Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Saturday, July 18, 2015

II: Search Your Heart

ตอน ความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน

****1****

ที่ตรอกไดแอกอน เด็กชายผิวซีดกำลังเดินดูของตามร้านต่างๆ เพียงลำพัง เขาเพิ่งถูกพ่อของเขาสั่งให้ออกมาห่างๆ เมื่อเวลาที่ต้องการทำธุระสำคัญภายในตรอกน็อกเทิร์นเหมือนเช่นทุกครั้ง เขามาหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายอุปกรณ์ควิดดิช พลางมองดูไม้กวาดไฟร์โบลต์อย่างสนใจ พ่อของเขาปฎิเสธที่จะซื้อมันให้ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเป็นของแบบเดียวกับที่พอตเตอร์ใช้ มัลฟอยยืนจ้องด้วยความเสียดาย พลันเขาเห็นเงาที่มีผมพองฟูเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง เขาเพ่งมองเงาสะท้อนจากกระจกอย่างรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนหันกลับมาดูให้แน่ใจ

“เกรนเจอร์..”

เขาพึมพำเบาๆ พลางสอดสายตามองไปรอบๆ อย่างนึกแปลกใจที่ไม่มีพอตเตอร์และวีสลีย์อยู่กับเธอเหมือนทุกครั้ง มัลฟอยขยับตัวเดินเข้าไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังสนใจมองหนังสืออยู่ที่ร้านหนังสืออีกร้านหนึ่ง

“น่าแปลกใจนะที่เธอมาอยู่ตรงนี้คนเดียว เกรนเจอร์” เด็กสาวสะดุ้ง หันขวับมาทันทีเธอขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

“มัลฟอย” เธอยิ้มเล็กน้อย  “น่าแปลกใจเหมือนกันที่เห็นนายเดินอยู่ได้ด้วยตัวเองคนเดียว”

เฮอร์ไมโอนี่หมายถึงทุกครั้งเขาจะต้องมีแครบและกอยล์ตามติดอยู่เสมอ  จนเหมือนเขาเดินได้โดยการใช้สองคนนั่นช่วยพยุงตัวไว้ มัลฟอยทำหน้าไม่พอใจก่อนถาม

“แล้วคู่หูของเธอไม่มาด้วยหรือ เกรนเจอร์”

“ถ้าหมายถึงแฮร์รี่กับรอนแล้วล่ะก็ เขาจะมาตอนบ่าย” เธอยิ้ม 

“เฟร็ดกับจอร์จก็มาพร้อมกันด้วย ถ้านายอยากเจอพวกเขาอีก”

มัลฟอยหน้าเสียเล็กน้อย เขาไม่พร้อมที่จะเจอกับพวกหัวแดงวิสลีย์ทั้งฝูง แล้วยังเจ้าพอตเตอร์ที่เขาแสนรังเกียจนั่นอีก แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรกับเฮอร์ไมโอนี่ต่อ มีเสียงเรียกอย่างสุภาพดังขึ้น

“รอนานไหมจ๊ะลูก” หญิงผิวขาวผมสีน้ำตาลรวบอย่างง่ายๆไว้ข้างหลัง ยิ้มอย่างอ่อนโยนมาที่เฮอร์ไมโอนี่ ข้างๆ เธอมีชายผอมสูงแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ในมือหอบหนังสือหลายเล่ม เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับอย่างอ่อนโยน

“ไม่นานหรอกค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ หนูกำลังดูหนังสือน่าสนใจอีกเล่มหนึ่งพอดี” นายเกรนเจอร์ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้ว

“หนูคิดว่าจะอ่านมันไหวหรือ นี่มันก็มากพอแล้วนะลูก” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอายๆ

“ก็ แหม หนูคิดว่ามันน่าอ่านมากเท่านั้น ยังไม่ต้องรีบซื้อก็ได้นี่คะ” นางเกรนเจอร์มองไปที่มัลฟอยที่ยังคงยืนเชิดปึ่งอยู่ “พ่อหนุ่มน้อยนี่คงยู่ที่โรงเรียนเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ซิจ๊ะ” มัลฟอยเชิดหน้าเล็กน้อย

\"ใช่”  เขาตอบเบาๆ นายและนางเกรนเจอร์มองดูเขาอย่างงงๆ เฮอร์ไมโอนี่แอบทำตาเขียวใส่มัลฟอยก่อนตอบพ่อกับแม่ของเธอแทนเขา

“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะเขาอยู่ คนละบ้าน กับหนู เขาชื่อ เดรโก มัลฟอยค่ะ พ่อของเขาก็เคยเจอกับคุณพ่อคุณแม่แล้วตอนที่หนูอยู่ปีสอง จำได้ไหมคะ”

นายและนางเกรนเจอร์นึกถึงชายผมยาวสีบลอนด์ท่าทางยะโสได้ ทั้งคู่พยักหน้า

“อ้อ..” แล้วหันไปทางมัลฟอย

“แล้วคุณพ่อเธอล่ะ”

“มีธุระ” มัลฟอยตอบห้วนๆ เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดขึ้น

“คุณพ่อ คุณแม่ก็มีธุระเหมือนกันนี่คะ หนูจำได้ตอนบ่ายมีคนไข้นัดไว้ 2-3 คน”

นายเกรนเจอร์มองหน้ามัลฟอยอย่างกังวล 

“แล้วหนูจะอยู่คนเดียวได้หรือ”

“ได้ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม  “เดี๋ยวแฮร์รี่กับรอนก็มาแล้ว เรานัดเจอกันที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกค่ะ”

นายเกรนเจอร์พยักหน้า 

“ถ้าอย่างนั้นเราเอาของไปฝากไว้ที่ร้านนั้นก่อน ลูกแน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแทนคำตอบ 

“ถ้าอย่างนั้นพ่อกับแม่กลับก่อน แล้วเราจะมารับลูกตอนปิดเทอม”

นายเกรนเจอร์มองดูมัลฟอยอีกครั้ง เด็กชายเหลือบมองเฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อยก่อนพูดเบาๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจ 

“งั้น..สวัสดีครับคุณเกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาอย่างแปลกใจจนพ่อกับแม่ของเธอเดินลับไปจากสายตา

“น่าแปลกใจนะที่นายยอมพูดกับพ่อแม่ฉัน”

มัลฟอยยักไหล่ไม่พูดอะไร เขามองดูผมสีน้ำตาลฟูฟ่องของเด็กสาว มันถูกรวบไว้ด้านหลังด้วยที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินที่เป็นเลื่อมพรายเมื่อถูกแสง เขายิ้มเล็กน้อย

“ฉันคิดว่าเธอจะโยนมันทิ้งไปเสียแล้ว”

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูเธอจับที่ติดผมอย่างเขินเล็กน้อยก่อนที่จะทำหน้าขึงขัง

“ก็คิดเอาไว้เหมือนกัน” แล้วเธอก็หรี่ตาลง

“แต่พอนึกภาพตอนที่นายซื้อของแบบนี้ มันเลยทิ้งไม่ลง”

มัลฟอยหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดอะไร..

