็นยังไง”

เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าแม่ของเธอราวกับถาม นางเกรนเจอร์เอานิ้ววงรอบดวงตาของเธอแล้วยิ้ม

“ขอบตาแม่ดำเหมือนหมีแพนด้าในสวนสัตว์ แถมยังโทรมเหมือนเจ้าสาวศพ
ต้องอาศัยเพื่อนๆช่วยกันโปะเครื่องสำอางค์กันเต็มที่กว่าจะดูดีและเดินเข้าพิธีได้”
 เธอหัวเราะเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่นั้นพลอยหัวเราะตามไปด้วย

“ไม่ต้องวิตกกัวลกับอะไรอีกต่อไปแล้วลูกรัก เพื่อนๆบางคนของลูกเขาอาจจะรู้สึกทำใจไม่ได้
 แต่เขาก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของลูก เพราะชีวิตที่จะก้าวต่อไปนี้คือชีวิตของลูกกับเขาเท่านั้น
 ดูแลซึ่งกันและกันให้ดี รับฟังและยอมรับในความคิดของกันและกัน
 พูดเมื่อควรและหยุดเมื่อเห็นว่าไม่เหมาะ อาจจะมีบ้างที่เขาและลูกต้องทะเลาะกันแต่จงอดทนและ
ให้อภัย หันหน้าเข้าหากันและปรึกษากันอย่าใช้อารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน
แม่คงไม่ได้มานั่งสอนลูกได้เหมือนตอนนี้อีกต่อไปแล้วเพราะลูกจะต้องเข้าไปอยู่ในครอบครัวของเขา
จะต้องอยู่ร่วมกับพวกเขาตลอดไป อดทนให้มากๆนะลูกและระลึกไว้เสมอว่าแม่รักลูกตลอดเวลา”

น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ไหลเป็นทาง เธอคุกเข่าลงตรงหน้าแม่ของเธอและซบหน้าลงบนตัก

“หนูก็รักแม่ค่ะ” เธอพูดเสียงสะอื้น นางเกรนเจอร์เช็ดน้ำตาของเธอและประคองหน้าลูกสาวขึ้น

“อย่าร้องไห้ลูกรัก เดี๋ยวตาของลูกจะบวมนะ แม่ไม่อยากให้ลูกเหมือนหมีแพนด้าในวันแต่งงานเหมือนแม่”
 เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและลุกขึ้นพร้อมๆกับเฮอร์ไมโอนี่

“ไปพักผ่อนดีกว่านะ นอนพักให้มากๆเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่งตัวกันแต่เช้า แม่อยากเห็นลูก
ของแม่สวยที่สุดในสายตาของทุกๆคน”

เฮอร์ไมโอนี่กอดแม่ของเธอแน่นก่อนจะยอมกลับไปที่ห้องของเธอ นางเกรนเจอร์ยืน
มองลูกสาวจนเสียงบานประตูปิดลง เธอหันกลับมามองดูชุดแต่งงานที่ตั้งอยู่กลางห้อง
และถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของเธอ

***************************

มัลฟอยตื่นแต่เช้าตรู่ เขายืนมองดูชุดสูทสีเข้มนิ่งอยู่นานจนแม่ของเขาเข้ามาดู
เธอทำเลิกคิ้วน้อยๆเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ได้เตรียมตัวใดๆ

“ลูกจะไปงานในชุดนั้นหรือ” นางนาร์ซิสซาถามยิ้มๆ มัลฟอยก้มลงมองดูตัวเองที่ยังอยู่
ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ เขายิ้มเขินๆ

“เอ้อ…..ก็แค่ตรวจดูชุดให้เรียบร้อยก่อนเท่านั้นเอง” เขาตอบเก้อๆ แม่ของเขาพยักหน้า

“ให้แม่ช่วยไหมลูก” เธอเดินเข้ามาในห้อง มัลฟอยค่อยๆสวมเสื้อผ้าของเขาอย่างช้าๆก่อนตอบ

“ไม่ต้องหรอกครับแม่” เขามีท่าทางเกรงใจเมื่อแม่ของเขาจัดแต่งปกเสื้อสูทให้ดูเรียบร้อยและผูกหูกระต่ายที่คอให้

“อีกหน่อยแม่ก็จะไม่ได้ทำหน้าทีนี้แล้ว เพราะมีคนทำให้แทน” เธอมองหน้ามัลฟอย เขาดูดีที่สุดในสายตาของเธอ

