Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Monday, July 20, 2015

Chapter 6: วันเปิดเทอมของเฮอร์ไมโอนี่



ในคืนก่อนวันเปิดเทอม เฮอร์ไมโอนี่ดูให้แน่ใจว่าจินนี่หลับแล้ว
เธอจึงหยิบสมุดเล่มสีชมพูของเธอขึ้นมาเขียนถึงมัลฟอย

‘เฟเร็ต’

‘ว่าไง’ ตัวหนังสือปรากฏขึ้นมาแทบจะในทันที เขาเองคิดไว้แล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องเขียนถึงเขาแน่นอน

‘ไม่มีอะไรหรอก แค่จะเตือนว่า พรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้วนะ’

‘ออทเทอร์ ฉันก็มีปฏิทินเหมือนกัน’ มัลฟอยกวนใส่

‘งั้นก็บายย่ะ’

‘ล้อเล่นน่า ขอบใจที่เธอเตือนด้วยนะละกัน’ มัลฟอยเขียนลงไป
หากเขาส่งเสียงไปหาเฮอร์ไมโอนี่ได้ด้วยล่ะก็ เธอจะรู้ได้ว่าน้ำเสียงประชดเต็มที

‘จะเตือนแค่นี้แหละ’

‘แค่เนี๊ยนะ’

‘เออนี่ เฟเร็ต... นายว่า ถ้าพวกเราเปิดเทอมแล้ว จะยังได้คุยกันเหมือนแต่ก่อนรึเปล่า’
เฮอร์ไมโอนี่ถาม สีหน้าดูกังวล ถึงมัลฟอยจะไม่เห็นก็ตาม

‘ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ’

‘ก็ พอเปิดเทอมก็จะมีการบ้านเยอะแยะน่ะสิ’ เฮอร์ไมโอนี่เขียนตัวเข้ม ‘นายจะทำการบ้านทันเหรอ’

‘โธ่ แล้วเธอทำการบ้านทันเหรอ’

‘แน่อยู่แล้ว มือชั้นไหนให้มันรู้ซะบ้าง’

‘เออๆฉันเชื่อเธอ’ มัลฟอยบอกอย่างเบื่อหน่าย ‘งั้นฉันจะพยายามทำเร็วๆ เพื่อจะได้มาคุยกับเธอละกัน’

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่ามัลฟอยเองก็รู้สึกเหมือนกัน เพราะเขาเงียบไป

‘นายแน่ใจนะ ว่านายจะไม่ยอมเผยตัวจริงก่อนคริสต์มาตร์น่ะ’ เฮอร์ไมโอนี่พยายามเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว

‘ไม่เด็ดขาด’ มัลฟอยยืนยันอย่างหนักแน่น

‘แล้วแต่นาย พรุ่งนี้คงได้เจอกัน’

‘แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นฉัน’

‘นายก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ’

‘เออๆ’ เขาเริ่มหงุดหงิดน้อยๆ

จินนี่ขยับตัวเล็กน้อย เฮอร์ไมโอนี่เห็นท่าไม่ดีจึงต้องจำใจบอกลามัลฟอย

‘เฟเร็ต ฉันว่าฉันต้องไปแล้วล่ะ เดี๋ยวเพื่อนฉันสงสัยเอา’

‘ก็ได้’ ครั้งนี้เขายอมแต่โดยดี

‘ราตรีสวัสดิ์’

‘เธอด้วย ฝันดีนะ’

‘เช่นกัน’

เฮอร์ไมโอนี่ปิดสมุดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะล้มตัวลงนอน รอคอยวันรุ่งขึ้นที่กำลังจะมาถึง

****************************************

“โอ้ย... ให้ตายเถอะ แฮร์รี่ นายเห็นพิกมั้ย” รอนร้องลั่น ก้าวลงบันไดมาอย่างร้อนรน

“เห็นๆ อยู่กับเฮ็ดวิกในกรงแล้วล่ะ”

“แล้วฉันก็หาซะเกือบตาย” รอนบ่น ขณะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ในห้องอาหาร ข้างๆแฮร์รี่

“เอ้าอาหารเช้า” นางวิสลีย์บอก พลางยื่นจานใส่ ไส้กรอก เบคอน และขนมปังให้

“ผมไม่อยากกินเลยฮะแม่”

“ทำไม” เธอถามกลับห้วนๆ น้ำเสียงดุๆ

“ก็ผมต้องเราต้องนั่งรถเมล์อัศวินราตรีไปคริงส์ครอสไม่ใช่เหรอฮะ” รอนร้องสีหน้าพะอืดพะอม
“ยังไงเราก็ต้องแหวะออกมาอยู่ดีนี่”

“กินๆเข้าไปเถอะน่ารอน”

“ก็ได้” เขายอมแพ้ ถึงจะไม่เต็มใจก็ตาม “แล้วสาวๆไปไหนล่ะ คงจะมัวแต่แต่งตัวอยู่ล่ะสิ”

“รอน นายเงียบแล้วยัดอาหารเข้าปากดีกว่านะ” เฮอร์ไมโอนี่และจินนี่เพิ่งเข้ามาในห้องทานอาหาร
“ก่อนที่ฉันจะเลอะฟันนายออกมาซะก่อน” เธอขู่ พลางลูบไปตามความยาวของไม้กายสิทธิ์อย่างขู่ขวัญ

“ม่ายเป็นไรหรอกเฮอร์ไมโอนี่ ฉันกินเองดีกว่า” เขาตอบ มองไม้กายสิทธิ์เฮอร์ไมโอนี่อย่างหวาดๆ

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ พร้อมกับจินนี่

“ใครจะมาพาเราไปคริงส์ครอสเหรอคะแม่” จินนี่ถามขึ้นทันทีที่นางวิสลีย์วางจานอาหารลงให้เธอ

“มู้ดดี้ กับลูปิน” นางวิสลีย์บอก “แล้วจินนี่ ลูกรีบๆกินเลยนะ ก่อนที่พวกเขาจะมารับ”

จินนี่พยักหน้ารับ ก่อนจะลงมือทานอาหารโดยไม่ปริปากออกมาเลยสักคำ และแล้ว ลูปินกับมู้ดดี้ก็มาถึง

“ดูแลตัวเองด้วยนะเด็กๆ” นางวิสลีย์กล่าวขึ้นที่หน้าประตูบ้านเลขที่ 12

“ค่ะ/ฮะ” เด็กๆตอบพร้อมกัน ราวกับเป็นบทพูดที่พวกเขาต้องพูดกันทุกวัน นางวิสลีย์กอดพวกเขาทีละคน
และกระซิบข้างหูแฮร์รี่ว่า “อย่าคิดมากเรื่องซิเรียส ไม่ใช่ความผิดของเธอ”

