Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

Rhythm of the Relations Series I


Series I  การ์ดสะสมภาพกบช็อคโกแลต

Author: Jamy

****1*****


เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงที่โต๊ะตรงมุมที่ลึกที่สุดของห้องสมุด เพื่อหามุมสงบในการอ่านหนังสือ ตรงหน้าของ
เธอมีหนังสือกองจนดูเหมือนภูเขาย่อมๆ เธอเลือกหยิบหนังสือ ‘ตำราเห็ดรา 1000 ชนิด’ ออกมาอ่าน แต่ยังไม่ทันได้เปิดอ่าน 
เธอก็สังเกตเห็นว่ามีของอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนการ์ดเล็กๆ คั่นหนังสือไว้ เมื่อเปิดหนังสือออกดู
เฮอร์ไมโอนี่ก็พบแผ่นการ์ดสะสมภาพจากกบช็อคโกแลตรูปของ ‘อะกริปป้า’ 

‘ได้ข่าวว่าหายากซะด้วย’ เธอคิด ‘ป่านนี้เจ้าของคงหาใหญ่แล้วมั้ง’ เธอคิดดังนั้นจึงพลิกหนังสือดูรายชื่อผู้ที่ขอยืมคนล่าสุด เพื่อเธอจะได้นำการ์ดภาพนี้ไปคืน ปรากฏว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่มีใครมาขอยืมหนังสือเล่มนี้เลย
 จนกระทั่งสัปดาห์ก่อน ‘ไม่น่าเชื่อ’ เด็กหญิงคิด ‘ว่าคุณหนูผู้เย่อหยิ่งจะเล่นสะสมของพวกนี้ด้วย’ 
เฮอร์ไมโอนี่เบะปากเมื่อเห็นว่าชื่อของคนที่ยืมคนล่าสุดคือ เดรโก มัลฟอย เธอกำลังจะนำการ์ดใบนั้นไปทิ้งที่ถังขยะ
ข้างๆ ตัวด้วยสีหน้ารังเกียจ แต่แล้วก็หยุดชะงัก ‘ไม่เอาดีกว่า’ เธอคิด ‘อยากจะรู้นักว่า หมอนั่นจะทำหน้ายังไง 
ถ้าเราเอาของไร้สาระแบบนี้ไปคืน’ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มมุมปากนิดๆ เธอคิดว่าของพวกนี้เป็นของ ‘ไร้สาระ’ 
เพราะแน่นอน เธอไม่จำเป็นต้องมีการ์ดภาพพวกนี้ ก็สามารถจำได้หมดว่าพ่อมดแม่มดคนไหน
 มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และของพวกนี้ก็เป็นที่นิยมในหมู่เด็กผู้ชายเสียเป็นส่วนใหญ่

. . . . .


เดรโก มัลฟอย กำลังเดินหาหนังสือ ‘ตำราเห็ดรา 1000 ชนิด’ ด้วยสีหน้าหงุดหงิด เมื่อหาไม่พบเขาจึงเดินไป
หามาดามพินซ์ เพื่อสอบถามว่ามีคนยืมหนังสือเล่มนั้นไปหรือเปล่า 

“เสียใจด้วยนะ มิสเตอร์มัลฟอย” มาดามพินซ์พูดขึ้น หลังจากได้ฟังความประสงค์ของมัลฟอยแล้ว 
แน่นอนเขาไม่ได้บอกว่าลืมอะไรไว้ 

“เพิ่งมีคนมาลงชื่อขอยืมไปเมื่อสักครู่นี้เอง” 

“อะไรกัน! ผมเพิ่งจะเอามาคืนเมื่อเช้านี้เองนะ” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ 

มาดามพินซ์เหลือบมองเขานิดหนึ่งก่อนพูดด้วยเสียงเรียบๆ ว่า 

“คนที่ยืมไปยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนี้แหละ เธอลองเดินไปถามเขาดูสิว่าพบของที่เธอลืมไว้บ้างมั้ย” 

แล้วเธอก็พยักเพยิดให้มัลฟอยมองไปทางด้านในสุดของห้องสมุด ซึ่งมีทางแยกซ้ายขวาอยู่ระหว่างตู้หนังสือกับหน้าต่างด้วย 

“ฉันคาดว่าเธอคงจะนั่งอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของสุดทางเดินนั่นแหละ” แล้วเธอก็หันไปสนใจจัดกองหนังสือของเธอต่อ โดยไม่หันกลับมามองมัลฟอยอีกเลย 

มัลฟอยลังเลใจอยู่นิดนึง เพราะเขารู้สึกอายนิดๆ ที่จะเดินไปขอของแบบนั้นคืนจากนักเรียนคนอื่น เนื่องจากของนั้นเป็นสิ่งที่คนอย่างเขาไม่น่าจะเล่นสะสมเอาเสียเลย แต่อีกใจนึงก็นึกเสียดาย เพราะรูปของ ‘อะกริปป้า’ นั้นหายากมาก เขาต้องขนซื้อกบช็อคโกแลตไม่ต่ำกว่า 500 กล่อง กว่าจะเจอรูปนี้ ไหนจะต้องแอบพ่อของเขาอีกเพราะพ่อของเขาจะรู้ไม่ได้ว่าเขาเล่นสะสมของอะไรที่ดูเป็นของ ‘ชั้นต่ำ’ ในสายตาของพ่อ

มัลฟอยชั่งใจอยู่นิดนึงก็คิดขึ้นว่า ‘แต่เขาอาจจะยังไม่ทันเห็นการ์ดนั่นก็ได้’ เขาหรี่ตาลง พลางนึกวิธีที่จะพูดต่อไป
‘ก็แค่แกล้งบอกว่า จะขอดูข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อไปแก้ไขการบ้านก็ได้นี่นะ’

ในที่สุด มัลฟอยก็ตัดสินใจเดินไปตรงสุดทางเดินนั้น ตรงมุมในสุดด้านขวา เขาเห็นหนังสือกองท่วมอยู่บนโต๊ะซึ่งสูงจนท่วมหัวคนที่นั่งอยู่หลังกองหนังสือนั้น เขาเอะใจ เพราะเท่าที่รู้ คนที่มักจะมาอ่านหนังสือกองโตท่วมหัวแบบนี้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น ‘คงไม่หรอกน่า..อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น’ เขาคิด 

ในขณะที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเดินเข้าไปดีหรือไม่นั้น บุคคลที่นั่งอยู่หลังกองหนังสือนั่นก็ลุกขึ้นยืนพอดี \
แล้วเขาก็พบว่าสิ่งที่เขาสงสัยเมื่อครู่เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะบุคคลนั้นไม่ใช่ใครอื่น 

“ยัยเกรนเจอร์” เขาอุทานเบาๆ พร้อมเบะปาก 

เฮอร์ไมโอนี่มองเขานิดหนึ่ง ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และเริ่มหอบหนังสือใส่มือ เพื่อจะลงไปรับประทานอาหารกลางวันโดยแกล้งหยิบหนังสือเล่มนั้นไว้หน้าสุดให้เขาเห็น มัลฟอยชะงักเมื่อเห็นหนังสือเล่มนั้น เขาเม้มริมฝีปากนิ่ง กำลังคิดอยู่ว่าจะขอหนังสือจากเธอดีไหม 

“นายจะยืนขวางทางฉันอีกนานมั้ย”เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยขึ้น เธอรู้สึกพอใจที่เห็นมัลฟอยทำท่ากระอักกระอ่วนอยู่ตรงหน้า 

“คือ…” 

เขามีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็กลับมาทำหน้าตาเย็นชา เขาเชิดหน้านิดๆ มองเฮอร์ไมโอนี่เหยียดๆ แล้วพูดว่า 

“ฉันต้องการหนังสือเล่มนั้น เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการบ้านของฉัน เธอยังเอามันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” เขาพูดอย่างวางอำนาจ 

“อ๋อ..เหรอ..” เธอพูดพร้อมกับเลิกคิ้ว “หาข้อมูลเกี่ยวกับ ‘อะกริปป้า’ รึเปล่า” มัลฟอยชะงัก หน้าที่ปกติดูซีดเซียวของเขาเริ่มมีสีชมพูนิดๆ 

“ไม่น่าเชื่อนะว่าคนอย่างนายจะเล่นสะสมของพวกนี้ด้วย” เฮอร์ไมโอนี่ได้ที เธอวางหนังสือลง แล้วหยิบการ์ดภาพนั้นขึ้นมาถือไว้ในมือ พลางยิ้มล้อๆ ไปที่เขา 

“เอาคืนมา” มัลฟอยตะคอก 

“นี่เหรอวิธีขอของคืนจากคนอื่น ของคุณหนูที่อยู่ในตระกูลสูงศักดิ์อย่างนาย” เด็กหญิงพูดขึ้นอย่างใจเย็น มัลฟอยนิ่ง
 เขามองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมาก

“แล้วเธอจะคืนรึเปล่าล่ะ” เขาสะบัดหางเสียงอย่างหงุดหงิด 

“นายก็ต้องขอร้องฉันดีๆ ก่อนสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเป็นต่อ 

“ฝันไปเถอะ!” มัลฟอยโพล่งออกมา เขามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างโกรธจัด 

“งั้น…” เฮอร์ไมโอนี่เปรยขึ้น “ฉันเอาการ์ดนี้ไปให้รอนดีกว่า เห็นกำลังหาอยู่พอดี” เธอพูดพร้อมชายตามองเขานิดนึง 
พลางนึกพอใจที่คราวนี้เป็นทีของเธอบ้าง ได้ผล มัลฟอยทำตาโต และตะโกนเสียงลั่น 

“ว่าไงนะ!!!” เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เธอตกใจที่เขาเสียงดัง มัลฟอยลืมไปแล้วหรือไงว่าในนี้คือห้องสมุด เธอจึงปรามเขาค่อยๆ
ว่า 

“ชู่ว์….นี่มันห้องสมุดนะมัลฟอย นายจะตะโกนไปทำไม เราก็อยู่ใกล้กันแค่เนี้ย” มัลฟอยมองเธออย่างเย็นชา
 พร้อมพูดขึ้นว่า 

