Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Tuesday, July 21, 2015

Chapter 10: บ้านโพรงกระต่ายและปาร์ตี้บาร์บีคิว

หลังจากที่รู้สึกตัวเฮอร์ไมโอนี่ก็มาปรากฏกายที่บ้านโพรงกระต่ายเรียบร้อยแล้ว  โดยมีแฮร์รี่ตามเธอมาติด ๆ เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบ ๆ บ้านโพรงกระต่ายของรอน  มันก็ดูแตกต่างจากเดินไม่มาก  แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูเปลี่ยนแปลงไป  อย่างแรกคือมันดูกว้างขึ้นและดูใหม่ขึ้น  นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเฟร็ดและจอร์จได้ทำการต่อห้องครัวออกไปด้วยนอก  และปรับปรุงห้องรับแขกใหม่  เลยทำให้บ้านดูกว้างขึ้นกว่าเดิม  และเท่าที่เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุเห็นดูเหมือนว่าสีห้องนั่งเล่นจะถูกทาขึ้นใหม่ด้วย  มันเลยทำให้บ้านดูใหม่ขึ้นไปอีก

“มานี่สิ  ฉันจะพาไปดูอะไร” รอนพูดพลางเดินนำเฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่ออกไปนอกบ้าน  นอกบ้านที่เคยมีลักษณะเหมือนฟาร์มเลี้ยงหมูถูกปรับปรุงใหม่  ถนนดินที่เคยมีถูกเทด้วยปูน  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตได้ว่าที่โรงรถมีรถยนตร์แบบครอบครัวคันหนึ่งจอดอยู่

“นั่นรถใหม่ของพ่อน่ะ  เฟร็ดกับจอร์จซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดพ่อ” รอนอธิบาย “พ่อปลื้มมันมากเลย  ฉันไม่เคยเห็นเขาดีใจเท่านั้นมาก่อน  แต่แม่นี่สิ  ทำหน้าบูดทั้งวันเลย  แถมห้ามฉันกับเฟร็ดและจอร์จแตะรถยนตร์เด็ดขาด” เขาเล่าพลางพาเพื่อนทั้งสองเดินตัดสนามหญ้าเข้าไปที่สวนหลังบ้าน  และเฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าที่สวนหลังบ้านของรอนนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว  แต่มันถูกเปลี่ยนให้เป็นอย่างอื่นที่น่าทึ่งกว่านั้น  สนามควิดดิชนั่นเอง !

เฮอร์ไมโอนี่มองดูสนามควิดดิชขนาดย่อส่วนอย่างทึ่ง ๆ มันสร้างขึ้นบนสวนหลังบ้านของรอนซึ่งเป็นพื้นที่ไม่ได้ใช้งาน  ปลายทั้งสองด้านของสนามมีห่วงข้างละสามเหมือนกับสนามควิดดิชจริง ๆ เพียงแต่มันถูกย่อส่วนลงมากประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้น

“เฟร็ดกับจอร์จสร้างมันเอาไว้ให้พวกเราน่ะ  แต่นั่นก็รวมเงินของฉันหน่อยนึง  และแฮร์รี่ก็ช่วยออกตังค์ด้วย” รอนบอกเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนชื่นชมสนามนั้นด้วยความตกตะลึง

“มันวิเศษใช่ไหมล่ะ” แฮร์รี่พูด  เขาเองก็มองมันอย่างชื่นชมเช่นกัน “แล้วหลังจากนี้เราก็จะได้เล่นควิดดิชกันทุกเวลาที่ว่างเลย”

“ใช่  มันเยี่ยมมากเลยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกเพื่อนทั้งสอง  ถึงแม้ว่าเธอจะไม่นิยมชมชอบการเล่นควิดดิชเท่าไหร่นัก  แต่เท่าที่เธอรู้เพื่อนรักของเธอทั้งคู่ต่างเป็นนักกีฬาที่มีพรสวรรค์ทีเดียวล่ะ

“เอ่อ   แล้วไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอรอน” เฮอร์ไมโอนี่ถามรอน