แฮร์รี่ยิ้มอย่างฝืดผืนรับ โดยที่นางวิสลีย์ไม่ทันสังเกต

“เอาล่ะ แล้วอย่าก่อเรื่องเหมือนฝาแฝดนะ”

“ฮะ” รอนตอบรับ แต่แอบกระซิบกับแฮร์รี่ “จะไม่ให้น้อยกว่าฮะ”

“ขอให้สนุกในปีนี้นะจ๊ะ” นางวิสลีย์บอก “กิจกรรมเยอะเหลือนี่นะ”

“ขอบคุณค่ะ/ฮะ คุณนายวิสลีย์ที่ดูและพวกเรา” แฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่บอกพร้อมกัน

“ไม่เป็นไรจ๊ะ” เธอตอบพลางยิ้มให้ ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นรถเมล์อัศวินราตรี ให้ปั่นกระเพาะของพวกเขาเล่น

“เร็วเข้าเด็กๆ เหลือเวลาอีกแค่ 15 นาทีเท่านั้น รีบหน่อยเด็กๆ” ลูปินร้องตะโกนบอกเด็กๆ ขณะที่พวก
เขาผ่านแผงกั้นเข้าสู่ชานชาลา 9 เศษ 3 ส่วน 4 ทีละคน

“เอาล่ะเด็กๆ ดูแลตัวเองดีๆด้วย” ลูปินเอ่ยขึ้น เมื่อพวกเขาเข้ามาในชานชาลาแล้ว

“ฮะ/ค่ะ” เด็กๆตอบรับพร้อมกัน

“โดยเฉพาะเธอ แฮร์รี่” เขากำชับ “อย่าให้โวลเดอมอร์ครอบงำเธอได้อีก สกัดใจจากเขาเอาไว้”

“ผมจะพยายามฮะ” แฮร์รี่ตอบ น้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจนัก

“อย่าลืม จงตื่นตัวอยู่เสมอ” มู้ดดี้คำราม มุมปากยิ้มนิดๆ เด็กๆสะดุ้งเล็กน้อย
เพราะครั้งล่าสุดที่เด็กๆได้ยินคำนี้ บาร์ตี้ เคร้าช์ ในร่างของมู้ดดี้เป็นคนพูด

“อย่าตกใจไปเลย” ลูปินบอก ยิ้มน้อยๆให้กับท่าทีของเขา มู้ดดี้แสยะยิ้มอย่างกวนอารมณ์
แต่มันกลับทำให้เขายิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก “ฝาแฝด ของพวกเธอเป็นคนบอกอลาสเตอร์เองล่ะ
เห็นบอกว่าคงจะตลกดีที่เห็นท่าทีของพวกเธอน่ะ”

“ตลกจะแย่อยู่แล้ว” รอนประชด

“เอาล่ะเด็กๆ ไปกันได้แล้วล่ะ รถไฟจะออกแล้ว” ลูปินบอก ก่อนจะช่วยพวกเขาขนบขึ้นรถไฟ
 แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะได้โบกมือลา ลูปินและมู้ดดี้ก็หายตัวไปแล้ว

“จะรีบไปไหนกันนักนะ” รอนบ่นอุบอิบ แต่ก็ต้องหยุดแทบจะในทันทีเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้
แล้วเดินต่อไปตามความยาวของรถไฟ เพื่อหาตู้ว่างๆสำหรับพวกเขา รถไฟค่อยๆเคลื่อนออก
ไปข้างหน้า มุ่งสู่ฮอกวอตส์

“อ๊ะ ห้องนี้ว่าง” จินนี่ร้องขึ้นเมื่อเดินมาพบตู้ท้ายขบวน พวกเขาทยอยกันเข้าไป พร้อมกับบของพวกเขา

“อ้าว เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะรีบเปลี่ยนชุดทำไมล่ะ” แฮร์รี่ถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นทั้งเฮอร์ไมโอนี่และ
รอนเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบของฮอกวอตส์

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างสื่อความหมาย ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะตอบว่า

“คือ... ฉันกับรอนต้องไปรับคำสั่งที่ตู้ของพรีเฟ็คน่ะ”

“อ้อ... ใช่ ฉันลืมไปเลย”

“แต่ฉันไม่อยากไปหรอกนะแฮร์รี่ นายก็รู้ แต่... มันเป็นหน้าที่” รอนบอกอย่างกระอักกระอวน

“ช่าย... ฉันรู้เพื่อน” แฮร์รี่ตอบยิ้มๆ เขารู้สึกใจหายอย่างประหลาด ถึงแม้ว่าเมื่อปีที่แล้ว
 ทั้งสองก็ต้องไปประชุมเหมือนกัน

“งั้น... แล้วเจอกันนะ”

“พวกเราจะรีบมา” รอนบอกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยราวกับเขาอยู่ในงานศพก็ไม่ปาน
“แล้วอย่าลืมเก็บเค้กให้ฉันด้วยนะ แฮร์รี่”

“ได้สิ เอาสัก 3 หม้อเลยดีมั้ย”

“ถ้าได้ก็ดีเลยเพื่อน” รอนร้อง ท่าทีเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับเขาอยู่ในงานศพ
 แต่ก็รู้สึกสนุกสุดเหวี่ยงในเวลาเดียวกัน ก่อนที่เขาและเฮอร์ไมโอนี่จะเดินออกไป

เมื่อทั้งสองเดินกันมาได้จนเกือบจะถึงตู้พรีเฟ็ค รอนก็เริ่มสำรวจดูเข็มตราพรีเฟ็คของเขาเหมือนทุกครั้ง
แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นบางอย่าง

“เฮอร์ไมโอนี่ แล้วตราพรีเฟ็คของเธออยู่ไหนล่ะ”

“อยู่นี่ไ… “ เฮอร์ไมโอนี่ค้าง ขณะที่ชี้ไปที่เสื้อคลุม ที่เข็มเคยติดอยู่ “ไปไหนล่ะ”

“ตกรึเปล่า”

“อืม... คงงั้น หรือไม่ก็คงจะลืมไว้ที่โบกี้น่ะ” เฮอร์ไมโอนี่บอก “งั้นเธอไปก่อนละกัน เดี๋ยวฉันตามไป”

“ให้ฉันช่วยเธอหาดีกว่า”

“ไม่เป็นไรหรอกรอน เธอรีบไปเถอะ”

รอนยักไหล่แทนคำตอบ ก่อนจะเดินตรงไปยังตู้ของพรีเฟ็คที่อยู่ต้นขบวน เฮอร์ไมโอนี่เดินก้ม
หน้าก้มตาหาตราพรีเฟ็คของเธอ จนมาเจอกับคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุด

“อ้าว ยัยเลือดสีโคลน นี่เอง” อีกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่แม้แต่จะต้องเดาว่าใครคือเจ้าของเสียง
“ก้มหน้าก้มตามองหาเศษเงินรึไง อ๋อ... คงเก็บไปให้เจ้าหัวแดง วิสลีย์ ล่ะสิ”

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นส่งสายตาดุๆไปให้เด็กหนุ่มผมบรอนด์
คนเดียวกับคนที่เธอเจอที่ตรอกไดแอกอน

คนเดียวกับคนที่มีรอยยิ้มเยาะอยู่บนใบหน้าเสมอ
คนเดียวกับคนที่มีดวงตาสีซีด

คนเดียวกับคนที่เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของแฮร์รี่ และรอน (หรืออาจจะเฮอร์ไมโอนี่ด้วย)
คนเดียวกับคนที่ชอบพูดคำว่า เลือดสีโคลน ใส่เธอทุกครั้งไป
(คนเดียวกับคนที่เธอคุยด้วยตลอดปิดเทอมหน้าร้อน > < แต่ไม่รู้ง่ะ)

“พอตตี้กับวีเซิ่ลไปไหนซะล่ะ ปกติห่างกันไม่ได้เลยนี่”

“เชอะ แล้วนายล่ะมัลฟอย” เธอประชด “เจ้าโทลล์สองตัวไปไหนซะล่ะ ปกตินายเดินไม่ได้นี่ ถ้าไม่มีพวกเขาน่ะ”

แถบสีชมพูเริ่มคืบคลานเข้ามาบนใบหน้าอันซีดเสียวของมัลฟอย “ฉันอยู่ได้ ถ้าไม่มีพวกมัน”

“ง้านเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ลากเสียงเลียนแบบเขา แล้วสบัดหน้าหนี จะเดินต่อไปยังตู้สุดท้าย
 แต่มัลฟอยคว้าข้อมือของเธอเองไว้ก่อน

“เธอเข้ามาในตู้โดยสารห้องนี้ของฉันก่อนสิเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด ดวงตาสีซีดดูเย็นเยียบ
 เฮอร์ไมโอนี่มองเข้าไปผ่านกระจกตู้ ในนั้นไม่มีใครอยู่เลย เธอบิดข้อมือให้ออกจากเงื้อมมือมัลฟอย แต่ไม่สำเร็จ

“ทำไมฉันต้องเข้าไปด้วยล่ะ”

“เพราะตราพรีเฟ็คเธออยู่กับฉันไงล่ะ” มัลฟอยพูดด้วยรอยยิ้มเยาะ ล้วงตราออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม

“ตราของฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “เอาคืนมานะมัลฟอย”

“ไม่... จนกว่าเธอจะเข้าไปข้างใน” เขาบอกเรียบๆ พลางพยับเพยิบในเข้าไปในตู้ของเขา

เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันแน่น ก่อนจะยอมให้มัลฟอยดึงเธอเข้าไปในตู้ ...

ทั้งสองทิ้งตัวลงบนเบาะนุ่มๆตรงข้ามกัน มัลฟอยปล่อยมือเฮอร์ไมโอนี่ แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าสีเขียว
เข้มของเขาขึ้นมาเช็ดมือ “เธอทำให้มือฉันเปื้อนโคลนนะนี่”

“ใครใช้ให้นายมาจับมือฉันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำเบาๆ หน้าเริ่มมีสีเข้มขึ้นด้วยความโกรธ

เฮอร์ไมโอนี่อดสังเกตไม่ได้ ว่ามัลฟอยเองก็ดูเป็นหนุ่มขึ้น สังเกตได้จากกล้ามที่เป็นมัดๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาไปเอากล้ามพวกนี้มาจากไหน ก็เห็นเขาซ้อมควิดดิชเพื่อจะเอาชนะทีมกริฟฟินดอร์ให้ได้นี่

 ผมสีบรอนด์ของเขายังคงเรียบแปล้อยู่บนศีรษะ แต่ก็ยังคงความหล่อเอาไว้ โดยทิ้งรอยยิ้มอันชั่วร้ายของเขาแปะ
ไว้บนใบหน้ารูปไข่ที่ขาวซีดอยู่เสมอ

“เธอจะคืนตราพรีเฟ็คให้ฉันได้รึยังล่ะ” เธอกระชากเสียงถาม

“นี่ยัยเลือดสีโคลน พวกมักเกิ้ลของเธอไม่เคยสอนให้เธอพูดดีๆกับคนอื่นรึไงกัน”

“เคยย่ะ... แต่ไม่ใช่กับคนอย่างนาย”

มัลฟอยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในขณะที่ฝนตกลงมาหนาเม็ด กระทบกับกระจกห้องโดยสาร

“แล้วนี่นายจะคืนตราให้ฉันได้รึยัง” เธอถามซ้ำ ไม่สนใจสภาพอากาศภายนอก

“ผิดคำถามแล้วล่ะเกรนเจอร์”

เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ

“จะให้ฉันทำอะไร นายถึงจะยอมคืนตราให้ฉัน”

“ฉลาดดีนี่”

“นายชมน่ะ ฉันไม่ภูมิใจหรอกนะ” เธอบอกอย่างหงุดหงิด “ว่าไงล่ะ จะให้ฉันทำอะไร”

“ง่ายๆ เธอต้อง... “ แต่ต้องทำอะไรนั้น เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถรู้ได้ เพราะในนาทีนั้นเอง
รถไฟเริ่มชะลอความเร็วลงแล้วหยุด ทุกอย่างเงียบสงัด ความมืดแผ่เข้ามาปกคลุมทั่วทั้งขบวนรถไฟ
 เทียนที่จุดไว้ภายในรถไฟดับสนิท ตามมาด้วยอากาศที่หนาวยะเยือกพร้อมจะแช่แข็งทุกคนได้ภายในวินาทีเดียว

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่กระเด้งตัวขึ้นจากเบาะ

“เกรนเจอร์” เขาเองก็ลุกพรวดขึ้นเช่นกัน

“มัลฟอย นายอยู่ไหนน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง พลางลุกขึ้น มือทั้งสองข้างไขว่คว้าไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย
เหมือนคนตาบอด

“อยู่เฉยๆนะเกรนเจอร์” เสียงมัลฟอยร้องบอกเธอ

“เธออยู่ไหนมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงสั่น “ฉันหนาว... ว้าย”

“แย่จริง” มัลฟอยคำรามใกล้ๆเธอ

“โธ่เอ๊ย... ลูมอส” แสงไฟสว่างวาบขึ้นที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ทันที
เขาจับมือเธอไว้แน่น เงาสีดำแวบผ่านกระจกหน้าต่างข้างนอกอย่างรวดเร็ว
 เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวเข้ามาใกล้มัลฟอยโดยไม่รู้ตัว

