Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 26: Hermione learns a curse

เฮอร์ไมโอนี่หัดใช้คำสาป (Hermione learns a curse)


          “ในเวลาอย่างนี้เธอเสนอแนะให้เราทดลองมันได้อย่างไรกันหา?”
          เดรโกเหลือบมองข้ามไหล่ของเขาไปที่เฮอร์ไมโอนี่ ผู้ซึ่งกำลังเดินโซเซห่างออกไปไม่กี่ก้าวอยู่ด้านหลัง พร้อมกับยกชายเสื้อคลุมยาวของเธอขึ้นเพื่อให้มันพ้นจากโคลนที่สาดกระเด็น
          เธอเงยขึ้นมองเขา “ฉันหมายความว่า ทำไมเธอลากฉันออกจากปราสาทมาสู่ท่ามกลางสิ่งสกปรกพวกนี้? เรามีแม้แต่แผนการแล้วหรือ?”
          พวกเขาใช้เวลาเกือบทั้งหมดของเมื่อเย็นวานนี้ไปกับการแปลคาถาบทนี้ ซึ่งเธอหวังจะหาทางช่วยชีวิตพอตเตอร์ผู้เป็นที่รักของเธอ และบางทีคนอื่นๆ ด้วยเช่นกันจากการเคลื่อนไหวของเหล่าพ่อมดชั่วร้ายที่กำลังใกล้เข้ามา พวกเขาได้คิดคำนวณและฝึกฝนคาถาบทนี้ พวกเขาได้ตรวจสอบวิธีการออกเสียงซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาศึกษาจนนัยน์ตาปวดล้า และเปลวไฟในเตาผิงได้มอดไหม้จนไม่เหลืออะไรนอกจากขี้เถ้าคุกรุ่น  และไม่เพียงเท่านั้นเดรโกยังได้จัดการเกลี้ยกล่อมเฮอร์-ไมโอนี่ให้มาพบเขาแต่เช้ามืดที่บันไดห้องโถงทางเข้า
          เวลานี้เขากำลังนำเธอข้ามลานกว้างของปราสาท อากาศยามเช้ามืดยังคงหนาวเย็นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าสภาพอากาศได้อุ่นขึ้นแล้วก็ตาม ท้องฟ้าเต็มไปด้วยก้อนเมฆที่ลอยต่ำซึ่งบอกล่วงหน้าถึงฝนที่จะตามมาในยามบ่ายนี้
          เมื่อคืนก่อนพวกเขาแต่ละคนไม่ได้นอนมากนัก และในความคิดของเดรโก;เฮอร์ไมโอนี่อารมณ์ขุ่นมัวหน่อยๆ เนื่องจากสาเหตุนี้ เธอหยุดลงกะทันหัน เดรโกหันมาหาเพื่อรอเธอ เธอกำลังกวาดสายตามองป่าต้องห้ามที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าพวกเขา
          “เราจะไม่เข้าไปข้างในไกลมากนัก” เดรโกพูดสั้นๆ
          “ฉันปรารถนาว่าเราไม่ต้องเข้าไปในนั้นเลย” เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้างอใส่เขา “เธอลืมครั้งสุดท้ายที่เราได้เข้าใกล้ป่าต้องห้ามไปแล้วหรือ?”
          เดรโกไม่ลืมช่วงเวลาที่พวกเขามีร่วมกันในกระท่อมของเจ้าลูกครึ่งยักษ์อย่างแน่นอน เพียงแต่เมื่อมองย้อนกลับไป เดรโกตำหนิตัวเองสำหรับการเลียเวลามากมายไปกับการโต้เถียง ในเมื่อมีอย่างอื่นให้เขาสามารถทำกับเฮอร์ไมโอนี่ได้ในกระท่อม เขายิ้มแฝงเลศนัยให้กับตัวเอง
          “ไม่ต้องกังวลหรอก แมนติคอร์ตายไปแล้ว เราไม่มีอะไรต้องกลัวอีก” เขาพูดอย่างแข็งขัน พยายามซ่อนรอยยิ้มของตัวเอง
          “มีอย่างอื่นอีก” ใบหน้าเธอกลายเป็นซีดเซียว มีความกังวลเล็กน้อยในดวงตาเธอ “เมื่อวันก่อนฉันกำลังเดินอยู่แถวนี้ และฉันคิดว่า...ว่ามีบางคนกำลังเฝ้าดูฉันอยู่”
          “เฝ้าดูเธอรึ? เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอเป็นพวกหลงตัวเองเหลือเกิน”
          “ฉันไม่ได้กำลังล้อเล่นนะ มัลฟอย!” เสียงเธอแผดดัง เดรโกสังเกตว่าเธอเริ่มดึงชายแขนเสื้อคลุมยาวข้างหนึ่งอย่างกังวล
          “ไม่ต้องวิตกนะ ฉันอยู่ที่นี่ อะไรจะผิดพลาดไปได้ล่ะ” เดรโกส่งรอยยิ้มสว่างสดใสที่สุดแบบมัลฟอยมาให้เธอ แทนคำตอบเฮอร์ไมโอนี่ไขว้แขนและแสดงท่าทางซึ่งเตือนเขาให้นึกถึงสิ่งที่อาจจะผิดพลาดได้   
          “ฟังนะ ถ้าเธอต้องการวิ่งกลับเข้าไปในหอคอยกริฟฟินดอร์อันทรงเกียรติ แล้วซ่อนอยู่ด้านหลังเจ้าพอตเตอร์ผู้สูงค่าของเธอ งั้นก็เชิญทำมันเลย!”
