ตลอดคืนนั้นทั้งคืนเฮอร์ไมโอนี่แทบนอนไม่หลับเลย ในหัวของเธอมีแต่เรื่องมัลฟอย แม้ว่าเธอพยายามจะหลับเท่าไรแต่เมื่อเธอหลับตาภาพนั้นก็มาปรากฏตรงหน้าเธอทุกครั้งไป ภาพของมัลฟอยที่มองเธอด้วยสายตาที่เจ็บปวด
เช้าวันรุ่งขึ้นเฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการเพลีย ๆ เธอมองไปรอบ ๆ และก็พบว่าดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นได้ไม่นานนัก เพราะมันเพิ่งทอแสงผ่านหุบเขาที่กั้นมันอยู่นั่นเอง ไม่นานนักเฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน และเธอก็รู้ว่ามันกำลังตรงมาที่เตียงของเธอ
“เฮอร์ไมโอนี่ คุณเป็นไงบ้างครับ” ไรอันนั่นเอง เขาทักทายเฮอร์ไมโอนี่ด้วยเสียงสดใสตามแบบฉบับของเขา แต่เววตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“เอ่อ ดีขึ้นมากแล้วล่ะ หวัดดีแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่หันไปทักทายแฮร์รี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไรอัน
“เธอหายดีแล้วใช่มั้ย” เขาถามเธอแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็พยักหน้าตอบเขา
“แล้วรอนล่ะ” แฮร์รี่ถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนของเขาที่โดนคาถาทลายด่านของมัลฟอยเข้าไปเต็ม ๆ
“นอนอยู่เตียงนั้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ชี้ไปที่เตียง ๆ หนึ่งที่อยู่ริมสุดและมีผ้าม่านปิดไว้อยู่
“มาดามพรอมฟรีย์บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่ตอนนี้คงยังไม่ตื่น” หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบแฮร์รี่ก็ขอตัวไปดูอาการรอนที่เตียงของเขา โดยทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่กับไรอันตามลำพัง
“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ” ไรอันถามเธอ
“ฉันก็แค่เพลีย ๆ น่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก” เฮอร์ไมโอนี่ตอบไรอันซึ่งตอนนี้กำลังจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเธอ
“จะให้ผมตามมาดามพรอมฟรีย์ให้ไหม” เขาถามพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่
“อย่า ไม่ต้อง” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพร้อมกับดึงแขนไรอันไว้ทันทีเพราะเธอกลัวว่ามาดามพรอมฟรีย์จะให้เธอกินยารสชาติน่าแหวะมากที่สุดอีกครั้งนึง “ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นไร”
ไรอันมองหน้าเธออย่างลังเลก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอีกครั้งหนึ่ง “แน่ใจนะครับ” เขาถามและเฮอร์ไมโอนี่ก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
เกิดความเงียบที่หน้าอึดอัดขึ้นมาหลังจากจบบทสนทนานั้น เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดกับไรอันเรื่องอะไรดี เช่นเดียวกับที่ไรอันก็ไม่รู้ว่าจะถามคำถามที่อยู่ในใจเขากับเธอดีหรือเปล่า และดูเหมือนว่าไรอันจะตัดสินในสิ่งที่เขาคิดอยู่ได้แล้ว
“เฮอร์ไมโอนี่ผม….” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นก็มีเสียงดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
