Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Wednesday, September 10, 2014

Chapter 12: ดวงดาวกับความรัก (Next Meeting)




ปราสาทเก่าแก่หลังใหญ่ของตระกูลมัลฟอยตั้งตระหง่านอยู่ห่างจากบ้านของผู้อาศัยคนอื่นในละแวกนั้น 
ไม่มีใครอยากย่างกรายเข้ามาใกล้ปราสาทมืดมนหลังนี้ ไม่ใช่เพราะพวกเขากลัวคนที่อาศัยอยู่ในนั้น
 แต่เป็นเพราะพวกเขารังเกียจนิสัยและความยิ่งใหญ่ของตระกูล 

เดรโก มัลฟอย ลูกชายคนเดียวของนายลูเซียส มัลฟอย เดินอยู่บนระเบียงของปราสาท หรือที่ถูกก็คือ “บ้าน” ของเขา
 พื้นทางเดินนั้นสะอาดเอี่ยม หน้าต่างทุกบานไม่มีฝุ่นจับ เอลฟ์ประจำบ้านนับสิบตัวของที่นี่ตั้งอกตั้งใจทำงานกันอย่างดี
 ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรที่พวกเขาเสีย ด๊อบบี้ - - เอลฟ์ผอมแห้งเพียงตัวเดียวให้กับแฮร์รี่ พอตเตอร์
 พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกินในสายตาของพ่อมดและแม่มดคนอื่น ๆ 

เด็กชายผมสีบลอนด์มองออกไปนอกหน้าต่างของระเบียง เขาเห็นหลังคาของบ้านหลังที่อยู่ไกลออกไปเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ
 เท่านั้น - - นั่นคือเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้ว แต่เขาไม่สนใจหรอกว่าคนพวกนั้นจะรังเกียจบ้านของเขาสักแค่ไหน 

เดรโกหยุดที่หน้าประตูไม้ของห้อง ๆ หนึ่ง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจเคาะสองสามครั้งเพื่อขออนุญาตผู้ที่อยู่ภายใน 

“เข้ามา” น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนักดังขึ้น เขาจึงเปิดเข้าไปช้า ๆ 

นายลูเซียสมัลฟอยยืนอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ ในห้องค่อนข้างมืด มีกลิ่นกำยานฉุนจมูกอบอวลไปทั่ว 
แต่เด็กชายก็เริ่มชินกับกลิ่นนี้แล้ว เพราะพ่อของเขาบอกว่ากลิ่นนี้จะช่วยกันแมลงที่จะมากัดกินหนังสือเล่มสำคัญ 

“ฉันเคยบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าถ้าฉันอยู่ในห้องนี้ก็ห้ามเข้ามารบกวน!” 

นายมัลฟอยกระแทกเสียง เขาไม่สนใจจะมองหน้าลูกชายตัวเองเลยสักนิด 

“นกฮูกของพ่อ - - “ เดรโกพูด แต่สายตากลับมองไปรอบ ๆ ห้อง - - เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องนี้ 
แต่เมื่อเขามีโอกาสเขาก็อยากจะสำรวจในห้องให้รู้ว่ามีอะไรบ้าง 
“มันไม่ยอมบินมาที่นี่ มันเกาะอยู่ตรงหน้าต่างห้องโถง” เขาบอกแล้วเลื่อนสายตามามองที่ชั้นวางขวดยาในห้อง 
ขวดยานับร้อย ๆ ที่มีขนาดและสีสันต่างกันแทบทุกขวด มีฉลากปิดบอกสรรพคุณไว้อย่างชัดเจนทุกขวด 

แล้วเขาก็เห็นฉลากของขวดยาสีดำใบเล็ก ๆ ที่เขียนไว้วา”น้ำยาฝันร้าย” 

เขาหรุบตาลงมองพื้นแล้วหัวเราะในลำคอ เพราะภาพของใครอีกคนปรากฏขึ้นมาในความคิด 
นายมัลฟอยสังเกตเห็นท่าทางของลูกชาย จึงถามด้วยสีหน้าสงสัย 

“มีอะไรน่าขำ” 

“เปล่าครับ” เดรโกตอบ - - เรื่องนี้เท่านั้นที่เขาให้พ่อรู้ไม่ได้เด็ดขาด 

นายลูเซียสหันไปมองบนชั้นบ้างเพราะพิรุธของลูกชาย แล้วเขาก็นึกออกเมื่อเห็นขวดยาที่คุ้นตา 

“น้ำยาฝันร้ายรึ จะว่าไปแล้วฉันเคยให้เจ้าไปใช้เมื่อนานมาแล้วนี่ บอกมาซิว่าผลเป็นยังไงบ้าง” 

เมื่อถูกพ่อถาม เดรโกก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ 

“วิเศษครับ” 

นายมัลฟอยท่าทางพอใจ เขาตีความหมายรอยยิ้มนั้นไปว่าลูกชายคงทำเรื่องร้ายกายสำเร็จเป็นแน่ 

“ฉันดีใจนะที่เห็นเจ้าสามารถใช้ของพวกนี้ให้เป็นประโยชน์ได้” 

“ผมก็ดีใจครับที่ทำให้พ่อพอใจ” เดรโกพูดและยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง 

************* 

รถไฟด่วนพิเศษคันสีแดงสดที่จะมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนสอนเวทมนตร์ฮอกวอตส์จอดอยู่ที่ชานชลาหมายเลข
เก้าเศษสามส่วนสี่เหมือนกับทุกปี เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวบนรถไฟ 
เธอเท้าคางกับหน้าต่างแล้วเหม่อมองออกไปข้างนอก เสียงคุยจ้อกแจ้กของบรรดาเด็กนักเรียนหรือเสียงหีบที่ถูกลาก
ไปบนพื้นไม่สามารถแทรกเข้าไปในความคิดของเธอได้เลยในตอนนี้ 

ฉันรักเธอ - - ยายเลือดสีโคลน คำพูดของมัลฟอยเมื่อครั้งนั้นยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท เธอจำใบหน้าของเขา
ในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเขาจะเคยพูดกับใครบ้างหรือเปล่า เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มออกมาก่อนจะลดมือ
ที่เท้าคางลงแล้วโน้มศรีษะพิงกับกรอบหน้าต่างแทน 
เสียงเลื่อนประตูดังขึ้น รอน วิสลีย์ และแฮร์รี่ พอตเตอร์ยืนอยู่ ต่างฝ่ายต่างมีกระเป๋าสะพายคล้องไหล่อยู่ 

“หวัดดีรอน” เฮอร์ไมโอนี่ทักก่อนเพราะต้องการกลบเกลื่อนอาการของตัวเองเมื่อครู่ 

“หวัดดี” เพื่อนทั้งสองทักพร้อมกันแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ 

“นั่งคิดอะไรอยู่เหรอ” รอนถามขณะวางกระเป๋าลงข้างตัว 

“เปล่านี่” เด็กหญิงยิ้ม 

“อย่ามาปิดบังกันหน่อยเลย มีความลับอะไรแน่ ๆ” รอนพูด 

“ถ้าเป็นความลับฉันยิ่งต้องไม่บอกพวกเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางยิ้ม แต่เธอก็ไม่ได้โกรธที่รอนจะละลาบละล้วงเรื่อง
ของเธอ เพราะรู้ดีว่าเพราะเขาเป็นห่วงต่างหาก 

“อย่ามาทำนิสัยเหมือนมัลฟอยไปหน่อยเลย เธอนี่ไปเหมือนหมอนั่นได้ยังไงนะ” รอนพูดเล่น ๆ แต่นั่นทำให้เฮอร์ไมโอ
นี่สะดุ้งเล็กน้อย 

“พวกเธอเองก็คงมีความลับที่ไม่บอกฉันเหมือนกันใช่ไหมล่ะ” เธอกลบเกลื่อน 

แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากัน - - ก็จริงอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ถาม แฮร์รี่ไม่กล้าบอกใครต่อใครเรื่องที่เขาปิ๊งโช แชงเข้าให้
 ส่วนรอนนั้นยิ่งต้องการปิดความรู้สึกให้สนิทมากกว่าแฮร์รี่ เพราะเขากำลังมีบางอย่างในใจกับเฮอร์ไมโอนี่ 
แต่เขากำลังพยายามจะไม่สนใจกับความรู้สึกนั้น แม้มันจะออกมาอย่างชัดเจนแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาเห็นเธอกับวิกเตอร์
 ครัม ในงานเต้นรำตอนปีสี่ 

“ก็มีนิดหน่อยมั้ง - - ว่าแต่เธอไม่ติดต่อกับเราเลยนะตอนปิดเทอม” แฮร์รี่เปลี่ยนเรื่อง 

“ขอโทษที พอดีฉันไปฝรั่งเศสกับที่บ้านอีกน่ะ แล้วพ่อกับแม่ก็ไม่อยากให้ฉันใช้นกฮูกบ่อย มันเด่นเกินไป - - อ้อ 
นั่นเสื้อคลุมใหม่นี่ รอน” เฮอร์ไมโอนี่ทักเมื่อสังเกตเห็น 

“สวยไหมล่ะ เฟร็ดกับจอร์จซื้อให้ฉัน” รอนยืดอกอวด ส่วนแฮร์รี่แอบยิ้มเพราะเขารู้ว่าทำไมพี่ชายฝาแฝดของรอน
จึงมีเงินพอที่จะซื้อให้เขา 

“แต่สองคนนั่นก็ยังแซวอยู่ดีว่าฉันสูงขึ้น เสื้อคลุมเลยแพงเพราะใช้ผ้าเยอะ” รอนยืนขึ้นเพื่อปัดเสื้อคลุม
 เฮอร์ไมโอนี่จึงมีโอกาสได้เห็นชัด ๆ ว่าเขาสูงขึ้นมากจริง ๆ และแม้แต่แฮร์รี่ก็ดูเหมือนจะมีไหล่ที่กว้างขึ้นกว่าเดิม 

“อ้อ เราเจอปารวตีข้างล่าง เขาถามถึงเธอแน่ะ” รอนบอก 

“เขามีธุระอะไรกับฉันล่ะ” เด็กหญิงถาม รอนทำท่าคิด 

“ไม่รู้เหมือนกัน ไปหาเขาสิ คงอยู่ตู้หน้า ๆ” 

เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องพร้อม ๆ เสียงหวูดรถไฟดังขึ้น แล้วรถก็เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากชานชลา
 เธอเดินมองทิวทัศน์อีกด้านของรถไฟจากหน้าต่างด้านนอกขณะที่เดินไปที่อีกตู้ของขบวนรถ 
เมื่อไปถึงเธอไม่ได้เคาะห้องเพราะคิดว่าถึงผิดก็คงเป็นคนรู้จักแน่ 

“ปาราวตี” เฮอร์ไมโอนี่เปิดประตู แล้วก้าวเข้าไปแต่เธอก็ต้องชะงัก 

เดรโก มัลฟอยนั่งอยู่ตรงนั้น  

ดวงดาวกับความรัก (Next meeting) ตอนที่ 2

“มัลฟอย”  

เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่อเขา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูทันที  ก็เมื่อกี้เธอยังนึกถึงเขาอยู่เลยนี่นา น่าแปลกที่วันนี้เธอเห็น
เขานั่งอยู่คนเดียวโดยไม่มีแครบกับกอยล์ขนาบข้าง
เด็กชายผมสีบลอนด์เพียงแต่กลอกตามามองเธอแล้วก็หันไปมองจุดเดิมเหมือนไม่สนใจ 

“ผิดห้องแล้ว ยายหัวฟู”  

นั่นคือคำทักของเขา! เฮอร์ไมโอนี่นึกโมโหขึ้นมาทันที นิสัยแย่ ๆ อันนี้ของมัลฟอยคงแก้ไม่หายแน่ 

“ขอโทษที” เด็กหญิงกัดริมฝีปากแล้วหันหลังจะเดินออกไป แต่ - -  

ปัง! 

ประตูเลื่อนปิดโครมต่อหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เธอสะดุ้งโหยง  

“นาย!” 

เฮอร์ไมโอนี่หันมาหาต้นเหตุที่นั่งหมุนไม้กายสิทธิ์ในมืออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างไม่พอใจ มัลฟอยพูดขึ้นก่อน 

“ฉันชินคาถานี้แล้ว ไม่เหมือนตอนโฮมเสตย์หรอก ตอนนั้นไม่รู้ว่าใช้ได้จริง ๆ ” เขาพูดเท้าความถึงตอนที่
ใช้คาถานี้เป็นครั้งแรก เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง 

“ฉันจะออกไป! อย่ามาทำเอาแต่ใจตัวเองกับฉันนะ!”  

“บังเอิญว่า - - “ มัลฟอยควงไม้ในมือ เขาพูดโดยไม่ได้หันหน้ามามองอีกฝ่าย แต่กลับมองไม้กายสิทธิ์ของตัวเอง 

“เธอชอบคนเอาแต่ใจคนนี้ซะด้วยสิ” 

เลือดในตัวฉีดขึ้นสู่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่ทันที เขาทำให้เธอหน้าแดงได้บ่อยเหลือเกินราวกับว่าอารมณ์ความ
รู้สึกทุกอย่างของเธอที่มีต่อหน้าเขาเป็นเพราะเขาทำให้เธอเป็น 

“พูดเอาเอง!” เด็กหญิงไม่ยอมลดความดังของเสียงลง 

“ปฏิเสธสิ” มัลฟอยพูดเสียงเรียบ มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมาแล้วในตอนนี้ เขาเก็บไม้กายสิทธิ์ไว้ในเสื้อตามเดิม 
เด็กชายลุกขึ้นยืนในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่จึงได้เห็นชัด ๆ ว่า เขาสูงขึ้นมากเหลือเกิน   เด็กชายก้าวเข้ามาใกล้เธอช้า ๆ

 จนเฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เธอโกรธตัวเองที่ลืมหยิบไม้กายสิทธิ์มาด้วย แต่นั่นเป็นเพราะเธอคิดว่าจะ
มาเจอปาราวตีจึงไม่จำเป็นต้องใช้ 

“อย่านะมัลฟอย ไม่งั้นฉันร้องจริง ๆ ด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงขู่ 

มัลฟอยหรี่ตาลงแล้วถามเธอ ด้วยน้ำเสียงเหมือนทุกครั้งที่ต้องการจะยั่วอีกฝ่าย 

“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรกัน”  

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัดอีกครั้ง ดวงตาสีซีดของมัลฟอยไม่เคยไว้ใจได้เลยแม้กระทั่งเดียวนี้
 เธอภาวนาไม่ให้เขาเลื่อนสายตาไปมองตัวเธอจนทั่ว ถึงตอนนั้นเลือดทั้งตัวของเธอคงมารวมกันที่หน้าแน่ ๆ  

แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาไม่เป็นผล มัลฟอยมองเธอแต่หัวจดเท้าสองสามครั้งแล้วก็พูดขึ้น 

“เปลี่ยนไปนิดหน่อย…” เขาว่า  

“น่ากอดขึ้นว่าเดิมเยอะ” มัลฟอยไม่พูดเปล่า เขากางแขนออกเหมือนกับครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองเจอกัน และตอนนั้น
 เขาบอกรัก - - รัก ยายเลือดสีโคลน 

“มันก็มุขเก่านั่นแหละ มาเร็ว”  

“ไม่!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง เลือดคงมารวมกันที่หน้าเธอเรียบร้อยแล้ว 

“แน่ใจเหรอที่พูดว่าไม่  ฉันขี้โมโหนะ” มัลฟอยขยับแขน ประโยคเหมือนขู่แต่เขากลับยิ้มกวน ๆ 
ราวกับว่าที่พูดนั้นแค่ต้องการจะแกล้งเธอเท่านั้น 

“สนุกนักเหรอที่ทำให้ฉันกลัว!” เฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมแพ้ 

“ไม่เห็นสนุกตรงไหนนี่ ฉันแค่ - - อยากให้เธอกอดฉันเท่านั้นเอง” 

เฮอร์ไมโอนี่อึ้งกับคำพูดของเขา ถ้าไม่ตาฝาดเธอก็เห็นรอยสีแดงบนแก้มซีดเซียวของเขาเช่นกัน เด็กชายลดแขนลง
 แล้วถามพูด 

“โอเค ไม่ก็ไม่ แต่มานั่งกับฉันก่อนไหมล่ะ ฉันนั่งคนเดียวเบื่อจะตาย” 

“แครบกับกอยล์ไปไหนล่ะ” เธอถาม 

“ฉันให้พวกมันอยู่อีกห้อง” มัลฟอยยกกุญแจขึ้นดอกหนึ่ง 

“ไม่ให้ออกมา”  

เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง  

“นายขังแครบกับกอยล์!”  

“ก็ฉันรำคาญพวกมันนี่ เดินตามอยู่ได้ - - เชื่อเถอะ สมมุติว่า ถ้าพวกมันต้องอยู่ถ้ำแค่มีน้ำ
กับขนมพอพวกมันก็อยู่ได้เป็นปี ๆ“ มัลฟอยบอก 

เขาเดินผละไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน เฮอร์ไมโอนี่เดินตามไปจะนั่งตรงข้ามเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงดังปังพร้อม ๆ
 กับตัวเซนทอร์เล็ก ๆ ตัวหนึ่งปรากฎตัวขึ้นบนเก้าอี้ 

“กรี๊ด!” 

เด็กหญิงร้องลั่น กระโดดออกห่างจากเก้าอี้ทันที พอเธอหันไปมองมัลฟอยก็เห็นเขาถือไม้กายสิทธิ์ชี้มาที่เก้าอี้  
เซนทอร์น้อยตัวนี้ฝีมือเขาแน่ ๆ!

“ทำอะไรของนาย! บ้าที่สุด!” เธอพูดเสียงดัง 

“มานั่งตรงนี้”  มัลฟอยพูดเสียงเฉียบขาดแล้วชี้ที่เก้าอี้ตัวเอง 

เฮอร์ไมโอนี่มองเขาราวกับจะหาเรื่อง แต่มัลฟอยก็สู้สายตาของเธอได้อย่างเหนือกว่า  เมื่อเธอตั้งท่าจะ
ไม่ยอมเซนทอร์ตัวเล็ก ๆ ตัวนั้นก็โตขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอสังเกตเห็นว่ามันมีเขี้ยวงอกออกมาและ - - เริ่มคำราม! 

เฮอร์ไมโอนี่แทบกระโดดไปนั่งตักมัลฟอย โชคดีที่เก้าอี้กว้างพอเธอจึงได้นั่งในที่ที่ควรจะนั่งแทนที่จะเป็นตักของเขา
 มัลฟอยแกว่งไม้กายสิทธิ์อีกครั้งเซนทอร์ตัวนั้นก็หายวับไป 

“ใช้วิธีที่แย่มาก!” เฮอร์ไมโอนี่อยากจะทุบเขาสักที 

“ใช้วิธีอื่นก็ไม่ใช่ฉันสิ” เด็กชายไหวไหล่ เขาเก็บไม้กายสิทธิ์เข้าที่เดิม เขาถามเหมือนต้องการจะเปลี่ยนเรื่อง 

“เธอไปไหนมาตอนปิดเทอม”  

“ฉันเดินทางกับครอบครัว” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ น้ำเสียงห้วนเพราะยังโกรธเขา 

มัลฟอยเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่นุ่มนวลนัก เขาถามต่อ 

“คิดถึงฉันไหมล่ะ”  

เฮอร์ไมโอนี่ตกใจกับประโยคที่ไม่อยากจะเชื่อหูว่าได้ยินจากเขา เด็กหญิงรีบสวนกลับด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเอง
กำลังจะโกหกครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตออกไป

“ไม่!”  

“งั้นเหรอ ผิดกับฉันเลยนะ” มัลฟอยยักไหล่ แล้วมองเธอเต็มตา 

“ฉันคิดถึงเธอแทบตาย”  

แล้วเขาก็ดึงเธอมาใกล้ดังเช่นทุกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่หน้าเม้มปาก ใบหน้าเป็นสีชมพู 

“คราวนี้ฉันจะไม่ถามอีกแล้วนะว่าจะขัดขืนรึเปล่า” มัลฟอยบอกแล้วโน้มหน้าลงมาหา 

เฮอร์ไมโอนี่หรุบตาลงต่ำ  ไม่ช้าดวงตาสีน้ำตาลของเธอก็ปิดสนิท 

ดวงดาวกับความรัก (Next Meeting) ตอนที่ 3 

“ฮูกกกกก!” 

นกฮูกสีน้ำตาลตัวหนึ่งร้องเสียงดังขณะบินโฉบเข้ามาทางหน้าต่าง มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง 
เมื่อนกตัวนั้นบินลงมาตรงกลางระหว่างพวกเขา 

“นกใครกัน! “  มัลฟอยโมโหแล้วปัดมันออกไปเต็มแรง นกฮูกตัวนั้นจิกมือเขาสู้ 

“ไอริช!” เฮอร์ไมโอนี่คว้ามันมาก่อนที่มัลฟอยจะเอามันไปกระทืบ 

“ไอริชเรอะ   มันจะได้เปลี่ยนเป็นพรมเช็ดเท้าฉันแน่!”  เขาจะกระชากนกฮูกไป 

“อย่านะ! นี่นกของยาช่า!” เด็กหญิงพูดแล้วยกมันไปกอด 

นั่นไม่ได้ทำให้มัลฟอยหายโกรธแม้แต่นิดเดียว มันเหมือนเอาน้ำมันไปราดกองไฟเสียมากกว่า
 มัลฟอยยิ่งโกรธมากขึ้นจนหน้าซีดเซียวของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ  เด็กชายตะโกนก้อง 

“เอามานี่!” 

“ไม่ - - ไม่! เขาอาจจะมีเรื่องสำคัญนะ!” เฮอร์ไมโอนี่กระโดดหลบเมื่อมัลฟอยถลาเข้าใส่ 

“ช่างหัวมันสิ! เอามา!”  

“ไม่!” 

“ฮูก! ฮูก!” 

คราวนี้ทั้งคนทั้งนกวิ่งวนกันไปจนทั่วในห้อง ขนของไอริชปลิวกระจายเต็มห้อง
ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยามยกมันหลบเพราะมัลฟอยต้องหักคอมันแน่ถ้าเขาจับมันได้
  ในที่สุดต่างฝ่ายต่างก็ไปยืนหอบแฮ่ก ๆ กันคนละมุม 

“ใจ…ดำ” เฮอร์ไมโอนี่พูดทุกคำอย่างลำบากเพราะหายใจไม่ทัน 

“ถ้าเขา…กำลัง…มีอันตรายล่ะ”

“ฉันบอกแล้วไงว่าช่างเจ้าหมาป่านั่น!” มัลฟอยยังไม่ยอมตั้งท่าจะกระโจนมาอีก 

“อย่านะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องแล้วกอดนกฮูกในวงแขนแน่นขึ้น 

เมื่อเห็นท่าทางเฮอร์ไมโอนี่ที่คงไม่ยอมง่าย ๆ เขาก็เดินไปนั่งโครมบนเก้าอี้ ดวงตาสีซีดมีแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด 

เฮอร์ไมโอนี่เดาว่าเขาคงยอมให้เธออ่านได้ แต่ก็ยังขยับตัวอย่างระแวง เธอไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
 แล้วปัดขนนกที่ร่วงอยู่ให้ออกไปก่อนจะนั่ง เด็กหญิงแกะจดหมายออกจากขานกฮูกตัวนั้นแล้วคลี่ออก 

“ก่อนอื่น  ผมไม่รู้ว่านกของผมจะยอมเอาจดหมายไปส่งผู้รับโดยดีหรือเปล่า 
 ถ้าใครได้รับจดหมายฉบับนี้แต่คุณไม่ใช่ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ล่ะก็ ผมรบกวนฟาดเจ้านกเกเรตัวนี้
ของผมสักที่แล้วเอาจดหมายผูกคืนให้มันไปส่งให้ถูกที่ด้วยนะครับ ขอบคุณมาก...  

