Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 20: Pansy’s New

รูปโฉมใหม่ของแพนซี่ (Pansy’s New)


          ในที่สุดหิมะก้อนสุดท้ายละลายหมดไป ฤดูหนาวกำลังจะสิ้นสุดลงและทุกคนทราบว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะเริ่มต้นใกล้เข้ามา อย่างไรก็ตามความหนาวเย็นยังไม่ได้หมดไป มันยังยึดครองพื้นที่ของฮอกวอตส์อยู่ แสงสว่างที่กำลังให้ไออุ่นส่องทะลุผ่านดงต้นไม้ทำให้อากาศอบอุ่นเล็กน้อย  อากาศเย็นอ้อยอิ่งอยู่รอบพวกเขา แต่เวลานี้เดรโกกำลังรู้สึกเพลิดเพลินกับตัวเอง
          “นี่แน่ะ ลองทำมันแบบนี้” เขาหมุนข้อมือเฮอร์ไมโอนี่เพื่อให้ไม้กายสิทธิ์ของเธอทำมุมไปทางขวา “ตอนนี้พูดมันอีกครั้ง”
          เฮอร์ไมโอนี่ดูท่าทางตะลึงงันและท่องคาถาซ้ำ น้ำเสียงเธอเปล่งเป็นจังหวะอย่างไพเราะเหนือคำพูดเหล่านี้ ดูคล้ายว่าพวกเขาน่าจะร้องเพลงแทนที่เป็นการพูด ควันสีเขียวคล้ายกับสายหมอกบางๆ มากกว่าอะไรทั้งสิ้นพุ่งออกจากปลายไม้กายสิทธิ์ของเธอ และซึมผ่านลงไปในพื้นดินที่ปลายเท้าของเธอ พวกเขาต่างกลั้นหายใจพร้อมกัน และเฝ้าดูเมื่อหน่อเล็กๆ ของต้นหญ้าสีเขียวเริ่มผลิใบขึ้นมารอบรองเท้าบู๊ตของเธอ ขณะที่พวกเขายังเฝ้าดูต่อไปด้วยความหวั่นเกรง กิ่งก้านเล็กๆ ของต้นหญ้าก็แห้งเหี่ยวลงกลายเป็นสีน้ำตาลไร้ชีวิต
          “น่าเศร้าจัง” เฮอร์ไมโอนี่พูดหลังจากนั้นสักพัก “เรามีความตั้งใจทำให้พวกมันมีชีวิตขึ้นมา แต่ว่าข้างนอกนี้มันหนาวมากเกินไป ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันได้ทรยศพวกมันจังเลย”
          เดรโกมองเธอด้วยความขบขัน “เฮอร์ไมโอนี่ มันแค่ต้นหญ้าเล็กๆ เท่านั้น”
          เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างเฉยชาและนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง หนังสือและม้วนแผ่นกระดาษมากมายกระจัดกระจายอยู่รอบตัวเธอ เดรโกมองมาเมื่อเธอถอดถุงมือออกและล้วงเข้าไปในกระเป๋าหนังสือเพื่อค้นหาปากกาขนนก เธอร้องครวญด้วยความหงุดหงิดและเริ่มล้วงลึกยิ่งขึ้นกว่าเดิม
          เดรโกคลำหาในชุดเสื้อคลุมของเขาแล้วดึงปากกาขนนกสีดำออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “เอานี่” เขาเรียกขณะโยนมันให้เธอ “เธอจะทำอะไรหรือ?”
          “ฉันกำลังจะจดรายการคาถาที่เป็นประโยชน์”
          “นั่นไม่ดูเหมือนว่ามีประโยชน์สำหรับฉัน” เดรโกก้มดูที่หนังสือเก่าเล่มหนึ่งในมือเขา และข้อความที่เขาเขียนด้วยตัวเอง “ทั้งหมดมันแค่ทำให้ต้นหญ้างอกหน่อยหนึ่ง”
          “เชื่อเขาเลย” เฮอร์ไมโอนี่เงยขึ้นมองเขาด้วยความตกตะลึง “ถ้ามันไม่ทำให้บางอย่างติดไฟหรือระเบิดขึ้นมา เธอก็คิดว่ามันไร้ประโยชน์ซินะ จริงๆ เลยพวกเด็กผู้ชายเป็นเหมือนกันหมดทั้งกริฟฟินดอร์และสลิธีริน”
          “นั่นไม่จริงเลย” เดรโกตอบ “ฉันชอบคาถาอันหนึ่งที่เธอทดลองคราวก่อนจำได้ไหม อันที่เกือบจะดูดเสื้อคลุมเธอออกไปทันทีเลย”
          เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัดและมองไปทางอื่น “แต่ว่าอันที่จริง นี่เป็นคาถาที่สำคัญมากอันหนึ่งถ้ามันสามารถทำให้ต้นไม้ต่างๆ เติบโตเร็วกว่าเดิม เธอจินตนาการไม่ได้หรือว่าศาสตราจารย์สเปราท์จะสามารถทำอะไรได้บ้างกับคาถาอันนี้?”
          เดรโกยังกำลังยิ้มเกี่ยวกับความทรงจำเรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะเสียเสื้อคลุมของเธอไป
“ฉันคิดเหมือนกัน ถ้าหล่อนสามารถทำให้พวกต้นไม้ของหล่อนเติบโตเร็วขึ้นกว่าเดิมแล้วละก็ เธอคงไม่ต้องใช้เวลานานมากอยู่ในสถานพยาบาลตอนเราอยู่ชั้นปีที่สองหรอก”
          เฮอร์ไมโอนี่เงยมองด้วยความประหลาดใจ “เธอรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ในสถานพยาบาล?”