“มีแต่แม่ฉัน  แต่เขาคงอยู่ข้างบนตอนพวกเรามาน่ะ  แม่บอกว่าต้องขึ้นไปกำจัดตัวด็อกซี่  มันชอบหลบอยู่ตามผ้าม่าน” รอนเล่า “แล้ววันก่อนจินนี่ก็เจอบ็อกการ์ตในตู้เสื้อผ้าด้วย”

“แล้วคนอื่นล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม “จินนี่ล่ะ  เธอไม่อยู่เหรอ”

“อย่าลืมสิ  เฮอร์ไมโอนี่  ว่าทุกคนเขาทำงานกันหมดแล้วนะ  รวมทั้งตัวเธอด้วย” รอนเตือน  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นทำหน้าเศร้า

“นั่นสินะ  ฉันลืมไป” เธอพึมพำ  ขณะที่แฮร์รี่หันไปดุรอน

“นายไม่น่าพูดกับเธออย่างนั้นเลย” แฮร์รี่กระซิบ

“ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่” รอนแก้ตัว

“แล้วจินนี่ไปทำงานที่ไหนล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“กระทรวงเวทย์มนตร์  แต่เธออยู่คนละแผนกกับเรา  ส่วนเฟร็ดกับจอร์จก็อยู่ที่ร้าน  พวกเขากำลังวุ่นอยู่กับการเปิดสาขาใหม่อยู่มั้ง  ฉันหมายถึงร้ายขายของตลกของเขาน่ะ” รอนเล่า

“เปิดสาขาใหม่งั้นเหรอ  ที่ไหนล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“เอ่อ  พวกเขากำลังดูทำเลอยู่น่ะ  ไม่แน่อาจจะเป็นที่ฮอกมี้ตส์ก็ได้  แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ร้านซองโก้คงขาดรายได้ไปเยอะทีเดียว” รอนพูด “เธอต้องได้เห็นของเล่นที่พวกเขาทำเฮอร์ไมโอนี่  ฉันว่ามันสุดยอดเลยล่ะ” รอนเล่าพลางพาเพื่อนทั้งสองเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน  และเมื่อพวกเขากำลังจะเข้าไปนั่งที่ห้องรับแขก  พวกเขาก็ได้พบกับนางวีสลีย์  เธอยังคงเป็นหญิงร่างท้วมเหมือนเดิม  หากแต่ดูอายุมากขึ้น  ริ้วรอยบนใบหน้าก็มากขึ้นตามวัย  แต่ผมของเธอนั้นยังคงเป็นสีแดงเพลิงเหมือนเดิม  และเมื่อเธอเห็นเฮอร์ไมโอนี่  เธอก็รีบทิ้งผ้าขี้ริ้วกับน้ำยากำจัดตัวด็อกซีทันที

“ดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่” นางวีสลีย์พูดพลางกอดเธอแรง ๆ ทีนึง  แบบที่เฮอร์ไมโอนี่ตั้งตัวไม่ติด

“ดีใจที่ได้เจอคุณเช่นกันค่ะ  คุณนายวีสลีย์” เฮอร์ไมโอนี่พูด ในขณะที่นางวีสลีย์คลายวงแขนออกเพื่อจะมองหน้าหญิงสาวแทน  เธอมองเฮอร์ไมโอนี่ราวกับว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็รลูกสาวของเธอที่พลัดพรากจากกันไปนาน

“หนูซูบไปนะเฮอร์ไมโอนี่  ไม่สบายเหรอจ๊ะ” นางวีสลีย์เอ่ย  “อ้อจริงสินะ  รอนเล่าให้ฉันฟังแล้วเรื่องที่เกิดขึ้น  มันแย่มาก ๆ เลยจ๊ะ  แล้วหนูเป็นยังไงบ้างตอนนี้น่ะ  เฮอร์ไมโอนี่”

“ก็ดีค่ะ  หนูหมายถึงหนูยังจำเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ได้หมด  แต่หนูก็โอเคค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ด้วยรอยยิ้ม

“งั้นหรือจ๊ะ  งั้นก็ดีแล้ว” นางวีสลีย์พึมพำ “เรื่องบางเรื่องก็เปล่าประโยชน์ที่จะไปจำมัน  ความจริงพระ0เจ้าอาจจะประสงค์ให้เราลืมมันก็ได้” เธอพูดพลางลูบหัวเฮอร์ไมโอนี่อย่างปลอบโยน  ในขณะที่หญิงสาวนิ่งเงียบ

