Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 30: He mele no lilo

  เขาไม่ได้เป็นฆาตกร (He mele no lilo)


            มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย เขายืนอยู่ในสถานพยาบาลพร้อมกับพอตเตอร์และวีสลี่ย์ บาดแผลของพวกเขาอ่อนด้อยไปเลยเมื่อเปรียบเทียบกับของเธอ เกิดมีช่วงเวลาตึงเครียดหลายครั้ง และเสียงกระซิบกระซาบเกี่ยวกับความวิตกกังวลมากมายจากด้านหลังผ้าม่าน แล้วจากนั้นก็เพิ่มความหวาดกลัวของพวกเขาขึ้นไปอีก เมื่อดัมเบิลดอร์กลับเข้ามาในสถานพยาบาลพร้อมกับบางสิ่งที่ไม่มีใครในกลุ่มเด็กหนุ่มพวกนี้เคยเห็นที่ฮอกวอตส์;ผู้เชี่ยวชาญจากเซนต์มันโก
            เดรโกรู้สึกไม่สบายใจและไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นกว่าที่เขาได้รู้สึกมาแล้ว พอตเตอร์ดูเหมือนรับรู้สิ่งนี้เพราะเขาหันมาที่เด็กหนุ่มสลิธีริน
            “เธอจะไม่เป็นอะไร” เขาบอกเดรโกอย่างอ่อนโยน
            วีสลี่ย์พยักหน้าอย่างเห็นด้วยและเดรโกรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด ไม่ใช่ว่าเขาจะเคยยอมรับมันกับใครๆ  แต่เขาตัดสินใจในเวลานั้นว่ามีพวกพ่อมดที่แย่ยิ่งกว่าอีกหลายคนบนโลกนี้ และมากมายพอๆ กับที่เขาไม่ชอบเช่นกัน พอตเตอร์และวีสลี่ย์ก็ไม่ได้แย่เกินไปซะทีเดียว เขาต้องยกย่องเฮอร์ไมโอนี่ เธออาจมีพวกปัญญาทึบคู่หนึ่งเป็นเพื่อน แต่น้อยคนนักที่จะเอาชนะต้านทานผู้เสพความตายได้
            ความเคร่งเครียดภายในห้องกำลังแทบจะระเบิด ก็เป็นเวลาเดียวกับที่อาจารย์ใหญ่ดึงผ้าม่านไปด้านหลังแล้วเดินออกมาในที่สุด เป็นเวลาครู่หนึ่งที่ไม่มีประกายแวววับภายในดวงตาสีน้ำเงินของเขา และเดรโกคิดว่าเขาไม่ต้องการจะได้ยินมัน เขาอยากจะอยู่ในสถานพยาบาลด้านนอกของผ้าม่านที่แยกพวกเขาทั้งสองตลอดไปมากกว่าพบว่าเธอได้จากไปแล้ว
            “เธอจะหายดี”
            เสียงของดัมเบิลดอร์ทำให้ความคิดทั้งหลายภายในจิตใจของเดรโกสงบลง จากนั้นเขาสังเกตเห็นว่าวีสลี่ย์ซีดเผือดมากกว่าที่เขาเคยเห็นมา และมือทั้งสองของพอตเตอร์กำแน่นเข้าหากันจนข้อนิ้วมือเป็นสีขาว และสีแดงเข้มซึ่งอาจเป็นเลือดที่ออกมาจากฝ่ามือของเขา
            “มันค่อนข้างใกล้เคียงจุดนั้นอย่างที่พวกเธอคงนึกภาพได้” อาจารย์ใหญ่พูดต่อ “มันไม่ใช่คำสาปกรีดแทง ถึงแม้ว่าผลต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ของคำสาปนั้นจะรบกวนร่างกายเป็นเวลาหลายวัน แต่ความเสียหายที่เกิดกับกะโหลกศีรษะของเธอมากกว่าที่มาดามพอมฟรี่ย์บอกว่ามันร้ายแรงที่สุด”
            ผ้าม่านถูกดึงเปิดอีกครั้งแล้วพ่อมดจากเซนต์มันโกก็เดินออกมา  เขาพยักหน้ากับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ “อัลบัส ถ้าไม่มีอะไรอื่นอีก ผมคงต้องเริ่มออกเดินทางแล้ว ผมได้ให้คำแนะนำต่างๆ กับมาดามพอมฟรี่ย์ไว้แล้ว ผ้าพันแผลน่าจะไม่จำเป็นตราบเท่าที่เธอได้รับเวทมนตร์ Claustrium ไปเรื่อยทุกๆ ครึ่งชั่วโมงเป็นเวลาสิบสองชั่วโมงนับจากนี้ไป”
            “ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ไทเลอร์  และกรุณาฝากความปรารถนาดีของผมไปให้เบ็ตต้ากับพวกเด็กๆ ด้วย” อาจารย์ใหญ่จับสองมือของหมอและยิ้มให้

            มาดามพอมฟรี่ย์ดึงผ้าม่านของเฮอร์ไมโอนี่เปิดอีกหนพร้อมกับปล่อยมันให้อ้ากว้างไว้ พวกเด็กหนุ่มสามารถเห็นเธอได้เป็นนครั้งแรกนับตั้งแต่อาจารย์ใหญ่ได้พาเธอไปจากพวกเขาที่
ฮอกส์มี้ด เธอขาวซีดอย่างน่ากลัว ผมสีเข้มล้อมรอบใบหน้าซีดเผือดของเธอ ไม่มีร่องรอยเลือดที่เปื้อนผิวหนังของเธอเมื่อก่อนหน้านั้น เธอไม่ได้ใส่เสื้อคลุมนักเรียนแล้วแต่อยู่ในชุดเสื้อคนไข้สีขาวซึ่งทำให้เธอดูเหมือนเปราะบางมากขึ้น แต่สำหรับเดรโกไม่ได้คิดว่าเธอดูอาการดีขึ้นเลยในความโล่งใจของเขา
            หลังจากผู้เชี่ยวชาญออกไปแล้ว อาจารย์ใหญ่หันกลับมาที่พวกเด็กหนุ่ม “ป๊อบปี้ ฉันเชื่อว่ามิสเตอร์พอตเตอร์, วีสลี่ย์, และมัลฟอย น่าจะต้องการการดูแลจากคุณเช่นเดียวกัน”