          เดรโกล้มเลิกความพยายามเพื่อชักจูงเฮอร์ใมโอนี่ให้ไปกับเขาแล้ว เขาคือมัลฟอย และนั่นหมายความว่าเขาจะไม่มีทางอ้อนวอนเด็ดขาด
          เขาหันหลังและขยับไปข้างหน้าเข้าไปในดงไม้หนาทึบ เขารู้สึกพอใจเมื่อได้ยินเสียงเธอตามหลังเขามา กำลังเดินพร้อมกับบ่นงึมงำไปด้วยอย่างหัวเสีย
          พวกเขาเดินต่อไปแบบนั้นเป็นเวลานาน เขานำพาเธอลึกเข้าไปในดงป่าไม้ห่างไกลจากปราสาทออกไป เดรโกรู้ว่าพระอาทิตย์ต้องขึ้นมาแล้วเวลานี้ ทว่าลำแสงสว่างก็ไม่อาจจัดการทำลายร่มเงามืดทึบของพวกต้นไม้ไปได้ และเขาสงสัยว่าพระอาทิตย์จะจัดการขับไล่เมฆฝนที่กำลังจ่ออยู่เหนือโรงเรียนได้หรือไม่ ในที่สุดเขาคิดว่าพวกเขาได้มาไกลมากพอภายในความมืดทึบเพื่อทำสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำ
          “ฉันคิดว่านี่จะเป็นทำเลที่ดี” เขาพูดสั้นๆ
          “ทำเลที่ดีสำหรับอะไร? เธอยังไม่ได้บอกฉันว่าเธอมีแผนการเพื่อทดลองคาถานี้อย่างไร” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มดึงพวกเศษใบไม้ต่างๆ ออกจากผมเธอ เดรโกนำพวกเขาแทรกผ่านต้นไม้รกทึบ ลอนผมของเฮอร์ไมโอนี่เกี่ยวเข้ากับใบไม้มากมาย เหมือนมันเป็นนักโทษถูกขังอยู่ในเส้นผมสีน้ำตาลของเธอ
          เดรโกจับจ้องเธออย่างใกล้ชิดและพูดว่า “ทำเลที่ดีเพื่อสอนคำสาปกรีดแทงให้กับเธอ”
          เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึง นิ้วมือเธอสางพันอยู่ในเรือนผมสีน้ำตาลแดงยุ่งเหยิง เธอเคลื่อนดวงตาสีน้ำตาลมาประสานกับดวงตาสีเทาของเขา เธอไม่แม้แต่ถามว่าเขารู้จักคาถานี้ได้อย่างไรหรือใครเป็นคนสอนเขา เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีท่าที่สงสัยเรื่องความสามารถของเขา เธอเริ่มปัดพวกใบไม้ที่เหลืออยู่ไม่มากออกจากเส้นผมอย่างเรียบเฉย ราวกับว่าเธอไม่ได้ยินเขา
          “เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกเริ่ม
          “ไม่” เธอขัดอย่างเฉียบขาด “มีหนทางอื่น มันมีหนทางอื่นเสมอ”
          “ไม่มีทางไหนทั้งนั้น ถ้าคาถานี้จัดการต้านทานคำสาปกรีดแทงได้ ดังนั้นมันอาจเป็นไปได้มากว่าจะต้านทานอะวาดา เคดาฟ-รา เนื่องจากพวกมันทั้งคู่ทำงานภายใต้หลักการเดียวกัน” เขาโต้แย้ง
          “ฉันจะไปพบอาจารย์ใหญ่” เธอตะคอกแล้วหมุนตัวเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่ปราสาท
          “ไม่ได้ เธอต้องไม่ทำ” เดรโกตามมาทันเธออย่างง่ายดาย แล้วจับไหล่เธอไว้ “ฟังนะ เรามาไกลขนาดนี้แล้ว ฉันจะไม่มอบสิ่งที่อาจเป็นการค้นพบที่สำคัญที่สุดในยุดเวทมนตร์สมัยใหม่ให้กับพวกศาสตราจาย์แก่ๆ พูดจาไม่รู้เรื่อง!”
          “นี่เป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดใส่เสียงแหลม “และผิดกฎหมายด้วย!”
          “มันเป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้น” เดรโกพูดอย่างหนักแน่น
          “เอาล่ะ ถ้าเธอคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีขนาดนั้น” เฮอร์ไมโอนี่ชะงักแล้วเม้มริมฝีปากพร้อมกับมองไปทางอื่น “ถ้าเธอคิดว่ามันเป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้น เธอก็ควรเสกคำสาปกรีดแทงซิ”
          เดรโกปล่อยมือจากไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่แล้วถอยห่างไป เขาไม่เคยแม้แต่พิจารณาในการทำแบบนั้นเลย
          “ไม่ได้เด็ดขาด” เขาเอ่ยออกมาในที่สุด ปากเขาแห้งผากอย่างประหลาด
          เฮอร์ไมโอนี่ยืนนิ่งอยู่ตรงที่เขาทิ้งเธอไว้ ศีรษะก้มต่ำ ใบหน้าเธอหายไปอยู่หลังม่านเส้นผม “มันมีเหตุผลมากกว่าที่ทำแบบนั้น เธอรู้ว่าต้องทำอย่างไรอยู่แล้ว อย่างน้อยเธอน่าจะทำมันเสร็จได้ในทันที” เสียงของเธอเลือนจางห่างออกไป
          “ฉันบอกแล้ว่าไม่ เราจะทำมันในแบบที่ฉันได้วางแผนเอาไว้แล้ว” น้ำเสียงเขาเด็ดขาดมากกว่าที่เขารู้สึก
          “แต่เดรโก มันอาจจะง่ายกว่านะถ้าเธอจะ...”