“ขออีกนิดน่า อีกนิดเดียว” เสียงของรอนดังขึ้นที่เตียงริมสุดที่เขานอนอยู่
“แต่นายต้องตื่นแล้วนะรอน มันได้เวลาแล้ว” แฮร์รี่บ่นอย่าเหนื่อยหน่ายกับเพื่อนที่แสนจะขี้เซาของเขาคนนี้ “อีก 5 นาที อีก 5 นาทีนะแฮร์รี่” รอนบ่น
“นายพูดคำนี้มากี่รอบแล้ว ตื่นได้แล้วรอน นายจะไม่ไปกินข้าวเหรอ” แฮร์รี่ยังคงไม่ละความพยายามและเมื่อรอนได้ยินคำว่า ‘ กินข้าว ’ เขาก็ดีดตัวลุกขึ้นทันทีราวกับว่าเตียงของเขามันร้อนขึ้นมากระทันหันอย่างนั้นแหละ ส่วนแฮร์รี่นั้นมองอาการเพื่อนของเขาอย่างงง ๆ
“เร็วสิ แฮร์รี่ไปกินข้าวกัน” รอนพูดอย่างกระตือรือร้นพร้อม ๆ กับลากแฮร์รี่ที่งงยังไม่หาย ( อารายวะเมื่อกี๊ยังบอกขอนอนต่ออยู่เลย ) เพื่อจะไปที่ห้องโถง ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นหัวเราะคิกคักกับการกระทำของเพื่อนรักของเธอทั้งสองคน
“เมื่อกี๊เธอจะพูดอะไรเหรอ ไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่กลับมาสนใจเขาต่อ หลังจากรอนลากแฮร์รี่ผ่านหน้าพวกเขาไป
“เอ่อ ผมจะถามคุณว่า เราจะไปกินข้าวกันหรือยังครับ” ไรอันถาม
“ไปสิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเขาพลางลุกจากเตียง
เฮอร์ไมโอนี่ลงมากินข้าวพร้อมไรอัน ( ส่วนแฮร์รี่นั้นโดนรอนลากไปถึงห้องโถงแล้วมั้ง ) ระหว่างทางไปห้องโถงเธอก็คุยกับไรอันถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ไรอันบอกเธอว่าการแข่งขันควิดดิชนั้นต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดเพราะทางอาจารย์ต้องการรอให้แน่ใจก่อนว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างนั้นขึ้นอีก
“ฉันว่ารอนต้องดีใจแน่เลย” เฮอร์ไมโอนี่พูด “เขาบ่นให้ฉันฟังวันละร้อยครั้งได้มั้งว่าขี้เกียจซ้อมควิดดิชแค่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม และเมื่อเธอเดินถึงทางเข้าห้องโถงนั้นรอยยิ้มบนหน้าเธอก็หายไปเมื่อเธอเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า มัลฟอยนั่นเอง เธอเห็นมัลฟอยที่เดินเคียงคู่มากับซิลเวีย เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะหลบหน้าทั้งสองคนนั้นแต่ก็สายไปเสียแล้วเพราะว่าซิลเวียเห็นเธอเข้าพอดี
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ มิสเกรนเจอร์ มิสเตอร์ครัม” เธอทักพวกเขาทั้งสองด้วยเสียงหวานเจือยาพิษตามแบบฉบับของเธอ
“เช่นกันค่ะ มิสเดอ เวซอง” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยอย่างเสียไม่ได้ ในใจคิดว่าทำไมวันนี้ถึงซวยอย่างนี้นะ
“ได้ยินว่าเมื่อวานเกิดอุบัติเหตุกับคุณเหรอคะ เสียใจด้วยนะคะ” ซิลเวียพูดเสียงหวานน่ารังเกียจ ส่วนแขนของเธอนั้นเกาะพันอยู่กับแขนของมัลฟอยราวกับหนวดปลาหมึก เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าสบตามัลฟอยแต่เขากลับไม่มองเธอแม้แต่นิดเดียว
“ตอนแรกฉันอยากจะไปเยี่ยมมาคุณเหมือนกันค่ะ แต่พอดีว่าฉันไม่รู้จะเอาอะไรไปฝากคุณน่ะคะ ฉันไม่ค่อยรู้รสนิยมของพวกเลือดสีโคลนอย่างคุณซักเท่าไหร่หรอกค่ะ” เธอพูดอย่างร้ายกาจก่อนที่จะกระชับวงแขนของเธอที่เกี่ยวกับแขนมัลฟอยให้แน่นขึ้นอีก ราวกับจะประกาศความเป็นเจ้าของให้เฮอร์ไมโอนี่เห็น