“เอ่อ  แล้วนี่คุณวีสลีย์ไม่อยู่เหรอคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“อ๋อ  อาเธอร์ไปทำงานจ๊ะ” นางวีสลีย์ตอบ “เอ๊ะ  จริงสิ  ทำไมลูกกับแฮร์รี่ไม่อยู่ที่ทำงานล่ะรอน  แม่คิดว่านี่ยังไม่ได้เวลาเลิกงานนะ” นางวีสลีย์พูดด้วยเสียงขุ่นมัว  ซึ่งทำเอารอนสะดุ้งได้ง่าย ๆ แม้คราวนี้เขาจะไม่ได้ทำผิดอะไรก็เถอะ

“ก็วันนี้หัวหน้าให้ผมลางานได้หนึ่งวัน” รอนพูด

“ลางานหนึ่งวัน  ลางานฟรี ๆ น่ะเหรอ  แม่ชักไม่เข้าใจแล้วว่าหัวหน้าของลูกคิดอะไรอยู่กันแน่  รอน  เพราะเท่าที่แม่รู้น่ะ  ตอนนี้งานที่กระทรวงนั้นมีงานเยอะจนจะเท่าทองที่กริงกอตส์เก็บไว้อยู่แล้ว” นางวีสลีย์พูดพลางจ้องมองลูกชายคนเล็กด้วยสายตาน่ากลัวสำหรับรอน  เธอทำราวกับว่ากำลังจับผิดเขา

“คืออย่างนี้ครับ  คุณนายวีสลีย์” แฮร์รี่พูดขึ้นเมื่อรอนมาสะกิดเขาเพื่อหาแนวร่วม “หัวหน้าให้เราหยุดงานในวันนี้หนึ่งวันก็เพราะว่าเขาต้องการให้เราไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ครับ” แฮร์รี่พูดแทนรอน

“งั้นหรือจ๊ะ  หัวหน้าของเธอช่างใจดีจริง ๆ แฮร์รี่” นางวีสลีย์ตอบพลางยิ้มหวานให้เขา  ซึ่งผิดกับที่เธอปฏิบัติกับลูกชาย  ส่วนรอนนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แล้วพวกเธอทานอะไรกันมารึยังจ๊ะ” นางวีสลีย์ถามพลางหันมาที่พวกเขา  และทั้งหมดก็พร้อมใจกันตอบว่ายัง  โดยเฉพาะรอนซึ่งตอนนี้เขารู้สึกว่าท้องไส้ของเขานั้นบิดเกลียวไปหมดแล้ว

“งั้นก็ดีเลยจ๊ะ  เดี๋ยวแม่จะทำอาหารให้ทาน  ระหว่างที่รอลูกก็แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ไปเดินเล่นรอบ ๆ บ้านก่อนสิ  รอน” นางวีสลีย์พูดพลางชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ผ้าขี้ริ้วกับน้ำยากำจัดด๊อกซี่  และมันก็ลอยหายเข้าไปในห้องเก็บของ  ตามด้วยเสียงปิดประตูดังปัง

“ผมพาพวกเขาไปดูแล้ว  แม่” รอนพูดด้วยรอยยิ้ม

“แล้วทำไมลูกไม่ชวนแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ไปออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนล่ะ  มันจะช่วยให้ลูกทานอาหารให้อร่อยขึ้นนะ  อีกอย่างนี่ก็ยังไม่ได้เวลาอาหารด้วย”  นางวีสลีย์พูดขณะที่กำลังเดินเข้าครัวไป  และทั้งสามก็รู้ว่านางวีสลีย์แนะนำให้พวกเขาไปเล่นควิดดิชรอก่อน

“ไม่ได้หรอกแม่  ถ้าเล่นโดยไม่มีเฟร็ดกับจอร์จจะไปสนุกอะไร” รอนตะโกนตอบพลางหันไปขยิบตากับแฮร์รี่  เพราะทั้งสองรู้ดีว่าการเล่นควิดดิชที่สนุกน่ะจำเป็นต้องมีสองฝาแฝดจอมป่วนอยู่ด้วย