          “ฉันบอกว่าไม่!” เดรโกตะโกนใส่เธอ
          เขาไม่สามารถบอกเธอได้ มโนภาพว่าตัวเขากำลังเสกคาถานี้เข้าใส่เธอ ทำให้ท้องไส้ของเขาปั่นป่วน ความคิดว่าใครสักคนกำลังทำแบบนั้นทำให้เขาอยากฆ่า แต่เขาก็ไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับเธอได้;เขาไม่อาจบอกเธอว่าถ้าหากคาถานี้ไม่ได้ผล เขาคงจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยสำหรับการทำร้ายเธอ
          “มันดีกว่าถ้าเธอทำมัน” เขาพูดในที่สุด “แบบนั้นถ้าหากว่าคาถาของโอ’แลรี่ใช้การไม่ได้ มันก็จะไม่ร้ายแรงมากนัก ไม่มีการทำผิดกฎหมาย เกรนเจอร์ เธอไม่มีพรสวรรค์มากนักในเรื่องศาสตร์มืด อย่างดีที่สุดที่เธอทำคือทำให้ฉันปวดหัวนิดหน่อยหากคาถานี้ไม่ได้ผลนะ”
          เฮอร์มโอนี่หน้าซีดเผือดสุดขีด “ฉันไม่รู้แม้แต่วิธีเสกมันด้วยซ้ำไป” เธอกระซิบ
          “โอ้ มันง่ายมาก!” เดรโกพูดด้วยความร่าเริงที่เค้นออกมา “แม้แต่ลองบัตท่อมก็สามารถทำมันได้!”
          เสียงฝนดังเปาะแปะเริ่มตกลงมา ส่งผลให้เดรโกและเฮอร์ไมโอนี่คว้าไม้กายสิทธิ์ของพวกเขา
          “Umbraculum” พวกเขาพูดออกมาเกือบจะพร้อมกัน การระเบิดของสีพุ่งออกมาจากไม้กายสิทธิ์ แล้วก่อเป็นรูปร่างก้อนเมฆเล็กๆ บินร่อนอยู่เหนือศีรษะพวกเขา ก้อนของเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีฟ้า ส่วนของเดรโกเป็นสีเทาเข้มอย่างไม่ต้องสงสัย
          “ทั้งหมดที่เธอต้องทำ” เดรโกเริ่มพูดอีกครั้ง “คือชี้ไม้กายสิทธิ์ของเธอมาที่ฉันแล้วพูดคาถานี้ออกมา เธอรู้เรื่องการเปล่งระดับเสียงที่ถูกต้องทั้งหมดอยู่แล้ว นั่นคือทั้งหมด”
          “มันง่ายดายอย่างนั้นจริงๆ หรือ?” เธอถามเขาด้วยความประหลาดใจ
          “นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันจึงเป็นคาถาการทรมานที่แพร่หลายที่สุด”
          “ฉันไม่สามารถทำมันได้”
          “เธอต้องทำ” เดรโกหันไปจากเธอแล้วเดินออกไปหลายฟุต “เวลานี้ฉันพร้อมแล้ว”
          เฮอร์ไมโอนี่ยกไม้กายสิทธิ์ของเธอขึ้นและชี้ไปที่เขา ปลายไม้กำลังเริ่มสั่น อากาศเปียกชื้นทำให้ผมหยักศกของเธอยิ่งฟูมากขึ้น หยดน้ำเล็กๆ กำลังไหลลงมาจากปลายกิ่งก้านของต้นไม้ นัยน์ตาเธอเบิกกว้างและตื่นกลัว “เดรโก ฉันทำไม่ได้”
          “ทำมันเดี๋ยวนี้ เกรนเจอร์!” เดรโกตวาดใส่เธออย่างโมโห
          เธออ้าปากขึ้นเพื่อโต้แย้งแต่แล้วก็หุบมันลง เฮอร์ไมโอนี่ขยับการจับไม้กายสิทธิ์ของเธอให้แน่นขึ้น จากนั้นลักษณะอาการตั้งใจอย่างมุ่งมั่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ เดรโกเริ่มต้นท่องคาถาลบล้างซ้ำๆ อยู่ภายในสมองเขา ด้วยทราบว่าเธอกำลังจะทำมัน
          “crucio”
          คาถาถูกเปล่งเสียงอย่างไม่ถูกต้องเหลือเกินซึ่งมาจากน้ำเสียงไร้พิษภัย แต่เดรโกมีเวลาคิดเรื่องนี้เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ขณะที่เขาตะโกนสิ่งเดียวที่อาจปกป้องเขาได้
          “arama immeritus!”
