Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Sunday, July 19, 2015

Chapter 19: รู้ความจริง

เฮอร์ไมโอนี่นอนไม่หลับเกือบทั้งคืนในใจเธอคิดแต่เรื่องของมัลฟอย  เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจเธอผิดอยู่อย่างนี้เลย  ความจริงเรื่องที่เธอได้สัญญาไว้กับตัวเองว่าจะลืมเขานั้นเธอทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย  ไม่ว่าเธอจะพยายามลืมเขาเท่าไหร่  เธอก็ยิ่งรักเขามากเท่านั้น    

“แล้วทำไมฉันต้องปิดหัวใจตัวเองด้วยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่คิด  “ทำไมชั้นต้องพยายามลืมมัลฟอยในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ชั้นทำไม่ได้”  แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ  ในเมื่อเขาและเธอเป็นศัตรูกัน  แล้วเธอก็ไม่รู้ว่ามัลฟอยนั้นคิดอย่างไรกับเธอกันแน่  ในสายตาของมัลฟอยนั้นเธออยู่ในสถานะอะไรกัน  คนรัก  หรือว่าศัตรู

“ถึงยังไงฉันก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ  ที่เหลือมันจะเป็นอย่างไร  ก็ต้องขึ้นอยู่กับเขาละกัน” เฮอร์ไมโอนี่คิดและเธอก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว

พอเฮอร์ไมโอนี่แต่งตัวเสร็จเธอก็แวะไปที่โรงนกฮูกก่อนที่จะไปทานอาหารเช้า  เมื่อไปถึงเฮอร์ไมโอนี่ไปเลือกนกฮูกของโรงเรียนมาตัวนึง  มันเป็นนกฮูกโรงนาสีน้ำตาล  เธอเอาจดหมายผูกกับขาของมันและมันก็บินไปทำตามหน้าที่



ส่วนทางด้านแฮร์รี่ ( ผู้น่าสงสาร ) นั้นก็สติหลุดลอยไปเรียบร้อยแล้ว  แฮร์รี่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเดินกลับห้องนั่งเล่นรวมไปได้อย่างไร  แต่เมื่อเขามาถึงปัจจุบันเสียงแหลมแสบแก้วหูของด็อบบี้ช่วยปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์  

“แฮร์รี่  พอตเตอร์กลับมาแล้ว!!!” 

“ด็อบบี้ดีใจ  ด็อบบี้ดีใจจริง ๆ ”  มันร้องเสียงแหลมจนแทบจะปลุกคนทั้งหอให้ตื่นได้  แต่แฮร์รี่ยังคงนิ่งเงียบ

“แฮร์รี่  พอตเตอร์ทำได้  แฮร์รี่  พอตเตอร์กลับมาแล้ว”  มันยังคงร้องไปเรื่อย ๆ ด้วยเสียงอันดังขึ้นกว่าเดิม  แฮร์รี่กลัวว่าจะมีรองเท้าปลิวลงมาจากหอนอนเลยสั่งให้มันเงียบ

“นายเอาไอ้นี่ไปเก็บที่เดิมให้ทีนะ  ขอบใจนะด็อบบี้”  เขาพูดพลางส่งนาฬิกาให้ด็อบบี้และเดินขึ้นหอนอนไปอย่างเงียบเชียบ



เมื่อถึงเวลาทานอาหารเช้ามีสิ่งหนึ่งที่รอนสังเกตุได้จากเพื่อนทั้งสองคนของเขาคืออารรมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ  เมื่อหลายวันก่อนเฮอร์ไมโอนี่นั้นแทบจะอารมณ์เสียได้แม้ในตอนที่เธอหลับ  เธอไม่ได้หงุดหงิดแค่เรื่องเรียนหรือเรื่องทำคะแนนได้ไม่ดีพอเท่านั้น  ไม่ว่าใครที่เข้าไปกวนใจเธอนั้นต้องเจอดีไปตาม ๆ กันทุกคน  แต่พอมาวันนี้เธอกลับอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมมาก  รอนไม่ได้หมายความว่าเธออารมณ์ดีพอ ๆ กับคนถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งหรอก  แต่ก็ดีกว่าเดิมมากจริงมั้ย  

ส่วนแฮร์รี่นั้นรอนสาบานได้เลยว่าตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเขาเพิ่งเคยเห็นแฮร์รี่เป็นแบบนี้เป็นครั้งแรก  เขาเหม่อลอย  ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น  ไม่รู้ร้อนรู้หนาว  ท่าทางของแฮร์รี่นั้นราวกับว่าเขาโดนผู้คุมวิญญาณ 3 คนรวดมอบจุมพิตให้เขาก็ไม่ปาน