“เฮอร์ไมโอนี่” 

เสียงเรียกที่ฟังดูร้อนรนดังขึ้น เขาหันกลับไปดูก่อนทำสีหน้ารังเกียจ

“เฮอะ” เขาพ่นลมออกมาทางจมูก รอนและแฮร์รี่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา

“รอนานไหม” แฮร์รี่พูดหอบเบาๆ เขาเหลือบตามองมัลฟอยอย่างไม่ไว้ใจ

“ทำไมมายืนตรงนี้คนเดียวล่ะมัน อันตราย รู้ไหม” รอนพูดพลางส่งสายตาเกลียดชังไปที่มัลฟอย

“ไม่มีที่ไหนเป็นอันตรายกับยายนี่หรอก วีสลีย์” มัลฟอยตอบเนือยๆ แต่ส่งสายตาเกลียดชังตอบไปยังรอน

“ไม่มีใครอยาก แตะ โคลนให้มือสกปรกหรอก”

“แก!” รอนร้องตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่มัลฟอย แต่แฮร์รี่คว้าเสื้อคลุมเขาไว้

“ฉันคิดว่ามีหนวดปลาหมึกอยู่ตรงคางนายนะ มัลฟอย” เขาพูดเสียงเย็นๆ มัลฟอยหน้าซีดด้วยความโกรธ 

“ใช่” รอนพูดแยกเขี้ยวเยาะเย้ย

“ฉันว่ามันดูดีเหมาะกับหน้าซีดๆของแกมากเลย ใช่ไหม เฟร็ด จอร์จ”

รอนทำท่าพูดไปทางด้านหลังของมัลฟอย เขาสะดุ้งเล็กน้อยเหลียวหลังไปมอง เมื่อรู้ตัวว่าถูกรอนแกล้งเขาหันกลับมาด้วยสีหน้าโกรธที่ถูกรอนหลอก เขาล้วงมือไปหยิบไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุม แต่ช้ากว่าเฮอร์ไมโอนี่ เธอใช้ไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงมาที่หน้าของเขา

“เก็บไม้ของนายซะ มัลฟอย” เธอพูด “ถ้าไม่อยากให้หน้าของนายมีฝีขึ้นเต็ม”

มัลฟอยกัดฟันมองหน้าเธอนิ่ง เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามีแววตัดพ้ออยู่ในดวงตาสีซีดคู่นั้น เธอเม้มปากเป็นเส้นตรง เชิดหน้าเล็กน้อย มัลฟอยเก็บไม้กายสิทธิ์ด้วยกิริยาขุ่นเคือง 

“ฝากไว้ก่อน..แล้วเจอกันที่โรงเรียน” เขาพูดลอดไรฟันก่อนจะมองเขม็งมาที่เฮอร์ไมโอนี่

“โดยเฉพาะเธอ ยายเลือดสีโคลน” เขาเน้นคำพูดก่อนสะบัดหันหลังเดินจากไป

“แล้วอย่าลืมมาเอาคืนล่ะ” รอนตะโกนไล่หลังเยาะเย้ยจนแฮร์รี่ต้องสะกิดเพราะผู้คนที่เดินไปมาหันมามองดูเด็กทั้งสาม

“ยอดเลยเฮอร์ไมโอนี่ เธอขู่หมอนั่นจนขวัญกระเจิง” รอนหันมาชื่นชมเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่ออกเดินไปที่ร้านหนังสือด้วยกัน เธอยิ้มรับแต่ไม่พูดอะไร เด็กสาวยกมือขึ้นจับที่ติดผมเบาๆ อย่างลืมตัว แฮร์รี่มองท่าทางของเธอ แต่เขาเข้าใจไปอีกทาง

“เธอซื้อที่ติดผมใหม่งั้นหรือ สวยดีนะ” เขาเอ่ยชม รอนชะโงกหน้าดูแต่เบ้ปาก 

“ทำไมซื้อสีแบบนี้ล่ะ ทำยังกับสีของพวกสลิธีรินแน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเบาๆ เธอยิ้มเล็กน้อย

“คือมันสวยดีน่ะ ฉันเลยไม่ทันคิดเรื่องนั้น”

“แต่มันก็รับกับสีผมของเธอดีนะ” แฮร์รี่พยายามชมเพื่อกลบเกลื่อน

“แต่ฉันว่าสีแดงทองเหมาะกับผมเธอมากกว่า สีเขียวเงินนี่ น่าเกลียดพิลึก” รอนยังคงวิจารณ์ต่อ เฮอร์ไมโอนี่หยุดยิ้มถลึงตามองรอน

“ถ้าเธอไม่ชอบก็ไม่ต้องมองสิ แต่ฉันชอบ!” เธอกระแทกเสียงตอนท้ายก่อนสะบัดหน้าใส่รอน เขาหน้าเจื่อน แฮร์รี่นึกขำที่รอนมักชอบหาเรื่องยั่วโมโหเฮอร์ไมโอนี่ ลงท้ายเขาก็ต้องเป็นคนไกล่เกลี่ย

“ไปหาอะไรทานกันก่อนกลับเถอะ” แฮร์รี่สรุป ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเห็นด้วยทันที
......................................................



                  บนขบวนรถด่วนสายฮอกวอตส์ แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ยังคงได้ที่นั่งตอนท้ายของขบวน ทั้งสามคนกำลังคุยถึงเรื่องที่ทำในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนซึ่งโดยส่วนใหญ่แฮร์รี่มักเป็นฝ่ายฟังมากกว่า

“เอ้อ..ขอโทษนะ” เสียงขัดจังหวะดังขึ้นค่อยๆ เด็กชายหน้าอ้วนกลมโผล่หน้ามาอย่างหวาดๆ

“คือ  ฉันทำคางคกหาย มันอยู่แถวนี้บ้างไหม” เขาถามอย่างประหม่า แฮร์รี่ มองหน้ารอนพลางส่ายหน้า

“เธอจำได้หรือเปล่าว่ามันหายไปตอนไหน” เฮอร์ไมโอนี่ถามเนวิลล์ เด็กชายนิ่งคิด คิ้วสีดำขมวดยุ่งบนหน้ากลมๆ ของเขา

“คือ…” เขานึก “ฉันว่าน่าจะเป็นตอนฉันเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อ” เฮอร์ไมโอนี่ผุดลุกขึ้น

“เดี๋ยวฉันมานะ” เธอหันมาบอกเพื่อนทั้งสองของเธอ ก่อนเดินนำหน้าเนวิลล์ออกไป

“แล้วทำไมเขาต้องออกไปด้วย” รอนถาม แฮร์รี่ส่ายหน้า

“คงเป็นเพราะเนวิลล์ทำคางคกหายทุกครั้งที่ขึ้นรถ และ เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนหาเจอทุกครั้งมั้ง” เขาพูดพลางหยิบกบช็อคโกแลตเข้าปากเคี้ยว รอนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนโยนเบอร์ตี้บอตเข้าปาก แล้วคายทิ้งแทบไม่ทัน

“แหวะ” เขาร้อง “รสขี้หมา!”