          เขารับรู้เมื่อคาถานี้มาปะทะ;แรงกระแทกช่างรุนแรง ภายหลังต่อมาเดรโกรู้สึกพิศวงกับเรื่องนี้ เขาไม่เคยวาดภาพเลยว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นแม่มดที่แข็งแกร่ง แต่ในเวลานี้เขาคิดได้เพียงเรื่องเดียว ไม่มีความเจ็บปวด แสงสว่างระยิบระยับล้อมรอบตัวเขา มันกระจ่างแจ่มชัดและแสงยามเช้ามืดส่องประกายออกมาจากมันเป็นชั้นบางๆ  เขารับรู้อย่างเลือนลางว่าเฮอร์ไมโอนี่ยังคงชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เขา เธอกำลังดำเนินการร่ายคาถาอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกว่าพลังงานของเขากำลังจะหมดอย่างรวดเร็ว เกราะกำบังสุกสว่างของเขากำลังสั่นสะเทือน ความรู้สึกแสบร้อนเบาบางกำลังเริ่มแรงมากขึ้น
เดรโกทราบแล้วว่าเขามีช่วงระยะเวลายาวมากทีเดียว ก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงผลสะท้อนเต็มที่ของคำสาปกรีดแทงอีกครั้ง
          เฮอร์ไมโอนี่ลดไม้กายสิทธิ์ของเธอลง
          มันจบลงแล้ว เดรโกรู้สึกถึงหัวเข่าที่พับงอแล้วทรุดลงไปคุกเข่าที่พื้นโคลน เขารู้สึกคล้ายผู้คุมวิญญาณนับพันคนเพิ่งเดินผ่านเขาไป ทุกๆ ออนซ์ของความรู้สึกด้านบวกที่ถูกใช้หมดสิ้นไปกับคาถานี้ เขาหลับตาลงและสูดลมหายใจลึกๆ ซึ่งถูกดึงออกไปจากตัวเขาจนหมดอย่างฉับพลัน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่แล่นถลามาประชิดเขา เหวี่ยงแขนโอบรอบตัวเขา
          “ฉันเสียใจ ฉันเสียใจ เดรโก ฉันเสียใจเหลือเกิน”
          เดรโกมองเธอ ดวงตาเธอกำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแวววาวซึ่งเขาเกลียดที่ต้องเห็นมัน
          “ฉันไม่อยากทำมันเลย ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรทำมัน” เธอเช็ดน้ำตาและถอยห่างจากเดรโก ราวกับว่ากลัวที่จะสัมผัสเขา
          เฮอร์ไมโอนี่กำลังคุกเข่าห่างจากเดรโกออกไปหนึ่งฟุต ก้มหน้าร้องไห้ครวญอยู่ในมือ เดรโกคิดว่าเธออาจกำลังก่นด่าอย่างไม่ต่อเนื่องภายใต้ลมหายใจ แต่มันยากที่จะบอกได้เมื่อเธอเริ่มสะอึกสะอื้น
          เดรโกสูดหายใจอย่างสม่ำเสมอ พยายามเรียกความเข้มแข็งของเขากลับมาอีกครั้ง เขาเอื้อมมือออกไปและจับมือเฮอร์ไมโอนี่ ดึงมันออกจากใบหน้าเธอ
          “เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรแล้วนะ เธอไม่ได้ทำให้ฉันบาดเจ็บ”
          เสียงสะอื้นเจ็บปวดเริ่มลดกำลังลง และเฮอร์ไมโอนี่พึมพำว่า “ฉันไม่ได้ทำรึ?”
          เดรโกดันคางเธอขึ้นมาเพื่อว่าเขาจะได้มองสีหน้าเธอ น้ำตายังบดบังดวงตาเธอไว้ แต่สักพักหนึ่งเธอก็ควบคุมมันได้
          “ไม่ เธอไม่ได้ทำให้ฉันบาดเจ็บ คาถานี้ใช้ได้ผล”
          ดวงตาเธอเบิกกว้างและเธอหยุดร้องไห้อย่างสิ้นเชิง “จริงนะ? มันใช้ได้ผลจริงๆ หรือ?”
          เดรโกยิ้มอย่างเฉื่อยชาให้เธอ;เขารู้สึกหมดแรง “ใช่ มันได้ผล เล่นเอาพ่อมดคนหนึ่งหมดแรงเลย แต่มันได้ผล”
          ริมฝีปากล่างของเฮอร์ไมโอนี่เริ่มสั่นแล้วเธอก็โอบขนรอบคอเดรโก มอบอ้อมกอดที่แนบแน่นให้กับเขา น้ำตาเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง “ฉันคิดว่าฉันได้ทำให้เธอบาดเจ็บเสียแล้ว” เธอพูดอู้อี้
          เดรโกตบกระหม่อมเธอเบาๆ อย่างเคอะเขิน “ไม่ใช่อาชญากรรมนะ เกรนเจอร์ แต่หมู่นี้เธอดูเหมือนประสาทเครียดอย่างน่ากลัว”
          “ประสาทเครียด? เธอคิดว่าฉันประสาทเครียดงั้นรึ?” เฮอร์ไมโอนี่ดึงตัวออกจากเขา “เราต้องสอบปลายภาคเร็วๆ นี้ รวมถึง ว.พ.ร.ส. อีกด้วย   เราใช้เวลาทั้งสัปดาห์พูดคุยเรื่องพวกคาถามืดนี้กับพวกพ่อมดปิศาจนั่น” เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินไปเดินมาอย่างโมโหท่ามกลางสายฝน ร่มคันจิ๋วของเธอไม่สามารถตามเธอได้ทัน “แล้วเธอก็ลากฉันออกมาข้างนอกตรงนี้ ทำให้ฉันต้องเสกคาถาเวทมนตร์ดำ ไม่ใช่แค่นั้นแต่เป็นคาถาผิดกฎหมายซะด้วย! หลังจากนั้น แน่นอนว่ามันคือสิ่งนี้อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างพวกเรา อย่ามามองฉันเหมือนเธอไม่ได้มีความคิดสับสนกับสิ่งที่ฉันกำลังพาดพิงถึงอยู่นี้!  โอ้ พระเจ้า! มันไม่ต้องสงสัยเลยถ้าเวลานี้ฉันอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างมาก”