และไม่ทันขาดคำพูดของรอนเสียงระเบิดดังก็ดังสั่นห้องนั่งเล่น  ทั้งสามหันไปหาที่มาของเสียงด้วยอาการตกใจและก็พบว่ามันมาจากเตาผิง  ในไม่ช้าทั้งฝุ่นทั้งขี้เถ้าในเตาก็ปลิวฟุ้งไปทั่วห้องตามแรงระเบิด  แฮร์รี่  รอน  และเฮอร์ไมโอนี่ต่างหาอะไรปิดปากปิดจมูกกันวุ่นวาย  ตามมาด้วยเสียงไอค่อกแค่กของพวกเขาและการปรากฏตัวของร่างทั้งสอง  เฟร็ดและจอร์จนั่นเอง



*************************************************



ร่างของสองฝาแฝดผมแดงก้าวออกมาจากเตาผิง  พวกเขาดูสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่  แววตาของเขามีประกายซุกซนอยู่ตลอดเวลา  และพวกเขาดูโตขึ้น  ใช่  พวกเขาดูโตและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก  และจากที่เฮอร์ไมโอนี่คิดพวกเขาน่าจะอายุราว ๆ 23 ปีได้แล้ว  แต่ดูจากการแต่งกายของพวกเขานั้นไม่ได้ต่างจากเดิมเสียเท่าไหร่  โอเคพวกเขาดูดีขึ้นกว่าเดิม  เสื้อผ้าทีพวกเขาสวมดูมีราคาถ้าไม่นับว่ามีขี้เถ้าจำนวนมากปกคลุมพวกมันอยู่  แต่ว่าดูจากรสนิยมการแต่งกายของเขาแล้ว พวกเขาก็ยังดูเป็นเฟร็ดกับจอร์จคนเดิม

“เฮ้  จอร์จนายดูซิเนี่ย” เฟร็ดพูดขึ้นพลางมองไปที่รอน

“เจ้าหนูน้อยรอนทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ” จอร์จพูดต่อขณะที่กำลังปัดขี้เถ้าที่อยู่ตามตัวของเขา

“ในเมื่อมันยังไม่ถึง” เฟร็ดพูดบ้าง

“เวลาเลิกงานของเขา” ทั้งสองพูดพร้อมกัน

“ช่างฉันเถอะ” รอนบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ที่พวกพี่ชายของเขาเพิ่งระเบิดห้องนั่งเล่นของบ้านตัวเองไปหยก ๆ และมีของแถมเป็นผงขี้เถ้ามากมายที่ปลิวว่อนไปทั่ว

“ให้ตายเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่บ่นอย่างหัวเสียไม่แพ้รอน  เพราะขี้เถ้าพวกนั้นมาจับเสื้อผ้าและผมของเธออยู่เต็มไปหมด  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาและเริ่มร่ายคาถา  ผงฝุ่นเหล่านั้นก็หายไปในพริบตา

“ว้าว  นายดูซิว่านี่ใครเฟร็ด” จอร์จพูดเมื่อมองเห็นเฮอร์ไมโอนี่ ( แล้ว )

“แม่หนูเกรนเจอร์ที่น่ารัก” เฟร็ดร้องขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างดุ ๆ

“แล้วทำไม” จอร์จพูด

“เธอถึง” เฟร็ดต่อ

“มาอยู่ที่นี่” ทั้งสองร้องพร้อมกันอีกรอบด้วยดวงตาที่เบิกกว้างกว่าปกติ

“เงียบเหอะพวกนาย” รอนพูด

“ไม่ได้เจอเธอเสียนานเลยนะ  เฮอร์ไมโอนี่” เฟร็ดพูดขึ้น

“ใช่เราคิดถึงเธอมาก” จอร์จพูดเสริม

“ขอบใจ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ

“เราได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอแล้ว” หนึ่งในฝาแฝดพูด

“มันเลวร้ายมาก” แฝดอีกคนพูดพลางทำหน้าเศร้าราวกับเขาต้องไปงานศพเพื่อนสนิท

“เราเสียใจด้วยจริง ๆ ”