“เธอคิดว่าฉันอยากจะอยู่ใกล้เธอนักเรอะ” เขามองเธอเหยียดๆ “ตกลงเธอจะคืนให้ฉันได้รึยัง” เขาพูดขึ้นมาอีก 

“ถ้าเธอจะเอาไปให้วิสลีย์ละก็นะ ฉันเอาไปให้สกรู๊ตปะทุไฟของเจ้ายักษ์นั่นเผาเล่นยังจะดีซะกว่า” 

เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่เขา ตอนนี้เธอเริ่มฉุนนิดๆ แล้ว 

“มัลฟอย นี่นายรู้จักที่จะพูดดีๆ กับคนอื่นเค้าบ้างรึเปล่าเนี่ย” เธอพูด 

“ฉันจะไม่คืนการ์ดบ้าๆ ใบนี้ให้นายเด็ดขาด ถ้านายไม่ขอฉันดีๆ” เธอเชิดหน้าใส่เขา มัลฟอยเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น 

“นี่เธอจะลีลาไปถึงไหน ฉันเพิ่งรู้นะว่าพวกเลือดสีโคลนเนี่ย นอกจากจะมีชาติตระกูลต่ำแล้ว ยังจะชอบยึดเอาของๆ
 คนอื่นไปเป็นของตัวเองอีก” เขาส่งสายตาดูแคลนมาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ 

“หรือว่า..” เขายังคงพูดต่อไปอีก 

“เธอนึกอยากจะสะสมของๆ ฉันไว้ในครอบครอง เพื่อเอาไว้อวดสาวๆ ในหอกริฟฟินดอร์กันแน่” 

เขาเริ่มยั่วโมโหเธอบ้าง เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดจายั่วเธอแบบนี้ 

“ก็ได้! เอาคืนไป ฉันไม่ได้อยากได้ของๆ นายนักหรอก” เธอพูดพร้อมยื่นการ์ดนั้นคืนให้เขา 

มัลฟอยมองมือที่ยื่นออกมาด้วยสายตารังเกียจ และเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะปกปิดความรังเกียจที่มีต่อเธอไว้เลยซักนิด 

“เอาไปสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นอีก 

“วางไว้บนโต๊ะ” เขาสั่ง เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่าง งงๆ 

“ไม่เข้าใจเหรอ ฉันบอกให้วางไว้บนโต๊ะ นี่เธอคงไม่คิดหรอกนะว่าฉันจะรับของจากมือสกปรกโสโครกของเธอ!” 
เขาพูดด้วยน้ำเสียงชิงชังเป็นที่สุด เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึง เธอนึกไม่ถึงว่ามัลฟอยจะรังเกียจเธอมากถึงขนาดนี้
 เธอทั้งเสียใจ ทั้งโกรธจนตัวสั่น 

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะส่งของให้กับมือคนอย่างนายเหมือนกัน!” เธอตะโกน พร้อมปาการ์ดใบนั้นใส่หน้ามัลฟอยเต็มแรง 
และวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที 

มัลฟอยรู้สึกโกรธที่เธอปาการ์ดใส่หน้าเขา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็วิ่งไปซะแล้ว เขามองการ์ดที่ตกอยู่ที่พื้นครู่หนึ่ง
 แล้วก็เอามือล้วงไปหยิบไม้กายสิทธิ์ ส่วนอีกมือหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา 

“การ์ด แอ็กซิโอ” เขาเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดการ์ดนั้น พร้อมกับพูดว่า 

“เชอะ..ไม่รู้ว่ายังมีเศษโคลนจากยัยนั่นติดอยู่บ้างรึเปล่า” แล้วเขาก็หันไปทิ้งผ้าเช็ดหน้าลงถังขยะ ด้วยสีหน้ารังเกียจ 

เป็นเวลาเดียวกับที่เฮอร์ไมโอนี่ เดินกลับมาเพราะเธอลืมการบ้านและหนังสือทิ้งไว้ ซึ่งเธอได้ทันเห็นการกระทำและ
ได้ยินคำพูดของมัลฟอยพอดี เธอยกสองมือปิดปาก ตกตะลึงกับการกระทำของเขา เธอรู้ดีว่ามัลฟอยดูถูกเหยียดหยาม
ที่เธอเป็นลูกมักเกิ้ล แต่ไม่คิดว่ามันจะมากมายถึงเพียงนี้ 

“อ้อ…กลับมาเอาหนังสือเนี่ยเรอะ…ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่า หนังสือที่ฉันยืมอ่านจากห้องสมุด จะเคยผ่านมือเน่าๆ 
ของเธอมาแล้ว” 

เพี้ยะ!! 

เฮอร์ไมโอนี่ตบหน้าเขาเต็มแรง มัลฟอยไม่ทันตั้งตัว จึงเซถลาไปชนโต๊ะเข้า เมื่อตั้งตัวได้ เขาก็หันขวับมามองเธอด้วย
แววตาที่โกรธจัด แต่เขาก็แค่ทันเห็นเฮอร์ไมโอนี่สะบัดหน้าวิ่งหนีไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาเห็นข้างแก้มเธอมีน้ำตา
เอ่อออกมาด้วย 

*****2***** 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ลงไปรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนๆ ของเธอ ตอนนี้เธอนั่งอยู่ริมทะเลสาป พลางนึกถึง
แววตาที่แสดงออกถึงความรังเกียจของมัลฟอยที่มีต่อเธอ เธอไม่เข้าใจว่า แค่เธอเกิดมาจากครอบครัวมักเกิ้ล 
ทำไมถึงทำให้มีคนรังเกียจเธอได้มากมายขนาดนี้

โครม! 

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เธอหันมามองต้นเสียง แล้วก็แปลกใจที่เห็นมัลฟอยยืนอยู่ตรงนั้น 

“มาดามพินซ์ ให้ฉันเอากองหนังสือกับการบ้านที่เธอทิ้งไว้มาให้” เขาพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก 

“เพราะหล่อนเห็นที่เราทะเลาะกัน” แล้วเขาก็มองเธอด้วยสายตามุ่งร้าย 

“เธอกล้าตบฉัน” เขาคำราม “ไม่เคยมีใครกล้าทำกับฉันแบบนี้มาก่อน แถมใช้มือสกปรกๆ นั่นด้วย” 

เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้านิ่ง เธอไม่อยากฟังคำพูดดูถูกเหยียดหยามจากเขาอีกต่อไปแล้ว 

“แต่ฉันก็ได้เห็นน้ำตาเธอนี่นะ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีเลือดสีโคลน จะมีน้ำตาใสเหมือนพวกเลือดบริสุทธิ์เลยแฮะ” 

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมาจ้องเขาเขม็ง 

“มันจะมากเกินไปแล้วนะมัลฟอย” เธอตะโกน ชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาโบกพร้อมแผดเสียงลั่น 

“เฟอร์นันคูลัส” 

ซึ่งพอดีกับที่มัลฟอยหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาโบกไปที่เธอเช่นกัน 

“กรี๊ด!!” 

เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้อง เมื่อร่ายกายของเธอค่อยๆ พองขึ้น..พองขึ้น..ขณะเดียวกัน มัลฟอยก็เริ่มมีฝีหนองผุดขึ้นตามตัว 

“อ้ากก!!” เขาร้อง 

โชคดีที่นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้า 

“เกิดอะไรขึ้น!” เด็กคนนึงร้องอย่างตกใจ 

“ไปตามอาจารย์ เร็ว!” เด็กอีกคนตะโกนขึ้น หลังจากตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น สักพักศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็วิ่ง
หน้าตาตื่นเข้ามา 

“นี่มันอะไรกัน!! พวกเธอเสกคาถาใส่กันเรอะ” เธอกล่าวอย่างตกใจ แต่มีสีหน้าโกรธจัด พลางโบกไม้กายสิทธิ์
ไปที่เด็กทั้งสอง ฝีหนองที่ขึ้นมาไม่หยุดตามร่างกายมัลฟอยเริ่มหยุดลุกลาม ส่วนตัวของเฮอร์ไมโอนี่ก็หยุดพองขึ้นแล้ว 

“หักกริฟฟินดอร์กับสลิธีริน บ้านละ 50 คะแนน และกักบริเวณทั้งสองคน!” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าว
เสียงเฉียบขาด 

“ฉันผิดหวังในตัวเธอมากนะ มิสเกรนเจอร์” ประโยคหลังเธอหันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ น้ำเสียงและสีหน้าแสดง
ออกถึงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด 

“มิสอับบอต เธอช่วยพาสองคนนี้ไปห้องพยาบาลด้วย” เธอหันไปสั่ง แฮนนาห์ อับบอต เด็กหญิงบ้านฮัฟเฟิลพัฟ 

“ค่ะ” เธอรับคำ

. . . . . .

หลังจากที่มาดามพรอมฟรีย์ให้ทั้งสองดื่มยาแล้ว เธอก็สั่งให้นอนพัก มัลฟอยยังคงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด 
เฮอร์ไมโอนี่ที่นอนอยู่เตียงข้างๆ หันหลังให้เขา เธอมีน้ำตาเอ่อ รู้สึกผิดที่เธอให้อารมณ์ชั่ววูบมาสร้างความผิดหวัง
ให้กับศาสตราจารย์ประจำบ้านของเธอ และเสกคาถารุนแรงแบบนี้ใส่มัลฟอย เธอรู้ว่าถ้าเทียบกับคาถาที่มัลฟอยเสกใ
ส่เธอแล้ว คาถาฝีหนองที่เธอเสกนั้น สร้างความเจ็บปวดให้แก่เขามากมายหลายเท่านัก แต่เธอก็หยิ่งเกินกว่าจะกล่าว
คำขอโทษ และรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ยินดีรับคำนัก สักพักเสียงของมัลฟอยก็เงียบไป เธอรู้ว่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว
 และเธอเองก็เริ่มง่วงเช่นกัน

                                                     . . . . . .

