Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 22: Trouble in Potions

 เรื่องวุ่นวายในชั้นเรียนการปรุงยา (Trouble in Potions)  

          ลึกลงไปใต้ปราสาทฮอกวอตส์   เดรโกสะดุ้งตื่น เขาถูกครอบงำด้วยความกังวลใจ แม้ว่าเปลวไฟได้มอดดับไปนานแล้ว ความหนาวเย็นลอยล่องอยู่ในอากาศ เขาทราบว่ามันต้องสายมากและตอนนี้เดรโกรู้สึกตาสว่างแล้ว เขาไม่สามารถจำได้ว่าอะไรทำให้เขาตื่นขึ้นมา หรือความฝันของเขาเกี่ยวกับเรื่องอะไร แต่เขารู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งนั้น ความฝันทั้งหลายของเดรโกดำมืดยิ่งกว่าของเฮอร์โมโอนี่มากนัก และเขาได้พบเห็นความรุนแรงมากกว่าที่เฮอร์ไมโอนี่ได้พบ ในฐานะลูกชายของลูเซียส;เดรโกได้อยู่ในเหตุการณ์หลายครั้งเมื่อลูเซียสกำลังให้บทเรียนแก่ใครบางคน และเมื่อพิจารณาถึงความรู้เกี่ยวกับคำสาปด้านมืดต่างๆ มากมายของเขาแล้ว เขาหลับตามองเห็นภาพได้ตามความเป็นจริงทีเดียว
          เดรโกปัดผ้าห่มซาตินสีเขียวไปข้างหลัง เหวี่ยงตัวออกจากเตียงนอนและข้ามห้องไปยังตู้เสื้อผ้า แล้วเปลี่ยนมาอยู่ในชุดเสื้อคลุมนักเรียน เขาออกจากห้องและเข้าสู่โถงทางเดินยาวมืดสลัวด้วยแสงไฟจากเทียนใขที่กำลังละลาย เดรโกหลีกออกห่างจากอีกด้านที่ไปห้องนอนอื่นๆ และมุ่งหน้าลงไปยังห้องนั่งเล่นรวม
          มันว่างเปล่าและเงียบเชียบเมื่อเขามาถึง เดรโกสำรวจห้องแล้วเดินไปที่ช่องรูปภาพเหมือนและลอดผ่านออกไป เขาต้องการตรวจดูจดหมายอีกครั้ง;บางทีบางอย่างอาจให้ร่องรอยกับเขาว่าจริงๆ แล้วกำลังเกิดอะไรขึ้น เดรโกทราบว่านี่อาจเป็นความพยายามที่ไร้ผลก็เป็นได้ เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายทั้งหมดของเขาถูกถ่ายทอดโดยลูเซียส ทำให้มีข้อสงสัยน้อยมากว่าเขาควรมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในคำพูดของลูเซียส แต่เดรโกไม่อาจข่มตาหลับได้ มันอาจช่วยเขาให้รวบรวมความคิดถึงบางอย่างได้ หรือว่าไม่มีอะไรเลย
          การเดินไปห้องสมุดใช้เวลานาน เขาต้องซ่อนอยู่ด้านหลังชุดเสื้อเกราะหลายหน และต้องเข้าไปในห้องเรียนว่างเปล่าห้องหนึ่งสักพักใหญ่ เจ้าแมวปิศาจพยายามแอบตามเขา เจ้าสัตว์น่ารังเกียจตัวนี้ดูเหมือนรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่แต่แค่ไม่สามารถหาเขาได้ เขารู้สึกแปลกใจว่าไม่มีครูสักคนกำลังเดินเตร่อยู่ที่โถงทางเดินเลย มันเคยดูเหมือนว่าพวกนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่งเมื่อขาแอบออกไปกับแครบบ์และกอยล์ รู้สึกเหมือนว่านานแสนนานมากแล้วนับตั้งแต่เขาได้แอบออกไปกับพวกเขา หรือไปข้างนอกกับแพนซี่เพื่อชมวิวทิวทัศน์จากหอคอยดูดาว แต่เขาก็ไม่ได้คิดถึงมัน เวลาว่างส่วนใหญ่ของเขาถูกใช้ไปกับการทำงานร่วมกับเฮอร์ไมโอนี่ คิดเรื่องเกี่ยวกับเฮอร์ไมโอนี่ หรือทะเลาะวิวาทกับเธอ และแน่นอนว่าเขาได้ทำให้มันยุ่งเหยิงอีกครั้ง เขาทำให้เธอเจ็บปวดอีกแล้ว ทันทีที่เธอยกโทษให้เขาสำหรับความปากพล่อยน่ารังเกียจ เขาก็หาเรื่องและทำมันอีก ด้วยความสัตย์จริงถ้าเขาอยู่ในสถานะของเธอ เขาอาจสาปคาถาใส่ตัวเองไปเดี๋ยวนั้นเลยก็เป็นไปได้ เดรโกทำหน้านิ่วเมื่อเขาคิด;เขาแค่ไม่ดีมากพอที่จะเป็นคนมีเมตตา
          เขามาถึงห้องของพวกเขา และประตูไม่ได้ใส่กุญแจไว้ มันเปิดอยู่มีแสงไฟริบหรี่ลอดผ่านช่องแคบ เขาเปิดมันด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย และพบว่าเธอกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ หมกมุ่นอย่างเต็มที่อยู่กับหนังสือของเธอ เธอเหลือบขึ้นมอง ดวงตาสีน้ำตาลของเธอฉายแววโล่งใจแวบหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวอย่างฉับพลัน จากนั้นกลายเป็นกังวลราวกับว่าเธอกำลังจำบางอย่างได้ เธอลดสายตากลับลงไป
          จดหมายของเขาอยู่บนโต๊ะตรงที่มันถูกปล่อยทิ้งไว้เมื่อวันก่อน “มันไม่สายไปหน่อยหรือไง?” เขาถามเรียบๆ
          “ฉันนอนไม่หลับ” เธอพึมพำ “ฉันฝันน่ะ” เธอเสริมเมื่อเขามองมาที่เธออย่างใกล้ชิดมากขึ้น “ทำไมเธอมาที่นี่ล่ะ?”