“แต่ถ้าคุณใช่ เฮอร์ไมโอนี่ก็หวัดดีครับ หวังว่าคุณคงสบายดีเหมือนผม ตอนนี้ผมกับครอบครัวมา
เยี่ยมบ้านญาติบนภูเขาหิมะ อยากให้คุณมาเห็นสีหน้ากวางมูสตอนที่มันเห็นผม 
มันวิ่งร้อยเมตรได้ในเวลาห้าวินาที แทบไม่น่าเชื่อเลย”  

เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะออกมา  แต่เมื่อเห็นมัลฟอยกำลังจ้องเขม็งมาไม่วางตาเธอก็รีบหุบยิ้มทันที
 แล้วค่อย ๆ ถอยห่างให้พ้นจากรัศมีเขาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะกระชากมันไปฉีก  เด็กหญิงอ่านจดหมายต่อ 

“อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกให้คุณรู้ รายงานที่ผมทำที่ฮอกวอตส์ได้รับคำชมจากอาจารย์ครับ
 โรงเรียนเลยจะส่งผมไปที่ฮอกวอตส์อีก ผมได้รับจดหมายจากกาเบรียลด้วย เธอเองก็จะไปเหมือนกัน
 แล้วเจอกันที่ฮอกวอตส์ครับ ยาช่า” 

“ยาช่าจะมา!” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาด้วยความดีใจ มัลฟอยตาเบิกกว้างขึ้น
 เขากัดฟันกรอดโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นเธอดีใจจนออกนอกหน้า 

นกฮูกสีน้ำตาลตัวน้อยนั่งมองทั้งสองคนตาปริบ ๆ เฮอร์ไมโอนี่อุ้มมันขึ้นมาวางไว้บนตัก
  ยาช่าเคยบอกไว้ว่านกของเขาตัวนี้เชื่องกับทุกคนยกเว้นตัวเขาเอง  แต่ก็โทษมันไม่ได้ไอริช
ถือว่ากล้าหาญมากแล้วที่ยอมอยู่กับยาช่ามาจนถึงทุกวันนี้ 

“เดี๋ยวฉันค่อยตอบเจ้านายแกก็แล้วกันนะ”  เด็กหญิงบอกนกแล้วลูบตัวมันเบา ๆ
 เธอยืนขึ้นแล้วส่งนกฮูกตัวนั้นออกไปทางหน้าต่าง  มันทำท่างง ๆ ที่ไม่ได้รับจดหมายตอบแต่ก็ยอมบินไปโดยดี
 เธอมองมันบินห่างไปจนลับตา  

เฮอร์ไมโอนี่หมุนตัวกลับ แต่มัลฟอยยืนขึ้นแล้วผลักตัวเธอ จนกระแทกกับกระจกด้านหลัง 

“ทำอะไรของนาย!”  เธอร้องเสียงดัง แต่เมื่อเห็นแววตาแข็งกร้าวของคนที่กำลังประจันหน้าด้วยเฮอร์ไมโอนี่
ก็เงียบลงทันทีและกลืนน้ำลาย 

มัลฟอยก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นแล้วหรี่ตามองเธอ 

"ต่อหน้าต่อตาฉันเลยนะ เธอพอใจที่ได้รับจดหมายจากหมอนั่นใช่ไหม" เขากัดฟันพูด 

"มัลฟอย ทำไมเธอพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้!"  เด็กหญิงมีสีหน้ารำคาญใจ 

“เกรนเจอร์ ฟังฉันนะ”  คำพูดนั้นดูเยียบเย็นเหมือนจะขู่ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างตกใจเธอ
เบียดหลังตัวเองชิดกับกระจกหน้าต่างเย็นเฉียบ  

“ถ้าปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง” เขาพูดต่อ 

“ทำไม - - จะมีอะไร” เฮอร์ไมโอนี่พูด เลือดในตัวเริ่มฉีดขึ้นมาที่แก้ม แต่เธอกลับรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ 

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม  แต่ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา
  เหมือนที่ผ่าน ๆ มา โดยเฉพาะถ้ามีเหตุการณ์เหมือนตอนที่เธอไปอยู่หอนอนฉันอีก...”  
 เขายังไม่ลดความเยียบเย็นของเสียงลง  

“ปีนี้ - - ไม่มีทาง!  ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยเธอไปอีก!” 

เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายอีกครั้ง  ดวงตาสีซีดของมัลฟอยดูจริงจังจนเธอนึกกลัว
  เธอตัดสินใจผลักเขาให้ห่างจากตัวสุดแรง ก่อนจะกระชากประตูเปิดแล้ววิ่งหนีออกไปจากห้อง 

เมื่อมัลฟอยไม่ได้ตามออกมาเฮอร์ไมโอนี่หยุดวิ่งแล้วหอบฮัก ทั้งที่ไม่ได้วิ่งมาไกล
 แต่อาจจะเป็นเพราะหัวใจที่เต้นแรงมาตั้งแต่แรกทำให้เธอเหนื่อย เด็กหญิงยกมือขึ้นจับใบหน้าของตัวเอง - -
 มือของเธอเย็นเฉียบ แก้มร้อนผ่าว เด็กหญิงมองออกไปนอกหน้าต่างตรงทางเดินเพื่อสงบสติอารมณ์ 

ถึงตอนนี้เธอก็ยังกลัวมัลฟอย กลัวว่าเขาจะทำอะไรตามใจตัวเองกับเธอมากเกินไป  

เด็กหญิงสะบัดศรีษะไล่ภาพของมัลฟอยออกไป คำพูดของมัลฟอยยังคงก้องอยู่ในหู 

ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยเธอไปอีก!



ดวงดาวกับความรัก (Next Meeting) ตอนที่ 4  

รถไฟสายด่วนของฮอกวอตส์จอดเทียบชานชลาในเวลาเดิมเช่นปีก่อน ๆ นักเรียนทุกคนสวมเสื้อคลุมสีดำของ
โรงเรียนเรียบร้อยแล้วและลงมาตั้งแถวในสถานีก่อนจะขึ้นเรือบดลำเล็กซึ่งจะพาพวกเขาไปยังโรงเรียนสอน
เวทมนตร์ฮอกวอตส์ 

ปีนี้รูบิอัส แฮเกร็ดก็ออกมารับเด็ก ๆ เช่นเคย  ดูเขาภาคภูมิใจในตัวเองยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ 
อาจจะเป็นเพราะเขาได้เป็นอาจารย์เต็มตัวแล้วและเขาก็พอใจกับงานตรงนี้อย่างมาก 

“ปีหนึ่งมาทางนี้”  แฮกริดตะโกนบอกเด็กปีหนึ่งที่กำลังคุยกันเสียงดังด้วยความตื่นเต้น 

“หวัดดีฮะ แฮกริด”  แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ทักพร้อมกัน  

“หวัดดีเด็ก ๆ อ้อ ไม่ใช่สิ เป็นหนุ่มน้อยสาวน้อยกันหมดแล้ว”  แฮกริดทักตอบอย่างอารมณ์ดี

“ปีนี้ท่าทางเด็กเยอะกว่าทุกปีนะครับ”  แฮร์รี่สังเกตจำนวนนักเรียนชั้นปีหนึ่งซึ่งแถวยาวกว่าทุกครั้ง 

“เยอะสิ นี่ก็นับเป็นเรื่องดีนะ เอาไว้ค่อยคุยกัน”  แฮกริดพูดแล้วเลี่ยงไปด้านหน้า 

“เอาล่ะ! ออกเดินทางกันดีกว่า ตามฉันมา” 

แต่ที่ยังเหมือนกันทุกปีก็คือพิธีเลือกนักเรียนเข้าประจำบ้านต่าง ๆ ซึ่งดูเหมือนว่านักเรียนที่สนุก
และตื่นเต้นกับขั้นตอนนี้ก็คือเด็กปีหนึ่งเท่านั้น

รอนนั่งหาวอยู่ที่โต๊ะอาหารขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลคลี่ม้วนกระดาษออกและอ่านชื่อเด็กทีละ
คนให้ออกมาจากแถวเพื่อสวมหมวกคัดสรร

“แอนน์, ลูซี่”   ศาสตราจารย์เริ่มเรียกชื่อเด็กคนแรก  เด็กผู้หญิงผมสีทองเดินออกมาจากแถวอย่างประหม่า 

“ปีนี้นายไม่บ่นว่าหิวเหรอรอน”  แฮร์รี่เอาข้อศอกสะกิดเพื่อนเบา ๆ แล้วพูดแซว
“ไม่หิวเท่าไหร่” รอนบอก 

แฮร์รี่ไม่ค่อยแปลกใจ  เพราะกระเป๋าใบที่รอนหิ้วมาด้วยบนรถไฟบรรจุขนมหลายอย่าง
 และรอนก็เอาแต่นั่งกินขนมมาตลอดทางชนิดที่เรียกว่าห่อกระดาษที่ห่อขนมของเขามาสามารถเอา
ไปวางเรียงรอบ ๆ ต้นวิลโลว์จอมหวดได้รอบหนึ่งพอดี 

“เฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่”  รอนเรียกเพื่อนที่นั่งเหม่ออยู่ตรงกันข้าม เด็กหญิงรู้สึกตัว 

“เอ่อ  - -  มีอะไร”  เธอถาม 

“ฉันเจอปาราวตีตอนตั้งแถวเมื่อกี้ เขาว่าฉันใหญ่เลยว่าไม่ได้บอกเรื่องที่เขาถามหาเธอ
  เธอไปไหนมาน่ะ”  รอนบ่นเสียงค่อยเพราะไม่อยากให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลได้ยิน  

“ฉัน - - เข้าห้องผิด แต่ไปเจอคนรู้จักที่เรียนอยู่ฮัฟเฟิลพัฟ เลยนั่งคุยกันนาน ขอโทษที” 
 เธอโกหก เด็กหญิงพยายามไม่หันไปมองทางโต๊ะของสลิธีรินเพราะกลัวจะสบตากับมัลฟอยเข้า 

“คนรู้จักที่เรียนอยู่ฮัฟเฟิลพัฟเหรอ”  รอนขมวดคิ้ว 

“ซาบริสกี้, จูดิธ”  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรียกชื่อเด็กคนสุดท้ายแล้วม้วนกระดาษเก็บ
 (หมวกตะโกนว่า "เรเวนคลอ!")  

“ฉันเริ่มหิวแล้วสิ หวังว่าคงไม่นานนะ”  รอนกระซิบกับแฮร์รี่ 

นักเรียนปีหนึ่งทุกคนประจำที่โต๊ะของบ้านตัวเองเรียบร้อยดีแล้ว ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ลุก
ขึ้นยืนและจะอะไรเล็กน้อยเหมือนทุกปี - - เล็กน้อยในที่นี้ก็หมายถึง “เล็กน้อย” จริง ๆ เพราะเขาตะโกนแค่เพียงว่า 

“ลงมือได้!”  

แล้วอาหารก็ปรากฏขึ้นบนจานทองตรงหน้าของทุกคน  ดูเหมือนว่าขนมที่รอนกินมาตลอดทางนั้นถูกย่อยไปหมดแล้ว
  เขาตักมันฝรั่งใส่ชามใบใหญ่จนเต็มและลงมือกินอย่างไม่รอช้า 

“เดี๋ยวก็ติดคอหรอก”  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าแหยง ๆ บอกเพื่อน 

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าจะติดก็ติดไปนานแล้ว”  แฮร์รี่ไม่สนใจ  

เฮอร์ไมโอนี่ชะเง้อคอไปที่โต๊ะของอาจารย์เพื่อหาใครคนหนึ่งที่บอกว่าจะมา  แต่เธอก็ไม่เห็นใครอีกแล้ว 

“มองหาใครเหรอ เฮอร์ไมโอนี่”  แฮร์รี่ถาม ส่วนรอนนั้นไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เขาปากไม่ว่างเพราะกำลังเคี้ยวเนื้ออบ 

“ยาช่าบอกฉันว่าจะมาฮอกวอตส์อีก”  เด็กหญิงบอก 

“จริงเหรอ” แฮร์รี่แปลกใจ เพราะศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ไม่ได้บอกกับทุกคนเหมือนครั้งก่อน 

“รีบกินดีกว่าน่า เดี๋ยวก็คงรู้เรื่อง”  รอนบอกกับเฮอร์ไมโอนี่ 

เด็กหญิงหันกลับมาที่เดิม  แล้วเสี้ยววินาทีนั้นเธอก็สบตากับมัลฟอยที่นั่งอยู่อีกโต๊ะเข้าอย่างจัง
 เธอรีบหลบตาสีซีดคู่นั้นที่จ้องเขม็งมาทันที  เขาดูเหมือนจะรู้ว่าเธอมองหาใครอยู่  แครบกับกอยล์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
 มัลฟอยถามอย่างแปลกใจที่เห็นเพื่อนเอาแต่จ้องไปที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ตั้งแต่เลื่อนเก้าอี้นั่ง 

“มีอะไรเหรอ มัลฟอย”  แครบถาม  เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกชื่อเพื่อนคนนี้ว่า “เดรโก” 

มัลฟอยไม่ตอบ แต่แครบกับกอยล์ก็รู้แล้วว่าไม่ควรถามมากไปกว่านี้จึงลงมือกินอาหารของตัวเองต่อ 
 ไม่นานจานทองของบ้านทุกบ้านก็ว่างเปล่า ขนมหวานก็หมดตามไปอย่างรวดเร็ว 

“โอ๊ย…อิ่ม!”  รอนรวบช้อนส้อมแล้วลูบท้องตัวเอง  แฮร์รี่เองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากินจนเกือบจุก
 เด็กบางคนเริ่มลุกจากเก้าอี้ไปนั่งคุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ  

“กินเสร็จแล้วก็นอน เธอสองคนได้กลายเป็นหมูซักวันแน่”  เฮอร์ไมโอนี่บ่น 

“เป็นก็เป็นสิ  ยังไงก็เป็นสัตว์ไม่มีพิษภัย”  รอนว่าแล้วโยกเก้าอี้สองขาดูเพดานอย่างไม่สนใจ 

“แล้วถ้ามีพิษภัยจะเป็นสัตว์ยังไงครับ” 

รอนแทบตกเก้าอี้ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่ยืนก้มหน้ามองมาที่เขาอยู่ข้างหลัง 
 เขาทิ้งเก้าอี้ลงสี่ขาดังโครมใหญ่  ผลก็คือตัวไปกระแทกกับโต๊ะอย่างจัง 

“ยาช่า”  เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างดีใจ  เด็กชายร่างสูงยิ้มให้เธอเช่นทุกครั้ง ยาช่าที่ตัวสูงมาตั้งแต่แรกดูเหมือน
จะสูงขึ้นกว่าเดิมอีก  ดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับมันจะบ่งบอกใครต่อใครว่าตัวเขานั้นยังมี 

“อีกสิ่งหนึ่ง” ที่อยู่ภายใน เด็กชายดูเหมือนได้รับอนุญาตให้สวมเครื่องแบบของฮอกวอตส์เพื่อให้กลมกลืน
กับเด็กคนอื่น ๆ  

รอนหอบแฮ่ก ๆ แล้วต่อว่า 

“หัวใจจะวาย! นายจะบ้ารึไง โผล่มาเงียบ ๆ“  

“ขอโทษครับ แค่อยากให้ประหลาดใจ”  ยาช่าพูดแล้วเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างรอน   

“ฉันนึกว่าเธอไม่มาซะอีก”  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยดวงตาเป็นห่วง 

“ผมต้องมาสิ แต่แปลกใจที่เห็นคุณไม่ตอบจดหมายไปกับไอริช”   

“คือ - - ขอโทษ เรื่องมันยาวน่ะ”  เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วเหลือบ ๆ มองมัลฟอยที่โต๊ะสลิธีริน
 ดูเหมือนว่ายิ่งเขาเห็นยาช่าดวงตาของเขาก็ส่งกระแสความร้อนมาได้แล้วในตอนนี้ 

ยาช่าหันไปมองตามแล้วหันกลับมาหัวเราะให้เธอ 

“เขายังเหมือนเดิมนะครับ” 

“ทำไมเธอไม่มากินข้าวพร้อมกับเราล่ะ”  เฮอร์ไมโอนี่กลบเกลื่อน 

“ผมเพิ่งมาถึง  แล้วอีกอย่างปีนี้ไม่ได้เป็นพิธีการเหมือนปีก่อนด้วย เขาให้ผมเลือกบ้านได้เอง
ไม่ต้องสวมหมวกเพราะตอนที่ผมทำรายงานเมื่อปีก่อน ๆ ผมทำเกี่ยวกับบ้านกริฟฟินดอร์

 ปีนี้อาจารย์อยากให้ผมทำเกี่ยวกับศาสตร์ของพ่อมดและแม่มดด้านมืดบ้าง  ผมก็เลยเลือกบ้านให้ตรงกับหัวข้องาน”  
เขาอธิบาย 

“อย่าบอกนะว่า”  เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง 

ยาช่ายิ้มแล้วล้วงมือไปหยิบผ้าพันคอผืนเขียวสลับเทาที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมออกมาให้เธอเห็น 

“สลิธีรินครับ” 


ดวงดาวกับความรัก (Next Meeting) ตอนที่ 5 

“อะไรนะ!” เฮอร์ไมโอนี่มองผ้าพันคอที่เป็นเครื่องยืนยันของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เด็กหญิงละล่ำละลักพูดต่อ 

“ทำไมล่ะ ฉันนึกว่า - - ” 

“กริฟฟินดอร์น่ะ ฉันต่างหาก” 

รอนแทบตกเก้าอี้อีกครั้งเมื่อเสียงของเด็กหญิงอีกคนดังขึ้นข้างหลัง พอเขาจะหันไปต่อว่าว่าทำไมถึง
ชอบโผล่มาเงียบ ๆ ข้างหลังเขานักแต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงผมสีเงิน ที่เขาคุ้นตายืนอยู่ 

“เฟลอร์ เดอลากูร์” รอนคราง ดวงตาเบิกกว้าง 

“ผิดแล้ว!” กาเบรียลพูดกับรอนอย่างไม่พอใจ เธอมักจะโกรธทุกครั้งที่มีใครทักว่าเธอเป็นพี่สาว 
รอนถอนใจเฮือกด้วยความโล่งอกเด็กหญิงเดินมายืนข้าง ๆ ยาช่า  

“ฉันต่างหากที่จะมาอยู่กริฟฟินดอร์” เด็กหญิงมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่พอใจ
 กาเบรียลขยับตัวชิดกับยาช่าที่นั่งอยู่เหมือนจะประกาศความเป็นเจ้าของให้เธอได้เห็น 

เฮอร์ไมโอนี่อมยิ้ม - - กาเบรียลคงเป็นลูกคนเล็กในบ้านแน่ ๆ นิสัยเธอจึงยังคงเอาแต่ใจตัวเองและ
ทำตัวเป็นเด็กกว่าคนอื่นที่อายุเท่ากัน ยาช่าหันมายิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่ราวกับรู้ว่ากำลังคิดคล้าย ๆ กัน
 เฮอร์ไมโอนี่แกล้งไม่สนใจ กาเบรียล เธอส่งสายตาให้ยาช่าแล้วพูด 

“น่าเสียดายเหมือนกันนะ นึกว่าจะได้อยู่ใกล้เธอซะอีก” 

ยาช่ารู้ว่าเธอแค่ต้องการจะแกล้งกาเบรียลที่อยู่ข้าง ๆ เด็กชายเบือนหน้าไปทางอื่นขณะที่
ตัวสั่นเพื่อกลั้นหัวเราะ กาเบรียลเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันทีแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรออกมา 

“ไปอยู่สลิธีรินแหละดีแล้ว!”  

รอนพูดเสียงคั่นกลางขึ้นเสียก่อน ทั้งกลุ่มหันไปมองทันที เด็กชายเองก็อึ้งไปเพราะตกใจที่ตัวเองเผลอ
พูดความในใจที่ไม่เข้าท่าออกมา - - ทั้งที่เขาต้องการจะปฏิเสธตัวเอง ว่าเขาเองก็ “หึง” เฮอร์ไมโอนี่เหมือนกัน! 

แต่ฝ่ายมัลฟอยก็ไม่ใช่น้อย แครบกับกอยล์กำลังโวยวายเช็ดน้ำฟักทองออกจากเสื้อของตัวเองเพราะ
มัลฟอยกระแทกแก้วทองในมือกับโต๊ะจนน้ำฟักทองหกกระเด็นออกมาเต็มโต๊ะ 
จริงอยู่ที่เขาไม่ได้ยิน แต่ในระยะนี้เขาเห็นสายตาที่เฮอร์ไมโอนี่ส่งให้ยาช่าอย่างชัดเจน 

“ไอ้หมาป่าไม่เจียมตัว!” มัลฟอยกัดฟันกรอด 

รอนทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสีหน้าท่าทางตกอกตกใจที่เพื่อนทุกคนมองเขา เด็กชายรีบกลบเกลื่อน 

“จะได้ทำรายงานได้ถูกหัวข้อไง”  

ทั้งหมดถอนใจออกมา เพราะต่างก็นึกว่ารอนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่างเป็นแน่ กาเบรียลพูดต่อ 

“ฉันได้อยู่ห้องเดียวกับเธอนะ” เธอบอกกับเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“จริงเหรอ ดีจัง” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม 

เสียงเคาะแก้วของศาสตราจารย์มักกอนนากัลดังขึ้นขัดจังหวะเป็นสัญญาณให้เด็ก ๆ
 นั่งประจำที่กันตามปกติ แล้วพรีเฟ็กของแต่ละบ้านก็เดินมาที่หัวโต๊ะเพื่อนำนักเรียนของบ้านตัวเอง
ไปส่งที่หอนอน รอนกับแฮร์รี่กล่าวลายาช่าแล้วเดินไปตั้งแถวก่อน 

“แล้วเจอกันครับ” ยาช่าตั้งท่าจะเดินจากไป 

กาเบรียลอ้าปากจะพูดบางอย่างกับเขา เด็กชายจึงชะงักหยุดเพื่อฟังเธอด้วยหน้าประหลาดใจ 

“ระวังตัวนะ” กาเบรียลพูดด้วยใบหน้าสีชมพู 

“สุดชีวิตเลยครับ” ยาช่าหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาจับปลายผมของกาเบรียล
 แล้วเขาก็ปล่อยผมสีเงินสลวยนั้นลื่นหลุดจากมือพลิ้วลงบนตัวของเธอตามเดิม  

กาเบรียลหน้าเป็นสีชมพูเข้มขณะมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เดินจากไป 

::~~~::**::~~~::**::~~~::**::~~~::**::~~~::**::~~~::**::~~~::**:: 

“ไร้เลือดสีโคลน”

ยาช่าเอ่ยรหัสผ่านกับรูปภาพชายหน้าถคุณทึงที่อยู่หน้าบ้านสลิธีริน
 เขาส่ายศรีษะกับรหัสผ่านที่ฟังดูแบ่งแยกชนชั้นอย่างระอา ชายในภาพเชิดหน้าขึ้น
แล้วรูปของเขาก็เหวี่ยงออก ยาช่าปีนผ่านเข้าไปก็เห็นว่าในห้องนั่งเล่นรวมของบ้านสลิ
ธีรินนั้นไม่มีใครอยู่เลย เขาเดาว่าคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว แต่ - -  

“สงสัยต้องรับน้องกันหน่อยแล้วมั้ง” 

เสียงห้าว ๆ ของเด็กคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านใน เด็กผู้ชายผมดำตัวใหญ่
เหมือนหมียักษ์เดินออกมากับเด็กชายอีกสองสามคน ทุกคนกอดอกและมีสีหน้าท่าทางไม่พอใจ 

“ผมยาช่า - - ” เขาจะแนะนำตัว 

“ใครถามนายกัน!” เด็กร่างยักษ์คนนั้นตวาด 

“ใช้วิธีไหนดีแมดด๊อก” เพื่อนอีกคนของเขาถาม 

“เด็กใหม่ไม่มีห้องนอนให้ ต้องนอนห้องนั่งเล่น!” เด็กชายที่ชื่อแมดด๊อกพูดเสียงกร้าว 

“ผมมีห้องนะ อยู่ห้อง - - ” ยาช่าจะอธิบาย 

“หุบปาก!” อีกฝ่ายตวาดซ้ำ 

เด็กร่างจ้อยผอมแห้งอีกคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่ม พยายามกอดอกและยืดตัว
สู้กับยาช่าทั้งที่ส่วนสูงยังไม่พ้นอกเขาด้วยซ้ำไป 

“ไม่มีใครกล้าว่ามัลคล์อม แมดด๊อก ลูกพี่ฉัน” เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงแหลมเล็ก 

“จับมันมัดแล้วให้นอนตรงนี้!” แมดด๊อกตะโกนสั่งลูกน้อง

เด็กที่เหลือเฮกันตรงไปหายาช่า เด็กชายถอยหลังก้าวหนึ่งแล้วคำรามเสียงดังเพื่อป้องกันตัว ทุกคนชะงักกึก 

“อะไรกัน...” เด็กชายร่างเล็กคนนั้นตกตะลึง

ม่านตาของยาช่าเปลี่ยนเป็นเรียวเล็ก และมีประกายออกมาเพราะสะท้อนแสงไฟจากเตาผิงในห้องนั้น  

ดวงตาของมนุษย์ไม่สามารถสะท้อนแสงได้! 