                   
                  หลังจากหาคางคกของเนวิลล์ซึ่งเข้าไปแอบในท่อระบายน้ำ จนเฮอร์ไมโอนี่ต้องใช้คาถาเรียกมันออกมาแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินกลับไปที่ตู้ของตัวเอง แต่ระหว่างทางเธอเจอกับกลุ่มของเด็กสลิธีรินโดยมีแพนซี่เป็นหัวหน้าเช่นเคย

“หลีก!ยัยเลือดสีโคลน” แพนซี่ตะคอกใส่เฮอร์ไมโอนี่แต่เธอกลับยืนเฉยจนแพนซี่โกรธ

“หูหนวกรึไง ยัยเลือดสีโคลนโสโครก” หล่อนตะเบ็งเสียงตวาดแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับยิ้มอย่างเยือกเย็น

“หูฉันยังดีอยู่ พาร์กินสัน แต่มันจะฟังเฉพาะคำพูดของคนชั้นดีเท่านั้น”

แพนซี่แยกเขี้ยวเดินตรงรี่เข้ามาที่เฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น

“โมบิลิอาร์มัส”

เก้าอี้ตัวหนึ่งเลื่อนมาขวางหล่อนซึ่งยั้งเท้าไม่ทันสะดุดจนหน้าคะมำไปกองแทบเท้าเฮอร์ไมโอนี่

“เอกซ์เปลลิอาร์มัส”

เด็กสาวโบกไม้ไปทางกลุ่มเพื่อนของแพนซี่ซึ่งเพิ่งดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา เธอรับไม้ไว้อย่างชำนาญ พลางส่งสายตาเยาะไปที่กลุ่มเด็กสาวพวกนั้น แต่แพนซี่ซึ่งลุกขึ้นได้แล้วกระชากข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่เต็มแรง เธอล้มทั้งยืน ไม้กายสิทธิ์ทั้งหมดหลุดมือรวมทั้งของเธอเองด้วย

แพนซี่นั่งคร่อมร่างของเฮอร์ไมโอนี่ใช้มือขยุ้มผมพองฟูของเด็กสาวกระชากเต็มแรง เฮอร์ไมโอนี่หน้าหงายตามแรงดึง เธอร้องด้วยความเจ็บปวด เพื่อนร่างยักษ์ของแพนซี่คนหนึ่งเดินเข้ามาฟาดมือเข้าที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่เสียงดังสนั่น ใบหน้าของเธอสะบัดหันตามแรง แพนซี่จิกที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินแล้วกระชากออกเต็มแรง

“ผมโสโครกของแก ไม่คู่ควรกับของแบบนี้หรอก” หล่อนทำท่าจะขว้างมันออกนอกหน้าต่าง

“หยุดนะ แพนซี่ !”  เสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้น แพนซี่ชะงักทันที หล่อนมองใบหน้าที่ซีดขาว ดวงตาสีเทาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัดอย่างตกใจ

“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน” มัลฟอยเดินเข้ามาด้วยท่าทางโกรธสุดขีด 

“คือ..”

แพนซี่อึกอัก มัลฟอยมองดูที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินในมือของแพนซี่ เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“ส่งมันมาให้ฉัน” เขาพูดห้วนๆ แพนซี่มีสีหน้างง แต่ต้องสะดุ้งสุดตัว

“หูหนวกรึยังไง!”

หล่อนรีบลนลานส่งมันให้มัลฟอย เขารับมาพลางกระชากคอเสื้อเด็กสาวร่างยักษ์เหวี่ยงออกไปให้พ้นทาง

“คิดโง่ๆ อย่างคนชั้นต่ำ” เขาพูดพลางมองเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ใบหน้าบวมแดงแล้วกวาดตาไปรอบๆ

“พวกเธอก่อเรื่องแบบนี้อยากให้พวกเราเสียคะแนนบ้านรึยังไง” แพนซี่ทำท่าจะเข้าไปเกาะแขนเขาอย่างประจบแต่ต้องชะงัก

“อย่าเข้ามา ออกไปให้หมด ไปให้พ้นแถวนี้” เขาตวาดเสียงดุดัน จนกลุ่มเด็กสาวต้องค่อยๆ เดินหนีไปอย่างกลัวเกรง “เป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาถามเฮอร์ไมโอนี่ห้วนๆ

“แค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอกน่ะ” เธอตอบประชดเขา มัลฟอยมองหน้าเธอแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาส่งไม้กายสิทธิ์คืนให้เธอ

“ก็ดี” เขาพูดสั้นๆ ก่อนหมุนตัวหันหลังจะกลับ

“เดี๋ยว มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเขาชะงักมองหน้าเชิงถามว่ามีอะไร เด็กสาวมองไปที่มือของเขา

“คือ..ฉันขอคืนด้วย” เธอมองที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินเของเธอ แต่มัลฟอยกลับใส่มันเข้ากระเป๋าเสื้อคลุมก่อนจะส่งสายตาชาเย็นมาที่เธอ

“ฉันคิดว่าเธอคงไม่ต้องการมันเท่าไหร่หรอก” พูดแค่นั้น เขาก็หันหลังเดินออกไป

............................................................



               “ปล่อยฉัน แฮร์รี่!” รอนร้องอย่างโกรธเคือง

“ฉันจะไปสั่งสอนพวกมัน” เขาพยายามจะวิ่งออกจากตู้ของพวกเขาแต่แฮร์รี่ออกแรงดึงตัวเขาไว้เต็มที่ 

“อย่าเลยน่ะ รอน” เฮอร์ไมโอนี่บอกเสียงแผ่วเบาพลางใช้ผ้าชุบน้ำเย็นโปะบริเวณรอยช้ำ 

“ขืนมีเรื่องตอนนี้ จะกลายเป็นว่าเราก่อเหตุวิวาทนะ” รอนชะงัก

“แล้วที่พวกมันทำล่ะ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้เหรอ เฮอร์ไมโอนี่” เขาร้องตะโกนเสียงสูง

“ช่างเถอะ” เด็กสาวก้มหน้า สิ่งที่เธอเสียใจกลับไม่ใช่เรื่องที่ถูกทำร้าย แต่เป็นสายตาของมัลฟอยที่มองมาที่เธอต่างหาก 

น้ำตาหยดลงบนมือของเธอ รอนตกใจมากเขารีบเข้ามาปลอบใจเธอทันที แฮร์รี่นิ่งเงียบแต่ในใจของเขานั้นแทบอยากจะออกไปร่ายคาถาแรงๆ ใส่พวกแพนซี่เดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ เฮอร์ไมโอนี่รีบปาดน้ำตาทิ้ง

“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก รอน ไม่เป็นอะไรจริงๆ ขอบใจนะ”

แต่ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็แทบไม่ได้พูดอะไรกับเพื่อนทั้งสองไปจนตลอดทาง


*****2*****



การคัดสรรผ่านไปอย่างเรียบร้อย หลังจากรับประทานอาหารและแนะนำตัวอาจารย์กันเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายกลับหอนอน เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมองมัลฟอย แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจจะหันมามองทางพวกเธอเหมือนทุกครั้ง เธอเม้มปากก่อนจะตัดสินใจเดินกลับขึ้นหอนอนอย่างไม่สบายใจ เธอเกือบจะไม่ได้ยินพรีเฟ็คของกริฟฟินดอร์บอกรหัสผ่านด้วยซ้ำหากแฮร์รี่ไม่สะกิดเตือน เขามองเธออย่างกังวล

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร” เขาถามย้ำ

“ฉันสบายดีจริงๆ แฮร์รี่ ขอบใจมาก ราตรีสวัสดิ์” เธอแยกขึ้นไปทางหอหญิง

“จะมานั่งกลุ้มเรื่องแบบนี้อยู่ไม่ได้” เธอคิด

“พรุ่งนี้เราต้องเรียนแต่เช้า” เด็กสาวคิดวนไปวนมาจนหลับไป



เวลาอาหารเช้า เมื่อทุกคนได้รับแจกตารางเรียนแล้ว ต่างรีบดูวิชาแรกที่จะได้เรียน แฮร์รี่ และรอนแทบลาป่วย

“นี่เราต้องเรียนกับสลิธีรินตั้งแต่คาบแรกของปีเลยรึนี่” รอนร้อง เบ้หน้าไปทางโต๊ะสลิธีริน

“แถมเป็นวิชาของสเนปอีก ฉันว่าเขาต้องเป็นคนจัดตารางเรียนแน่ๆ นายว่าไหม แฮร์รี่” แฮร์รี่ยิ้มรับพลางเหลือบสายตาไปทางโต๊ะของอาจารย์  สเนปยังคงส่งสายตาที่ชิงชังมาที่เขาเหมือนเดิมก่อนจะเบือนไปทางอื่น

“ฉันตายแน่” เสียงเนวิลล์ ลองบัตท่อม ครางเบาๆ เขามักถูกสเนปไล่เบี้ยอยู่เสมอเพราะความเป็นคนที่มีสมองเฉื่อยชา “คงไม่ถึงตายหรอกน่า เนวิลล์ ยังไงสเนปคงไม่กล้าฆ่านายต่อหน้าพวกเราหรอก” ดีน โทมัส พูดเบาๆ

“แต่ถ้าทำเป็นอุบัติเหตุก็ไม่แน่นะ” รอนแย้ง จนเฮอร์ไมโอนี่ต้องส่งสายตาดุมา เขาทำเป็นหยิบเบคอนเข้าปากอย่างไม่รู้ไม่ชี้

………………………………………………………………..