          “โอ้ย ทุกคนรู้กันหมด ความจริงแล้วทั้งโรงเรียนอยู่ในความตื่นตระหนกเกี่ยวกับเรื่อง
’ทายาทของสลิธีริน’ “ รอยยิ้มในอดีตอันคุ้นเคยแวบผ่านบนใบหน้าเดรโก
          เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยความไม่ชอบใจ
          “มันเป็นเรื่องดีเสมอที่คอยจับตาดูศัตรูทั้งหลายของเธอ” เดรโกพูด
          เฮอร์ไมโอนี่ไขว้แขนกอดอก สายตาค้นหาของเธอจ้องเขานิ่ง
          “นี่ไม่ต้องคิดอะไรเลย มันไม่ใช่ว่าฉันชอบเธอหรืออะไรทั้งสิ้นหรอกนะ” เดรโกเสริมขึ้นอย่างหงุดหงิด ท่าทางที่เธอกำลังมองมาเริ่มทำให้เขากระวนกระวายใจมากขึ้น
          “แล้วตอนนี้เธอชอบฉันไหม?” เฮอร์ไมโอนี่ยังคงกำลังมองเขาด้วยสายตาค้นหา แต่เสียงเธอแผ่วเบามาก
          เดรโกจ้องเธอพร้อมอ้าปากค้างตกใจ และพยายามคิดถึงบางอย่างที่จะพูด เขาไม่สามารถเปิดเผยและพูดออกไปว่าเขาชอบเธอใช่ไหม? เขาไม่เคยแน่ใจเลยอย่างแท้จริง เดรโกรู้ว่าเขาคิดเรื่องเกี่ยวกับเธอบ่อยๆ แต่ว่าเธอกำลังถามเรื่องอะไรกัน?
          “ฉันคิดว่าเราน่าจะทดลองคาถาถัดไปนะ” เขาพูดพร้อมกับยืนขึ้นทันที หนังสือกำแน่นอยู่ในมือเขา
          เฮอร์ไมโอนี่เบือนสายตาไปจากเขาอย่างรวดเร็วและพยักหน้า เดรโกหันหนีไปจากเธอและเริ่มต้นท่องคาถาภายในหัวเขาซ้ำอีกครั้งและอีกครั้ง  เขาพยายามอย่างยิ่งไม่มองว่ารอยยิ้มที่เฮอร์ไมโอนี่มีอยู่อย่างจริงใจตลอดทั้งวันได้จางหายไปแล้ว ดวงตาของเธอที่เคยเป็นประกายสดใสและเปิดเผยกลายเป็นระมัดระวังในเวลานี้
          เดรโกกำลังเตะตัวเองอยู่ข้างใน เขาไม่เคยรู้ว่าต้องพูดอะไร เขาเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความสุขุมและควบคุมสติตัวเองได้เมื่อยู่ใกล้เด็กสาวส่วนใหญ่ แต่กับเฮอร์ไมโอนี่เขารู้สึกบ่อยๆ ว่าเขาไม่สามารถเลิกพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดได้เลย  จริงๆ แล้วเธอคาดหวังอะไร? คาดว่าเขาจะคุกเข่าลงและสารภาพความรักที่ไม่มีวันตายหรืออย่างอื่นที่ไร้สาระแบบนั้นหรือไง? เดรโกอาจจูบตัวสกู๊ตปะทุไฟมากกว่าทำเรื่องโรแมนติคน่าหัวเราะที่แพนซี่ต้องการเสมอๆ  และเวลานี้เฮอร์ไมโอนี่กำลังขอให้เขาทำแบบเดียวกัน หรือว่าเธอไม่ใช่? เดรโกไม่แน่ใจว่าเธอต้องการอะไร เขาคำรามเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด
          เฮอร์ไมโอนี่นั่งนิ่งและเริ่มศึกษาบันทึกของเธอ “ใช่ ฉันคิดว่าเราสามารถทดลองอันนั้นถ้าเธอต้องการ การแปลความบอกว่ามันเกี่ยวกับอะไรหรือ?”
          ด้วยความโล่งอก เดรโกอ่านบันทึกของเขา “ทำให้เป็นสีเขียว”
          “นั่นเป็นการแปลความของเธอหรือ?” เฮอร์ไมโอนี่ไขว้แขนกอดอก “มันไม่ได้ชัดเจนมากเลยนะ?”
          “ก็น้ำหมึกบนหน้ากระดาษแผ่นนั้นมันเป็นรอยเปื้อน” เดรโกโต้ปกป้อง “ยังไงซะเราก็จะรู้ความจริงว่ามันเป็นอะไรภายในไม่กี่นาทีนี้แล้ว” เขาเสริมอย่างว่องไว เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตามาที่เขาคล้ายกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลเสียเหลือเกิน
          เดรโกดึงไม้กายสิทธิ์ของเขาออกจากกระเป๋าเสื้อ และมองไปรอบๆ เพื่อหาเป้าหมายที่เหมาะสม ถัดจากก้อนหินที่เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่บนนั้นเป็นพุ่มไม้เล็กๆ แห้งตายซึ่งไม่อาจรอดชีวิตจากฤดูหนาวอันโหดร้าย เดรโกยิ้มนิดๆ และชี้ไม้กายสิทธิ์ของเขาไปที่มัน
          “Inligo!”