“อ๊ากกก!!”

เด็กชายหัวโจกร้องเสียงดัง แล้ววิ่งนำลูกน้องทุกคนเข้าไปด้านหลัง ยาช่าได้ยินเสียงปิดประตูหนี
ดังโครมครามตามมาไม่นาน เขาถอนใจ 

“ขู่แม้กระทั่งกับมดกับแมง”  

เสียงยานคางคุ้นหูดังมาข้างหลังยาช่า เด็กชายหันไปมองทันทีก็เห็นเดรโก 
มัลฟอยยืนกอดอกอยู่ วันนี้ไม่มีแครบกับกอยล์ขนาบข้างดังเช่นทุกครั้ง  

“หวัดดีครับ” ยาช่าทัก 

มัลฟอยหรี่ตา 

“เคยมีคนบอกนายบ้างไหม ว่าขยะแขยงที่ได้ยินนายแทนตัวเองว่า 
“ผม” ลงท้ายด้วย “ครับ” ทุกครั้งที่พูด” เขาพูดเสียงเบื่อแล้วเดินมาตรงหน้ายาช่า 

“ไม่เคย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าใคร….ครับ!” เขาตอบเหมือนประชด  

มัลฟอยหรี่ตากับคำพูดของอีกฝ่าย - - บทหมอนี่จะกวนก็ทำได้นี่! 

“ฉันว่าฉันจำอะไรได้นะ” มัลฟอยถลกเสื้อคลุมแล้วดึงแขนเสื้อตัวเองขึ้น รอยแผลจาง ๆ ยังคงมีอยู่ 
บาดแผลที่ยาช่าเป็นคนทำและเขาไม่มีวันลืม มัลฟอยยกแขนข้างนั้นขึ้นให้อีกฝ่ายเห็นชัด ๆ  

“นายเชื่อไหม พอพ่อรู้ว่าฉันถูกหมาป่ากัดพ่อทำยังไง - - ” 

ยาช่าเม้มปาก เขาจำความผิดที่เคยก่อไว้ได้ 

“พ่อลงมือบีบแผลให้เลือดที่เขาคิดว่าติดน้ำลายหมาป่าออกด้วยตัวเองเลยนะ - - 
พ่อบอกฉันว่ามันจะไม่เจ็บ แต่เชื่อเถอะ - - ว่ามันเจ็บ” มัลฟอยกระแทกเสียงตอนท้าย เขาหยุดพูดแล้วมองยาช่า 

“เจ็บ…จนเหลือเชื่อเลยล่ะ!”  

“ผมขอโทษ” ยาช่าพูด 

มัลฟอยดึงแขนเสื้อกลับเข้าที่ แล้วพูดต่อ 

“อย่าเข้าใกล้เกรนเจอร์”  

“อะไรนะ” ยาช่าขมวดคิ้ว 

มัลฟอยหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาจากเสื้อคลุมของตัวเองได้เร็วเกินกว่าที่ยาช่าจะตั้งตัว
 ปลายไม้ชี้ไปที่ปลายจมูกของยาช่าอย่างเอาเรื่อง 

“ถ้าแกเข้าใกล้เขา ฉันจะหักเขี้ยวแก!” มัลฟอยขู่เสียงเย็น ยาช่ากัดฟันแน่นเพราะ
ไม้กายสิทธิ์ที่ชี้มาที่เขาตอนนี้ทำให้เขาหมดสิทธิ์ต่อสู้แล้ว  มัลฟอยสะบัดไม้กายสิทธิ์ 
แล้วเดินไปยังห้องนอนของตัวเองโดยไม่หันกลับมา ยาช่าหอบหายใจแล้วใช้แขนยันตัวเอง
กับโต๊ะในห้องนั่งเล่น ไม่นานเขาก็ยิ้มออกแม้จะมีเหงื่อเต็มหน้าผาก 

“เขารักคุณได้น่ากลัวเหลือเกินนะฮะ เฮอร์ไมโอนี่”  

ดวงดาวกับความรัก (Next Meeting) ตอนที่ 6 

หลังจากเปิดเทอมมาได้ราวหนึ่งสัปดาห์แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกว่ามันนานราวกับว่าถ้าเธอจะเรียน
จบวันนี้ก็ไม่แปลก เพราะเธอต้องคอยระมัดระวังตัวตลอดเวลาไม่ให้เผลอโบกมือให้ยาช่าตอน

ที่เขาเดินอยู่กับเด็กสลิธีรินคนอื่น ๆ นอจากเพื่อไม่ให้ใครสงสัยแล้วอีกเหตุผลหนึ่งก็คือมัลฟอยจะ
ได้ไม่ฆ่ายาช่าทิ้งเสียต่อหน้าเธอ 

ส่วนกาเบรียลนั้นแรก ๆ อาจจะตั้งท่าไม่พอใจเฮอร์ไมโอนี่นัก แต่ระยะหลัง ๆ เธอก็รู้ว่ากาเบรียลต่าง
จากเฟลอร์พี่สาวของเธอมากพอสมควร เพราะถึงแม้จะเหมือนกันเท่าใดแต่ก็ยังเป็นคนละคน 

วันนี้คาบเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ของศาสตราจารย์สเปราต์ดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะเด็กบ้านกริฟฟินดอร์
ได้ข่าวมาว่าผลแห่งความฝันซึ่งจะออกผลเพียงปีละครั้งสุกแล้วและบ้านที่ได้รับเลือกให้ใช้ประ
โยชน์จากมันในปีนี้ก็คือบ้านของพวกเขา 

“ผลแห่งความฝันมีประโยชน์ในการสกัดไปปรุงยาที่ดื่มแล้วสามารถทำให้ไม่ฝันเลย เป็นการ
พักผ่อนที่ดีมากจึงเป็นที่ต้องการของทุกคน แต่ที่โรงเรียนปลูกไว้เพียงจำนวนน้อยเพราะต้น

ของมันดูแลรักษายากมากและจำกัดให้มีโรงเรียนละไม่เกินห้าสิบต้น” ศาสตราจารย์สเปราต์บอกกับนักเรียน 
ขณะแจกชามอ่างใบเล็กและถุงมือให้กับเด็กทุกคนเพื่อเก็บผล 

“นายเคยกินนี่แฮร์รี่ เห็นแม่บอก” รอนกระซิบกับแฮร์รี่ เขานึกถึงตอนที่แฮร์รี่เผชิญหน้าและปะทะกับ
ลอร์ดวอลเดอร์มอร์ ถึงแม้เขาจะรอดมาได้แต่ความทรงจำอันแล้วร้ายที่ติดตาทำให้เขาจำเป็นต้องใช้ยา
ชนิดนี้เพื่อพักผ่อน 

“ใช่ ฉันไม่ยักรู้เลยนะว่ามันเป็นผลหน้าตาอย่างนี้” แฮร์รี่มองต้นไม้ที่ปลูกในกระถางใบใหญ่ซึ่งตั้ง
เรียงอยู่รอบเรือนกระจก แต่ละต้นมีความสูงแค่ศรีษะเท่านั้น ใบเขียวจัด และมีผลเหมือนลูกเชอร์รี่
สีแดงสดเป็นพวงเต็มต้น 

“รสชาติมันเป็นไงล่ะ” รอนถามอีก เขาหยิบถุงมือขึ้นมาสวม 

“จำไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนั้นฉันรีบดื่ม” แฮร์รี่บอกแล้วลงมือเก็บผลแห่งความฝันใส่ชามของตัวเอง 

ศาสตราจารย์สเปราต์มองดูเด็ก ๆ ขะมักเขม้นเก็บผลให้เต็มชามของตัวเอง ขณะที่เธอพูดต่อไปเรื่อย ๆ 

“ผลของต้นแห่งความฝันสวยมาก มีสีสันและกลิ่นหอมล่อแมลงให้มากัดกิน แต่รสชาติของมันนั้น…” 

เธอยังพูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงสำลักอย่างรุนแรงดังมาจากแถวด้านหลัง เนวิลล์กำลังเอามือกุมคอตัว
เองและไอจนหน้าแดงให้ผลแห่งความฝันที่เขาแอบกินเข้าไปออกมา 

“ขมจัดและเฝื่อนจนกินดิบไม่ได้” ศาสตราจารย์สเปราต์พูดเสียงหน่าย ปาราวตีรีบช่วยตบหลังเนวิลล์ 

“มีแมลงที่ถูกล่ออยู่นี่ตัวนึง” รอนนินทากับแฮร์รี่จนเขาต้องกลั้นหัวเราะเต็มที 

ไม่ช้าผลแห่งความฝันสีแดงก็เต็มชามของทุกคน ศาสตราจารย์สเปราต์มีท่าทางพอใจมาก 

“เราจะเอามันไปให้ศาสตราจารย์สเนปปรุงเหรอครับ” ดีน โทมัสยกมือถาม 

“ผลแห่งความฝันสามารถนำไปสกัดเป็นน้ำยาที่ทำให้ไม่ฝันก็จริง แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งคือการปรุงมันให้ออกมา
ในรูปแบบของอาหารและขนม” ศาสตราจารย์สเปราต์หยิบผลแห่งความฝันขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วอธิบาย 

“ลองนึกภาพสเนปคาดผ้ากันเปื้อน สวมหมวกพ่อครัวดูสิ” รอนกระซิบกับแฮร์รี่อีก คราวนี้เขาต้องเม้ม
ปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะดังออกมา 

“วันนี้ฉันก็ขอทดสอบความสามารถเวทมนตร์การทำอาหารของพวกเธอหน่อยก็แล้วกันนะ อันที่จริง
ฉันก็ไม่ใช่อาจารย์ที่จะมาสอนเรื่องพวกนี้ แต่ก็คงดีกว่าเรียนการปรุงให้มันเป็นยากับศาสตราจารย์สเนปใช่ไหมล่ะ”
 ศาสตราจารย์กล่าวอย่างอารมณ์ดี แล้วพูดต่อ 

“ฉันขอยืมห้องครัวใต้ดินจากพวกเอลฟ์ไว้ ให้แบ่งเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละสามคน ทำขนมมาตามแบบที่จับฉลากได้” 

เด็กนักเรียนชายครางออกมาอย่างหดหู่ พวกเขาเกลียดการทำอาหารที่สุด โดยเฉพาะรอนกับแฮร์รี่กำ
ลังเห็นภาพตัวเองใส่ชุดที่จินตนาการไว้สักครู่แทนที่จะเป็นสเนป 

“เอาล่ะ ตามฉันมา” 

ศาสตราจารย์สเปราต์เดินนำเด็กทุกคนไปยังห้องครัวใต้ดิน บรรดาเอลฟ์จัดห้องครัว อุปกรณ์และเตาไว้ให้
เรียบร้อยสำหรับนักเรียนทุกกลุ่มแล้ว แฮร์รี่รู้สึกกังวลเพราะตัวเขาเองนั้นนอกจากเคยทอดไส้กรอกกับไข่ดาว
ให้ดัดลีย์แล้วก็ไม่เคยทำอาหารอะไรเลย ป้าเพ็ดทูเนียไม่ไว้ใจให้เขาแตะต้องอะไรทั้งสิ้นเพราะกลัวว่าหม้อจะบุบ
หรือแก๊สระเบิด หลังจากจับฉลากแล้วแฮร์รี่ก็รู้สึกโล่งอกที่ได้จับคู่กับรอนแต่เขาก็โล่งใจได้ไม่นานเมื่อเนวิลล์
เดินมาบอกว่าเขาได้อยู่ในกลุ่มเช่นกัน 

ขนมที่พวกเขาได้รับมอบหมายก็คือเค้กผลแห่งความฝัน - - หน้าตาเหมือนกับเค้กผลไม้ทั่วไป เพียงแต่ขั้นตอนลด
ความขมของผลแห่งความฝันนั้นยากมากและต้องใช้เครื่องปรุงพิเศษหลายอย่าง 

“ฉันชักสงสารแม่แล้วสิที่เคยบ่นว่าเค้กของแม่แข็งไป” รอนตอกไข่ใส่ลงไปในชามอย่างระมัดระวัง 
แล้วใช้ไม้กายสิทธิ์บังคับให้ไม้ตีมาตีไข่ ส่วนแฮร์รี่กำลังบังคับตะแกรงให้ร่อนแป้งอย่างช้า ๆ ตอนแรก
เขาคิดว่านางวิสลีย์แม่ของรอนเป็นคนทำอาหารเก่ง รอนก็น่าจะได้เรียนรู้จากแม่มาบ้าง แต่ความจริงไม่
ใช่เลยเพราะนางวิสลีย์ก็กลัวเช่นเดียวกับที่ป้าของเขากลัว 

“ถ้าเธอกลัวว่าผลแห่งความฝันจะช้ำอาจจะทำให้รสขมของมันไม่ลดลงนะ ใช้น้ำที่สกัดจากต้นสนแดง
อยู่ในตู้ชั้นบนนะ แช่ไว้ก่อนครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ค่อยนำออกมาใช้ - - เนวิลล์นั่นมันน้ำจากต้นสนดำยิ่งใส่ยิ่งขมนะ” 

เสียงของศาสตราจารย์สเปราต์ดังประสานไปกับเสียงถาด ตะแกรง และเสียงตีไข่จากบรรดาอุปกรณ์ทำ
ขนมของนักเรียน ทุกคนพยายามใช้เวทมนตร์ให้มากที่สุดเพราะกลัวว่าถ้าทำด้วยมือแล้วคงไม่มีทางออกมาน่าอร่อยได้ 

“มีดบาดมือเธอเหรอ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อเห็นเลือดไหลจากนิ้วของกาเบรียล 

“นิดหน่อย ฉันใช้เวทมนตร์แล้วแต่มันหั่นชิ้นใหญ่เกินไป” เด็กหญิงทำหน้าเหยเก
 ขณะผ่าผลแห่งความฝันให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ลาเวนเดอร์ บราวน์วางไม้กายสิทธิ์แปะลงกับโต๊ะ
แล้วลงมือเอาเนยขาวทาที่พิมพ์ของขนมเค้กเองด้วยมือเพราะไม่ทันใจเธอ 

“ถ้าทำเสร็จแล้วฉันจะไม่แบ่งใครเลยคอยดู!” เด็กหญิงประกาศิต 

เด็กคนอื่นก็วุ่นวายพอกัน 

“มันหายขมหรือยังเซมัส” ดีนล้วงมือลงไปในอ่าง 

“เฮ้! ห้ามกินนะ!” เขายกอ่างหลบแต่ไม่ทันดีนเอาเอาผลแห่งความฝันเข้าปากแล้วถ่มออกมา 

“ขมยิ่งกว่าเดิมซะอีก” 

“ดีน! เซมัส! ไฟไหม้เตาของพวกนายแน่ะ” 

“เฮ้ย! อย่าผสมชอกโกแลต ฉันเกลียด ไม่รู้เรื่องหรือไง” 

“น้ำตาลถ้วยเดียวพอ! ดูปริมาณแป้งสิ!” 

ศาสตราจารย์สเปราต์ถอนใจเหนื่อยกับนักเรียนที่วุ่นวาย หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงห้อง
ครัวก็เต็มไปด้วยแป้ง เศษช็อกโกแลต กระปุกแยมว่างเปล่า และชามอ่างสกปรก
 ขนมของนักเรียนทุกคนถูกนำมาวางไว้บนถาด แฮร์รี่นึกขำเพราะขนมในถาดของเซมัสและดีนออก
มาหน้าตาเหมือนถูกทับจนแบน ถึงอย่างนั้นก็ยังหัวเราะไม่ได้เพราะขนมของพวกเขาเองก็เหมือนเป็นอีสุกอีไส 

“เอาล่ะจ้ะ! ดีมากทุกคน เอาขนมแบ่งใส่กล่องกระดาษที่เตรียมไว้นะ วันนี้เอลฟ์คงทำงานหนักน่าดู” 
เธอมองสภาพพื้นครัวแล้วส่ายศรีษะ ก่อนจะพูดต่อ 

“หวังว่าพวกเธอจะแบ่งให้กับนักเรียนบ้านอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับเลือกในปีนี้ได้ใช้ประโยชน์จากผลแห่งความฝันบ้าง
 เพื่อแบ่งปันการพักผ่อนที่ดีให้กับทุกคนนะ” ศาสตราจารย์พูดอย่างหนักแน่น 

“ใครจะไปอยากกิน” รอนมองเค้กของตัวเองขณะตัดมันใส่กล่องเพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็อยากจะ
ฝันร้ายในคืนนี้เสียมากกว่ามานั่งกินขนมที่อาจจะทำให้เขาปวดท้องจนนอนไม่หลับทั้งคืน 

“น่ากินนี่ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ชมเค้กของกลุ่มเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ข้าง ๆ 

“เธอตั้งใจจะแบ่งใครล่ะ” รอนถาม 

“ฉันคงกินเอง ไม่แบ่งใครหรอก” เด็กหญิงบอกแล้วปิดกล่อง แต่ในใจตอนนี้เธอคิดเพียงว่
าถ้าแบ่งให้มัลฟอยเขาจะยอมกินไหม 

“กรี๊ด!” 

กาเบรียลกรีดร้องเมื่อเนวิลล์เหยียบไข่ไก่ที่ตกแตกอยู่บนพื้นจนล้มคะมำมาถูกกล่องเค้กที่เธอวางไว้บนโต๊ะ
 และเหมือนแกล้งเพราะเขาเหยียบมันซ้ำเข้าไปอีก 

“ลองบัตท่อม!” ศาสตราจารย์สเปราต์ร้อง 

“เป็นอะไรหรือเปล่า เนวิลล์” แฮร์รี่ กับรอนมาช่วยกันพยุงเขาขึ้นเพราะดูเหมือนว่าขาของเขา
จะแพลงเพราะล้มไปโดยแรง ทั้งสองทำหน้าแหยง ๆ เพราะเมื่อเนวิลล์ลุกขึ้นก็เห็นครีมสีน้ำ
นมทะลักออกมาจากมุมกล่องเค้กของกาเบรียล 

“ฉัน - - ฉันขอโทษ” เนวิลล์ละล่ำละลักยกกล่องบู้บี้ใบนั้นขึ้น 

กาเบรียลเม้มปากแน่น น้ำตาเอ่อคลอ ขณะที่คนอื่น ๆ ยังคงตกใจอยู่ เนวิลล์ไม่กล้าเปิดกล่องนั้นออกดู 

“ฉันขอโทษจริง ๆ” เด็กชายหน้าซีดเผือด ดูเหมือนเขาจะตัวหดเล็กลงเพราะสำนึกผิด
 แล้วเขาก็ยื่นกล่องใบนั้นให้กาเบรียล เมื่อเด็กหญิงรับไปเปิดออกก็เห็นว่าของภายนั้นนั้นแบนเช่นเดียวกับสภาพกล่อง 

กาเบรียลร้องไห้แล้ววิ่งออกไปจากห้องท่ามกลางความตกใจของทุกคน 

“กาเบรียล!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเธอแต่ไม่ทัน 

ทุกคนเงียบกันไปพักหนึ่งจนในที่สุดเนวิลล์ก็พูดขึ้นอย่างสำนึกผิด 

“เพราะฉันคนเดียว” 

“ใจเย็นน่า ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ” แฮร์รี่รีบตบไหล่เนวิลล์ปลอบ 

“แต่เพราะฉันไม่ระวัง” เขาก้มหน้า 

“ไม่เป็นไรเนวิลล์ ฉันว่ากาเบรียลเขาเข้าใจ แต่อาจจะเสียใจบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่ช่วยปลอบเขาอีกคน 
เธอหันไปมองทางที่กาเบรียลวิ่งออกไปแล้วถอนใจ 

“ฉันรู้ว่าเขาอยากให้ใครคนหนึ่งได้กินมาก” 

********** 

ยาช่าเสยผมที่เปียกทั้งน้ำและเหงื่ออย่างรำคาญ วันนี้เขาลองเล่นควิดดิชเป็นครั้งแรกแต่ดูเหมือนว่าเขา
จะไม่ถนัดเอาเสียเลย บางทีผู้เล่นควิดดิชนอกจากต้องฝึกฝนอย่างหนักแล้วอาจจะต้องมีพรสวรรค์ด้วยกระมัง 

เด็กชายเดินเข้ามาในสนามหญ้าที่ติดกับระเบียงทางเดินของตึกเรียน เฮอร์ไมโอนี่เคยเล่าให้ฟังว่ารอนเคย
แหวะทากออกมาที่นี่ตอนมีเรื่องกับมัลฟอยตอนปีสอง ถึงจะเห็นใจแต่พอเขานึกถึงแล้วก็เกือบหัวเราะ
ออกมาทุกที วันนี้ระเบียงทางเดินดูเอะอะกว่าทุกครั้ง นักเรียนหลายคนดูเหมือนกำลังวิ่งไล่จับกัน 

“พวกอดอยากกำลังขอขนมบ้านกริฟฟินดอร์กินกันใหญ่” เด็กบ้านสลิธีรินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สี
น้ำตาลเกือบดำในสนามพูดอย่างหมั่นไส้กับเพื่อนอีกคน 

ยาช่าหันไปมองเด็กคนนั้นแล้วถาม 

“ขนมอะไรครับ” 

เด็กคนนั้นมองยาช่าตั้งแต่หัวจดเท้า แต่พอเห็นเครื่อหมายของบ้านสลิธีรินอยู่บนอกเขาก็พอมีสายตาเป็นมิตรขึ้นมาบ้าง 

“ไม่รู้รึไง ปีนี้บ้านกริฟฟินดอร์ได้รับเลือกให้ใช้ประโยชน์จากผลแห่งความฝัน” เขาบอก 

“ผลแห่งความฝัน” ยาช่าขมวดคิ้ว 

“เฮ้! ไปอยู่ที่ไหนมา - - ผลแห่งความฝันมีฤทธิ์ทำให้ไม่ฝันและหลับสบาย ไอ้พวกเห็นแก่นอนก็อยากกินทั้ง
นั้นแหละ” เขาอธิบายอย่างรำคาญ แต่เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันมองตาละห้อยไปที่กลุ่มเด็กที่ได้รับขนม
จากเพื่อนและกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยพูดขึ้น 

“ปีที่แล้วบ้านเราได้รับเลือก ฉันอยากกินอีก” 

เด็กคนแรกเอาศอกกระทุ้งเพื่อนอย่างแรงแล้วกระซิบเสียงดุ 

“หุบปากน่า ทิม! ปีทีแล้วนายไม่ได้แบ่งใครซักคนปีนี้ใครเขาจะมาแบ่งให้นายกัน!” 

ยาช่าหันกลับไปมองที่ทางเดินอีกแล้วก็นึกอยากลองกินขึ้นมาบ้าง เด็กผู้หญิงคนหนึ่งของกริฟฟิน
ดอร์เอากล่องสีขาวทูนไว้บนหัวและกำลังวิ่งหนีเด็กผู้ชายสองคนจากเรเวนคลอที่วิ่งไล่หลังมาพร้อมกับร้องว่า 
“ขอกินหน่อย! - - ขอกินหน่อย!” 

