Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 2: The Library

ห้องสมุด (The Library)

          เดรโกปิดประตูเข้าห้องนอนรวมอย่างเงียบๆ เขาอยากปิดมันดังโครม แต่ตลอดชีวิตของเขาในเรื่องอากัปกิริยาของตระกูลมัลฟอยได้สอนเขาให้แสดงออกอย่างเยือกเย็นและซ่อนเร้นความรู้สึกต่างๆ ที่รุนแรงเอาไว้ พ่อบอกกับเขาเสมอว่าการแสดงความรู้สึกต่างๆ คือการให้ใครบางคนรู้วิธีการควบคุมคุณ เดรโกทำหน้านิ่วเล็กน้อยเมื่อนึกถึงลูเซียส แม้ว่าเขาไม่อยากนึกถึงเกี่ยวกับพ่อของเขา แต่มันก็ดีกว่าทางเลือกอื่นเล็กน้อยในเวลานี้
          “เลือดสีโคลนจงพินาศ” เดรโกตะโกนเมื่อไม่มีใครอยู่ในห้อง เขาเดินไปที่เตียงสี่เสาตรงมุมห้องเพดานเตี้ยๆ เขาปิดผ้าม่านสีเขียวเข้มและนอนลงบนเตียง แขนไขว้อยู่บนหน้าอกและหลับตาลง เขาปล่อยให้ร่างกายล่องลอยอย่างสงบเข้าสู่สภาพครุ่นคิดถึงลูเซียสที่ได้เคี่ยวเข็ญเขาในวัยเยาว์ ตามที่ได้รับการบอกเล่าลูเซียสต้องเป็นศูนย์กลางเพื่อที่จะกลายเป็นผู้มีอำนาจ เดรโกยังปล่อยใจค้นหาอย่างละเอียดเกี่ยวกับความคิดของพ่อแม่เขา เขาไม่ได้รับรู้ข่าวสารจากพวกเขามาหลายอาทิตย์แล้ว ซึ่งมันก็ดีพอๆ กับที่เขาวิตกกังวล พ่อเขาคงวุ่นวายอยู่กับพรรคพวกทางธุรกิจ ถึงแม้เดรโกสงสัยอย่างมากว่ามีธุรกิจอันไหนบ้างที่พ่อเขาจะทำมันอย่างถูกกฎหมาย เดรโกหัวเราะประชดนิดๆ เมื่อนึกถึงลูเซียสกับพวกเพื่อนๆ ของเขา;เหล่าผู้เสพความตาย
เดรโกชื่นชมบูชาพ่อตอนที่เขาเป็นเด็ก แต่การกลับมาของโวลเดอมอร์ เดรโกได้เห็นว่าพ่อของเขาอ่อนแอแค่ไหน เดรโกอาจกังวลใจเรื่องสถานะพวกเลือดสีโคลนหรือพวกมักเกิ้ลโง่เง่าอย่างมาก แต่การได้เห็นพ่อของเขาพินอบพิเทาให้กับชายคนหนึ่งที่ถูกทำให้ตกต่ำจนบอบช้ำสิ้นดีโดยเด็กทารกคนหนึ่งเท่านั้น มันทำให้เดรโกรู้สึกเจ็บปวด ลูเซียสพูดถึงเรื่องอื่นๆ น้อยมากเมื่อเขากลับมาบ้านนับตั้งแต่การกลับมาของโวลเดอมอร์ เขาบอกเดรโกครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะวิเศษมากแค่ไหนเมื่อเจ้าแห่งศาสตร์มืดได้คืนสู่อำนาจ ‘เจ้าแห่งศาสตร์มืด’ ลูเซียสไม่
กล้าแม้แต่เอ่ยชื่อจริงของเขา เดรโกสงสัยว่าใครก็ตามที่สามารถก่อให้เกิดความเกรงกลัวเช่นนี้จากผู้สนับสนุนของตัวเองมันจะเป็นผลดีแก่คนนั้นไปได้ ในใจเขายังเห็นอารมณ์หวาดกลัวบนใบหน้าของพ่อเมื่อเขาบอกว่าเขาไม่มีความมุ่งหมายจะเป็นผู้เสพความตาย ความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความเดือดดาลอย่างรวดเร็ว ลูเซียสเกือบจะฆ่าเขาแล้วในคืนนั้น