          “ฉันก็นอนไม่หลับอีกคน”
          “ฝันร้ายรึ?”
          “อาจเป็นได้ แต่รายละเอียดเหมือนว่าหายไปจากใจฉันในเวลานี้” เดรโกปิดประตูตามหลังเขา เธอสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงที่เกิดขึ้น “แล้วความฝันของเธอเกี่ยวกับอะไร?” เดรโกถามด้วยความสนใจ;โดยปกติเธอไม่ใช่คนหวาดผวาง่ายดาย
          “ไม่มีอะไรหรอก” เธอพูดในลำคอ พร้อมกับเบือนสายตาไปทางอื่น ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน
          “ฉันอยู่ในนั้นรึ?” เขายิ้มยั่วอารมณ์
          “เปล่า!” เธอร้องออกมาด้ายความตระหนก เขาฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม เธอช่างไม่มีทักษะในการโกหกเลย “และแม้ว่าเธออยู่ในความฝันของฉัน มันก็ไม่ใช่ความฝันทำนองนั้นหรอก”
          “แต่ว่าเธอเคยมีความฝันทำนองนั้นมาก่อนซินะ? เกี่ยวกับตัวฉัน?” เดรโกฉีกยิ้มด้วยความชอบใจอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
          “ฉัน...ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ตะกุกตะกัก เธอหน้าแดงร้อนผ่าว
          เดรโกยิ้มยียวนใส่เธอ เธอซุกศีรษะซบลงกับแขนเธอ “เธอเป็นพวกมัลฟอยพูดพล่ามน่า
รังเกียจมาก เธอรู้ตัวไหม?”
          “เธออาจเคยพูดถึงมันครั้งหรือสองครั้ง เกรนเจอร์” เขาบอกอย่างสุภาพยังคงยิ้มอยู่ “ถ้างั้นความฝันของเธอซึ่งไม่ใช่ความฝันทำนองนั้น แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องอะไรล่ะ?” เขานั่งลงบนม้านั่งที่หน้าต่างแล้วมองมาที่เธอ
          “ฉันไม่แน่ใจ บางทีเป็นการเตือนมั้ง?” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ พร้อมกับเงยศีรษะขึ้นเพื่อมองเขา
          “ฉันเคยคิดว่าเธอไม่เห็นด้วยเลยกับเวทมนตร์เหลวไหลเรื่องการทำนายทายทัก”
          “โดยปกติก็ใช่ แต่ว่าเรื่องนี้ดูเหมือนแปลกแตกต่างไป” เฮอร์ไมโอนี่พลิกหน้ากระดาษถัดไปในหนังสือ และเริ่มเขียนข้อความเพิ่มขึ้น “ฉันคิดว่าฉันอาจจะเกือบได้บางอย่างแล้ว แต่ฉันไม่แน่ใจ ฉันกำลังมีปัญหายุ่งยากเกี่ยวกับการแปล”
          เดรโกยื่นมือเขาออกมาเพื่อขอหนังสือ เฮอร์ไมโอนี่มองเขานิ่งสักพัก ก่อนเดินมาสมทบกับเดรโกบนม้านั่งที่หน้าต่าง เดรโกตรวจสอบหนังสือ;มันเป็นหนึ่งในหนังสือหลายเล่มแรกที่เขียนเป็นรหัสซึ่งพวกเขาได้ศึกษา
          “ฉันจำหนังสือเล่มนี้ได้” เขาพึมพำและเริ่มตรวจทานการแปลของเธอ “เธอทำมันได้ดีมาก เมื่อพิจารณาว่าภาษาละตินไม่ใช่วิชาที่เก่งที่สุดของเธอ”
          เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่เขา เดรโกทราบได้เลยว่าเธอต้องข่มแรงกระตุ้นอยากผลักเขาตกจากม้านั่ง และเลือกไม่ใส่ใจกับคำวิจารณ์ของเขาแทน “คำนี้ที่ตรงนี้ และประโยคนั้นตรงข้อความถัดลงไปข้างล่าง ฉันไม่เข้าใจเลยสักอันเดียว”
          เดรโกมองข้ามไปตรงที่เธอเพิ่งชี้ให้ดู จากนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้าง
          “ฉันรู้ว่านี่หมายถึงอะไร” เขาพูดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับชี้ไปที่ข้อความ “มันอ่านว่า nex necis มันคือสิ่งที่พวกเขาใช้เรียกคำสาปโทษผิดสถานเดียว(the unforgivable curses);เป็นชื่อดั้งเดิม”
          “อะไรนะ?” เฮอร์ไมโอนี่ถาม สีสันเหือดหายไปจากใบหน้าเธอ
          “โอ้ อย่าบอกฉันว่าพวกมันทำให้เธอ แม่สาวน้อยกริฟฟินดอร์ต้องหลบซ่อนนะ? คำสาปโทษผิดสถานเดียว อย่างเช่น คำสาปกรีดแทง(Cruciatus) คำสาปสะกดใจ(Imperius) และคำสาปพิ...”