ยาช่าเดินผละจากเด็กสองคนนั้น แล้วก็แปลกใจที่เห็นเด็กผู้หญิงผมสีเงินคุ้นตานั่งอยู่ที่มุมเงียบ ๆ
 ตรงสนาม เขาเดินไปใกล้ ๆ ก็เห็นว่าเป็นกาเบรียล 

“ทำอะไรอยู่ครับ” เขาถามด้วยสีหน้าแปลกใจ แล้วก็เห็นเด็กหญิงปาดน้ำตา 

“เปล่า - - เปล่าหรอก” 

“ผมได้ยินวันนี้เด็กของกริฟฟินดอร์วุ่นน่าดู” ยาช่าชวนคุยเมื่อเห็นท่าทางของเธอไม่แจ่มใส 
เขาเห็นเด็กชายจากเรเวนคลอสองคนเมื่อสักครู่แย่งขนมเด็กผู้หญิงคนนั้นมาได้สำเร็จและกำลัง
วิ่งหนีเจ้าของที่ถือไม้กายสิทธิ์ไล่หลังมาอย่างเอาเรื่อง 

“ผลแห่งความฝันสุกแล้ววันนี้เราเลยทำขนมกัน” กาเบรียลอธิบาย 

“แล้วคุณไม่ได้ทำเหรอครับ” เขาถาม ไม่ได้มีเจตนาจะจี้ใจดำของเธอ 

กาเบรียลกัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อขึ้นมาทันที แล้วเธอก็โกหก 

“ไม่ พอดีมันออกผลน้อยไม่พอสำหรับทุกคน ฉันเลยอด - - เธออยากกินเหรอ” 

“ผมว่าผมกลับไปกินที่โรงเรียนผมดีกว่า หรือไม่ปีหน้าค่อยกินก็ได้” เขาตอบ 

กาเบรียลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่ทันไรน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา ยาช่าตกใ
จ แล้วกาเบรียลก็ยืนขึ้นช้า ๆ เธอหยิบกล่องสีขาวที่ซ่อนไว้ในเสื้อคลุมออกมา 

“ความจริงฉันทำนะ” มือของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเปิดกล่องบู้บี้นั้นออก ยาช่าเห็นนิ้วของเธอมีรอยแดง ๆ เต็มไปหมด 

“แต่เนวิลล์หกล้มแล้ว - - แล้วเหยียบมันเข้าพอดี แต่ฉันก็คิดว่ามันคงรสชาติไม่ได้เรื่องอยู่แล้ว 
ฉันทำไม่เก่งหรอก - - ที่บ้านฉันมีเอลฟ์ตั้งหกตัว” 

ยาช่ามองของที่อยู่ในกล่อง มันยังพอบอกได้ว่าเป็นเค้กก็จริงอยู่แต่มันก็บี้แบนจนไม่เป็นรูป 
ครีมสีน้ำนมและผลแห่งความฝันสีแดงที่ปนอยู่เหมือนถูกละเลงไปทั่ว เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วย
ดวงตาเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อว่าเธอน่ะหรือจะทำ แต่ที่เขาเห็นก็คือกาเบรียลกำลังร้องไห้ 

เด็กหญิงเช็ดน้ำตาแล้วจะปิดกล่องนั้นลง ในเสี้ยววินาทีนั้นเด็กชายก็คว้าเค้กขึ้นมาคำหนึ่งแล้วโยนใส่ปากตัวเอง 

“ยาช่า!” กาเบรียลร้องอย่างตกใจ 

เด็กชายเคี้ยวอย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อรับรส เค้กคำนั้นแล้วกลืนลงไปต่อหน้า
 กาเบรียลตกตะลึงอยู่เป็นครู่ ไม่นานเธอก็เห็นเขายิ้มออกมา 

“อร่อยครับ” 

กาเบรียลร้องไห้โฮแล้วโผเข้ากอดยาช่าแน่น  


ดวงดาวกับความรัก(Next Meeting) ตอนที่ 7

เฮอร์ไมโอนี่เดินถือกล่องขนมของตัวเองมาตามทางกลับหอ เธอแยกกับแฮร์รี่และรอนเพราะ
ทั้งสองต้องไปเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ แต่คาบเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ของเธองดเพราะอาจารย์
ต้องไปประชุมเรื่องหลักสูตรวิชานี้กับอาจารย์ท่านอื่น ๆ ที่กระทรวงเวทมนตร์ 

เด็กหญิงเดินวนไปวนมาไปทั่วโรงเรียน เธอก้าวช้ากว่าปกติเพราะลังเลว่าจะเอาไปให้มัลฟอยดีไหม 
และจะเอาไปให้เขาวิธีไหนดี จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าหอนอนของกริฟฟินดอร์โดยไม่รู้ตัว 

“รหัสผ่านล่ะ” สุภาพสตรีอ้วนถาม 

“เอ่อ - - หนู…” เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่าจะเข้าหอไปเลยและกินขนมนี้คนเดียวดีไหม
 ไม่ทันไรเธอก็เห็นคน ๆ หนึ่งกำลังเดินมา 

รอนเดินหน้าหมองมาจากทางไปคุกใต้ดิน เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจที่เห็นเขาเดินกลับมาเพียงคนเดียว 

“รอน แล้วแฮร์รี่ล่ะ” เธอถาม นึกในใจว่านี่เธอเดินวนไปวนมานานจนคาบเรียนของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์
เลิกเลยหรือเนี่ 

“โดนสเนปกักตัวไว้นะสิ” รอนตอบอย่างฉุนจัด 

“อะไรนะ!” เด็กหญิงร้อง 

“แฮร์รี่จะเอาเค้กนั่นไปให้แฮกริดหลังจบคาบพยากรณ์ศาสตร์ แต่ระหว่างทางเราเจอสเนปซะก่อน” 

“แล้วไงต่อล่ะ” เธอถาม แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นจำเป็นต้องถามเลย เพราะการเจอสเนปก็
ไม่ต่างจากการเจอสุนัขสามหัวตรงทางเดินเท่าใดนัก 

“ก็อย่างเคยแหละ! เขาก็หาทางยัดข้อหาให้เราน่ะสิ หาว่าพวกเราจะมาเดินกินขนมตรงระเบียบ
 ฉันไม่มีขนมเหลือแล้วเลยรอด แต่แฮร์รี่โดนเต็ม ๆ เลยเพราะมีของในมือ เราอธิบายยังไงเขาก็ไม่ฟัง”
 เด็กชายพูดหงุดหงิด 

“หมายความว่าตอนนี้ แฮร์รี่ - - ” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง 

“สเนปขู่ว่าถ้าแฮร์รี่ไม่ตรงไปหาเขาหลังเลิกเรียนทันทีล่ะก็จะหักคะแนนกริฟฟินดอร์ห้าสิบคะแนนน่ะสิ!
 ตอนนี้แฮร์รี่อยู่กับสเนปคนเดียวด้วย” รอนเน้นแล้วพูดต่อเหมือนตัดใจ 

“ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ คงต้องรอให้เขากลับมา” 

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก เป็นห่วงแฮร์รี่จับใจ รอนถามเธอ 

“แล้วนี่เธอทำไมไม่เข้าหอไปล่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันว่าจะเข้าก็มาเจอเธอพอดี” เด็กหญิงโกหก 

“เธอยังไม่ได้กินขนมเหรอ” รอนมองกล่องเค้กในมือของอีกฝ่าย 

“เธอกินของตัวเองหมดไปแล้วสิ” เฮอร์ไมโอนี่ว่า 

“ใครบอก ฉันยังไม่ได้กินซักคำ” เขาบ่น เด็กหญิงเลิกคิ้ว 

“เธอไม่รู้เหรอ ผลแห่งความฝันน่ะมีพอสำหรับปีเราเท่านั้นแหละ ปีอื่น ๆ ไม่ได้ทำ
 ฉันเจอเฟร็ดกับจอร์จก่อนคาบเรียนพยากรณ์ศาสตร์พอดีก็เลยยกให้ไป - -
 ก็พวกนั้นทวงว่าซื้อเสื้อคลุมใหม่ให้เลยให้ฉันตอบแทนน่ะสิ” 

“เธอให้ไปหมดเลยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ไม่ค่อยเชื่อ 

“ฉันเจอจินนี่อีกคน” รอนพูดถึงน้องสาวคนสุดท้องของตัวเอง 

“ฉันเลยให้ชิ้นสุดท้ายไป บอกเธอไปว่าฉันกินแล้วเพราะจินนี่ทำท่าจะไม่รับถ้าฉันยังไม่ได้กิน” 

เฮอร์ไมโอนี่เปิดกล่องขนมของตัวเองออก ข้างในมีเค้กอยู่สามชิ้น 

“กินของฉันสิ ฉันจะแบ่งให้ - - ชิ้นเดียวนะ” 

“จริงเหรอ เยี่ยม!” รอนว่าแล้วเอื้อมมือลงมาในกล่อง  

“ชิ้นเดียวนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ย้ำ  

เสียงฝีเท้าของคน ๆ หนึ่งหยุดไม่ไกลจากทั้งสองคน เมื่อเฮอร์ไมโอนี่และรอนหัน
ไปมองเจ้าของเสียง พวกเขาก็เห็นเด็กชายผิวซีดเซียวยืนอยู่ - - เดรโก มัลฟอย! 

“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องแล้วปิดกล่องขนมทันที 

เด็กชายผมสีบลอนด์หรี่ตามองภาพตรงหน้านิ่ง เขาเดาเหตุการณ์ทั้งหมดได้ไม่ยาก 
รอนกำลังเคี้ยวของในปากขณะที่กล่องในมือของเฮอร์ไมโอนี่เปิดอยู่ เขากัดฟันเหมือนทุกครั้งที่กำลังโกรธจัด 

“อ้อ - - ขอโทษทีที่ขัดจังหวะ แต่นี่มันทางเดินสาธารณะซะด้วยสิ”
 มัลฟอยพูดเสียงเรียบ เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเขาต้องบังคับตัวเองแค่ไหนให้น้ำเสียงออกมาเป็นปกติ 

รอนเช็ดครีมตรงปากออก แม้จะไม่ได้มีเรื่องกัน แต่สำหรับเขาแล้วมัลฟอยเป็นศัตรู
ตลอดกาลที่ไม่ต้องรอให้มีเรื่องกันก่อน เขาหันไปพูดอย่างไม่พอใจ

“แล้วนายเดินมาหน้าหอกริฟฟินดอร์ทำไม จะมาทำอะไรบ้า ๆ แถวนี้รึไง” 

“รอน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องห้าม 

มัลฟอยกัดฟันแน่นอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาใกล้ทั้งคู่มากขึ้นก่อนจะพูดเสียงเย็น 

“อะไรบ้า ๆ ของแกคงเป็นยืนกินขนมตรงทางเดินสินะ วิสลีย์” 

“มันไม่ใช่ขนมที่ใครจะกินก็ได้นะ!” รอนโต้ 

“อย่างนายคงไม่มีใครแบ่งให้กินหรอก ผลแห่งความฝันน่ะ” 

“รอน - - พอที” เฮอร์ไมโอนี่ขอร้อง แล้วหันไปมองมัลฟอย
 เธออยากให้เขาคิดว่ามันเป็นขนมธรรมดาเสียดีกว่าจะให้เขาเข้าใจว่ามันเป็นของมีค่าและเธอแบ่งให้รอนคนเดียว 

มัลฟอยกำหมัดแน่นแล้วมองเธอตอบอย่างผิดหวัง เขาเองก็รู้จักผลแห่งความฝันดี

“ฉันไม่เห็นอยากจะกิน!” มัลฟอยตะโกนก้อง 

“ที่เห็นแต่กินกับนอนอย่างแกนี่ คงเป็นกันทั้งบ้านสิ” 

รอนแทบจะถลาไปชกหน้ามัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ดึงแขนเขาไว้ แต่รอนไม่ยอมหยุดง่าย ๆ 

“ถ้าขืนแกพูดอะไรถึงบ้านฉันอีกคำเดียว ฉันจะเล่นงานแกแน่!” เด็กชายตวาด 

มัลฟอยส่ายหน้าแล้วถอนใจหน่าย เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุมออกมา แล้วมองหน้ารอนอย่างมุ่งร้าย 

“ให้เร็วกว่าฉันก็แล้วกัน!”  

มัลฟอยขยับข้อมือเพื่อตวัดไม้กายสิทธิ์ ทันใดนั้น - -  

“เอ็กซ์เพลลิอาร์มัส!” 

ปัง! 

ไม้กายสิทธิ์กระเด็นออกจากมือของเขาแล้วตกลงกระทบกับพื้นเสียงดังแกร๊ก
 รอนและมัลฟอยหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนชี้ไม้กายสิทธิ์สั่นระริกมาที่มัลฟอย เด็กหญิงปากสั่น
 น้ำตาเอ่อคลอกับการกระทำของตัวเอง 

มัลฟอยกุมมือข้างที่ถือไม้กายสิทธิ์เมื่อสักครู่ แรงกระแทกที่เกิดจากคาถาปลดอาวุธทำให้มือขอ
งเขาชาและเป็นรอยเขียวคล้ำ รอนได้สติก่อน เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองออกมาแล้วรีบเดินไปยืนข้าง ๆ
 เฮอร์ไมโอนี่  

มัลฟอยเงยหน้าขึ้นจากไม้กายสิทธิ์ของตัวเองที่ตกอยู่ เขาหันไปมองทั้งคู่ด้วยดวงตาสีซีดที่ว่างเปล่า
 หลังจากที่ตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไปชั่วขณะ 

“ปกป้องกันเข้าไป” เขาพูดเสียงเรียบราวกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย 

มัลฟอยเดินไปหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองที่ตกอยู่ เมื่อหยิบมันขึ้นเขาก็สบตากับดวงตาสี
น้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเจ็บปวด เด็กหญิงเม้มปากแน่นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา 

“พอกันที…”  

มัลฟอยหันหลังให้ทั้งสอง เขาสะบัดเสื้อคลุมของตัวเองแล้วพูดเสียงดังเป็นครั้งสุดท้าย 

ที่ผ่านมามันไม่มีค่าอะไร!”
แล้วเด็กชายผมสีบลอนด์ก็ก้าวจากไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
 รอนงงกับคำพูดของมัลฟอยขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น 

พอกันที! ที่ผ่านมามันไม่มีค่าอะไร! 

****** 

ยาช่าเดินกลับหอของสลิธีรินมาในตอนเย็น หลังจากกินเค้กในกล่องของกาเบรียลจนหมด
 อันที่จริงเขาไม่ได้โกหกเรื่องรสชาติของมัน  

กาเบรียลอดล้อเขาไม่ได้ ขณะมองเขาก้มหน้าก้มตากิน 

“เพิ่งเคยเห็นหมาป่าชอบกินเค้กเนี่ยแหละ” 

“ผมตะกละฮะ” ยาช่าพูด เด็กหญิงเลิกคิ้วแล้วหัวเราะ

เมื่อกล่องเค้กว่างเปล่า (อันที่จริงก็ไม่ใช่ “ว่าง” เพราะมีครีมที่เละเทะไปหมด) ยาช่าก็พูดกับเธอ 

“อร่อยครับ - - ผมไม่ได้โกหกใช่ไหมล่ะ”  

“เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่มีคนกินขนมของฉันแล้วฉันอยากจะตอบแทนเขามากกว่า” เด็กหญิงพูด 

“ได้ตอบแทนแน่ครับ” ยาช่าพูดพลางหัวเราะ แล้วมองเด็กหญิง  

“ผมคุณสวยจัง” 

หลังจากที่แยกจากกาเบรียลมาที่หอนอนของสลิธีรินแล้ว ยาช่าก็บอกรหัสผ่านกับรูปภาพชายหน้าตาถคุณทึง 
รูปภาพเหวี่ยงออกแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นรวมของบ้าน 

บรรยากาศดูน่ากลัวเพราะเงียบกว่าทุกวัน เด็กชายขมวดคิ้วแล้วเดินลึกเข้าไปที่เตาผิง
 เขาสวนกับแครบและกอยล์ที่ตาเขียวปั๊ด สองคนนั้นมองเขาแล้วเดินไปที่รูปภาพ
ตรงทางเข้าออกก่อนจะเดินออกจากบ้านไปโดยไม่มีมัลฟอย ยาช่าประหลาดใจที่เห็นสองคน
นั้นดูเงียบกว่าทุกครั้ง เด็กชายคนหนึ่งเดินสวนมา เขาจึงถาม 

“มีอะไรข้างในครับ” 

เด็กคนนั้นทำท่ากระอักกระอ่วนใจแล้วพูดเหมือนกระซิบ 

“มัลฟอยกำลังหงุดหงิดมาก เพิ่งอาละวาดใส่แครบกับกอยล์ไปเมื่อกี้ คนอื่น ๆ
 ก็เข้าใกล้เขาไม่ได้ เลยเผ่นออกจากบ้านไปหมด” เขาพูดจบก็เดินออกไปอีกคน
 ยาช่าขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นรวม  

มัลฟอยนั่งอยู่บนเก้าอี้ เอาเท้าพาดกับโต๊ะตรงหน้าแล้วจ้องเตาผิงที่มีไฟลุกอยู่ 
ถึงเขาจะเงียบแต่ยาช่าก็รู้ว่ามันเป็นความเงียบที่น่ากลัว 

“ไม่พอใจอะไรครับ” ยาช่าถาม 

“ไปให้พ้น” มัลฟอยพูดแค่นั้น 

“คุณหงุดหงิดเรื่องเฮอร์ไมโอนี่สินะ” เด็กชายไม่ได้ทำตามที่มัลฟอยบอก เขาก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก 

“ฉันบอกให้…..” มัลฟอยพูดช้า ๆ แล้วยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น 

“ไสหัวไป!”  

ฉับพลันเขาก็ตวัดไม้กายสิทธิ์มาที่ยาช่า เกิดเสียงดังปังราวกับปืนลั่นตรงเท้าของอีกฝ่ายจน
เขาต้องถอยหลังหนี ยาช่ากำหมัด 

“คุณทำอย่างอย่างนี้กับเฮอร์ไมโอนี่หรือเปล่า! ถ้าใช่ - - ผมไม่แปลกใจถ้าเธอจะโกรธคุณบ้าง” 
มัลฟอยกัดฟันกรอดแล้วลุกขึ้น เขาเดินมาหายาช่าอย่างโกรธจัด 

“รู้ดีเหลือเกินนะ”  

มัลฟอยหรี่ตามองอีกฝ่าย 

“รู้มากจนน่าหมั่นไส้! - - งั้นบอกซิว่าทำไมยายนั่นถึงทำอย่างนี้กับฉัน! 
เจ้าหัวแดงนั่นมันดีตรงไหน!” มัลฟอยกระชากคอยาช่ามาแล้วตะคอกใส่หน้าอย่างเดือดดาล 

“ตรงที่เขาไม่ได้เป็นอย่างนี้ไง!” ยาช่าเหลืออด เขาสะบัดแขนอีกฝ่ายออกเต็มแรง

มัลฟอยกัดฟันแล้วเขาก็เดินตรงไปที่โต๊ะใหญ่ในห้อง ก่อนจะกวาดข้าวของและหนังสือทุกอย่างที่วางอยู่
หล่นลงพื้นดังโครมคราม ยาช่าปล่อยให้เขาระบายอารมณ์จนกว่าจะพอใจโดยไม่ห้าม 

ในที่สุดมัลฟอยก็หยุด เขาหอบหายใจหนักและมีเหงื่อเต็มหน้า เด็กชายทุบโต๊ะดังโครมสนั่น 

“พอกันที!”  

มัลฟอยกำหมัดแน่นและมองไปข้างหน้า ดวงตาคู่นั้นปวดร้าวและฝืนทน
 ภาพของเฮอร์ไมโอนี่และเรื่องราวของพวกเขาที่ผ่านมาโดยตลอดผุดขึ้นมา
ในสมองอีกครั้งทำให้เขามีเรี่ยวแรงมหาศาลพอที่จะเหวี่ยงโต๊ะตรงหน้ากระเด็น
ไปกระแทกกับเสาภายในห้องเสียงดังราวกับฟ้าผ่า 

“ให้มันรู้ไปสิ! ถ้าไม่มีเธอแล้วฉันจะอยู่ไม่ได้!!” 


ดวงดาวกับความรัก(Next Meeting)ตอนที่8 

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาดูเหมือนว่าความรู้สึกที่มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่มีให้กันมา
เป็นเวลานานนั้นได้จบลงอย่างที่มัลฟอยพูดไว้จริง ๆ เด็กชายไม่ได้แกล้งหรือหาเรื่อง
ทะเลาะกับแฮร์รี่และรอนอีก หรือที่จริงคือ เขาไม่ได้เฉียดกรายเข้าใกล้กลุ่มของทั้งสามคนนี้อีก 
แฮร์รี่กับรอนนึกสงสัยแต่อีกใจหนึ่งก็โล่งใจที่ไม่ถูกระรานเหมือนเมื่อก่อน

เฮอร์ไมโอนี่เท่านั้นที่เสียใจอย่างหนัก แม้ว่าจะพยายามปิดบังไม่ให้ใครรู้ แต่เพื่อนทั้งสองของเธอก็รู้สึกว่า
เธอต้องปิดบังอะไรไว้สักอย่าง

“เธอมีอะไรไม่สบายใจเหรอ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามเธอขณะที่พวกเขานั่งรับประทานอาหารเย็น
ที่ห้องโถงกลางร่วมกับเด็กบ้านอื่น ๆ ด้วยกัน และพวกเขาก็เห็นเธอเอาแต่เหม่อลอย 

“เปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ เธอเงยหน้าขึ้นจากชามซุป - - ตอนนี้เธอเกลียดซุป 
มันทำให้เธอนึกถึงตอนที่แครบกับกอยล์แอบเอาน้ำยาฝันร้ายมาใส่ลงไป 

และครั้งนั้นเธอได้เจอมัลฟอยเป็นครั้งแรกในฝัน ตอนนี้เธอหวังว่าจะเกิดเหตุการณ์
นั้นอีกครั้งแม้ผลของน้ำยาจะทำให้เธอฝันร้ายและเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ตาม 

“ให้มันจริงเถอะ” รอนพูดเหนื่อย ๆ แล้วส่ายศรีษะขณะคนชามของตัวเอง 

มัลฟอยอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก แน่นอนว่าเวลาอาหารเช่นนี้คือช่วงเวลาที่ทุกบ้านจะได้มาเจอกัน
 แต่ว่าทั้งมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ไม่มีใครคิดจะสบตาอีกฝ่ายให้ได้เหมือนเมื่อก่อน
 ตรงกันข้ามพวกเขาหลีกเลี่ยงอย่างที่สุด

คนที่มองเฮอร์ไมโอนี่แทนกลับเป็นยาช่า 

"แกอยากจะจ้องยายหัวฟูนั่นนักก็เชิญ!" มัลฟอยพูดกับอีกฝ่ายขณะตักซุปเข้าปากคำแล้วคำเล่าอย่างไม่สนใจ

ยาช่าถอนใจหน่าย วันนี้เขาได้มานั่งข้างมัลฟอยแทนที่แครบเพราะเจ้าตัวปวดท้องเนื่องจาก
สวาปามแซนวิชวิซซิ่งวิซบี้เข้าไปถึงห้าสิบชิ้น  

“คุณพูดอย่างนั้นทั้งที่คุณเองต่างหากที่อยากเห็นเธอสักนิด” 

มัลฟอยชะงักแล้วกำช้อนทองในมือแน่น เขาหันมามองยาช่าอย่างโมโหจัด  

"ถ้าแกพูดถึงยายนั่นอีกคำเดียว ฉันจะทำให้แกเคี้ยวนกซักตัวก็ไม่ได้!" พูดจบเขาก็กระแทก
ช้อนในมือกับชามแล้วหยิบขนมปังขึ้นมากินแทน 

ยาช่าถอนใจอย่างเบื่อหน่ายกับความใจแข็งของมัลฟอย อันที่จริงเขาไม่ได้กลัวอะไรมัลฟอยนักหนา 
แต่การทะเลาะกันที่โต๊ะอาหารก็ไม่ใช่เรื่องดี 