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งตื่นเมื่อเธอได้ยินเสียงคนคุยกันข้างๆ เตียงของเธอ แฮร์รี่กับรอนนั่นเอง 

“ตื่นแล้วเหรอ เฮอร์ไมโอนี่” รอนทัก 

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” แฮร์รี่ถามขึ้นบ้าง 

“เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังทีหลังแล้วกันนะ” เธอพูดพลางเหลือบไปมองมัลฟอย ที่ตอนนี้มีแครปและกอยล์มาเยี่ยมเช่นกัน
 สมุนทั้งสองของเขาหันมามองเธอด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร 

“นี่กี่โมงแล้ว” เธอถาม 

“ทุ่มครึ่ง” รอนบอก “เธอพลาดเรียนวิชาปรุงยา” เขาเอ่ยขึ้นอีก 

“และฉันกล้าสาบานเลยว่า ถ้าหมอนั่นไม่ป่วยด้วย ยาที่เราปรุงกันวันนี้ต้องออกสอบแน่นอน” เขาว่าพลางส่งสายตา
ชิงชังไปที่มัลฟอย 

“ฉันต้องไปพบศาสตราจารย์มักกอนนากัลตอนสองทุ่ม” เด็กหญิงรีบพูดก่อนที่รอนจะหันไปหาเรื่องมัลฟอย 

“ฉันกับมัลฟอยถูกกักบริเวณ” 

“กับหมอเนี่ยนะ!” รอนพูดอย่างไม่พอใจ 

“เอาน่ารอน..ต่อหน้าอาจารย์มัลฟอยคงไม่กล้าทำอะไรหรอกอีกอย่าง เรื่องคราวนี้ก็คงทำให้เขาได้บทเรียนบ้างละ”
 แฮร์รี่พูดพร้อมส่งยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอไม่ได้ยิ้มตอบเพราะเธอรู้สึกว่าบทเรียนครั้งนี้ราคาแพงเกินไปสำหรับเธอ 
เธอทำให้บ้านเสีย 50 คะแนน เจ็บตัว ถูกกักบริเวณ และที่สำคัญ เธอทำให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลผิดหวังในตัวเธอ 

“ฉันไปก่อนนะ” เธอพูดขึ้นเมื่อเห็นมัลฟอยกำลังลุกจากเตียง 

“แล้วเจอกันที่ห้องนั่งเล่นรวมนะ” รอนว่า 

“อืม” เธอรับคำ แล้วเดินตามมัลฟอยไป 

ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันเลยตลอดทาง เฮอร์ไมโอนี่เดินตามมัลฟอยไปเงียบๆ เธอสังเกตเห็นว่าผิวหนังเขาบางส่วนยัง
มีรอยช้ำแดงๆ หลงเหลืออยู่บ้าง เมื่อมาถึงห้องพักอาจารย์ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็รออยู่แล้ว 

“มาแล้วเหรอมิสเกรนเจอร์ มิสเตอร์มัลฟอย” เธอละสายตาจากหนังสือ มองมาทางเด็กทั้งสอง 

“ฉันจะไม่ถามถึงสาเหตุที่เธอสองคนทะเลาะกันหรอกนะ แต่ฉันไม่ต้องการเห็นนักเรียนมีความขัดแย้งกันแบบนี้อีก” 
เธอหยุดมองทั้งคู่อย่างพิจารณา ก่อนจะพูดต่อว่า


“ฉันอยากให้เธอกล่าวขอโทษกันและกัน และจับมือกัน เพื่อเป็นการสงบศึกซะที” เธอพูดพร้อมมองหน้าเด็กทั้งสอง
 เฮอร์ไมโอนี่เหลือบไปมองมัลฟอย เขาเหล่ตามามองเธอเช่นกัน เด็กชายเชิดหน้านิดๆ ก่อนจะถอนใจยาว 
เขาหันมาหาเธอ 

“ขอโทษ” เขากล่าวเสียงเย็น พร้อมยื่นมือมาให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจ เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะยอมทำแต่โดยดีแบบนี้

“เอ่อ…” เธออึกอัก “ฉัน…ฉันก็ต้องขอโทษนายด้วยเช่นกัน” เธอยื่นมือออกไปจับกับเขา แต่ทันทีที่มือของทั้งสองสัมผัส
กัน มัลฟอยก็รีบชักมือกลับทันที เหมือนแค่ทำเป็นพิธีอย่างเสียไม่ได้เท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่สังเกตว่าเขาแอบเอามือเช็ด
หลังเสื้อคลุม เธอรู้สึกเสียใจนิดๆ กับการกระทำของเขา แต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้แค่นั้น เมื่อศาสตราจารย์มักกอนนา
กัลเอ่ยขึ้นว่า 

“ฉันหวังว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองนะ” เธอลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวกับเด็กทั้งสองว่า 

“เนื่องจากมาดามพินซ์ได้รายงานมาว่า เธอสองคนเริ่มทะเลาะกันที่ห้องสมุด และทำเสียงดังรบกวนคนอื่น ฉะนั้น
 วันนี้ฉันจะกักบริเวณเธอสองคนโดยการให้ไปจัดหนังสือที่ห้องสมุดให้เรียบร้อย โดยไม่ใช้เวทมนตร์เข้าช่วย 
เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับหอได้” เธอหยุดมองหน้าเด็กทั้งสองแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้เด็กทั้งสองรู้ว่าให้ไปได้แล้ว 
ทั้งสองจึงเดินออกจากห้องพักอาจารย์ ตรงไปยังห้องสมุด… 

                                                 . . . . . .

ตลอดเวลาที่ทำงานกันอยู่นั้น มัลฟอยไม่พูดกับเฮอร์ไมโอนี่อีกเลย เธอเองก็ไม่อยากจะพูดกับเขาเช่นกัน ทั้งสองรู้สึก
อึดอัดและอยากรีบทำงานให้เสร็จๆ จะได้กลับหอนอนเสียที ขณะที่ทั้งสองกำลังช่วยกันจัดหนังสือเข้าชั้นหนังสือมุม
ในสุดนั้น กรอบรูปขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ที่ผนังด้านนั้นเกิดหลุดลงมา บุคคลในรูปภาพร้องลั่น
“ระวัง!!”
มัลฟอยหันมามองขวับ เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ไม่ทันแล้ว จึงรีบยกมือขึ้นค้ำรูปภาพไว้ เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งยืนอยู่ใกล้
ภาพมากกว่าสะดุ้งเฮือก เธอรีบยกมือขึ้นช่วยมัลฟอยค้ำภาพนั้นไว้ทันที ตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันจนเกือบชิด
 เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เธอเบือนหน้าไปทางอื่น รู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก 

เมื่อเห็นท่าทางของเด็กหญิง มัลฟอยก็เบะปาก เขากำลังจะหันหน้าหนี แต่ก็ชะงัก เมื่อกลิ่นแชมพูอ่อนๆ
 จากผมของเฮอร์ไมโอนี่มาปะทะจมูกเขา เด็กชายหันกลับมามองหน้าเธอ แล้วจู่ๆ ใจเขาก็เต้นแรงขึ้น 
และรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า เฮอร์ไมโอนี่เองเมื่อรู้สึกว่าเขามองหน้าเธออยู่ เธอจึงหันกลับมามองเขาบ้าง แว่บหนึ่ง 
เธอรู้สึกว่า สายตาของมัลฟอยปราศจากความเย็นชาอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองประสานสายตากัน และนิ่งกันไปชั่วครู่ 
มัลฟอยจึงทำลายความเงียบขึ้น 

“เธอ…มีไม้กายสิทธิ์มารึเปล่า” เขาถาม ตอนนี้สายตาเขากลับมาเย็นชาเหมือนเดิมแล้ว 

“เอ่อ…” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก “มีสิ” เธอว่า พร้อมทำหน้าฉงน 

“ถ้ามี ก็เอามาโบกให้รูปภาพกลับไปอยู่ที่เดิมสิ” เขาพูดเสียงยานคาง 

“นี่เธอคงไม่คิดจะยืนค้ำภาพนี้ไปตลอดทั้งคืนหรอกนะ” เขามองเธอเหยียดๆ 

“แล้วทำไมเธอไม่ทำเองล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เถียง เธอเริ่มไม่พอใจที่เขามองเธอด้วยสายตาแบบนั้น 

มัลฟอยมองเธอนิ่ง เขายิ้มเยาะๆ แล้วพูดขึ้นว่า 

“ถ้าเธอคิดว่าเธอค้ำภาพนี้คนเดียวไหวล่ะก็….ฉันทำเองก็ได้” 

เฮอร์ไมโอนี่นึกขึ้นได้ เธอจึงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “งั้นฉันจัดการเอง” 

แล้วเธอก็ล้วงมือไปหยิบไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุม โบกให้รูปภาพกลับไปอยู่บนผนังเหมือนเดิม 

“ขอบใจนะจ๊ะเด็กๆ” บุคคลในภาพเอ่ยอย่างใจดี 

“ด้วยความยินดีค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่หันไปยิ้มให้รูปภาพ พลางคิดว่ามัลฟอยแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ..ก็รูปภาพนี้น่ะ 
เบาๆ ซะที่ไหนกัน เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมา แต่ปรากฏว่ามัลฟอยไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว เธอจึงร้องเรียกเขา

“มัลฟอย”
-เงียบ- 

“มัลฟอย!” 

