Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Monday, July 20, 2015

Chapter 7 : ใต้ต้นเบิร์ซ


“เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้พวกเธอก็อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ฉันขอให้พวกเธอถ่างตาฟังฉัน
 ในขณะที่กำลังประกาศสักสองสามเรื่อง” ดัมเบิลดอร์กล่าวกับทุกคน เมื่อการคัดสรร

 และอาหารในจานสีทอง ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว “คุณฟิลซ์ ภารโรงของเรา ขอให้ฉันแจ้งว่า
 รายการของที่ห้ามนำเข้ามาเพิ่มจากปีก่อน ได้แก่ หนองน้ำกระเป๋าหิ้ว ก๊าซบีบคอ และดอกไม้ไฟ

จากร้านเกมกลวิสลีย์” (ดัมเบิลดอร์กระตุกยิ้มนิดๆ) “คิดว่ารวมทั้งสิ้นเท่ากับสี่ร้อยสี่สิบเจ็ดรายการ
 และหากนักเรียนคนใดต้องการตรวจดู ก็สามารถขอดูได้ที่ห้องทำงานของคุณฟิลซ์
และเขายังอุตส่าห์เตือนฉันเป็นรอบที่สี่ร้อยหกสิบสี่ ว่าห้ามนักเรียนทุกคนใช้เวทมนตร์บริเวณระเบียงทางเดิน
ระหว่างเปลี่ยนชั้นเรียน”

“และอย่างเคย ที่ฉันต้องขอเตือนว่า ป่าในบริเวณโรงเรียนเป็นเขตหวงห้ามสำหรับนักเรียนทุกคน
 ไม่ว่าจะเป็นปี 1 หรือนักเรียนที่โตๆบางคน จนถึงตอนนี้ก็น่าจะรู้ได้แล้ว หากไม่อยากตายอย่างเจ็บปวด”
 ดัมเบิลดอร์ดูเหมือนจะจงใจกวาดตามาทางพวกแฮร์รี่

“ฉันยินดีจะบอกกับทุกคน ว่าเราได้อาจารย์คนใหม่มารับตำแหน่งอาถรรพ์ของฮอกวอตส์แล้ว”
 ดัมเบิลดอร์ส่งยิ้มไปทั่ว “เรายินดีต้อนรับ ศาสตราจารย์ นิมฟาดอร่า ท็องค์”

“ท็องค์” แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ และจินนี่ ร้องพร้อมกัน ท็องค์ส่งยิ้มกว้างให้พวกเขา
 มีเสียงปรบมือดังขึ้น เด็กๆจึงร่วมปรบมือไปพร้อมกับคนอื่นๆ แล้วค่อยๆหายไป

“และอย่างที่พวกเธอคงจะสังเกตเห็นรายการสิ่งที่ต้องนำมาโรงเรียนครั้งนี้แล้ว ทั้งชุดแฟนซี และชุดราตรี”
 (เกิดเสียงกระซิบกระซาบไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่) “ฉันยินดีจะแจ้งให้ทราบว่า จะมีนักเรียนจากเดิร์มสแตรงก์
 และโบซ์บาตง มาเยี่ยมเยียนเราอีกครั้ง”

“ต้องมีการประลองเวทไตรภาคีอีกแน่ๆเลย” นักเรียนหญิงปี 5 จากโต๊ะเรเวนคอร์ร้อง

“ไม่ใช่หรอก มิสพาติล” ดัมเบิลดอร์ยิ้มน้อยๆให้ปัทมา “เราจะสานสัมพันธ์กับต่างประเทศ
เพราะอย่างที่ทุกคนคงจะรู้กันดีแล้ว ว่าบัดนี้ ลอร์ด โวลเดอร์มอร์” (นักเรียนพร้อมใจกันสะดุ้ง)

 “ได้กลับมาแล้ว และสิ่งที่เขาต้องการคือการกลับมามีอำนาจดังเมื่อ 15 ปีก่อน ฉันจึงคิดว่า การสานสัม
พันธ์กับประเทศต่างๆ จะมีประโยชน์มากทีเดียว และแน่นอนว่า จอมมารเองก็ต้องใช้วิธีนี้ด้วยเช่นกัน
ฉันจึงต้องดักคอเขาเอาไว้เสียก่อน”

“พวกเขาจะมากันในวันฮัลโลวีน และแน่นอนว่า เป็นวันที่พวกเราจัดงานแต่งตัวแฟนซีกันด้วย
 และในวันคริสมาตร์ก็จะมีงานเลี้ยงเต้นรำขึ้น”