ส่วนทางด้านโต๊ะสลิธีรินขณะที่มัลฟอยกำลังทานอาหารเช้า ( อย่างสุภาพ ) ส่วนแครบและกอยล์คงไม่ต้องพูดถึง ( ก็ไม่ต่างกับรอนเท่าไหร่หรอก )  ก็มีนกฮูกบินลงมาทิ้งจดหมายให้เขา  เขาแกะมันออกและอ่านข้อความในจดหมาย



ถึง  มัลฟอย

ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับนาย  ฉันจะไม่บอกอะไรในนี้ทั้งนั้น  

ให้นายมาหาฉันที่ห้องเรียนคาถาเก่าหลังอาหารเย็นวันนี้ 

ปล. ฉันจะรอจนกว่านายจะมา

            จาก เกรนเจอร์    



เมื่อมัลฟอยอ่านจดหมายของเฮอร์ไมโอนี่จบแล้วเขาก็ครุ่นคิดอย่างชั่งใจ  นี่เป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่นัดเขาออกไปเจอ  มัลฟอยเองก็ไม่รู้ว่าเธอต้องการจะคุยอะไรกับเขา  แต่มันน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียวถึงขนาดที่เธอยอมส่งจดหมายมาหาเขาอย่างนี้  

“อย่าบอกนะว่าจะเป็นเรื่องมันน่ะ”  มัลฟอยพึมพำ  พอเขานึกถึงแฮร์รี่เมื่อไหร่ก็ราวกับว่าเขามีภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดอยู่ในอกก็ไม่ปาน  แน่นอนเขายังโกรธเธออยู่ แต่พอนึกถึงตรงที่เฮอร์ไมโอนี่ยอมนัดเขาออกไปเจอก่อนนั้น  มันก็ทำเขาใจอ่อนเอาง่าย ๆ 

“คงไม่พ้นเรื่องไอ้เจ้าพอตเตอร์นั่นล่ะสิท่า”  มัลฟอยคิด  มองไปทางโต๊ะกริฟฟินดอร์และก็เห็นเฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่กับแฮร์รี่และรอน   และทันใดนั้นมัลฟอยก็ขยำกระดาษในมือและโยนมันลงพื้นราวกับมันเป็นแค่เศษขยะชิ้นนึง  

มัลฟอยจะรู้ไหมว่าเจ้าของจดหมายนั่นมองการกระทำของเขามาจากโต๊ะกริฟฟินดอร์ด้วยสายตาเจ็บปวด

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จรอนก็สังเกตุอีกว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นเริ่มเปลี่ยนไปเป็นแบบเดียวกับแฮร์รี่ตั้งแต่ตอนนั้น  ราวกับว่าอาการที่แฮร์รี่เป็นนั้นมันเป็นเหมือนโรคติดต่อ  และตัวแฮร์รี่เองก็เป็นพาหะนำโรคที่เอามันไปติดเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งข้าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว  เพราะตลอดวันนี้ดูเหมือนว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่สนใจการเรียนเลย  และที่น่าแปลกที่สุดก็คือ  เธอปล่อยให้คำถามต่าง ๆ ที่อาจารย์ถามหลุดลอยผ่านหน้าไปหลายต่อหลายข้อ

“ฉันว่านี่เป็นเรื่องแปลกแห่งปีเลยนะ  แปลกพอ ๆ กับที่เสนปจะให้คะแนนบ้านกริฟฟินดอร์เลย”  รอนหันไปพูดกับแฮร์รี่แต่เขายังคงนิ่งเงียบ

“โอ๊ยยยย  ฉันลืมไปได้ไงเนี่ยว่านายเป็นคนเอาเชื้อไปติดยัยนั่น”  รอนพูดอย่างหัวเสีย  

“โอเค  ฉันถือว่าฉันพูดหม้อใหญ่ก็แล้วกัน”  รอนพูดอย่างเหนื่อยหน่ายมองไปที่เพื่อนของเขาทั้งสองคน



ในที่สุดก็มาถึงเวลาทานอาหารเย็น  ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม รอนพยายามที่จะยัดของทุกอย่างที่มีบนโต๊ะลงไปในกระเพาะเขา  แต่ที่แปลกก็คือไม่มีเสียงแขวะรอนอย่างที่มันควรจะเป็น  เพื่อนทั้งสองของเขาได้แต่เงียบ  เงียบ  และเงียบ  และในที่สุด

“เฮอร์ไมโอนี่  ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”  แฮร์รี่เอ่ยขึ้น  ปลุกเฮอร์ไมโอนี่ให้ตื่นจากภวังค์  ส่วนรอนที่กำลังเขมือบขาแกะอยู่ถึงกับอึ้ง  เขาทำหน้าราวกับว่าแองเจลิน่าสั่งให้ยกเลิกการซ้อมควิดดิชก็ไม่ปาน  แต่แฮร์รี่ไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด  เขามองมาที่เฮอร์ไมโอนี่