สองสามวันต่อมาเดรโกกลับมาที่ฮอกวอตส์โดยไม่ได้เห็นพ่อเขาอีก เขายังคงเห็นใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยความโกรธของพ่ออยู่ในใจ เดรโกรรู้สึกตัวว่ากำลังจมลงอย่างช้าๆ เข้าสู่นิทรา ภาพของพ่อเขายังอยู่ในใจจนกระทั่งใบหน้าที่ไม่น่ายินดีปรากฏขึ้น สีหน้าโกรธเคืองล้อมรอบด้วยกลุ่มผมดกหนาสีน้ำตาล เดรโกร้องครวญครางและลุกขึ้นนั่ง
          “เลือดสีโคลนงี่เง่า” เขาบ่นพึมพำภายใต้ลมหายใจ
          เดรโกไม่อยากเชื่อเลยว่า ศาสตราจารย์เวคเตอร์จับคู่เขากับเพื่อนซี้คนหนึ่งของพอตเตอร์ เขามองไปที่นาฬิกา เขากำลังจะออกไปรับประทานอาหารเย็นในสองสามนาทีนี้ และจากนั้นเขาจะต้องไปที่ห้องสมุดและพบเธอ เขาทำสีหน้าประหลาดเมื่อคิดถึงการเผชิญหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น เดรโกสงสัยว่าลูเซียสจะคิดอะไรถ้าพบว่าเขากำลังทำงานร่วมกับเลือดสีโคลน เดรโกยิ้มหยันให้กับตัวเอง ลูเซียสคงจะควบคุมตัวเองไม่ได้ด้วยโทสะ นั่นเกือบจะทำให้การทำงานร่วมกับเกรนเจอร์ดูคุ้มค่า
          ประตูห้องนอนรวมถูกเปิดเสียงดังโครม เดรโกได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ กำลังเข้ามาใกล้เตียงของเขา
          “เดรโก นายอยู่นี่หรือ?” ผ้าม่านถูกดึงไปข้างหลัง เดรโกมองไปที่ใบหน้าทื่อๆ ของ
แครบบ์ และกอยล์
          “ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว” แครบบ์บอกเขาอย่างภูมิใจ ประทับใจอย่างเห็นได้ชัดกับความสามารถในการบอกเวลาของเขา
          เดรโกรื้อหากองหนังสือเรียนของเขาจนกระทั่งพบหนังสือวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ แครบบ์และกอยล์มีสีหน้าแปลกใจ ขณะที่เขาใส่มันลงในห่อของอย่างรวดเร็วและดึงขึ้นมาพาดไหล่ เขาถอนหายใจและปรารถนาให้เพื่อนๆ ของเขาฉลาดกว่านี้
          “ฉันต้องไปพบเลือดสีโคลนเกรนเจอร์ที่ห้องสมุดหลังอาหารเย็น เราต้องทำการบ้านวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ด้วยกัน” เขาบอกด้วยน้ำเสียงช้าๆ หวังว่าเขาจะไม่ต้องอธิบายสิ่งต่างๆ กับพวกเขา
          “อ้าว ทำไมนายต้องไปทำอย่างนั้นล่ะ?” กอยล์ถาม แม้ว่าการภาวนาอย่างเงียบๆ ของเดรโกขอให้พวกเขาสามารถเข้าใจบางอย่างจริงๆ
          “มันไม่ใช่ฉันเป็นคนคิดนะ ศาสตราจารย์เวคเตอร์จัดการให้เราเป็นคู่หูทำงานด้วยกัน ฉันไม่มีทางเลือก ตอนนี้เราจะรีบดีกว่าหรือเราจะพลาดอาหารเย็น” เดรโกเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องการพูดถึงเกรนเจอร์จริงๆ ถ้าเขาทำได้