เธอเรียกอีกครั้ง น้ำเสียงเริ่มสั่นนิดๆ นี่เขาหายไปไหนของเขาเร็วขนาดนี้นะ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มใจเสีย เพราะตอนนี้
เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว บรรยากาศรอบๆ จึงเงียบสงัดและน่ากลัวมาก หากเธอต้องอยู่ในนี้คนเดียว 

“มัลฟอย นายอยู่ไหน!!” เธอเริ่มตะโกน 

“เธอจะตะโกนเรียกฉันทำไมน่ะ” มัลฟอยถามอย่างรำคาญ เขาขมวดคิ้วเดินออกมาจากอีกมุมหนึ่ง 

“เอ่อ…คือ…ฉัน….นึกว่านาย..เอ่อ…หายไปน่ะ..” เฮอร์ไมโอนี่พูดเก้อๆ เมื่อเห็นว่าที่จริงเขาอยู่อีกฝั่งของชั้นหนังสือนั่นเอง

“หาย..??..เธอจะบ้าเหรอ..ฉันจะหายไปได้ยังไงกัน ฉันก็แค่เข้าไปเช็คดูว่ายังมีหนังสือหลงเหลืออยู่บ้างรึเปล่าแค่นั้น”
 เขามองเฮอร์ไมโอนี่ครู่หนึ่ง หรี่ตาลง แล้วพูดว่า 

“เพิ่งรู้ว่าเด็กท็อปของชั้นปีอย่างเธอกลัวความมืด” 

เขายิ้มมุมปากนิดๆ เป็นเชิงล้อเลียน “เพี้ยนจริงๆ” เขาส่ายศีรษะแล้วเดินนำหน้าไป 

“นั่นนายจะไปไหน” เฮอร์ไมโอนี่รีบถามทันที เธอรู้สึกเสียหน้าที่ทำอะไรไม่เข้าท่าให้เขาเห็น 

“กลับหอ…หรือเธอจะนอนที่นี่” เขาเลิกคิ้วมองเธอ 

เด็กหญิงเม้มปาก พลางสะบัดหน้าเดินกระแทกส้นเท้าแซงหน้าเขาไป ปลายผมของเธอสะบัดไปโดนหน้ามัลฟอย
 เขาจึงได้กลิ่นหอมและรู้สึกร้อนที่ใบหน้าอีกครั้ง เขามองตามเธอไป ต้องการหยุดเธอไว้ก่อน จึงพูดขึ้นว่า 

“นึกว่าพวกเลือดสีโคลนจะตัวเหม็นซะอีก” 

เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก เธอหมุนตัวกลับมาถามเขาเสียงแข็ง 

“นายหมายความว่าไง” มัลฟอยยักไหล่ 

“ก็ไม่ว่าไง ฉันก็แค่คิดว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ” 

เด็กหญิงหน้าแดงด้วยความอาย นี่เขากำลังชมเธอเหรอ แต่แล้วหน้าที่แดงด้วยความอาย ก็เปลี่ยนเป็นแดงด้วยความ
โกรธทันทีที่เขาพูดต่อ 

“เพราะเลือดในตัวเธอมันโสโครก!” มัลฟอยกลับมาทำหน้าตาเย็นชาใส่เธออีกครั้ง 

เฮอร์ไมโอนี่กำมือแน่น แต่เธอก็ไม่พูดว่าอะไร และหันหลังเดินกลับไปทางเดิม เธอพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างที่สุด 
เพราะเธอไม่นึกอยากมีเรื่องกับมัลฟอยจนต้องถูกกักบริเวณอีกรอบหรอก 

มัลฟอยมีท่าทีแปลกใจที่เธอไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาเหมือนปกติ เขาจึงเดินตามเธอไป เพื่อจะหาเรื่องต่อ 

“ไม่เถียง แสดงว่ายอมรับ ว่าเธอมันโสโครกจริงๆ” 

ได้ผล เฮอร์ไมโอนี่หยุดกึก แล้วหันกลับมามองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง 

“มัลฟอย..ถึงแม้ว่าเลือดของฉันจะสกปรกสำหรับนาย แต่มันก็ยังสะอาดกว่าปากเน่าๆ และจิตใจโสโครกๆ ของนาย!”
 เธอกระแทกเสียง และกำลังจะเดินหนีไปอีกครั้ง แต่มัลฟอยกระชากแขนเธอไว้ เขาผลักเธอไปจนติดกำแพง
 กำข้อมือเธอไว้แน่น แล้วพูดลอดไรฟันออกมาว่า 

“ปากดีนักนะ!” เขาก้มหน้าลงมาชิด มองเธอเขม็ง เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เข้าจ้องตาเธอนิ่ง 
แววตาของเขาดูแปลกไปจากเดิม เขามองเธออยู่สักพักก็ก้มหน้าลงมาชิดอีก แต่แล้วก็ชะงัก แล้วก็พูดขึ้นว่า 

“เฮอะ! ก็เก่งแต่ปาก โดนแค่นี้ก็ตัวแข็งทื่อแล้ว” เขาสะบัดมือเฮอร์ไมโอนี่ออก และเดินจากไปทันที
 เธอจึงไม่ทันได้เห็นว่าใบหน้าของเขานั้นเป็นสีจัดไม่แพ้เธอ 

เฮอร์ไมโอนี่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเป็นพักใหญ่ เธอตกใจกับการกระทำของมัลฟอยมาก

‘เมื่อกี้เขาเกือบจะจูบเราเหรอเนี่ย’ เธอคิด ‘คุณหนูที่เกลียดเราขนาดไม่อยากเข้าใกล้เนี่ยนะ...หรือเค้าแค่ต้องการ
แกล้งเราเท่านั้น’ 

เฮอร์ไมโอนี่เริ่มสับสนกับการกระทำของเขา และงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็วจนเธอตามไม่ทัน
 เธอสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อไล่ความคิดพวกนั้นออกไป แล้วรีบวิ่งกลับไปยังหอนอนกริฟฟินดอร์ทันที

                                               . . . . . .

มัลฟอยยังคงยืนแอบอยู่หลังประตูทางเข้าห้องสมุด มองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังวิ่งออกไป เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึง
ทำแบบนั้น ‘เมื่อกี้เราเกือบจูบยัยนั่น’ เขาคิด และโมโหตัวเองที่ไปใจเต้นกับแค่เพราะกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธอเท่านั้น
 แล้วยังอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ และความรู้สึกแปลกๆ เวลาที่จ้องตาเธอนั่นอีก 

“นี่เราเป็นอะไรไป” เขารำพึงกับตัวเองเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองเฮอร์ไมโอนี่ที่วิ่งห่างออกไป โดยไม่รู้ตัวว่า 
สายตาที่เคยเย็นชาของเขามองดูเธออย่างพิจารณามากขึ้นกว่าทุกครั้ง...


*****3*****

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ก้าวข้ามประตูเข้ามายังหอนอนกริฟฟินดอร์ เธอก็เห็นแฮร์รี่กับรอนกำลังนั่งเล่นหมากรุกพ่อมดอยู่

“มาแล้วเหรอเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ร้องทัก เมื่อเด็กหญิงเดินเข้ามาใกล้ 

“เรารอเธอตั้งนานแน่ะ จนแฮร์รี่เล่นแพ้ฉันไปแปดตาแล้ว” รอนพูดขึ้น พร้อมยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มขำๆ
 กับท่าทางของรอน 

“ว่าไงล่ะ เล่าให้เราฟังได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น” รอนถาม 

เฮอร์ไมโอนี่จึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เป็นสาเหตุให้เธอทะเลาะกับมัลฟอยให้เพื่อนทั้งสองฟัง 

“นิสัยน่ารังเกียจจริงๆ” รอนโพล่งขึ้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เล่าจบ 

“ทำเป็นพูดจาดูถูกคนอื่น ถือว่าตัวเองเหนือกว่า เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก!” รอนพูดอย่างหงุดหงิด 

“เธอน่าจะเอาการ์ด ‘อะกริปป้า’ มาให้ฉันตั้งแต่แรกนะ เฮอร์ไมโอนี่ ให้หมอนั่นไปหาใหม่เอาเอง” รอนติงเพื่อนหญิง
ของเขา  

“เธอเสียสติเหรอรอน คิดเหรอว่านายนั่นจะไม่รู้ว่าฉันเป็นคนยืมหนังสือต่อจากเขา และถ้าทำแบบนั้นเรื่องคงไม่จบ
แค่นี้แน่” เฮอร์ไมโอนี่ว่าพลางค้อนเขาขวับ 

“แล้วตอนที่ถูกกักบริเวณด้วยกัน เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า” แฮร์รี่ถามขึ้นบ้าง 

“เปล่า” เธอตอบ หน้าเริ่มแดงนิดๆ 

“เราแทบไม่ได้คุยกันเลย” เฮอร์ไมโอนี่ปด แล้วจึงรีบตัดบท 

“ฉันไปนอนก่อนนะ วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย พวกเธอก็ควรจะรีบเข้านอนได้แล้วนะ พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า” 

ว่าจบเธอก็รีบเดินขึ้นหอนอนหญิงทันที แฮร์รี่กับรอนเริ่มหาว 

“งั้นเราก็ไปนอนกันบ้างเถอะ” แฮร์รี่พูด แล้วเดินนำขึ้นหอนอน โดยมีรอนเดินตามหลังไปติดๆ

                                                   . . . . . .


เฮอร์ไมโอนี่ปิดหนังสือ เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองของเธอเดินลงมาจากหอนอน 

“ตื่นสายจริงพวกเธอ” เธอทักขึ้น 

“ก็แฮร์รี่น่ะสิ มัวแต่ขี้เซาอยู่ได้ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว” รอนบ่น 

“โธ่เอ๊ย…ก็คนกำลังฝันดี เป็นนายก็ต้องไม่อยากตื่นหรอก” แฮร์รี่เถียง 

“เอาเถอะ เลิกเถียงกันได้แล้ว รีบไปกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่รีบตัดบท เมื่อเห็นว่ารอนกำลังอ้าปากจะพูดต่อ
 พลางเดินนำเพื่อนชายทั้งสองของเธอไปยังห้องโถง เพื่อรับประทานอาหารเช้า
เมื่อนั่งลงประจำที่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์แล้ว รอนก็ลงมือจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่ใช้หางตามองเขา 
เธอส่ายศีรษะและถอนใจเบาๆ อย่างเบื่อๆ กับท่าทางการกินอันมูมมามของรอน แล้วจึงหันมาสนใจอาหารตรง
หน้าตัวเองบ้าง เธอลงมือรับประทานอาหารอย่างรีบเร่ง เพราะต้องการจะไปห้องสมุด 

“เออไอโออี้ อั้นเอออะอี้บไอไอ๋” (เฮอร์ไมโอนี่ นั่นเธอจะรีบไปไหน) รอนถามขณะกำลังเคี้ยวไส้กรอกแกะชิ้นที่เจ็ด
อยู่เต็มปาก 

“ห้องสมุด” เธอตอบโดยไม่เงยหน้า 

รอนหันมาทำหน้าเบื่อๆ กับแฮร์รี่ แล้วลงมือรับประทานอาหารของตัวเองต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่จัดการอาหารของเธอเสร็จเรียบร้อยก็ยกน้ำฟักทองขึ้นดื่ม ขณะนั้นเอง เธอก็รู้สึกว่า มีสายตาใครบาง
คนจับจ้องอยู่ที่เธอ เมื่อเธอหันไปมองก็พบว่าเป็นมัลฟอยนั่นเอง ที่กำลังมองเธออยู่ ทั้งสองประสานตากันครู่หนึ่ง
 เฮอร์ไมโอนี่ก็หลบสายตา เธอรู้สึกร้อนวูบที่แก้ม ก็สายตาของเขาที่มองมา ใช่สายตาที่จ้องคอยหาเรื่องเธอ
เหมือนเดิมเสียที่ไหนกัน เธอรีบผลุนผลันลุกออกจากโต๊ะ แต่ก็ยังไม่ลืมหันไปบอกเพื่อนเธอว่า 

“ไว้เจอกันที่ชั้นเรียนสมุนไพรนะ” 

แล้วเธอก็รีบเดินออกไปทันที โดยยังมีสายตาคู่เดิมมองตามอย่างพินิจ..