          เดรโกอดไม่ได้ และปล่อยเสียงหัวเราะที่กั้นไม่อยู่ออกมาเบาๆ
          “อ๋อ เธอคิดว่านี่มันน่าหัวเราะงั้นริ?” ผมสีเข้มของเธอเกือบจะเป็นสีดำเพราะสายฝน มันลีบแบนแนบไปกับใบหน้าและลำคอของเธอ “ถ้าหากฉันทำให้เธอได้รับบาดเจ็บล่ะ? ฉันไม่คิดว่าฉันจะทนแบกรับมันได้” การกล่าวหาของเธอเสร็จสิ้นลง และเฮอร์ไมโอนี่กลับลงมานั่งถัดจากเดรโก ความเดือดดาลจางหายไปจากดวงตาเธอแล้ว
          “ทำไมเธอถึงไม่อาจทนแบกรับมันได้?” เดรโกกำลังรู้สึกดีขึ้นมากในตอนนี้;การพูดเสียงดังเอะอะของเธอเกือบจะทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินเสมอ แม้แต่เมื่อพวกมันถูกพุ่งมาที่เขาก็ตาม ทว่าเวลานี้เขากำลังถามคำถามอันตราย และความเพลิดเพลินทั้งหมดได้เลือนหายไปจากน้ำเสียงเขา เดรโกไม่มั่นใจอย่างสิ้นเชิงว่าพวกขาคนใดคนหนึ่งพร้อมสำหรับคำตอบนี้หรือไม่
          “เพราะว่า... ฉันไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บ และฉันไม่ต้องการเป็นคนที่ทำร้ายเธอย่างแน่นอน” คำพูดของเธอเหมือนถูกเลือกเฟ้นมาอย่างระมัดระวังทีเดียว
          เดรโกเอนหลังไปพิงกับต้นไม้ วันนี้พวกเขาจะไม่ทำการเปิดใจไปมากกว่านี้อย่างเห็นได้ชัด และบางทีนั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะตอบคำถามหรือไม่ ถ้าเธอถามเขาด้วยคำถามเดียวกัน เกิดมีกระแสลมพัดแรง กิ่งก้านต้นไม้ทั้งหมดกระเพื่อมไหวไปมาส่งผลให้สายละอองน้ำหล่นลงมา เดรโกหลับตาลงเมื่อพวกมันหยดใส่หน้าเขา;เขาคิดว่าพวกเขาควรมุ่งหน้ากลับไปที่ปราสาทในเร็วๆ นี้ ก่อนที่บรรดาเพื่อนๆ ที่รักของเธอคนใดจะนึกได้ว่าเธอหายไป สายฝนที่ไม่ชาดตอนเริ่มตกหนักมากขึ้น เฮอร์ไมโอนี่เคลื่อนตรงมาที่เขา ความประหลาดใจของเดรโกมากขึ้นเมื่อเธอเอาตัวเองมาพิงแนบเขา เดรโกตัดสินใจเลยว่าพอตเตอร์และวีสลี่ย์จะส่งทีมมือปราบมารมาเขาก็ไม่แคร์
          “แล้วมันใช้ได้ผลจริงๆ ใช่ไหม?” เธอถามเขาอีกครั้งหลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบ
          “ช่ายแล้ว” เขาตอบเอื่อยๆ
          “เธอคิดจริงๆ ว่านี่สามารถยับยั้งอะวาดา เคดาฟ-ราได้หรือ?” เฮอร์ไมโอนี่มีน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย
          “ฉันกำลังคาดเดาจากการศึกษาว่ามันน่าจะใช่  โอ’แลรี่ยังไม่พลาดเลยจนกระทั้งบัดนี้”
          “นั่นเป็นการมองโลกในแง่ดีอย่างมากของเธอ”
          เดรโกมองมาที่เธอ “อ้าว เธอเป็นคนที่พร่ำบ่นเสมอว่าฉันเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายเกินไป แต่ถ้าหากเธออยากพิสูจน์ล่ะก็ เราไปสอนมันให้กับพอตเตอร์ แล้วคราวหน้าเมื่อโวลเดอมอร์พยายามฆ่าเขา เราก็จะทราบได้โดยไม่ต้องสงสัย เราอาจต้องคอยแค่ประมาณอาทิตย์เดียวก็เป็นได้ รู้กันว่าพอตเตอร์กับความสามารถพิเศษของเขามักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลา” เดรโกฉีกยิ้มกว้างให้เธอ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับทำหน้านิ่วใส่เขา
          “ฉันไม่คิดว่านั่นน่าสนุกหรอกนะ”
          เดรโกยิ้มเจ้าเล่ห์จากนั้นโน้มตัวเข้ามาจูบเธอ มือหนึ่งกำลังบีบด้านหลังต้นคอเธออย่างแผ่วเบา เขาถอยออกมานิดเดียว “ใช่ ฉันรู้” เขาพูดก่อนจูบเธออีกหน
          เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มชิดกับริมฝีปากเขา แล้วโอบแขนเธอรอบตัวเขาดึงเขาเข้ามาใกล้มากขึ้น เธอชะงักการจุมพิต “เตือนฉันให้โกรธเธอคราวหน้าด้วย”
          “โอ้ ไม่ต้องห่วง ฉันแน่ใจว่าถ้าหากเธอลืมมัน ฉันก็แค่จบลงด้วยการพูดบางอย่างที่แยบยลพอทำให้เธอโกรธได้”