“เอาล่ะนี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เสียงของนางวีสลีย์ดังขึ้น  และเมื่อพวกเขาทั้งหมดหันไปมองก็พบว่าเธอมาอยู่ในห้องนั่งเล่นเสียแล้ว  ซึ่งตอนนั้นเฟร็ดกับจอร์จก็สะดุ้งโหยง

“พวกลูกก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ  เฟร็ด  จอร์จ” นางวีสลีย์ถามอย่างคาดคั้นในขณะที่สองฝาแฝดหน้าซีดเผือด

“เปล่าครับแม่” เฟร็ดพูด พยายามทำหน้าตาใสซื่อที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

“เราแค่มีปัญหากับเครือข่ายผงฟลูนิดหน่อย” จอร์จพูดเสริม

“งั้นเหรอ  แล้วทำไมพวกลูกกลับมาเร็วล่ะวันนี้” นางวีสลีย์ถามสองฝาแฝดเพราะปกติพวกเขาจะกลับดึกประจำเพราะว่าต้องรอปิดร้าน

“อ๋อ  พอดีวันนี้เราไม่ค่อยมีลูกค้าน่ะครับ” เฟร็ดพูด

“เราก็เลยปิดร้านเร็วหน่อย” จอร์จพูดต่อให้

“งั้นก็ดี  แม่กำลังจะทำอาหารให้แฮร์รี่  รอน  และเฮอร์ไมโอนี่ทานน่ะ  ถ้าพวกลูกมาก็ดี  แต่ต้องรอหน่อยนะเพราะแม่ต้องออกไปซื้อของด้วย  เอาเป็นว่าวันนี้ทำบาร์บีคิวต้อนรับพวกเธอดีไหมจ๊ะ” นางวีสลีย์พูดพร้อมส่งยิ้มไปยังแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่  และเมื่อทั้งหมดตอบว่า ’ ดี ’ ก็เดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งและเพื่อถอดผ้ากันเปื้อนออกและหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาเหน็บเอวพร้อมกับหนีบตะกร้าจ่ายตลาดไว้ในมือ

“เอาล่ะ  ระหว่างที่แม่ไม่อยู่พวกลูกห้ามซนรู้มั้ย” นางวีสลีย์สำทับก่อนที่จะหายตัวไปโดยที่เฟร็ดตะโกนไล่หลังเธอไป

“แน่นอนครับถ้าหากว่าเราได้รางวัลเป็นอาหารฝีมือแม่” เขาพูด

“ไง  พวกแฮร์รี่” จอร์จพูดขึ้น “ไปไงมาไงล่ะเนี่ย”

“เอ่อ  แล้วพวกนายล่ะ” แฮร์รี่ถามกลับ “พวกนายทำอะไรกับ  เอ่อ….” เขาหยุดพูดมองไปทางเตาผิงที่เพิ่งเกิดการระเบิดย่อม ๆ เมื่อครู่ และจอร์จก็ซ่อมแซมมันด้วยเวทย์มนตร์ได้ในพริบตา

“เราแค่ทดลองอะไรใหม่ ๆ น่ะ” เฟร็ดเอ่ย

“อะไรใหม่ ๆ ของพวกนายไม่ทราบ” รอนถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

“หลายอย่างน้องชาย  และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงกลับบ้านเร็ว” จอร์จกล่าว

“เราจะเล่าให้ฟังก็ได้ถ้านายต้องการ” เฟร็ดพูด  และก่อนที่ทุกคนจะบอกว่าพวกเขา ‘ ต้องการ ’ จอร์จก็เริ่มเล่า “เราแค่คิดค้นอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาได้น่ะ  และมันมีประโยชน์มาก ๆ ” และก่อนที่รอนจะถามเขาว่าอะไรเฟร็ดก็ตอบพวกเขาเสียก่อน

“มันมีชื่อว่า ‘ ร่างตัวแทน ’ ” เฟร็ดพูดขณะที่ผู้ฟังทั้งสามกำลังงุนงงกับสิ่งที่เขาเอ่ยออกมา

“ร่างตัวแทนก็คือร่างที่เราสร้างขึ้นจากเวทย์มนตร์  ให้มีรูปร่างเหมือนกับเรา  และไว้ให้ทำงานแทนเรา”

