Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Monday, July 20, 2015

Chapter 12: คำปลอบใจ

ตลอดคืนนั้นทั้งคืนเฮอร์ไมโอนี่แทบนอนไม่หลับเลย  ในหัวของเธอมีแต่เรื่องมัลฟอย  แม้ว่าเธอพยายามจะหลับเท่าไรแต่เมื่อเธอหลับตาภาพนั้นก็มาปรากฏตรงหน้าเธอทุกครั้งไป  ภาพของมัลฟอยที่มองเธอด้วยสายตาที่เจ็บปวด

เช้าวันรุ่งขึ้นเฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการเพลีย ๆ เธอมองไปรอบ ๆ และก็พบว่าดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นได้ไม่นานนัก  เพราะมันเพิ่งทอแสงผ่านหุบเขาที่กั้นมันอยู่นั่นเอง  ไม่นานนักเฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน  และเธอก็รู้ว่ามันกำลังตรงมาที่เตียงของเธอ

“เฮอร์ไมโอนี่  คุณเป็นไงบ้างครับ”  ไรอันนั่นเอง  เขาทักทายเฮอร์ไมโอนี่ด้วยเสียงสดใสตามแบบฉบับของเขา  แต่เววตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“เอ่อ  ดีขึ้นมากแล้วล่ะ  หวัดดีแฮร์รี่”  เฮอร์ไมโอนี่หันไปทักทายแฮร์รี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไรอัน

“เธอหายดีแล้วใช่มั้ย”  เขาถามเธอแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็พยักหน้าตอบเขา

“แล้วรอนล่ะ”  แฮร์รี่ถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนของเขาที่โดนคาถาทลายด่านของมัลฟอยเข้าไปเต็ม ๆ

“นอนอยู่เตียงนั้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ชี้ไปที่เตียง ๆ หนึ่งที่อยู่ริมสุดและมีผ้าม่านปิดไว้อยู่

“มาดามพรอมฟรีย์บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก  แต่ตอนนี้คงยังไม่ตื่น”  หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบแฮร์รี่ก็ขอตัวไปดูอาการรอนที่เตียงของเขา  โดยทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่กับไรอันตามลำพัง

“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ”  ไรอันถามเธอ

“ฉันก็แค่เพลีย ๆ น่ะ  ไม่เป็นอะไรมากหรอก” เฮอร์ไมโอนี่ตอบไรอันซึ่งตอนนี้กำลังจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเธอ

“จะให้ผมตามมาดามพรอมฟรีย์ให้ไหม”  เขาถามพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่

“อย่า  ไม่ต้อง” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพร้อมกับดึงแขนไรอันไว้ทันทีเพราะเธอกลัวว่ามาดามพรอมฟรีย์จะให้เธอกินยารสชาติน่าแหวะมากที่สุดอีกครั้งนึง “ไม่ต้อง  ฉันไม่เป็นไร”

ไรอันมองหน้าเธออย่างลังเลก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอีกครั้งหนึ่ง  “แน่ใจนะครับ”  เขาถามและเฮอร์ไมโอนี่ก็พยักหน้าเป็นคำตอบ

เกิดความเงียบที่หน้าอึดอัดขึ้นมาหลังจากจบบทสนทนานั้น  เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดกับไรอันเรื่องอะไรดี  เช่นเดียวกับที่ไรอันก็ไม่รู้ว่าจะถามคำถามที่อยู่ในใจเขากับเธอดีหรือเปล่า  และดูเหมือนว่าไรอันจะตัดสินในสิ่งที่เขาคิดอยู่ได้แล้ว

“เฮอร์ไมโอนี่ผม….”  ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นก็มีเสียงดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน

“ขออีกนิดน่า  อีกนิดเดียว”  เสียงของรอนดังขึ้นที่เตียงริมสุดที่เขานอนอยู่

“แต่นายต้องตื่นแล้วนะรอน  มันได้เวลาแล้ว”  แฮร์รี่บ่นอย่าเหนื่อยหน่ายกับเพื่อนที่แสนจะขี้เซาของเขาคนนี้  “อีก 5 นาที  อีก 5 นาทีนะแฮร์รี่”  รอนบ่น