“แต่เป็นภาระที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง ที่ฉันจะขอแจ้งให้ทราบว่า มีเพียงนักเรียนปี 5 6 และปีสุดท้ายของ
เราเท่านั้นที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้” (เกิดเสียงโห่ร้องอย่างผิดหวังดังขึ้นจากนักเรียนปีที่ไม่ได้เข้าร่วมงาน)
“ใช่ๆฉันรู้ แต่เสียใจด้วย ในเมื่อสถานที่เราไม่กว้างพอจะให้นักเรียนทั้งหมดเต้นรำพร้อมกันได้
นอกจากพวกเธอจะอยากชนกันไปชนกันมา ให้อารมณ์เสียเล่น”

“แต่หากมีนักเรียนปีที่สามารถเข้าร่วมงานได้ ชวนพวกเธอไปงาน ฉันก็อนุญาต”
 (เกิดเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังขึ้นบ้าง) “เอาล่ะ สุดท้ายนี้ฉันขอให้พวกเธอตั้งใจฟังฉันอีกสัก 2-3 คำ”

“หลับให้สบาย” เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นรอบๆห้องโถงใหญ่

“แฮร์รี่ แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้านะ” เฮอร์ไมโอนี่หันมาบอก ก่อนจะรีบลุกออกไปพร้อมกับรอน

“เจ้าเปี๊ยกๆ รอก่อนสิ”

“รอน ฉันบอกแล้วไง อย่าเรียกพวกเขาอย่างนั้น” เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้เขา
“พวกปีหนึ่ง กริฟฟินดอร์ ตามฉันมา” เด็กๆตามเด็กสาวไปอย่างว่าง่าย

ในที่สุดเด็กสาวก็ได้ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสี่เสาของเธอ

“หน้าร้อนเป็นไงบ้างเฮอร์ไมโอนี่” เสียงปาราวตีงึมงำจากเตียงข้างๆ

“ก็ดี” เด็กสาวเหนื่อยเกินกว่าจะถามกลับได้ เธอหลับตาลง ภาพมัลฟอยส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอ
ด้วยสีหน้าเป็นห่วงยังคงติดตาอยู่ และแล้วห้วงแห่งนิทราก็เข้ามาเยือนเฮอร์ไมโอนี่จนได้...

****************************************

เมื่อถึงเช้าวันถัดมา พายุฝนเมื่อคืนก็จางหายไปแล้ว แต่ยังคงทิ้งเมฆสีตะกั่วไว้อยู่ ศาสตราจารย์มักกอนนากัล
เดินไปตามโต๊ะ เพื่อแจกตารางสอนให้เด็กนักเรียน

“โอ้โห... ให้ตายเถอะ” รอนร้องเสียงดังลั่น มักกอนนากัลที่อยู่ข้างๆหันมามองอย่างตำหนิ
 ก่อนจะยื่นตารางสอนให้เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนสุดท้าย แล้วเดินจากไป

“มีอะไรเหรอ รอน”

“ก็ดูสิ” รอนร้อง พลางยื่นตารางสอนให้แฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่ดู “ปรุงยา 2 คาบติด
เป็นวิชาแรกที่เราต้องเรียน ฉันอยากจะกินอาหารเยอะๆ ให้ตายมันตรงนี้ไปเลย จะได้ไม่ต้องไปเรียน”

“แล้วอาหารว่างเลี่ยงงานของเฟร็ด กับจอร์จล่ะ” แฮร์รี่เสนอ

“จริงด้วย” รอนอุทาน

“ไม่ได้นะ ถ้าพวกเธอใช้ไอ้นั่น ฉันจะบอกมักกอนนากัล” เฮอร์ไมโอนี่ขู่เสียงเข้ม “นี่เป็นคาบแรกของเรา
 พวกเธอห้ามโดดเด็ดขาด และอย่าลืมนะรอน เธอเป็นพรีเฟ็ค” เด็กสาวจงใจเน้นประโยคสุดท้าย

เด็กชายทั้งสองมองหน้ากันอย่างหมดทางต่อสู้ รอนจึงเริ่มลงมือทานอาหารเช้าของเขาอย่าง...