                                               . . . . . . 

เมื่อมาถึงห้องสมุด เฮอร์ไมโอนี่เปิดหนังสืออ่านไปได้สักพักก็ต้องวางหนังสือลง เนื่องจากเธอไม่มีสมาธิเลย
 เธอกำลังนึกถึงสายตาของมัลฟอยที่มองเธอเมื่อครู่นี้ และนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดขึ้นในห้องสมุดแห่งนี้ 
ความคิดของเธอหยุดชะงักลงเมื่อมีเสียงยานคางดังขึ้นด้านหลัง 

“ขยันจริงนะ ยัยหัวฟู” 

เธอหันขวับไปมองเจ้าของเสียง 

“นายมาทำอะไรที่นี่ มัลฟอย” 

“ฉันคงจะมาซ้อมควิดดิชที่นี่ละมั้ง” เขาตอบยียวนพลางเลิกคิ้วมองเธอ 

“อ๋อ..เหรอ..ฉันนึกว่านายมาหาซื้อกบช็อคโกแลตซะอีก” เด็กหญิงยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเห็นแก้มเขาเป็นสีชมพู 

“แต่นายคงหาไม่ได้ที่นี่หรอกนะ..ถ้าเป็นในหอนอนของรอนก็ไม่แน่...” 

เธอพูดแล้วก็หันหน้ากลับไป เพื่อจะอ่านหนังสือต่อ มัลฟอยเอื้อมมือมาจับคางเธอให้หันกลับมาทันที 
เขาบีบคางเธอเบาๆ ก้มหน้าลงมาชิดแล้วกัดฟันกรอด 

“อย่ายั่วโมโหฉันแบบนี้นะ” เขาคำราม 

“และคราวหลังอย่าเอ่ยชื่อเจ้าหัวแดงนั่นต่อหน้าฉันอีก” 

“นายไม่มีสิทธิ์มาเรียกรอนแบบนั้น” เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นเสียง เธอสังเกตเห็นว่าตอนนี้หน้าของมัลฟอยกลับมา
ซีดเซียวเหมือนเดิมแล้ว 

“อย่ามาทำปากดีนะเกรนเจอร์” เขาพูดพลางจ้องตาเธอ ซึ่งกำลังจ้องตอบอย่างไม่ลดละ 

“เธอลืมไปแล้วเหรอว่า เช้าๆ แบบนี้ ไม่มีคนอยู่ในห้องสมุดหรอกนะ” เขาพูดเสียงเย็น 

“แถมที่ๆ เธอนั่งเนี่ย เป็นมุมที่ไม่มีใครผ่านมาเห็นซะด้วย” 

เฮอร์ไมโอนี่เริ่มหน้าเสีย จริงอย่างเขาว่า ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องสมุดเลย และเธอเองก็ชอบหามุมสงบที่ไม่ค่อยมี
คนเดินผ่านเพื่อความสงบในการอ่านหนังสือ แม้แต่มาดามพินซ์ก็คงไม่สังเกตเห็นหรอก 

“นั่นแปลว่า…” มัลฟอยยังคงพูดต่อ 

“ตอนนี้เธออยู่ในห้องสมุดกับฉันแค่สองคน” เขาก้มหน้าลงมาชิดกับเธอมากขึ้น พร้อมบีบหน้าเธอเบาๆ 
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วพูดต่อด้วยเสียงที่เหมือนกระซิบ 

“แถมในมุมที่ลับตาแบบนี้….” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง ตอนนี้ใจเธอเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บที่หน้าอก วูบหนึ่ง เธอรู้สึกว่าสายตาที่มัลฟอยจ้องมองมาที่
ดวงตาของเธอนั้น ไม่มีแววของความเป็นศัตรูหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย เขาเผยอริมฝีปากขึ้นน้อยๆ แต่แล้วก็ชะงัก
 เขายืดตัวขึ้นตรง ปล่อยมือออกจากคางของเด็กหญิง แล้วหันหลังกลับ เธอจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าหน้าเขาก็แดงไม่
แพ้เธอ มัลฟอยยืนนิ่งครู่หนึ่งเหมือนกำลังชั่งใจ เขาถอนหายใจค่อยๆ แล้วจึงสะบัดเสื้อคลุมเดินจากไป 
ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่งงงันกับท่าทางของเขาอยู่ตรงนั้น

                                                  . . . . . .


‘นี่เราเป็นอะไรเนี่ย’ เด็กชายคิด เขาก้าวเดินเร็วๆ เพื่อกลับไปเอาหนังสือที่หอนอน เมื่อไปถึงหอนอน
 เขาก็เห็นแครปกับกอยล์กำลังนั่งกินขนมที่แอบเอาเข้ามากันอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อหันมาเห็นท่าทางฮึดฮัดของเขา
 ก็ทำให้ทั้งสองไม่กล้าเข้าใกล้ 

“ลุกจากเตียงของฉันเดี๋ยวนี้นะแครป” เขาพูดอย่างมีอารมณ์ แครปรีบโดดผลุงออกจากเตียงของเขาทันที 
มัลฟอยเดินตรงไปที่เตียงด้วยท่าทางหงุดหงิด 

“นายไปอารมณ์เสียมาจากไหนน่ะ” กอยล์ตัดสินใจถามขึ้น แล้วก็รู้ว่าเขาตัดสินใจผิด เมื่อมัลฟอยหันกลับมาจ้องเขา
ตาเขม็ง และตวาดเสียงลั่น 

“ฉันไม่ได้มีหน้าที่มาตอบคำถามพวกนาย!” 

เขาหันไปคว้าหนังสือเรียน แล้วเดินตึงตังออกจากห้องไปทันที แครปกับกอยล์หันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก
 แล้วรีบผลุนผลันตามมัลฟอยออกไป 

ทางด้านเฮอร์ไมโอนี่ เธอยังคงสงสัยกับพฤติกรรมแปลกๆ ของมัลฟอยไม่หาย ก็วันก่อนเขายังแสดงท่าทีรังเกียจ
เธอขนาดไม่อยากจะจับของชิ้นเดียวกับเธอด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่แตะต้องตัวเธอเลย แต่ตอนนี้ทำไมเขาถึงกล้าสัมผัสตัวเธอ
 แถมยังทำท่าเหมือนจะจูบเธออีก เมื่อนึกถึงตรงนี้ เธอก็หน้าแดง เฮอร์ไมโอนี่นิ่งอึ้งอยู่อีกเป็นพักใหญ่ 
แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปเข้าเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ในอีกสิบนาทีนี้แล้ว เด็กหญิงหันไปรวบหนังสือ
 และรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังเรือนกระจกโดยเร็ว

                                                 . . . . . .

ในห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ ศาสตราจารย์บินส์ยังคงสอนด้วยวิธีที่เหมือนกับกำลังพยายามวางยานอน
หลับนักเรียนทั้งชั้นเหมือนเดิม แครปเริ่มสัปหงก ส่วนกอยล์อ้าปากหาวเป็นครั้งที่ 12 แล้ว มัลฟอยซึ่งกำลังจด
ตามกระดาน มองทั้งสองอย่างเหนื่อยหน่าย เขาหมุนปากกาขนนกพลางนึกไปถึงหน้าของเด็กหญิงที่เขาดูถูกว่าเป็นคน
 ‘ชั้นต่ำ’ คนนั้น เขามองมือของเขา นิ่วหน้า พร้อมถอนหายใจอย่างแรง เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนั้น
 ‘ยัยเลือดสีโคลน น่าขยะแขยง’ เขาคิด ‘ฉันไปแตะต้องเนื้อตัวเธอได้ยังไงเนี่ย’ แล้วเขาก็เบ้ปาก 
พลางเอามือทั้งสองข้างถูกับเสื้อคลุมอย่างแรง กอยล์ซึ่งกำลังจะหลับอยู่รอมร่อสังเกตเห็นอาการของเขา จึงถามขึ้น 

“มือนายเลอะอะไรเหรอ มัลฟอย เช็ดซะแรงเชียว” 

เขาชะงัก เหลือบตามองสมุนไร้สมองของเขาแว่บหนึ่ง ก่อนตอบสั้นๆ ว่า 

“โคลน” 

กอยล์มองเขาอย่าง งงๆ ก็เขาไม่เห็นว่ามือของมัลฟอยเปื้อนโคลนเลยซักนิด กอยล์เกาศีรษะเบาๆ ก่อนจะหาวอีกครั้ง 
และเริ่มต้นตั้งใจนอนต่อไป โดยไม่สนใจศาสตราจารย์บินส์ ที่กำลังอธิบายเรื่องการก่อกบฏของก๊อบลินเลย 

เมื่อหมดชั่วโมงประวัติศาสตร์เวทมนตร์ มัลฟอยก็เดินตรงไปที่ทะเลสาปทันที โดยไม่ไปรับประทานอาหารกลางวัน
 เขาสั่งห้ามแครปกับกอยล์ไม่ให้ตามไป เพราะเขาต้องการความเป็นส่วนตัว พอเดินมาถึงทะเลสาป เขาก็เลือกนั่ง
ลงตรงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างลับตาคน และล้วงหยิบของออกมาจากเสื้อคลุม มันคือการ์ดภาพจากกบ
ช็อคโกแลตนั่นเอง

                                                . . . . . .