            “แน่นอนค่ะ อาจารย์ใหญ่” เธอบอก เมื่อเธอเดินไปหารอนเป็นคนแรก อาการบาดเจ็บที่สังเกตเห็นชัดที่สุดคือแขนหักของเขา
            “และเธอมิสเตอร์มัลฟอย” ดัมเบิลดอร์จับแขนเดรโกและพาเขาไปที่เตียงหนึ่งใกล้กับของเฮอร์ไมโอนี่ “ฉันคิดว่าเธอจำเป็นต้องพักผ่อน”
            เดรโกเอนหลังพิงเตียงนอน ไม่ต้องการหลับ แต่กำลังรู้สึกว่าความอ่อนแอกำลังครอบงำเขาอย่างรุนแรง
            “ทันทีที่เราอยู่พร้อมทั้งหมดอย่างที่เราควรจะ” อาจารย์ใหญ่พูดอย่างอ่อนโยน “ฉันเชื่อว่าเธอและมิสเกรนเจอร์มีข่าวบางอย่างที่น่าสนใจมากสำหรับฉัน มีหลายสิ่งหลายอย่างมากมายจำเป็นต้องได้รับการอธิบาย แต่จะมีเวลาเพียงพอสำหรับเรื่องนั้นในภายหลัง” ศาสตราจารย์ดัม-เบิลดอร์ชำเลืองไปยังบานประตูที่ถูกปิดไว้ซึ่งตั้งอยู่ตรงด้านที่ไกลสุดของสถานพยาบาล
            เดรโกทราบว่าบานประตูนั้นคืออะไร;เขาทราบว่าอะไรอยู่ในห้องนั้น เพราะว่าเดรโกกำลังมองอยู่เมื่อลูกครึ่งยักษ์แบกร่างของลูเซียสเข้ามา แต่เขาถูกทำให้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเฮอร์-ไมโอนี่มากกว่าที่จะคิดถึงมัน และทันทีที่เขาเอนหลังลงบนเตียงพยาบาล เขาพบว่าเขาต้องการเลื่อนความคิดเกี่ยวกับมันออกไปแค่นานขึ้นอีกสักหน่อย อย่างน้อยจนถึงเช้าวันถัดไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ท้องฟ้าสว่างสดใส และความว่างเปล่าเฉยเมยในดวงตาไร้วิญญาณของเขาพ่อเขาไม่เย็นเยือกจนเกินไป
__________________________

            ยามเช้าส่องสว่างเป็นประกายและปลอดโปร่งแจ่มใส เดรโกรู้สึกดีใจที่ตื่นขึ้นก่อนหนุ่ม
กริฟฟินดอร์สองคนที่อยู่ที่นี่ เขามองไปที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างรวดเร็วแต่เธอไม่ขยับเขยื้อนเลย ดวงตาเธอยังคงปิดสนิทแน่นและร่างเธอนอนงอตะแคงนิ่ง เนื่องด้วยแสงสว่างของเช้าวันใหม่
เดรโกสามารถมองเห็นรอยฟกช้ำสีเข้มบนแก้มซีดเผือดของเธอ เขารู้สึกถึงโทสะร้อนแรงขณะที่มองผลงานของลูเซียส จากนั้นชีพจรก็เต้นแรงด้วยความเครียดเมื่อเขาคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าหากว่าเขาไม่ได้ไปถึงที่นั่นทันเวลา
            “เธอยังไม่ตื่นหรือ?”
            เหมือนถูกจับได้ตอนที่เผลอ เดรโกหมุนตัวกลับบนเตียงเพื่อจ้องไปที่พอตเตอร์ ผู้ที่กำลังลุกขึ้นนั่งและเกาหัวอย่างสะลึมสะลืออยู่ในเตียงข้างๆ เขา
            “อันที่จริงนะ พอตเตอร์ เธอลุกขึ้นมาเรียบร้อยแล้ววิ่งลงไปที่ห้องสมุดเพื่อเอาการบ้านที่เธอไม่ได้ทำเมื่อคืนก่อน และเพิ่งโผล่กลับมาไม่นานนี้เองเพื่อนอนเล่นสักหน่อย” เดรโกบอกเขาอย่างอารมณ์บูด
            “เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เสียงงึมงำอีกเสียงหนึ่ง เมื่อวีสลี่ย์ซึ่งอยู่ไกลออกไปผลักผ้าห่มของเขาไปข้างหลัง
            “มัลฟอยแค่กำลังลองสวมบทเป็นตัวตลก” พอตเตอร์บอกเพื่อนของเขา
            “ไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากผู้ชมใช่ไหม?” วีสลี่ย์ถามขณะที่เขามองสีหน้ารำคาญของพอตเตอร์
            ประตูห้องทำงานของมาดามพอมฟรี่ย์เปิดออก นางพยาบาลเดินผ่านพวกเขาไปยังข้างเตียงของเฮอร์ไมโอนี่  เธอถือไม้กายสิทธิ์ไปที่ตรงกลางศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่และท่องคาถา จากนั้นก็หันมาตรวจอาการของพวกเด็กหนุ่ม
            “เอาล่ะ ฉันกล้าพูดได้เลยว่าพวกเธอดูท่าทางดีขึ้นมากทีเดียว” เธอบอกอย่างใจดีเมื่อตรวจดูแขนที่ได้รับการรักษาของรอน “ฉันคิดว่าเธอสองคนอาจแม้แต่สามารถลงไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อกินอาหารเช้าได้ถ้าหากพวกเธอรีบหน่อย”
            วีสลี่ย์แทบจะถลาออกจากเตียงของเขา แต่แล้วเขาหยุดลงและมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่
“เราอยู่รอจนกระทั่งเธอฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรือครับ?”