“ตามฉันมา เกรนเจอร์” เขากระซิบ แล้วพาเฮอร์ไมโอนี่ตรงไปยังประตูห้อง เพื่อจะออกไปข้างนอก

แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปถึงประตู มัลฟอยก็ต้องชะงัก เมื่อประตูเลื่อนเปิดออกเองช้าๆ
 พร้อมกับความหนาวที่แทบจะชำแหละเข้าไปในร่างของทั้งคู่

ร่างสีดำทมิฬเริ่มเลื้อยเข้ามาในห้องโดยสาร พร้อมกับเสียงสูดหายใจของมัน ที่ดูเหมือนจะสูบเอา
ความสุขทุกอย่างให้ออกไปจากความทรงจำของพวกเขา

มัลฟอยชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ผู้คุมวิญญาณข้างหน้า รู้สึกถึงแรงบีบมือของเฮอร์ไมโอนี่
เขาบังคับไม้กายสิทธิ์ในมือไม่ให้สั่น มืออีกข้างกระชับมือเฮอร์ไมโอนี่ให้แน่นขึ้น

 ทำให้เธอแอบมองเขาแวบหนึ่งด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว แต่กระนั้น ความกลัวก็ยังเอาชนะความรู้สึก
ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นมาของเฮอร์ไมโอนี่ที่มีต่อมัลฟอย

ผู้คุมวิญญาณตนนั้นสูดหายใจเข้าอีกครั้ง พร้อมกับความทรงจำอันแสนสุขของเธอที่หดหายไปอย่างรวดเร็ว
 กลับแทนที่ด้วยความทรงจำเมื่อครั้งที่คุณตาอันเป็นที่รักของเธอเสียไป น้ำตาใสๆเริ่มไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง

เขาเพ่งสมาธิไปที่ความสุข แต่กลับไม่มีภาพไหนเข้ามาในสมองของเขาเลย
 มัลฟอยบีบมือเฮอร์ไมโอนี่แน่นขึ้น และแล้ว...

“เอ็กซ์เปกโตร พาร์โตรนุม” มัลฟอยตะโกนก้อง ตัวเฟเร็ตเป็นสีเงินยวงวิ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์
วิ่งเข้าใส่ผู้คุมวิญญาณตนนั้น มันเลื้อยหายไปทันทีพร้อมกับผู้พิทักษ์ของเขา มัลฟอยปิดประตูตามหลังทันที

เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยมือมัลฟอย เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่าง
ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เธอทิ้งตัวลงบนเบาะอย่างหมดแรง

“เกรนเจอร์” มัลฟอยเรียกเสียงอ่อย “เธอไม่เป็นไรนะ”

เฮอร์ไมโอนี่ส่ายศีรษะแรงๆ กวางตัวผู้เป็นสีเงินยวงวิ่งไปมาอยู่ตรงระเบียงทางเดินด้านนอก
แน่นอนคงเป็นผู้พิทักษ์ของแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอเองก็เสกผู้พิทักษ์ได้เช่นกัน

 ผู้พิทักษ์ของเธอเป็นตัวนากน่ารักทีเดียว เนื่องจากการฝึกในชั้นก.ด.กับแฮร์รี่ แต่นักเรียนของแฮร์รี่
ไม่เคยมีใครเสกผู้พิทักษ์ต่อหน้าผู้คุมวิญญาณมาก่อน (หรือแม้แต่บ็อกการ์ด) นอกจากแฮร์รี่เพียงคนเดียว
จึงไม่มีใครเคยรู้ว่าการเผชิญหน้ากับผู้คุมวิญญาณจะรู้สึกแย่ถึงเพียงนี้

“เกรนเจอร์” เขาเรียกซ้ำ ด้วยสายตาที่อ่อนโยนซึ่งหาดูได้ยากนัก แต่เธอไม่สามารถหยุดน้ำตาที่กลั่นออกมา
ได้เลย ความทรงจำเรื่องคุณตาเป็นเรื่องที่เศร้าที่สุด เท่าที่เธอเคยเผชิญมา

“ฉันไม่เป็นไร” เธอบอกเสียงสั่น หวังจะแสดงความมั่นใจให้มัลฟอย แต่มันกลับทำให้เขาคิดมากเข้าไปอีก
 น้ำตายังคงไหลออกมา อย่างไม่มีท่าทีว่าหยุด มัลฟอยขยับเข้ามานั่นข้างๆเธอ

แสงสว่างจากเทียนส่องสว่างอีกครั้ง เมื่อรถไฟค่อยๆแล่นออกไปอีกครั้ง ดูเหมือนว่าผู้คุมวิญญาณจะ
ไปหมดแล้ว แต่ฝนยังคงตกอยู่

“ฉัน -- ไม่เป็นไรหรอก” เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นเล็กน้อย มัลฟอยขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นพลาง
ยื่นผ้าเช็ดหน้าสีเขียวเข้มของเขาให้ เธอรับมาเช็ดน้ำตา และอื้นกับผ้าเช็ดหน้าค่อยๆ

มัลฟอยกอดเฮอร์ไมโอนี่อย่างอ่อนโยน เธอเริ่มสะอื้นกับไหล่ของมัลฟอยแทนผ้าเช็ดหน้า
 เขาลูบผมอันฟูฟ่องของเธอเบาๆเป็นเชิงปลอบ พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆที่มีต่อเธอ
มัลฟอยรู้สึกดีใจเหลือเกินที่เธอร้องไห้อยู่อย่างนี้ เพราะเธอจะได้ไม่เห็นว่าหน้าของเขานั้นแดงถึงเพียงไหน

เวลาผ่านไปนานพอควร กว่าน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่จะแห้งเหือด แล้วเธอจึงรู้สึกตัวว่ามัลฟอยกอดเธออยู่
ก็ตอนที่เขาก้มลงมาจูบหน้าผากเธอเบาๆ

เฮอร์ไมโอนี่ผลักเขาออกไปด้วยกำลังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แล้วถอยตัวเองชิดผนังห้องโดยสาร

“คนฉวยโอกาส” เฮอร์ไมโอนี่แหวใส่เขา

แต่เขาส่งยิ้มเยาะมาให้เธอ ก่อนจะพูดขึ้น “คราวนี้เธอทำฉันเปื้อนโคลนไปทั้งตัวเลยนะนี่”

เฮอร์ไมโอนี่คว้าไม้กายสิทธิ์จากพื้น (ไม่รู้ว่าตกเมื่อไหร่ นี่ขนาดเราแต่งเองนะเนี่ย) แล้วชี้ไปที่มัลฟอย

“เธอจะให้ฉันล้างโคลนออกจากตัวเธอให้มั้ยล่ะ มัลฟอย”

เขามองไม้กายสิทธิ์ของเธออย่างไม่ไว้ใจ

“ไม่เป็นไรหรอก เกรนเจอร์”

เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้น เพื่อจะเดินไปที่ประตู

“เดี๋ยวสิ” มัลฟอยร้อง พลางคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ เฮอร์ไมโอนี่หันหลังควับทันที

“มีอะไรล่ะ” เธอพูดห้วนๆ พลางนั่งลงที่เดิม

“เธอลืมไป 2 อย่างเลยนะ เกรนเจอร์”

แน่นอนอย่างแรกที่เฮอร์ไมโอนี่คิดถึงคือ...