“นายพูดคำนี้มากี่รอบแล้ว  ตื่นได้แล้วรอน  นายจะไม่ไปกินข้าวเหรอ”  แฮร์รี่ยังคงไม่ละความพยายามและเมื่อรอนได้ยินคำว่า ‘ กินข้าว ’ เขาก็ดีดตัวลุกขึ้นทันทีราวกับว่าเตียงของเขามันร้อนขึ้นมากระทันหันอย่างนั้นแหละ  ส่วนแฮร์รี่นั้นมองอาการเพื่อนของเขาอย่างงง ๆ

“เร็วสิ  แฮร์รี่ไปกินข้าวกัน” รอนพูดอย่างกระตือรือร้นพร้อม ๆ กับลากแฮร์รี่ที่งงยังไม่หาย ( อารายวะเมื่อกี๊ยังบอกขอนอนต่ออยู่เลย ) เพื่อจะไปที่ห้องโถง  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นหัวเราะคิกคักกับการกระทำของเพื่อนรักของเธอทั้งสองคน

“เมื่อกี๊เธอจะพูดอะไรเหรอ  ไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่กลับมาสนใจเขาต่อ  หลังจากรอนลากแฮร์รี่ผ่านหน้าพวกเขาไป

“เอ่อ  ผมจะถามคุณว่า  เราจะไปกินข้าวกันหรือยังครับ”  ไรอันถาม

“ไปสิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเขาพลางลุกจากเตียง



เฮอร์ไมโอนี่ลงมากินข้าวพร้อมไรอัน  ( ส่วนแฮร์รี่นั้นโดนรอนลากไปถึงห้องโถงแล้วมั้ง ) ระหว่างทางไปห้องโถงเธอก็คุยกับไรอันถึงเหตุการณ์เมื่อวาน  ไรอันบอกเธอว่าการแข่งขันควิดดิชนั้นต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดเพราะทางอาจารย์ต้องการรอให้แน่ใจก่อนว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างนั้นขึ้นอีก

“ฉันว่ารอนต้องดีใจแน่เลย” เฮอร์ไมโอนี่พูด “เขาบ่นให้ฉันฟังวันละร้อยครั้งได้มั้งว่าขี้เกียจซ้อมควิดดิชแค่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม  และเมื่อเธอเดินถึงทางเข้าห้องโถงนั้นรอยยิ้มบนหน้าเธอก็หายไปเมื่อเธอเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า  มัลฟอยนั่นเอง  เธอเห็นมัลฟอยที่เดินเคียงคู่มากับซิลเวีย  เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะหลบหน้าทั้งสองคนนั้นแต่ก็สายไปเสียแล้วเพราะว่าซิลเวียเห็นเธอเข้าพอดี

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ  มิสเกรนเจอร์  มิสเตอร์ครัม”  เธอทักพวกเขาทั้งสองด้วยเสียงหวานเจือยาพิษตามแบบฉบับของเธอ

“เช่นกันค่ะ  มิสเดอ  เวซอง” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยอย่างเสียไม่ได้  ในใจคิดว่าทำไมวันนี้ถึงซวยอย่างนี้นะ

“ได้ยินว่าเมื่อวานเกิดอุบัติเหตุกับคุณเหรอคะ  เสียใจด้วยนะคะ”  ซิลเวียพูดเสียงหวานน่ารังเกียจ     ส่วนแขนของเธอนั้นเกาะพันอยู่กับแขนของมัลฟอยราวกับหนวดปลาหมึก  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าสบตามัลฟอยแต่เขากลับไม่มองเธอแม้แต่นิดเดียว

“ตอนแรกฉันอยากจะไปเยี่ยมมาคุณเหมือนกันค่ะ  แต่พอดีว่าฉันไม่รู้จะเอาอะไรไปฝากคุณน่ะคะ  ฉันไม่ค่อยรู้รสนิยมของพวกเลือดสีโคลนอย่างคุณซักเท่าไหร่หรอกค่ะ”  เธอพูดอย่างร้ายกาจก่อนที่จะกระชับวงแขนของเธอที่เกี่ยวกับแขนมัลฟอยให้แน่นขึ้นอีก  ราวกับจะประกาศความเป็นเจ้าของให้เฮอร์ไมโอนี่เห็น

