เฮอร์ไมโอนี่นอนไม่หลับเกือบทั้งคืนในใจเธอคิดแต่เรื่องของมัลฟอย เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจเธอผิดอยู่อย่างนี้เลย ความจริงเรื่องที่เธอได้สัญญาไว้กับตัวเองว่าจะลืมเขานั้นเธอทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเธอจะพยายามลืมเขาเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรักเขามากเท่านั้น
“แล้วทำไมฉันต้องปิดหัวใจตัวเองด้วยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่คิด “ทำไมชั้นต้องพยายามลืมมัลฟอยในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ชั้นทำไม่ได้” แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาและเธอเป็นศัตรูกัน แล้วเธอก็ไม่รู้ว่ามัลฟอยนั้นคิดอย่างไรกับเธอกันแน่ ในสายตาของมัลฟอยนั้นเธออยู่ในสถานะอะไรกัน คนรัก หรือว่าศัตรู
“ถึงยังไงฉันก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ ที่เหลือมันจะเป็นอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับเขาละกัน” เฮอร์ไมโอนี่คิดและเธอก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว
พอเฮอร์ไมโอนี่แต่งตัวเสร็จเธอก็แวะไปที่โรงนกฮูกก่อนที่จะไปทานอาหารเช้า เมื่อไปถึงเฮอร์ไมโอนี่ไปเลือกนกฮูกของโรงเรียนมาตัวนึง มันเป็นนกฮูกโรงนาสีน้ำตาล เธอเอาจดหมายผูกกับขาของมันและมันก็บินไปทำตามหน้าที่
ส่วนทางด้านแฮร์รี่ ( ผู้น่าสงสาร ) นั้นก็สติหลุดลอยไปเรียบร้อยแล้ว แฮร์รี่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเดินกลับห้องนั่งเล่นรวมไปได้อย่างไร แต่เมื่อเขามาถึงปัจจุบันเสียงแหลมแสบแก้วหูของด็อบบี้ช่วยปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์
“แฮร์รี่ พอตเตอร์กลับมาแล้ว!!!”
“ด็อบบี้ดีใจ ด็อบบี้ดีใจจริง ๆ ” มันร้องเสียงแหลมจนแทบจะปลุกคนทั้งหอให้ตื่นได้ แต่แฮร์รี่ยังคงนิ่งเงียบ
“แฮร์รี่ พอตเตอร์ทำได้ แฮร์รี่ พอตเตอร์กลับมาแล้ว” มันยังคงร้องไปเรื่อย ๆ ด้วยเสียงอันดังขึ้นกว่าเดิม แฮร์รี่กลัวว่าจะมีรองเท้าปลิวลงมาจากหอนอนเลยสั่งให้มันเงียบ
“นายเอาไอ้นี่ไปเก็บที่เดิมให้ทีนะ ขอบใจนะด็อบบี้” เขาพูดพลางส่งนาฬิกาให้ด็อบบี้และเดินขึ้นหอนอนไปอย่างเงียบเชียบ
เมื่อถึงเวลาทานอาหารเช้ามีสิ่งหนึ่งที่รอนสังเกตุได้จากเพื่อนทั้งสองคนของเขาคืออารรมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อหลายวันก่อนเฮอร์ไมโอนี่นั้นแทบจะอารมณ์เสียได้แม้ในตอนที่เธอหลับ เธอไม่ได้หงุดหงิดแค่เรื่องเรียนหรือเรื่องทำคะแนนได้ไม่ดีพอเท่านั้น ไม่ว่าใครที่เข้าไปกวนใจเธอนั้นต้องเจอดีไปตาม ๆ กันทุกคน แต่พอมาวันนี้เธอกลับอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมมาก รอนไม่ได้หมายความว่าเธออารมณ์ดีพอ ๆ กับคนถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งหรอก แต่ก็ดีกว่าเดิมมากจริงมั้ย
ส่วนแฮร์รี่นั้นรอนสาบานได้เลยว่าตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเขาเพิ่งเคยเห็นแฮร์รี่เป็นแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาเหม่อลอย ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ท่าทางของแฮร์รี่นั้นราวกับว่าเขาโดนผู้คุมวิญญาณ 3 คนรวดมอบจุมพิตให้เขาก็ไม่ปาน