          เดรโกยกตัวขึ้นเพื่อที่เขาได้อยู่เหนือเธอ;เขามองสำรวจเธอ ผมเปียกชื้นของเธอทอดตัวเป็นลอนหยิกล้อมใบหน้าและไหล่ของเธอ ดวงตาสีเข้มของเธอดูลึกซึ้งมากกว่าเวลาปกติ เขาเชื่อว่าเป็นเพราะน้ำตามากมายที่เธอได้ปล่อยให้ไหลออกมาเมื่อไม่นานนี้ บางครั้งเธอเกือบจะสวยน่ารักมากเกินไปจริงๆ  ไม่ใช่ว่าเขาจะเคยบอกเรื่องนั้นแก่เธอ  เดรโกยิ้มให้เธอและจูบเธออีกครั้ง ลุ่มหลงอยู่กับความอบอุ่นที่เธอเป็นเจ้าของ
          สายฝนยังคงตกไม่หยุดเมื่อพวกเขาย่ำเท้ากลับไปที่ฮอกวอตส์    ลานกว้างว่างเปล่าเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย เดรโกรู้สึกขอบคุณสำหรับโชคอันเล็กน้อยนี้ ราวกับว่าข่าวลือต่างๆ ยังไม่แย่พออยู่แล้ว  สองคนกับคำถามเรื่องเดินข้ามลานกว้างมา ท่าทางเหมือนพวกเขาเพิ่งไปเล่นกายกรรมในทะเลสาบด้วยกันอาจจะเป็นไปไม่ได้   ไม่ใช่ว่าพวกเขาลงไปเล่นกายกรรมในทะเลสาบจริงๆ  แต่พวกเขาอาจถูกพิจารณาอย่างดีทีเดียวว่าช่างเปียกปอนอะไรขนาดนี้  ส่วนเดียวที่แห้งของแต่ละคนคือกระเป๋าของพวกเขา
          เดรโกรู้สึกชอบใจอีกครั้งว่าไม่เหมือนแม่มดส่วนใหญ่ที่เขารู้จัก เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาหมดไปกับเวทมนตร์กันน้ำ(Repelius charm) เพื่อกันน้ำให้พ้นห่างจากกระเป๋า มากกว่ากระโปรงตามแฟชั่นหรือรองเท้าทันสมัย
          เฮอร์ไมโอนี่จับได้ว่าเขากำลังมองเธออยู่จึงส่งยิ้มให้เขา ดวงตาเธอเจิดจ้าและแก้มเป็นสีชมพู ระหว่างที่เธอยังคงสบสายตากับเขา อาการหน้าแดงก็เพิ่มมากขึ้น แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็หลบตาไปทางอื่นพร้อมกับกัดริมฝีปาก เดรโกยิ้มกับตัวเองเมื่อความคิดจะลากเธอกลับไปเส้นทางที่พวกเขาเพิ่งจากมาและทำสิ่งต่างๆ มากกว่านี้กับเธอซึ่งเกิดขึ้นในใจเขา ไม่ใช่ว่าเธอจะยอมเขาหรอกนะ แต่เดรโกอาจจินตนาการได้
          เขาหยุดที่บานประตูใหญ่และหันมาหาเธอ “เธอเข้าไปก่อนจะดีกว่า เราไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าเราอยู่ด้วยกัน”
          ประกายอบอุ่นในดวงตาดูเหมือนเลือนหายไป เดรโกกำลังจะถามเธอแล้วเมื่อเธอดันตัวผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว “เธอพูดถูก แน่นอน น่าจะรู้อยู่แล้ว” เธอตวาดใส่เขาก่อนดึงประตูปิดตามหลัง
          สายฝนเริ่มตกหนักมากขึ้นและเสียงฟ้าร้องคำรามกึกก้องสามารถได้ยินชัด เดรโกยืนจ้องไปที่ประตูด้วยความอึ้งตกใจ เขาไม่เคยทำตัวงุ่มง่ามเมื่อเกี่ยวข้องกับแพนซี่ หรือกับเด็กสาวคนอื่นๆ เลย
          “บางทีมันคือสิ่งที่เหมาะสมของพวกเด็กมักเกิ้ล” เขาพึมพำกับตัวเองเมื่อเข้าไปในโรงเรียน หลังจากปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ล่วงหน้าไปก่อนพอประมาณ ไม่ให้ดูเหมือนว่าได้วางแผนไว้
          เขาได้รับสายตาแปลกๆ เล็กน้อย ขณะที่เขาเดินลงไปคุกใต้ดินสลิธีริน   แต่ไม่มีใครกล้าบ้าบิ่นพอจะพูดอะไรทั้งสิ้น ไม่แม้แต่แครบบ์และกอยล์  เดรโกรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ พวกนักเรียนปีอื่นๆ ที่เล็กกว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดด้วยการอยู่ให้ห่างๆ จากเขา
          คุกใต้ดินดูเหมือนว่างเปล่า วันนี้นักเรียนส่วนใหญ่ชอบมากกว่าที่จะอยู่ในส่วนที่สูงกว่าและแห้งกว่าของโรงเรียน เพราะสภาพอากาศที่น่าหดหู่  อย่างไรก็ดีเรื่องนี้เหมาะกับเดรโกมาก เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเข้าสังคมกับใครในตอนนี้ ทั้งหมดที่เขาต้องการคือเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกาย
          ไอน้ำจากฝักบัวจับตัวปกคลุมอยู่ในอากาศ เดรโกปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความคิดต่างๆ ของเขาในระหว่างที่น้ำร้อนชำระคราบโคลนออกจากร่างกาย ส่วนใหญ่ของความคิดเหล่านี้ต้องเกี่ยวข้องกับสาวกริฟฟินดอร์ผมสีน้ำตาลแน่นอน เดรโกชอบความคิดหนึ่งเป็นพิเศษว่าเธอจัดการด้วยวิธีไหนเพื่อลักลอบเข้าไปในคุกใต้ดิน และมาร่วมอาบน้ำฝักบัวกับเขา และ...