“ลองบัตท่อม เธอจำไม่ได้รึยังไงว่าฉันสั่งให้ใส่หนวดตะขาบลงไปก่อนใส่ตับงูไพธ่อน หา!” เสียงสเนปตะคอกลั่นคุกใต้ดิน

“ตลอดปิดเทอมมานี่เธอคงไม่ได้ไปทำให้กะโหลกหนาๆ ของเธอบางลงเลยใช่ไหม มันถึงไม่เคยซึมซับอะไรลงไปเลยน่ะ” เด็กชายตัวสั่นอย่างประหม่าและเริ่มทำตัวไม่ถูก

“ไม่ต้องแก้ไข เปลี่ยนหม้อใหม่แล้วปรุงใหม่ทั้งหมด หักกริฟฟินดอร์ 10 คะแนน” เสียงกังวานดังไปทั่วแล้วเขาก็เดินตรวจเด็กๆ ทีละคน

“มิสบราวน์ ดูเธอจะให้ความสำคัญกับความงามมากกว่าการปรุงยานะ ฉันให้ตัดหนวดตะขาบ ไม่ใช่บรรจงเลาะมันจนเป็นแบบนี้” เขาเขี่ยหนวดตะขาบที่หลุดเป็นปล้องๆไปมา

“หักกริฟฟินดอร์ 5 คะแนน” เสียงหัวเราะเยาะคิกคักดังมาจากกลุ่มสลิธีริน มัลฟอยส่งสายตาเยาะเย้ยมาทางแฮร์รี่ แต่ดูเหมือนเขาจะพยายามไม่สนใจอะไร เนวิลล์เริ่มมือสั่นเมื่อสเนปเดินใกล้เข้ามา จนเฮอร์ไมโอนี่ต้องแอบกระซิบบอกวิธีที่ถูกต้อง

“ใครสั่งให้เธอแส่สอนคนอื่น หา เกรนเจอร์” เสียงเกรี้ยวกราดของสเนปดังขึ้นทันที

“ดูเหมือนระยะหลังมานี่เธอจะทำตัวเป็นผู้รู้มากเหลือเกินนะ” เขาหยุดยืนจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่

“หักกริฟฟินดอร์ 10 คะแนนโทษฐานสู่รู้ทำนอกเหนือคำสั่งอาจารย์”

สเนปยังคงเดินวนไปวนมาระหว่างโต๊ะของกริฟฟินดอร์  พร้อมกับเสียงหักคะแนนดังตลอดเวลาจนหมดคาบ



หลังหมดคาบวิชาปรุงยา เป็นช่วงเวลาว่างของกริฟฟินดอร์ เฮอร์ไมโอนี่รีบเดินเข้าห้องสมุดทันที หลังจากค้นหาหนังสือไปประมาณ 10 นาที เธอก็ได้กองหนังสือตั้งใหญ่ เด็กสาวรีบก้มหน้าก้มตาเปิดอ่านโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว 

“ดูอะไรนี่สิพวกเรา” เสียงแหลมน่ารังเกียจดังขึ้นไม่ไกลนัก

“ใครมานั่งอยู่ตรงนี้”

“น่าขยะแขยง” เสียงอีกคนหนึ่งพูดรับ “พวกโคลนโสโครก”

เฮอร์ไมโอนี่เอะใจและรู้สึกรำคาญจึงเงยหน้าขึ้นดู เธอขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นเจ้าของเสียง  เด็กหญิงบ้านสลิธีรินกลุ่มเดียวกับที่มีเรื่องบนรถไฟกับเธอทั้งกลุ่มนั่งมองตรงมาที่เฮอร์ไมโอนี่ โดยมีแพนซี่ พาร์กินสันเป็นหัวโจกเหมือนเคย 

“เหม็นกลิ่นโคลนสกปรกจริงๆ” แพนซี่พูดทำจมูกย่น ยิ่งทำให้หน้างอๆ ของเธอยิ่งดูยับย่นน่าเกลียดขึ้นไปอีก

“ไม่รู้ว่าเราจะต้องทนหายใจเอากลิ่นเหม็นๆ แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน” 

“ไม่ยากเลยแพนซี่” มิลลิเซนต์ บัลสโตรด เด็กหญิงร่างยักษ์พูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“กวาดมันทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง”

เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากอย่างอดทนแล้วก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ แพนซี่เดินตรงมาที่โต๊ะของเฮอร์ไมโอนี่ หล่อนวางมือลงบนหนังสือที่เธอกำลังอ่าน

“ออกไปยายเลือดโสโครก แกนั่งอยู่แถวนี้ฉันหายใจไม่ออก อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง”

เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองอย่างรำคาญใจ ก่อนที่เธอจะตอบอะไร สายตาก็เหลือบไปเห็นมัลฟอยนั่งดูเธออยู่อีกด้านหนึ่งด้วยสายตานิ่งเฉยชา เด็กสาวอึ้งเล็กน้อย เสียงแพนซี่ดังขัดขึ้นมาอีก

“หูหนวกรึยังไง ยัยหนอนโสโครก” เฮอร์ไมโอนี่มองหล่อนด้วยความโกรธ 

“อย่างที่ฉันเคยพูด หูของฉันจะฟังแต่คำพูดดีๆ” เธอพูดเสียงเย็น

“และที่เธอบอกว่าอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง น่าจะมาจากสมองของเธอเองมากกว่านะ” แพนซี่โกรธจนตัวสั่น

“แก!!” หล่อนเค้นเสียงออกมา มาดามพินซ์เดินมาที่โต๊ะของพวกเธอ

“ที่นี่เป็นห้องสมุด” เธอพูดดุๆ กวาดสายตามองกลุ่มแพนซี่ “ใครเสียงดังช่วยออกไปข้างนอก”

แพนซี่มองมาดามพินซ์อย่างเกรงๆ ก่อนค่อยๆ ถอยไปรวมกลุ่ม แต่ยังคงปรายหางตามาทางเฮอร์ไมโอนี่อย่างมุ่งร้าย เมื่อมาดามดินซ์เห็นเด็กๆ ทุกคนสงบปากลงเธอจึงค่อยหันหลังกลับไปทำงานของเธอต่อ

เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่มัลฟอยอีกครั้ง เขายังคงมองมาที่เธอด้วยดวงตาสีเทาที่เย็นชา รอยยิ้มเยาะปรากฏที่มุมปากซีดของเขา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ เธอปิดหนังสือเก็บรวบรวมมันใส่กระเป๋าก่อนจะเดินออกจากห้องสมุดด้วยความรู้สึกสับสนและน้อยใจ

..........................................................................................................