          เฮอร์ไมโอนี่พูดขัด “แน่นอน ฉันรู้ว่าพวกมันคืออะไร! แต่ว่าทำไมเขากำลังเขียนเกี่ยวกับพวกมันล่ะ?”
          เดรโกขมวดคิ้ว “เออ มันเป็นไปได้นะ เพราะว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลานั้นพอดี”
          “เป็นยังงี้รึ? ฉันไม่รู้เรื่องนั้นเลย” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มมีสีสันกลับคืนมา
          “มันไม่ได้เป็นความจริงที่ทราบแน่ชัด แต่คาดคะเนว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นโดยพวกพ่อมดบางกลุ่มในช่วงการยึดครองกระทรวง ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 15”
          เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทางประหลาดใจ “เธอรู้เรื่องพวกนั้นได้อย่างไร?”
          เดรโกยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ “ฉันก็แค่นำความรู้เกี่ยวกับศาสตร์มืดของฉันผนวกรวมเข้ากับม้วนเอกสารของเกรย์สันที่เธอให้ฉันยืมอ่าน บางครั้งฉันสามารถกลายเป็นอัจฉริยะได้นะ”
          “ฉันรู้สึกตื่นเต้นจังกับความรู้เรื่องลึกลับชั่วร้ายต่างๆ ของเธอ ว่ามันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่ชอบใจ “ถ้าเช่นนั้นพวกพ่อมดที่ยึดครองกระทรวงก็สร้างคาถาพวกนั้น”
          “ไม่ใช่” เดรโกบอกอย่างรวดเร็ว “ไม่ พวกมันถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลอื่น  ลูเซียสพูดเสมอว่าพวกเราเป็นหนี้มากมายให้กับคนโง่ที่ไม่รู้จักบางคนซึ่งได้พยายาทำสิ่งที่ถูกต้อง”
          เฮอร์ไมโอนี่นั่งนิ่งเงียบ นิ้วมือกำลังจับผมสีเข้มของเธอเล่นอย่างใจลอย
          “เธอคงไม่คิด” เธอชะงัก แล้วพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบา “ว่าโอ’แลรี่สร้างพวกมันหรอกนะ? เขาไม่ได้ทำใช่ไหม? พวกมันเป็นคำสาปชั่วร้าย”
          “ในบันทึกช่วงแรกๆ ของเขาฟังดูค่อนข้างสิ้นหวังนะ” เดรโกพูดอย่างไตร่ตรอง “เรารู้ว่าเขาสามารถสร้างคาถาต่างๆ ของตัวเองได้”
          “ตะ...แต่ พวกมันชั่วร้ายนะ” เฮอร์ใมโอนี่กระซิบแผ่วเบาอีกครั้งด้วยความช็อกอย่างเห็นได้ชัด “และเขาเป็นคนดี เขาไม่ทำหรอก เขาจะไม่ทำ!”
          “แค่เพราะว่าพวกมันเป็นคำสาปชั่วร้าย ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่มีประโยชน์” เขาพูดโดยอัตโนมัติ
          เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาเขม็งด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดก่อนลุกขึ้น “เธอช่างน่ากลัว น่ารังเกียจมากๆ เธอรู้บ้างไหม?”
          “อึมม์ มันเป็นเรื่องจริง” เดรโกตอบอย่างง่ายดาย เขาเฝ้ามองเธอเริ่มโกรธและก้าวเดินไปรอบห้อง “แค่เพราะว่าบางอย่างทำสิ่งไม่ดี ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีตำแหน่งแห่งที่ในโลกใบนี้ของเรา”
          “คำสาปพวกนั้นทำร้ายผู้คนมากมายนัก เธอไม่เข้าใจเรื่องนั้นหรือไง? คำสาปหนึ่งได้ฆ่าพ่อแม่ของแฮร์รี่! เธอไม่แคร์ใช่ไหม?” เฮอร์ไมโอนี่ไม่ให้เวลาแก่เขาเพื่อตอบคำถาม เธอพูดโวยวายต่อไป “แน่นอนว่าเธอไม่แคร์ เธอเกือบจะเลวพอๆ กับผู้เสพความตายพวกนั้น ไม่สำคัญว่าเธอพูดอะไร เธอช่างเป็นคนใจแคบ น่ารังเกียจ ชั่วร้าย...”
          “ฉันไม่ได้เป็นคนชั่วร้าย! และฉันไม่มีทางเป็นผู้เสพความตายอย่างแน่นอน!” เขาตวาดใส่ ห้ามการพูดประณามอย่างเผ็ดร้อนของเฮอร์ไมโอนี่กลางคัน
          “ทำไมไม่ใช่ล่ะ?” เธอถามเขาอย่างอ่อนโยน ความโกรธจางหายไปจากดวงตาเธอ เหลือเพียงแต่ความอยากรู้เท่านั้น
          “เพราะเธอ;ฉันคิดนะ” เขาตอบอย่างสงบ
          “นั่นไม่มีเหตุผลเลย” เฮอร์ไมโอนี่เดินมา และนั่งกลับลงไปถัดจากเดรโก
          “ฉันรู้ว่ามันไม่มีเหตุผล”เดรโกงึมงำในลำคอ
          เธอหลับตาลงชั่วครู่ “ เดรโก เธอตกอยู่ในอันตรายเพราะฉันใช่ไหม?”