          อุบายของเขาได้ผลเมื่อดวงตาของแครบบ์และกอยล์ลุกวาวเมื่อพูดถึงอาหาร แล้วทั้งสามคนออกจากห้องนอนรวมและขึ้นไปยังห้องโถงใหญ่
          เดรโกยืนรีรออยู่หน้าบานประตูห้องสมุด เขาพิจารณาแผ่นไม้ที่ใช้ทำบานประตู จากนั้นลดสายตาลงพิจารณาแผ่นหินหนาขนาดใหญ่ที่ใช้ปูพื้นส่วนใหญ่ในฮอกวอตส์ เขายอมรับอย่างเสียใจว่าเขาไม่ได้มีความสนใจจริงจังในเรื่องบานประตูของห้องสมุดเลย เดรโกรู้สึกละอายใจเล็กน้อย ไม่อยากถ่วงเวลาเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเลือดสีโคลนที่สุดจะทนได้ สายตาทุกคู่ในห้องสมุดเหลือบขึ้นมามองเขา เมื่อเขาเหวี่ยงประตูให้เปิดอย่างแรงเกินกว่าที่เขาตั้งใจ บานประตูไม้หนาตีใส่กำแพงหินอย่างแรงพร้อมเสียงโครมด้งก้องประสานกัน ทำให้ได้รับสายตาเดือดดาลไม่พอใจจากมาดามพินซ์
          เดรโกพบเกรนเจอร์อยู่ด้านที่ไกลเข้าไปยังด้านในของห้องสมุด หลบซ่อนลึกเข้าไปท่ามกลางชั้นวางหนังสือมากมาย เธอหวังอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่สามารถหาเธอพบ ความรำคาญปรากฏชัดเจนบนใบหน้าเธอ เขามองเธอด้วยความฉุนเฉียวก่อนดึงเก้าอี้ออกจากโต๊ะตัวเล็กและนั่งลง
          “นายมาสาย” เธอพูด พร้อมก้มดูแผ่นงานหลายแผ่นที่เธอได้เริ่มทำมันไปเรียบร้อยแล้ว
          “ฉันคงมาตรงเวลาแน่ ถ้าเธอไม่ต้องการหาที่เปลี่ยวแบบนี้สำหรับการนัดหมายของเรา” เดรโกพูดอย่างสุขุม ยิ้มหยันเล็กน้อยอยู่ที่มุมปากของเขา
          “นายต้องการให้ผู้คนเห็นเรากำลังทำงานด้วยกันจริงๆ รึ?” เธอคำรามใส่เขา
          “ทำไมฉันต้องแคร์ว่าคนอื่นๆ คิดอะไรด้วย เธอเป็นเลือดสีโคลน ไม่ใช่ฉัน” เดรโกรพูดปัดความรับผิดชอบผ่านกองแผ่นงานบนโต๊ะ และเริ่มต้นทำงาน
          เกรนเจอร์เริ่มต้นจะพูดแต่ดูเหมือนคิดได้ดีขึ้นเกี่ยวกับมัน และหันไปหาแผ่นงานที่เธอกำลังทำค้างอยู่ ความเงียบสงบตามมาเป็นเวลานานทีเดียว แล้วเดรโกปล่อยตัวเองจมอยู่กับแผ่นงานอย่างรวดเร็ว วิชาตัวเลขมหัศจรรย์เป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับเขาเสมอ การเข้าใจแผ่นงานยาวๆ กับม้วนกระดาษของตัวเลขต่างๆ ทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างประหลาดเสมอ เขาเชื่อว่านี่เป็นคำสั่งที่พวกมันแสดงออกในสิ่งที่เขาชื่นชอบ โลกเวทมนตร์ส่วนมากถูกควบคุมโดยโชคกับเหตุการณ์แปลกประหลาด แต่วิชาตัวเลขมหัศจรรย์มีกฎระเบียบต่างๆ กับโครงสร้าง