            พอตเตอร์พยักหน้าเห็นดีด้วยขณะที่เขาเดินโซเซออกจากเตียง และเริ่มสวมเสื้อคลุมนักเรียนทับชุดคนไข้ของเขา
            “อะไรนะ แล้วเธอสองคนจะยืนเฝ้าอยู่บนพื้นตลอดบ่ายนี้หรือไง?” นางพยาบาลดึงผ้าม่านล้อมรอบพวกเด็กหนุ่มเพื่อว่าพอตเตอร์และวีสลี่ย์จะได้แต่งตัว
            “แต่ทำไมเขาอยู่ได้ล่ะครับ?” วีสลี่ย์บ่นพร้อมกับผลักผ้าม่านไปข้างๆ และชี้มือชี้ไม้ไปที่เดรโกผู้ซึ่งยังนั่งนิ่งอยู่ในเตียง
            “เพราะว่าเขากำลังได้รับผลจากความอ่อนเพลียเหนื่อยล้าในระดับสูงสุด และฉันไม่วางใจว่าเขาจะได้รับการพักผ่อนที่ดีในคุกใต้ดินข้างล่างนั่น มันเปียกชื้นและมีลมโกรกมากเกินไป ไม่ดีทั้งหมดเลย” แล้วเธอก็นำพวกเขาแกมบังคับตรงไปที่ประตู
            สำหรับเดรโก เขาเสแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวดและหาวยาวๆ ในระหว่างที่นางพยาบาลกล่าวถึงอาการเจ็บไข้ของเขา แต่ทันทีที่มาดามพอมฟรี่ย์หันหลังของเธอ เขาก็ขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ใส่พวกเด็กหนุ่มที่กำลังเดินออกไป
            พอตเตอร์อ้าปากเพื่อจะพูดบางอย่างที่หยาบคายใส่เดรโก แต่นางพยาบาลบีบไหล่ของเขาในลักษณะใกล้เคียงเหมือนการหยิกที่เจ็บมากๆ  พอตเตอร์หน้าเหยเกแล้วเดินอย่างเนือยๆ ออกจากห้องด้วยความเงียบตามติดด้วยวีสลี่ย์
            เดรโกเอนหลังอย่างสบายอารมณ์ รอยยิ้มเปี่ยมชัยชนะแผ่กระจายกว้างบนใบหน้าเขา ทว่าทันทีที่บานประตูหนักปิดลงตามหลังพวกกริฟฟินดอร์  มาดามพอมฟรี่ย์หันมาที่เดรโกพร้อมกับสายตาจ้องเขม็งที่สามารถแช่แข็งกำมะถันได้เลย
            “อย่าได้หยิ่งลำพองมากจนเกินไปนัก มิสเตอร์มัลฟอย” เธอบอกเขาอย่างเคร่งขรึม ขณะที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับน้ำยาหลับใหล
            “ผมไม่คิดจริงๆ ว่านั่น...” เดรโพยายามโต้ตอบระหว่างที่นางพยาบาลจับคางของเขา
            มาดามพอมฟรี่ย์ทำเสียงขึ้นจมูกเมื่อเธอบังคับให้เครื่องดื่มเย็นๆ ไหลลงเข้าไปในปากของเขา “นั่นล่ะ” เธอพูดอย่างสุภาพ แต่น้ำเสียงค่อนข้างอวดตัวเป็นผู้มีบุญคุณ “ตอนนี้ดีขึ้นไม่ใช่หรือไง?”
            เดรโกจ้องที่ใบหน้ากำลังอมยิ้มของเธอ  เธอรู้สึกไม่ประทับใจกับบรรพบุรุษของเขาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถรู้สึกรำคาญกับเรื่องนี้ได้ น้ำยาที่ดื่มกำลังทำงานของมันแล้วอย่างแน่วแน่ แต่เดรโกยังกำลังต่อสู้กับความต้องการของร่างกายที่อยากหลับอีกครั้ง พร้อมกับเสียงงึมงำของความพ่ายแพ้เขาเอนตัวกลับลงไป  นางพยาบาลผู้วุ่นวายเดินจากไป  เขามองกลับไปที่เฮอร์ไมโอนี่
__________________________

            เดรโกเขี่ยอาหารอย่างหงุดหงิดไปรอบๆ บนจานของเขา ส้อมของเขากำลังครูดก้นจานกระเบื้อง เขาดูเหมือนเป็นหัวข้อของความน่าสนใจสำหรับเพื่อนๆ นักเรียนที่ใกล้ชิดส่วนใหญ่ของเขา ช่วยไม่ได้ที่ไม่มีใครสักคนเลยที่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ  ไม่ใช่พวกนักเรียนคนอื่น ไม่ใช่อาจารย์ใหญ่ ไม่ใช่พอตเตอร์หรือวีสลี่ย์  แม้แต่เดรโกตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ของคืนวานซืนนั้น
            เขาเงยขึ้นจากอาหารกลางวันที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง เมื่อแครบบ์และกอยล์หย่อนตัวลงในที่นั่งประจำของพวกเขาอีกด้านของเดรโก  พวกเขาดูท่าทางอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ทั้งคู่ก็หยุดลง อันที่จริงแล้วพวกเขาคงจะพูดอะไร? บิดาของเขาเสียชีวิตและพวกเขาต้องอยากรู้มาก และรายงานที่ว่าเขาได้ช่วยเหลือพอตเตอร์กับวีสลี่ย์ถูกไตร่ตรองด้วยความไม่น่าเชื่ออย่างสูงโดยนักเรียนส่วนใหญ่ในฮอกวอตส์
            เดรโกมองไปตามความยาวของโต๊ะรวมถึงเด็กสลิธีรินคนอื่นๆ  อุปนิสัยเอะอะโวยายไม่ใช่ของพวกนักเรียนที่เหลืออยู่ ส่วนมากพวกสลิธีรินเป็นคนเคร่งเครียดและเงียบขรึม  เขามองไปที่นั่งตรงข้ามกับตัวเขาและไม่รู้สึกประหลาดใจเลย แพนซี่ไม่อยู่ที่นั่น
            โต๊ะกริฟฟินดอร์ส่งเสียงดังโหวกเหวกทีเดียวอย่างที่พวกเขาทำเป็นปกติอยู่แล้วถึงแม้ว่าขาดพอตเตอร์กับวีสลี่ย์ไป  เดรโกไม่เห็นพวกเขาตั้งแต่เช้าเมื่อวานนี้ที่สถานพยาบาล พวกเขาได้แอบลอบกลับเข้ามาข้างในด้วยผ้าคลุมล่องหนอย่างที่เขาคาดไว้หรือไม่  เขาไม่ทราบ  น้ำยา-หลับใหลได้ทำให้ตัวเขาหลับสนิทอย่างสิ้นเชิงตลอดช่วงเวลาเย็นที่เหลืออยู่นั้น