          เป็นเวลาครู่หนึ่งที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการพุ่งของแสงไฟจากไม้กายสิทธิ์ ไม่มีประกายไฟร่วงออกมา ไม่มีอะไรทั้งสิ้น หลังจากนั้นเกิดเสียงดังฉับพลันแล้วพุ่มไม้ก็กระตุก ดวงตาเฮอร์ไมโอนี่เบิกโพลงและเฝ้าดูมันอย่างไม่ไว้วางใจ นี่เป็นความฉลาดมีเหตุมีผลของเธอจริงๆ เพราะว่ามันกระตุกอีกหน จากนั้นแตกงอกออกไปทุกทิศทุกทาง กิ่งก้านที่ไร้ใบและแห้งตายมากมายยื่นเข้ามาทุกทาง เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากตกใจและตะเกียกตะกายขึ้นจากก้อนหิน กิ่งก้านทั้งหลายเคลือบคลานช้าๆ ตามติดเธอและรัดข้อเท้าของเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นรนเพื่อให้เท้าของเธอเป็นอิสระแต่มันดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ กิ่งก้านมากมายกำลังเอื้อมมาหาเธออย่างกระหาย และเธอกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว
          “Finite! Finite Incantateum!” เดรโกร้องตะโกนออกมา ขณะที่เขารีบตรงมาช่วยเหลือ เมื่อสติของเขากลับคืนมาในที่สุด
          ต้นไม้ขนาดเล็กนี้หยุดการคืบคลานมาข้างหน้าอย่างน่ากลัวของมันแต่ไม่ได้ล่าถอยกลับไป มันยังคงนอนนิ่งและแห้งตายลงอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่พยายามกระชากเท้าของเธอออกจากการยึดเกาะของมัน ถึงแม้ว่ากิ่งไม้พวกนี้จะเปราะแต่เธอพบว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
          “เอานี่” เดรโกดึงวัตถุสีดำชิ้นเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา ซึ่งปรากฏว่าเป็นมีดพับอันจิ๋ว เขาตัดกิ่งไม้แห้งพวกนี้อย่างง่ายดายและช่วยเธอลงมาจากก้อนหิน
          “เธอมีมีดหรือ?” เธอถาม
          “ลูเซียสคิดเสมอว่ามันดีที่สุดที่เตรียมพร้อมสำหรับอะไรก็ตาม เธอไม่รู้หรอกว่าเมื่อไรที่เธออาจไม่มีไม้กายสิทธิ์ และบังเอิญมีโอกาสพิเศษที่จะใช้มันกับ...” ดวงตาเฮอร์ไมโอนี่หรี่แคบลง และเดรโกรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “เออ..นั่นต้องเป็นคาถาบางอย่างแน่นอนจริงไหม?”
          “โอ้ ใช่มากเลยแหละ ฉันชื่นชอบที่พุ่มไม้นี้กำลังพยายามกินฉันเหลือเกิน ช่างน่าเร้าใจมากๆ เลย” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดใส่
          “ไม่ต้องกังวล มันไม่สามารถกินเธอได้หรอก มันไม่มีปาก อาจจะแค่ลากเธอเข้าไปแล้วปล่อยเธอให้ตายด้วยการถูกทิ้งให้อยู่ท่ามกลางดินฟ้าอากาศ” เดรโกฉีกยิ้มกว้าง
          “ช่างทำให้รู้สึกสบายใจมากเลย เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาเขม็ง แต่ทว่าทำหน้านิ่วใส่ได้แป๊บเดียวเท่านั้นก่อนเธอยิ้มตอบให้เขา
          เฮอร์ไมโอนี่เริ่มปัดเศษกิ่งไม้แห้งที่หลงเหลืออยู่ออกจากชายเสื้อของเธอ แต่แล้วก็หยุดลงก่อนขมวดคิ้ว เสียงก้องไม่ต่อเนื่องที่ได้ยินกำลังใกล้เข้ามา เดรโกมองดูเมื่อเธอปีนกลับขึ้นไปบนก้อนหินและเพ่งมองอย่างระมัดระวังข้ามเนินเขาไป เฮอร์ไมโอนี่ก้มหัวหลบและวิ่งพรวดลงจากก้อนหินพร้อมกับดึงเป้สะพายหลังของเธอมาด้วย
          “เธอกำลังทำอะไร?” เดรโกถาม
          “ชูวส์....พวกเขาจะได้ยินเธอ” เฮอร์ไมโอนี่กำลังเก็บข้าวของต่างๆ ด้วยท่าทางค่อนข้างลุกลี้ลุกลน เมื่อเธอทำเสร็จแล้วก็คว้าแขนเดรโกลากเขาตามหลังเธอไป เสียงนั้นกำลังเริ่มชัดเจนมากขึ้น
          “ใครจะมาได้ยินหรือ?”