“เหรอคะ แต่ฉันเองก็ไม่อยากจะได้ของขวัญอะไรจากพวกเลือดบริสุทธ์อย่างคุณซักเท่าไหร่หรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ ในใจเธอคิดแต่ว่าต้องระงับอารมณ์โกรธเอาไว้ แต่เท่าที่ดูตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่คงไม่ได้แค่โกรธอย่างเดียวแน่ อีกใจหนึ่งเธอก็นึกเสียใจ น้อยใจมัลฟอยที่ยอมให้คนอื่นมาด่าว่าเธอต่อหน้าเขา
“เหรอคะ แต่บอกให้ก็ได้นะคะว่าความจริงฉันกะจะเอาต้นลอเรนซ์ไปฝากคุณด้วยค่ะ รู้ไหมคะว่ามันเป็นต้นไม้ที่มีความหมายดีมาก ๆ เลยค่ะ” ซิลเวียพูดต่ออย่างไม่ลดละ ด้วยสีหน้าเสแสร้งอย่างที่เธอถนัด ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นยังงง ๆ อยู่ว่าคราวนี้ซิลเวียจะมาไม้ไหนกับเธอกันแน่ และก็เหมือนซิลเวียจะอ่านความคิดของเฮอร์ไมโอนี่ออก เธอยิ้มอย่างมีชัยก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ เฮอร์ไมโอนี่และกระซิบเข้าที่ข้างหูของเธอ
“ความหมายของใบลอเรนซ์ก็คือ ‘ ชัยชนะ ’ ยังไงล่ะ” เธอพูดจบก็ส่งรอยยิ้มชั่วร้ายมาให้เฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่จะควงแขนมัลฟอยและเดินเข้าประตูห้องโถงไป ทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ที่เต็มไปด้วยความโกรธไว้เบื้องหลัง
คงไม่ใช่โกรธอย่างเดียวเสียแล้ว ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ และสับสนเป็นอย่างมาก มันเหมือนกับมีพายุลูกใหญ่พัดอยู่ในหัวสมองของเธอมันทำให้เธอสับสนและวุ่นวายใจเป็นที่สุด เธอผิดใจกับมัลฟอย เพราะมัลฟอยร่ายคาถาใส่เพื่อนรักเธอ และเธอก็ไล่เขาออกจากห้องพยาบาล และตอนนี้เขาก็เดินควงแขนมากับผู้หญิงที่เธอเกลียดที่สุด และปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นพูดจาถากถางเธอโดยที่ไม่ทำอะไรเลย ใช่ไม่ทำอะไรเลย ไม่แม้แต่จะสบตา หรือพูดจากับเธอด้วยซ้ำ
เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดนั้นได้ไม่นานก็มีเสียง ๆ หนึ่งมาปลุกให้เธอตื่นจากความสับสนเหล่านั้น
“เฮอร์ไมโอนี่ คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ” ไรอันนั่นเอง เขาถามเฮอร์ไมโอนี่ด้วยน้ำเสียงและแววตาเป็นห่วงเช่นเคย “เฮอร์ไมโอนี่”
“ฉัน…” เฮอร์ไมโอนี่อ้ำอึ้ง “ฉันไม่เป็นไร” เธอโกหก
“คุณโกหกผมอีกแล้ว” ไรอันพูดอย่างรู้ทัน
“ฉันไม่ได้โกหก โถ่ ไรอัน ฉันไม่เป็นไร ฉันแค่อยากอยู่คนเดียว” เฮอร์ไมโอนี่พยายามพูดเหมือนเธอไม่เป็นไร แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย คราวนี้เธอเป็นจริง ๆ
“แต่คุณไม่เหมือนคนไม่เป็นไรเลยนะ คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้โกหกผม” ไรอันถามอีกครั้ง เขาพยายามที่จะให้เฮอร์ไมโอนี่พูดความจริงให้ได้
“ฉันไม่เป็นไร ฉัน….” เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะโกหกเขาอีกครั้ง พยายามจะพูดว่าเธอ ‘ ไม่เป็นไร ’ เหมือนอย่างเดิม แต่คราวนี้ไม่แล้วเธอโกหกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คราวนี้มันหนักหนาเกินกว่าที่เธอจะแกล้งพูดว่า ‘ ฉันไม่เป็นไรอีก ’ ต่อไปแล้ว