          เดรโกปิดน้ำพร้อมกับถอนหายใจอย่างโหยหา เขาต้องหยุดคิดถึงเธอ เขาทราบว่าเขาต้องปลดปล่อยความคิดซ้ำซากที่เขามีกับเฮอร์ไมโอนี่ไปเสีย มันกำลังกลายเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมากจริงๆ  เธอดูเหมือนทำให้ความคิดต่างๆ ของเขาไม่เป็นสุขอยู่เสมอ
          ครึ่งหนึ่งของเวลา ความคิดเหล่านี้ช่างไร้สาระอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าความคิดจำเจพวกนี้เกิดขึ้นแทบจะมากพอๆ กับความคิดทะเล้นซุกซนทั้งหลายที่ไม่ถูกต้อง  เนื่องจากเขาก็แค่รู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในความคิดทั้งสองอย่างเท่านั้น เมื่อเกี่ยวข้องกับพวกแม่มดสาวอยู่เป็นประจำ
          ลูเซียสได้บอกกับเขาครั้งหนึ่งว่า มันไม่แปลกที่ถูกครอบงำด้วยบางอย่าง ความหมกมุ่นเป็นพลังขับเคลื่อนที่สามารถมีอิทธิพลกับการตัดสินใจของคนๆ หนึ่ง   แต่ลูเซียสเตือนเขาว่าอย่าปล่อยให้บางอย่างไปไกลเกินกว่าการควบคุม เพราะว่าความต้องการสามารถกลายเป็นความปรารถนาได้อย่างง่ายดาย
          เดรโกรู้ว่าเขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องราวต่างๆ ดำเนินไปไกลมากนัก เธอกำลังเริ่มมีผลกระทบต่อเขาในทางต่างๆ ซึ่งเขาไม่เคยคิดว่าเป็นไปได้   เขาได้หันมารู้สึกสนใจเรื่องสภาพของโลกเวทมนตร์มากขึ้น ไม่ได้พูดว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้อยู่ในความคิดเขาก่อนหน้าเธอ เพียงแต่เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเท่านั้น  จนกระทั่งเวลานี้เขากำลังกลายมาเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของเธอ ใครบางคนต้องทำเพราะว่าเธอไม่ใส่ใจอย่างเห็นได้ชัด และพอตเตอร์ผู้ดีเลิศไม่มีไหวพริบมากพอจะดูแลเพื่อนๆ ของเขาให้อยู่ในที่ปลอดภัย  เอ้! มันเป็นความโชคดีของเฮอร์-ไมโอนี่ก็เป็นได้ที่เธอใช้เวลามากมายกับเดรโกในปีนี้;เขาดูแลเธอให้อยู่ในที่ปลอดภัย   แต่เวลาที่เธอไม่ได้อยู่กับเขาล่ะ จะดูแลเธอให้ปลอดภัยได้อย่างไรตอนที่พอตเตอร์ทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย? บางทีเขาอาจจะสอนกลอุบายสกปรกนิดหน่อยให้กับเธอ;เธอรับมือกับคำสาปกรีดแทงได้อย่างดีเยี่ยม เดรโกยิ้มบางๆ เมื่อจัดการวาดภาพปฏิกิริยาของเฮอร์ไมโอนี่ต่อบทเรียนเรื่องศาสตร์มืด
          เดรโกสวมเสื้อคลุมยาวแห้งสะอาด แทรกนิ้วเข้าไปในเส้นผมเปียกชื้นแล้วเสยมันให้ไปข้างหลัง รอยยิ้มของเขาจางไป เขาจำเป็นต้องแยกตัวออกห่างจากเฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่มันสายเกินไป
มันคือเรื่องที่หลงใหลในตัวเธอ แต่เขากำลังเริ่มคิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ใหญ่กว่ามากกำลังเกิดขึ้น เขาได้ยินเสียงลูเซียสอยู่ภายในใจ
          “ความปรารถนาทำให้แกอ่อนแอ”
          มีจดหมายอีกฉบับมาจากลูเซียส  มันคลุมเครือพอๆ กับฉบับอื่นๆ ความเจ็บป่วยของแม่เขาทรุดลงไปอีกแต่ไม่ร้ายแรง มันเป็นโรคร้ายแต่พวกหมอยังคงเต็มไปด้วยความหวัง อย่างไรก็ตามเดรโกไม่เห็นหมอคนไหนจะกล้าหาญพอเพื่อบอกลูเซียส มัลฟอย ว่าภรรยาของเขากำลังจะตาย
          เป็นครั้งแรกในระยะเวลานานโขที่เดรโกอยากกลับบ้านจริงๆ  เขาต้องรู้ว่าหล่อนป่วยหรือไม่ป่วยกันแน่ เขาสงสัยว่ามีหนทางใดบ้างที่ทำแบบนั้นได้โดยไม่ต้องติดต่อกับลูเซียส  จดหมายของเดรโกสั้นๆ ตรงประเด็นและพูดอย่างระมัดระวังแบบเดียวกับจดมายที่เขาได้รับจากลูเซียส  เขาถามอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาจะเตรียมกลับบ้านและไปเยี่ยมแม่ได้หรือไม่  ในที่สุดเมื่อเขารู้สึกเชื่อมั่นกับการกระทำอย่างฉับพลันนี้ เขาก็เดินหน้าตรงไปที่โรงเก็บนกฮูก