ส่วนทางด้านโต๊ะสลิธีรินขณะที่มัลฟอยกำลังทานอาหารเช้า ( อย่างสุภาพ ) ส่วนแครบและกอยล์คงไม่ต้องพูดถึง ( ก็ไม่ต่างกับรอนเท่าไหร่หรอก ) ก็มีนกฮูกบินลงมาทิ้งจดหมายให้เขา เขาแกะมันออกและอ่านข้อความในจดหมาย
ถึง มัลฟอย
ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับนาย ฉันจะไม่บอกอะไรในนี้ทั้งนั้น
ให้นายมาหาฉันที่ห้องเรียนคาถาเก่าหลังอาหารเย็นวันนี้
ปล. ฉันจะรอจนกว่านายจะมา
จาก เกรนเจอร์
เมื่อมัลฟอยอ่านจดหมายของเฮอร์ไมโอนี่จบแล้วเขาก็ครุ่นคิดอย่างชั่งใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่นัดเขาออกไปเจอ มัลฟอยเองก็ไม่รู้ว่าเธอต้องการจะคุยอะไรกับเขา แต่มันน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียวถึงขนาดที่เธอยอมส่งจดหมายมาหาเขาอย่างนี้
“อย่าบอกนะว่าจะเป็นเรื่องมันน่ะ” มัลฟอยพึมพำ พอเขานึกถึงแฮร์รี่เมื่อไหร่ก็ราวกับว่าเขามีภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดอยู่ในอกก็ไม่ปาน แน่นอนเขายังโกรธเธออยู่ แต่พอนึกถึงตรงที่เฮอร์ไมโอนี่ยอมนัดเขาออกไปเจอก่อนนั้น มันก็ทำเขาใจอ่อนเอาง่าย ๆ
“คงไม่พ้นเรื่องไอ้เจ้าพอตเตอร์นั่นล่ะสิท่า” มัลฟอยคิด มองไปทางโต๊ะกริฟฟินดอร์และก็เห็นเฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่กับแฮร์รี่และรอน และทันใดนั้นมัลฟอยก็ขยำกระดาษในมือและโยนมันลงพื้นราวกับมันเป็นแค่เศษขยะชิ้นนึง
มัลฟอยจะรู้ไหมว่าเจ้าของจดหมายนั่นมองการกระทำของเขามาจากโต๊ะกริฟฟินดอร์ด้วยสายตาเจ็บปวด
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จรอนก็สังเกตุอีกว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นเริ่มเปลี่ยนไปเป็นแบบเดียวกับแฮร์รี่ตั้งแต่ตอนนั้น ราวกับว่าอาการที่แฮร์รี่เป็นนั้นมันเป็นเหมือนโรคติดต่อ และตัวแฮร์รี่เองก็เป็นพาหะนำโรคที่เอามันไปติดเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งข้าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพราะตลอดวันนี้ดูเหมือนว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่สนใจการเรียนเลย และที่น่าแปลกที่สุดก็คือ เธอปล่อยให้คำถามต่าง ๆ ที่อาจารย์ถามหลุดลอยผ่านหน้าไปหลายต่อหลายข้อ
“ฉันว่านี่เป็นเรื่องแปลกแห่งปีเลยนะ แปลกพอ ๆ กับที่เสนปจะให้คะแนนบ้านกริฟฟินดอร์เลย” รอนหันไปพูดกับแฮร์รี่แต่เขายังคงนิ่งเงียบ
“โอ๊ยยยย ฉันลืมไปได้ไงเนี่ยว่านายเป็นคนเอาเชื้อไปติดยัยนั่น” รอนพูดอย่างหัวเสีย
“โอเค ฉันถือว่าฉันพูดหม้อใหญ่ก็แล้วกัน” รอนพูดอย่างเหนื่อยหน่ายมองไปที่เพื่อนของเขาทั้งสองคน
ในที่สุดก็มาถึงเวลาทานอาหารเย็น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม รอนพยายามที่จะยัดของทุกอย่างที่มีบนโต๊ะลงไปในกระเพาะเขา แต่ที่แปลกก็คือไม่มีเสียงแขวะรอนอย่างที่มันควรจะเป็น เพื่อนทั้งสองของเขาได้แต่เงียบ เงียบ และเงียบ และในที่สุด
“เฮอร์ไมโอนี่ ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ” แฮร์รี่เอ่ยขึ้น ปลุกเฮอร์ไมโอนี่ให้ตื่นจากภวังค์ ส่วนรอนที่กำลังเขมือบขาแกะอยู่ถึงกับอึ้ง เขาทำหน้าราวกับว่าแองเจลิน่าสั่งให้ยกเลิกการซ้อมควิดดิชก็ไม่ปาน แต่แฮร์รี่ไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด เขามองมาที่เฮอร์ไมโอนี่