            และเช่นเดียวกับที่พวกเด็กหนุ่มมหัศจรรย์ถูกบังคับให้ไปจากสถานพยาบาลเมื่อวานนี้  เดรโกได้พบกับการถูกเนรเทศเหมือนกันเมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นอนหลับไม่รู้สึกตัว
            เดรโกลุกขึ้นอย่างไม่คาดคิดแล้วก้าวเท้ายาวๆ ออกจากโต๊ะสลิธีริน ทำให้แครบบ์และกอยล์ผู้กำลังคงพยายามคิดหาเรื่องมาเริ่มการสนทนาที่อยากรู้อยากเห็นรู้สึกตกใจ ด้วยฝีเท้ามุ่งมั่นและสีหน้าเหยียดหยามอย่างนิ่งเงียบของเขาขณะเดินออกจากห้องรับประทานอาหาร อย่างไรก็ตามเขาหยุดลงอย่างฉับพลันทันทีที่บานประตูถูกปิดตามหลังเขา
            ตรงตีนบันไดอันหนึ่งคือพอตเตอร์, วีสลี่ย์, และน้องสาวของวีสลี่ย์   พวกเขาดูเหมือนกำลังโต้เถียงกันอยู่โดยเฉพาะสองพี่น้องวีสลี่ย์   ในระหว่างที่เขาเฝ้ามองอยู่นั้นเขาเห็นพอต-
เตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการโต้เถียงน้อยมาก  วีสลี่ย์บีบไหล่ของน้องสาวเมื่อความร้อนแรงเพิ่มมากขึ้น ทันใดนั้นเด็กสาวมองเห็นเดรโกผ่านไหล่พี่ชายของเธอ  เดรโกตัดสินใจว่าจิรงๆ แล้วเขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะดูฉากการแสดง ดังนั้นเขาหมุนตัวเพื่อมุ่งหน้าลงไปที่คุกใต้ดิน  แต่เขาหยุดลงเมื่อเห็นสาวน้อยตีไหล่พี่ชายของเธอ กำลังออกแรงให้เขาถอนมือที่จับอยู่บนตัวเธอออกไป
            “มัลฟอย” เธอเรียกและวิ่งอย่างว่องไวตรงมาที่เขา เธอมองเขาด้วยสายตาประเมิน กำลังพินิจพิจารณาเขาอยู่
            “มีบางอย่างที่เธอต้องการหรือ?” เขาถามอย่างเกือบจะเป็นมิตรไมตรี จริงๆ แล้วไม่มีอะไรขัดแย้งกับสาวน้อยคนนี้ นอกจากความจริงที่ว่าเธอเป็นวีสลี่ย์ และกริฟฟินดอร์อีกคน
            เด็กสาวกัดริมฝีปากของเธอและมองกลับไปที่พี่ชายและพอตเตอร์ ผู้ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าท่าทางระแวดระวังอย่างมากด้วยกันทั้งคู่ “หล่อนฟื้นแล้วนะ” เธอพูดในที่สุดด้วยถ้อยคำสั่นๆ “ฉัน...ฉันแค่คิดว่าเธอควรรู้ไว้”
            เดรโกพยักหน้าแทนคำขอบคุณอย่างเงียบๆ   เขาเจียดเวลาแวบหนึ่งมองไปที่
พอตเตอร์กับวีสลี่ย์  เพิกถอนความคิดใดๆ ภายในใจที่ว่าพวกเขาน่าเป็นอะไรสักอย่างทันที ก่อนจะหันหลังและมุ่งหน้าไปยังสถานพยาบาล
__________________________

            “แต่หนูไม่หิวค่ะ มาดามพอมฟรี่ย์”
            “เหลวไหล! ฉันจะไม่ให้มีใครอดอาหารในที่แห่งนี้ ตราบเท่าที่ฉันยังคงรับผิดชอบสถานพยาบาลนี้อยู่!”
            เดรโกยืนอยู่เพียงด้านนอกของประตูที่เปิดอยู่ รู้สึกยินดีอย่างไม่น่าเชื่อที่ได้ยินเสียงของเฮอร์ไมโอนี่;แสดงความไม่ชอบใจอย่างที่มันเป็นอยู่ในเวลานี้
            “หนูไม่ได้อดอาหาร!  รอนเอาขนมปังปิ้งมาให้หนูก่อนหน้านี้แล้วค่ะ” น้ำเสียงเธอกำลังเหลืออดเกือบพุ่งถึงทำนองเสียงเจ้ากี้เจ้าการตามปกติ  แต่เธอยังคงอ่อนเพลียอย่างชัดเจนที่จะออกแรง
            “ขนมปังปิ้งรึ? นั่นไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอหรอก! เอานี่ ทานข้าวโอ๊ตต้มกับนมสักหน่อยนะที่รัก”
            เดรโกทำหน้าบูดเบี้ยวเมื่อเขาจดจำได้ถึงของเหลวหนืดๆ แบบเดียวกันนี้ที่มาดาม
พอมฟรี่ย์บังคับเขาให้กินในวันนั้น ก่อนที่หล่อนจะกำจัดเขาออกไปจากสถานพยาบาล เดรโกก้าวเท้าเข้าไปในห้องด้วยความรู้สึกคาดหวัง
            “จริงๆ เลย เกรนเจอร์ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น  ทันทีที่เธอมองข้ามสีสัน เนื้อสัมผัส และรสชาติแล้ว มันดีทีเดียวเลย”
            มาดามพอมฟรี่ย์ทำเสียงโกรธเคืองแล้วเดินตัวแข็งเข้าไปในห้องทำงานของเธอ  เฮอร์-ไมโอนี่เพียงแค่เงยมองมาที่เขาจากตรงที่เธอนอนอยู่บนเตียง;ด้วยลักษณะท่าทางที่เดรโกไม่เข้าใจสายตาของเธอจริงๆ
            “เดรโก” เธอเอ่ยแผ่วเบา
            เขายืนอยู่ตรงทางเดิน กำลังรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างฉับพลัน “เธอฟื้นแล้ว” เขาพูดอย่างโง่เขลา
            เฮอร์ไมโอนี่หลุบตาลง “ใช่” เธอตอบอย่างไม่จำเป็น
            “นั่นดีแล้ว ทุกคนรู้สึกเป็นห่วง” เดรโกกำลังรู้สึกโง่เง่ามากขึ้นในวินาทีนั้น
            เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มบางๆ และชำเลืองไปที่โต๊ะข้างเตียงของเธอ ซึ่งเดรโกเพิ่งจะสังเกตว่าเต็มไปด้วยอาหารและกองหนังสือปนกัน “ใช่แล้ว ฉันได้รับของพวกนั้นมา”