เมื่อจัดการมื้อกลางวันของเธอเรียบร้อยแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็หอบหนังสือลุกออกจากโต๊ะทันที 
แต่ก็ยังไม่วายหันมาบอกแฮร์รี่กับรอนว่า 

“ฉันขอตัวไปห้องสมุดก่อนนะ เจอกันตอนเรียนวิชาแปลงร่าง” 

แล้วเธอก็หมุนตัวเดินออกไปโดยทำเป็นไม่ได้ยินคำค่อนขอดของรอนที่ว่า 

“ไม่ต้องบอกก็รู้!” 

เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะมุ่งหน้าไปยังห้องสมุด แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินออกมาทางด้านนอกของปราสาท 
เพื่อตรงไปยังทะเลสาป เนื่องจากสองสามวันมานี้เธอเจอแต่เรื่องวุ่นวายตลอด จึงอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชื่นใจบ้าง 

ขณะที่เธอกำลังหามุมเหมาะเพื่อทบทวนบทเรียน เธอก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่เงี่ยหูฟังและเริ่มมอง
หาที่มาของเสียง เด็กหญิงวางหนังสือลงและเดินสำรวจดูรอบบริเวณใกล้ๆ นั่น แล้วเธอก็หยุดเดินทันทีเมื่อเสียงที่
เธอได้ยินนั้นชัดขึ้น 

“โธ่เอ๊ย..ยังขาดภาพ ’ปโทเลมี’ อยู่อีกเหรอเนี่ย” เสียงมัลฟอยบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว 

เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินก็นึกขำ ‘อันที่จริงเขาก็เป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงเท่านั้นเองนี่นะ’ เธอคิด และแอบมอง
เขาอยู่เงียบๆ 

“ไปฮอกส์มี้ดคราวหน้าต้องซื้อมาเพิ่มซะแล้ว” เขาพูดอย่างเบื่อๆ แล้วจึงเอนตัวลงนอน

เฮอร์ไมโอนี่เห็นดังนั้นจึงตั้งใจจะค่อยๆ ย่องกลับไปที่นั่งของเธอ แต่ดันไปเหยียบโดนใบไม้แห้งเข้า 

“นั่นใคร!” 

มัลฟอยผุดลุกขึ้นแล้วถามเสียงดัง เขาหันขวับมาที่ต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นเฮอร์ไมโอนี่เขาก็รู้สึกร้อนที่ใบหน้านิดๆ
 ก่อนจะตะโกนถาม 

“เธอมาทำอะไรที่นี่ เกรนเจอร์” เด็กหญิงชะงัก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็พูดต่อว่า 

“มาแอบดูฉันงั้นเรอะ” มัลฟอยพูดเสียงยานคางตามแบบฉบับของเขา 

“หลงตัวเองไปหน่อยมั้ง มัลฟอย” เธอหันกลับมาพูดบ้าง 

“ฉันมาหาที่อ่านหนังสือย่ะ แล้วอีกอย่างนะ ใครเขาจะอยากมาดูเด็กผู้ชายนั่งนับการ์ดเล่นกัน” เธอยิ้มล้อๆ  

มัลฟอยไม่ตอบ เขารู้สึกเสียหน้าที่เธอมาเห็นเขากำลังทำเรื่องไม่เข้าท่าอยู่ เด็กชายเหลือบไปเห็นหนังสือที่กองอยู่
ไม่ไกลนัก 

“มาอ่านหนังสือ...หนังสือที่กองอยู่โน่นน่ะนะ...” เขาทำหน้าพยักเพยิดไปทางกองหนังสือนั้น 

“ไม่ยักรู้ว่าเธอจะสายตายาวขนาดนี้นะ ยัยหนอนหนังสือ” เขามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยหางตา ก่อนจะพูดต่อ 

“หรือว่าต้องเห็นหน้าฉันก่อนถึงจะอ่านหนังสือได้ ถึงได้ตามมาถึงที่นี่” เขายิ้มอย่างพอใจที่เห็นเธอหน้าแดง 

“จะให้ฉันนั่งเป็นเพื่อนก็ได้นะ ฉันมีเวลาเหลือเฟือ” พูดจบเขาก็เดินไปนั่งข้างกองหนังสือของเธอหน้าตาเฉย 

เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างแปลกใจ เธอเงียบไปครู่หนึ่งพลางคิดในใจว่า ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ เธอคงไม่ได้อ่านหนังสือแน่ๆ 
เพราะดูเหมือนการทะเลาะกับเธอจะกลายเป็นเรื่องบันเทิงใจไปแล้วสำหรับเขา เธอจึงตัดสินใจเดินไปหยิบหนังสือ
ของเธอขึ้นมา พร้อมกับพูดเสียงห้วนว่า 

“ฉันไปอ่านในห้องสมุดดีกว่า” 

มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมอง มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ที่มุมปาก 

“เล่มนี้ไม่เอาใช่ไหม” เขาชูหนังสือ ‘ตำราอักษรรูนโบราณ’ ในมือ แล้วแกว่งเบาๆ 

“เอามานี่!” 

เฮอร์ไมโอนี่หันไปคว้าหนังสือจากมือเขา แต่มัลฟอยชักมือกลับเสียก่อน เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ 

“นี่เหรอวิธีขอของคืนจากคนอื่นของนักเรียนดีเด่นอย่างเธอ” เขาล้อเลียนคำพูดเธอพร้อมยิ้มกวนๆ 

เฮอร์ไมโอนี่หน้างอทันที เธอนึกโมโหตัวเองที่มัวแต่รีบร้อนจนไม่ได้ดูว่าหยิบหนังสือมาไม่ครบ 
ทำให้เขาได้ทีอยู่อย่างนี้ 

“ว่าไง” มัลฟอยย้ำ 

“มัลฟอย..ขอหนังสือคืนให้ฉันเถอะ” เธอพูดเสียงอ่อนลง แต่ก็ยังไม่วายหน้าง้ำ

“พูดว่า ’ได้โปรด’....” เขายั่ว 

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอเงียบไปพักใหญ่ มองหน้าตายียวนของเขาด้วยความโมโห 
ในใจกำลังนึกว่าจะทำยังไงกับเขาดี 
เพราะเธอไม่มีวันยอมปล่อยให้เขาเหลิงอยู่แบบนี้เป็นแน่ 

“ว่าไงล่ะ” เขาเตือนอีก 

เฮอร์ไมโอนี่ล้วงมือไปหยิบไม้กายสิทธิ์ หวังจะเสกให้หนังสือลอยกลับมาหาเธอ แต่ก็ช้ากว่ามัลฟอย 

“เอกซ์เปลลิอาร์มัส!” 

มัลฟอยร่ายคาถาปลดอาวุธ ไม้กายสิทธิ์หลุดจากมือเฮอร์ไมโอนี่ไปอยู่ในมือเขาทันที เธอตกตะลึง มัลฟอยถือ
ไม้กายสิทธิ์ของเธอไว้ในมือแล้วเหยียดยิ้ม ด้วยรอยยิ้มที่มีแต่มัลฟอยเท่านั้นที่ทำได้ เฮอร์ไมโอนี่นิ่วหน้า 
ตอนนี้เขาถือไพ่เหนือเธอเสียแล้ว 

“ไง” เขาถามอีก 

“ทำไมนายถึงชอบวุ่นวายกับเรื่องของฉันนักนะมัลฟอย” เธอถามอย่างเหลืออด 

“สนุกมากใช่ไหมที่ได้รังแกคนอื่น..นายมัน....น่ารังเกียจที่สุด!” 

เธอโพล่งออกมา และนึกอยากจะกลืนคำพูดนั้นกลับมาเป็นที่สุด เมื่อเห็นหน้าของมัลฟอยตอนนี้ 
เขาเดินรี่เข้ามาหาเธออย่างมุ่งร้าย เฮอร์ไมโอนี่ผงะถอยหลังไปสองสามก้าว มองไม้กายสิทธิ์ในมือเขา หน้าเธอซีดจัด 

“เธอว่าอะไรนะ ยัยเลือดสีโคลนโสโครก! ใครกันแน่ที่น่ารังเกียจ! รู้จักเจียมตัวซะบ้างนะ” เขาตะเบ็งเสียงดังลั่น
 ใบหน้าขาวซีดด้วยความโกรธ และเขายังไม่หยุดเดิน เฮอร์ไมโอนี่จึงถอยหลังไปเรื่อยๆ ใจเต้นระทึกด้วยความกลัว 

ตูม!! 

เด็กหญิงถอยหลังโดยไม่ดูทางจึงพลัดตกลงไปในทะเลสาป 

“เกรนเจอร์!” 

มัลฟอยร้องอย่างตกใจ เขาคว้าแขนเสื้อคลุมของเธอไว้ได้ทัน แต่ตัวเขาเองก็ถลาล้มลงไปด้วย คางเขากระแทกพื้น
อย่างแรง แต่เขาก็ยังไม่ปล่อยเธอ 

“จับมือฉันไว้สิยัยบื้อ!” 

เฮอร์ไมโอนี่รีบคว้ามือเขาไว้อย่างทุลักทุเล มัลฟอยออกแรงดึงเธอจนขึ้นมาพ้นน้ำ ทั้งสองหอบฮั่ก ตัวเปียกมะล่อก
มะแล่กด้วยกันทั้งคู่ เมื่อหายจากอาการหอบหายใจแล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงหันไปพูดกับมัลฟอย 

“ขอบใจนะ มัล......” เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นเลือดไหลโชกอยู่ใต้คางเขา 

“มัลฟอย! เลือด!” 