“คืนตราพรีเฟ็คให้ฉันได้แล้ว”

“ตราเหรอ... “ เขาล้วงตราพรีเฟ็คสีเงินออกมา โชว์ให้เฮอร์ไมโอนี่ดู
 “นี่มันตราของฉันน่ะเกรนเจอร์ -- ลืมแล้วรึไง ฉันเองก็เป็นพรีเฟ็คเหมือนกันนะ” เขาว่า
 พลางกลัดเข็มตราพรีเฟ็คไว้ที่หน้าอกของตน

“นายหลอกฉันหรือนี่” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างเจ็บใจ แล้วสะบัดหน้าหนี พร้อมกับลุกขึ้นยืน
 แต่มัลฟอยกระดุกมือที่เขาจับเธอไว้ ให้เธอนั่งลงตามเดิม

“ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าเธอลืมไป 2 อย่าง”

“อะไรล่ะ ถ้างั้น...”

“อย่างแรกเลย...” เขาพูดพลางยิ้มเยาะ “ขอบใจฉันไงล่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากตัวเอง

“อย่าบอกนะ เธอขอบใจคนอื่นไม่เป็น” มัลฟอยพูดลากเสียง รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นมาให้เห็น
พลางปล่อยมือของเฮอร์ไมโอนี่ให้เป็นอิสระ “เรื่องที่ตรอกไดแกกอนนั่นก็หนึ่งแล้ว เรื่องผู้คุมวิญญาณอีกหนึ่ง
 แล้วยังเรื่องฉันให้ยืมไหล่ให้เธอร้องไห้เหมือนเด็กๆอีกหนึ่งล่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าลง พูดกับรองเท้าแทน เธอไม่กล้ามองหน้าเขา เพราะเลือดในตัวดูเหมือนจะมา
รวมตัวอีกครั้งบนใบหน้าของเธอ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาช่วยเธอ

“ขอบใจ” ใบหน้าเด็กสาวเป็นสีจัด มัลฟอยยิ้มอย่างพอใจ เขาเองก็เริ่มหน้าแดงเหมือนกัน
 เมื่อนึกถึงภาพที่เขแกล้งเธอที่ตรอกไดแอกอน และตอนที่เธอร้องไห้อยู่บนไหล่ของเขา เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน

“ส่วนอย่างที่ 2 คือ...” เขาพูด โดยหันหลังให้เธอ เพราะไม่อยากให้เธอเห็นว่าเขาหน้าแดง
“เธอลืมไปรับคำสั่งจากประธานนักเรียนแหนะ”

เฮอร์ไมโอนี่ใจหายวาบ เธอมัวแต่ห่วงจะเอาตราพรีเฟ็ค จนลืมไปว่าเธอต้องไปรับคำสั่งหลักๆ
ที่ต้องทำในปีนี้ แต่ก่อนที่เธอจะลุกขึ้น มัลฟอยก็ขัดเธอไว้ก่อน

“ไม่ทันแล้วล่ะเกรนเจอร์ พวกเขาคงประชุมกันเสร็จไปตั้งชาติแล้วล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่น้ำตาคลอเบ้า
ด้วยความโกรธ “แต่ฉันน่ะไปฟังคำสั่งมาแล้วนะ... อยากรู้มั้ยล่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่มองเขาแวบหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ อย่างไม่พอใจ

“ข่าวร้ายของฉันเลยล่ะ แต่อาจจะเป็นข่าวดีของเธอ ที่ได้อยู่กับคนหล่ออย่างฉันนะ” มัลฟอยบอก
อย่างไม่เกรงฟ้าดิน เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตา สื่อความหมายได้ว่า คนหลงตัวเอง มัลฟอยยักไหล่

“ทุกวันศุกร์ 2 ทุ่มถึงเที่ยงคืน เธอต้องตรวจโรงเรียนกับฉันล่ะ”

นั่นทำให้ยิ่งกว่าอึ้ง

“หมายความว่าไง ทำไมฉันต้องตรวจโรงเรียนกับนายด้วย” เฮอร์ไมโอนี่ถามงงๆ

“เห็นบอกว่า... กลัวว่าสลิธีรินจะเข้าข้างเด็กบ้านตัวเองหรือไงนี่แหละ” มัลฟอยเบ้ปาก
 “แชงก็เลยจัดให้พรีเฟ็คชายหญิงของแต่ละบ้าน คละกันไปตรวจ”

“โช แชง เป็นประธานนักเรียนหญิงเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย”
 แล้วเธอก็เปิดประตูห้องสำเร็จในที่สุด แต่ไม่วายที่มัลฟอยจะเรียกเธอไว้ก่อน

“เดี๋ยวสิ เกรนเจอร์” มัลฟอยเรียก เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองเขา “เธอลืมขอบใจที่ฉันบอกข่าวร้ายในรอบปีนี้ให้เธอนะ”

“สำหรับฉัน มันก็เป็นข่าวร้ายพอๆกับที่เธอคิดว่าข่าวร้ายนั่นแหละ” เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้าใส่
 ก่อนจะเดินออกมาโดยที่ไม่ได้ขอบใจมัลฟอย

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่กลับไปถึงตู้โดยสารที่แฮร์รี่และจินนี่จองไว้ แต่ในวินาทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้อง
 เสียงของรอนก็โผล่ขึ้นมาก่อนที่เธอจะมองเห็นตัวเขาซะอีก

“เฮอร์ไมโอนี่ เธอไปไหนมา ฉันหาเธอซะทั่วเลย” รอนพูด พลางมองตามเฮอร์ไมโอนี่ที่ทิ้งตัวลงข้างแฮร์รี่
 “ฉันประชุมเสร็จแล้วล่ะ”

“อย่าถามฉันเลย รอน” เธอตอบ พลางสั่นหน้า

“แล้วเธอรู้รึเปล่า ว่าเธอต้อง -- “

“ไปตรวจโรงเรียนกับมัลฟอย ทุกคืนวันศุกร์”