ชั่วโมงสมุนไพรศาสตร์ก็เป็นอีกวิชาหนึ่งที่พวกแฮร์รี่ต้องเรียนร่วมกับสลิธีริน ศาสตราจารย์สเปราต์สั่งให้เด็กทั้งสองกลุ่มจับสลับคู่กันเพื่อช่วยกันดูต้นพอร์พิต้า โชคร้ายที่แฮร์รี่และรอนได้จับคู่กับแครบและกอยล์ ซึ่งดูเหมือนจะเกะกะมากกว่าช่วย มิหนำซ้ำเมื่อไม่มีเจ้านายอยู่ด้วยแล้วสองคนนี่แทบจะทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากถลึงตาใส่แฮร์รี่และรอน เมื่อถูกศาสตราจารย์สเปราต์ดุเวลาทำผิด ส่วนเนวิลล์โชคร้ายที่ต้องจับคู่กับ แพนซี่ พาร์กินสัน

“ทำไมฉันต้องคู่กับคนโง่ๆ อย่างแกด้วยนะ” หล่อนกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ และยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อมองไปอีกคู่หนึ่งไม่ไกลนัก เฮอร์ไมโอนี่กำลังใช้ปากคีบหนีบหนอนตัวเล็กๆไปจ่อไว้ตรงช่องที่อยู่ตรงกลางของต้นพอร์พิต้า เธอมองดูหนวดเขียวๆ เป็นปล้องๆ ของมันขยับขึ้นมาจับหนอนส่งเข้าปากเองอย่างแหยงๆ เธอมองมัลฟอยที่ยังคงยืนเฉยอยู่

“นายจะไม่ลองให้อาหารมันดูบ้างเหรอ” มัลฟอยมองดูต้นพอร์พิต้าอย่างรังเกียจ เขาเบ้ปาก

“ฉันไม่มีหน้าที่ให้อาหารสัตว์” เขาพูดเสียงเหยียดๆ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขัดหูกับประโยคของเขาอย่างมาก

“นี่เป็น พืช ไม่ใช่สัตว์..มัลฟอย” เธอเน้นคำอธิบายเหมือนเขาเป็นเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไร

“พอร์พิต้าชอบขึ้นในที่ชุ่มชื้น มีแดดพอเหมาะ มันจะขับเมือกออกมาคลุมตัวให้เย็นอยู่เสมอ แต่เมือกของมันจะเป็นกรดต่อผิวหนังของสิ่งมีชีวิตอื่น ความรุนแรงแล้วแต่ขนาดและอายุของต้นพอร์พิต้าต้นนั้นๆ” เธออธิบายอย่างยืดยาวจนมัลฟอยทำสีหน้าเหมือนกลืนเมือกของพอร์พิต้าเข้าไปซักครึ่งถ้วย

“เมือกของพอร์พิต้าสามารถใช้.........” เธอตั้งท่าจะอธิบายต่อ แต่มัลฟอยรีบโบกมือแล้วหยิบปากคีบมาจากมือของเธอคีบหนอนยัดเข้าไปในช่องกลวงของพอร์พิต้า

“นายทำอย่างนั้นไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเบาๆ 

“ทำแบบนั้นพอร์พิต้าจะนึกว่าถูกทำร้าย มันจะไม่กิน นายต้องเอาเหยื่อเข้าไปใกล้ๆ ระยะหนวดของมันแบบนี้”

เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าให้อาหารต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว มัลฟอยแอบยิ้มในท่าทางของเธอก่อนปรับสีหน้าให้เฉยเหมือนเดิม 

“เก่งนี่” เขาชม เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะยิ้มออกมาแต่..

“สมเป็นพวกเลือดสีโคลน งานแบบนี้ยังทำเป็น” เธอส่งปากคีบคืนให้มัลฟอย

“ก็ยังดีกว่าพวกเลือดบริสุทธิ์ ที่ทำเป็นแค่ป้อนอาหารเข้าปากตัวเอง” เธอประชดประชันจ้องหน้าเขา มัลฟอยจ้องเธอกลับอย่างโกรธๆ 

“อย่าทำอวดเก่ง อย่างเธอน่ะมันก็แค่พวกเลือดสีโคลนที่ชอบอวดรู้ อวดฉลาดเท่านั้นเอง” เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากตัวเองแล้วความอดกลั้นของเธอก็หมดลงเมื่อได้ฟังประโยคต่อไปของเขา

“แค่มายืนใกล้ๆ เธอฉันก็เต็มทนแล้ว กลับหอคงต้องรีบอาบน้ำล้างหน้า ล้างจมูก ล้างหูให้สะอาด......” ยังไม่จบประโยคดีเขาก็ต้องรีบยกมือปิดหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อเฮอร์ไมโอนี่หยิบกองพอร์พิต้าโยนใส่เขาเต็มแรง เมือกเหลวเยิ้มของมันกระจายไปทั่ว เสียงศาสตราจารย์สเปราต์ดังขึ้นอย่างตกใจ

“พวกเธอทำอะไรกัน รู้ไหมว่าเมือกนี่มันเป็นกรด”  เธอรีบโบกไม้กายสิทธิ์ สายยางรดน้ำลอยขึ้นมาพร้อมน้ำที่ไหลออกมาล้างตัวของเด็กทั้งสอง

“ยังดีนะที่มันยังเป็นต้นอ่อน พวกเธอเลยได้แค่แผลพองแดงเท่านั้น” ศาสตราจารย์สเปราต์พูดเสียงโกรธๆ ขณะตรวจดูแผลหลังจากใช้น้ำล้างเมือกจนหมดแล้ว

“หักคนละ 20 คะแนน ฐานก่อเรื่องวิวาทและทำลายข้าวของ และฉันจะกักบริเวณเธอทั้งสองคนด้วย” เธอหันไปโบกมือไล่เด็กคนอื่นๆ ให้กลับไปทำงานต่อก่อนจะหันมาทางเด็กทั้งคู่

“เธอสองคนรีบไปหามาดามพอมฟรีย์เดี๋ยวนี้เพื่อทำแผล แล้วเย็นนี้หลังอาหารมาหาฉันที่นี่”

พูดจบเธอก็หันไปสอนเด็กคนอื่นๆ ต่อ เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยก่อนสะบัดหน้าเดินออกจากเรือนกระจก มัลฟอยมองเธออย่างโกรธๆ ก่อนเดินตามออกไป

………………………………………………………………



“โดนกักบริเวณกับเจ้านั่น อะไรจะโชคร้ายขนาดนั้นนะ” รอนบ่นขณะตักอาหารเข้าปาก พลางเหลือบมองไปทางโต๊ะสลิธีรินอย่างเกลียดชัง 

“ให้พวกเราไปเป็นเพื่อนไหม” แฮร์รี่ถามเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า

“อย่าดีกว่าเดี๋ยวถ้าถูกจับได้จะยิ่งแย่” เธอพยายามทานอาหารให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ รอนแอบหยิบขนมสองสามชิ้นใส่กระเป๋าเสื้อคลุมของเธอ เฮอร์ไมโอนี่มองตาเขียว

“ฉันไม่ได้ไปทำสงครามนะรอนแค่ถูกกักบริเวณ”