มัลฟอยเองก็ดูเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่ามีเลือดไหลออกมาจากคางของเขา เขาดูตกใจไม่น้อย เฮอร์ไมโอนี่รีบพรวดพราด
มาดูเขาทันที เธอจับหน้าเด็กชายให้เงยขึ้นเพื่อดูบาดแผล 

“คางนายแตกได้ยังไงเนี่ย” เธอถามเสียงสั่น เพราะแผลนั้นไม่ใช่เล็กๆ เลย 

“ก็คงตอนที่ล้มกระแทกเมื่อกี้มั้ง” เขาตอบ ตอนนี้ดูเขาจะหายตกใจบ้างแล้ว แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงลุกลี้ลุกลนอยู่ 

“ต้องรีบไปห้องพยาบาลนะ” เธอว่า แล้วจึงหันไปหยิบไม้กายสิทธิ์ที่ตกอยู่ที่พื้น จัดการเสกเสื้อผ้าของเธอและมัลฟอย
ให้แห้ง แล้วจึงเข้ามาพยุงเขาเพื่อพาไปห้องพยาบาล 

“ไม่ต้อง...ฉันเดินเองได้” มัลฟอยรีบพูดด้วยความเคอะเขินที่เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาประคองเขา แต่ดูเหมือนฝ่ายหญิงจะ
เข้าใจไปอีกอย่าง 

“ขอโทษนะ..ฉันลืมไปว่านายรังเกียจฉัน” เธอหน้าสลดลงทันที 

มัลฟอยเม้มปาก เขากำลังจะบอกเธอว่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ก็พอดีกับที่แครปและกอยล์ที่กำลังมาตามหาเขาเนื่อง
จากใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว เดินเข้ามาพบพอดี 

“เกิดอะไรขึ้นมัลฟอย” 

แครปถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากคางของลูกพี่ กอยล์หันขวับไปมองเฮอร์ไมโอนี่ทันที
 เธอชะงัก แล้วหันไปมองมัลฟอย 

“ฉันสะดุดล้มน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” 

เขารีบพูดขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าลูกสมุนของเขากำลังมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่อย่างเอาเรื่อง 

“แล้วทำไมยัยนี่มาอยู่กับนายที่นี่ล่ะ” กอยล์ถามอย่างสงสัย 

“ก็แค่บังเอิญเดินมาเจอกัน อย่าถามมาก น่ารำคาญ!” เขาทำเป็นสะบัดหางเสียงอย่างรำคาญ 

“พาฉันไปห้องพยาบาลทีซิ” เขาสั่ง 

ทั้งสองจึงรีบกุลีกุจอพาเขาไปทันที มัลฟอยเหลือบตามองเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปยังปราสาท 
ตรงไปห้องพยาบาล 

*****4*****


เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นหวัด หลังชั่วโมงแปลงร่าง เธอจึงแวะไปที่ห้องพยาบาลเพื่อขอยา
กับมาดามพรอมฟรีย์ 

“สวัสดีค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องทัก เมื่อมาถึงห้องพยาบาล แต่เธอก็ไม่ได้รับเสียงตอบกลับมาจากมาดามพรอมฟรีย์ 
เธอเดาว่ามาดามคงจะไปทำธุระที่อื่น จึงเดินเข้าไปหาที่นั่งรอ แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นมัลฟอยรออยู่ก่อนแล้ว
 มัลฟอยเหลือบมองเธอนิดนึงก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น เด็กหญิงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เขา ทั้งสองเงียบกันไปชั่วครู่
 เฮอร์ไมโอนี่จึงพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า 

“ขอบใจมากนะมัลฟอย ที่ช่วยฉันไว้วันนี้” เมื่อเห็นมัลฟอยไม่ตอบว่าอะไร เธอจึงพูดต่อไปว่า 

“แล้วก็ต้องขอโทษด้วย..” 

เขาขมวดคิ้ว แล้วหันมาถาม 

“เธอขอโทษฉันเรื่องอะไร” 

เฮอร์ไมโอนี่หันไปสบตาเขา มีแววสำนึกผิดอยู่ในดวงตาของเธอ 

“นายต้องเจ็บตัวเพราะฉัน” 

มัลฟอยจ้องตาเธอ เฮอร์ไมโอนี่ยังคงพูดต่อด้วยความรู้สึกผิด 

“เจ็บมากมั้ย” 

เขามองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น แล้วถามว่า 

“เธอเป็นห่วงฉันเหรอ” 

เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก หน้าเป็นสีชมพู เธอหลบตาเขาทันที มัลฟอยลุกจากเก้าอี้มายืนใกล้ๆ เธอ แล้วถามอีกว่า 

“อยากรู้มั้ยว่าฉันยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” 

เขาว่าพลางจับมือเฮอร์ไมโอนี่มาทาบบนแผลของเขา ซึ่งตอนนี้มีผ้าพันแผลแปะไว้แล้วอย่างเรียบร้อย 
เฮอร์ไมโอนี่หันมามองเขา รู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มัลฟอยจ้องมองลงไปที่ดวงตาของเธอ เขากุมมือข้างนั้นไว้
 อีกมือหนึ่งเอื้อมไปจับคางเธอเชยขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ตัวแข็งทื่อ เธอพอจะเข้าใจความหมายว่าต่อจากนี้เขาจะทำอะไร
 แต่ทั้งสองก็รีบผละออกจากกันแทบจะในทันที ที่ได้ยินเสียงมาดามพรอมฟรีย์เปิดประตูเข้ามา 

“รอนานมั้ย มิสเตอร์มัลฟอย แผลเธอเป็นยังไงบ้าง” เธอถามอย่างรวดเร็ว 

“อ้าว..มิสเกรนเจอร์ เธอเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมหน้าแดงแบบนี้ เป็นไข้หรือเปล่า” 

มาดามพรอมฟรีย์ทักขึ้นเมื่อหันมาสังเกตเห็นเฮอร์ไมโอนี่ 

“เปล่าค่ะ..เอ่อ..คือ...หนู...หนูรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นหวัด..เอ่อ...เลยจะมาขอยาไปกันไว้ก่อนน่ะค่ะ” 

เฮอร์ไมโอนี่ตอบตะกุกตะกัก 

“งั้นเหรอ..พอดีเลย ถ้าเธอไม่เป็นอะไรมาก ช่วยฉันทำแผลให้มิสเตอร์มัลฟอยหน่อยเถอะนะ ฉันต้องรีบออกไปดูนัก
เรียนที่โดนพิษจากหนองของต้นบิวโบทูบเบอร์ที่เรือนกระจกหมายเลขสามอีก ส่วนยาแก้หวัดของเธอกับอุปกรณ์
ทำแผลฉันจะวางไว้ให้ตรงนี้นะ” เธอพูดทั้งหมดอย่างรวดเร็วพร้อมกับหยิบยาแก้หวัดกับอุปกรณ์ทำแผลวางบนโต๊ะ
 แล้วรีบผลุนผลันออกไป โดยไม่รอฟังคำตอบจากเฮอร์ไมโอนี่เลย เด็กหญิงอ้าปากค้าง เธอหันไปมองหน้ามัลฟอย
แบบงงๆ มัลฟอยยักไหล่ เขาทำหน้าเบื่อๆ ก่อนพูดว่า 

“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ผ้าพันแผลน่ะ ฉันเพิ่งมาทำก่อนเข้าเรียนนี่เอง แล้วมาดามก็แค่นัดมาดูว่าแผลสมานกันดี
หรือยังเท่านั้น” เขามองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ แล้วถาม 

“เธอเป็นหวัดเหรอ” 

“เปล่าหรอก แค่รู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นน่ะ ก็เลยอยากจะรีบมาขอยากันไว้ก่อน” เธอเหลือบมองเขานิดหนึ่งก่อน
จะพูดต่อ

“ตกลงนายจะให้ฉันทำแผลให้มั้ยเนี่ย” 

เขาชำเลืองมองเด็กหญิงแล้วถาม 

“ทำเป็นรึเปล่าล่ะ” 

“ไม่” 

เขายิ้มเยาะๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน 

“ถ้างั้นก็ไม่ต้อง นึกว่าจะเก่งไปซะทุกอย่างซะอีก” 

เฮอร์ไมโอนี่เถียงทันที 

“ฉันเป็นนักเรียน ไม่ใช่พยาบาล จะได้เที่ยวทำแผลให้ใครต่อใครได้ทั่ว...” 

พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเขาเลื่อนตัวเข้ามาหาเธออีกครั้ง 

“เธอนี่เถียงเก่งจริงๆ” เขาว่า 

เฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังกรูดไปจนชิดกำแพง อีกฝ่ายย่างเข้าไปหาอย่างได้ใจ เขายิ้มยียวนน้อยๆ 

“หนีทำไม เกรนเจอร์” 

ตอนนี้เขากำลังยืนเอามือยันกำแพงคร่อมตัวเธออยู่ 

“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันหลายข้อนะ” 

เขามองตาเธออย่างมีความหมาย เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าไปทางอื่น ตอนนี้ใจเธอเต้นโครมครามจนคิดว่าเขาคงจะ
ได้ยินแน่แล้ว มัลฟอยก้มหน้าลงมาชิดเธออีก และเขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ มาจากผมของเธออีกครั้ง เขาหลับตา
 สูดหายใจเข้า และพูดเบาๆ เหมือนกระซิบ
“หอมจัง”
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เธอหน้าแดงจัด เด็กหญิงรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่ปะทะใบหน้าของเธอ
 ริมฝีปากบางซีดของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อย เขาก้มหน้าชิดเธอเข้าไปอีก แต่แล้วก็ชะงัก ลืมตามองเธอ
 แล้วเลื่อนริมฝีปากไปแตะที่แก้มเธอเบาๆ เขากลับหลังหัน แล้วพูดเบาๆ ว่า 

“นั่นถือเป็นค่าตอบแทนเรื่องวันนี้แล้วกัน” 