          คำถามของเธอนำมาซึ่งความกังวลมากมายที่ตอบไม่ได้ และพร้อมกับความหวังมากมายด้วยเช่นกัน เดรโกรู้สึกถึงแรงกดดันเกินทนได้ฉับพลันกับคำพูดของเธอ แล้วโพล่งออกไปอย่างรุนแรงก่อนความคิด “แน่นอน ฉันอยู่ในอันตรายเพราะเธอ  อะไร? เธอคิดว่าพ่อฉันจะเป็นสุขถ้าเขารู้ว่าฉันชอบจูบกับเลือดสีโคลนหรือไง?”
          เกิดช่วงเวลาแห่งความเงียบงันดังสะท้อนไปมาก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะลุกขึ้น เดรโกปรารถนาจากใจจริงว่าเขาน่าเกิดมาเป็นใบ้ เธอไม่มองเขา แค่เก็บข้าวของเธอเท่านั้น หยุดชะงักตรงหน้าประตูและสบตากับเขาในที่สุด เป็นอีกครั้งที่เดรโกรู้ว่ามันพูดว่าอะไร;เธอจะไม่กลับมา
          เขาเริ่มพาตัวเองตามเธอไป เฮอร์ไมโอนี่ผลักประตูออกไป มุ่งไปตามทางเดินเพื่อลงบันได แต่เดรโกรวดเร็วกว่า เขาคว้าแขนเธอไว้และลากเธอถอยหลังมา เธอดิ้นรนขัดขืนเขา มือเธอเคลื่อนไปยังกระเป๋าเสื้อที่เขารู้ว่าไม้กายสิทธิ์ของเธออยู่ที่นั่น เขาใช้กำลังเอามันออกจากมือเธอเมื่อเธอดึงมันออกมา เธอจ้องเขาเขม็งด้วยสายตาลุกเป็นไฟ
          “ฉันจะกรีดร้อง” เธอคำราม
          “เธอจะไม่ทำ” เขาตอบอย่างหนักแน่น หวังว่าเสียงเขาฟังดูมั่นใจมากกว่าที่เขารู้สึก
          เขาลากเธอเธอกลับเข้าไปในห้องแล้วดึงประตูปิดตามหลัง เธอยังคงดิ้นรนเพื่อยับยั้งการจับกุมของเขา แต่เธอไม่มีโชคมากนัก
          “เธอควรจะหยุดทำอย่างนั้น? เธอกำลังเสียเวลาเปล่า รวมถึงเสียแรงด้วย” เดรโกบีบแน่นขึ้นเพื่อทำให้แน่ใจ
          เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่เขา แต่หยุดดิ้นต่อสู้
          “ฟังนะ ฉันเสียใจ” เขาเริ่มอย่างสุภาพ “ฉันไม่ได้คิดกับเธอแบบนั้น ไม่มีเลย เธอรู้ว่าฉันไม่ได้คิด”
          “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นว่าเธอคิดอะไร มัลฟอย เธอมักพูดบางอย่างที่แปลกประหลาด หรือแม้แต่แย่ยิ่งกว่านั้นเสมอๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น ฉันค่อนข้างเบื่อหน่ายกับมัน” การต่อสู้เหมือนจางหายไปจากเธอแล้ว และเธอดูอ่อนลงเล็กน้อย “ฉันทะเลาะกับเธอมากกว่าที่ฉันทะเลาะกับรอนอีก”
          เดรโกรู้สึกถึงประกายไฟแห่งโทสะ “ดีเลย ถ้าการข้องเกี่ยวกับฉันมันเลวร้ายมากนัก ทำไมเธอไม่ไปอยู่กับเขาซะเลย” เดรโกปล่อยตัวเธอระหว่างที่พูดเช่นนั้น ทำให้เธอเซไปด้านหลัง
          ดวงตาเธอเป็นประกายแวววาวน่ากลัว และเธอดูเหมือนตัวพองด้วยความโมโห
          “ฉันไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเธอ!” เธอก้าวมาหาเขาและชี้นิ้วใส่เขา “เวลาเดียวที่เรามีร่วมกันมาตลอดอยู่แค่ในห้องนี้เท่านั้น”
          “มันเป็นแบบนั้นรึ?” เขาตวาดใส่ พร้อมกับก้าวเข้าใกล้เธอ
          “แน่นอนว่ามันเป็นแบบนั้น เราไม่ต้องการทำให้ชื่อเสียงที่ดีงามของเธอ ต้องสกปรกด่างพร้อยด้วยการคบค้าสมาคมกับเลือดสีโคลน”
          “มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของฉันเลย!” หัวของเดรโกกำลังเริ่มปวดร้าว และเขาทราบว่าถ้าพวกเขายังคงส่งเสียงดังมากขึ้น แน่นอนว่าอาจจะมีคนมาได้ยิน
          “ไม่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเธอรึ? แน่นอ...”     
          เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นสูงแหลมเป็นลำดับ ขณะที่เดรโกคิดว่าเขาได้ยินเสียงเปิดปิดประตู มองเห็นภาพฟิล์ชกำลังเดินงุ่มง่ามขึ้นบันไดมา และรู้ว่าเขาจำเป็นต้องทำให้เฮอร์ไมโอนี่เงียบเสียง เดรโกได้ทำบางสิ่งที่โดยปกติอาจถูกมองว่ามันช่างบ้าระห่ำเหลือเกิน เขาจูบเธอ หยุดยั้งการพูดโวยวายกลางประโยคของเธอ
          เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมากจนนิ่งงันเป็นเวลาหลายนาที   ซึ่งเป็นเวลามากพอสำหรับ
เดรโกเพื่อดึงเธอเข้ามาใกล้เขามากขึ้น และเธอตอบสนองการรุกคืบของเขาในที่สุด ไม่ใช่ด้วยการผลักไสเขาออกไป แต่ด้วยการรั้งเขามาแนบชิดมากขึ้น มือทั้งสองของเธอไต่ขึ้นโอบด้านหลังต้นคอเขา
          เดรโกไม่หยุดชะงักเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรอย่างน่าแปลกใจ เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยมากจนรับรู้ถึงทุกส่วนของร่างกายที่ตื่นตัว เขากำลังประหลาดใจกับสารเอ็นดอร์ฟินส์ที่ฉีดพล่านจากจูบธรรมดาสองสามหน ว่าสามารถมีผลลึกซึ้งต่อเขาขนาดนี้ จิตใจอันล่องลอยไปไกลของเดรโกกำลังพิศวงว่า เขาต้องการเฮอร์ไมโอนี่มากกว่าสิ่งอื่นใดอะไรเช่นนี้
          ปากเขาละจากเธอและเริ่มไล่ไปตามกรามของเธอ เธอแหงนศีรษะไปด้านหลัง ริมฝีปากเขามาหยุดพักตรงผิวนุ่มละมุนเหมือนไหมใต้ใบหูเธอ เขาสูดดมกลิ่นหอมของเส้นผมเธอ;กลิ่นวานิลาอ่อนๆ เดรโกเงยหน้าขึ้นโดยไม่ถอยห่างและพิศดูใบหน้าของเธอ ดวงตาเธอเปิดขึ้นและสบสายตากับเขา
          “เธออยู่กับฉันเวลานี้” เขากระซิบแหบเครือ
          เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลง “ฉันอยู่กับเธอเวลานี้” เธอยอมรับด้วยเสียงแผ่วเบา
          เดรโกจุมพิตเธออีกครา ริมฝีปากเขาดื่มด่ำริมฝีปากเธออย่างกระตือรือร้น นิ้วมือเธอกำแน่นดึงรั้งผมสีอ่อนของเขา เขาพาเธอตามไปกับเขาด้วย ชนเข้ากับกองหนังสือหลายกองที่อยู่เกลื่อนในห้อง พวกเขาพาตัวเองไปยังที่นั่งตรงหน้าต่าง เดรโกดึงเธอตามลงไปพร้อมกันเมื่อเขานั่งลง แขนข้างหนึ่งโอบรอบแผ่นหลังเธอให้มาแนบชิด ขณะที่อีกมือหนึ่งกอบกุมใบหน้าเธอไว้ มือทั้งสองของเธอตกจากคอเขาและไล้ไปตามคางเขา กำลังหาทางแทรกผ่านเข้าไปในเสื้อคลุมยาวของเขา นิ้วมือเย็นเฉียบของเธอทิ้งระลอกคลื่นร้อนผ่าวบนผิวกายเขา เขาไม่ได้ใส่ใจจะใส่เสื้อเชิ้ตตอนที่ออกมา แค่เสียเวลาสวมเสื้อคลุมทับไหล่กับกางเกงขาสั้น  และวินาทีแรกที่นิ้วมือเธอสัมผัสลงมา เขารู้สึกขอบคุณเหลือเกินสำหรับความรีบร้อนก่อนหน้านี้
          เฮอร์ไมโอนี่รั้งเขาลงมากับเธอเมื่อเธอเอนลงพิงกับที่นั่งมากขึ้น เดรโกตามไปโดยไม่โต้แย้ง เขาจุมพิตแอ่งบุ๋มตรงฐานลำคอเธอ เดรโกเงยหน้าขึ้นและพิศดูใบหน้าเธอ แก้มเธอกลายเป็นสีชมพู นัยน์ตาเป็นประกายวาวใสเหมือนแก้ว การละสัมผัสทันทีดูคล้ายว่าจะทำให้เธอเจ็บปวดและหายใจติดขัด เขาคงจ้องมองเธอและยกมือหนึ่งขึ้นอย่างนุ่มนวลเพื่อปัดปอยผมเธอไปด้านหลัง เธอสั่นระริกแนบชิดเขาเมื่อนิ้วมือเขาสัมผัสขมับเธอ เดรโกกลืนน้ำลายรู้สึกว่าปากเขาแห้งผากอย่างกะทันหัน แล้วไล้มือกลับลงมาที่ใบหน้าเธอ ดวงตาเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างเมื่อเธอดูตระหนักได้ถึงสิ่งที่เขากำลังตั้งใจ แต่เธอไม่ได้พยายามหยุดยั้งนิ้วมือเขาเมื่อมันพบตะขอเสื้อคลุมของเธอ