“นั่นแหละ” รอนพูดพลางส่งทาร์ตผลไม้เข้าปาก

“แค่โดนกักคู่กับหมอนั่นก็เหมือนเข้าสู่สงครามแล้ว ถ้าเธอถูกส่งไปทำงานที่คุกใต้ดินล่ะ” รอนทำท่าสยอง

“อย่างน้อยก็เป็นเสบียงไว้เวลาไปที่ห้องพยาบาลไง”

แฮร์รี่มองเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าเริ่มเข้มขึ้นขณะที่มองรอน เขาหัวเราะเบาๆ

“มันคงไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้นมั้งรอน” เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ตั้งท่าจะต่อว่ารอน แต่อีกฝ่ายยักไหล่


“กันไว้ก่อนเพื่อน” เขาพูดยิ้มๆ

*****3*****



เฮอร์ไมโอนี่ยืนรอศาสตราจารย์สเปราต์อย่างกระวนกระวายใจ เธอเหลือบมองมัลฟอยที่ยืนกอดอกพิงผนังกระจกเฉยอยู่ นานๆ เขาจะเหลือบตามองเธอสักครั้งเหมือนจะรำคาญท่าทีที่ดูลุกลนของเธอ

“รอนานไหมจ๊ะเด็กๆ” เสียงศาสตราจารย์สเปราต์ดังขึ้น ดูเธอรีบร้อน 

“พอดีมีประชุมอาจารย์ด่วนวันนี้” เธอพูดพลางเปิดประตูเรือนกระจก  

“เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเธอสองคนต้องทำงานกันตามลำพัง ฉันเลยคิดว่าน่าจะให้ดูแลต้นไม้ง่ายๆ นี่ดีกว่า” เธอชี้มือไปที่ต้นไม้เล็กๆ

“เป็นพวกหญ้าปล้องม้าธรรมดา แค่พวกเธอตรวจหาต้นที่เน่าเสีย ปรับดิน แล้วรดน้ำก็พอคิดว่าแค่ราวๆ สองชั่วโมงคงจะเสร็จ ถ้าฉันยังไม่มาเธอสองคนก็กลับกันไปก่อนได้เลย”

ศาสตราจารย์สเปราต์จัดแจงเปิดตู้อุปกรณ์ จัดเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไว้ให้ แล้วรีบเดินออกจากเรือนกระจก เธอหันกลับมาอีกครั้ง

“ถ้างานเสร็จก่อนก็กลับกันได้เลยนะ อ้อ ห้ามใช้เวทมนตร์ช่วย แล้วก็ห้ามไปทางเรือนกระจกข้างๆ นี่ล่ะ มันปิดไม่ได้ใช้งานอะไร ฉันเกรงว่าจะมีต้นไม้แปลกๆ มาขึ้น เดี๋ยวพวกเธอจะเป็นอันตราย” เธอกำชับก่อนจะรีบเร่งเดินกลับเข้าปราสาทไป มัลฟอยมองอุปกรณ์พลางทำท่าจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา 

“นั่นนายจะทำอะไร” เสียงดุๆ ของเฮร์ไมโอนี่ทำให้เขาชะงัก

“คงไม่คิดจะใช้เวทมนตร์ช่วยหรอกนะ” เธอย้ำ มัลฟอยมองอย่างไม่พอใจ

“เธอคิดว่าฉันจะต้องมานั่งพรวนดินต้นไม้แบบพวกคนรับใช้งั้นเรอะ” เขาย้อน

“รีบๆ ทำงานดีกว่า วิธีไหนมันก็เหมือนกัน อาจารย์คงไม่รู้หรอก”  พลางทำท่าจะหยิบไม้กายสิทธิ์อีก

“นายคิดว่าอาจารย์ไม่รู้งั้นเรอะ”

เฮอร์ไมโอนี่หน้างอ ยกนิ้วชี้ไปทางอีกมุมของห้อง มีต้นไม้หน้าตาประหลาดขึ้นอยู่ตรงมุมห้อง รูปร่างของมันสูงชะลูด มีใบตรงปลายยอดห้าใบ ตรงกลางเป็นดอกไม้รูปร่างคล้ายหัวนกแก้วมาร์คอว์ มันส่ายไปมาเหมือนคอยมองดูเด็กทั้งสอง มัลฟอยมองอย่างไม่เชื่อสายตา

“นี่เธอคิดว่าเจ้าต้นไม้ประหลาดนั่นมันฟ้องได้อย่างนั้นหรือ”

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบแต่กลับมองเขาด้วยสายตาดุๆ เป็นทำนอง ก็ใช่น่ะสิ พลางเริ่มหยิบอุปกรณ์ตัดแต่งต้นไม้แล้วเริ่มลงมือทำงาน มัลฟอยทำท่าทางฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบเครื่องมือพรวนดินเล็กๆ มาลงมือทำงานอย่างไม่พอใจ

“ถ้าพ่อฉันรู้ คงไม่ชอบใจแน่ๆ” เขาบ่นพึมพำ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาแล้วส่ายหน้า เด็กทั้งสองต่างคนต่างทำงานโดยไม่พูดอะไรกันนอกจากเสียงบ่นของมัลฟอยที่นานๆ จะพูดขึ้นสักครั้ง เวลาผ่านไปราวๆ สองชั่วโมงทั้งคู่จึงทำงานเสร็จ “ในนี้มีน้ำไหมนี่” มัลฟอยถามขึ้นลอยๆ พลางมองไปรอบๆ ตัว เฮอร์ไมโอนี่ปิดตู้อุปกรณ์ก่อนตอบ

“อยู่ข้างประตูนั่นยังไง” เขารีบเดินไปเปิดน้ำล้างมือที่เปื้อนดินอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาอย่างเอือมระอาปนขบขัน

“ส่งมาให้ฉันบ้างซิมัลฟอย” แต่เขายังคงล้างทำความสะอาดตัวเองเฉยอยู่จนเฮอร์ไมโอนี่โมโห

“นี่นายจะล้างอีกนานไหม” เธอพูดขึ้นอย่างเหลืออด มัลฟอยชะงัก

“ก็จนกว่าจะหมดคราบโคลน” เขาก้มหน้าถูดินในมือต่อ 

“ล้างเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมด พวกโคลน น่ารังเกียจ”  เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างนึกไม่ถึงว่าจะพูดประโยคนี้ออกมา เธอแย่งสายยางรดน้ำมาจากมือเขาแล้วฉีดใส่ทั่วตัวจนเปียกโชก 

“นี่เธอจะทำบ้าอะไรยายหัวฟู” มัลฟอยร้องอย่างโกรธๆ

“ก็ช่วยนายล้างโคลนไง” เด็กสาวประชดใบหน้าแดงด้วยความโกรธ

“สะอาดพอรึยังล่ะ”  เธอประชดพลางดูมัลฟอยที่เปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขามองเธอด้วยความโกรธ

“ยัง!” เขาพูดห้วนๆ พลางแย่งสายยางรดน้ำคืนจากเฮอร์ไมโอนี่แล้วใช้มืออีกข้างจับคอเสื้อเธอไว้

“ยังมีโคลนเหลืออยู่อีก” เขาพูดพลางเริ่มฉีดน้ำใส่เฮอร์ไมโอนี่ “อย่าดิ้นสิ” เขาพูดเยาะๆ

“ล้างออกยากซะด้วย สงสัยจะซึมเข้าไปในเลือดแล้วแน่ๆ”

เฮอร์ไมโอนี่สะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดจากมือของเขา เธอถอยหลังออกมายืนจ้องหน้ามัลฟอยด้วยความโกรธจัด ผมที่ฟูฟ่องเปียกน้ำชุ่มจนแนบกับศีรษะของเธอ

