ขณะที่แฮร์รี่พาเฮอร์ไมโอนี่ไปห้องพยาบาล เป็นเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่ลงมากินอาหารกัน เพราะฉะนั้นจึงมีคนจำนวนมากจึงเห็นแฮร์รี่อุ้มเฮอร์ไมโอนี่ที่สวมชุดนอนไปอย่างเร่งรีบ
ซึ่งรวมถึงแครบและกอยล์ด้วย
เมื่อพวกเขามาถึงห้องพยาบาล แฮร์รี่วางเฮอร์ไมโอนี่ลงบนเตียง ดูท่าทางเธอจะไม่ได้สติเหมือนกับว่าสะลึมสะลืออยู่ และเธอก็ละเมอออกมาเบา ๆ แต่แฮร์รี่ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร
พวกรอนตามมาดามพรอมฟรีย์มา
“เกรนเจอร์เป็นอะไร พวกเธอถอยไปก่อน ฉันจะรักษาให้”
พวกเขาออกมายืนด้านหลังม่านแฮร์รี่ยืนรออย่างเป็นห่วง และสักพักมาดามพรอมฟรีย์ก็เดินออกมา “ไข้หวัดใหญ่น่ะ” เธอกล่าวทำให้พวกเขาโล่งใจกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะแฮร์รี่
“แต่ทำไมเฮอร์ไมโอนี่ถึงไม่รู้สึกตัวเลยล่ะครับ” แฮร์รี่ถาม
“ร่างกายเธออ่อนแออยู่ก่อนแล้วพอตเตอร์” มาดามพรอมฟรีย์ตอบ “เมื่อมาเจออากาศเย็น ๆ ก็อาจทำให้เธอมีโอกาสป่วยได้ง่าย ๆ ”
“แต่ทำไมคนอื่นไม่เห็นเป็นเลยล่ะ” รอนถามอย่างสงสัย “ช่วงนี้อากาศก็ไม่ได้เย็นมากนี่ครับ ถ้าไม่ใช่ตอนกลางคืน”
“เอ่อ อาจจะเป็นเพราะว่าเฮอร์ไมโอนี่เขาไม่ได้นอนในห้องก็ได้” ลาเวนเดอร์พูด
“เธอหมายความว่าไงน่ะ ลาเวนเดอร์” แฮร์รี่ถาม
“ก็เฮอร์ไมโอนี่เขาบอกว่า เมื่อคืนเขานอนไม่หลับ ก็เลยออกไปที่ห้องนั่งเล่นรวม แล้วก็เผลอหลับไป”
“นั่นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มิสเกรนเจอร์ไม่สบาย นอกจากนี้ ความเครียด การหักโหมทำงาน หรือการนอนหลับไม่เพียงพอก็อาจทำให้ป่วยได้” มาดามพรอมฟรีย์อธิบาย
“ฉันให้ยาเธอไปแล้ว อีกสักพักคงฟื้น ถ้าถึงตอนนั้นพวกเธอเรียกฉันก็แล้วกัน” และมาดามพรอมฟรีย์ก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของเธอ
ทุกคนต่างเข้าไปดูเฮอร์ไมโอนี่ที่หลับอยู่บนเตียง หน้าของเธอเมื่อครู่ที่เป็นสีแดงจัดเพราะพิษไข้ได้หายไปแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏสีชมพูแต่อย่างใด มันดูขาวซีดกว่าที่เคยเป็น
แฮร์รี่นั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เตียง และกุมมือเธอไว้
“ไข้ลดแล้วสินะ” เขาพึมพำเมื่อเอามืออีกข้างแตะหน้าผากของเธอ
“เฮอร์ไมโอนี่เป็นยังไงบ้างแฮร์รี่” ปาราวตีถามเธอยืนอยู่ข้าง ๆ แฮร์รี่
“ฉันว่าไข้คงลดแล้วแหละ” เขาตอบและจ้องมองเธอด้วยแววตาเป็นห่วง
“งั้นพวกเรากลับหอนอนก่อนนะแฮร์รี่” ปาราวตีพูด ทั้งเธอและลาเวนเดอร์ยังสวมชุดนอนอยู่
“แล้วฉันจะมาเยี่ยมใหม่นะเฮอร์ไมโอนี่” เธอพูดแล้วก็เดินออกจากห้องพยาบาลไป