“งั้นก็เยี่ยมน่ะสิ” รอนร้อง

“แน่นอนไอ้น้อง” จอร์จพูด “และเราก็เลยเสกร่างตัวแทนของเราและลองให้มันทำงานดู  และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงกลับบ้านก่อนเวลา”

“แต่เราก็แอบดูมันทำงานอยู่ซักพักนึงนะ  มันก็โอเคใช่ไหมจอร์จ” เฟร็ดพูด

“ช่าย  ถ้าเกิดมันไม่ทำน้ำยาตัวเฟเร็ตหกใส่เด็กเดิร์มแสตรงค์จนเขากลายเป็นเจ้าตัวเล็กขนปุยเสียก่อน”

“แล้วเราก็ต้องออกมาแก้คาถาให้เขาจนคนทั้งร้านตกใจว่าทำไมเราถึงมีสี่คน” เฟร็ดพูด

“ถ้าอย่างนั้นพวกนายก็ใช่ร่างตัวแทนทำงานแทนนายไปเรื่อย ๆ งั้นสิ” รอนพูดด้วยสีหน้าทึ่ง ๆ

“ช่าย  แต่เรากะว่าจะให้พวกเขาไปดูแลสาขาที่เราเปิดใหม่ไง” จอร์จพูด “เพราะว่าเราไม่ถนัดที่จะจ้างพนักงานที่มีความป่วนน้อยกว่าพวกเรา” และเฟร็ดก็พยักหน้ารับฝาแฝดของเขา

“พวกนายนี่มันสุดยอดจริง ๆ ” รอนพูดด้วยสีหน้าชื่นชม  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างเบื่อหน่าย

“แล้วนี่พวกนายจะทำอะไรกันต่อไปน่ะ”  หนึ่งในฝาแฝดถามพวกเขา

“ไม่รู้ซิ” รอนตอบ ในขณะที่พี่ชายของเขาทั้งสองต่างยิ้มกริ่ม

“งั้นเรามีไอเดียดี  ๆ ให้พวกนาย” สองฝาแฝดบอกพลางยิ้มอย่างนึกสนุก



*************************************************



และไอเดียดี ๆ ของฝาแฝดวีสลีย์ก็คือการโขมยรถยนตร์คันใหม่ของนายวีสลีย์ออกไปขับเล่น!

“เราน่าจะได้ขับรถยนตร์ที่เราเป็นคนออกเงินซื้อบ้างนะ” ฝาแฝดพูดอย่างมีเหตุผลขณะที่เฟร็ดเข้าไปขโมยกุญแจรถมาโดยไม่ยากเย็น  ในขณะจอร์จกำลังเสกร่างตัวแทนของพวกที่เหลือและสั่งให้ไปนั่งเล่นอยู่ในบ้านเผื่อว่านางวีสลีย์จะกลับมาก่อนพวกเขา

“เอาล่ะ  ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถเลย” เฟร็ดบอกพลางเปิดประตูให้แฮร์รี่  รอน  และเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปนั่งข้างหลังรถครอบครัวที่มีลักษณะกว้างขวางกว่ารถฟรอดแองเกลียคันเดิมของนายวีสลีย์  โดยข้างหลังรถออกแบบไว้สำหรับเก็บสัมภาระได้มาก  ในขณะที่ฝาแฝดทังสองจับจองที่นั่งด้านหน้า  และเมื่อประตูทุกบานปิดลง  เฟร็ดที่ทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์วันนี้ก็สตาร์ทรถ  เสียงเครื่องยนตร์ดังกระหึ่มก่อนที่รถจะออกวิ่งไปตามถนนลาดปูนของบ้านโพรงกระต่ายและเมื่อเฟร็ดเข้าเกียร์รถทั้งคันก็ทะยานขึ้นสู่อากาศ……..