“ไม่ใส่น้ำมันใส่ผมหน่อยหรือ” นางถามเมื่อเห็นมัลฟอยหวีผมเลยขึ้นไปและปล่อยให้มันปรกลงมา
ที่ใบหน้าน้อยๆ เขายิ้ม

“อยากจะให้ดูเป็นธรรมชาติกว่าทุกครั้งน่ะแม่” มัลฟอยขยับหูกระต่ายอขงเขาอีกครั้งก่อนจะถามมารดา

“เป็นไงบ้างครับ”

“ลูกหล่อที่สุดในบรรดาพ่อมดทั้งหมดเลย เดรโก” นางนาร์ซิสซาพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
ขอให้แม่ได้ควงลูกเข้าไปในงานได้ไหม”

“ได้เลยครับ” มัลฟอยส่งแขนให้แม่ของเขาคล้อง นางนาร์ซิสซายิ้มอย่างภูมิใจและเดิน
ออกจากห้องของมัลฟอยไปยังสนามหน้าบ้านที่กำลังจัดเตรียมงานกันอยู่อย่างเอิกเกริก
 เปล่าเอลฟ์ประจำบ้านต่างพากันวิ่งวุ่นเพื่อจัดเตรียมอาหารสำหรับแขกเหรื่อที่จะมีมาเป็นจำนวนมาก
 สนามที่กว้างขวางของบ้านมัลฟอยดูเล็กลงเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนของที่นั่ง
 อีกด้านหนึ่ง พ่อมดหลายคนกำลังตกแต่งแท่นพิธีกล่าวคำสาบานของคู่บ่าวสาวอยู่อย่างวุ่นวาย
 พรมสีขาวสะอาดได้รับการปูลาดยาวตั้งแต่ทางเข้าคฤหาสถ์ไปจนถึงปะรำพิธี
ดอกไม้นานาชนิดถูกนำมาตกแต่งอย่างงดงามโดยฝีมือของแพนซี่ พาร์กินสันซึ่งในครั้งแรก
มัลฟอยเองแทบไม่เชื่อเลยว่าคนแบบเธอจะมีฝีมือในด้านนี้ ทุกๆอย่างดูพร้อมและสมบูรณ์ที่สุด
ในสายตาของเขาเพื่อต้อนรับผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขายินดีรับเธอเข้ามาร่วมชีวิตด้วย
 หัวใจของมัลฟอยเต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ สายตานั้นคอยจ้องไปที่ประตูคฤหาสถ์ไม่ขาดระ
ยะจนเพื่อนๆของเขาออกปากเย้า

“กว่าเจ้าสาวจะมา เจ้าบ่าวคงคอยาวเป็นมังกรไปแล้ว”

มัลฟอยหันมาถลึงตาใส่คนพูดแต่ไม่ได้โกรธอะไรนัก เหล่าบรรดาพ่อมดและแม่มดต่างพากันเดินทะ
ยอยเข้ามาในงาน ทุกๆคนเดินเข้ามากล่าวแสดงความยินดีกับมัลฟอยและเลี่ยงไปจับกลุ่มคุยกันเองเป็นกลุ่มๆ

“พวกอาจารย์มากันแล้ว” แพนซี่กระซิบบอกมัลฟอยเมื่อเห็นเหล่าบรรดาอาจารย์ของฮอกวอตส์เดินเข้ามา

“ยินดีด้วยนะ มัลฟอย” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดขึ้น

“ไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าเธอจะมีวันนี้เหมือนคนอื่นๆ” แมดอายส์
มูดดี้พูดเสียงดัง ตาปลอมของเขาหมุนไปมารอบๆงาน

“อย่างน้อยๆเธอก็ได้คนดีที่จะมาคอยดูแล มันเป็นโชคนะ” ลูปินพูดเบาๆ
โดยมีท็องค์ที่เปลี่ยนผมของเธอให้เป็นสีฟ้าใสยืนอยู่ข้างๆ

มัลฟอยรับคำอวยพรของเหล่าบรรดาอาจารย์ของเขาอย่างสุภาพ นางนาร์ซิสซาเดินเข้ามาพร้อมๆกับรอยยิ้ม

“พวกรัฐมนตรีมากันแล้ว” เธอบอกมัลฟอยเบาๆ เขารีบจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อยและยื่นมืออออกไปสัมผัสกับ