“เอ่อ  คือฉันอยากคุยกับเธอหลังกินข้าวได้มั้ย”  แฮร์รี่ถามอีกครั้ง

เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะตอบตกลงไปแล้วเพียงแต่ว่าเธอไม่ต้องการให้เรื่องของเธอและมัลฟอยมันค้างคาไปนานกว่านี้อีกแล้ว  ถ้าจะจบ  เธอก็ต้องการจบมันลงวันนี้เลย    

“ขอโทษนะแฮร์รี่  ฉันมีธุระ  ไว้วันหลังจะได้ไหม”  เธอพูด

“งั้นไม่เป็นไรเฮอร์ไมโอนี่  เธอไปทำธุระของเธอเถอะ”  แฮร์รี่พูดน้ำเสียงผิดหวัง

“งั้นฉันไปก่อนนะ  แล้วเจอที่กันที่ห้องนั่งเล่นรวมนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดและเดินออกจากห้องโถงไป



ที่ห้องเรียนคาถาเก่ามัลฟอยเข้ามารอเฮอร์ไมโอนี่อยู่นานแล้ว  แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณใด ๆ บ่งบอกการมาของเธอเลย  

“ทำอะไรของเขาอยู่นะ”  มัลฟอยคิดทีท่าของเขาดูกระสับกระส่าย  และทันใดนั้นประตูห้องเรียนก็เปิดออก  

“นี่เธอจะมาสายทุกครั้งที่นัดกันเลยใช่มั้ย”  มัลฟอยพูดแต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เขาเห็นกลับไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่  แต่เป็นแครบกและกอยล์



เฮอร์ไมโอนี่วิ่งกระหืดกระหอบไปตามทางเดิน  ความจริงเธอควรถึงห้องเรียนคาถาเก่าตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว  แต่เพราะตอนออกจากห้องโถง

“มิสเกรนเจอร์ ๆ ”  เสียง ๆ หนึ่งเรียกเฮอร์ไมโอนี่ไว้เธอจำได้ว่ามันเป็นเสียงของอาจารย์วิชาแปลงร่างของเธอนั่นเอง

“มีอะไรเหรอคะ  ศาสตร์จารย์มักกอนากัล” เฮอร์ไมโอนี่พูดในใจเธอคิดว่าอาจารย์จะเรียกเธอตอนนี้ทำไมนะ

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอน่ะสิ  แล้วเธอเห็นมิสเตอร์มัลฟอยไหม” ศาสตร์จารย์มักกอนนากัลมองหามัลฟอย

“เอ่อ  ไม่เห็นค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  เธอไม่ได้โกหกนะแต่ตอนออกมาจากห้องโถงเธอไม่เห็นเขาจริง ๆ 

“เหรองั้นช่างเถอะ  เดี๋ยวเธอไปคุยกับฉันที่ห้องทำงานก็แล้วกันนะ”  ศาสตร์จารย์มักกอนากัลพูดโดยไม่ได้สนใจสีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เลยว่าเธอ ( ไม่ ) ต้องการให้ได้ยินคำ ๆ นี้มากแค่ไหน  แต่

“ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่รับคำและเดินตามเธอไปโดยดี



ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็มาถึงที่หมาย  เธอไม่อยากคิดว่าหน้าของมัลฟอยว่าจะเป็นอย่างไรเลยเมื่อเธอปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้  เฮอร์ไมโอนี่เดินไปที่ประตูและเห็นมันเปิดแง้มไว้  เธอมองเข้าไปข้างใน  เฮอร์ไมโอนี่เห็นมัลฟอยยืนคุยกับใครบางคนอยู่เสียงที่พวกเขาคุยกันนั้นดังจนเธอได้ยินมันชัดเจน

“พวกแกมาทำอะไรที่นี่”  มัลฟอยพูดมองแครบและกอยล์อย่างสงสัย

“เราก็มาหานายน่ะสิ  อยู่ ๆ นายก็ลุกออกจากโต๊ะไปซะเฉย ๆ ”  แครบอธิบาย  เขาใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะไม่ทำให้มัลฟอยโกรธ

“พวกแกเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไงถึงไปไหนเองไม่ได้  เลิกตามติดฉันแจซะที”  มัลฟอยบ่นอย่างอารมณ์เสีย  แล้วเขาก็คิดอะไรบางอย่างได้  “พวกแกรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่”  มัลฟอยถามหรี่ตาทั้งสองข้างเป็นเชิงสงสัย