            “หอคอยกริฟฟินดอร์ก่อกวนอีกแล้วซินะ” เดรโกพึมพำเมื่อเขาเดินมาใกล้โต๊ะ  แต่คำพูดของเขาถือว่าไม่ได้เหน็บแนม “อะไรนี่ พวกเขาคว้ามาครึ่งหนึ่งของแผนกพยากรณ์ศาสตร์หรือไง?” เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างดูแคลนแล้วอ่าน “มันอยู่ในไพ่หรือ? คู่มือการข้องเกี่ยวเรื่องชวนฝันต่างๆ ของแม่มดสาว(Is It In The Card? A Witch Guide to Romantic Entanglements)” และด้วยความขยะแขยงมากกว่าเดิม “ศิลปะการดูลายมือเกี่ยวกับความรัก(Palmistry of Love)  เธอไม่ได้อ่านของพวกนี้จริงๆ หรอกใช่ไหม?” เสียงของเขาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
            “ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างแน่นอน   ลาเวนเดอร์และปาราวตีต้องฝากของพวกนี้มากับรอนและแฮร์รี่เมื่อพวกหล่อนรู้ว่าฉันฟื้นแล้ว” เธอยิ้มอย่างเพลียๆ และเอนหลังพิงกับหมอนของเธอ
            เดรโกมองไปที่เธอ มองเธออย่างจริงจังแล้วรู้สึกละอายใจ เมื่อพิจารณาทั้งหมดแล้วมันเป็นความผิดของเขาที่เธอมาอยู่ตรงนี้ มันเป็นความผิดของเขาที่รอยฟกช้ำสีเข้มประทับอยู่ที่ใบหน้าน่ารักของเธอ มันเป็นความผิดของเขาที่ผิวหนังของเธอถูกห่อพันอยู่ในผ้าฝ้าย เขาไม่เคยเห็นเธอซีดเผือดเหลือเกินอย่างนี้เลย เฮอร์ไมโอนี่ดูอบอุ่นและเป็นสีน้ำตาลในความรู้สึกของเขาอยู่เสมอ ไม่ใช่เหมือนคนที่กำลังจะตายและไร้สีสัน
            “มันคืออะไร?” เธอถามอย่างกังวล
            เขาแทบจะสะดุ้ง เมื่อไรกันที่มันกลายเป็นง่ายดายเหลือเกินในการอ่านเขาออก? “ฉันก็แค่กำลังสงสัยว่าทำไมเธอไม่ให้มาดามพอมฟรี่ย์เอารอยฟกช้ำนั่นออกไปซะ”
            “โอ้” เธอหน้าแดง  และเดรโกรู้สึกยินดีที่ได้เห็นสีสันเล็กน้อยบนแก้มของเธอ “ฉันแค่คิดว่า  เออ...มันจะดูเหลวไหลที่ใช้เวทมนตร์ของหล่อนลบมันออกไป มันไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ และวิธีนี้อย่างน้อยที่สุดฉันก็มีบางอย่างให้อวดล่ะ นั่นฟังดูแปลกหรือไง?”
            “ฉันไม่คิดอย่างนั้น” เขาตอบอย่างจริงจัง รู้สึกพิศวงอีกครั้งกับสาวน้อยในเตียง
            เขายังคงสำรวจเธอต่อไป เธอหลบตาเขาและมองไปทางอื่นอย่างเขินอาย ดูเหมือนว่าเกิดความคิดขึ้นอยู่ภายในใจของเธอ เพราะว่าเธอเริ่มขบริมฝีปากล่าง เป็นสัญญาณแน่ชัดว่ามี
บางอย่างรบกวนจิตใจเธอ
            “พ่อของเธอ” เธอเริ่มแต่แล้วชะงักลงอย่างกังวล “เขาตายแล้วไม่ใช่หรือ?”
            เดรโกพยักหน้า รู้สึกเกลียดบิดาของเขามากกว่าที่เขาเคยรู้สึก เขาสงสัยถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นในฮอกส์มี้ดจะทำให้เธอจดจำไปตลอด เธอจะหวาดกลัวเขาตลอดเวลาหรือไม่? การเห็นเขาจะทำให้เธอนึกถึงลูเซียสอยู่เสมอไหม? ทว่าคำพูดต่อมาของเธอทำให้เขารู้สึกช็อกอย่างสิ้นเชิง
            “ฉันเสียใจเหลือเกิน” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสั่นเครือ เมื่อน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงสู่แก้มของเธอ
            “เสียใจหรือ?” เดรโกเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปอยู่ข้างๆ เธอ และก้มมองเธออย่างอ้อนวอน “ทำไมเธอรู้สึกเสียใจ?”
            เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจ “เพราะว่าพ่อของเธอตายนะซิ”
            เดรโกเกือบจะหัวเราะออกมา อย่างไรก็ดีเสียงพ่นลมหายใจเบาๆ ของเขาช่วยขจัดน้ำตาของเธอ “เฮอร์ไมโอนี่ เขาพยายามฆ่าเธอนะ เขาได้รับผลกรรมอย่างที่เขาสมควรได้แล้วล่ะ” เขากุมแก้มเธอและทำให้เธอมองมาที่เขา “เธอเข้าใจใช่ไหม? ฉันไม่เสียใจเลยที่เขาตาย” และพร้อมกับคำพูดเหล่านี้เขาโน้มตัวมาใกล้เธอและปัดริมฝีปากแนบกับหน้าผากของเธอ  เธอสั่นระริกแนบเขา   เขาถอนตัวกลับอย่างรวดเร็ว “ฉันทำให้เธอเจ็บหรือ?”
            “เปล่า”
            เดรโกสังเกตเห็นเป็นครั้งแรกว่าดวงตาของเธอไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาทั้งสองของเธอเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนเดิมอย่างที่เขาคุ้นเคยเป็นประจำเหลือเกิน เขาอยากอุ้มเธอขึ้นมา รวบตัวเธอมาอยู่ในวงแขนของเขา และหมุนตัวเธอไปรอบๆ สำหรับการยังคงเป็นสาวน้อยคนเดิม ถึงแม้สภาพที่เป็นอยู่ของเธอในตอนนี้ก็ตาม  แต่ความเป็นมัลฟอยของเขาทำให้มั่นใจว่าไม่ใช่แค่สิ่งนี้จะเป็นวิธีการแสดงที่ไม่ถูกต้องเท่านั้น  แต่เธอยังเจ็บป่วยเกินกว่าจะเข้าใจมันอีกด้วย รวมทั้งไม่ต้องการเผชิญกับโทสะของมาดามพอมฟรี่ย์ หากหล่อนมาพบว่าเขาอยู่บนเตียงกับ
เฮอร์ไมโอนี่;เดรโกหมุนตัว และลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาวางตรงด้านข้างเธอแล้วหย่อนตัวลงนั่ง พวกเขาไม่ได้พูดกันเป็นเวลาหลายนาที ในระหว่างที่เขานั่งและมองเธอ
            “เดรโก” เธอเอ่ยขึ้นทันที “เธอฆ่าเขาหรือ?”