หลังเวลารับประทานอาหารเย็น เด็กทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปที่หอนอนของตัวเอง
 กาเบรียลกับยาช่าเดินแยกออกมาจากเด็กคนอื่น ๆ เพื่อไปพบศาสตราจารย์มักกอนนากัล
เพราะเธอเรียกพบพวกเขาทั้งสองที่ห้องทำงาน 

ขณะที่พวกเขาเดินผ่านระเบียงโล่ง ๆ ไปยังห้องของศาสตราจารย์มักกอนนากัลด้วยกันกาเบรียลก็หัน
ไปมองยาช่าที่เดินมาด้วยกันแล้วพูดขึ้น 

“ฉันเห็นเธอมองเฮอร์ไมโอนี่" 

"อ๋อ ตอนนั้น….” ยาช่านึกออก แต่เมื่อเขาหันไปเห็นว่ากาเบรียลหน้างอเขาก็พูดต่อ 

"เฮอร์ไมโอนี่เขามีปัญหาอยู่นิดหน่อยครับ”  

เด็กหญิงขมวดคิ้วแล้วนึกถึงเพื่อนร่วมห้อง 

“ปัญหาอะไรเหรอ - - แต่จะว่าไป ฉันก็เห็นเขาแปลก ๆ ไปเหมือนกัน”
 เธอคิดถึงภาพเฮอร์ไมโอนี่เอาแต่นั่งกอดเข่าอยู่ในห้อง แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็เอาแต่ตอบว่า
เปล่าทุกครั้งเมื่อถูกถามว่าเกิดอะไรขึ้น 

“ให้เจ้าตัวเขาบอกดีกว่าฮะ” ยาช่าพูดเหมือนตัดบท เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากบอกให้ใครรู้แน่ ๆ 

ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องของศาสตราจารย์มักกอนนากัล แต่ว่าภายในห้องยังไม่มีคนอยู่
 นกฮูกของศาสตราจารย์มักกอนากัลนอนซบหน้าอยู่กับปีกของตัวเองในกรง
ไม้ที่สลักอย่างสวยงาม พวกเขาเคยมาที่นี้ด้วยกันเมื่อครั้งที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนครั้งแรก 

ยาช่าหัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น 

“คุณบอกให้ผมอยู่ห่าง ๆ คุณไว้ตอนเรามาที่นี่ครั้งแรก จำได้ไหมฮะ”  

กาเบรียลหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดเสียงค่อย 

“เธอยังโกรธฉันอยู่เหรอ” 

“เปล่าครับ แต่สงสัยว่าคุณรู้เรื่องผมได้ยังไง” เขาถาม 

“ฉันเห็นอาการของนกฉันตอนที่เจอเธอในร้านรักษาสัตว์แล้วเธอก็บอกเองว่ามันกลัวเธอ 
ฉันกลับไปบ้านบอกพี่ พี่ก็ตกอกตกใจอธิบายให้ฟัง” กาเบรียลหมายถึงเฟลอร์ เดอ ลากูร์ 

“คุณหน้าเหมือนพี่คุณเปี๊ยบเลยเหรอครับ”  

“ไม่เหมือนนะ!” กาเบรียลปฏิเสธเสียงเขียว ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ค่อยมีใครแยกเธอกับพี่ออกนักหรอก 

“ผมเห็นคนดูผิดกันเยอะมากนะครับ ครั้งแรกก็เฮอร์ไมโอนี่ แล้วก็รอน - - ถ้าผมเจอพี่คุณ
 ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะดูออกหรือเปล่า” เด็กชายว่า 

กาเบรียลเม้มปากเมื่อได้ยินเช่นนั้น ยาช่ารู้ว่าเธอกำลังน้อยใจเพราะหวังว่าเขาจะจำเธอได้อย่างน้อยก็คนหนึ่ง

“ล้อเล่นครับ - - ผมต้องจำได้สิ” เขาว่า 

กาเบรียลยิ้มออกแล้วกระโดดกอดเด็กชายอย่างดีใจ ยาช่าเม้มปากพยายามบังคับร่างกายเหมือนทุกครั้ง 
เขาพูดเสียงฝืนกับอีกฝ่ายที่ยิ้มอยู่อย่างมีความสุข 

“ถ้าคุณไม่เลิกกอดผมในเร็ววันนี้ล่ะก็ ผมคงได้กัดลิ้นตัวเองตายซักวันแน่”  

กาเบรียลหัวเราะแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ยาช่าอึกอักไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดีแต่
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกระแอมขึ้นขณะเดินเข้ามาในห้องเสียก่อน 

วันรุ่งขึ้นโรงเรียนฮอกวอตส์ดูมีชีวิตชีวาขึ้นหลังจากที่ฟิลช์ติดประกาศไว้ที่ห้องโถงกลางของโรงเรียน
 นักเรียนหลายคนรีบวิ่งมามุงดูหลังจากที่ฟิลช์เดินหิ้วถังกาวและป้ายที่เหลือไปติดที่อื่น
 ("ทำไมเขาไม่ใช่คาถาติดของแทนนะ" เฟร็ดนินทาลับหลัง) 

ภาพที่ปรากฏบนป้ายทำให้เด็กหลายคนตื่นเต้นเมากพราะเป็นภาพทะเลที่ถูกวาดด้วยลายเส้นอย่างบรรจง  

“ทัศนศึกษาที่ทะเล - - เยี่ยม!" รอนดีดนิ้วขณะดูป้ายอยู่กับแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่  

เด็กคนอื่น ๆ ก็มีท่าทางยินดีเช่นเดียวกับรอน ทั้งที่มันไม่ได้เขียนว่าทัศนศึกษาแต่เขียนว่า 
“การเข้าค่ายเพื่อฝึกฝน” ต่างหาก ทว่าเพียงแค่ได้ไปที่อื่นนอกจากโรงเรียนมันก็เป็นข่าวดีทั้งสิ้น 

“สองวันหนึ่งคืนที่เกาะเมอร์แลงก์ เกาะสำหรับพ่อมดและแม่มด” แฮร์รี่อ่านไปพลางกวาดสายตาไปบนป้าย 

รอนเอาศอกกระทุ้งแฮร์รี่เมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้สนใจป้ายนั้นเลย แฮร์รี่จึงหันไปพูดกับเด็กหญิง 

“เธอเป็นอะไรไปน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” เขาถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเธอเอาแต่เหม่อลอย
“ฉันไม่เป็นไร” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ คิดว่ามันคงดีกว่าคำว่า “เปล่า” 

“เธอทำให้พวกเราเป็นห่วงขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะ” รอนพูดอย่างจริงจัง 

“มีอะไรก็รีบบอกมาเถอะน่า หรือเธอเห็นว่าเราไม่ใช่เพื่อนเธอซะแล้ว” 

เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก เธอจะบอกทั้งสองคนนี้ได้อย่างไร เรื่องที่เธอกำลังมีปัญหากับมัลฟอย! 

ทันใดนั้นเองเธอก็เห็นมัลฟอยแครบและกอยล์เดินตรงมาที่ป้ายนี้เช่นกัน ทั้งสามคนหันไปเห็นพวกเขาพร้อม ๆ
 กันแต่เฮอร์ไมโอนี่รีบขยับถอยหลังก่อน 

“ฉัน - - ไปก่อนนะ” เด็กหญิงหันหลังเดินหนีไปทันที 

รอนมองอาการของเธอแล้วพูดกับแฮร์รี่ 

“นายรู้สึกเหมือนฉันไหม แฮร์รี่ว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องมีเรื่องอะไรกับมัลฟอยแน่ ๆ” 


ดวงดาวกับความรัก(Next Meeting) ตอนที่ 9 และ 10 

นับตั้งแต่วันปิดประกาศเป็นต้นมา นักเรียนทุกคนต่างรอคอยการเดินทางไป”ทัศนศึกษา” 
กันอย่างใจจดใจจ่อ - - คำนี้กระจายไปอย่างรวดเร็วแทนคำว่า”การไปเข้าค่ายเพื่อฝึกฝน”
 แน่นอนว่าคนที่ไม่พอใจคือศาสตราจารย์มักกอนนากัลเพราะเธอดูเหมือนจะเป็นคนคิดชื่อที่ถูกต้องขึ้นมา 

เวลาอาหารเย็นในวันนั้นเอง ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เคาะแก้วเหมือนทุกครั้งที่มีเรื่องจะประกาศ
ให้ทุกคนได้ทราบ เด็กทุกคนเงียบเสียงลงขณะที่ศาสตราจารย์ยืนขึ้น

“พวกเธอคงได้อ่านประกาศที่ติดไว้ตรงทางเข้าห้องโถงกลางและตามที่ต่าง ๆ แล้ว”
 เธอเว้นวรรคนิดหนึ่งเพื่อดูว่ามีเด็กคนไหนทำหน้าตาเลิกลั่กหรือกระซิบถามเพื่อนบ้างหรือเปล่า 

“ฉันขอเตือนทุกคนว่า นี่ไม่ใช่การไปเที่ยวเล่นอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ เพราะถึงแม้สถานที่ที่เราจะ
ไปคือเกาะกลางทะเล แต่มีกฎห้ามทุกคนลงเล่นน้ำเด็ดขาด” 

เกิดเสียงฮือฮาขึ้นด้วยความเสียดาย เด็กหลายคนเริ่มพึมพำกันจนศาสตราจารย์มักกอนนากัล
ต้องเคาะแก้วอีกครั้ง เมื่อทุกคนเงียบเสียงลงเธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นกว่าเดิม 

“เหตุผลก็คือ - - ข้อแรก เรามีเวลาไม่มากพอที่จะปล่อยให้พวกเธอเล่นได้ สองคือเพื่อความปลอดภัย
ของพวกเธอเองเพราะถ้าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นแม้แต่เวทมนตร์ก็ช่วยอะไรไม่ได้”

พูดจบศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็นั่งลง และอาหารเย็นนานาชนิดก็ปรากฏขึ้นบนจานทองตรงหน้า
 รอนถอนใจอย่างเบื่อ ๆ แล้วหยิบช้อนส้อมขึ้นมาถือ ส่วนแฮร์รี่นั้นเสียดายมากว่ารอนเป็นเท่าตัว
เพราะครอบครัวเดอร์สลีย์ไม่เคยพาเขาไปเที่ยวเล่นน้ำทะเลมาก่อน หรือที่ใกล้ที่สุดก็คือพา

ไปประภาคารกลางทะเลเพื่อหนีจดหมายจากฮอกวอตส์จำนวนนับไม่ถ้วนที่เทลงมาจากปล่อง
ไฟของบ้านเพื่อตามแฮร์รี่มาเรียนหนังสือที่นี่ 

“งั้นเราจะไปกันถึงทะเลทำไมกัน ไปก็เหมือนไม่ได้ไป” รอนบ่นแล้วเอาช้อนกดก้อนมันฝรั่งบดในชาม 
“บางที่มันอาจจะเกี่ยวกับอากาศและอุปกรณ์”  

แฮร์รี่และรอนเงยหน้าขึ้นจากชามอาหารแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างแปลกใจ 

“พูดได้แล้วเหรอ ฉันนึกว่าเธอพูดได้แต่คำว่า “เปล่า” กับ “ไม่เป็นไร” ซะอีก” รอนประชด
เพราะเขาได้รับคำตอบแบบนี้เป็นประจำเมื่อตั้งคำถามที่เป็นห่วงเป็นใยเธอ 

เฮอร์ไมโอนี่ฝืนยิ้ม  

“ขอโทษ ช่วงนี้ฉันเมีเรื่องต้องคิดมากน่ะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” เด็กหญิงตอบ 

“พอจะบอกได้หรือยังว่าเรื่องอะไร” รอนว่า 

“เรื่องมันผ่านไปแล้วล่ะ ผ่านไปแล้วจริง ๆ” เธอตักอาหารใส่ปากเงียบ ๆ โดยไม่ได้ตอบคำถามของรอน 

แฮร์รี่กับรอนส่ายหน้าเล็กน้อย ดูจากสีหน้านั้นแล้ว พวกเขารู้ว่าเธอไม่ได้ ”ไม่เป็นไร” อย่างที่พูดหรอก 

กระทั่งวันออกเดินทางจะมาถึงในวันรุ่งขึ้น นักเรียนทุกคนก็ต้องอัศจรรย์ใจเมื่อในตอนเช้า
 เรือใบลำยักษ์หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ จำนวนสามลำเหาะมาจากท้องฟ้าแล้วจอดลงที่ลานโล่ง ๆ

 ของโรงเรียนโดยพร้อมเพรียงกัน งานนี้ฟิลช์ - - ภารโรงของโรงเรียนก็ต้องยอมให้หญ้าบนลานมีรอยบ้าง 
เพราะเขาไม่กล้าหาญพอที่จะไปกระโดดขวางเรือลำใหญ่เกือบเท่าตึกเหล่านี้ 
“เฮ้! แฮร์รี่ ดูสิ” รอนสะกิดเพื่อน  

“เรือเหาะของแท้เลยล่ะ” เขาพูดอย่างตื่นเต้นขณะมองเรือเหล่านั้นจากมุมสูงของปราสาท
 พวกเขาเดินอยู่บนระเบียงเพื่อย้ายไปเรียนคาบประวัติศาสตร์เวทมนตร์ เด็กหลายคนที่

กำลังเดินอยู่บนระเบียงเช่นกันก็มาเกาะหน้าต่างมองกันเป็นทิวแถว เรือทุกลำถูกสร้างขึ้นด้วยไม้
 มีใบขนาดเหมาะสมสีขาวกางไว้ด้านบน แฮร์รี่นึกถึงเรือในเทพนิยายเกี่ยวกับการเดินทางของเจ้า
ชายที่เขาเคยได้ยินเมื่อสมัยเด็ก 

“มีข่าวล่าสุดด้วย” เฟร็ดกับจอร์จที่เดินผ่านมาพอดีตรงมาคุยกับพวกเขา 

“อะไรเหรอ” รอนถาม 

“ไม่เห็นเหรอว่าเรือมีแค่สามลำ” ฝาแฝดพูดพร้อมกัน 

“เด็กที่ได้ไปมีแค่สามชั้นปีเท่านั้น โชคดีที่มีปีฉันกับปีนายด้วยนะ” จอร์จอธิบาย 

“ปีอื่น ๆ ไม่ได้ไปเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม 

“สามชั้นปีก็พอแล้วน่า” รอนพูด 

“เกาะเมอร์แลงก์จะใหญ่ซักเท่าไหร่กัน พวกมักเกิ้ลยังไม่เห็นนี่แสดงว่าคงเล็กจนไม่ปรากฏในแผนที่” 

“ผิด - - เจ้าทึ่ม” ฝาแฝดประสานเสียงกันแล้วโห่น้องชาย 

“มันก็ใช้ทฤษฎีเดียวกับการซ่อนสถานที่อื่น ๆ นั่นแหละ เกาะเมอร์แลงก์มีหมอกคลุมอยู่ภายนอก
 แค่นั้นมักเกิ้ลก็ไม่เห็นแล้วขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญซักหน่อย” 

รอนหน้าเป็นสีชมพูเพราะลืมข้อนี้ไป

เมื่อวันออกเดินทางมาถึง เด็กทุกคนเก็บของใส่กระเป๋าเท่าที่จำเป็นซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่เกินคนละสองใบ
 พวกเขาพูดคุยกันเสียงดังขณะเดินไปตามทางที่ทอดยาวมาจากท้องเรือ 

“เจ๋งจริง ๆ” รอนพูดอย่างตื่นเต้นเพราะภายในท้องเรือมีห้องกว้างพอ ๆ 
กับห้องโถงกลางของโรงเรียนและมีทางเดินสี่ทางที่มีเครื่องหมายประจำบ้านอยู่ดานบน
 ทางเดินเหล่านี้จะเชื่อมต่อไปยังห้องของนักเรียนแต่ละบ้านอยู่ 

“กริฟฟินดอร์มาทางนี้” พรีเฟ็กตะโกนเรียก แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่จึงรีบเดินไปรวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ
 ที่กำลังตั้งแถว พรีเฟ็กบ้านอื่น ๆ ก็ตะโกนเรียกเด็กของบ้านตัวเองเช่นกัน 

เด็กของกริฟฟินดอร์ถูกเดินนำมายังด้านหนึ่งของเรือที่มีห้องเล็ก ๆ 
เรียงรายอยู่เหมือนกับภายในรถไฟด่วนฮอกวอตส์ ตลอดทางอีกด้านมีหน้าต่างเรียงกันเป็นแถว
พอมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งมีเด็กนักเรียนชั้นปีอื่น ๆ กำลังมองมาอย่างอิจฉา 

สามสหายได้นั่งอยู่ห้องเดียวกัน  

“เดี๋ยวฉันไปหาเฟร็ดกับจอร์จก่อนนะ เธอไปด้วยกันไหมล่ะ” รอนวางกระเป๋าลงแล้วถามเฮอร์ไมโอนี่ 

“ไม่ไปหรอก พวกเธอไปกันเถอะ” เธอส่ายศีรษะ 

รอนกับแฮร์รี่ถอนใจออกมาพร้อมกัน เฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมบอกพวกเขาเลยจริง ๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้น 

เมื่อเพื่อนทั้งสองเดินออกไปแล้ว เด็กหญิงก็เท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างเรือลำมโหฬารที่จะ
พานักเรียนทุกคนไปยังเกาะเมอร์แลงก์ เธอเม้มปากกลั้นน้ำตา - - ถ้าการนึกถึงมัลฟอยนั้นผิดกฎ
โรงเรียนล่ะก็ กริฟฟินดอร์ก็ไม่เหลือแม้แต่คะแนนเดียวแล้วในตอนนี้ 

เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วก็เปิดออก เฮอร์ไมโอนี่หวังว่าจะเป็นมัลฟอยในตอนแรก
 แต่เขาเป็นเด็กชายผมสีน้ำตาลที่เธอคุ้นเคย

“ยาช่า…” เธอเรียกชื่ออีกฝ่าย น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้ 

เด็กชายเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามแล้วพูดด้วยน้ำเสียงท้อใจและสงสาร 

“มัลฟอยก็ไม่ต่างอะไรจากคุณนักหรอก เพียงแต่เขาไม่ได้ร้องไห้” 

เฮอร์ไมโอนี่เช็ดน้ำตาออกแล้วพูดกับอีกฝ่าย 

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาโกรธ”  

“เขาไม่ได้โกรธคุณ” ยาช่าพูด 

“เขาแค่น้อยใจเท่านั้น” 

“ต่อไปเขาก็จะเลิกนึกถึงฉันไปเอง ฉันเองก็คงเหมือนกัน” เธอพูดเหมือนตัดใจ

ยาช่าถอนใจหน่าย เขารู้ดีว่าสภาพของมัลฟอยที่เขาเห็นอยู่ทุกวันนี้นั้นไม่มีทางจะเป็นอย่างที่เธอพูดได้
 และสภาพของเฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้ก็ไม่ต่างจากมัลฟอยสักเท่าไหร่อย่างที่เขาพูดไว้ในตอนแรก 

“ผมไม่ได้มาเกลี้ยกล่อมให้คุณคืนดีกับเขาหรอกนะ ผมไม่เห็นว่าเรื่องนี้ใครจะผิดสักคน” เด็กชายบอก 

“แต่อยากให้คุณถามตัวเองให้ดีก่อนว่าคุณแน่ใจเหรอว่าต้องการจะให้มันจบแบบนี้ ผมไม่อยากเห็นคุณทุกข์ใจ” 

เฮอร์ไมโอนี่เงียบไป ยาช่าจึงลุกขึ้น 

“ผมไม่กวนคุณดีกว่า ตอนนี้คุณคงอยากคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียว” 

เด็กชายเดินไปที่ประตู ก่อนที่เขาจะเลื่อนประตูเดินออกไปเฮอร์ไมโอนี่ก็เรียกเขาไว้ก่อน 

“ยาช่า” 

เด็กชายหมาป่าหันมามองเพื่อน เขาเห็นเธอฝืนยิ้มให้ 

“ขอบใจมากนะ” 

ยาช่าเดินกลับมายืนตรงหน้าเธอแล้วยิ้ม ดูเหมือนเขาจะดีใจที่เธอไม่เอาแต่นั่งเงียบฟังเขา 

“คุณเชื่อไหม ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงดีใจแทบบ้าถ้าคุณกับเขาทะเลาะกันได้” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูขึ้น ยาช่าจำเมื่อครั้งที่เขากับเธอเจอกันครั้งแรกได้ดี
 เด็กชายย่อเข่าลงตรงหน้าเธอเพื่อจะได้มองหน้าอีกฝ่ายให้ชัด ๆ แล้วพูดต่อ 

“แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วฮะ ผมรู้ว่าคุณจะมีความสุขมากกว่าถ้าได้อยู่กับใครที่ไม่ใช่ผม”  

เสียงเลื่อนประตูดังครืดทำให้ทั้งสองคนหันไปมองพร้อม ๆ กัน เด็กหญิงผมสีเงินยืนอยู่ตรงนั้น 
เธอมีท่าทางตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นบึ้งสนิท 

“กาเบรียล” เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่ออีกฝ่าย 

เด็กหญิงหันไปมองยาช่าอย่างน้อยใจแล้วหันหลังกลับเดินไปทันที ยาช่าถอนใจออกมา 

“ผมมีปัญหาของผมซะแล้ว”  

***************10******************** 

ในที่สุดเรือทั้งสามลำก็แล่นออกจากฮอกวอตส์พร้อม ๆ กัน 
แฮร์รี่กับรอนมองทิวทัศน์ที่เป็นเมฆอยู่ภายนอกอย่างเพลิดเพลินขณะที่เรือแล่นอย่างราบรื่น 
พวกเขานึกถึงการเดินทางโดยรถเหาะของนายวิสลีย์ตอนที่พวกเขาอยู่ปีสอง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว 
พวกเขาบินอยู่ก็จริงแต่ก็มีขนมแสนอร่อยทุกอย่าง น้ำฟักทองเย็นฉ่ำ และอากาศเย็นสบายเพราะ
สายลมที่พัดมาทางหน้าต่าง 

หลายชั่วโมงผ่านไปพร้อมกับกองห่อขนมสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพดานบินของเรือเริ่มลดต่ำลงเป็น
สัญญาณบอกให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาถึงที่หมายแล้ว แฮร์รี่กับรอนรีบที่กำลังนั่งดื่มน้ำฟักทอง
และกินขนมรีบวางมือแล้วมายืนชะโงกศรีษะออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูหน้าตาของเกาะเมอร์แลงก์จากด้านบน 

“สุดยอด!” รอนร้อง สายลมที่เกิดจากการบินต่ำลงของเรือพัดมาปะทะหน้าเขาและแฮร์รี่ 
เฮอร์ไมโอนี่ก็เลื่อนตัวมานั่งชิดหน้าต่างเพื่อดูเช่นกัน 

หาดทรายสีขาวสะอาดตาสะท้อนแสงอาทิตย์มาแต่ไกลเข้าตาทั้งสองคน พวกเขานึกเสียดายจับใจ
ที่ไม่มีโอกาสได้ลงเล่นน้ำทะเลเบื้องล่างที่สวยราวกับกระจกนี้ 

เฮอร์ไมโอนี่เองก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปด้วย - - ถ้ามาแบบมักเกิ้ลคงไม่มีทางได้สัมผัสกับการเดินทาง
โดยเรือเหาะและแล่นลงจอดที่ชายหาดโดยตรงแบบนี้หรอก 

สายลมพัดเข้ามาที่หน้าต่างแรงขึ้นเรื่อย ๆ  

“ฉะ - - ฉันว่า” รอนเริ่มพูดเสียงสั่นเมื่อรู้สึกว่าเรือแล่นต่ำลงเร็วมาก
 ผมสีแดงของเขาปลิวไปด้านหลังจนไม่เป็นทรง แฮร์รี่ต้องจับแว่นตาเอาไว้ไม่ให้หลุดออกจากจมูก 

“มันลงเร็วเกินไปแล้วนะเนี่ย!” เด็กชายร้องออกมาเมื่อเห็นพื้นน้ำห่างจากหน้าต่างไม่มากผิดกับ
เมื่อครู่ที่ดูห่างหลายกิโลเมตร เสียงลมที่แหวกผ่านดังเข้ามาในหู เฮอร์ไมโอนี่รีบหลบเข้า

ไปนั่งกลางเก้าอี้ตัวเองและรู้สึกว่าอากาศที่เกิดจากการดิ่งลงอย่างรวดเร็วกำลังดันหน้าอกเธอไว้จนอึดอัด
 เด็กหญิงคว้าเก้าอี้ไว้แน่น 

“อ๊ากกกกกกกก!!!“ รอนตะโกนสุดเสียง มือของเขาที่พยายามยึดขอบหน้าต่างไว้หลุดออก 

“ระวัง!” แฮร์รี่ร้อง แล้วเด็กชายทั้งสองก็ถลาไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งหันหน้าไปทางหัวเรือและกำลัง
ถูกแรงดันอากาศกดให้ติดกับเก้าอี้ ตอนนี้พวกเขาแทบจะนั่งตักกันเองอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวของเธอ 

“ลงไปนะรอน!” เด็กหญิงร้องเมื่อขาของรอนพาดอยู่บนตักเธอ ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างแรงราวกับพายุ  

“ให้เรารอดไปก่อนแล้วฉันจะขอโทษ!” รอนพูดเสียงดัง เขาเหนี่ยวที่วางแขนไว้แน่น ห่อขนมปลิวมาหาพวกเขา 

แฮร์รี่ยึดขอบหน้าต่างเอาไว้พยายามขยับตัวออกห่างเฮอร์ไมโอนี่เพราะกลัวว่าเธอจะถูกพวกเขาอัดจนตัวแบนติดเก้าอี้  

เรือกำลังดิ่งลงน้ำ! 