รอยยิ้มด้วยความภาคภูมิใจปรากฏบนใบหน้าเมื่อเขาทำแผ่นงานเสร็จแล้ว มันทำให้เขาพึงพอใจเสมอๆ เมื่อเขาเก่งในบางอย่างที่ผู้คนส่วนใหญ่เห็นว่ามันยากเหลือเกิน เขาเงยหน้าขึ้นจากแผ่นงานแล้วดวงตาสีเทาของเขาปะทะกับดวงตาสีน้ำตาล เกรนเจอร์ยังคงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขา แผ่นงานวิชาตัวเลขมหัศจรรย์อีกแผ่นเสร็จแล้ววางอยู่ข้างหน้าเธอ เกรนเจอร์เอาแขนกอดอกไว้และกำลังมองเขา กำลังศึกษาเขาอยู่
          “ฉันรู้ว่าฉันหน้าตาดีอย่างเหลือเชื่อ แต่เธอไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ทำรึไง?” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเขาเมื่อเขาจ้องมาที่เธอ รู้สึกรำคาญที่เธอยังคงมองเขาอยู่ แปลกใจที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน และโมโหมากขึ้นที่เธอทำแผ่นงานเสร็จก่อนคนแรก
          “นายทะนงตัวเองมากเสมอๆ รึ? มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือว่าจริงๆ แล้วนายต้องทำมันกันแน่?” ดวงตาสีน้ำตาลของเธอจับจ้องเขาไม่ปล่อย และเขากำลังเริ่มรู้สึกว่าการจ้องมองของเธอทำให้เขากระดาก
          “จริงๆ แล้วฉันสามารถเป็นสุภาพบุรุษได้ดีทีเดียวเมื่ออารมณ์พาไป แต่นั่นคงยากมากแหงๆ” เดรโกกำลังยิ้มให้เธออย่างเหน็บแนมในตอนนี้ รู้สึกสนุกกับวิธีที่ทำให้เธอดูเหมือนไม่เป็นสุขเมื่อเขายิ้ม เขาชอบที่สามารถทำให้เกรนเจอร์ผู้รอบรู้ไปทุกเรื่องประสาทเสียได้ เดรโกยังคงยิ้มให้เธอ เขาเป็นคนหนึ่งที่มีพลังดึงดูดทางสายตา ดวงตาสีน้ำตาลลึกล้ำของเธอเบิกกว้าง และเดรโกรู้สึกถึงความรู้สึกแปลบปลาบอย่างประหลาดภายในท้องเขา น่าประหลาดใจ เขากระพริบตาและปล่อยเกรนเจอร์ให้มองไปทางอื่น
          “นายเสร็จหรือยัง?” เธอถามพร้อมเอื้อมมาที่แผ่นงานของเขา น้ำเสียงเธอเปล่งออกมาแปลกเล็กน้อย และมือเธอสั่นนิดหน่อยเช่นกันขณะที่หยิบแผ่นงาน
          ลูเซียสได้สอนเดรโกให้เฝ้าสังเกตผู้คน;เขายืนยันเสมอว่าถ้าคุณรู้จักสิ่งที่ค้นหา คุณไม่จำเป็นต้องมีสัจจะเซรุ่มเลย เขาบอกเดรโกรเสมอว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถซ่อนเร้นอารมณ์ที่แท้จริงกับความกลัวต่างๆ ของพวกเขา แต่เมื่อเขาพิจารณาเด็กสาวคนนี้ เขาพบว่าเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากหยุดพักชั่วคราว เขาเริ่มต้นตรวจแผ่นงานของเธอ ค้นหาข้อผิด ภาวนาสำหรับข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่มีเลย เขายื่นแผ่นงานของเธอคืนไปโดยไม่ทำเครื่องหมาย และเขาไม่แปลกใจเลยเมื่อเห็นว่าแผ่นงานของเขากลับคืนมาโดยไม่มีเครื่องหมายเช่นกัน