            “ฉันไม่คิดอย่างนั้น” เขาตอบอย่างเปิดเผย
            “ถ้างั้นเป็นคาถาของโอ’แลรี่หรือ?” เธอถามด้วยความสนใจ
            “นั่นเป็นเรื่องที่เรากำลังจะคุยกัน” เสียงหนึ่งพูดมาจากทางเข้าประตู
            เดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ทั้งคู่เงยมองไปที่เสียงใหม่นี้  อาจารย์ใหญ่กำลังยิ้มกว้างให้พวกเขาห่างออกไปไม่กี่ก้าว เดรโกเกลียดมันเวลาที่เขามาไม่ให้รู้ตัว ตาแก่บ้าคนนี้ต้องมีเวทมนตร์เงียบลึกลับโดยเฉพาะอยู่บนส่วนใดของร่างกายเขาแหงๆ
            “เธอรู้สึกอย่างไรบ้าง มิสเกรนเจอร์? ฉันหวังว่าคงดีขึ้นนะ?” เขาถามอย่างเมตตาเมื่อมายืนอยู่ข้างๆ พวกเขา
            เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าโดยไม่พูด เธอกำลังศึกษาอาจารย์ใหญ่ด้วยความสนใจอย่างลึกซึ้ง
            “ฉันเชื่อว่าสถานการณ์ที่ดีที่สุดเพื่อเริ่มต้น ควรเป็นว่าเธอสองคนบอกฉันเกี่ยวกับการค้นพบที่น่าทึ่งของพวกเธอ” อาจารย์ใหญ่เกริ่นนำอย่างมีอัธยาศัยเมื่อเขาเสกเก้าอี้ตัวหนึ่งสำหรับตนเอง
            เดรโกมองเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งพยักหน้าให้เขา ก่อนเขาจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวผลงานของพวกเขา  ในระหว่างที่เขาพบว่าตนเองชอบมากในการเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้อาจารย์ใหญ่รู้สึกประ-
ทับใจอย่างเห็นได้ชัดนั้น  แต่ส่วนหนึ่งในตัวเขาเกลียดมัน เขากำลังเปิดเผยตัวเขาเองและตัวเธอด้วย สำหรับสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาได้ทำในห้องของพวกเขา ซึ่งผูกพันพวกเขา ที่เป็นของพวกเขา และเดรโกรู้สึกเกลียดที่ต้องแบ่งปันมัน
            เมื่อเดรโกเล่าจบในที่สุด อาจารย์ใหญ่กำลังพยักหน้า มีแสงประกายเปี่ยมด้วยชัยชนะเล็กน้อยในดวงตาของเขา
            “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ฉันเคยกังขามากเลย” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยืนขึ้นและเดินอย่างไร้จุดหมายเหมือนจมอยู่กับความคิด เขาหยุดลงแล้วมองกลับไปที่พวกเขา “ฉันรู้สึกสนใจในเรื่องเหล่าอัศวินแอควิธัสมานานแล้ว  พวกเขาทำให้ฉันรู้สึกทึ่งมาก  พวกเขาเป็นเหล่าบุรุษผู้มี จริยธรรมต่อสู้กับศัตรูชั่วร้าย และสุดท้ายพวกเขาเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่วิธีการต่างๆ ที่พวกเขาได้ใช้เพื่อบรรลุผลตามเป้าหมายต่างๆ ก็ลงเอยเป็นที่น่ารังเกียจพอๆ กับฝ่ายตรงข้ามของพวกเขา  และพร้อมกับการเฟื่องฟูของโวลเดอมอร์ การต่อสู้ของพวกเขาดูเหมือนช่างสอดคล้องตรงกันมากทีเดียว”
            “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดแค่นั้น
            “ฉันหวังอย่างแท้จริงว่าเราคงไม่ต้องลดตัวลงไปถึงระดับเช่นนั้น” อาจารย์ใหญ่เอ่ยเสียงเบา
            ถึงกระนั้นเดรโกก็สังเกตว่าดัมเบิลดอร์ไม่ได้พูดว่าพวกเขาอาจจะไม่
            “ตอนที่ฉันพบบทความสองสามชิ้นซึ่งถูกเขียนโดยโอ’แลรี่ด้วยความบังเอิญ ฉันคิดว่าพวกมันน่าเป็นประโยชน์บ้าง ดังนั้นฉันเลยรับผลงานสะสมทั้งหมดของเขามาไว้ที่โรงเรียน”
            “คุณรู้” เฮอร์ไมโอนี่พูดช้าๆ เมื่อการตระหนักรู้เข้าโจมตีอย่างเต็มที่ “คุณรู้ว่ามันอยู่ที่นั่น คาถาบทนี้”
            “ใช่แล้ว ฉันรู้เรื่องข่าวลือต่างๆ ที่บอกเล่าถึงคาถาบทหนึ่งที่อาจสกัดกั้นคำสาปพิฆาตหรือ” ดัมเบิลดอร์หยุดพัก “ส่งคืนมันไป”
            “คุณหมายความว่ามันเพียงแค่ส่งคำสาปของเขาเองลอยกลับไปหาตัวเขางั้นหรือครับ?” เดรโกถาม
            “มันน่าจะดูเหมือนเป็นแบบนั้น การไต่สวนจากทางกระทรวงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว มือปราบมารหลายคนถูกส่งไปจัดการอย่างฉับไวที่บ้านหลังนั้น สถานที่ที่พ่อของเธอใช้เป็นจุดนัดพบใน
ฮอกส์มี้ด พวกเขาสามารถพบร่องรอยที่เหลือของคำสาปพิฆาตเพียงแค่หนึ่งไม่ใช่สอง” อาจารย์ใหญ่หยุดพูดเพื่อยื่นแท่งลูกกวาดให้เฮอร์ไมโอนี่