          เขาเลือกนกฮูกโรงเรียนสีน้ำตาลหม่นตัวเหนึ่งเพื่อส่งจดหมายของเขา นกฮูกของเขาอยู่ข้างนอกที่ไหนสักแห่งแต่เดรโกไม่ใส่ใจ นกฮูกเหยี่ยวที่ลูเซียสมอบให้เขาในวันที่จากมาสู่ฮอกวอตส์มักตื่นเต้นเกินไปเสมอเวลาจะส่งจดหมายให้เดรโก  และเขาสงสัยบ่อยครั้งว่านกฮูกตัวนี้เคยหยุดกลับไปที่คฤหาสน์เพื่อให้ข้อมูลใหม่ๆ แก่ลูเซียสเรื่องลูกชายของเขาหรือไม่   ไม่ล่ะ เขาชอบใช้นกฮูกโรงเรียนมากกว่า
          จดหมายปลอดภัย  เดรโกเฝ้ามองจากทางหน้าต่างขณะที่นกฮูกขนส่งหายลับเข้าในเหล่าก้อนเมฆฝนดำทะมึนที่ปกคลุมทั่วโรงเรียน เขาเพิ่งจะหันเพื่อเดินกลับ เมื่อได้ยินเสียงอย่างอื่นอีกท่ามกลางบรรดาเสียงร้องของพวกนกฮูกมากมาย เดรโกกวาดตาสำรวจห้องมืด ค้นหาบางอย่างที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของที่นี่  จากนั้นสาวน้อยสวมเสื้อคลุมโรงเรียนก็ปรากฏตัวโผล่ออกมาจากทางเข้าประตู จดหมายฉบับหนึ่งถูกกำไว้อยู่ในมือหล่อนอย่างแน่นหนา คล้ายว่าหล่อนกลัวกระแสลมแรงอาจพัดพามันหลุดลอยไป เมื่อร่างนั้นย่างใกล้เข้ามา เดรโกรับรู้ได้ว่าเป็นใคร
          “แพนซี่” เดรโกเอ่ยตรงๆ
          เด็กสลิธีรินอีกคนกระโดดถอยหลังพร้อมกับเสียงร้องด้วยความตื่นกลัว เธอไม่คาดฝันว่ามีใครอยู่ที่นี่อีก
          “ดะ..เดรโก” แพนซี่หันมาขณะที่เธอยัดจดหมายลึกเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว “เมื่อเช้านี้เธอไปอยู่ที่ไหน? เธอไม่เคยพลาดอาหารเช้าเลยนี่”
          “ฉันมีหลายอย่างต้องทำ” เดรโกตอบอย่างระวัง
          ดวงตาของแพนซี่หรี่แคบลงเล็กน้อย จากนั้นรอยยิ้มอบอุ่นก็ละลายริ้วรอยเย็นชาบนใบหน้าเธอหายไป “ฉันเข้าใจ” รอยยิ้มเธอเพิ่มมากขึ้น “เธอกำลังผ่านช่วงเวลายากลำบากในตอนนี้ ทั้งเรื่องของแม่เธอและทุกอย่าง แม่ฉันวิตกอย่างมากเรื่องบอกความจริงกับเธอ หล่อนไปที่เซนต์มันโกมาแล้วสี่ครั้ง พอหล่อนกลับมาบ้านตอนเย็นก็กระวนกระวายใจมากกว่าครั้งก่อนทุกที”
          เดรโกไม่พูดอะไรทั้งสิ้นถึงเรื่องนี้;เขาพบว่าความสงสารเห็นใจของแพนซี่ค่อนข้างน่ากังวล
          “ฉันรู้ว่าฉันเคยพูดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว” แพนซี่เดินขึ้นมาหาเขาและวางมือหนึ่งบนแขนเขา “แต่ถ้าเธอต้องการคนพูดคุยด้วย ฉันก็พร้อมเสมอสำหรับเธอนะ” เธอยิ้มพร้อมกับกระชับมือแน่นขึ้น “เราไม่ต้องพูดก็ได้ถ้าเธอไม่ต้องการ มีอย่างอื่นอีกหลายอย่างที่เราสามารถทำได้ถ้าเธออยากจะทำ”
          แพนซี่เลื่อนมือขึ้นอย่างช้าๆ ไปตามแขนเขาแล้วอ้อมไปด้านหลังแทรกผ่านเส้นผมเขา นิ้วมือเธอตรึงแน่นและดึงเขาลงมาเพื่อพบกับปากของเธอ ริมฝีปากเธอลื่นและเป็นมันวาวจากอะไรก็ตามที่เธอทาอยู่เป็นประจำ ครั้งหนึ่งเดรโกรเคยรู้สึกว่ามันน่าสนใจอย่างมาก แต่ไม่มีความรู้สึกมึนเมา น่าตื่นเต้นอย่างแรงกล้าแบบที่เขารู้สึกเวลาจูบเฮอร์ไมโอนี่ เขาไม่เคยรู้สึกใกล้ชิดเธอมากพอเลย ทว่าการจูบกับแพนซี่เป็นเพียงแค่สิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้วและเย็นชืดอย่างที่เคยเป็นเสมอ
          มีเสียงเกิดขึ้นกะทันหันเหมือนอยู่ผิดที่ภายในห้องมีดสลัว เดรโกผลักแพนซี่ออกห่างตัวเขาแล้วกวาดตามองไปตามความลึกมืดทึบของโรงเก็บนกฮูก เขาคิดว่าบางทีประตูเพิ่งจะถูกปิดลงไป แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้  แพนซี่พยายามโอบแขนรอบตัวเขาอีกครั้งแต่เขาผลักเธอออกไป
          “ออกไปซะ แพนซี่” เดรโกตวาด
          แพนซี่เซถอยไปข้างหลังอย่างฉุนเฉียวแล้วตะโกนใส่เขา “อะไร กลัวว่านางเลือดสีโคลนอาจเห็นหรือไง?”
          เดรโกสะดุ้งเพราะความจริงแล้วเขารู้สึกกังวลว่าเรื่องนี้อาจไปถึงเฮอร์ไมโอนี่ “อย่าเรียกหล่อนแบบนั้น” น้ำเสียงเขาแข็งกระด้างและเย็นชา เขาใช้น้ำเสียงแบบนั้นเพื่อทำให้แครบบ์และกอยล์ทำตัวให้เหมาะสม เพื่อทำให้พวกเด็กๆ รุ่นน้องเกรงกลัว และข่มขู่พวกรุ่นพี่ที่โตกว่าบางคน  แต่ว่าแพนซี่เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
          “เธอแย่หนักกว่าที่ฉันคิดไว้ จริงไหม เดรโก?”

TBC

No comments:

Post a Comment