“ไรอันฉัน…” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสั่นเครือ ไม่ทันไรน้ำตาใส ๆ ของเธอก็หยดลงมาจากดวงตาคู่สวยคู่นั้น และเมื่อไรอันเห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นเขาก็ดึงตัวเฮอร์ไมโอนี่มากอด
“ไรอัน อย่า เธอจะทำอะไรน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความตกใจกับการกระทำของเด็กหนุ่ม แต่ไรอันไม่พูดอะไรได้แต่มองเข้าไปข้างในแววตาเธอ
“ไรอัน…” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“คุณร้องไห้ ผมปล่อยให้คุณเป็นอย่างนี้ไม่ได้” เขาตอบเธอ ในขณะนี้เฮอร์ไมโอนี่อยู่ในอ้อมกอดของไรอัน เขาโอบกอดเธอด้วยอ้อมแขนที่แข็งแรงของเขา และมือ ๆ หนึ่งของเขาลูบศีรษะของเธออย่างปลอบโยน
“แต่เธอก็ไม่ควรทำอย่างนี้ ไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกดีที่มีคนมาปลอบโยนเธอ มาอยู่เป็นเพื่อนยามเธอร้องไห้
“แต่ผมปล่อยคุณไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก ถ้าคุณจะร้องก็ร้องเถอะครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง คุณจะได้ไม่เหงา” ไรอันพูดกับเธออย่างอ่อนโยนพร้อมกับยื่นมือมาซับน้ำตาของเธอ
“ดีกว่าร้องไห้คนเดียวไม่ใช่เหรอครับ” ไรอันพูดพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็มั่นใจได้เลยว่าเพราะรอยยิ้มนั้นนั่นแหละที่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว
ก็จริงอย่างที่เขาพูด
ดีกว่าร้องไห้คนเดียว
“ขอบใจนะไรอัน แต่ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางผละออกจากอ้อมกอดของไรอัน
“คุณแน่ใจนะครับ” ไรอันถามเธออีกครั้ง
“อืม แน่ใจ ฉันไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมยิ้มกว้าง ไม่ใช่ยิ้มอย่างเสแสร้งเพื่อปกปิดความรู้สึกอย่างที่เธอเคยทำอีกแล้ว แต่นี่เป็นยิ้มที่ออกมาจากข้างในใจของเธอจริง ๆ
“ฉันว่าฉันไปดีกว่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับไรอัน
“คุณจะไม่ทานข้าวเช้าเหรอครับ” ไรอันถามเธออย่างงุนงง แต่เขาเองก็รู้สึกดีไม่น้อยที่เห็นเธอดีขึ้นอย่างนี้ “ไม่ล่ะ ฝากบอกพวกแฮร์รี่ด้วยแล้วกันว่าฉันจะไป…”
“ห้องสมุด” ไรอันต่อให้จนจบ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นยิ้มแก้เขิน
“ใช่ แล้ว..” เธออ้ำอึ้ง “อย่าบอกใครเรื่องนี่ได้ไหม ฉันหมายถึงเรื่องที่ฉันร้องไห้” เฮอร์ไมโอนี่ขอร้องเขาเพราะเธอเองก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้หรอก แม้ว่าจะเป็นรอนหรือแฮร์รี่ที่เป็นเพื่อนรักของเธอก็เถอะ
“ได้ครับ ผมสัญญา” ไรอันรับคำส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็ยิ้มกว้าง
“จะให้ผมเดินไปส่งไหมครับ” เขาถาม
“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้ ไปนะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขาพลางโบกมือ และไรอันก็ยืนมองร่างของเด็กสาวผมสีน้ำตาลฟูฟ่องเดินไปตามระเบียงจนลับตาเขาไป
“คุณไม่เป็นไรจริง ๆ นะเฮอร์ไมโอนี่” เขาพึมพำ
TBC
No comments:
Post a Comment