“คือพวกเรา..”  กอยล์เอ่ยตะกุกตะกัก  ราวกับไม่แน่ใจว่าเขาควรจะบอกความจริงดีไหม

“บอกมา!!!”  มัลฟอยตวาด  แครบและกอยล์ถึงกับสะดุ้งโหยง

“คือพวกเราอ่านจดหมายที่นายโยนทิ้งไปไง  เลยรู้ว่ายายเกรนเจอร์นัดนายมาที่นี่”  แครบพูดเสียงสั่นกลัวว่ามัลฟอยจะสาปเขาเป็นกิ้งกือยักษ์  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็สะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง  เธอไม่คิดว่าจะมีคนรู้เรื่องเธอกับมัลฟอย

“แล้วยายนั่นนัดนายมานี่ทำไมล่ะ  มัลฟอย” กอยล์ถามอย่างหวาด ๆ เขาก็กลัวโดนมัลฟอยสาปเช่นเดียวกับแครบ

“นั่นมันเรื่องของฉันน่า  พวกแกอย่ามายุ่งหน่อยเลย!”  มัลฟอยตวาดพวกเขา  เฮอร์ไมโอนี่นึกขำกับการเห็นท่าทางหวาดกลัวของแครบและกอยล์

“ฉันว่านายแปลกไปนะมัลฟอย  ฉันหมายถึงเรื่องยายเกรนเจอร์น่ะ”  กอยล์พูดขึ้นอีกครั้ง  ในขณะที่ มัลฟอยยังคงนิ่งเงียบ

“หรือว่านายชอบยัยนั่น”  แครบถามเขา  และเหมือนคำถามนี้มีปฏิกิริยากับมัลฟอยขึ้นมาในทันที  ใบหน้าซีดเซียวของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากแครบพูดจบ  ( หน้าแดงเพราะแครบพูดเฮอร์ไมโอนี่หรือโกรธก็ไม่รู้ )  ส่วนแววตาสีซีดของเขายังคงจ้องมองแครบไม่วางตา  จนแครบนึกว่าเขาคงจะโดนมัลฟอยสาปเข้าจริง ๆ แล้ว

แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แครบยังไม่เป็นอะไร  มัลฟอยไม่ได้สาปเขาแต่อย่างใด

“นายรู้ไหมว่าทำไมฉันเป็นอย่างนี้  นายรู้ไหมว่าทำไมฉันต้องมาตามนัดของยายเกรนเจอร์นั่นด้วย”  มัลฟอยถามและได้คำตอบมาเป็นสีหน้าเหรอหราของแครบกับกอยล์

“ก็เพราะไอ้เจ้านักบุญพอตเตอร์มันชอบยัยนั่นไงล่ะ”  มัลฟอยตอบ  แต่สิ่งที่เขาพูดออกมามันสร้างความสงสัยให้แครบและกอยล์รวมถึงเฮอร์ไมโอนี่ที่แอบดูอยู่ด้วย  แครบและกอยล์ทำหน้าประมาณว่า  

“พอตเตอร์ชอบยัยนั่นแล้วทำไมล่ะ”

“ยังไม่เข้าใจสินะ  พวกแกนี่มันโง่จริง”  มัลฟอยยิ้มออกมา  เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามันเป็นยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลย

“พวกแกลองคิดดูสิว่า  มีเรื่องอะไรที่เป็นเรื่องที่เสียศักด์ศรีลูกผู้ชายมากที่สุด”  มัลฟอยพูดยิ้ม  ๆ

“การแพ้คู่ต่อสู้รึเปล่า”  แครบพูดเบา ๆ และมัลฟอยก็มั่นใจจริง ๆ ว่าในหัวของแครบนั้นไม่ได้กลวงโบ๋เลย  แต่มันถูกบรรจุด้วยขี้เลื่อยต่างหาก

“แล้วแกคิดว่าการพ่ายแพ้อย่างไหนล่ะที่มันน่าเจ็บใจมากที่สุด”  มัลฟอยพูด  พยายามจะทำให้พวกเขาทั้งสองเข้าใจ  และแล้วแครบและกอยล์ก็ร้อง ‘ อ๋อ ’ ขึ้นมาพร้อมกัน 

“นายหมายถึง  เรื่องความรักงั้นเหรอ”  กอยล์พูด  เขาดูฉลาดกว่าเมื่อกี๊หน่อยนึง 

“แล้วนายก็คงรู้ใช่มั้ยว่า  ฉันจะทำอย่างไรต่อไป”  มัลฟอยพูด  รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง

“นายจะเล่นงานเจ้าพอตเตอร์ด้วยการแย่งยายเกรนเจอร์นั่นมาจากมันใช่มั้ย”  แครบพูดน้ำเสียงร่าเริง

มัลฟอยจ้องมองทั้งสองด้วยแววตาสีซีดของเขาและ


“ยอดเยี่ยมมากแครบ  นั่นแหละคือจุดประสงค์ของฉัน”

TBC

No comments:

Post a Comment