          “รอนและแฮร์รี่ พวกเขากำลังมาทางนี้” เฮอร์ไมโอนี่ดึงเดรโกไปด้านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ก้าวเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในป่าต้องห้าม
          “อะไรนะ? พอตเตอร์เด็กหนุ่มมหัศจรรย์กับเพื่อนของเขาคนนั้นก็รู้ว่าเราใช้เวลาด้วยกันนี่ หรือว่าพวกเขาเรียนรู้ได้ช้าที่จะเข้าใจมันอย่างถ่องแท้หรือไง?” เดรโกรู้สึกถูกดูหมิ่นอย่างประหลาด เขาไม่รู้สึกชอบที่ต้องหลบซ่อนจากพอตเตอร์หรือวีสลี่ย์
          เฮอร์ไมโอนี่ผู้ซึ่งกำลังสำรวจไปรอบต้นไม้ใหญ่ หันกลับมามองเขา “แน่นอนว่าพวกเขารู้ แต่ว่าหลังจากเหตุการณ์ที่สถานพยาบาล ฉันกำลังพยายามหลีกเลี่ยงการเตือนความจำของพวกเขา” เธอบอก “อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่ารอนเพิ่งจะอดกลั้นความทรงจำเพื่อบอกเรื่องจริงกับเธอนะ” เธอพูดอุบอิบ
          “เหตุการณ์งั้นรึ? เธอหมายความว่าอะไร เหตุการณ์? เธอทำเสียงเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรมากไปกว่าการตอบคำถามผิดเรื่องการบ้านของเธอ” เดรโกจ้องเธอเขม็ง รู้สึกถูกดูหมิ่น
          “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย” เธอกระซิบ เสียงฝีเท้าสามารถได้ยินในเวลานี้
          “ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือ? ไม่ใช่แน่ เพื่อนๆ น่ามหัศจรรย์ของเธอจับได้ว่าเธอกำลังจูบกับศัตรูตลอดเวลา ฉันจะพนันว่าพวกเขารู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ หรือแม้แต่จัดงานเลี้ยงให้เธอก็เป็นไปได้ เพราะเธอได้พิสูจน์ให้เห็นว่าธอแทบจะไม่ได้เหมือนสาวน้อยแสนดีอย่างที่ทุกคนคิดว่าเธอเป็น” เดรโกรู้สึกเดือดดาลในเวลานี้
          “เดรโก ได้โปรดเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบอย่างสิ้นหวัง “พวกเขาจะได้ยินเธอนะ”
          “ฉันไม่แคร์!” เขาแผดเสียง เดรโกกระชากแขนเธอทั้งสองข้างและผลักเธอไปชนต้นไม้ เขารู้สึกโมโหมากๆ แทบจะมองไม่เห็นเธอ เขาทาบปากลงบนปากเธออย่างกระหาย มือทั้งสองของเขาบีบต้นแขนเธอไว้แน่น และเบียดตัวเองเข้ากับเธออย่างแนบสนิท กำลังเร่งเร้าเธออย่างหยาบคาย สติสัมปชัญญะอันเลือนลางของเขาได้ยินพอตเตอร์และวีสลี่ย์กำลังสนทนาเมื่อพวกเขาอยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุต แต่เดรโกไม่ยอมปล่อยเฮอร์ไมโอนี่ไป เขาเบียดแนบเธอมากยิ่งขึ้น จูบเธอแบบเดิมที่ทำในตอนแรก เธอร้องครางกระซิกต่อต้านเขา เดรโกหยุดทันทีและปล่อยเธอ เดรโกก้าวถอยออกมาอย่างช้าๆ แล้วมองดูเธอ
          เฮอร์ไมโอนี่ยังคงเบียดติดอยู่กับต้นไม้;ดวงตาเธอเบิกโพลงและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ปากของเดรโกอ้าค้างเมื่อตระหนักว่าเขาทำอะไรลงไป เขาได้กระชากตะขอเสื้อคลุมยาวของเธอออกหมดและผ้าสีดำพาดเอียงอยู่บนไหล่ของเธอ เสื้อไหมพรมสีเหลืองแดงที่เธอใส่อยู่ข้างใต้ถูกทำให้ยับยู่ยี่ เขาไม่รู้เลยว่ามือของเขากำลังเคลื่อนไหว มือของเขาได้ยุ่มย่ามไปทั่วตัวเธอ ดวงตาเดรโกย้อนกลับมาสบตาเธอและพบว่ามันกำลังเอ่อท้นไปด้วยน้ำตา เขาอยากพูดบางอย่างอะไรก็ได้เพื่อจะหยุดน้ำตาแต่ทว่าปากของเขากลับแห้งผาก
          หยาดน้ำตาไหลลงมาที่แก้มเธอ ทิ้งรอยทางแวววาวเป็นคลื่น เฮอร์ไมโอนี่สูดลมหายใจลึกๆ ขาดช่วงผ่านริมฝีปากบวมช้ำ เธอดันตัวเองออกจากต้นไม้และเขยิบอย่างช้าๆ ข้างเดรโกระวังไม่ให้สัมผัสโดนเขา ทันทีที่เธออยู่ห่างจากเขาเธอเก็บกระเป๋าของเธอขึ้นมาอย่างระวัง และถอยห่างจากเขามากกว่าสองสามก้าวก่อนหันหลังและวิ่งอย่างรวดเร็วกลับไปที่โรงเรียน
          เดรโกเฝ้าดูเธอจากไป ไม่สามารถพูดในสิ่งที่เขาอยากพูด ไม่สามารถบอกเธอว่าเขารู้สึกเสียใจซึ่งเขาไม่ได้หมายความตามนั้น