            เดรโกไตร่ตรองข้อมูลชิ้นนี้อย่างช้าๆ  เขาไม่ได้ฆ่าลูเซียส ไม่ได้ฆ่าจริงๆ  แต่ทางกระทรวงได้เริ่มการไต่สวน และเดรโกทราบพอสมควรเกี่ยวกับระบบกฎหมายแห่งโลกเวทมนตร์ ทำให้เข้าใจอย่างเต็มที่ถึงสิ่งอาจจะเกิดขึ้นกับเขา
            “ความยุ่งยากแค่ไหนที่ผมควรจะรอคอยครับ?” เดรโกถามอย่างตรงไปตรงมา
            เฮอร์ไมโอนี่เงยขึ้นมองด้วยความแปลกใจ “ความยุ่งยาก ทำไมเธอควรจะอยู่ในความยุ่งยากล่ะ?” เธอเหลือบมองไปที่ดัมเบิลดอร์ผู้ซึ่งกำลังพิจารณาเดรโกอย่างละเอียดทีเดียว “อาจารย์ใหญ่ค่ะ เขาไม่ควรอยู่ในความยุ่งยากใดๆ มันคือลูเซียสผู้เสกคำสาปที่ฆ่าตัวเขาเอง
เดรโกปกป้องหนู เขาไม่ได้...เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ได้โปรดเถิดค่ะ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่กำลังกลายเป็นตื่นตระหนกทีเดียว ขณะที่พ่อมดอาวุโสเพียงแค่มองไปที่เดรโก
            ดัมเบิลดอร์เคลื่อนสายตาจ้องมองของเขามายังเธอในที่สุดและยิ้ม “ไม่ต้องวิตกนะ
มิสเกรนเจอร์ ฉันไม่มีเจตนาอนุญาตให้กระทรวงเข้าใกล้พวกเธอคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม”
            เขาหันรอยยิ้มนี้มาที่เดรโก และเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เดรโกรู้สึกว่าเขาอาจเข้าใจความชื่นชมทั้งหมดของเฮอร์ไมโอนี่ที่มีให้อาจารย์ใหญ่ของพวกเขาน่าจะมาจากที่ไหน
            “ตอนนี้ฉันต้องขอให้พวกเธอทั้งสองคนรักษาสิ่งที่เธอรู้มาไว้เป็นความลับ” ดัมเบิลดอร์หันกลับมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เมื่อเธอเปิดปากเพื่อโต้แย้งแล้วพูดต่อว่า “ฉันมีข้อสงสัยเล็กน้อยว่าความรู้นี้จะถูกถ่ายทอดไปสู่มิสเตอร์พอตเตอร์และมิสเตอร์วีสลี่ย์ในเร็วๆ นี้ ถ้าหากมันยังไม่ได้ทำไปแล้ว” ถึงตอนนี้เขาส่งสายตาอย่างค้นหามาให้เดรโก “และฉันแน่ใจว่ามันจะสามารถเคลื่อนย้ายอย่างช้าๆ ออกไปสู่สายสัมพันธ์หลากหลาย อย่างเช่นพ่ออุปถัมภ์ผู้ดื้อดึงบ้างล่ะ
แต่ฉันขอให้เธอเล่าเพียงแค่บุคคลที่เธอต้องการเล่าเท่านั้น นี่เป็นความรู้ที่มีค่ามากๆ ซึ่งเธอสองคนเป็นเจ้าของ พวกเธอเข้าใจใช่ไหม?”
            เดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ทั้งคู่พยักหน้าอย่างเงียบๆ ภายใต้การจ้องมองอย่างลึกซึ้งของอาจารย์ใหญ่ ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรอื่นให้พูดอีก ในขณะนี้สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจคือมีการป้องกันที่ดีที่สุดไว้ต้านทานโวลเดอมอร์ และการมีคาถาขั้นสูงสุดมากมายของเขากลายเป็นไร้ประโยชน์อย่างทันที ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอนกับฝ่ายของพอตเตอร์และมิตรสหายของเขา
            อาจารย์ใหญ่หยิบลูกกวาดเม็ดเล็กใส่ในปากแล้วยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่ “มิสเกรนเจอร์ที่รัก ฉันเกือบจะลืมไป ผู้ปกครองของเธอน่าจะกำลังมาถึงที่นี่ในอีกไม่กี่ชั่วโมง”
            “อะไรนะค่ะ?” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “แต่พวกท่านต้องอยู่ในไอร์แลนด์เพื่อเข้าร่วมการประชุม”
            “ทันทีที่พวกเขาได้รับแจ้งถึงอุบัติเหตุครั้งนี้ พวกเขาตัดสินใจตัดทอนการเดินทางของพวกเขาให้สั้นลง” อาจารย์ใหญ่หยุดพักสักครู่ราวกับว่ารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูด อาจทำให้สาวน้อยผู้นี้รู้สึกผิดหวัง “ฉันคิดว่าพวกเขาตั้งใจจะพาเธอกลับบ้านพร้อมกับพวกเขา”
            ดวงตาของเดรโกเบิกกว้าง การเรียนการสอนเกือบจะสิ้นสุดแล้ว นั่นเป็นเรื่องจริงและเขาหวังว่าจะใช้เวลาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายราวๆ นั้นร่วมกับเฮอร์ไมโอนี่  เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าพ่อแม่ของเธออาจมีปฏิกิริยากับเรื่องทั้งหมดนี้อย่างไรบ้าง ดูเหมือนว่าไม่ใช่เขาคนเดียว
 เฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน
            “แต่...แต่อาจารย์ใหญ่ค่ะ เรื่องการสอบว่าอย่างไร?” น้ำเสียงเธอสั่นเครืออย่างน่ากลัว “แล้วการสอบ ว.พ.ร.ส. ว่าอย่างไร?”