“นายล่ะแฮร์รี่ ไม่ไปกินข้าวเช้าเหรอ” รอนถามพลางลูบท้องที่กำลังร้องครวญครางอยู่
“ถ้านายหิวก็ไปเถอะ ฉันจะอยู่เฝ้าเฮอร์ไมโอนี่เอง” แฮร์รี่พูดมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาห่วงใย
“งั้นฉันไปนะ” รอนบอก “อืม ไปเถอะ”
หลังจากทุกคนทานมื้อเช้าเสร็จแล้วก็ต่างแยกย้ายไปที่ต่าง ๆ ได้ตามใจ เพราะว่าไม่มีเรียน แต่เด็กปี 5 ส่วนใหญ่มักจะกลับห้องนั่งเล่นรวมหรือไม่ก็ไปห้องสมุดหลังทานข้าว สาเหตุก็มาจากการบ้านที่มากซะจนแทบจะกองท่วมหัวท่วมหูของพวกเขา
ในห้องนั่งเล่นรวมสลิธีริน แครบและกอยล์กำลังนั่งปั่นรายงานวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์อย่างเร่งรีบ เพราะว่าเส้นตายของมันคือวันพรุ่งนี้ ( ศ.บินให้เวลาทำงานชิ้นนี้ 1 อาทิตย์ ) แต่พวกเขาเพิ่งเริ่มทำมันเมื่อตอนเช้านี้เอง
“นายไม่ทำเหรอมัลฟอย” แครบสงสัยกับอาการไม่ทุกข์ไม่ร้อน (แต่เหม่อ) ของมัลฟอย
“ของฉันเสร็จแล้ว” มัลฟอยตอบเนือย ๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาสนใจแต่อย่างใด
“เสร็จแล้ว!” แครบและกอยล์ร้องขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันยังไม่เห็นนายเอาขึ้นมาทำเลย” กอยล์ถามขณะที่มือจับปากกาขนนกอยู่
“แล้วฉันจำเป็นต้องทำต่อหน้าแกรึไงหา!!!” มัลฟอยคำราม กอยล์สะดุ้งโหยงจนปากกาขนนกหลุดจากมือ
“นี่นายทำตัวเป็นคนขยันเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะมัลฟอย นายจะเอาอย่างยัยเกรนเจอร์นั่นหรืองัย” แครบพูดยิ้ม ๆ แต่เมื่อเห็นสายที่มัลฟอย มองเขาแครบก็ถึงกับยิ้มไม่ออกเลย
“เออนี่มัลฟอยนายรู้เรื่องยัยเกรนเจอร์นั่นรึยัง” กอยล์ถามเสียงหวาด ๆ เพราะกลัวมัลฟอยจะอารมณ์เสียขึ้นมาอีก
“เกรนเจอร์ทำไม!!!” มัลฟอยเอ่ยเสียงดัง แววตาที่เหม่อลอยของเขาบัดนี้มันจับจ้องที่ แครบและกอยล์อย่างสนอกสนใจ “ไหนว่ามาซิ”
“ก็เมื่อเช้าตอนพวกเรากำลังเดินไปกินอาหาร ตอนที่เราลงตามนายมาน่ะ พวกเราเห็น” แครบหยุดเล่าหันมามองหน้ากอยล์
“เห็นอะไร!” มัลฟอยตวาด
“ก็เห็นไอ้เจ้าพอตเตอร์มันอุ้มยายเลือดสีโคลนนั่นมานั่นสิ ฉันได้ยินมาว่ามันไม่สบายหนัก ไอ้พวกนั้นมันเลยพาไปส่งห้องพยาบาล” กอยล์พูดจบก็ยิ้มอย่างสะใจ
“แล้วยัยนั่นเป็นอะไรมากหรือเปล่า” มัลฟอยถาม แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นความกังวล
“ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าตอนนี่เจ้าพอตเตอร์มันเฝ้าอยู่” แครบตอบ
“แต่ถ้ามันไม่สบายหนัก ๆ ก็ดีฉันว่า” หน้าของมัลฟอยเปลี่ยนจากสีขาวซีดมาเป็นสีแดงด้วยความโกรธ ( หึงนั่นแหละ )
TBC
No comments:
Post a Comment