          เขากลับไปที่ก้อนหินใหญ่ที่พวกเขาได้ทำการฝึกซ้อมและนั่งลงบนนั้นอย่างหดหู่ เขาเกือบจะแสร้งทำเป็นว่าเธอยังอยู่ที่นี่และเมื่อสองสามนาทีก่อนไม่ได้เกิดเรื่องขึ้น มันช่างเป็นความคิดที่น่าพึงพอใจมากกว่าการรับรู้ว่า เธออยู่ที่ไหนสักแห่งห่างไกลภายในหอคอยกริฟฟินดอร์และกำลังเกลียดชังเขา เดรโกยืนขึ้นและเริ่มต้นออกเดิน เขาปฏิบัติไม่ดีต่อเธอเหมือนเขาเป็นพวกวัยรุ่นคลั่งรัก มีสิ่งต่างๆ มากมายที่พวกมัลฟอยควรทำและไม่ควรทำ การกระทำแบบคลั่งรักหรือเหมือนพวกวัยรุ่นเป็นสิ่งต้องห้ามทั้งคู่ แต่เขาก็ได้ทำไปแล้ว ตะครุบใส่เด็กสาวคนหนึ่งโดยไม่ใส่ใจว่าคนอื่นจะคิดอะไรแล้วปล่อยเฮอร์ไมโอนี่ไปตามลำพัง และที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีก เขารู้สึกโกรธมากในเวลานั้นซึ่งเขาแทบจะจำมันไม่ได้อย่างละเอียด มือของเขากำลังยึดแขนเธอไว้และเลื่อนขึ้นไปบนไหล่เธอ จากนั้นเลื่อนต่ำลงมาอีกครั้ง  เดรโกหยุดเดินและมองขึ้นไปยังโรงเรียนที่ห่างออกไปด้วยสีหน้าตื่นกลัวอย่างประหลาดเล็กน้อย “เธอจะไม่มีวันยกโทษให้ฉันสำหรับเรื่องนั้น” เขาเอ่ยออกมาเสียงดัง
__________________

          หลายวันต่อมาช่างยาวนานและมืดสลัว เวลาดูเหมือนผ่านพ้นไปตามระยะห่างที่ขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น ท้องฟ้าเปิดรั่วและสายฝนดูเหมือนไม่มีวันจะหยุดตก ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าสายฝนมีผลต่อคุกใต้ดิน มันค่อนข้างเย็นและมีลมโกรกเสมอ กำแพงหินของหอนอนบ้านสลิธีรินมักเปียกชื้นและเป็นรอยด่างของเชื้อราที่เหมือนว่ามีอยู่ในอากาศเสมอ ไม่ว่าเอลฟ์ประจำบ้านได้กำจัดมันออกไปแล้วก็ตาม
          สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้อารมณ์ร้ายของเดรโกดีขึ้นเลย เขานั่งในเก้าอี้พนักสูงตัวหนึ่ง กำลังครุ่นคิดอยู่หน้าเตาผิง เขาใช้เวลาช่วงเช้านี้ทำให้ตัวเองสนุกเพลิดเพลินโดยการรื้อฟื้นการบ้านที่ได้เรียนรู้ช่วงปีแรกๆ แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเขาก็เลิกให้ความสนใจมัน  แครบบ์และกอยล์ต้องการออกไปบิน พวกเขาช่างโง่พอควรทีเดียวที่พยายามและบินในสภาพอากาศแบบนี้ ส่วนหนึ่งของเดรโกกำลังหวังว่าลมกรรโชกแรงจากทางใต้จะพัดหอบเอาพวกเขาไป แต่สงสัยว่าเขาจะโชคดีขนาดนั้นเชียวเหรอ
          อันที่จริงแล้วเขามีสิ่งที่อยากทำในเวลานี้ อาจเป็นว่านั่งอยู่ในที่ไหนสักแห่งที่แห้งและอบอุ่นกับเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์   เขาคงรู้สึกเป็นสุขเพียงแค่นั่งอยู่ที่ไหนเงียบๆ กับเธอและอ่านหนังสือ หรือถกเถียงเรื่องการบ้านวิชาการปรุงยา หรือนรกซิ เธออาจจ้องเขม็งมาที่เขาถ้านั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการทำ เดรโกทำหน้าบึ้งตึงน่ากลัวใส่เตาผิง;เขาเกลียดมันเสมอเมื่อเธอหลบเลี่ยงเขา และเขาไม่รู้เลยสักนิดว่าเธอจัดการกับมันได้ดีมากอย่างไรเช่นกัน
          พวกเขามีวิชาเรียนร่วมกัน พวกเขายังคงทำงานโครงการด้วยกัน เขาออกนอกเส้นทางเพื่อพยายามและดักต้อนเธอให้จนมุมตามลำพังที่ไหนสักแห่ง แต่วายร้ายกริฟฟินดอร์คนนี้เธอดูเหมือนว่ารู้จักทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนดี และเธอใช้มันให้เกิดประโยชน์กับเธอทุกครั้ง หลบหนีลงไปที่โถงทางเดินเงียบๆ จากนั้นหันหลังลับหายเข้าไปในฝูงชน ราวกับว่ายังไม่แย่พอ เธอพาตัวเองไปล้อมวงอยู่รวมกับพวกกริฟฟินดอร์คนอื่นๆ ซึ่งบางคนนั้นเธอไม่ได้ชอบด้วยซ้ำไป เดรโกรทราบความจริง
ว่าเฮอร์ไมโอนี่อดกลั้นได้เพียงน้อยนิดกับสาวน้อยลาเวนเดอร์ บราวน์  แต่แล้ววันก่อนเมื่อในที่สุดเขาก็ตามเธอทันที่ห้องสมุด  เธอได้นั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งกับบราวน์  เพื่อพูดคุยเรื่องวิชาพยากรณ์ศาสตร์  เดรโกหัวเราะอย่างเยาะหยัน;เขารู้ว่าเธอเกลียดวิชานี้
          “มีอะไรหรือเปล่า เดรโก?” เสียงหวานเหมือนน้ำเชื่อมกระซิบใกล้ใบหูเขา
          เดรโกไม่ได้มอง;เขายังคงนั่งนิ่ง แสร้งทำว่าเขารู้อยู่แล้วว่ามีคนกำลังลับๆ ล่อๆ อยู่ด้านหลังเขา “เธอต้องการอะไร แพนซี่?”