            ดัมเบิลดอร์หัวเราะหึๆ “ฉันไม่คิดว่าพวกเขาตั้งใจให้เธอลาออกจากโรงเรียนหรอก เด็กน้อย  ฉันเชื่อว่าพวกเขาเพียงแค่อยากทำให้แน่ใจว่าเธอได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ฉันเข้าใจว่าไม่มีนางพยาบาลคนไหนดูแลอาการบาดเจ็บได้ดีกว่ามารดา และเกี่ยวกับเรื่องการสอบปลายภาคของเธอ ฉันได้คุยกับบรรดาอาจารย์ของเธอแล้ว;พวกเขาได้ตกลงกันว่าการเตรียมแผนสอบอีกชุดสามารถทำได้ รวมไปถึง ว.พ.ร.ส. ที่เป็นห่วงด้วย  จะมีข้อสอบชุดใหม่ส่งไปให้ในต้นเดือนมิถุนายน”
            เฮอร์ไมโอนี่ยังคงมองผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ แต่เธอสูดจมูกยาวอย่างสม่ำเสมอสองสามครั้งแล้วสงบอารมณ์ลง “ขอบคุณค่ะ ศาสตราจารย์” เธอพูดเบาๆ
            “ไม่ใช่หรอก มิสเกรนเจอร์  คำขอบคุณเป็นของเธอ สำหรับพวกเธอทั้งสองคนต่างหาก” พ่อมดอาวุโสลุกขึ้นยืน จากนั้นมุ่งตรงไปที่ประตู
            คำถามหนึ่งที่ได้รบกวนเดรโกมาทั้งวันผุดขึ้นมาในใจอย่างฉับพลัน “อาจารย์ใหญ่ครับ?” เดรโกถามเมื่อเขายืนขึ้นเช่นกัน “คุณทราบได้อย่างไรว่าเราอยู่ที่ฮอกส์มี้ด?”
            เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างสนใจเมื่อศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หันกลับมาหาพวกเขา
            “นั่นเป็นคาถามที่ดีมาก มิสเตอร์มัลฟอย” นัยน์ตาสีน้ำเงินของเขาเป็นประกาย “มิส
พาร์กินสันได้คอยฉันอยู่แล้วตอนที่ฉันกลับมาจากการประชุมเร็วขึ้น หล่อนรู้สึกวิตกกังวลทีเดียวตอนที่ฉันพบหล่อน ดูเหมือนว่าหล่อนได้ถูกชักนำไปในทางที่ผิดโดยพ่อของเธอ”
            เดรโกหัวเราะอย่างดูหมิ่น “ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นรึ? หล่อนรู้ตัวว่าหล่อนกำลังทำอะไร”
            “ฉันไม่คิดเช่นนั้น มิสเตอร์มัลฟอย” ดวงตาอาจารย์ใหญ่แน่วแน่ “หล่อนอาจจะไม่ใช่เป็นคนแรกที่ตกเป็นเหยื่อในการจัดการเรื่องต่างๆ ของลูเซียส มัลฟอย   ฉันคิดว่าหล่อนค่อนข้างไม่รู้เรื่องรู้ราวในอันตรายที่เกิดขึ้นกับมิสเกรนเจอร์  และฉันนับถือตัวเองเสมอๆ ในการวินิจฉัยที่ค่อนข้างดีเกี่ยวกับเรื่องลักษณะนิสัย” เขาหมุนตัวกลับแล้วก้าวออกไปจากประตู ปล่อยทั้งสองคนไว้ตามลำพัง
            “การวินิจฉัยที่ค่อนข้างดีเกี่ยวกับเรื่อลักษณะนิสัยงั้นรึ?” เดรโกหัวเราะอย่างประชดประชัน เมื่อประตูปิดลงด้านหลังอาจารย์ใหญ่ “นั่นมาจากผู้ชายคนที่เคยจ้างล็อกฮาร์ท”
            เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะบ้าง เดรโกหันกลับมามองเธอ “ถ้าอย่างนั้นเธอก็กำลังจะจากไป” เขาพูดเรียบๆ
            “ฉันคิดว่าอย่างนั้น” เธอตอบกลับแบบเดียวกัน ขณะที่เธอพิจารณาผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่
            “นั่นน่าจะดีนะ ได้กลับไปอยู่ที่บ้านเร็วขึ้น” เขาพูดอย่างไม่ค่อยน่าเชื่อ เมื่อเขาเดินกลับมาที่เก้าอี้ของเขา
            “ใช่เลย ฉันคิดเหมือนกัน” เธอตอบอย่างไม่แน่ใจพอกัน “เดรโก” เธอหยุดแล้วกัดริมฝีปาก
            “อะไร?”
            “เรื่องของเราว่ายังไง?” เธอถามโดยไม่เงยขึ้นมอง ใบหน้าเธอกำลังเริ่มเป็นสีแดง
            “เรื่องของเรารึ?” เขาสวนกลับอย่างทันควัน เขาเกลียดคำถามแบบนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เพราะว่าเขาไม่แน่ใจอย่างยิ่งถึงสิ่งที่เธอกำลังถามเขา แต่เพราะว่าเขาไม่ทราบว่าเขารู้คำตอบหรือไม่เช่นกัน
            เธอเงยขึ้นมาจ้องเขม็งกับน้ำเสียงของเขา “แล้วทั้งหมดนี่จบแล้วรึ? เมื่อฉันกลับมาในฤดูใบไม้ร่วง ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นเหมือนอย่างที่มันเคยเป็นระหว่างเราไหม?”
            เดรโกแทบจะยิ้มกว้างด้วยความโล่งอก เขารู้คำตอบสำหรับคำถามนี้ “เธอรู้จักมัลฟอยน้อยมากๆ อย่างเห็นได้ชัด เกรนเจอร์” เดรโกพูดแล้วจับมือเธอมาไว้ในมือเขา “เราไม่เคยปล่อยอะไรที่เป็นของเรา”
            เฮอร์ไมโอนี่ทำความเข้าใจในคำพูดของเขาอยู่สักพัก “เธอรู้ไหม มัลฟอย มันเป็นเรื่องดีที่ฉันพบว่าเธอค่อนข้างจะมีเสน่ห์น่าหลงใหล หรือฉันควรจะแค่ตบหน้าเธอสำหรับเรื่องนั้น”
            “ฉันรู้”
            เดรโกชะโงกข้ามเตียงและจุมพิตเธออย่างสุภาพ ริมฝีปากเขาแทบจะไม่สัมผัสเธอ แต่อย่างไรก็ตามเขารับรู้ถึงความรู้สึกที่รุนแรงทั้งหมดภายใต้มัน เขาเอนตัวกลับแล้วยิ้มกว้างวางโตใส่เธอ
            “อะไร?”
            “เธอคิดว่าฉันมีเสน่ห์น่าหลงใหล”
            “”โอ้ หุบปากเลย” แต่เฮอร์ไมโอนี่กำลังยิ้มกว้าง
            “เอาล่ะ ฉันขอบอกเธอว่าฉันเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลที่สุดในโรงเรียน”


TBC

No comments:

Post a Comment