แล้วเขาก็เดินจากไป เฮอร์ไมโอนี่ทันสังเกตเห็นว่าหน้าที่เคยซีดเซียวของเขาตอนนี้เป็นสีแดงจัด ส่วนตัวเธอเองนั้นรู้
สึกเข่าอ่อน หมดเรี่ยวแรง ทรุดนั่งลงอยู่ตรงนั้นนั่นเอง เด็กหญิงยกมือขึ้นมาแตะแก้มตัวเองเบาๆ 
เธอกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ และรู้สึกสับสนไปหมด แต่ที่น่าแปลกคือ เธอไม่รู้สึกโกรธเขาเลย
แม้แต่น้อย 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ด้านมัลฟอย เมื่อเขาเดินออกจากห้องพยาบาลแล้ว เขาเองก็รู้สึกแปลกใจกับการกระทำของตัวเองเช่นกัน
 เขายกมือขึ้นมาลูบริมฝีปาก รำพึงกับตัวเองว่า 
“นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย”
เมื่อนึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เขาได้รับจากเธอตอนที่ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันเมื่อครู่นี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมาอีก
 ความรู้สึกรังเกียจที่เขามีต่อเธอดูจะลดน้อยลงไปมากทีเดียว 

*****5*****

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่เด็กๆ จะได้ไปฮอกส์มี้ดเป็นครั้งแรกของเทอมนี้ แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ นัดแนะที่จะไปด้วย
กันเรียบร้อย หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว เด็กๆ ก็ไปรวมตัวกันที่หน้าปราสาท เพี่อให้ฟิลช์เช็คชื่อ ก่อนจะออก
เดินทางไปฮอกส์มี้ด

ทั้งสามเดินดูร้านรวงต่างๆ อย่างสนุกสนาน รอนชวนแฮร์รี่เข้าไปในร้าน’ซองโก้’ เพื่อซื้อระเบิดเหม็น 
โดยมีเฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเบื่อๆ ตามเข้าไปด้วยอย่างไม่เต็มใจนัก จากนั้นพวกเขาก็เดินไปซื้อขนมที่ร้าน ’ฮันนี่ดุกส์’  
แฮร์รี่ซื้อเยลลี่เม็ดทุกรส นูก้า ปากกาขนนกน้ำตาลปั่น และหมากฝรั่งดรูเบิลเบสต์โบลอิ้ง (ซึ่งจะทำให้ห้องทั้งห้องมี
แต่ลูกโป่งสีฟ้าใสเต็มไปหมด และไม่ยอมแตกอยู่หลายวัน) เฮอร์ไมโอนี่เลือกซื้อไหมขัดฟันเส้นบางรสสตริงมินต์
 ขณะเดียวกันนั้นเธอก็ได้ยินรอนพูดกับแฮร์รี่ว่า 

“ฉันว่าจะซื้อกบช็อคโกแลตซัก 20 อันหละ ฉันยังขาดอยู่สามภาพนะ มี ’อะกริปป้า’ ’ ปโทเลมี’
 แล้วก็ ’คลิโอดน่า’ หละ
 นายล่ะว่าไง” 

“เออ..จริงด้วย ฉันก็ยังขาดภาพ ‘ปโทเลมี’ กับ ‘อะกริปป้า’ เหมือนกัน หายากชะมัดเลย
 รูปสองคนเนี้ย คราวก่อนที่ซื้อ
ไปน่ะ ฉันได้รูปพ่อมดเมอร์ลินตั้งเจ็ดใบแน่ะ” แฮร์รี่เห็นด้วย 

เมื่อได้ยินดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงแอบซื้อกบช็อคโกแลตมา 2-3 กล่อง โดยระวังไม่ให้เพื่อนทั้งสองเห็น

เมื่อเด็กทั้งสามซื้อขนมกันจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงพากันเดินออกมา และตรงไปยังร้าน ‘ไม้กวาดสามอัน’ เพื่อหาอะ
ไรดื่มก่อนกลับฮอกวอตส์ ในร้านไม้กวาดสามอันยังคงเนืองแน่นไปด้วยผู้คนเหมือนเคย
 เด็กทั้งสามหาที่นั่งได้ในที่สุด
 แฮร์รี่กับรอน อาสาไปสั่งเครื่องดื่มโดยให้เฮอร์ไมโอนี่นั่งจองโต๊ะไว้ สักพัก เฮอร์ไมโอนี่
ก็ได้ยินเสียงอันคุ้นหูดังมาจาก
โต๊ะข้างๆ ซึ่งถัดออกไป 2-3 โต๊ะ 

“พวกนายจะไปซื้อกบช็อคโกแลตกันอีกมั้ยเนี่ยคราวเนี้ย” เสียงยานคางดังขึ้น 

“ซื้อสิ” แครปกับกอยล์ตอบพร้อมกันอย่างกระตือรือร้น 

มัลฟอยทำเป็นส่งสายตาเหนื่อยหน่ายไปยังลูกน้องทั้งสองก่อนจะพูดว่า 

“ซื้อกันอยู่ได้ ไม่รู้จักเบื่อหรือไง” เขาทำเสียงรำคาญ 

เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะ เพราะเธอรู้ว่าตัวเขาเองนั่นแหละ ที่อยากซื้อใจจะขาด แต่ก็ยังทำเป็น
วางท่าเหมือนเคย มัลฟอยเหลือบมาเห็นเธอพอดี เขาเห็นท่าทางของเธอก็รู้ทันทีว่าเธอต้องได้ยินสิ่งที่เขาพูด
 เขาหันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว มีริ้วรอยสีแดงปรากฏให้เห็นนิดๆ บนใบหน้าซีดเซียวของเขา เด็กหญิงอมยิ้มพลาง
นึกไปว่า เขาก็น่ารักดีเหมือนกันนะ แล้วก็หน้าแดง ‘นี่เราคิดอะไรบ้าๆ เนี่ย’ แต่ความคิดของเธอก็ต้องหยุดชะงัก
ลงแค่นั้น เมื่อเพื่อนทั้งสองของเธอเดินเข้ามาพร้อมบัตเตอร์เบียร์ในมือ เฮอร์ไมโอนี่เหลือบไปมองมัลฟอย
เขามองเธอแล้วทำหน้าเบ้พร้อมกับพึมพำเบาๆ ว่า ‘เชอะ’ ทันทีที่เห็นรอนกับแฮร์รี่เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ 
แล้วจึงเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเซ็งๆ 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ 

เมื่อกลับมาถึงปราสาท เด็กๆ นำของที่ซื้อมานั่งชื่นชมอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวม รอนแกะกบช็อคโกแลตเพื่อหาภาพ
พ่อมดแม่มดที่เขาต้องการ เฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นหอนอนเพื่อไปหยิบหนังสือลงมานั่งอ่าน 
เธอวางของทุกอย่างที่ซื้อมาไ
ว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วก็ลงมานั่งอ่านหนังสือตรงโต๊ะที่แฮร์รี่กับรอนนั่งอยู่ก่อนแล้ว รอบๆ บริเวณนั้น
 มีกบช็อคโกแลต โดดโหยงเหยงอยู่เต็มไปหมด 

“โธ่เอ๊ย!” เสียงรอนบ่น 

“ดูสิแฮร์รี่ ฉันซื้อมาตั้ง 20 อัน ไม่มีรูปที่ต้องการเลยซักใบ” เขาโวยวายอย่างหัวเสีย 

“ฉันสงสัยจริงๆ ว่า ใน 100 อัน จะมีรูป ‘อะกริปป้า’ บ้างหรือเปล่า” 

เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย เธอกำลังจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อก็นึกขึ้นได้ จึงหันไปถามรอนว่า 

“แล้วเธอเจอรูป ‘ปโทเลมี’ แล้วเหรอ” รอนหันมามองอย่างสงสัย 

“ยัง....ว่าแต่เธอสนใจการ์ดพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก เธอรีบตอบว่า 

“ก็แค่ถามดูเท่านั้น เห็นเธอเพิ่งบ่นกับแฮร์รี่ไม่ใช่เหรอ” 

“อืม” รอนตอบแล้วหันไปดูแฮร์รี่ที่กำลังแกะกบช็อคโกแลตของตัวเองบ้าง โดยไม่ได้ซักอะไรเธอต่อ 

เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจอย่างโล่งอก และหันไปอ่านหนังสือของเธอต่อเหมือนเดิม 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เฮอร์ไมโอนี่ เธอสะสมการ์ดกบช็อคโกแลตด้วยเหรอ” 

เสียงปาราวตี พาติล เพื่อร่วมห้องของเฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจากห้องน้ำ 
เธอเช็ดปลายผมเบาๆ พลางเลิกคิ้วก่อนตอบ
“เปล่านี่”
ปาราวตีมองหน้าเธอแล้วถามต่อว่า

“อ้าว..แล้วเธอซื้อของพวกนี้มาทำไมล่ะ” เธอชี้ไปที่กบช็อคโกแลตที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของเฮอร์ไมโอนี่ 

“อ๋อ..” เด็กหญิงอมยิ้ม 

“ลองซื้อมาดูเล่นๆ น่ะ เผื่อจะเจอรูปที่หายากๆ บ้างไง” เธอว่า 

“ถ้าเจอ เธอจะเอาไปให้ใครล่ะ..รอน หรือว่า แฮร์รี่” ปาราวตีซัก 

เฮอร์ไมโอนี่เดินมานั่งที่เตียง หยิบกบช็อคโกแลตกล่องหนึ่งขึ้นมาแกะดู ปรากฏว่าภาพที่เห็นเป็นภาพ 
‘ปโทเลมี’ นั่นเอง 

“ว่าไงล่ะ เฮอร์ไมโอนี่ ภาพนี้หายากซะด้วยนะ เธอจะเอาไปให้ใคร คิดไว้แล้วรึยัง” 

ปาราวตีถามอีก เมื่อเธอเห็นภาพในมือเฮอร์ไมโอนี่ เด็กหญิงไม่ได้ตอบในทันที 
เธออมยิ้มให้ภาพนั้น แล้วเงยหน้าขึ้นตอบปาราวตีว่า 

“ฉันคิดไว้แล้วหละ ว่าจะเอาไปให้ใคร...” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้าง 

“แต่ว่ามันเป็นความลับจ้ะ” 

เธอเก็บภาพนั้นลงในลิ้นชักข้างๆ เตียง แล้วล้มตัวลงนอน 
ปล่อยให้ปาราวตีงงงันกับคำตอบของเธออยู่ตรงนั้นเอง 


The end of Series 


No comments:

Post a Comment