“จะหนีไปไหน ยังมีโคลนติดอยู่เต็มตัวเธอเลยนะ เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยันที่เธอแสนเกลียด เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงไปที่เขาทันที

“ริกตัสเซมปรา” 

มัลฟอยสะดุ้งตัวงอ สายยางรดน้ำหลุดจากมือ เขาเริ่มหอบหายใจเพราะพยายามกลั้นหัวเราะ

“ในเมื่อนายชอบหัวเราะเยาะคนอื่น ก็เชิญหัวเราะให้พอใจเลย มัลฟอย !” เฮอร์ไมโอนี่สะบัดหน้าเปิดประตูเรือนกระจกทำท่าจะก้าวออกไป 

“เดี๋ยว” มัลฟอยเรียกอย่างเหนื่อยหอบ

“เธอจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ”  เขาเค้นคำพูดอย่างยากลำบาก เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก

“ไม่”

เธอพูดสั้นๆ ก่อนหมุนตัวกลับเดินออกไป แสงสีเขียวพุ่งตามหลังเธอออกมากระแทกกับประตูเรือนกระจกข้างๆ แตกกระจาย เด็กสาวหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว มัลฟอยชี้ไม้กายสิทธิ์ตรงมาที่เธอ

“นาย!!”

เธอร้องอย่างโกรธเคืองแต่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อมีเส้นหรือหนวดสีเขียวขนาดใหญ่เลื้อยปราดเข้ามารัดตัวเธอไว้ เธอพยายามดิ้นรนและยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น แต่หนวดเส้นนั้นออกแรงรัดและเริ่มลากเธอเข้าไปในเรือนกระจกร้างที่ศาสตราจารย์สเปราต์พูดห้ามไว้ เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อไม้กายสิทธิ์ของเธอหลุดจากมือ

“มัลฟอย!!” เธอร้องได้แค่นั้นก่อนจะถูกลากหายเข้าไปในเรือนกระจก มัลฟอยมองดูด้วยความตกใจ





*****4*****



“เกรนเจอร์!!”

เขาร้องเรียกขณะที่พยายามรวบรวมกำลังลุกขึ้นเดินอย่างลำบากตามเข้าไปในเรือนกระจก เมื่อเข้าไปเขากลับพบแต่ความว่างเปล่า

“เกรนเจอร์!”

มัลฟอยตะโกนเรียกเฮอร์ไมโอนี่ เขารู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก เขาสอดสายตาหาทุกมุมของเรือนกระจก ขณะที่เก็บไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ที่เขาหยิบมาด้วยเข้ากระเป๋าเสื้อคลุมแล้วมาหยุดที่มุมในสุดของเรือนกระจก มีโพรงขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น เขายืนอยู่ปากโพรงอย่างลังเล มีเสียงเคลื่อนไหวและเสียงร้องของเฮอร์ไมโอนี่ดังมาแว่วๆ

“เกรนเจอร์..” เขาพูดเบาๆ ก่อนกระโดดลงไปในโพรง

ภายในโพรงมืดและอับชื้น มัลฟอยแตะผนังที่เรียบและลื่นเป็นมันเบาๆ ก่อนชักมือกลับอย่างขยะแขยง

“ลูมอส” ไฟสีฟ้าสว่างปรากฏขึ้นบนปลายไม้กายสิทธิ์ มัลฟอยค่อยๆ ก้าวเดินอย่างระมัดระวัง

“เกรนเจอร์” เขาส่งเสียงเรียกไม่ดังนัก แต่ดูเหมือนเสียงของเขาจะสะท้อนหายเข้าไปในโพรงที่ดำสนิท

เขาเดินไปได้ครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนไหวไปมาช้าๆ มัลฟอยค่อยๆ เดินอย่างระวังยิ่งขึ้น ดูเหมือนโพรงที่เดินมานั้นจะมีช่องทางออกขึ้นไปอีกทาง เขาปีนขึ้นไปอย่างลำบากเพราะความเรียบและลื่นของผนัง และเมื่อเขาออกมาพ้นปากโพรงความรู้สึกเย็นสันหลังก็แผ่ลงมาทั่วทั้งตัว

“ป่าต้องห้าม” เขาพึมพำอย่างหวาดๆ ก่อนกระชับไม้กายสิทธิ์ในมือ

เขาดับไฟบนไม้กายสิทธิ์ก่อนที่จะเริ่มออกเดินไปตามเสียง และเมื่อเดินเข้าไปในระยะใกล้ สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้มัลฟอยรู้สึกเหมือนเลือดแข็งไปทั้งตัว ต้นไม้ล้มลุกขนาดมหึมากำลังขยับหนวดของมันไปมา หนวดบางเส้นกำลังลากอะโครแมนทูล่าเข้าไปในฝักสีเหลืองๆ รอบๆ ลำต้นมีซากของสัตว์ต่างๆ หลายชนิดที่อยู่ในป่าต้องห้ามเกลื่อนกลาดอยู่

เสียงแมงมุมยักษ์กรีดร้องขณะที่กำลังถูกฝักของต้นไม้กลืนลงไปทั้งตัว มัลฟอยกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก พลางรีบมองหาเฮอร์ไมโอนี่อย่างร้อนรน เขาพบร่างของเธออยู่สูงขึ้นไปและกำลังดิ้นรนให้พ้นจากหนวดที่พันรัดร่างของเธออยู่

“เกรนเจอร์” มัลฟอยรีบส่งเสียงร้องเรียก เด็กสาวเหลียวมามองอย่างไม่เชื่อสายตา

“มัลฟอย” เธอร้อง

“ช่วยด้วย”

เขาเห็นฝักต้นไม้สีเหลืองอีกฝักที่กำลังขยับมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เขารีบเล็งไม้กายสิทธิ์ไปที่มันทันที

“สตูเปฟาย”

แสงสีเขียวพุ่งไปที่ฝักต้นไม้มันหยุดชะงักก่อนสั่นระริกและระเบิดกระจาย เขาขมวดคิ้วพลางลองใช้คาถาจี้เส้นกับหนวดต้นไม้ที่เลื้อยมาทางเขา ปรากฏว่ามันบิดเป็นเกลียวอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งขาดจากลำต้น

“เจ้าต้นไม้นี่ไม่ทนกับคาถานี่” เขาร้องอย่างดีใจ แต่จะทำยังไงถึงจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่หลุดจากมันอย่างปลอดภัย

เขาเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้อีก มันเริ่มขยับไปมาเหมือนรู้ว่ามีอันตรายเข้ามาใกล้ มัลฟอยเล็งไปที่หนวดเส้นที่รัดเฮอร์ไมโอนี่หลังจากเสกคาถาใส่หนวดหลายเส้นที่ตรงเข้ามาจะทำร้ายเขา

“สตูเปฟาย” หนวดแตกกระจายแต่ร่างของเฮอร์ไมโอนี่เหมือนลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ หนวดที่รัดตัวเธอคลายออกและร่วงลงบนพื้น ขณะที่ร่างของเด็กสาวค่อยๆ ลอยลงมาอย่างช้าๆ มัลฟอยรับตัวเธอไว้อย่างนุ่มนวล

ต้นไม้ยักษ์เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง มัลฟอยรีบวางเฮอร์ไมโอนี่ลงแล้วส่งไม้กายสิทธิ์ให้เธอ ทั้งสองเสกคาถาระเบิดหนวดทุกเส้นที่ตรงเข้ามา

“แบบนี้เราไม่ไหวแน่” เฮอร์ไมโอนี่ร้องบอกมัลฟอยเธอหันไประเบิดฝักสีเหลืองที่พุ่งตรงเข้ามาหาเธอ

“แล้วมีวิธีอื่นอีกไหมล่ะ” มัลฟอยตะโกนถามก่อนชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่หนวดอีกเส้น

“ฉันจะหมดแรงอยู่แล้วนะเกรนเจอร์” เขาพูดพลางเสกคาถาระเบิดใส่หนวดเส้นนั้น เฮอร์ไมโอนี่คิดสักพัก 

“นายใช้คาถาจุดไฟได้ใช่ไหม มัลฟอย”

“ได้..ทำไม”

“เล็งไปที่โคนต้นแล้วจุดไฟพร้อมกันเลยนะ”

มัลฟอยสะบัดไม้กายสิทธิ์ใส่หนวดต้นไม้อีกเส้นก่อนถอยออกมายืนข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ ทั้งคู่ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่โคนของต้นไม้ซึ่งมันพยายามขยับหนี

“รัคคานัม อินฟรามาเร!!”