          เขาปัดผ้าสีเข้มไปให้พ้นทาง  บังคับตัวเองให้เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ   ไม่ยอมแพ้ต่อแรงปรารถนาที่จะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ  สีหน้างงงันอย่างเห็นได้ชัดกระจายไปทั่วใบหน้าเขา  เมื่อเขาตระหนักว่าเฮอร์ไมโอนี่สวมเพียงชุดนอนภายใต้เสื้อคลุมของเธอเช่นกัน ชุดผ้าสักหลาดลวดลายรูปดวงดาวเล็กๆ ตัดแบบเรียบง่าย  เฮอร์ไมโอนี่เหมือนสังเกตเห็นสีหน้าของเขาแล้วขมวดคิ้ว  เดรโกรับรู้ได้ว่าเธอกำลังจะพูดบางอย่าง เขาจึงจูบเธออีกครั้งก่อนที่เธอจะพูด และเป็นอีกหนที่เฮอร์ไมโอนี่หลอมละลายอยู่ในอ้อมแขนเขา ภายใต้เสื้อคลุมของเขามือของเฮอร์ไมโอนี่คว้าไหล่เขาและดึงเขามาแนบชิดมากขึ้น
          ความใกล้ชิดของเธอช่างน่าหลงใหล และเดรโกกำลังอยู่ในห้วงเวลาที่ยากลำบากในการต่อสู้กับแรงกระตุ้นที่จะไปให้เร็วขึ้น จูบให้แรงขึ้น  เขาไม่ต้องการทำสิ่งใดซึ่งจะทำให้เธอตบหน้าเขาและผลุนผันจากไป เดรโกรับรู้ว่ามือของเขาลื่นลงไปตามสีข้างเธอ และหยุดที่กระดุมเสื้อนอนของเธอ;มันถลกขึ้นมาเล็กน้อย และเผยให้เห็นผิวขาวซีดตรงบริเวณเหนือสะดือเธอ เธอทำตัวแข็งทื่อเมื่อนิ้วมือเขาสำรวจผิวเปลือย ปลายนิ้วเขาชะงักอยู่ที่ชายเสื้อนอนเธอก่อนเลื่อนเข้าไปใต้เนื้อผ้าอบอุ่น มันเคลื่อนขึ้นไปไกลมากขึ้น แล้วเธอก็ร้องครางกระซิกอย่างแผ่วเบา มือทั้งสองของเธอชักออกจากเสื้อคลุมเขาอย่างฉับพลัน และจับมือของเขาไว้ก่อนที่พวกมันจะไปไกลมากกว่านี้           
          เธอจับมือของเขาไว้ในมือเธอ ดวงตาเธอกำลังวิงวอนสำหรับการให้อภัย เดรโกนั่งพิงหลัง มือเขายังคงกำแน่น;เขาสูดหายใจยาว และพยายามทำให้ตัวเขาสงบลง ดวงตาเฮอร์ไมโอนี่เริ่มแวววาวด้วยหยาดน้ำตาทันที เธอเหมือนเตรียมพร้อมเมื่อเดรโกดึงมือเขาออกจากมือเธอ                                                                    และเคลื่อนย้ายเธอให้มาอิงซบเขา โอบแขนรอบบ่าเธอและจูบกระหม่อมเธออย่างอ่อนโยน
          เธอฝืนตัวแข็งเมื่อเขาดึงเธอเข้าไปหา แต่แล้วเธอก็ผ่อนลมหายใจยาวและวางศีรษะพักไว้บนแผ่นอกเขาในที่สุด  เขาฟังเสียงลมหายใจของเธอโดยไม่พูดสักคำเดียว เดรโกทราบจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า มันเป็นความคิดที่ดีในการปิดปากตัวเอง และหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ในการพูดบางอย่างที่งี่เง่าไม่ได้ความ  เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบมากขึ้นและในที่สุดเดรโกก็ทราบว่าเธอได้หลับไหลไปแล้ว เขาคอยอยู่สักพักใหญ่ กำลังเป็นสุขกับความใกล้ชิดไร้การต่อต้านของเธอ เขาไม่แน่ใจว่าเคยใกล้ชิดกับใครบางคนที่ไว้ใจเขามากเช่นนี้มาก่อน
          เดรโกยิ้มและหลับตาลง ไม่คิดว่าเขาจะหลับลงได้ ปรารถนาอย่างยิ่งให้มีช่วงเวลาเช่นนี้ยืดยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด หัวของเขาดูเหมือนเริ่มหนักอึ้งมากขึ้น ก่อนที่เขาจะรู้ตัวและก่อนที่เขาจะต้านทานมันได้ เดรโกก็จมลงสู่นิทราอย่างมีความสุข
          เขาคิดว่ามันช่างน่าขันที่เชื่อว่าการจากไปของเธอ คือสิ่งที่ทำให้เขาตื่นขึ้นในหลายชั่วโมงต่อมา เมื่อดวงอาทิตย์ได้ลอยสว่างจ้าอยู่ที่ขอบแนวภูเขาในที่สุด เดรโกคิดว่าเป็นไปได้ที่นาฬิกาภายในร่างกายเขากำลังเตือนเขาว่า เขาอาจจะสายสำหรับวิชาการปรุงยาถ้าไม่รีบลุกขึ้นเร็วๆ นี้  ทว่าเขาอดไม่ได้และรู้สึกเมื่อลืมตามาในเช้านั้นแล้วพบห้องว่างเปล่า ว่าการไม่มีเธออยู่ที่นี่เป็นสาเหตุ
          เดรโกไม่แม้แต่รู้สึกแปลกใจเมื่อเขาสะดุ้งตื่น สายลมอ่อนๆ ทำให้ม้วนกระดาษยุ่งเหยิงอยู่บนโต๊ะ ราวกับว่าเธอเพิ่งปิดประตูไป แต่เมื่อเขาเพ่งมองลงไปที่ทางเดินสลัว มันว่างเปล่า
          ลำแสงของดวงอาทิตย์ในยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างสูงเริ่มทำให้อุ่นขึ้น และเดรโกจำได้ว่าเขายังคงสวมชุดนอนอยู่ ถ้าเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้ เขาอาจจะทันเวลาเข้าเรียน ศาสตราจารย์สเนปอาจชมชอบพวกสลิธีริน แต่เขามักทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับการมาสายเสมอ เดรโกรีบเผ่นออกจากห้องแล้วหยุดเพื่อใส่กลอนประตู กำลังหวังว่าถ้ามีใครมาเห็นเขา พวกนั้นอาจแค่สันนิษฐานว่าเขาตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ แทนทียังไม่ได้เข้านอนเลยต่างหาก