“เหรอคะ  แต่ฉันเองก็ไม่อยากจะได้ของขวัญอะไรจากพวกเลือดบริสุทธ์อย่างคุณซักเท่าไหร่หรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ  ในใจเธอคิดแต่ว่าต้องระงับอารมณ์โกรธเอาไว้  แต่เท่าที่ดูตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่คงไม่ได้แค่โกรธอย่างเดียวแน่  อีกใจหนึ่งเธอก็นึกเสียใจ  น้อยใจมัลฟอยที่ยอมให้คนอื่นมาด่าว่าเธอต่อหน้าเขา

“เหรอคะ  แต่บอกให้ก็ได้นะคะว่าความจริงฉันกะจะเอาต้นลอเรนซ์ไปฝากคุณด้วยค่ะ  รู้ไหมคะว่ามันเป็นต้นไม้ที่มีความหมายดีมาก ๆ เลยค่ะ”  ซิลเวียพูดต่ออย่างไม่ลดละ  ด้วยสีหน้าเสแสร้งอย่างที่เธอถนัด  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นยังงง ๆ อยู่ว่าคราวนี้ซิลเวียจะมาไม้ไหนกับเธอกันแน่  และก็เหมือนซิลเวียจะอ่านความคิดของเฮอร์ไมโอนี่ออก  เธอยิ้มอย่างมีชัยก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ เฮอร์ไมโอนี่และกระซิบเข้าที่ข้างหูของเธอ

“ความหมายของใบลอเรนซ์ก็คือ ‘ ชัยชนะ ’ ยังไงล่ะ”  เธอพูดจบก็ส่งรอยยิ้มชั่วร้ายมาให้เฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่จะควงแขนมัลฟอยและเดินเข้าประตูห้องโถงไป  ทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ที่เต็มไปด้วยความโกรธไว้เบื้องหลัง



คงไม่ใช่โกรธอย่างเดียวเสียแล้ว  ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ทั้งโกรธ  ทั้งเสียใจ  และสับสนเป็นอย่างมาก  มันเหมือนกับมีพายุลูกใหญ่พัดอยู่ในหัวสมองของเธอมันทำให้เธอสับสนและวุ่นวายใจเป็นที่สุด  เธอผิดใจกับมัลฟอย  เพราะมัลฟอยร่ายคาถาใส่เพื่อนรักเธอ  และเธอก็ไล่เขาออกจากห้องพยาบาล  และตอนนี้เขาก็เดินควงแขนมากับผู้หญิงที่เธอเกลียดที่สุด  และปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นพูดจาถากถางเธอโดยที่ไม่ทำอะไรเลย  ใช่ไม่ทำอะไรเลย  ไม่แม้แต่จะสบตา  หรือพูดจากับเธอด้วยซ้ำ

เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดนั้นได้ไม่นานก็มีเสียง ๆ หนึ่งมาปลุกให้เธอตื่นจากความสับสนเหล่านั้น

“เฮอร์ไมโอนี่  คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ”  ไรอันนั่นเอง  เขาถามเฮอร์ไมโอนี่ด้วยน้ำเสียงและแววตาเป็นห่วงเช่นเคย  “เฮอร์ไมโอนี่”

“ฉัน…”  เฮอร์ไมโอนี่อ้ำอึ้ง  “ฉันไม่เป็นไร”  เธอโกหก

“คุณโกหกผมอีกแล้ว”  ไรอันพูดอย่างรู้ทัน

“ฉันไม่ได้โกหก  โถ่  ไรอัน  ฉันไม่เป็นไร  ฉันแค่อยากอยู่คนเดียว” เฮอร์ไมโอนี่พยายามพูดเหมือนเธอไม่เป็นไร  แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย  คราวนี้เธอเป็นจริง ๆ

“แต่คุณไม่เหมือนคนไม่เป็นไรเลยนะ  คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้โกหกผม”  ไรอันถามอีกครั้ง  เขาพยายามที่จะให้เฮอร์ไมโอนี่พูดความจริงให้ได้

“ฉันไม่เป็นไร  ฉัน….”  เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะโกหกเขาอีกครั้ง  พยายามจะพูดว่าเธอ ‘ ไม่เป็นไร ’ เหมือนอย่างเดิม  แต่คราวนี้ไม่แล้วเธอโกหกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว  คราวนี้มันหนักหนาเกินกว่าที่เธอจะแกล้งพูดว่า  ‘ ฉันไม่เป็นไรอีก ’ ต่อไปแล้ว