“ใช่... เธอรู้ได้ -- “

“มัลฟอยน่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่ขัดขึ้นอย่างเบื่อๆ “เขาบอกฉันกับตัวเองเลยล่ะ”

“เธอโชคร้ายชะมัดเลย”

“แล้วเธอต้องตรวจกับใครล่ะ”

“ยายหน้าหงิก แพนซี่ พาร์กินสัน” รอนตอบทันควัน

“เธอก็โชคร้ายไม่แพ้ฉันหรอก รอน”

“เออ... ใช่” เขาพูดเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “โอย เมื่อไหร่จะถึงฮอกวอตส์เนี่ย ฉันหิว จะกินฮิปโปกริฟฟ์ได้ทั้งฝูงแล้วนะ”

“รอน นายเพิ่งกินกบช็อกโกแลตไป 14 ตัว น้ำฟักทองอีก 1 เหยือก ขนมปังวิซซิ่งฯอีก 6 ชิ้น
เค้กอีก 2 หม้อเต็ม นายยังไม่อิ่มอีกเหรอ” แฮร์รี่ถามอย่างงงๆ

“แฮร์รี่ พี่ลืมเยลลี่เม็ดทุกรสเบอร์ตี้บอร์ด 2 ห่อเต็มๆที่พี่รอนกินของหนูไปนะ” จินนี่ทักท้วง

“โธ่ แค่นั้นยังไม่สะเทือนท้องฉันเลย”

“เออ เฮอร์ไมโอนี่ เธอรู้รึเปล่า ว่าผู้คุมวิญญาณบุกรถไฟนะ” แฮร์รี่ถามขึ้น รอนและจินนี่สบตากันเงียบๆ

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ารับ

“แล้วใครเป็นคนไล่ผู้คุมวิญญาณพวกนั้นล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่า...

“ฉันเอง” แฮร์รี่ตอบอย่างหงุดหงิด ทั้งสามสบตากัน เมื่อรับรู้ถึงคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังจะซัดเข้าใส่พวกเขา

“แล้วทำไมไม่มีใครช่วยฉันไล่พวกมันเลยล่ะ” แฮร์รี่ระเบิดขึ้นในนาทีต่อมา “นี่ฉันสอนชั้น ก.ด.
ไปเพื่ออะไรล่ะนี่ พอถึงเวลาปฎิบัติจริงก็ไม่มีใครเสกผู้พิทักษ์ไล่ผู้คุมวิญญาณเลย”

“โธ่แฮร์รี่ ก็ไม่มีใครเคยเสกผู้พิทักษ์ต่อหน้าผู้คุมวิญญาณนี่” เฮอร์รี่โอนี่ยักไหล่
 “แบบไม่มีประสบการณ์อะไรประมาณนั้นแหละ”

“คราวหน้าฉันจะไม่ให้นายจัดการกับผู้คุมวิญญาณคนเดียวแน่” รอนรีบเสริม
จินนี่และเฮอร์ไมโอนี่พ่นลมทางจมูกพร้อมกัน พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะไม่สบตากัน

****************************************

ในที่สุดรถไฟก็เทียบชานชาลาที่หมู่บ้านฮอกมี้ด เด็กๆก็ทยอยกันลงมาจากรถไฟ ด้วยสภาพที่เบียดเสียดพอดู

“แฮร์รี่ ฉันฝากนายดู พิก ด้วยนะ” รอนร้อง ขณะยัดกรงนกฮูกตัวจ้อย ใส่มือแฮร์รี่

“งั้นฉันฝากครุกแชงค์ด้วยนะ จินนี่” เฮอร์ไมโอนี่บอก ก่อนจะออกไปจากรถไฟอย่างรวดเร็ว มีรอนตามไปติดๆ

“ปีหนึ่งตามฉันมา” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนเรียกเด็กๆท่าทางตื่นกลัว ให้มารวมกันที่เธอ

“เร็วๆเข้า เจ้าตัวเปี๊ยก” รอนร้องบ้าง หวังจะช่วยเฮอร์ไมโอนี่ แต่กลับทำให้เธอต้องเสียเวลาจ้อง
เขาอย่างเอาเป็นเอาตายแทน เธอเดินนำเด็กปีหนึ่งมาหาแฮกริด ชายผู้มีรางขนาดมโหฬาร

“พวกปีหนึ่งค่ะแฮกริด” เฮอร์ไมโอนี่ร้องบอกชายร่างยักษ์ท่าทางน่ากลัว ต่างจากจิตใจโดยสิ้นเชิง

“ขอบใจนะเฮอร์ไมโอนี่” เขาบอกเสียงต่ำ “ได้ยินว่า ผู้คุมวิญญาณบุกรถไฟเหรอ”

“ค่ะ” เธอตอบพลางยิ้มกว้าง “แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรอกค่ะ”

“ดีแล้วล่ะ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เป็นห่วงใหญ่” เขาบอก มือขนาดมโหฬารโบกไปมา แฮกริดดูอิดโรยไปมากทีเดียว

“แล้วค่อยเจอกันในฮอกวอตส์นะ ถ้าไม่ตกทะเลสาบตายซะก่อนอ่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ ก่อนจะเดินตรงไปยังรถม้า พลางมองหารอนไปด้วย เพราะดูเหมือน
 เธอจะคลาดกับเขาซะแล้ว มีเสียงแฮกริดตะโกนเรียกเด็กๆอยู่ไม่ไกลนัก

“ตามฉันมาเด็กๆ เราต้องลงเรือข้ามทะเลสาบกันอ่ะ”

“เฮอร์ไมโอนี่” รอนร้องเรียกข้างๆเธอ “อยู่นี่เอง ฉันตามหาซะทั่วเลย”

“มาเถอะ รอน” เธอตัดบท พลางเดินนำรอนตรงไปยังรถม้า

“พี่เฮอร์ไมโอนี่ พี่รอน” จินนี่โบกมือเรียก มีเจ้าของชื่อเดินตรงเข้ามาหา

“ครุกแชงค์กับพิกล่ะ” รอนถามขึ้น

“อยู่นี่” แฮร์รี่ และจินนี่ตอบพร้อมกัน ขณะยื่นสัตว์ทั้งสองไปให้

“ขอบใจ”

“แล้วพวกเธอหารถม้าว่างๆรึยัง”

“ยัง” แฮร์รี่ส่ายศีรษะ “พวกเราเพิ่งจะมาถึงเอง”

“คนเยอะชะมัดเลย”

“งั้นเราจะยืนตากฝน ให้รากงอกกันอยู่ทำไมล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างเหลืออด

รอนยักไหล่กับแฮร์รี่ ก่อนจะเดินตามเธอไป

“นี่ไง คันนี้ยังพอมีที่ว่าง” จินนี่ร้อง พยับเพยิบไปทางรถม้าที่มีดีนนั่งอยู่กับเนวิลล์