คอร์นีเลียส ฟัจน์และรูฟัส สคริมเจอร์

“รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกท่านยอมสละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานของผม” มัลฟอยพูดด้วยหน้าตาเป็น
งานเป็นการ ฟัจน์ยิ้มน้อยๆ

“สำหรับลูกชายของเพื่อนเก่าแล้ว ทางผมต่างหากที่ถือเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญ”

“ยินดีด้วยนะ มิสเตอร์มัลฟอย” สตริมเจอร์พูดสั้นๆ “คุณได้สุภาพสตรีที่เยี่ยมที่สุดใน
โลกแห่งเวทมนต์มาเคียงคู่ถือว่าเป็นโชคดีที่สุดในชีวิต”

“ขอบคุณครับ” มัลฟอยตอบอย่างสุภาพ เขาคุยกับรัฐมนตรีทั้งสองต่ออีกสองสามประ
โยคทั้งคู่จึงขอตัวไปสนทนากับเหล่าบรรดาอาจารย์จากฮอกวอตส์ มาร์คัส
 ฟลิ้นท์เดินเคียงคู่มากับมิลลิเซ็นต์ บัลสโตรก เขาหลิ่วตาให้มัลฟอยก่อนจะพูด

“ดีใจด้วย นายเยี่ยมมากที่ชนะใจเธอได้”

“ขอบคุณ” มัลฟอยตอบขรึมๆ กอยล์เดินเข้ามาหาเขาและกระซิบ

“พวกนั้นมากันแล้ว”

มัลฟอยมองออกไปด้านหน้า ที่นั่นเหล่าบรรดานักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์กำลังทะยอยเดิน
กันเข้ามาเป็นกลุ่มโดยมี เฟร็ดและจอร์จ วีสลีย์เป็นผู้นำ มัลฟอยนิ่วหน้าน้อยๆเมื่อเห็นแฮร์รี่และ
รอนแต่ไม่ได้แสดงอะไรมากไปกว่านั้น

“ยินดีด้วยนะ” เนวิลล์ ลองบัตท่อมซึ่งบัดนนี้โตเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาดีจนสาวๆเหลียวมามองพูดขึ้น
เขาทำงานอยู่ในกระทรวงเวทมนต์และมีความมั่นใจมากกว่าตอนเป็นนักเรียนมาก

“ในนามของชาวกริฟฟินดอร์ ขออวยพรให้นายกับเฮอร์ไมโอนี่มีความสุขอยู่ด้วยกันตลอดไป”

“ขอบใจ” มัลฟอยตอบสั้นๆ เขามองไปที่แฮร์รี่กับรอนที่ยังคงมีสีหน้ามึนตึงอยู่
เฟร็ดกับจอร์จเดินเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่ร่าเริง

“นี่” ทั้งคู่ส่งห่อของขวัญชิ้นเล็กๆให้กับเขา” เปิดดูตอนเข้าหอนะ มันมีประโยชน์แน่ๆ”

“ได้” มัลฟอยตอบพลางรับกล่องนั้นมาเก็บเข้ากระเป๋า เขาสัญญากับตัวเองในใจว่าจะ
ไม่ยอมเปิดเจ้าห่อประหลาดนี่ในคืนนี้อย่างแน่นอน

“ได้เวลาพิธีแล้ว เดรโกรีบไปยืนประจำที่ของลูกเร็วๆเข้า” นางนาร์ซิสซาเดินเข้ามาเตือนเขา
 มัลฟอยกล่าขอตัวกับเพื่อนๆและรีบเดินไปที่แท่นพิธี เขาหยุดยืนนิ่งที่หน้าแท่นนั้น
 มือข้างหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อสัมผัสของกล่องใบจิ๋วๆที่ภายในบรรจุแหวนทองวงน้อยๆ
นั้นทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นระทึก เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อรถของเจ้าสาววิ่งเข้ามาเทียบในงาน
 มัลฟอยนั้นไม่กล้าขยับตัวหรือเหลียวไปมอง เสียงพูดคุยดังพึมพำใกล้เข้าตามการเดินของเจ้าสาว
 กลิ่นหอมที่แสนอ่อนโยนราวกับกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิโชยมากระทบจมูกของเขา
จนในที่สุดมัลฟอยก็บังคับให้ตัวเองหันหน้าไปมองดูเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาได้ในที่สุด

“สวยเหลือเกิน”