__________________

          เดรโกเข้าประจำที่นั่งของเขาและชำเลืองมองไปรอบคุกใต้ดิน นักเรียนทั้งห้องเกือบจะอยู่ที่นี่ยกเว้นเฮอร์ไมโอนี่ พอตเตอร์และวีสลี่ย์กำลังแสดงสีหน้าแปลกใจพอกัน;เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยมาสาย ด้วยความบังเอิญหรือบางทีเป็นความระแวงทำให้พอตเตอร์เหลือบมาที่เดรโก และไม่อยากทำให้ผิดหวังเดรโกต้อนรับเด็กหนุมกริฟฟินดอร์ด้วยรอยยิ้มหยันรู้ทัน
          ทุกสายตาหันไปเมื่อประตูเลื่อนเปิดออกด้วยความเร่งรีบอย่างสังเกตได้ และเฮอร์ไมโอนี่แทบเซถลาเข้าไปในห้องเรียน
          “อ้า มิสเกรนเจอร์ ฉันรู้สึกยินดีอย่างมากที่เธอตัดสินใจมาร่วมชั้นเรียนกับพวกเราในวันนี้” ศาสตราจารย์สเนปกล่าวอย่างเย็นชา
          “ศาสตราจารย์สเนปค่ะ หนูเสียใจจริงๆ หนู...” เฮอร์ไมโอนี่พยายามอธิบาย
          “ฉันไม่ต้องการได้ยินความพยายามไร้สาระในการขอโทษของเธอ หักสิบคะแนนจากบ้านกริฟฟินดอร์ เอาล่ะตอนนี้นั่งลงซะ ก่อนที่เธอจะถ่วงเวลาเรียนอันมีค่าของพวกเรามากกว่าที่เธอได้ทำไปเรียบร้อยแล้ว” น้ำเสียงแข็งกระด้างของสเนปทำให้เดรโกนิ่วหน้า;เธอได้ขอโทษไปแล้ว
          เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ท่าทางกระดากอายมากๆ และเริ่มตรงไปยังที่นั่งของเธอ เธอหยุดลงเมื่อเห็นเดรโก ดวงตาเธอเบิกกว้างและหน้าแดงร้อนผ่าว เดรโกรู้สึกเหมือนว่าเขาควรพูดบางอย่างกับเธอ ซึ่งน่าขันสิ้นดีเนื่องจากสเนปขาดความอดทนในการคอยให้เธอไปนั่งที่
          “บางอย่างผิดปกติหรือไง มิสเกรนเจอร์? ฉันไม่เคยรู้ว่ามิสเตอร์มัลฟอยเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก”  เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากตกใจแล้วเผ่นหนีไปที่นั่งของเธอ พร้อมกับหันหลังให้เดรโก
          เดรโกพบว่าตัวเขากำลังถลึงตาใส่ศาสตราจารย์คนโปรดของเขาในตอนนี้   โดยปกติแล้วเดรโกรู้สึกว่ามันน่าสนุกขบขัน เวลาที่ศาสตราจารย์สเนปกล่าวคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนใส่พวกกริฟฟินดอร์  แต่ว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่สมควรได้รับทั้งหมดนี้เลยจริงๆ  มันมองเห็นได้ชัดจากวงกลมดำคล้ำใต้ดวงตาเธอว่าเธอไม่ได้พักผ่อนมากนักเมื่อคืนก่อน และการนึกถึงเมื่อคืนก่อนทำให้เดรโกเกิดรอยยิ้มกว้าง เขาเอนหลังพิงเก้าอี้และปล่อยตัวเองให้รำลึกถึงมัน
          น้ำยาของเขากำลังเป็นฟองอย่างสวยงามทีเดียวซึ่งน่าประหลาดใจ เนื่องจากเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในชั้นเรียน จับตามองเฮอร์ไมโอนี่ชั่งตวงเครื่องปรุงยาของเธออย่างระมัดระวัง เธอปัดผมสีน้ำตาลเข้มกลับไปรวมกับมวยผมที่มัดหลวมๆ ไว้ด้วยยางรัดผมอันหนึ่ง  เดรโกคิดว่ามันทำให้นึกถึงด้านหลังลำคออันบอบบางของเธอ
          เขาเห็นหนึ่งในบรรดาเด็กสาวกริฟฟินดอร์;ลาเวนเดอร์ เดินมุ่งมาตามช่องทางเดิน  เธอสะดุดชายกระโปรงของตัวเองซึ่งยาวมากตามแฟชั่นแล้วเซถลาเข้าหาเฮอร์ไมโอนี่ มีเสียงระเบิดดังก้อง เมื่อผงรากดอกบัวจำนวนเล็กน้อยของเฮอร์ไมโอนี่กลับใส่ลงไปเต็มกำมือ ลาเวนเดอร์ล้มลงพร้อมกับกรีดร้อง ยกมือขึ้นกุมใบหน้าเธอ ทว่าเดรโกไม่ใส่ใจหล่อนเลยสักนิด;เขาก้าวผ่านเด็กสาวที่ล้มอยู่ไปเรียบร้อย เฮอร์ไมโอนี่กำลังตกตะลึงกับหม้อปรุงยาของเธอที่แตกเสียหาย;ของเหลวสีเขียวเป็นกรดเข้มข้นยังคงกำลังไหลไปที่ขอบโต๊ะทำงานของเธอ เดรโกมาถึงเธอก่อนที่คนอื่นๆ จะมีปฏิกิริยา เขาเห็นเลยว่ามือเธอโดนถูกของเหลวสีเขียวเหมือนกัน เช่นเดียวกับที่ด้านหน้าเสื้อคลุมยาวของเธอ อย่างไรก็ตามเธอดูเหมือนไม่รับรู้ ขณะที่เลื่อนสายตาไปมองเด็กสาวอีกคน