เมื่อรถยนตร์เริ่มลอยขึ้นสูงฝาแฝดก็กดปุ่มล่องหนได้ทันท่วงทีเพื่อไม่ให้รถคันนี้ปรากฏต่อสายตาของพวกมักเกิ้ล  ในขณะที่เฟร็ดพาพวกเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้างไกล  เมืองทั้งเมืองดูเล็กลงทันตา  และพวกเขาก็ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น ๆ ไปจนถึงก้อนเมฆ

“ว้าว” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางชะโงกหน้าไปที่กระจกหน้าต่าง  เธอเลือกที่จะกดปุ่มเพื่อลดกระจกลงและเธอก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสกับปุยเมฆที่อ่อนบาง  เฮอร์ไมโอนี่กำมือน้อย ๆ ราวกับจะพยายามจับมันเอาไว้ในมือ  แต่ไอน้ำพวกนั้นก็เล็ดรอดจากมือเธอไปได้

“ชอบใช่ไหมล่ะ” จอร์จหันมาถาม

“อืม  มันวิเศษมากเลยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างพึงพอใจ  ในขณะที่แฮร์รี่และรอนเลือกที่จะปิดปากเงียบดีกว่า  เพราะพวกเขานั้นมีประสบการณ์เกี่ยวกับรถเหาะมาพอแล้ว

“เอาล่ะจับให้แน่น ๆ นะ” เฟร็ดพูดพลางเข้าเกียร์  และรถยนตร์ก็พุ่งลงต่ำอย่างรวดเร็วราวกับพวกเขากำลังนั่งอยู่ในรถไฟเหาะในสวนหนุก  เสียงกรี๊ดของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวและเสียวไส้เกินจะบรรยายของรอน  ในขณะที่สองฝาแฝดนั้นมีท่าทีสนุกครื้นเครง

รถยนตร์ที่พวกเขานั่งค่อย ๆ พุ่งลงต่ำเรื่อย ๆ  โดยไร้ซึ่งการควบคุมจากเฟร็ด  มันดิ่งลงจากก้อนเมฆ  ลงมาเรื่อย ๆ พวกเขาเห็นเมืองที่เล็กกระจิดริดค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น ๆ จนเมื่อพวกเขาเห็นพื้นดินอยู่ไม่ห่างจากพวกเขากี่เมตรเท่านั้น!

เฟร็ดเข้าเกียร์เพื่อบังคับให้รถยนตร์กลับมาอยู่ในแนวขนานพื้นเหมือนเดิมแทนที่จะตั้งฉากกับพื้นโลกอย่างเมื่อครู่  แฮร์รี่หายใจไม่ทั่วท้อง  ในขณะที่รอนนั้นทำหน้าราวกับจะเป็นลม  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นรู้สึกราวกับท้องไส้ปั่นป่วนหากแต่ยังคงอยู่ซึ่งความสนุกสุดระทึก

“ว้าว  เยี่ยมมากเลยเฟร็ด  หักหัวก่อนที่จะโหม่งโลกเหมือนมุขหลอกรอนสกี้เลยเนอะ” จอร์จพูดถึงมุขที่ใช้หลอกให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บในการเล่รควิดดิชที่วิคเตอร์  ครัม  ใช้ในควิดดิชเวิลค์คัพ

“ใช่ ๆ สุดยอด” เฟร็ดเสริม

“สุดยอดของพวกนายน่ะสิ” รอนพูด  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตได้ว่าตอนนี้รอนนั้นมีสีหน้าราวกับโดนบังคับให้เผชิญหน้ากับแมงมุมยักษ์ทารันทูร่าซักห้าสิบตัว

“โถ่  เอ๋ย  น้องรัก  เป็นการสนุกกันเล็ก ๆ น้อย ๆ นะ” จอร์จพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“สนุกของพวกนายน่ะสิ  พอเลย  พวกนายลุกไปเลยนะ  ขากลับฉันจะขับเอง!” รอนตะโกน



ในที่สุดเรื่องทั้งหมดก็จบลงด้วยการที่เฟร็ดต้องหลีกทางให้รอนเป็นคนขับรถกลับบ้านโพรงกระต่ายเอง  ซึ่งเขาขับรถด้วยความเร็วไม่ต่ำหอยทากแน่ ๆ และที่สำคัญรอนยังไม่กล้าบินขึ้นสูง ๆ เกินกว่าสิบเมตรด้วย