          สาวสลิธีรินผมบลอนด์เลื่อนตัวลงในเก้าอี้ถัดจากเดรโก เธอไขว้ขาอย่างช้าๆ และปัดรอยยับออกจากเสื้อคลุมยาวของเธอ นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายวิบวับยั่วเย้าเมื่อสบตากับเขา
          “ฉันแค่ต้องการมาแสดงความเห็นใจ ฉันเพิ่งจะรู้เรื่อง” เธอโน้มตัวมาด้านหน้าและวางมือเย็นๆ ลงบนมือเขา
          เดรโกไม่ออกความคิดเห็น;เขาทราบว่าถ้าเขารอ แพนซี่จะบอกเขาอย่างง่ายดายในเรื่องที่เธอรู้มา
          รอยยิ้มของแพนซี่ไม่เปลี่ยนแปลง เธอกระชับมือบนมือเขาแน่นขึ้น “ถ้าเธอต้องการใครสักคนเพื่อพูดคุยถึง...”
          ช่วงเวลาฟุ้งซ่านแวบเดียวที่เดรโกคิดว่า บางทีเธอกำลังพูดถึงเฮอร์ไมโอนี่แต่เขาทราบว่านั่นเป็นไปไม่ได้ “เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” เขาถามอย่างอารมณ์ไม่ดี
          “อะไร? เธอไม่รู้เรื่องหรือ?” รอยยิ้มของแพนซี่หายไปจากใบหน้า แต่ดวงตาเธอกลับแวววาวอย่างยินดี เธอกำลังสนุกกับการสนทนาครั้งนี้ “ไม่แน่ เธออาจไม่รู้เรื่อง ฉันช่างโง่จริงๆ ที่ลืมไป เธอเผาจดหมายทั้งหมดที่พ่อเธอส่งมาให้เธอ”
          เดรโกตัวแข็งและจ้องเธอเขม็งทันที เขาทำให้แน่ใจเสมอว่าเขาอยู่ตามลำพังเวลาที่ทำลายจดหมายทั้งหลายของเขา แพนซี่ต้องกำลังแอบดูเขา
          “โอ้ เดรโก ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นคนที่ควรจะบอกเธอเรื่องนี้หรือไม่ แต่ว่าแม่ของเธอกำลังป่วยอยู่นะ” แพนซี่พยายามกลั้นยิ้มไว้ ขณะที่เธอพูดเรื่องนี้
          “เธอกำลังโกหก” เขาพูดเรียบๆ กำลังอดกลั้นไม่บีบคอแพนซี่ด้วยสองมือเปล่าจนเธอยอมบอกเขาทุกอย่างที่เธอรู้
          “โธ่ เดรโก” เธอกระซิบเสียงเบา แสร้งทำเป็นเจ็บปวด “ฉันไม่เคยโกหกเธอเลย จำได้ไหมว่าแม่ของพวกเราไปถนนเดอชองส์ที่กรุงปารีสทุกปี แต่ไม่ใช่ปีนี้ พ่อของเธอบอกแม่ฉันว่านาร์ซิสสาป่วยหนักมาก และกำลังพบกับผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่เซนต์มันโก”
          เดรโกไม่พูดอะไรทั้งสิ้น;เขาทราบเป็นอย่างดีเลยว่าแม่เขาและมิสซิสพาร์กินสันไปกรุงปารีสทุกฤดูใบไม้ผลิเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อการช็อปปิ้ง พวกเธอทำแบบนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และแม่เขาอาจยอมตายมากกว่าพลาดมันไป  แพนซี่ยังคงนั่งอยู่กับเขา มือเธอทาบเหนือมือเขาอย่างนุ่มนวล รอยยิ้มนิดๆ อยู่ที่มุมปากเธอ เธอกำลังสนุกกับเรื่องนี้ เธออยากเห็นเขาเป็นทุกข์ เดรโกคิดเสมอว่าแพนซี่เป็นพวกตื้นเขินและไร้สมอง และมีด้านเจตนาร้ายเล็กน้อย แต่กระนั้นเธอก็ได้เป็นสลิธีรินคนหนึ่ง แต่ทว่าเป็นครั้งแรกที่เดรโกเห็นอย่างอื่นอีกในตัวเธอ ความเหี้ยมโหดอย่างหลักแหลมซึ่งรอดพ้นจากการสังเกตของเขาไป
          “มีอะไรที่ฉันสามารถทำให้ได้ไหม?” เธอถามอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงเธอเอื้อเฟื้อและนุ่มนวล;มันเป็นน้ำเสียงแบบที่ไม่เคยมีจากแพนซี่มาก่อน
          “ไม่ต้อง” เดรโกพูดพร้อมกับยืนขึ้นทันที;เขารู้ว่าใครที่เขาอยากพูดด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะต้องใช้คาถางงงัน(Stunning spell) กับเธอก่อน
          “แต่ว่าเดรโก...” น้ำเสียงแพนซี่ขาดหายไปเมื่อเขาออกจากห้องนั่งเล่นรวม เธอคอยจนกระทั่งเขาไปลับแล้วก่อนเอนหลังกลับไปในเก้าอี้ เสียงหัวเราะคิกคักเปี่ยมด้วยชัยชนะหลุดรอดผ่านริมฝีปากเธอ