ทันใดนั้นเองเรือก็หักหัวให้ลำตัวขนานกับผิวน้ำฉับพลันในเสี้ยววินาที 
ลำเรือกระแทกกับพื้นน้ำดังตูมใหญ่ รอนกับแฮร์รี่หล่นโครมจากเก้าอี้ไปนอนกองบนพื้น 

รอนก้นกระแทกอย่างจัง ขณะที่ศรีษะของแฮร์รี่กระแทกกับขอบที่นั่งจนเห็นดาวระยิบระยับ
 ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ไม่เป็นไรเพราะนั่งอยู่บนเก้าอี้ในท่าปกติมาตั้งแต่แรก  

ทุกอย่างเงียบสนิท สามสหายหอบแฮ่ก ๆ และกำลังคิดว่าพวกเขาอยู่บนสวรรค์แล้วหรือยัง
 แต่เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นปกติรอนก็ยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วพูด 

“เรา - - เรารอดแล้วใช่ไหม”  

“คงใช่นะ” แฮร์รี่ว่าแล้วยืนขึ้นบ้าง 

รอนเดินโซเซไปเกาะขอบหน้าต่างแล้วมองไปข้างนอก เพื่อสำรวจสถานการณ์ 
แล้วเขาก็ร้องอย่างตื่นเต้น ตอนนี้เรือกำลังแล่นอยู่บนผิวน้ำทะเลอย่างช้า ๆ  

“แฮร์รี่! มาดูนี่เร็ว”  

เกาะเมอร์แลงก์ตรงหน้าของพวกเขาช่างน่าอัศจรรย์ ต้นไม้บนเกาะเขียวครึ้มดูสดชื่น
 หาดทรายที่อยู่ไม่ไกลดูสวยมากขึ้นเมื่อเข้ามาใกล้ น้ำทะเลสีเข้มเปลี่ยนเป็นอ่อนลงเรื่อย ๆ

 เมื่อใกล้ชายหาด ปลาโลมาฝูงหนึ่งว่ายอยู่ไม่ห่างจากเรือของพวกเขา นกนางนวลบินโฉบผ่านหน้าต่างไป แ
ฮร์รี่ตื่นเต้นกับการมาทะเลครั้งแรกของตัวเอง - - พวกเดอร์สลีย์ไม่มีทางได้มาเที่ยวสถานที่แบบนี้แน่
 ตราบใดที่ดัดลีย์ชอบจะดูทีวีมากกว่ามาเห็นจริง ๆ  

“เสียดายที่เราเล่นน้ำไม่ได้” รอนบ่น น้ำทะเลใสแจ๋วราวกับกวักมือเรียกพวกเขาให้ลงไป 

“ทำไมเขาต้องลงจอดแบบนี้ด้วยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมา เธอปัดเศษเข้าโพดคั่วออกจากเส้นผม 

“หลบสายตาพวกมักเกิ้ลมั้ง เห็นเฟร็ดกับจอร์จว่ามีหมอกคลุมก็จริงแต่ฉันเดาว่าถ้าลงจอดช้าก็ถูกสังเกตพอดี” 
รอนว่า ไม่นานพวกเขาก็ได้ยินพรีเฟ็กตะโกนอยู่นอกห้อง 

“กริฟฟินดอร์มาทางนี้! กระเป๋าไม่ต้องหิ้วออกมา จะมีคนมาเอาไปให้เอง” พรีเฟ็กคนเดิมกำลังเดินไปตามทาง
เพื่อเรียกเด็กของบ้านตัวเองมารวมตัวกัน 

แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินตัวเปล่าออกไปจากห้อง พวกเขาเห็นเด็กคนอื่น ๆ
 มารวมตรงทางเดินกันแล้ว แฮร์รี่พยายามไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเนวิลล์ตัวเปียกโชก 
เขาเดาว่าเนวิลล์คงกำลังดื่มน้ำฟักทองตอนที่เรือกำลังลงจอดแน่ ส่วนพรีเฟ็กของบ้านก็มีเศษมัน
ฝรั่งกรอบติดอยู่ที่ผม เมื่อเขาเห็นเด็กมากันครบแล้วก็ให้สัญญาณเด็กทุกคนให้ออกเดิน 

บรรดาเด็กนักเรียนของแต่ละบ้านทยอยเดินออกมารวมกันที่ห้องกลาง เฮอร์ไมโอนี่เห็นมัลฟอยเดิน
ออกมาพร้อมกับแครบและกอยล์ เธอพยายามไม่สบตาเขาจึงไม่รู้เลยว่าเขากำลังมองมาที่เธอเช่นกัน 

“ครบกันทุกคนแล้วใช่ไหม”  

แฮกริดตะโกนอยู่ตรงทางเข้าออก เมื่อพรีเฟ็กทุกคนพยักหน้าเขาก็ทำสัญญาณให้ออกเดิน
มาตามทางเข้าออกของเรือที่ทอดยาวรออยู่แล้ว  

เมื่อเด็กทุกคนเห็นบรรยากาศของเกาะที่ปรากฎตรงหน้าซึ่งแสนจะงดงามและอุดมสมบูรณ์
พวกเขาก็ร้องออกมาพร้อมกันอย่างดีใจและรีบเดินลงไปที่ชายหาด เท้าของแฮร์รี่สัมผัสกับพื้น
ทรายละเอียดที่แสนนุ่ม เขาเคยคิดว่าเกาะกลางทะเลคงไม่มีอะไรนอกจากต้นมะพร้าว ก้อนหิน
 และชายหาดที่อาจจะสกปรกบ้างสะอาดบ้าง แต่ที่นี่ทั้งร่มรื่นเย็นสบายและแสงแดดก็ไม่จัดจนเกินไป 

“พวกมักเกิ้ลจะต้องเสียใจที่ไม่เคยเห็นที่นี่!” รอนพูดออกมาขณะมองไปในน้ำทะเลสีฟ้า
ใสสะอาดจนมองเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง 

“กระเป๋าของพวกเธออยู่ตรงนี้นะ” แฮกริดตะโกนเรียก เขาชี้ให้เห็นกระเป๋าที่กองรวมกันอยู่สี่กอง 

“กริฟฟินดอร์กองนี้ ฮัฟเฟิลพัฟกองที่สอง เรเวนคลอ…แล้วก็สลิธีริน ได้ครบแล้วมาตั้งแถวตรงนี้”  

เด็ก ๆ ต่างกรูกันไปหากระเป๋าของตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะต้องการใช้เวลาอยู่บนเกาะนี้ให้คุ้มค่าที่สุด
รอนกับแฮร์รี่แปลกใจที่เห็นเฟร็ดกับจอร์จตรงมาพร้อมกับเขา 

“ไม่ได้แยกชั้นปี - - ฉันคิดว่าพวกที่มาขับเรือกับบริการเราเนี่ยคงไม่พอใจกับค่าจ้างแน่ ๆ”
 เฟร็ดบ่นขณะปัดทรายออกจากกระเป๋า เสื้อของเขามีครีมคีรีบูนติดอยู่

อีกด้านหนึ่งมัลฟอยกำลังถอนใจอย่างรำคาญที่เด็กคนอื่น ๆ พยายามรุมหากระเป๋าของตัวเอง 
เขาจึงรอจนกระทั่งเหลือของเขาเป็นใบสุดท้ายดีกว่า แครบกับกอยล์ใช้แขนและหน้าท้องอ้วน ๆ\

 ดันคนอื่น ๆ ออกไปให้พ้นทาง เมื่อบรรดากระเป๋าแต่ละใบอยู่กับเจ้าของจนหมด มัลฟอยก็เดินไปหยิบของตัวเอง 
แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นกระเป๋าเหลืออยู่สองใบ 

“ของใคร” เด็กชายยกกระเป๋าสะพายหลังสีดำขึ้น - - ใบนี้ไม่ใช่ของเขา 

เด็กคนอื่น ๆ หันมามองแล้วส่ายศรีษะ มัลฟอยตั้งท่าจะทิ้งกระเป๋านั่นลง พรีเฟ็กของบ้านก็ร้องห้าม 

“หิ้วไปก่อน แล้วจะหาเจ้าของทีหลัง”  

มัลฟอยกลอกตามองฟ้าหน่าย ๆ แล้วคล้องกระเป๋าใบนั้นไว้ที่ไหล่ขวาแล้วเอาของตัวเองสะพายไว้ที่ไหล่ซ้าย
 พร้อม ๆ กับพรีเฟ็กของแต่ละบ้านตะโกนเรียกให้เด็กทุกคนเดินตามมาโดยมีแฮกริดยืดอกนำขบวนทุกบ้านไป 

ระยะทางระหว่างบ้านพักกับชายหาดอยู่ไกลกันพอสมควร มีทางเดินกว้างทอดยาวจากชายหาดตัดผ่านป่าโปร่ง ๆ 
บนเกาะซึ่งจะพาพวกไปเขายังที่พัก แฮร์รี่กับรอนเงยหน้ามองต้นไม้สูง ๆ ที่ขึ้นอยู่ตลอดสองข้างทาง
 แสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามาพร้อมกับเสียงนกเล็ก ๆ ที่ร้องประสานเสียงกัน 

ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงบ้านพักที่มีป้ายเขียนไว้ตรงทางเข้าว่า “กริฟฟินดอร์”
 ซึ่งเป็นอาคารไม้หลังใหญ่แต่อย่างไรก็ตามดูจากภายนอกแล้วก็ไม่น่าจะบรรจุเด็กนักเรียนได้ครบ  

“กริฟฟินดอร์ตามมา”  

พรีเฟ็กของบ้านเรียกแล้วเดินนำเข้าไป นักเรียนบ้านอื่น ๆ
 ต้องเดินตามแฮกริดต่อไปยังบ้านของตัวเองที่ตั้งอยู่ในที่ต่างกัน 

เมื่อเด็ก ๆ ของกริฟฟินดอร์เข้าไปในบ้านพัก พวกเขาก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดไปว่าบ้านพัก
หลังนี้จะทำให้พวกเขาต้องอยู่กันอย่างแออัดเพราะภายในมีห้องกว้างขวางไม่แพ้ห้องนั่งเล่น

รวมของบ้านอยู่ด้านหน้าและทั้งห้องก็สว่างไสวไปด้วยแสงแดดธรรมชาติที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างทุกบาน
 และทางเดินไปยังห้องพักชั้นต่าง ๆ  

“คงใช้หลักการเดียวกับเต็นท์ตอนที่เราไปดูควิดดิชเวิร์ดคัพ” รอนพูดกับแฮร์รี่เมื่อเดินเข้ามา
ในห้องที่จัดไว้เป็นห้องพักสำหรับแต่ละคนโดยให้นักเรียนอยู่ร่วมกับคนที่ปกติก็นอนหอด้วยกันอยู่แล้ว  

“ฉันมองเห็นทะเลด้วย” แฮร์รี่บอกกับเพื่อน รอนและเนวิลล์วิ่งมามุงตรงหน้าต่างห้อง 

“ไกลลิบ ไม่ดีเลย ไม่ได้เล่นน้ำแค่เห็นก็ยังดี ฉันว่าบ้านเราต้องได้มุมที่แย่ที่สุดแน่ ๆ “ รอนบ่นอย่างไม่ค่อยพอใจ  

บ้านพักของสลิธีรินอยู่ห่างจากบ้านพักอื่น ๆ และมองไม่เห็นทะเลเพราะอยู่ลึกที่สุด ด้านหลังไม่ไกล
มีหมู่ต้นไม้เขียวครึ้มร่มรื่น และยังมีสระน้ำธรรมชาติที่ใสสะอาด แต่ก็แน่นอนว่าห้ามลงเล่นน้ำเช่นกัน  

มัลฟอยโยนกระเป๋าที่เป็นของตัวเองและไม่ใช่ของตัวเองลงบนที่นอน เด็กชายทิ้งตัวลงนอนมองเพดาน
ห้องอย่างเซ็งจัด แครบกับกอยล์ที่ตามมาถือมะพร้าวเข้ามาในห้องอย่างดีอกดีใจ 

“ที่ห้องนั่งเล่นมีของกินเยอะแยะ นายจะเอาบ้างไหมมัลฟอย” กอยล์ยืนมะพร้าวในมือให้ 

“พวกแกกินกันเองเถอะ ฉันไม่หิว” เด็กชายพลิกตัวมองไปที่หน้าต่างห้องซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเตียงของเขา
 ภายนอกไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้  

มัลฟอยถอนหายใจแล้วลุกขึ้นนั่ง เขาดึงกระเป๋าสะพายสีดำที่ไม่รู้เจ้าของมาเปิด 

“ไม่เห็นมีเด็กคนไหนบอกว่ากระเป๋าหายเลย” แครบว่า 

“ฉันก็เปิดมันไม่ออก” มัลฟอยพูดแล้วกระชากล็อกออกโดยแรงแต่ก็ไม่เป็นผล 

“ไหน ให้ฉันดูบ้างซิ” กอยล์อาสาแล้วมาช่วยดึง มัลฟอยปล่อยให้ทั้งสองจัดการหาทางเปิดโดยไม่สนใจวิธีการ
 หลังจากที่พยายามแกะล็อกด้านหน้ากันอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่ากระเป๋าใบนี้จะสะดุ้งสะเทือน 

กอยล์นวดปลายนิ้วของตัวเองที่เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเจ็บใจ เขาตั้งท่าจะทุ่มกระเป๋าลงกับพื้นมันวับของห้อง 

“ไม่ต้อง!” มัลฟอยกระชากกระเป๋าคืน 

“ฉันจะเอามันไปทิ้งเอง สมน้ำหน้าเจ้าของมัน อยากปล่อยให้ฉันหิ้วดีนัก!”
 เด็กชายโยนกระเป๋าใบนั้นไว้บนที่นอนของตัวเองแล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจ

ดวงดาวกับความรัก (Next Meeting) ตอนที่ 11 

เด็กทุกคนมารับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่บ้านพักของอาจารย์เพราะ
ที่นี่เท่านั้นที่มีห้องโถงใหญ่เหมือนที่ฮอกวอตส์ อาหารมื้อแรกเป็นอาหารทะเลที่เด็กหลายคนชื่นชอบ

 แต่ก็มีอาหารอย่างอื่นสำหรับบางคนที่แพ้เช่นกัน รอนกับแฮร์รี่ดูเหมือนจะเพลิดเพลินยิ่งนักกับการกิน
 ปาราวตี พาติลกับน้องสาวแพ้กุ้งและปลาหมึกจึงได้แต่มองทั้งสองและคนอื่น ๆ อย่างอิจฉา 

เนวิลล์นั้นไม่ได้แพ้แต่ก็ไม่สามารถกินได้อย่างรวดเร็วนัก เพราะเขาแกะปูไม่เก่งและคนที่ได้รับผลกระทบนี้คือดีน
 โธมัสที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งมักจะโดนก้ามปูที่เนวิลล์พยายามแกะกระเด็นมาถูกศรีษะทุกที 

"กินเอาแรง บ่ายนี้เราต้องไปหาพืชกับศาสตราจารย์สเปราต์นะ” รอนพูดกับแฮร์รี่ แต่มองไปที่เฮอร์ไม
โอนี่ซึ่งอาการเซื่องซึมยังไม่ดีขึ้น และเอาแต่เขี่ยของในจาน เธอพยายามไม่เงยหน้าขึ้นเพื่อหลบเลี่ยง
ตาสีซีดของมัลฟอยซึ่งนั่งอยู่ห่าง ๆ 

ข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่นั้นมีเด็กผู้หญิงผมสีเงินนั่งอยู่ เธออาการต่างจากเฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อยคือก้มหน้ากิน
อาหารอย่างตั้งอกตั้งใจ “จนเกินไป” หรือก็คือเธอเองก็ไม่อยากสบตากับเด็กชายผมสีน้ำตาลอีกคนที่
นั่งอยู่สลีธีรินเหมือนกัน 

รอนกับแฮร์รี่มองอาการของเด็กหญิงทั้งสองอย่างงงงวย พวกเขามองหน้ากันแล้วยักไหล่เป็นเชิงบอกว่า 
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเธอเป็นอะไร” 

“มัลฟอย นายกินกุ้งจานนี้สิ อร่อยเป็นบ้า” แครบพูดทั้งที่ของเต็มปาก
 แต่พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาดุดันเพราะความรำคาญเขาก็ถอยจานกลับ 

“วันนี้ไม่กล่อมฉันอีกรึไง” มัลฟอยพูดกับยาช่าซึ่งนั่งข้าง ๆ  

เด็กชายชะงักช้อนในมือ คนอื่น ๆ กำลังสนใจกับอาหารมากกว่าจึงไม่ได้ยินที่มัลฟอยพูดเมื่อครู่ 

“เอาตัวให้รอดก่อนเถอะนะ หมาป่า” เขายิ้มเยาะ แค่เห็นอาการของกาเบรียลเขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้อย่างไม่ยากเย็น  

ยาช่าเม้มปาก 

ในวันนั้นกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นก็ไม่ได้ต่างกับที่โรงเรียนเท่าใดนัก เพียงแต่ต่างสถานที่และต่างสภาพอย่างที่
เฮอร์ไมโอนี่เคยบอกไว้ พวกเขาได้เห็นพืชหน้าตาแปลก ๆ ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติบนเกาะ และเรียนรู้สรรพ
คุณของพวกมันจากศาสตราจารย์สเปราต์เหมือนในคาบเรียนวิชาสมุนไพร ศาสตราจารย์ฟลิตวิกสอนให้
พวกเขาใช้คาถาจัดการกับสัตว์บางชนิดที่มีอยู่บนเกาะด้วยวิธีที่ถูกต้อง ส่วนศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็
มีคำสั่งให้เด็ก ๆ เปลี่ยนปลาหมึกที่เตรียมมาแล้วให้กลายเป็นนกนางนวลสีขาว  

“ไม่รู้จะเปลี่ยนไปทำไม ทรมาณมันเปล่า ๆ” รอนเอาไม้กายสิทธิ์เขี่ยหนวดมันให้เข้าไปอยู่ในถาดรอง 

“เดี๋ยวมันก็กลับร่างเองมั้ง” แฮร์รี่บอกเพื่อน แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามันเกิดกลับร่างตอนบินอยู่กลางอา
กาศขึ้นมาจะทำยังไง

ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่บนพื้นทรายใต้ร่มไม้บริเวณชายหาด ซึ่งศาสตราจารย์มักกอนนากัลเป็นคนพา
พวกเขามาฝีกที่นี่ ทั้งที่เด็ก ๆ อยากลงไปเล่นน้ำทะเลที่ห่างไปมีกี่ก้าวนี้ใจจะขาด 

เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่กับกาเบรียล (อีกคนที่ร่วมกลุ่มคือปาราวตีซึ่งตอนนี้ไปล้างหมึกที่ถูกพ่นใส่ออกจากเสื้อ)
 บนถาดของเธอมีนกนางนวลกำลังทำท่างง ๆ กับปีกและขนตามตัว เพราะเมื่อประมาณนาทีก่อน
มันยังเป็นปลาหมึกที่มีหนวดให้ภูมิใจอยู่หยก ๆ 

“เธอโกรธยาช่าอยู่เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเด็กหญิงผมสีเงินที่นั่งตรงข้าม 

“ฉันมีสิทธิ์โกรธเขาด้วยเหรอ” กาเบรียลพูดห้วน ๆ พลางเอาไม้กายสิทธิ์เขี่ยเจ้านกนางนวลให้ออกบินไปเสียที 

“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ ยาช่าไม่ได้ชอบฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พยายามพูด
 เธอพอจะแน่ใจกับความรู้สึกของเด็กชายที่เธอกำลังพูดถึง แต่ดูเหมือนว่ากาเบรียลจะไม่รู้  

“เขาไม่เคยบอกฉัน ไม่เคยบอกอะไรเลย มีแต่เธอกับคนอื่น ๆ บอกเท่านั้นว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”
 กาเบรียลตวัดไม้ฟาดลงบนตัวนก มันร้องเสียงดังแล้วพรวดพราดบินไปในที่สุด 

“กาเบรียล!” เฮอร์ไมโอนี่คว้าไม้กายสิทธิ์ของอีกฝ่ายไว้ เด็กหญิงผมสีเงินคนนี้เป็นคนขี้โมโหไม่ใช่เล่น
 แล้วเธอก็ตกใจเมื่อเห็นกาเบรียลน้ำตาเอ่อ 

“ฉันชอบเขา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะขอร้องให้เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจ  

“ให้ตายสิ- - ฉันชอบเขา!” กาเบรียลร้องไห้ออกมา  

เฮอร์ไมโอนี่ลูบไหล่อีกฝ่ายเพื่อปลอบโยน... 