เปลวไฟสีส้มพุ่งออกจากปลายไม้เด็กทั้งสองไปที่โคนต้นไม้ยักษ์ มันหดหนวดไปมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อถูกไฟเผา ทั้งคู่รีบวิ่งหลบออกมายืนดูห่างๆ กลิ่นเหม็นไหม้น่าสะอิดสะเอียนคลุ้งไปทั่วบริเวณ 

“เราไปกันเถอะ” มัลฟอยพูดพลางดึงมือเฮอร์ไมโอนี่

“แต่ถ้าไฟมันลามออกไปล่ะ” เด็กสาวกังวลเขาทำหน้ารำคาญ 

“นี่คือป่าต้องห้าม มันมีหนทางดับของมันเองล่ะน่า” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าก่อนเดินตามเขาย้อนกลับไปตามโพรง

“คงต้องรอให้พวกอาจารย์มาปิดโพรงนี่เอง” มัลฟอยพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ปีนออกมาอยู่ในเรือนกระจกแล้ว

“เดี๋ยวเราจะโดนหักคะแนนข้อหาทำลายข้าวของเปล่าๆ” เขาเปิดน้ำล้างมือที่เปื้อนดินจนดำไปหมดพลางเหลือบมองเฮอร์ไมโอนี่

“ส่งมือมาซิ เธอเจ็บแบบนั้นคงล้างเองไม่ได้แน่” เด็กสาวยื่นมือให้เขาอย่างลังเลมัลฟอยจับมือเล็กๆ อย่างแผ่วเบา 

“แผลเต็มไปหมด” เขาบ่นเบาๆ ก่อนค่อยๆ ล้างเศษดินและยางไม้ออกจากแขนทั้งสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่ เธอมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง

“ทำไมถึงตามไปช่วยล่ะ”

มัลฟอยชะงักเล็กน้อย

“ก็ไม่ได้ตั้งใจจะช่วย แค่ตามไปดูเฉยๆ” เขาหันไปปิดน้ำ เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุเห็นใบหน้าที่เริ่มมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย

“แต่ฉันไม่ยกโทษให้หรอกนะที่นายใช้คาถาแรงๆ กับฉันน่ะ” เขามองหน้าเธออย่างงงๆ

“ฉันใช้คาถาอะไรกับเธอ”

เฮอร์ไมโอนี่นึกโมโห

“ก็ที่นายเสกใส่ฉันแต่ไปโดนเรือนกระจกไง”

มัลฟอยทำหน้าไม่พอใจ

“นั่นน่ะ ฉันเสกใส่หนวดต้นไม้ที่มันเลื้อยมาที่เธอต่างหาก” เขาพูดอย่างมีอารมณ์

“ฉันพยายามจะบอกเธอแต่คาถาที่เธอเสกใส่ฉันมันทำให้พูดไม่ออก”

เขาจ้องหน้าเธออย่างขุ่นเคือง เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง มัลฟอยมองเธอพลางทำท่าเหมือนจะขยับแขนมาที่เด็กสาวแต่เปลี่ยนใจ เขาหมุนตัวเหมือนจะกลับหอ

“เดี๋ยว” เฮอร์ไมโอนี่เรียกเขาแล้วรีบเดินมาใกล้ๆ 

“ขอบใจมาก” เธอพูดด้วยใบหน้าสีชมพู มัลฟอยมองหน้าเธอก่อนตัดสินใจถาม

“ตอนที่เธอเรียก..เอ่อ..ฉันหมายถึงเธอตั้งใจเรียกฉันให้ช่วยจริงๆ หรือในตอนนั้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขานิ่ง  “ตอนนั้นฉันตั้งใจเรียกเธอคนเดียวจริงๆ” แล้วเธอก็ก้มหน้า

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะไปช่วยฉันด้วยซ้ำ ก็เธอน่ะ....” เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“..รังเกียจฉัน..”

มัลฟอยดึงเด็กสาวเข้ามากอดอย่างแผ่วเบา 

“ฉันเองก็คิดว่าเธอเกลียดฉัน” เขากระชับวงแขนแน่นขึ้น

“แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ตั้งใจไปช่วยเธออยู่ดี” เฮอร์ไมโอนี่หลับตาขณะที่มัลฟอยลูบผมเธอเบาๆ

“มัลฟอย..” 

“หือ?”

เฮอร์ไมโอนี่นิ่งคิดเล็กน้อย

“เธอจะดีแต่เฉพาะกับฉันเท่านั้นหรือ..”

มัลฟอยดันตัวเธอออกเบาๆ 

“ไม่มีวันถ้าเธอหมายถึงเจ้าพอตเตอร์นั่น” เขาพูดเสียงเข้ม

“ฉันยอมเข้าไปช่วยเธอในป่าต้องห้ามนั่นอีกร้อยครั้ง ดีกว่าพูดดีๆ กับพวกมันแค่ครั้งเดียว” เขามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลกลมโตคู่นั้นก่อนถอนหายใจ

“เธอขออย่างอื่นดีกว่านะ” เขาพูดเสียงอ่อนลง เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าลง

“เธอลำบากใจมากใช่ไหมที่มาคบกับฉัน” มัลฟอยถามเธอเบาๆ เด็กสาวรีบส่ายหน้า มัลฟอยถอนหายใจหนักๆ 

“เธอไม่ต้องกังวลหรอกเกรนเจอร์ ฉันจะไม่ให้ใครรู้ ฉันจะเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เธอจะได้ไม่ต้องลำบากใจ”

เขามองหน้าเธอนิ่ง เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนหลับตาลง มัลฟอยค่อยๆ ก้มหน้าลงจูบเธออย่างนุ่มนวล

“เกรนเจอร์” เขากระซิบเบาๆ เหนือริมฝีปาก เด็กสาวลืมตาขึ้นมอง

“เก็บรักษามันให้ดีๆ นะ”

พูดจบเขายืดตัวขึ้นหันหลังเดินออกไป เฮอร์ไมโอนี่มองตามอย่างงงๆ ก่อนฉุกคิดได้ เธอรีบยกมือขึ้นจับที่ผมของเธอแล้วยิ้มบางๆ 

“ฉันจะเก็บรักษามันให้ดีที่สุด มัลฟอย”

เด็กสาวปิดประตูเรือนกระจก ก่อนรีบเดินกลับเข้าด้านในปราสาทด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข



The End
Next: Everything I do, I do it for you

No comments:

Post a Comment