และเมื่อทั้งหมดเดินทางกลับบ้านโพรงกระต่ายโดยสวัสดิภาพ  พวกเขาก็พบว่านางวีสลีย์ยังไม่กลับมาที่บ้าน  ซึ่งเป็นเรื่องดีของพวกเขา  และเมื่อจอร์จจัดการกับร่างตัวแทนของพวกเขาทั้งห้าเสร็จไม่นาน  นางวีสลีย์ก็กลับมาจากซื้อของ  ตามมาด้วยจินนี่  และนายวีสลีย์  เฮอร์ไมโอนี่ได้มีเวลาพูดคุยกับนายวีสลีย์และจินนี่ไม่นาน  นางวีสลีย์ก็เรียกทั้งหมดลงไปทานข้าว  ซึ่งครั้งนี้สถานที่นั้นไม่ใช่ที่ครัวแต่เป็นที่สวนต่างหาก  โดยนางวีสลีย์ได้เสกโต๊ะกับเก้าอี้สำหรับสมาชิกแปดคนออกมา  และทั้งหมดก็มานั่งล้อมรอบโต๊ะอาหารที่มีเตาบาร์บีคิวอยู่ไม่ไกลนัก  พวกเขาผัดกันปิ้งและย่างยาร์บีคิวรวมทั้งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  เมื่อเริ่มมืดเฟร็ดกับจอร์จก็จะจุดพลุชุด ‘ ดอกไม้ราตรี ’ ให้พวกเขาชม  พวกเขานั่งทานอาหารกันอย่างมีความสุขราวกับมางานปาร์ตี้เล็ก ๆ จนเวลาได้ล่วงเลยไปมากแล้ว

“สองทุ่มแล้วสินะ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำขณะที่เฟร็ดกับจอร์จช่วยกันขนดอกไม้ไฟชุดใหม่มา

“เธอคงต้องกลับแล้วใช่ไหม” แฮร์รี่ถามเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังให้ความสนใจกับพลุชุดพิเศษของฝาแฝด ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นพยักหน้าช้า ๆ เธอสนุกจนลืมเวลากลับไปเลย  และเธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มัลฟอยจะกลับมาถึงบ้านหรือยัง

“ฉันกลับเลยดีกว่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดและหันไปบอกลาคนอื่นที่เหลือ  นางวีสลีย์กอดเธอแน่นและบอกว่าให้เธอมาเยี่ยมได้ถ้าเธอว่าง  จินนี่ร่ำลาเธอด้วยความเป็นห่วง  รอนเองก็ไม่มีท่าทีว่าอยากจะให้เธอกลับ  เขาทำหน้าบึ้งตลอดเวลา  โดยเฉพาะเมื่อเฮอร์ไมโอนี่อธิบายว่ามัลฟอยอาจจะกลับมาแล้วไม่พบเธอ  ในขณะที่แฮร์รี่อาสาเดินไปส่งเธอที่เตาผิง

“เอ่อ  ฉันต้องไปแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำกับเพื่อนรักของเธอ

“ดูแลตัวเองให้ดีนะ  เฮอร์ไมโอนี่  ฉันขอให้เธอหายเร็ว ๆ ” เขาพูดอย่างอ่อนโยน

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกแฮร์รี่  ราตรีสวัสดิ์นะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับและเมื่อเธอกำลังหันหลังกลับเพื่อเดินเข้าไปในเตาผิง  แฮร์รี่ก็เอามือรั้งแขนของเธอไว้

“ถ้าเกิดมีอะไรก็มาหาฉันได้นะ  ฉันหมายความว่า  ถ้าเธอเอ่อ  มีปัญหาน่ะ” แฮร์รี่พูด  แววตาสีเขียวของเขามีแววเศร้าเล็กน้อย

“อืม  ขอบใจนะแฮร์รี่” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหยิบผงฟลูขึ้นมาและพูดด้วยเสียงดังฟังชัด

“คฤหาสน์มัลฟอย” เธอตะโกนก่อนที่ไฟสีเขียวจะลุกท่วมร่างของเธอที่กำลังหายวับไป

แฮร์รี่มองดูเฮอร์ไมโอนี่และถอนใจเบา ๆ เขาไม่อยากปล่อยเธอไปเลย


TBC

No comments:

Post a Comment