“ส่งมือมาสิจินนี่” ดีนบอก พลางยื่นมือมารอรับเธอ ท่าทางราวกับเขาเป็นเจ้าชายในเทพนิยาย

“ขอบคุณค่ะ” จินนี่ยื่นมือตอบรับ เมื่อมือของทั้งสองสัมผัสกัน ก็แทบจะแยกไม่ออกว่าไหนคือใบหน้าของจินนี่
 และไหนคือเส้นผม ดีนดึงจินนี่ขึ้นรถม้าอย่างอ่อนโยน ปล่อยให้เด็กปี 6 ทั้ง 3 คน ยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่
สุดแสนจะโรแมนติกตรงหน้า (มะค่อยแน่ใจเท่าไหร่หรอกนะคะว่ามันโรแมนติกน่ะ แต่ก็เอาเป็นว่าโรแมนติกละกัน)

“มีที่นั่งเหลือแค่ 2 ที่เอง” เฮอร์ไมโอนี่ตั้งสติได้ก่อนเป็นคนแรก รอนก้าวขึ้นรถม้าทันที
 ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าสาเหตุใดถึงทำให้เขาขึ้นรถม้าโดยไม่ดูใครอย่างนี้ ก็ท่าทีเขาฟ้องว่าหวงน้องสาวซะขนาดนั้นนี่

“รอน”

“ช่างเถอะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่บอก สบตากับเธอ เขารู้ว่าท้องบิดมวน เหมือนเมื่อครั้งที่เขาเห็นโช
 “เธอนั่งคันนี้เถอะ เดี๋ยวฉันไปหาคันอื่นก็ได้”

“อย่าเลยแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้ว “เธอนั่งคันนี้น่ะแหละดีแล้ว เดี๋ยวฉันไปหาคันอื่นเอง ไปล่ะ”
 ว่าแล้วเธอก็จ้ำออกไปเลย โดยไม่สนใจเสียงเรียกของแฮร์รี่ ทิ้งให้แฮร์รี่ยืนเสียหน้าเล็กๆ เขาหวังจะทำตัว
เป็นสุภาพบุรุษให้เธอ แล้วจึงก้าวขึ้นรถม้าไปอย่างเสียดาย

เฮอร์ไมโอนี่เดินหารถไปเรื่อยๆ แต่ที่เธอพบก็มีแต่รถคันที่พวกสลิธีรินครองอยู่เท่านั้น เธอจึงหาคันอื่นท่าจะดีกว่า

ระหว่างทางนั้นเอง มือคู่หนึ่งก็คว้าเธอขึ้นรถม้า ประตูปิดลง เธอรีบหันมาหามือดีทันที
เตรียมบ่นเต็มที่ แต่ก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่ามือดีนั้น คือ...

“มัลฟอย” เธอร้องออกมาอย่างยั้งปากไม่ได้

“กินนกหวีดเข้าไปรึไงกันนะ เธอนี่” มัลฟอยบ่น แต่ยังคงมีรอยยิ้มเยาะอยู่ “ชักจะเหมือนพาร์กินสันเข้าไปทุกทีแล้ว”

“อย่าเอาฉันไปเปรียบกับยัยจูนั่นนะ”

“จูเหรอ ดีเหมือนกันแฮะ ชื่อนี้” เขาอุบอิบ

“นายว่าอะไรนะ”

“เธออย่าหูดีนักเลย ยัยเลือดสีโคลน” เขาพูดขึ้น รอยยิ้มเยาะปรากฏอยู่บนริมฝีปาก
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมขึ้นมาเช็ดมือ “วันนี้เธอทำฉันเปื้อนโคลนมากี่รอบแล้วนะ”

“ฉันไม่ได้อยากจะเข้ามาในนี้นักหรอกนะ นายอย่ามาบ่นเลย” เธอแหวใส่ เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือ
ไปเปิดประตูเพื่อจะออกไป แต่มัลฟอยจับมือข้างที่เธอจะใช้เปิดประตูไว้ก่อน

“ปล่อยนะ มัลฟอย”

“ไม่” เขาตอบด้วยรอยยิ้มเยาะ เฮอร์ไมโอนี่ล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมา แต่ดูเหมือนว่ามัลฟอยจะคาดการณ์เอา
ไว้ก่อนแล้ว เขาจึง...

“แอ็กซีโอ ไม้กายสิทธ์” เขาร่ายคาถา ไม้กายสิทธ์ของเฮอร์ไมโอนี่บินหวือออกจากมือ
 เธอรีบลุกขึ้นคว้ากลางอากาศทันที แต่พลาด... ไม่เพียงแต่พลาดเท่านั้น เธอยังนั่งลงบนตักของ
มัลฟอยพอดิบพอดี ราวกับจัดวาง แถมมัลฟอยยังคว้าไม้กายสิทธิ์ไว้ได้อีกด้วย

“เอาไม้กายสิทธิ์ของฉันคืนมานะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเธออยู่บนตักเขา ก็ต่อเมื่อ
ใบหน้ามัลฟอยกับใบหน้าของเธออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

เฮอร์ไมโอนี่กระเด้งตัวเองขึ้นจากตักของเขา ราวกับมันกำลังลุกเป็นไฟ ใบหน้าเป็นสีจัด
แต่มันเป็นจังหวะเดียวกับที่รถม้าเคลื่อนที่พอดี เธอจึงล้มลงนั่งลงบนตักมัลฟอยอีกรอบ

“นอกจากเธอจะเลือดสีโคลน หูไม่ดี แล้วยังจะซุ่มซ่ามอีกเหรอนี่”

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ตอบว่าอะไร เพราะเธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับการระวังตัวไม่ให้ล้มลง ขณะที่เธอกำลังหย่อยตัวลงบนที่นั่ง

“ไปกินสกู๊ตประทุไฟซะมัลฟอย”

“ไม่มีจะให้ฉันกินน่ะสิ”

เด็กสาวแยกเขี้ยวใส่เขา

“คืนไม้กายสิทธิ์ให้ฉันได้แล้ว”

“ฉันเกรงว่า ไม่ เป็นคำตอบที่ดีที่สุดนะ”

“แต่ฉันเกรงว่า ไม่ เป็นคำตอบที่เลวร้ายที่สุดนี่”

มัลฟอยเลิกคิ้ว ดูเหมือนนี่จะเป็นการปิดประเด็นตรงที่ว่า เขาไม่ยอมคืนไม้กายสิทธิ์ให้เธอ
เด็กสาวนั่งนิ่ง ดวงตาคู่สวยมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งฝนยังคงไม่หยุดตก