“เอ่อ คือฉันอยากคุยกับเธอหลังกินข้าวได้มั้ย” แฮร์รี่ถามอีกครั้ง
เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะตอบตกลงไปแล้วเพียงแต่ว่าเธอไม่ต้องการให้เรื่องของเธอและมัลฟอยมันค้างคาไปนานกว่านี้อีกแล้ว ถ้าจะจบ เธอก็ต้องการจบมันลงวันนี้เลย
“ขอโทษนะแฮร์รี่ ฉันมีธุระ ไว้วันหลังจะได้ไหม” เธอพูด
“งั้นไม่เป็นไรเฮอร์ไมโอนี่ เธอไปทำธุระของเธอเถอะ” แฮร์รี่พูดน้ำเสียงผิดหวัง
“งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเจอที่กันที่ห้องนั่งเล่นรวมนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดและเดินออกจากห้องโถงไป
ที่ห้องเรียนคาถาเก่ามัลฟอยเข้ามารอเฮอร์ไมโอนี่อยู่นานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณใด ๆ บ่งบอกการมาของเธอเลย
“ทำอะไรของเขาอยู่นะ” มัลฟอยคิดทีท่าของเขาดูกระสับกระส่าย และทันใดนั้นประตูห้องเรียนก็เปิดออก
“นี่เธอจะมาสายทุกครั้งที่นัดกันเลยใช่มั้ย” มัลฟอยพูดแต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เขาเห็นกลับไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่ แต่เป็นแครบกและกอยล์
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งกระหืดกระหอบไปตามทางเดิน ความจริงเธอควรถึงห้องเรียนคาถาเก่าตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่เพราะตอนออกจากห้องโถง
“มิสเกรนเจอร์ ๆ ” เสียง ๆ หนึ่งเรียกเฮอร์ไมโอนี่ไว้เธอจำได้ว่ามันเป็นเสียงของอาจารย์วิชาแปลงร่างของเธอนั่นเอง
“มีอะไรเหรอคะ ศาสตร์จารย์มักกอนากัล” เฮอร์ไมโอนี่พูดในใจเธอคิดว่าอาจารย์จะเรียกเธอตอนนี้ทำไมนะ
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอน่ะสิ แล้วเธอเห็นมิสเตอร์มัลฟอยไหม” ศาสตร์จารย์มักกอนนากัลมองหามัลฟอย
“เอ่อ ไม่เห็นค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ เธอไม่ได้โกหกนะแต่ตอนออกมาจากห้องโถงเธอไม่เห็นเขาจริง ๆ
“เหรองั้นช่างเถอะ เดี๋ยวเธอไปคุยกับฉันที่ห้องทำงานก็แล้วกันนะ” ศาสตร์จารย์มักกอนากัลพูดโดยไม่ได้สนใจสีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เลยว่าเธอ ( ไม่ ) ต้องการให้ได้ยินคำ ๆ นี้มากแค่ไหน แต่
“ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่รับคำและเดินตามเธอไปโดยดี
ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็มาถึงที่หมาย เธอไม่อยากคิดว่าหน้าของมัลฟอยว่าจะเป็นอย่างไรเลยเมื่อเธอปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้ เฮอร์ไมโอนี่เดินไปที่ประตูและเห็นมันเปิดแง้มไว้ เธอมองเข้าไปข้างใน เฮอร์ไมโอนี่เห็นมัลฟอยยืนคุยกับใครบางคนอยู่เสียงที่พวกเขาคุยกันนั้นดังจนเธอได้ยินมันชัดเจน
“พวกแกมาทำอะไรที่นี่” มัลฟอยพูดมองแครบและกอยล์อย่างสงสัย
“เราก็มาหานายน่ะสิ อยู่ ๆ นายก็ลุกออกจากโต๊ะไปซะเฉย ๆ ” แครบอธิบาย เขาใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะไม่ทำให้มัลฟอยโกรธ
“พวกแกเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไงถึงไปไหนเองไม่ได้ เลิกตามติดฉันแจซะที” มัลฟอยบ่นอย่างอารมณ์เสีย แล้วเขาก็คิดอะไรบางอย่างได้ “พวกแกรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่” มัลฟอยถามหรี่ตาทั้งสองข้างเป็นเชิงสงสัย
“คือพวกเรา..” กอยล์เอ่ยตะกุกตะกัก ราวกับไม่แน่ใจว่าเขาควรจะบอกความจริงดีไหม
“บอกมา!!!” มัลฟอยตวาด แครบและกอยล์ถึงกับสะดุ้งโหยง
“คือพวกเราอ่านจดหมายที่นายโยนทิ้งไปไง เลยรู้ว่ายายเกรนเจอร์นัดนายมาที่นี่” แครบพูดเสียงสั่นกลัวว่ามัลฟอยจะสาปเขาเป็นกิ้งกือยักษ์ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็สะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง เธอไม่คิดว่าจะมีคนรู้เรื่องเธอกับมัลฟอย
“แล้วยายนั่นนัดนายมานี่ทำไมล่ะ มัลฟอย” กอยล์ถามอย่างหวาด ๆ เขาก็กลัวโดนมัลฟอยสาปเช่นเดียวกับแครบ
“นั่นมันเรื่องของฉันน่า พวกแกอย่ามายุ่งหน่อยเลย!” มัลฟอยตวาดพวกเขา เฮอร์ไมโอนี่นึกขำกับการเห็นท่าทางหวาดกลัวของแครบและกอยล์
“ฉันว่านายแปลกไปนะมัลฟอย ฉันหมายถึงเรื่องยายเกรนเจอร์น่ะ” กอยล์พูดขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ มัลฟอยยังคงนิ่งเงียบ
“หรือว่านายชอบยัยนั่น” แครบถามเขา และเหมือนคำถามนี้มีปฏิกิริยากับมัลฟอยขึ้นมาในทันที ใบหน้าซีดเซียวของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากแครบพูดจบ ( หน้าแดงเพราะแครบพูดเฮอร์ไมโอนี่หรือโกรธก็ไม่รู้ ) ส่วนแววตาสีซีดของเขายังคงจ้องมองแครบไม่วางตา จนแครบนึกว่าเขาคงจะโดนมัลฟอยสาปเข้าจริง ๆ แล้ว
แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แครบยังไม่เป็นอะไร มัลฟอยไม่ได้สาปเขาแต่อย่างใด
“นายรู้ไหมว่าทำไมฉันเป็นอย่างนี้ นายรู้ไหมว่าทำไมฉันต้องมาตามนัดของยายเกรนเจอร์นั่นด้วย” มัลฟอยถามและได้คำตอบมาเป็นสีหน้าเหรอหราของแครบกับกอยล์
“ก็เพราะไอ้เจ้านักบุญพอตเตอร์มันชอบยัยนั่นไงล่ะ” มัลฟอยตอบ แต่สิ่งที่เขาพูดออกมามันสร้างความสงสัยให้แครบและกอยล์รวมถึงเฮอร์ไมโอนี่ที่แอบดูอยู่ด้วย แครบและกอยล์ทำหน้าประมาณว่า
“พอตเตอร์ชอบยัยนั่นแล้วทำไมล่ะ”
“ยังไม่เข้าใจสินะ พวกแกนี่มันโง่จริง” มัลฟอยยิ้มออกมา เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามันเป็นยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลย
“พวกแกลองคิดดูสิว่า มีเรื่องอะไรที่เป็นเรื่องที่เสียศักด์ศรีลูกผู้ชายมากที่สุด” มัลฟอยพูดยิ้ม ๆ
“การแพ้คู่ต่อสู้รึเปล่า” แครบพูดเบา ๆ และมัลฟอยก็มั่นใจจริง ๆ ว่าในหัวของแครบนั้นไม่ได้กลวงโบ๋เลย แต่มันถูกบรรจุด้วยขี้เลื่อยต่างหาก
“แล้วแกคิดว่าการพ่ายแพ้อย่างไหนล่ะที่มันน่าเจ็บใจมากที่สุด” มัลฟอยพูด พยายามจะทำให้พวกเขาทั้งสองเข้าใจ และแล้วแครบและกอยล์ก็ร้อง ‘ อ๋อ ’ ขึ้นมาพร้อมกัน
“นายหมายถึง เรื่องความรักงั้นเหรอ” กอยล์พูด เขาดูฉลาดกว่าเมื่อกี๊หน่อยนึง
“แล้วนายก็คงรู้ใช่มั้ยว่า ฉันจะทำอย่างไรต่อไป” มัลฟอยพูด รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
“นายจะเล่นงานเจ้าพอตเตอร์ด้วยการแย่งยายเกรนเจอร์นั่นมาจากมันใช่มั้ย” แครบพูดน้ำเสียงร่าเริง
มัลฟอยจ้องมองทั้งสองด้วยแววตาสีซีดของเขาและ
“ยอดเยี่ยมมากแครบ นั่นแหละคือจุดประสงค์ของฉัน”
TBC
No comments:
Post a Comment