__________________

          ไม่ใช่ว่าเขาใกล้ชิดกับแม่ แต่เดรโกให้ความใส่ใจกับเธอ ถึงกระนั้นเธอก็เป็นแม่ของเขา และคุณมีได้แค่คนเดียว  เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ออกห่างจากคฤหาสน์อยู่กับพวกเพื่อนๆ  หรือไม่ก็ไปช็อปปิ้ง มีสโมสรแห่งหนึ่งที่พวกหล่อนเป็นสมาชิก สถานที่ที่เธอสนุกสนานกับการละเล่นอย่างเต็มที่ เป็นคู่หูกับแม่ของแพนซี่  แต่ว่าเธอก็มีความอดทนอย่างมากมายในการเป็นคู่สมรสกับลูเซียส และหากมองย้อนกลับไปเดรโกสงสัยว่าเขาคงเป็นลูกชายแสนดีที่เลี้ยงดูง่ายสุดๆ  เขาไม่อยากให้เธอเจ็บป่วย
          ทั้งโรงเรียนเสียงดังอื้ออึงไปด้วยพวกนักเรียนที่กำลังเริ่มต้นบทเรียนภาคบ่ายของพวกเขา เดรโกได้วางแผนแกล้งทำเป็นไม่สบาย และใช้เวลาช่วงบ่ายน่าขุ่นเคืองใจภายในห้องนั่งเล่นรวม เวลานี้เขากำลังเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีอย่างแปลกๆ และเขายังไม่พบเฮอร์ไมโอนี่
          “นรกเอ๋ย เธอไปอยู่ที่ไหนนะ?” เขาพึมพำภายใต้ลมหายใจ
          เธออาจกำลังขึ้นมาที่โถงทางเดินนาทีใดก็ได้ตอนนี้เพื่อไปชั้นเรียนวิชาการแปลงร่าง แต่ไกลเกินไปเขามองไม่เห็นเธอ พวกกริฟฟินดอร์กำลังเร่งรีบผ่านเขาไป มองเขาอย่างระแวงแต่ว่าเขาไม่สนใจพวกนั้น เธอปรากฏตัวขึ้นที่สุดปลายโถงทางเดิน กำลังเดินมากับพอตเตอร์และวีสลี่ย์  เดรโกเดินตรงไปข้างหน้าเพื่อพบพวกเขา “ฉันจำเป็นต้องคุยกับเธอ” เขาพูดอย่างรวดเร็ว
          เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยความแปลกใจ และพอตเตอร์กับวีสลี่ย์ทั้งคู่ก็มองอยู่
“ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีหรอกนะ มัลฟอย” เธอพูดอย่างสงบ เหลือบมองไปรอบๆ กริฟฟินดอร์คนอื่นๆ หยุดเดินไปมา และกำลังจับตามองมาด้วยความสนใจกระตือรือร้นในเวลานี้
“ฉันจำเป็นต้องคุยกับเธอตอนนี้” เดรโกพูดอย่างหนักแน่น ความหวาดกลัวอันเลือนลางแทรกผ่านมาในน้ำเสียงเขา
“ไปซะ มัลฟอย เธอไม่มีอะไรจะพูดกับนาย” พอตเตอร์พูดอย่างเยือกเย็น
เดรโกไม่ต้องมองไปรอบๆ ก็รู้ว่าเขาอยู่ในอาณาเขตของศัตรู เขาถูกห้อมล้อมด้วยพวก
กริฟฟินดอร์ แต่เขาต้องการเธอ “ฉันไม่ได้กำลังพูดกับนาย พอตเตอร์” เขาคำรามใส่อย่างเย็นชา
“ไปซะ เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พยายามแทรกผ่านเขาไป แต่เดรโกคว้าแขนเธอไว้และกระชากเธอกลับมา
มีเสียงร้องตะโกนจากพอตเตอร์และวีสลี่ย์  กริฟฟินดอร์คนอื่นๆ กำลังพูดละล่ำละลักด้วยโทสะ
“ได้โปรดเถอะ” เดรโกกระซิบ “ได้โปรด ฉันจำเป็นต้องพูดกับเธอ”
ดวงตาเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้าง ชั่วขณะหนึ่งเดรโกคิดว่าเธอกำลังจะเดินจากไป มันดูเหมือนอะไรที่นานชั่วนิรันดร์แต่ที่จริงแล้วเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น ในที่สุดเธอก็พยักหน้า
“ก็ได้” เธอกระซิบ รู้สึกประหลาดใจอย่างที่เห็นกับความดุดันของเขา และการยอมแพ้ของเธอ
มีเสียงกระซิบวุ่นวายหลายเสียงท่ามกลางผู้คนที่กำลังเฝ้ามอง แต่เดรโกจับแขนเธอไว้แน่นเกรงว่าเธออาจเปลี่ยนใจ และวิ่งเตลิดเข้าไปในห้องเรียนก็เป็นได้  พอตเตอร์และวีสลี่ย์กำลังมองมาที่เขาแต่ไม่ได้ขยับเพื่อยับยั้งเขา เมื่อเดรโกลากเฮอร์ไมโอนี่ผ่านพวกเขาและไปจากโถงทางเดินชั้นเรียนวิชาการแปลงร่าง ผู้คนกำลังมองมาแน่นอนเมื่อเดรโกผลักพวกเกะกะออกไปให้พ้นทาง กระทั่งเขาพบห้องเรียนว่างห้องหนึ่ง ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีแดงจากความอายเหลือเกิน
“ฉันหวังว่าเธอคงมีเหตุผลที่ดีสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้นะ” เธอตวาดอย่างโมโห เมื่อประตูปิดตามหลังพวกเขา