มัลฟอยมองดูเฮอร์ไมโอนี่อยู่นานพอดู ก่อนที่จะถามขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“เธอคบกับใครอยู่รึเปล่า”

เฮอร์ไมโอนี่หลุดจากห้วงภวังค์ทันที รวมทั้งมัลฟอยด้วย

“นายจะถามไปทำไมกัน” เธอย้อน สีหน้าไม่ไว้วางใจเต็มที่

“ฉัน... แค่อยากรู้ว่าเลือดสีโคลนอย่างเธอจะมีใครตาบอดมาชอบรึเปล่า”

“งั้นฉันไม่ตอบ”

“ไม่กล้าล่ะสิ” มัลฟอยหรี่ตาลง คำพูดนี้ได้ผลชะงัด เฮอร์ไมโอนี่ดูเดือดดานขึ้นมาทันที

“ฉันอยู่กริฟฟินดอร์นะยะ ฉันต้องกล้าอยู่แล้ว”

“งั้นเธอก็ตอบมาสิ ว่ามีใครตาบอดมาชอบเลือดสีโคลนอย่างเธอหรือเปล่า”

“แล้วทำไมฉันต้องตอบนายด้วยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างหาเรื่อง

“ถ้าเธอไม่ตอบ เธอก็คงต้องได้เศษไม้กายสิทธิ์คืนไปไงล่ะ”

เด็กสาวกัดฟันแน่น

“ว่าไงล่ะ พอตตี้ วีเซิ่ล หรือเจ้าค่อมล่ะ”

“อย่าเรียกพวกเขาอย่างนั้นนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง เด็กชายยักไหล่อย่างเบื่อหน่าย “แล้วเจ้าค่อมของนายนี่ ใครกัน”

“วิกเตอร์ ครัม” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มเยาะ

“เขาไม่ใช่เจ้าค่อมนะ”

“ปกป้องกันเหลือเกินนะ” ดวงตาสีซีดหรี่ลงอย่างน่ากลัว “ว่าไงล่ะ ตอบมาซะที
ฉันไม่อยากถือไม้กายสิทธิ์เปื้อนโคลนเอาไว้นานๆ”

“งั้นนายก็วางไม้กายสิทธิ์ลงซะสิ” เด็กสาวตอบลากเสียง เลียนแบบมัลฟอย
แต่เมื่อเห็นสายตาของเขา เธอก็ต้องยอมจำนน เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตอบว่า

“ไม่มี”

“โกหก” เขาสวนตอบทันควัน “ฉันยังเห็นเธอจี๋จ๋ากับเจ้าค่อมตอนปี 4 อยู่เลย”

“แต่เราไม่ได้คบกัน แล้วฉันก็ไม่ได้จี๋จ๋ากับเขา รู้ไว้ซะด้วย เขาแค่ชอบฉัน แต่ฉันไม่ได้ชอบเขา
 ตอนนี้เราเป็นแค่เพ็นแฟรนด์กันเท่านั้น” เธอตะโกน ใบหน้าเป็นสีจัด สาเหตุไม่แน่ชัด
ว่าเป็นเพราะความโกรธ หรือเพราะความอายกันแน่

“งั้นใครล่ะ เจ้าพอตตี้ หรือวีเซิ่ล” เขาเริ่มขึ้นเสียงบ้างเช่นกัน “เห็นสนิทกันเหลือเกิน”

“ไม่ใช่เขาทั้งคู่ เราเป็นเพื่อน เพื่อนสนิท เพื่อนรักกัน ฉันไม่มีวันคิดอะไรกับพวกเขาได้”
เด็กสาวตะโกนก้อง น้ำตาลใสๆเริ่มไหลรินจากดวงตาสีน้ำตาลของเธอ เนื่องจากความโกรธที่ถูกประทุขึ้น
”แล้วฉันก็ไม่มีแฟนด้วย ไม่มี ไม่มี ไม่มี เข้าใจมั้ย”

“ฉันเชื่อเธอเกรนเจอร์” มัลฟอยกระซิบ เมื่อเห็นเด็กสาวร้องไห้ ภายในไม่กี่ชั่วโมง (ที่เธออยู่กับเขา)
 เธอร้องไห้ถึง 2 ครั้งแล้ว “ฉันขอโทษนะ” เขาบอก พลางยื่นผ้าเช็ดหน้าสีเขียว
 ผืนเดิมให้ เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก เธอไม่คิดเลยว่า คุณหนูเลือดบริสุทธิ์จะยอมขอโทษเธอ
เด็กสาวรับผ้ามาซับน้ำตาจนแห้ง

“ผ้าเช็ดหน้านายเปื้อนโคลนอีกแล้วล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แกล้งหยอก พลางชูผ้าเช็ดหน้าขึ้นให้เขาดู

“ช่างเถอะ” มัลฟอยอุบอิบ หน้าเริ่มมีสีจัดขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋าเสื้อคลุม
 รถม้าเริ่มชะลอความเร็วลง เด็กชายยื่นไม้กายสิทธิ์คืนให้เฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งรับมาด้วยความงงหลายแสน

และแล้วรถม้าก็หยุดลงหน้าปราสาทฮอกวอตส์ ประตูรถม้าดีดตัวเปิดออก
 เด็กสาวจึงลงจากรถม้าไป แต่ก็ยังหันมาหามัลฟอย ที่ยังคงมีแถบสีชมพูปรากฏอยู่บนแก้มทั้งสองข้าง

“ขอบใจอีกครั้ง เรื่องผู้คุมวิญญาณนะมัลฟอย” เธอบอกพลางส่งยิ้มให้

รอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้รับจากเธอมาก่อน...
รอยยิ้มที่แสนสดใส...
รอยยิ้มที่มีเสน่ห์...
รอยยิ้มของเฮอร์ไมโอนี่...

แล้วเด็กสาวก็จากไป  ทิ้งให้มัลฟอยนั่งอึ้งอยู่บนรถม้า ใบหน้ากลายเป็นสีจัด
 แครบและกอยล์ สมุนที่แสนจะโง่เง่าของเขา(ทั้งสองถูกไล่ให้ไปนั่งรถม้าคันเดียวกันกับแพนซี่ พาร์กินสัน) มาตาม

“มัลฟอย เขาเข้าปราสาทกันหมดแล้วนะ” แครบบอกเสียงต่ำ

“ฉันหิวจังเลยล่ะ” กอยล์คำราม ใบหน้าบิดเบี้ยว มือขนาดใหญ่ลูบท้องอยู่ไปมา

มัลฟอยมองทั้งสองอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะลงจากรถม้า เพื่อตรงเข้าฮอกวอตส์ เหมือนนักเรียนคนอื่นๆ



TBC


No comments:

Post a Comment