          “เกรนเจอร์ เธอทำมันได้นี่ ยินดีด้วย” เขาบอกเธออย่างเหยียดๆ
          “โอ้ หุบปากซะมัลฟอย” เธอพูดย้อน พร้อมกับยัดหนังสือวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋า “เราจะต้องทำงานด้วยกันนับจากนี้ไป นายควรพยายามทำเป็นไม่พอใจน้อยลงอีกหน่อย”
          “เธออาจพยายามหวีผมของเธอ แต่ฉันไม่หยุดกลั้นหายใจหรอก” เขาเริ่มรวบรวมข้าวของอย่างถือตัว
          “โอ้ ไปโดดหน้าผาเลย มัลฟอย” เกรนเจอร์ตวาดใส่เขา แล้ววุ่นวายอยู่กับตะขอที่กระเป๋าของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
          โดยไม่คิดอะไร มัลฟอยเอื้อมมือข้ามโต๊ะและบิดสายหนังไปข้างหนึ่งแล้วเลื่อนปิดตะขอให้เสร็จ เกรนเจอร์กำลังมองเขาด้วยความประหลาดใจ เดรโกกำลังรู้สึกแปลกใจตัวเองมากกว่า โดยไม่พูดอะไรสักคำกับเธอ เขาหันหลังแล้วเดินจากไป
          เดรโกเดินออกผ่านบานประตูใหญ่ของห้องสมุด เห็นแครบบ์และกอยล์กำลังยืนพิงกำแพงฝั่งตรงข้ามกับเขา พวกเขากำลังวุ่นวายกับการมองแฝงเจตนาร้ายไปที่นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งคู่หนึ่งที่เดินผ่านมาอย่างหวาดระแวง แต่พวกเขาเลิกสนใจทันทีที่เห็นเดรโก
          “นายสองคนมาทำอะไรแถวนี้?” เขาถาม
          “พวกเรามาหานายนะซิ” แครบบ์บอกเขา
          “ใช่ จริงแฮะ ฉันแปลกใจที่พวกนายรู้ด้วยว่าห้องสมุดอยู่ที่ไหน แต่ว่านายต้องการอะไร?” เดรโกตอบ
          “ฉันได้ยินจากนักเรียนชั้นปีที่เจ็ดคนหนึ่งว่า มีลังไม้ใบใหญ่มากมาถึงสำหรับคนดูแลสัตว์วันนี้ มันถูกนำมาโดยกลุ่มพ่อมดด้วยนะ เขาเห็นพวกนั้นแบกมันไปแถวทะเลสาบตอนเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์(Herbology)” กอยล์กำลังให้ข้อมูลมากกว่าปกติ
          “เราคิดว่ามันคงน่าสนุกดีที่แอบออกไปแล้วดูว่ามีอะไรอยู่ในหีบ นายไม่คิดว่ามันจะน่าสนุกหรอกหรือ เดรโก?”
          “ใช่เลยแหละ ฉันคิดว่ามันคงสนุกมากๆ แน่นอน” เดรโกรู้สึกถึงสายตาของใครบางคนจับจ้องมาที่เขา และเขาหันไปเห็นเกรนเจอร์กำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่จากทางเข้าประตู เขาสงสัยว่าเธอได้ยินอะไรบ้าง ใช้เวลานานหน่อยกว่าแครบบ์และกอยล์สังเกตเห็นเธอ แต่พอพวกเขารู้ก็เริ่มเดินไปทางเธออย่างประสงค์ร้าย เกรนเจอร์แค่หมุนตัวและเชิดศีรษะเดินจากไป

TBC

No comments:

Post a Comment