“ไรอันฉัน…”  เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสั่นเครือ  ไม่ทันไรน้ำตาใส ๆ ของเธอก็หยดลงมาจากดวงตาคู่สวยคู่นั้น  และเมื่อไรอันเห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นเขาก็ดึงตัวเฮอร์ไมโอนี่มากอด

“ไรอัน  อย่า  เธอจะทำอะไรน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความตกใจกับการกระทำของเด็กหนุ่ม  แต่ไรอันไม่พูดอะไรได้แต่มองเข้าไปข้างในแววตาเธอ

“ไรอัน…”  เฮอร์ไมโอนี่พูด

“คุณร้องไห้  ผมปล่อยให้คุณเป็นอย่างนี้ไม่ได้”  เขาตอบเธอ  ในขณะนี้เฮอร์ไมโอนี่อยู่ในอ้อมกอดของไรอัน  เขาโอบกอดเธอด้วยอ้อมแขนที่แข็งแรงของเขา  และมือ ๆ หนึ่งของเขาลูบศีรษะของเธออย่างปลอบโยน

“แต่เธอก็ไม่ควรทำอย่างนี้  ไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง  แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ  เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกดีที่มีคนมาปลอบโยนเธอ  มาอยู่เป็นเพื่อนยามเธอร้องไห้

“แต่ผมปล่อยคุณไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก  ถ้าคุณจะร้องก็ร้องเถอะครับ  ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง  คุณจะได้ไม่เหงา”  ไรอันพูดกับเธออย่างอ่อนโยนพร้อมกับยื่นมือมาซับน้ำตาของเธอ

“ดีกว่าร้องไห้คนเดียวไม่ใช่เหรอครับ”  ไรอันพูดพร้อมรอยยิ้ม  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็มั่นใจได้เลยว่าเพราะรอยยิ้มนั้นนั่นแหละที่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว

ก็จริงอย่างที่เขาพูด

ดีกว่าร้องไห้คนเดียว

“ขอบใจนะไรอัน  แต่ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางผละออกจากอ้อมกอดของไรอัน

“คุณแน่ใจนะครับ”  ไรอันถามเธออีกครั้ง

“อืม  แน่ใจ  ฉันไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมยิ้มกว้าง  ไม่ใช่ยิ้มอย่างเสแสร้งเพื่อปกปิดความรู้สึกอย่างที่เธอเคยทำอีกแล้ว  แต่นี่เป็นยิ้มที่ออกมาจากข้างในใจของเธอจริง ๆ  

“ฉันว่าฉันไปดีกว่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับไรอัน

“คุณจะไม่ทานข้าวเช้าเหรอครับ” ไรอันถามเธออย่างงุนงง  แต่เขาเองก็รู้สึกดีไม่น้อยที่เห็นเธอดีขึ้นอย่างนี้  “ไม่ล่ะ  ฝากบอกพวกแฮร์รี่ด้วยแล้วกันว่าฉันจะไป…”

“ห้องสมุด”  ไรอันต่อให้จนจบ  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นยิ้มแก้เขิน

“ใช่   แล้ว..”  เธออ้ำอึ้ง  “อย่าบอกใครเรื่องนี่ได้ไหม  ฉันหมายถึงเรื่องที่ฉันร้องไห้” เฮอร์ไมโอนี่ขอร้องเขาเพราะเธอเองก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้หรอก  แม้ว่าจะเป็นรอนหรือแฮร์รี่ที่เป็นเพื่อนรักของเธอก็เถอะ

“ได้ครับ  ผมสัญญา”  ไรอันรับคำส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็ยิ้มกว้าง

“จะให้ผมเดินไปส่งไหมครับ”  เขาถาม

“ไม่เป็นไร  ฉันไปเองได้  ไปนะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขาพลางโบกมือ  และไรอันก็ยืนมองร่างของเด็กสาวผมสีน้ำตาลฟูฟ่องเดินไปตามระเบียงจนลับตาเขาไป

“คุณไม่เป็นไรจริง ๆ นะเฮอร์ไมโอนี่”  เขาพึมพำ


TBC

No comments:

Post a Comment