คืนนั้นหลังจากที่เด็กทุกคนทำกิจกรรมกันจนครบแล้วและตัวดำเกรียมเพราะ
โดนแดดเผาจนหมด เวลารับประทานอาหารเย็นจึงเป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย บรรดาเด็ก ๆ 
ได้รับข่าวดีว่าอีกไม่นานพวกเขาจะได้กลับมาที่นี่อีกเพราะศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์มีโครง
การจะพาพวกเขามาเข้าค่ายแบบครบวงจรมิใช่แค่เพียงมาและทำได้แค่จ้องทะเลเฉย ๆ แบบนี้ 

“นายต้องลดพุงหน่อยนะเนวิลล์” รอนหยอก 

“นายก็เหมือนกันแหละ” อีกฝ่ายย้อนเข้าให้ 

หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้วเด็กแต่ละคนก็แยกย้ายเข้าบ้านพักเพื่อเตรียมตัวกลับในวันรุ่งขึ้น
 แฮร์รี่กับรอนพบเกมใหม่นั่นก็คือไพ่แบบมักเกิ้ลที่พวกเขายืมมาจากเด็กคนอื่นที่มาจากครอบครัวมักเกิ้ล
 แม้ภาพบนไพ่จะเคลื่อนไหวไม่ได้แต่พวกเขาเล่นกันอย่างสนุกสนานร่วมกับเนวิลล์อีกคน 

ทางฝ่ายหอนอนสลิธีรินก็ไม่ต่างกันนัก เพียงแต่มัลฟอยไม่ได้อยู่ร่วมกับแครบและกอยล์ หรือเด็กคนอื่น ๆ
 ที่หากิจกรรมทำกันเอง เพราะหลังจากอาหารเย็น เขาก็หิ้วกระเป๋าลึกลับใบนั้นเดินออกไปจากห้อง
โดยไม่สนใจจะตอบคำถามของเพื่อนทั้งสองว่าเขากำลังจะไปไหน 

ยาช่าเองก็เช่นกัน เด็กชายแล้วเดินเรื่อย ๆ มาจากบ้านพักของสลิธีริน เขาไม่ต้องกลัวสัตว์อะ
ไรทั้งสิ้นเพราะป่านนี้พวกมันคงหนีไปไหนต่อไหนกันหมดแล้วทันทีที่เห็นเขา ยาช่าหยุดเดินเมื่อมาถึงสระน้ำเล็ก ๆ
 ที่ใครต่อใครพูดถึงด้วยความเสียดายที่ไม่ได้ลงเล่น เขาทรุดตัวลงนั่งแล้วมองผิวน้ำนิ่งตรงหน้า ยาช่าคิดว่าคำสั่ง
ที่ไม่อนุญาติให้เด็ก ๆ ลงเล่นน้ำทะเลนั้นครอบคลุมมาถึงสระนี้ด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
 เพราะสระน้ำแห่งนี้มีตลิ่งที่สูงชันมากทีเดียว 

แสงสีเงินจากพระจันทร์สะท้อนมาเข้าตาของเขาทำให้เขานึกถึงเจ้าของเส้นผมสีเดียวกันนี้
 เด็กชายพลอยนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาระหว่างเขากับเธอไปด้วย 

การพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับกาเบรียลมันเลวร้ายพอสมควรเพราะการตั้งท่ารังเกียจ
เขาจนออกนอกหน้าของเธอจนเขาทำให้เขานึกโกรธ นอกจากนี้ ตอนนั้นเขานึกถึงแต่เฮอร์ไมโอนี่
 แต่ว่าทำไมตอนนี้เขาจึงเลิกคิดถึงกาเบรียลไม่ได้ - - หรือที่ผ่านมา เขาโกหกตัวเองไปว่าไม่ได้ชอบเธอแม้สักนิด! 

สายลมพัดมาเอื่อย ๆ ขณะที่พระจันทร์ยามค่ำคืนลอยเด่นอยู่เหนือผิวน้ำ ยาช่าหันซ้ายหันขวา
 เมื่อไม่เห็นใครอยู่แถวนั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วลงมือถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก - -  คงไม่เป็นไรถ้าเ

ขาจะลงเล่นน้ำในร่างหมาป่า ถ้ามีใครมาเจอก็ไม่เป็นไรเพราะคงคิดว่าเขาเป็นหมาป่าที่อาศัยอยู่แถวนี้
 ขืนลงทั้งชุดเสื้อผ้าต้องเปียกหมดแน่ คิดได้ดังนั้นเขาก็ถอดชุดออกเหมือนทุกครั้งที่เขากลายร่างเพื่อไม่ให้มันสกปรก 

เด็กชายกระโดดตูมลงไปในสระ ไม่นานหมาป่าขนสีน้ำตาลโผล่ขึ้นมาจากน้ำ มันสะบัดศรีษะ
ไปมาแล้วดำขึ้นดำลงในสายน้ำเย็นอย่างสนุกสนาน แม้จะเพียงลำพังแต่เขาก็ชินแล้วกับการอยู่คนเดียว 

แต่ว่า… 

"ยาช่า" 

เด็กหญิงผมสีเงินยืนทำหน้างง ๆ อยู่ขอบสระ เธอไม่แน่ใจว่าเป็นเขาและไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าจะพบเขาที่นี่ 

หมาป่าสะดุ้งสุดตัวแล้วผงะถอยหลัง กาเบรียลหัวเราะออกมา เขาไม่เห็นต้องอายอะไรเลยในเมื่อเป็นหมา
ป่าอยู่ทั้งตัวแล้วในตอนนี้ 

"แอบมาเล่นน้ำเหรอ ถ้าอาจารย์เห็นล่ะก็โดนลงโทษแน่ ๆ ขึ้นมาเร็ว" เธอหยอก  

หมาป่าส่ายศรีษะจนหัวคลอน แล้วพยักเพยิดให้เธอเห็นกองเสื้อผ้าที่อยู่ข้าง ๆ เธอ กาเบรียล
หันไปมองตามแล้วก็หน้าแดง 

"นี่ชุดของเธอเหรอ" 

หมาป่าแทบดำน้ำหนีด้วยความอับอาย มันถอยหลังห่างจากตัวเธอให้มากที่สุด
 เมื่อพอที่จะแน่ใจได้ว่าเธอจะไม่เห็นอะไรมันก็กลายร่างเป็นเด็กชาย 

"ผมจะขึ้นครับ หันไปทางอื่นก่อน" ยาช่าตะโกนบอกเธอ 

กาเบรียลรีบทำตามที่เขาบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ ยาช่าจึงกลับร่างเป็นหมาป่าอีกแล้วว่ายกลับเข้ามา
 เมื่อมาถึงฝั่งเขาก็คว้ากางเกงมาสวมอย่างรวดเร็วที่สุด  

เด็กหญิงผมสีเงินเม้มปาก เธอทั้งนึกขำและใจเต้นโครมครามเมื่อได้ยินเสียงกุกกักข้างหลัง ไม่นานยาช่าก็พูดขึ้น 

“เสร็จแล้วครับ” 

กาเบรียลหันกลับไปก็เห็นว่าเขาสวมเสื้อกับกางเกงเรียบร้อยแล้ว เธอจึงรีบพูด 

“ขอโทษนะ ฉันแค่เดินผ่านมา ไม่นึกว่าจะเจอเธอ” 

“ผมก็ไม่นึกว่าจะมีใครเดินมาแถวนี้เหมือนกัน” ยาช่าพูด 

แล้วเด็กชายก็ชะงักและขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย 

“คุณกำลังโกรธผมไม่ใช่เหรอ”  

กาเบรียลทำท่านึกขึ้นได้ เธอหันหลังให้เขาทันที ท่าทางเหมือนเด็ก ๆ ของเธอทำให้เขาแทบหัวเราะออกมา 

“ผมขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ แต่คุณเข้าใจผิด” ยาช่าพูดกับแผ่นหลังของอีกฝ่าย 

“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด!” กาเบรียลหันหลังกลับแล้วพูดโต้ตอบ 

“ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเธอชอบเฮอร์ไมโอนี่” 

ดวงตาสีฟ้าใส่แจ๋วของเด็กหญิงจ้องเขม็งมาที่เขาราวกับจะเค้นความจริง 

“ถูกครับ” เขาว่า  

กาเบรียลกัดริมฝีปาก - - เขาพูดได้ยังไงต่อหน้าเธอ!  

ยาช่าเห็นสีหน้าของเธอชัดเจนแม้ในความมืด เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

“แต่นั่น…มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว” 

สีหน้าของอีกฝ่ายค่อยคลายลง ยาช่ายกแขนขึ้นกางอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ว่าจะทำให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า 

"ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง แต่..." 

“ถ้าคุณอยากกอดผม - - เอ่อ ไม่ใช่....ผม.... ผมไม่รู้ว่าเขาต้องพูดกันยังไง!” ยาช่าโมโหตัวเอง 

กาเบรียลหน้าแดงก่ำ แต่ก็ตั้งใจฟังเขาพูดต่อ

“ถ้าผมเป็นหมาป่าคุณจะลูบตัวผมก็ได้ แต่เป็นคนแบบนี้ผมไม่เคยเชิญใคร - - ให้มาถูกตัว”  

เด็กชายเว้นวรรคเพราะกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไปและเธอจะวิ่งหนีเขาไปด้วยความโมโห 
แต่เมื่อเห็นเธอยังคงยืนฟังอยู่เขาจึงพยายามพูดต่อ 

“ไม่….ไม่ใช่เชิญใคร - - ผม ผมหมายถึง ผมเองต่างหาก…” เด็กชายอึกอัก 

เขาเม้มปากแล้วสูดลมหายใจเต็มปอดเพื่อพูดให้จบประโยค 

“ผมอยากกอดคุณฮะ!” 

กาเบรียลวิ่งไปกอดเขาทันที ยาช่ากอดตอบเธออย่างแนบแน่น 

อีกด้านหนึ่ง…. 

มัลฟอยถอนหายใจมองท้องทะเลในยามค่ำคืนอย่างท้อแท้ใจ - 
- นี่มันอะไรกันนักหนา เขามีปัญหากับเฮอร์ไมโอนี่จนยากที่จะให้กลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ 

ตอนนี้เธออยู่กับเจ้าหัวแดงวิสลีย์ แล้วนี่เขาต้องมาแบกกระเป๋าของใครก็ไม่รู้ ยังดีที่ไม่หนัก
แต่เขากำลังหมดความอดทนแล้ว อยากจะโยนมันทิ้งทะเลไปซะเดี๋ยวนี้ แล้วเขาก็นึกออก

 ก็เขามาที่นี่เพื่อทิ้งมันอยู่แล้วนี่นา คิดได้ดังนั้นเขาก็เอากระเป๋าที่คล้องไหล่ไว้ออกมาถือ เด็กชาย
ยกมันขึ้นเหนือหัวและตั้งท่าจะเหวี่ยงมันลงทะเลไป 

เสียงพื้นทรายถูกย่ำดังขึ้นข้างหลังเขา มัลฟอยหันไปมองก็เห็นเด็กผู้หญิงผมฟูที่เขาคุ้นตายืนอยู่ 


ดวงดาวกับความรัก(Next Meeting) ตอนที่ 12 

“เกรนเจอร์” 

เด็กชายแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะมาพบเธอที่นี่ เขาลดกระเป๋าสีดำนั้นลง 

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่อเขาเช่นกัน ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูจาง ๆ 

เด็กหญิงเม้มริมฝีปาก เธอคิดว่าเวลานี้คงไม่เหมาะจะเรียกเพียงแค่ชื่อของเขา
 แม้จะทะเลาะกันอยู่แต่การพูดกับเขาสักประโยคอาจจะดีกว่าเดินหนีไปเฉย ๆ 

“เธอจะทิ้งกระเป๋านั่นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดในที่สุด เพราะเห็นท่าทางของเขาเมื่อสักครู่ 

“ก็มันไม่ใช่ของฉัน” มัลฟอยเขย่า แล้วโยนกระเป๋าโครมลงบนพื้นทรายตรงเท้าของตัวเองอย่างไม่สนใจ
 เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

“มาทำอะไรแถวนี้คนเดียว” มัลฟอยพูด 

เขาพูดเพราะเป็นห่วงเธอก็จริง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังไม่พอใจเธอเพราะเรื่องอะไร
และเพราะใครก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก 

“วิสลีย์ไม่มาด้วยเหรอ อ้อ หรือเจ้าพอตเตอร์ดี” 

เฮอร์ไมโอนี่นึกฉุน เธอคิดว่าจะได้พูดดี ๆ กับเขาสักทีหลังจากที่ไม่ได้คุยหรือแม้แต่มองหน้ากันมานาน 

“มันไม่เกี่ยวกับพวกเขา!” 

“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง เห็นสนิทแนบแน่นกันเหลือเกินนี่” เด็กชายโต้ 

“นายจะมายัดเยียดสองคนนั่นให้ฉันทำไม!” 

“เพราะฉันเห็นเต็มตาน่ะสิ!” 

มัลฟอยระเบิดอารมณ์ใส่ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ 

“ทำไมถึงคิดว่าตัวเองรู้ดีนัก!” เธอพูดเสียงดัง 

“เรื่องแค่นี้เจ้าซื่อบื้อลองบัตท่อมยังรู้เลย!” 

“อย่าพาลไปถึงคนอื่นนะ!” 

แล้วทั้งสองก็หยุดและหอบหายใจเพราะเถียงกันอยู่นาน มัลฟอยกัดฟันและก้ม
ลงหยิบกระเป๋าตรงเท้าขึ้นมาแต่แล้วก็มีกล่องเล็ก ๆ ใบหนึ่งซึ่งเหน็บไว้ส่วน

ไหนของกระเป๋าไม่มีใครรู้ได้หล่นลงมากระทบกับพื้นทรายตรงหน้าทั้งสองคน และ…เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด 

ถุงยาง! 

มัลฟอยถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นชัด ๆ ว่ามันคืออะไร เขาเงยหน้าขึ้นมองเฮอร์ไมโอนี่ที่
หน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันทีที่เห็นของสิ่งนั้นและกำลังมองเขาเช่นกัน เด็กชายพูดอย่างรู้ทันความคิดเธอ 

“นี่ อย่าคิดอกุศลนะ มันไม่ใช่ของฉันหรอก” 

“แต่มันหล่นมาจากกระเป๋านายนะ!” 

“ฉันเพิ่งพูดไปหยก ๆ ว่า - - นี่!” เขาพูดเหมือนตะโกนแล้วเขย่ากระเป๋าในมืออย่างโมโหจัด 

“ไม่ใช่กระเป๋าของฉัน!” 

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแล้วเงียบลงเพราะลืมไป 

“ขอโทษที” เธอคิดว่าคำนี้คงดีที่สุด 

มัลฟอยถอนใจเฮือกแล้วเดินมาหยิบกล่องใบนั้นขึ้น เขาขว้างมันสุดแรงให้เข้าไปในหมู่ต้น
ไม้ที่ขึ้นอยู่ไกล ๆ ซึ่งตอนนี้มืดมิดอย่างไม่สนใจ เมื่อเขาหันกลับมาก็สบตากับดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่
 ทั้งสองมองตากันนิ่ง 

มัลฟอยเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนจะเดินแยกจากเธอตรงไปที่ชายหาด แล้วหยุดตรงที่คลื่นซัดมาถึงพอดี 

“มาทะเลแต่ให้มานั่งจ้องมันอยู่ได้ บ้าเอ๊ย!” 

เด็กชายสบถอย่างหงุดหงิดแล้ววางกระเป๋าลึกลับใบนั้นลงกับพื้นทราย เขาถอดเสื้อคลุมของ
โรงเรียนออกวางไว้ข้างกันโดยไม่กลัวว่าคลื่นจะซัดมาถูกเข้า เฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนอยู่ไกล ๆ อ้าปากค้าง 

“เดี๋ยวก็เปียกหมดหรอก” 

“ช่างมันเถอะ” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก้าวลงไปที่ทะเล เด็กหญิงร้อง 

“มัลฟอย! เธอจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าเล่นน้ำ” 

เขายักไหล่ เฮอร์ไมโอนี่ตกใจ 

“เธอลืมแล้วเหรออาจารย์สั่งห้ามเราเล่นน้ำ” 

“แล้วคิดว่าฉันสนรึไง” เด็กชายว่า - - อย่างเขาน่ะหรือต้องมาสนใจกฎระเบียบอะไร 

“จะยืนอยู่ก็ตามใจ” เด็กชายพูดจบก็เดินลงไปทั้งชุดเต็มยศ ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น 

พอเดินไปจนน้ำลึกถึงเอว มัลฟอยก็หันกลับมาที่ฝั่ง 

“ลงมาสิเกรนเจอร์ น้ำไม่เย็นสักหน่อย” 

“ไม่เอาหรอก ถ้าใครมาเห็น! - - “ เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง 

“เห็นก็ช่างหัวมันปะไร!” มัลฟอยพูดเหมือนตะโกน 

“ถ้าเธอกลัวใครจะรู้เรื่องของเรานักล่ะก็กลับไปนอนซะเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว!” 

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก มองมัลฟอยที่สะบัดหน้ากลับและเดินลงน้ำลึกลงไปอีกตามลำพัง 

“กลัว กลัว กลัว! กลัวเจ้าวิสลี่ย์มันรู้มากนักใช่ไหม!” เขาพึมพำอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วชกน้ำทะเลตรงหน้าอย่างหงุดหงิด 

“ทำไมต้องกลัวอะไรนักหนา!” เด็กชายรู้สึกว่าความโกรธที่พลุ่งพล่านในใจตอนนี้คงไม่มีวันสงบลง 
และอีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงอะไรให้เขาเห็นเลยว่าเธอนั้นอยากคืนดีด้วย 

“ไม่ใช่สักหน่อย” 

เสียของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นจากข้างหลังเขา มัลฟอยหันไปมองทันที เสียงพื้นน้ำที่กระเพื่อมอยู่ท่าม
กลางความเงียบสงบทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ไม่ไกล เขาอุทานชื่อเธอออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา 

“เกรนเจอร์” 

เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว เธอลงน้ำมาทั้งชุดเหมือนกัน ปลายผมพองฟูพลิ้วอยู่ในน้ำทะเล 

“ถ้าเธอไม่กลัว” เด็กหญิงหน้าเป็นสีชมพู แล้วเดินมาใกล้เขามากขึ้นเพื่อสบตาอีกฝ่าย 

“ฉันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเหมือนกัน” 

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เขย่งเท้าขึ้น มัลฟอยก็ก้มหน้าลงมาหาเธอ ต่างฝ่ายต่างรู้สึกราวกับจากกันไปนานเหลือเกิน 

ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันดังเช่นทุกครั้งที่ต้องการจะสื่อความในใจให้อีกคนรู้
 แต่ในครั้งนี้เหมือนมีทั้งความคิดถึงและความรู้สึกผิดต่อกันเจือมาในเรียวปาก 

ไม่ว่าใครในโลก…ไม่มีใครรู้เรื่องของเราทั้งนั้น  

“พวกเธอรู้ไหมว่าเฮอร์ไมโอนี่หายไปไหน” 

ปาราวตีมาเดินมาเคาะห้องถามหาเพื่อนกับแฮร์รี่และรอนซึ่งทั้งสองกำลังเล่นเกม
ไพ่แสนประเบิดปังกันอยู่บนที่นอน หลังจากที่สนุกสนานกับไพ่มักเกิ้ลกันไปแล้ว

 เนวิลล์ที่ร่วมห้องด้วยกันคอยลุ้นอยู่ไกล ๆ เพราะเฟร็ดกับจอร์จเติมแรงระเบิดเพิ่มเข้ามาใน
ไพ่นี้เพราะคิดว่ามันจะเพิ่มความสนุกได้ แต่คนอื่น ๆ คิดว่ามันเพิ่มเรื่องเจ็บตัวมากกว่า 

“เขาบอกว่าลืมของไว้ที่ริมหาดตอนเรียนคาบวิชาแปลงร่าง” แฮร์รี่บอกกับปาราวตี 

“กาเบรียลก็หายไปนะ” น้ำเสียงของเด็กหญิงเป็นกังวล 

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวก็มา” รอนตัดบทสั้น ๆ จนอีกฝ่ายแบะปากที่เขาไม่เห็นความสำคัญของ
คำถามเธอก่อนจะเดินออกไป 

“เขาไปคนเดียวรึเปล่าก็ไม่รู้” รอนว่าหลังจากที่เด็กหญิงปิดประตูเดินออกไปแล้ว แม้จะดูเหมือนไม่กังวล
 แต่ใจจริงแล้วเขาก็ห่วงเฮอร์ไมโอนี่ไม่น้อยเพียงแต่ไม่ต้องการให้ใครมารู้ 

แฮร์รี่วางไพ่ลงแล้วตอบ 

“มันจะมีอะไรอันตรายได้ยังไง ยกเว้นถ้าไปเจอมัลฟอย - - ” 

ไพ่แสนประเบิดตูมขึ้นมาจนแว่นตาของแฮร์รี่กระเด็นออกจากจมูก 

“ลางไม่ดีนะเนี่ย” 

รอนหัวเราะเสียงดังแล้วมองแฮร์รี่ลูบผมที่ไหม้หงิกของตัวเองให้ลงมาตามเดิม  

คลื่นยังคงม้วนตัวเข้าหาฝั่งเหมือนกันทุกวัน ดูราวกับว่าท้องทะเลช่างขยันและ
ไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยที่จะสร้างมันขึ้นมา เฮอร์ไมโอนีที่ตัวเปียกชุ่มนั่งกำลังอยู่บนพื้นทราย

 ขณะที่มัลฟอยนอนประสานมือขึ้นหนุนศรีษะอยู่ไม่ห่างกัน ทั้งสองกำลังมองไปบนท้องฟ้า
ที่มีดวงดาวระยิบระยับนั้นด้วยใจที่สงบนิ่ง 

“ฟ้าสวยจัง” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นแล้วหันไปมองมัลฟอย 

“อืม - - ใช่ ฉันไม่ได้แหงนหน้าดูนานแล้ว” เขาบอก 

ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปครู่หนึ่ง มัลฟอยจึงพูดต่อ 

“เคยคิดบ้างไหมว่าสักวันเราอาจจะต้องแยกจากกันจริง ๆ” 

“เธอคิดอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างแปลกใจ 

“ตั้งแต่เห็นวิสลีย์มันหึงเธอตอนนั้น” เขาหมายถึงตอนงานเลี้ยงเปิดเทอมและรอนแสดงท่าทางออกมาโดยไม่รู้ตัว 

“ไม่ใช่สิ ตั้งแต่ตอนปีสี่ เรื่องของเธอกับวิกเตอร์ ครัม ตอนคาบชั่วโมงปรุงยา” 

มัลฟอยหยัดตัวขึ้นนั่งบ้าง แล้วมองอีกฝ่ายเหมือนต้องการคำตอบ 

“ฉัน…ไม่ได้คิดอะไรกับรอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วหรุบตาลงเพื่อระลึกเรื่องระหว่างเธอกับรอนที่ผ่านมา 

“ฉันว่าวิสลีย์มันเริ่มคิดแล้วล่ะ” มัลฟอยจ้องเธอเต็มตา 

“ปล่อยให้เขาคิดไปก่อนก็ได้” เด็กหญิงแกล้งพูดพลางหัวเราะ ท่าทางทีเล่นทีจริง 

“มันต้องเลิกคิด” มัลฟอยพูดเสียงเฉียบขาด แววตาของเขาแสดงให้เห็นว่าเอาจริง 

เฮอร์ไมโอนีหน้าเป็นสีชมพูขึ้น เมื่อเห็นท่าทางของเขา 

“ฉันยืนยันนะว่าฉันไม่รู้เรื่องที่รอนคิดหรอก ถ้าเธอไม่บอก” เธอพูดอย่างเกรง ๆ 

“ตอนนี้เธอก็รู้แล้ว จะทำยังไงต่อไปล่ะ” 

“จะให้ทำยังไงล่ะ ฉันห้ามความคิดเขาไม่ได้นี่นา” 

มัลฟอยละสายตาจากอีกฝ่าย แล้วมองท้องฟ้าตามเดิม เขาถอนใจลึกแล้วมองท้องฟ้า 
เด็กชายเหยียดขาและยื่นแขนทั้งสองไปไว้ด้านหลังเพื่อยันตัวเองไว้ เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจ 

“เธอกังวลเหรอ” 

“นิดหน่อยมั้ง ไม่รู้ต่อไปจะเป็นยังไง” 

“เป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างจริงจัง 

มัลฟอยหันกลับมามองหน้าเธอ 

“ไม่กลัวอนาคตใช่ไหม” 

“ไม่เลยสักนิด” เฮอร์ไมโอนี่มองอีกฝ่ายนิ่ง 

มัลฟอยโน้มหน้ามาใกล้แล้วจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา 
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายถอยตัวออกไปห่าง เธอพูดขึ้นอย่างแปลกใจ 

“มัลฟอย เธอใส่น้ำหอมเหรอ” 

“หือ - - เปล่านี่” เขาขมวดคิ้วบ้าง 

“แต่ฉันได้กลิ่นจริง ๆ นะ” 

มัลฟอยทำท่าคิด แล้วเอานิ้วแตะที่คางของตัวเอง 

“กลิ่นน้ำยาโกนหนวดมั้ง” 

“เธอโกนหนวดด้วยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างประหลาดใจ 

มัลฟอยเลิกคิ้วราวกับว่าอีกฝ่ายถามว่าอย่างเขานี่ต้องดื่มน้ำด้วยเหรอ เขาพูดงง ๆ 

“ถามแปลก ๆ ฉันก็ต้องโกนสิจะปล่อยให้มันยาวได้ยังไง” 

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” 

เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปาก เธอรู้สึกว่ามัลฟอยเปลี่ยนไปแล้ว
 เธอกับเขาอยู่ใกล้ชิดกันมานานโดยที่ไม่มีใครรู้ตั้งแต่ตอนปีสาม
 มาจนบัดนี้มัลฟอยกลายเป็นหนุ่มน้อยที่เธอผูกพันอย่างมากมาย 

มัลฟอยรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาไหวไหล่ 

“ฉันไม่ได้เป็นเด็กตลอดไป เธอเองก็เหมือนกัน ไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเธอก็น่ากอดขึ้นกว่าเดิมเยอะจริง ๆ” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัด มัลฟอยพูดต่อ 

“พิสูจน์ดีกว่า” 

เขาเอื้อมมือไปหากระเป๋าลึกลับไปนั้นที่ตอนนี้เปื้อนทั้งน้ำทะเลและทราย
 เขาพยายามพลิกหาว่าเปิดตรงไหนได้บ้างนอกจากล็อกด้านหน้าที่ดูเหมือนจะไม่มีทางเปิดได้ เฮอร์ไมโอนี่สงสัย 

“หาอะไรเหรอ ไหนเธอบอกว่าไม่ใช่กระเป๋าของเธอไง” 

“จะดูว่ายังมีไอ้นั่นเหลืออยู่อีกสักกล่องไหม” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัดยิ่งกว่าเก่า เธอพูดเสียงเขียว 

“ไม่ต้องเลยนะ!” 