หัวใจของมัลฟอยพร่ำพูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ในชุดเจ้าสาวสีขาว
สะอาดเดินอย่างช้าๆโดยมีนายเกรนเจอร์เป็นผู้จูงมือของเธอ เขาหยุดยืนตรงหน้า
และส่งมือของเฮอร์ไมโอนี่ให้กับมัลฟอยพร้อมกับพูดสั้นๆ

“ฝากลูกสาวของฉันด้วยนะ”

นายเกรนเจอร์จ้องหน้ามัลฟอยนิ่งราวกับกำชับ เขายิ้มรับก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ครับ”

นายเกรนเจอร์ผงกศีรษะก่อนจะมองหน้าลูกสาวของตัวเองอีกครั้งและเดินไปยืนด้านหลังรวมกับแขกคนอื่นๆ

ศาสตราจารย์ฟลิตวิคซึ่งได้รับเกียรติให้เป็นผู้กล่าวนำคำปฏิญาณกระแอมขึ้นเบาๆก่อนจะพูด

“พวกเราได้มาร่วมชุมนุมกันในวันนี้เพื่อเป็นสักขีพยานต่อชายหญิงที่นับแต่นี้ไปจะใช้ชีวิตร่วมกัน
 อยู่ร่วมกัน ทุกข์และสุขร่วมกัน ก่อนจะกล่าวประกาศยอมรับทั้งสองคน มีผู้ใดในที่นี้บ้างที่จะกล่าว
คัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้”

ศาสตราจารย์ฟลิตวิคมองไปรอบๆ ไม่มีเสียงใดๆดังตอบกลับมา ไม่มีใครขยับตัวเคลื่อนไหว
เขาจึงกระแอมและพูดขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นขอถือว่าทุกๆคนยอมรับพิธีแต่งงานในครั้งนี้” เขาหันไปทางเดรโก มัลฟอยและถามเสียงดัง

“นายเดรโก มัลฟอย คุณยินดีที่จะรับนางสาวเฮอร์ไมโอนี่เกรนเจอร์เข้ามาร่วมในชีวิตของคุณหรือไม่
คุณจะสาบานว่านับตั้งแต่นี้ต่อไปคุณจะรักและเอาใจใส่ ห่วงใย ยินดีรับฟังในทุกๆอย่างที่เธอพูด
ปกป้องเธอจากอันตรายทั้งหลายและให้อภัยทุกๆอย่างต่อเธอยามที่เธอทำผิดพลาด
ดูแลเธอยามที่เธอเจ็บป่วย และยืนอยู่ข้างๆเธอตลอดไปหรือไม่”

“ผมยินดี” มัลฟอยตอบ

“นางสาวเฮอร์ไมดอนี่ เกรนเจอร์ คุณยินดีที่จะรับนายเดรโก มัลฟอยเข้ามาร่วมในชีวิตของคุณหรือไม่
 คุณจะสาบานว่านับตั้งแต่นี้ต่อไปคุณจะรักและเอาใจใส่ ห่วงใย ยินดีรับฟังในทุกๆอย่างที่เขาพูด
 ปกป้องเขาจากอันตรายทั้งหลายและให้อภัยทุกๆอย่างต่อเขายามที่เขาทำผิดพลาด
ดูแลเขายามที่เธอเจ็บป่วย และยืนอยู่ข้างๆเขาตลอดไปหรือไม่”

“ฉันยินดี” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

ศาสตราจารย์ฟลิตวิคยิ้มกว้างก่อนจะกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นขอเชิญเจ้าบ่าวจงสวมแหวนให้เจ้าสาว และเจ้าสาวจงสวมแหวนให้กับเจ้าบ่าวเพื่อ
เป็นเครื่องหมายแห่งสักขีพยานว่าต่อไปนี้ทั้งคู่จะเป็นของกันและกันตลอดไป”

มัลฟอยค่อยๆบรรจงสวมแหวนวงน้อยเข้าที่นิ้วมือของเฮอร์ไมโอนี่อย่างนุ่มนวล
ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็สวมแหวนให้กับเขาด้วยท่าทางอ่อนโยนเช่นเดียวกัน ศาสตราจารย์ฟลิตวิคจึงพูดขึ้น

“เชิญเจ้าบ่าวจุมพิตเจ้าสาวด้วย”

มัลฟอยมองหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังก้มมองดูพื้นด้วยความขวยเขินอยู่
 เขาค่อยๆเปิดผ้าคลุมหน้าที่เป็นลูกไม้โปร่งบางออกช้าๆพร้อมๆกับเชยคางของเธอขึ้นอย่างนุ่มนวล
ดวงตาของหญิงสาวกำลังทอประกายแวววาว ริมฝีปากอิ่มที่แต่งแต้มสีสวยสดเผยอน้อยๆ
 หัวใจของมัลฟอยพองโตแทบจะคับอก เขายอมรับกับตัวเองว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นสวยที่สุด
สวยกว่าผู้หญิงทุกๆคนในโลกที่เขารู้จัก ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงประทับริมฝีปากของเขาลงไป
บนริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน เสียงปรบมือดังขึ้นโดยรอบพร้อมๆกับเสียงร้องตะโกนแสดงความยินดี

“ข้าพเจ้าขอประกาศว่า คนทั้งสองนี้เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องนับตั้งแต่นี้และตลอดไป!"

เสียงโห่ร้องแสดงความดีใจดังขึ้นไม่ขาดสาย เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้กับเพื่อนๆของเธอทุกคนก่อนจะ
ชูช่อดอกไม้ในมือขึ้น เหล่าบรรดาแม่มดสาวๆต่างพากันชะเง้อเพื่อรอแย่ง เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อช่อ
ดอกไม้ถูกโยนขึ้นไปในอากาศ มันตกลงไปในมือของท็องค์ที่กำลังยืนมองดูอยู่ข้างๆลูปิน
โดยที่เจ้าตัวเองยังงงๆอยู่ เสียร้องอย่างผิดหวังดังมาจากหมู่พวกผู้หญิงที่รับช่อดอกไม้ไม่ได้และ
มองดูท็องค์อย่างอิจฉา เธอหันไปทางลูปินที่กำลังทำสีหน้าแปลกๆและยิ้ม

“คุณไม่มีทางหนีฉันไม่พ้นแล้ว รีมัส”

“ตัดเค้กเร็วๆเข้า!" เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น มันฟังดูคล้ายๆเสียงของแฝดวีสลีย์ในความรู้สึก
ของเฮอรืไมโอนี่ เธอยิ้มและเดินเคียงคู่ไปกับมัลฟอยและหยุดยืนตรงหน้าเค้กหลายชั้นก้อนโต
 บนยอดของเค้กนั้นมีตุ๊กตาเจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังเต้นรำกันอยู่ ครีมสีขาวกำลังไหล
ไล่ระดับลงมาจากชั้นบนสุดมาสู่ชั้นล่างราวกับน้ำตก ดอกไม้ที่ทำจากน้ำตาลหลากสีกำลังผลิบาน
และส่งกลิ่นหอมระรวยออกมา มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่หยิบมีดตัดเค้กขึ้นมาพร้อมๆกัน
และจรดปลายมีดลงที่เค้ก สองชิ้นแรกมัลฟอยยินดีที่จะให้เฮอร์ไมโอนี่นำไปให้พ่อกับแม่ของเธอ
และชิ้นต่อไปสำหรับนาร์ซิสซาแม่ของเขา จากนั้นจึงเริ่มตัดแจกแขกเหรื่อในงาน
แฮร์รี่เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้ม

“ยินดีด้วยนะ เฮอร์ไมโอนี่” เขาหันไปทางมัลฟอย

“อย่าทำให้เธอต้องร้องไห้เชียวนะ มัลฟอย ไม่อย่างนั้นล่ะก็” คำพูดชะงักค้างคาไว้แค่นั้น
 มัลฟอยยิ้มให้กับเขาก่อนจะยื่นมือออกมาให้แฮร์รี่จับ

“เฮอร์ไมโอนี่จะไม่มีวันเสียน้ำตาเพราะฉันแน่นอน ฉันให้สัญญา”

**********************

เสียงเฮฮาจากงานเลี้ยงฉลองที่สนามหน้าบ้านค่อยๆเงียบลง หลังจากส่งแขกคนสุดท้ายกลับไปแล้ว
 ทั้งเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยก็เหนื่อยจนแทบจะหมดแรง ทั้งคู่ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงที่ปูด้วย
ผ้าสีขาวสะอาดตา เฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้นเบาๆ

“เหนื่อยจังเลยนะวันนี้”

“ใช่” มัลฟอยตอบสั้นๆ เขามองดูเฮอร์ไมโอนี่ในชุดเจ้าสาวและยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะค่อยๆ
เอื้อมมือไปกอดเอวของเธอไว้ หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ

“ทำอะไรน่ะ” เธอถามเบาๆ มัลฟอยไม่ตอบแต่กลับดึงเธอเข้ามากอดไว้แนบอก
เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นน้อยๆอย่างเอียงอาย

“ปล่อยนะมัลฟอย”

“เรียกเดรโกสิ” เขากระซิบเบาๆ “เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ”

หญิงสาวมีท่าทางขัดเขินขึ้นมาในทันที เธอบิดตัวน้อยๆเพื่อที่จะให้หลุดจากอ้อมกอดของเขาแต่ไม่สำเร็จ

“ฉันขออาบน้ำก่อนได้ไหม..เอ้อ..เดรโก”

“เดี๋ยวค่อยอาบก็ได้”มัลฟอยตอบพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“แต่ฉันเหนียวตัวนี่ มีแต่เหงื่อทั้งนั้น”

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” เขาพูดเบาๆพร้อมกับซุกใบหน้าไปที่คอของหญิงสาว
“อีกเดี๋ยวเหงื่อก็ออกอีกอยู่ดีแหละ ค่อยอาบหลังจากนั้นก็ได้”

หน้าของเฮอร์ไมโอนี่แดงจัดทันที เธอดันมัลฟอยออกเบาๆพร้อมกับพูดอย่างอายๆ

“บ้า”

มัลฟอยอมยิ้มและดึงหญิงสาวกลับเข้ามาหาอีกครั้ง เขากอดเธอแน่นและค่อยๆจูบเธออย่างแผ่วเบา
 หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก

“ฉันรักเธอ เฮอร์ไมโอนี่” เขากระซิบก่อนจะค่อยๆดันร่างของหญิงสาวให้นอนลงบนเตียงที่อ่อนนุ่ม
เธอปรือตามองดูเขาและโอบแขนรอบคอของเขาไว้

“ฉันก็รักเธอ เดรโก” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่แผ่วพร่า เธอหลับตาลงเมื่อมัลฟอยโน้มร่างลงมาหาและ
จูบเธออย่างอ่อนโยน เขาค่อยๆเลื่อนมือไปทางด้านหลังของหญิงสาวและค่อยๆปลดเสื้อของเธอออกอย่างช้าๆ

“อย่า….นะ” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่เบาหวิวเมื่อถูกอีกฝ่ายรุกเร้า มัลฟอยเริ่มถอดเสื้อของตัวเองและ
โน้มตัวลงไปหาเธอ

“เป็นของฉันเถอะนะ เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดเบาๆ มือที่เลื่อนไล้ไปตามร่างกายของหญิงสาว
นั้นสั่นระริกน้อยๆ เขาได้ยินเสียงครางเบาๆมาจากหญิงสาวเมื่อใบหน้าของเขาวนเวียนอยู่เหนือ
เนินอกของเธอ มัลฟอยค่อยๆขยับตัวอีกครั้ง ร่างของเฮอร์ไมโอนี่แอ่นสะท้าน
 ดวงหน้าฉายความเจ็บปวดน้อยๆ เธอครางเบาๆ

“เจ็บจัง”

มัลฟอยชะงักเขามองดูเธออย่างเป็นห่วงก่อนจะพูดเบาๆ

“ให้ฉันเลิกก็ได้นะ”

“ไม่…ไม่ต้อง” เฮอร์ไมโอนี่รีบตอบและยกมือขึ้นโอบรัดตัวของมัลฟอยไว้
เขาจูบเธออีกครั้งก่อนจะค่อยๆเคลื่อนไหวร่างกาย ทุกจังหวะที่เขาขยับนั้นมันทั้งอบอุ่นและเร่าร้อน
เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความผูกพัน ความรู้สึกของทั้งสองกระเจิดกระเจิงและล่องลอยไปไกล
แสนไกลจนในที่สุดทั้งคู่ก็ไปหยุดที่ฝั่งฝันยังเส้นขอบฟ้า เสียงหอบหายใจดังออกมาจากร่างชุ่มเหงื่อที่อ่อนแรง
มัลฟอยกอดเฮอร์ไมโอนี่แน่นแนบอกและจุมพิตเธอที่หน้าผากเบาๆ

“ฉันรักเธอ และจะเป็นของเธอ ตลอดไป”



END



No comments:

Post a Comment