เดรโกไม่รู้เลยทีเดียวว่าจะพูดอะไรเนื่องจากเขาได้ตัวเธอแล้ว เมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลดุร้ายของเธอ เขาไม่แน่ใจอย่างฉับพลันว่าทำไมมันสำคัญมากที่ต้องพูดกับเธอ
“งั้นรึ? ฉันมีบทเรียนที่อยากให้เธอรู้ เรากำลังเรียนเรื่องคาถาหลงใหล(Devoveo spell) วันนี้  และฉันรู้มาว่าพวกมันน่าจะอยู่ในการสอบ” เฮอร์ไมโอนี่นั่งบนโต๊ะเรียนตัวหนึ่ง ไขว้แขนและกำลังมองมาที่เขา
เดรโกหันหนีและมองไปที่หน้าต่างบานใหญ่ซึ่งกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของกำแพงด้านหลัง ฝนยังตกอยู่ไม่หนักมาก ความชื้นทำให้หน้าต่างกลายเป็นไอบางๆ อยู่ตามขอบ กระนั้นข้างนอกก็ยังหนาวเย็นมากๆ ช่างเป็นสายฝนที่ไม่น่าอภิรมย์สักนิด
“แล้วยังไง?” ความอดทนอันน้อยนิดของเฮอร์ไมโอนี่หมดไปแล้ว
“แม่ของฉันอาจจะป่วย” เดรโกพูดเบาๆ
เฮอร์ไมโอนี่คลายแขนที่ไขว้ออกและมองเขา “อะไรนะ? เธอรู้ได้ยังไง?”
เดรโกหันมาและเผชิญหน้ากับเธอ “แพนซี่บอกฉัน เธอเผลอพูดออกมา” เขาพูดอย่างเย้ยหยัน “อาจคิดซะว่ามันเป็นการล้อเล่นแรงๆ ก็เป็นได้”
เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้นและเดินมาอยู่หน้าเขา “แค่เพราะว่าแพนซี่บอกเธอ ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเรื่องจริงนะ เธอกำลังโกหกก็เป็นได้  และนอกจากนั้นถ้าแม่ของเธอป่วย  ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จะต้องบอกเธอ”
          “แน่นอนเขาจะทำ” เดรโกบอกเธออย่างประชดประชัน “เขาเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนเปิดเผยและตรงไปตรงมากับทุกเรื่อง”
          “เขาจะบอกเธอ ฉันรู้ว่าเขาจะทำ” เธอพูดอย่างอ่อนโยน และเอื้อมมือออกไปเพื่อสัมผัสแขนเขา
          เดรโกก้าวถอยหลังห่างเธอแค่ไม่ให้เอื้อมถึง “บอกฉันซิเกรนเจอร์ มีไหมที่อาจารย์ใหญ่ผู้วิเศษเคยบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับพอตเตอร์ผู้ล้ำค่า เวลาที่เด็กหนุ่มมหัศจรรย์คนนี้ไปลงเอยอยู่ในสถานพยาบาล?”
          “นั่นไม่ยุติธรรม” เธอตวาดและชักมือกลับ “เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับแฮร์รี่เลยนะ”
          “ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับแฮร์รี่และอุดมคติงี่เง่าของเธอ” เดรโกไม่รู้เลยว่าทำไมเขากำลังพูดเรื่องเหล่านี้ เขาไม่สามารถระงับอารมณ์ที่กำลังต้องการหลั่งไหลออกจากตัวเขาอย่างที่เคยเป็น
          “มีอย่างอื่นที่เธอต้องการไหม มัลฟอย?” น้ำเสียงเฮอร์ไมโอนี่ต่ำและเป็นทางการ
          “ไม่ ฉันไม่ต้องการอะไรจากเธอ” เขาคำราม
          “ก็ดี” เธอหันกลับและเปิดประตู
          เดรโกหันหลังและมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพทิวทัศน์ยามบ่ายเลือนหายไปในความมืด สายหมอกสีเทาสลัวเหมือนกับความรู้สึกของเขา เขารู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินอย่างฉับพลัน  และปรารถนาว่าเขาน่าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมข้างกองไฟ
          เขาไม่ได้ยินการกลับมาหรือการเข้ามาใกล้ของเธอ แต่ทันใดนั้นแขนนุ่มนวลคู่หนึ่งโอบรอบตัวเขาจากด้านหลัง เขาตัวแข็งนิ่งโดยอัตโนมัติแต่แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเขารู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนี่แนบแก้มเธอกับกระดูกหัวไหล่ของเขา
          “ฟังนะ มันจะเรียบร้อยดี” เธอกระซิบเสียงเบาๆ

TBC

No comments:

Post a Comment