มัลฟอยหัวเราะ 

“ฉันล้อเล่นน่า แต่ว่าฉันยอมครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แกล้งทำเป็นเด็ดขาด 

“ครั้งไหนก็ไม่ได้!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดังและเด็ดขาดยิ่งกว่า 

“โอเค โอเค” มัลฟอยยอมแพ้ 

“ว่าแต่ว่า” เขาหันมองกระเป๋าในมืออย่างสงสัย เฮอร์ไมโอนี่เองก็เช่นกัน
 ทั้งสองมีคำถามเดียวกันขณะที่มองกระเป๋าสีดำซึ่งตอนนี้เปื้อนทรายและน้ำทะเลเต็มไปหมด 

“นี่มันกระเป๋าของใครกันเนี่ย” 


ดวงดาวกับความรัก(Next Meeting) ตอนจบ 

วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเดินทางกลับ ท้องฟ้ายามเช้าของทะเลดูสวยงามเหมือนภาพวาด 
บรรดานักเรียนแต่ละบ้านต่างก็เก็บข้าวของส่วนตัวลงกระเป๋ากันอย่างเรียบร้อยเพื่อเดินทางกลับมา

ตั้งแต่เมื่อคืน ทุกคนหวังอย่างเดียวกันว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้เพื่อจะได้เล่นน้ำให้สนุกกันเสียที 
และวันนี้ก็เป็นวันที่อากาศดีเหมาะกับการเล่นน้ำทะเลหลือเกิน 

“ทุกคนออกมาเข้าแถวข้างนอก” 

พรีเฟ็กคนเดิมของกริฟฟินดอร์ตะโกนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของบ้านก่อนจะเดินนำออกไปที่ลานกว้าง
ด้านหน้าบ้านพัก เด็ก ๆ กริฟฟินดอร์เดินคุยเสียงดังกันมาตอลดทางออกจนพรีเฟ็กคนเดิมต้องตะเบ็งเสียงแข่ง 

“อย่าเสียงดัง - - ตรวจดูด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า เราจะไม่มีการกลับมาเอาของนะ” 

นักเรียนทุกคนตรวจสัมภาระของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งหลังจากนั้นก็เกิดความชุลมุนเล็กน้อยเพราะ
เด็กหลายคนวิ่งกลับเข้าไปหยิบของที่ลืมไว้ในบ้านพัก จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าไม่มีใครวิ่ง
ไปไหนกันอีกพรีเฟ็กชายคนนั้นก็บอกให้ทุกคนเงียบและเดินตามเขามา 

แถวของเด็กแต่ละบ้านมาเจอกันก่อนที่จะเดินไปถึงชายหาด เฮอร์ไมโอนี่มองเห็นมัลฟอยในแถวบ้านของสลิธีริน
 แต่เด็กชายมีมาดเกินกว่าจะทำอย่างอื่นได้มากกว่าสบตาเธอตอบ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอยิ้มให้เขา 

เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เธอได้คุยกับมัลฟอยเกี่ยวกับกระเป๋าใบนั้น เด็กชายว่าถึงไม่มี
เจ้าของออกมาแสดงตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก 

“ตอนแรกก็คงลืมจริง ๆ ตอนหลังสงสัยจะกลัวว่าฉันพังล็อกด้านหน้าแล้วเปิดดูของข้างในแล้ว” 

มัลฟอยเว้นวรรคเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ให้เธอเข้าใจตรงกันว่าของข้างในคืออะไร ตอน
นี้เฮอร์ไมโอนี่ไม่หน้าแดงแต่เธอต้องปิดปากเพื่อกลั้นหัวเราะแทน เด็กชายพูดต่อ 

“ก็เลยไม่กล้าตามมาเอาคืน” 

“แล้วทำไมเธอถึงอุตส่าห์สะพายมันมาถึงที่นี่ล่ะ” 

“ฉันจะทิ้งมันน่ะสิ ทีเจ้าของเห็นไม่สนใจ แล้วทำไมฉันต้องสนด้วย”
 มัลฟอยพูดอย่างไม่แยแส เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างหน่าย ๆ เพราะรู้นิสัยอีกคนดี 

“ทีนี้จะเอามันไปไหนล่ะ” เธอถามซ้ำ 

“คงให้พรีเฟ็กมั้ง - - ถ้าไม่ติดว่าฉันจะแก้แค้นเจ้าของมันก็คงส่งไปตั้งแต่แรกแล้ว” 

เฮอร์ไมโอนี่ยันตัวเองขึ้นยืนช้า ๆ แล้วพูด 

“กลับกันเถอะ เดี๋ยวใครต่อใครจะแห่กันมาตามเรา” 

มัลฟอยยืนขึ้นบ้าง เขาเหวี่ยงกระเป๋าลึกลับใบนั้นไปคล้องไหล่ แล้วหยิบไม้กายสิทธิ์
ในเสื้อคลุมออกมาร่ายเวทมนตร์สั้น ๆ ไม่ช้าเสื้อผ้าของเขาและเฮอร์ไมโอนี่ก็แห้งสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

“เธอเคยใช้เวทมนตร์นี้ตอนที่เราเจอโอวีล่าแล้วตกลงไปในสระของพรีเฟ็คนะ ฉันจำได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดถึงอดีต 

“อย่าเอ่ยชื่อนั้นได้ไหม” มัลฟอยพูดหงุดหงิด 

“เธอไม่ชอบหรือกลัวเขาล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ 

“ฉันไม่เคยกลัวสาวเซ็กซี่ที่เรียกฉันว่า “สุดที่รัก” ซะด้วย” มัลฟอยแหย่กลับแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่ 

“แต่ฉันอยากให้ผู้หญิงธรรมดา ๆ ตรงหน้าเรียกฉันอย่างนั้นมากกว่า” 

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพู 

“มากันครบแล้วใช้ไหม” 

เสียงตะโกนของแฮกริดดังเข้ามาในความคิดจนเฮอร์ไมโอนี่ตื่นจากภวังค์ 
บรรดาพรีเฟ็กที่นำพวกเขามาเดินไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่ยืนรออยู่กับอาจารย์คนอื่น ๆ
 เพื่อรายงานว่ามีเหตุการณ์อะไรผิดปกติและนักเรียนอยู่ครบหรือเปล่า 

เงาสีดำสี่จุดบนท้องฟ้าเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณแสดงว่าพวกมันกำลังร่อนลงต่ำ
 เมื่ออยู่ในระยะที่สามารถมองได้ชัด เด็กทุกคนก็เห็นเรือลำเดิมลอยลงมาจากท้องฟ้าและ
ไม่นานพวกมันก็ลงจอดอย่างนุ่มนวลบนชายหาดชนิดน้ำทะเลแทบจะไม่กระเพื่อม 

“ทีตอนมีคนนั่งอยู่ไม่เห็นจอดดีขนาดนี้” รอนบ่นออกมาดัง ๆ เฟร็ดกับจอร์จที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
 กอดอกพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย (น้อยครั้งที่จะได้เห็นสองคนนี้ไม่ต่อปากต่อคำ) 

เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ในห้องโดยสารส่วนตัวเช่นเดียวกับขามา แต่ที่ต่างไปจากเดิมก็คงเป็นตรงที่เธอมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา 

รอนกับแฮร์รี่เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นเฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ เธอทักเพื่อนทั้งสอง 

“มาแล้วเหรอรอน แฮร์รี่” 

เด็กชายทั้งสองมองหน้ากัน 

“ท่าทางกลับเป็นปกติแล้วนี่ เอ๊ะ - - หรือว่าดีขึ้นกว่าเดิม” 

รอนพูดอย่างแปลกใจขณะเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ แฮร์รี่เองก็อดสงสัยไม่ได้ 

“เปล่านี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างสดชื่น 

“น่าเชื่ออยู่หรอก” รอนประชด 

“ถ้าที่ผ่านมาฉันเชื่อว่าเธอไม่มีอะไรกลุ้มใจจริง ๆ ก็คงไม่แปลถ้าฉันจะเชื่อว่าเฟร็ดกับจอร์จจะ
ไปทำงานที่กระทรวงเวทมนตร์กับเพอร์ซี่ - - ” 

แฮร์รี่เผลอหัวเราะออกมาทั้งที่ควรจะรีบสนับสนุนความคิดของรอนเพื่อจะ
ได้รู้สักทีว่าที่ผ่านมานั้นเฮอร์ไมโอนี่กลุ้มใจอะไร 

รอนทำหน้าขุ่นเคือง 

“คราวนี้เธอแก้ปัญหาได้แล้วล่ะสิ ถึงได้ไม่บอกพวกเรา คราหน้าถ้ามีอะไรกลุ้ม
ใจแล้วเธอไม่บอกเราสองคนบ้างล่ะก็ฉันจะถือว่าเธอไม่เห็นเราเป็นเพื่อน - - ” 

เสียงเรือเริ่มขยับลำขึ้นสู่ท้องฟ้า แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ฉวยเก้าอี้ไว้ตามสัญชาตญาณ - 
- เป็นสัญชาตญาณที่เกิดขึ้นใหม่หลังจากขึ้นเรือลำนี้ว่าถ้าเรือขยับเมื่อไหร่อาจจะเกิ
ดเหตุการณ์ดียวกันกับตอนที่ลงจอดก็ได้ แต่ปรากฏว่าผิดคาดเรือแล่นขึ้นอย่างนุ่มนวลกว่าที่คิด 

“สงสัยศาสตราจารย์มักกอนนากัลไปขึ้นค่าตอบแทนให้กับคนขับ” 

รอนพูดขึ้นขณะปล่อยมือจากที่วางแขน แฮร์รี่เห็นด้วยกับรอนอย่างเต็มร้อย 

อีกด้านหนึ่งของเรือ กาเบรียลหลับสนิทกับไหล่ของยาช่าอยู่ในห้อง พวกเขาจะไป
ถึงฮอกวอตส์อีกไม่ช้าเช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่น ๆ ความจริงอีกอย่างก็คือหลังจากนั้นพวก
เขาก็ต้องแยกย้ายกันไป กาเบรียลต้องกลับไปโบซบาตง และยาช่าเองก็กลับโรงเรียนของตัวเองเหมือนกัน 

ห้อง ๆ นี้เป็นห้องอาจารย์จัดให้เขาแยกจากเด็กคนอื่น ๆ เหมือนเมื่อก่อนโดยให้อยู่ห้องนี้ลำพัง
 ไม่ใช่ว่ารังเกียจเขาแต่การที่จะให้เด็กชายซึ่ง“เคย”เป็นหมาป่ามาก่อนอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ 
ก็อาจจะเกิดปัญหาจากผู้ปกครองซึ่งไม่เคยไว้วางใจคนลักษณะพิเศษเช่นนี้ขึ้นได้ 

กาเบรียลนั้นหลบบรรดาอาจารย์และเด็กบ้านสลิธีรินมาพบเขาที่นี่ แต่พอคุยกันได้ไม่
นานเธอก็งัวเงียและหลับไป เด็กชายหมาป่ามองออกไปนอกหน้าต่าง ปุยเมฆข้างนอกลอยอยู่
โดยรอบดูราวกับเป็นทะเลสีขาวสะอาดตา 

กาเบรียลขยับตัวเล็กน้อย ยาช่าหันไปมองแล้วยกแขนขึ้นจับศรีษะเธอให้อยู่ถูกที่ 
เมื่อแน่ใจว่าเธอยังคงหลับเขาก็ค่อย ๆ วางมือลงบนไหล่ของเธอ เด็กชายมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
 แต่แล้วจิตใต้สำนึกก็พูดขึ้นเหมือนยุเขา 

จูบเธอสิ - - เธอไม่ว่าหรอก! 

ริมฝีปากของกาเบรียลอยู่ใกล้แค่นี้อย่างที่ใจว่าจริง ๆ เด็กชายเม้มปากแน่นเหมือนรวบรวมความ
กล้าแล้วเลื่อนหน้าเข้าไปหาเธอ เขาแทบกลั้นหายใจไม่ให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากะทันหัน 

คำภาวนาดูเหมือนไม่เป็นผล กาเบรียลตื่นขึ้นแทบจะทันทีที่เขานึก แม้จะมีท่าทางตกใจแต่คง
น้อยกว่ายาช่าที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ ๆ ก็ลืมตาแป๋วขึ้น 

“ผม - - ไม่ได้ตั้งใจ” เด็กชายลดมือลงจากไหล่ของเธอแล้วรีบร้อนลุกไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม 

กาเบรียลหน้าเป็นสีชมพู เธอลูบผมสีเงินของตัวเองให้แนบศรีษะตามเดิมหลังจากที่มันยุ่งเหยิงเพราะพิงเขาอยู่นาน 

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้โกรธ” 

ดวงตาสีฟ้าใสแจ๋วของอีกฝ่ายดูจริงจังจนเขาอยากจะชกหน้าตัวเองสักที กาเบรียลรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าของเขา 

“พอถึงฮอกวอตส์ - - เราก็ต้องจากกัน ฉันคงจะคิดถึงเธอมาก” มีแววเศร้าเจือในน้ำเสียงของเด็กหญิง 

“ผมต้องการให้คุณนึกถึงผมฮะ” ยาช่าพยายามเลือกคำพูดอย่างระมัดระวังที่สุด 

“แล้วเธอก็ต้องคิดถึงฉันนะ” กาเบรียลพูดพลางหัวเราะราวกับต้องการจะขู่เขาเล่น ๆ 

“ถึงตอนนี้คุณจะห้ามผมคิดถึงคุณ” ยาช่าเว้นวรรคเพื่อมองอีกฝ่ายให้เต็มตา 

”ก็ช้าไปแล้วครับ” 

เมื่อสบตากันอยู่เป็นครู่ ต่างฝ่ายต่างยืนขึ้นและเดินเข้ามาหากัน 
ยาช่ายกมือขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะทำยังไงดี กาเบรียลยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสี
น้ำตาลที่อยู่ข้างศรีษะของเขา เด็กชายมองหน้าแดงจัดของกาเบรียลแล้วก็รั้งตัวเธอเข้ามาแนบอกก่อนจะก้มลงมาหา 

“ยาช่า” กาเบรียลเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่วเมื่อใบหน้าต่างฝ่ายแนบชิดกัน ตอนนี้แก้มของเธอคงแดงมาก
ไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เด็กหญิงค่อย ๆ ปิดตาสนิทก่อนจะพูดขึ้นหยอก ๆ 

“จูบแรกหรือเปล่านี่” 

“เดาดูสิฮะ” ยาช่าหัวเราะ 

ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันในที่สุด กาเบรียลยกแขนขึ้นกอดอีกฝ่าย
 ขณะที่ยาช่าเองก็กอดเธอตอบอย่างแนบแน่นเช่นกัน 


เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวอยู่บนเรือ ถ้าจะให้นั่งอยู่แต่ในห้องกับเพื่อนสองคนที่เอาแต่
กินเธอคงได้กินไปด้วยกันตลอดทางแน่ การออกมาเดินเล่นดูทิวทัศน์จากหน้าต่างทรงกลม
ของเรือนั้นเป็นเรื่องเพลิดเพลินเท่าที่พอจะหาได้และเธอก็จะได้ยืดเส้นยืดสายด้วย 

ตามทางเดินที่ทำด้วยไม้เงาวับนั้นว่างเปล่า เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกตัวว่าเดินเข้ามาในเขตของห้องพักเด็ก
สลิธีรินโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นเครื่องหมายงูสีเขียวสลับเงินติดอยู่ตรงทางเดิน เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าตัวเองเดินมา
ในถิ่นที่ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว เพราะนอกจากเด็กสลิธีรินไม่ชอบหน้าเธอกันทุกคนแล้ว
 ยังมีศัตรูที่เกลียดเธอเข้ากระดูกดำอย่างจำเพาะเจาะจงอย่างแพนซี่ พาร์คินสัน 

เมื่อรีบหันหลังกลับเสียงประตูของห้องด้านหลังของเธอก็เลื่อนออกดังครืด เด็กหญิงยัง
ไม่ทันได้หันไปดูว่าเป็นใคร เจ้าของห้องก็คว้าเธอไว้ทั้งตัวก่อนจะดึงเธอเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดปากแน่น 

เธอกำลังจะถูกทำร้าย! 

เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นสุดกำลังแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลกว่ามากนัก
 วิธีสุดท้ายที่เธอนึกได้คือขอความช่วยเหลือจากใครสักคน! 

“มัลฟอย!....” เฮอร์ไมโอนี่ร้องชื่อคนที่เธอคิดว่าจะช่วยได้ในตอนนี้ออกมาสุดเสียง 

“อะไร” 

เด็กชายผมสีบลอนด์เจ้าของชื่อปล่อยปากเธอทันที มีรอยยิ้มพอใจที่ได้ยินเธอเรียกชื่อเขา
 เฮอร์ไมโอนี่ตาเบิกค้างเมื่อเห็นว่าคนที่เธอต้องการให้ช่วยคือคนที่ลากเธอเข้ามาในนี้ซะเอง
 เมื่อตั้งตัวได้แล้วเด็กหญิงก็โวยวายเสียงดัง 

“นายทำฉันตกใจนะ!” 

“ฉันต้องการให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” เขายักไหล่ยียวน 

“แครบกับกอยล์ไปเดินไถขนมเด็กคนอื่นกินถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ฉันกำลังเซ็ง ๆ ก็เห็นเธอเดินมาพอดี” 

เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นด้วยความโกรธที่ถูกเขาทำตามใจและอายที่เมื่อครู่เผลอเรียกชื่อของเขาไป 
มัลฟอยพูดต่ออย่างไม่สนใจ 

“ฉันชอบห้องแบบนี้” เขามองไปรอบ ๆ ห้องโดยสารของตัวเอง แล้วมาหยุดสายตาที่เฮอร์ไมโอนี่ 

“นอกจากเงียบแล้วยังไม่มีใครมากวนอีกต่างหาก” 

“แต่มันไม่เก็บเสียงหรอก!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดังเพื่อจะขู่ว่าถ้าเธอร้องออกไปก็ต้องมีใครได้ยินแน่ ๆ 

“แล้วเธอจะส่งเสียงอะไรออกไปให้คนเขาสงสัยกันล่ะ” เด็กชายหรี่ตาแล้วเว้นวรรค 

“หรือว่าเสียงแห่งความพอใจ” เขาพูดเสียงยั่ว ๆ ในตอนท้าย
 นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัดเพราะรู้ว่ามัลฟอยหมายถึงเสียงในตอนไหน! 

“พูดจาน่าเกลียดที่สุด! นายมัน - - ” 

“คิดไปถึงไหนกัน” มัลฟอยหัวเราะ แล้วท่าทางก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง 

“แต่ลองซักหน่อยก็ดี” 

เมื่อเขาก้าวเข้ามาหา เฮอร์ไมโอนี่ก็หยิบไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่อีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง 

“ผิดไปหน่อย คราวนี้ฉันมีไม้กายสิทธิ์!” 

ท่าทางของเด็กหญิงพร้อมสู้เต็มที่ มัลฟอยถอนใจหน่ายแล้วกลอกตามองเพดานอย่างไม่เข้าใจ 

“เรื่องของเรามันน่าจะคืบหน้ากว่านี้ได้แล้วนะ” 

“นี่มันบนเรือโดยสารนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเหมือนตะโกนแต่น่าแปลกที่ไม่มีใครโผล่เข้ามาดูว่าเกิดอะ
ไรขึ้นในนี้ หรือว่าความเชื่อที่ว่าห้องนี้ไม่เก็บเสียงนั้นไม่จริง! 

เด็กชายเลิกคิ้ว 

“หมายความว่า ที่อื่นถึงจะได้งั้นสิ” 

เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากสนิททันที ใบหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่การตอบรับแต่เด็กหญิงคิดว่าถึงจะเถียงอะ
ไรออกไปอีกเขาก็หาช่องทางวกกลับมาเรื่องเดิมได้อยู่ดี 

มัลฟอยมองเธอด้วยดวงตาสีซีดที่คุ้นเคยดี แล้วเขาก็พูด 

“ตอนนี้แค่นิดหน่อยได้ไหมล่ะ” 

เมื่ออีกฝ่ายไม่ว่าอะไรนอกจากใบหน้าเป็นสีจัดขึ้นอีก มัลฟอยเดินเข้ามาประชิดแล้ว
จับปลายไม้กายสิทธิ์ของเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่ผงะถอยหลัง มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์ 

“คราวนี้อยากจูบฉันเองไหมล่ะ เกรนเจอร์ ให้เวลาคิดไม่นานนะ ฉันยิ่งไม่ค่อยยอมให้ใครจูบง่าย ๆ อยู่ด้วย” 

“ไม่เห็นต้องคิด! ฉันไม่อยาก!” เด็กหญิงตอบอย่างหนักแน่น 

“ถ้างั้นให้ฉันจูบเธอละกัน” มัลฟอยกดไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ลงแล้วรวบตัวเธอมาหาอย่าง
รวดเร็วจนอีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว 

“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงดังเมื่อเข้าก้มหน้าลงมา 

“นั่นไม่ใช่ชื่อฉันสักหน่อย” เด็กชายบ่น 

“ฉันบอกให้เธอเลิกเรียกฉันอย่างนั้นไปตั้งนานแล้ว” 

“ฉันก็เคยเรียกนะ” เฮอร์ไมโอพูดกับมัลฟอยที่ใบหน้าอยู่ห่างแค่คืบ 

เขาทำท่าคิด 

“นับครั้งได้เลยมั้ง ต่อไปเธอก็เรียกชื่อฉันสิ” 

“ถ้าเธอเต็มใจนะ” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ 

“แล้วก็บอกความรู้สึกของเธอได้หรือยัง” มัลฟอยแตะริมฝีปากับแก้มอีกฝ่าย 

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแล้วหรุบตาลงต่ำ เธอพูดประโยคทีเขารอคอยมานานอย่างแผ่วเบา 

“ฉัน…รักเธอ - - เดรโก” 

“ดีมาก เด็กดี” มัลฟอยพูดอย่างพอใจแล้วก้มหน้าลงมาหาเธออีกครั้ง 

ริมฝีปากของทั้งสองคนสัมผัสกันในที่สุด มัลฟอยคล้องแขนไว้รอบตัวของเฮอร์ไมโอนี่ขณะ
ที่เด็กหญิงเองก็คล้องแขนไว้รอบคอเขาเช่นกัน - - ไม่นานพวกเขาจะไปถึงฮอกวอตส์

 โรงเรียนที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดและจะเป็นที่ที่จะดำเนินเรื่องราวระหว่างเขาสองคนต่อ
ไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของพวกเขาตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ 

หรือเรื่องราวอันแสนยาวนานที่ผ่านมานี้ซึ่งไม่มีใครรู้ก็จะไม่มีใครได้รู้ต่อไป ตลอดกาล 





TBC


No comments:

Post a Comment