          “ลาเวนเดอร์?” เธอกระซิบทื่อๆ
          ศาสตราจารย์สเนปกำลังตะโกนขึ้นตรงช่องทางเดินใส่พวกหล่อนกับเดรโก;ผู้ที่กำลังมองดูผลลัพธ์จากการเผาไหม้ของรากดอกบัว ว่าได้เริ่มกัดกินมือของเฮอร์ไมโอนี่ให้เปื่อยยุ่ย เธอดูเหมือนไม่รับรู้ถึงตัวเขาเมื่อมองไปที่เด็กสาวอีกคน เดรโกปลดตะขอเสื้อคลุมของเธออย่างว่องไวและถอดมันออกจากตัวเธอ ช่างโชคดีพอสมควรสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ เธอชื่นชอบการสวมใส่เสื้อผ้าของพวกมักเกิ้ลภายใต้เสื้อคลุมยาว  แตกต่างจากแม่มดสาวบางคนที่จะแต่งตัวเพื่ออวดกางเกงหลวมรัดเข่า เฮอร์ไมโอนี่สวมเสื้อไหมพรมธรรมดากับกระโปรงจับจีบสีน้ำตาล เดรโกม้วนเสื้อคลุมที่ถูกไหม้ของเธอแล้วหย่อนมันลงบนหม้อปรุงยาที่พังเสียหาย
          “ลาเวนเดอร์ เธอสบายดีหรือเปล่า?” เสียงเฮอร์ไมโอนี่กำลังสั่นจากอาการช็อกและความเจ็บปวด
          “เธอทำอะไรลงไป ยายเด็กโง่!” ศาสตราจารย์สเนป;เป็นคนดึงมือของลาเวนเดอร์ออกจากใบหน้าหล่อน เผยให้เห็นรอยแผลไฟไหม้ที่ได้รับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตะคอกใส่เฮอร์ไมโอนี่
          “เธอสบายดีใช่ไหมค่ะ? หนูไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ”
          “อุบัติเหตุรึ? ไม่มีอุบัติเหตุ” ศาสตราจารย์สเนปดึงลาเวนเดอร์ให้ลุกขึ้นยืน
          ลาเวนเดอร์กำลังร้องไห้อย่างคุมสติไม่ได้  ศาสตราจารย์สเนปกำลังถลึงตาใส่เฮอร์ไมโอนี่อย่างเดือดดาล
          “ศาสตราจารย์สเนปครับ” พอตเตอร์ร้องเรียก แล้วมายืนถัดจากเดรโก “มันไม่ใช่ความผิดของเฮอร์ไมโอนี่ ลาเวนเดอร์สะดุดล้ม เธอชนใส่เฮอร์ไมโอนี่เองครับ”
          เดรโกพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว คิดว่าสเนปน่าจะเชื่อเขามากกว่าพอตเตอร์
          “ฉันไม่สนใจ เกรนเจอร์รู้ดีเกินกว่าจะมาชั่งตวงรากดอกบัวเหนือหม้อปรุงยาที่เปิดไว้” สายตาของสเนปไม่ยอมละไปจากเฮอร์ไมโอนี่ “ออกไปจากห้องเรียนของฉัน แล้วพามิสบราวน์ไปที่สถานพยาบาล และไม่ต้องกลับมาจนกว่าเธอเขียนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่ถูกต้องในการปรุงยามาส่งฉันยาวห้าฟุต”
          เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเงียบๆ และโอบแขนรอบบ่าของเด็กสาวอีกคน แล้วนำหล่อนออกไปจากห้อง ไหล่ของหล่อนกำลังสั่น
          เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา  เดรโกพบว่าเสียงของตนขึ้นสูงด้วยความโมโหร่วมกับพวก
กริฟฟินดอร์ ไม่ใช่การคัดค้านพอตเตอร์และวีสลี่ย์ที่ยืนอยู่อีกด้านของเขาในตอนนี้ เด็กหนุ่มทั้งคู่มองเขาด้วยความประหลาดใจ และในช่วงเวลาวุ่นวายนี้ไม่มีใครอื่นเลยสังเกตเดรโก
          “นั่งลง!” น้ำเสียงราบเรียบตามปกติของสเนปดังแทรกท่ามกลางความโกรธเคือง จากนั้นห้องเรียนเริ่มเงียบเสียงลง
          “มันไม่ใช่ความผิดของเธอ” เดรโกตวาดกลับไปที่อาจารย์
          “ใช่” วีสลี่ย์สบถคำอย่างโมโห “เป็นลาเวนเดอร์ที่ไม่ระวังเอง”
         
          “กอยล์ทำแบบเดียวกันนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน เขาแค่เจาะจงเฮอร์ไมโอนี่เพราะว่าเธอเป็น
กริฟฟินดอร์” พอตเตอร์บ่นพึมพำ
          “เขาทำแน่นอน” เดรโกเห็นด้วย
          เกิดการชะงักงันน่าเคอะเขิน เด็กหนุ่มทั้งสามต่างมองไปที่แต่ละคนในความเงียบ

จากนั้นเดรโกหมุนตัวแล้วมุ่งหน้ากลับไปที่นั่งของเขา ใช้เวลาที่เหลือในชั้นเรียนด้วยอาการเบื่อหน่ายเพื่อปกปิดความกังวลใจของเขา

TBC

No comments:

Post a Comment