“รอน นายจะตายเอาตรงนี้จริงๆเหรอเนี่ย” แฮร์รี่ถามนึกขำ เมื่อรอนยัดไส้กรอกเข้าปากครั้งละ 2 ชิ้นเป็นอย่างต่ำ

“อะไรกัน เมื่อคืนเธอยังกินไม่พออีกเหรอ รอน”

“อั่นอันอ่วนอ๋องเอื้ออืน อี่อันอ่วนอ๋องอื้อเอ้า” (นั่นมันส่วนของเมื่อคืน นี่มันส่วนของมื้อเช้า)

เด็กสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารในจานของเธอด้วยความเร็วแสง

“เออร์ไอโออี่” รอนกลืนไส้กรอกลงคออย่างยากลำบาก ขณะมองดูเฮอร์ไมโอนี่อย่างทึ่งจัด “เธอจะรีบไปไหนของเธอ”

“ฉันรู้ล่ะ” แฮร์รี่บอกกับรอนโดยตรง “ที่ไหนบ้างล่ะ ที่เพื่อนของเราชอบไปมากที่สุดในโรงเรียน”

“ห้องสมุด” เด็กชายตอบพร้อมกัน แล้วทำหน้าเหมือนซากตัวกรินดี้โรล์ ก่อนจะลงมือทานอาหารของพวกเขาต่อไป

“แต่ให้ตายเถอะเฮอร์ไมโอนี่” รอนกลอกตาขึ้น ”นี่ยังไม่เปิดเทอมเลยนะ”

“แล้วมันผิดตรงไหนไม่ทราบ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงเย็น ”ที่ฉันจะขยันไปหน่อย” แล้วเด็กสาวก็ลุกขึ้น
 ตรงไปยังห้องสมุด โดยไม่หันมามองเพื่อนทั้งสอง

“แล้วนั่นเรียกว่า ขยันไปหน่อย งั้นเหรอ” รอนพึมพำกับแฮร์รี่ ซึ่งพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเต็มที่

เด็กสาวเดินไปถึงห้องสมุด แต่ก็ต้องผิดหวังอย่างรุนแรง เมื่อมาดามพินซ์บอกข่าวร้ายกับเธอ

“โอ้ มิสเกรนเจอร์” มาดามร้อง “ฉันต้องขอโทษเธอจริงๆเลย คือว่าสัปดาห์นี้ห้องสมุดจะปิดนะ”

“ทำไมล่ะคะ”

“เราจะปรับปรุงห้องสมุดน่ะสิ ฉันว่าจะไปขอศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์อยู่เลย
ว่าจะเพิ่มปริมาณตู้หนังสือได้มั้ย หนังสือออกมาใหม่เยอะแยะเหลือเกิน ฉันไม่คิดว่าจะมีชั้นให้ใส่หนังสือแล้วล่ะ”

“งั้นหนูจะรอนะคะ” เด็กสาวกล่าว ก่อนจะเดินจากมา

ระหว่างทางที่ไปคุกใต้ดิน เธอก็พบกับสิ่งที่ไม่น่าพิสมัยตลอดกาลอย่าง...

“ว่าไงล่ะ ยัยเลือดสีโคลน” แพนซี่ พาร์กินสันทัก เพื่อนหญิงร่างหนาของเธอหัวเราะลั่น
 เด็กสาวเดินผ่านนักเรียนกลุ่มนั้นไปอย่างไม่สนใจ ราวกับพวกเธอเป็นหนึ่งเดียวกับผนังปราสาท
 ทั้งที่ในใจเธออยากจะเสกแพนซี่ให้กลายเป็นคางคกจูยิ่งนัก

“อุ้ยตาย... อย่ามาเดินเฉียดฉันนะ เดี๋ยวโคลนจะปลิวมาถูกตัวฉัน” เพื่อนของแพนซี่ยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปอีก
เด็กสาวหยุดกึก นี่มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ

“หืม... เหม็นจังเลย พวกเธอว่ามั้ย” แพนซี่กรีดเสียงแหลม “เหม็นเหมือน เหมือนอะไรนะ... อ้อ
เหม็นเหมือนกลิ่นโคลนนี่เอง อี๋... เกรนเจอร์ เธอไปไกลๆสิ”

“ถ้าเธอเหม็นนัก เธอก็อย่าหายใจเข้าสิ”

“ปากดีนักนะ ยัยเด็กเลือดสีโคลน” แพนซี่ร้อง ขณะคว้าไม้กายสิทธิ์ออกมา เฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน
 เพื่อนของแพนซี่ ดูเหมือนจะอยากกลายเป็นส่วนหนึ่งของผนังปราสาทนัก “เด็นเซากี -- ”

“เอ็กซีโอ ไม้กายสิทธิ์” ไม้กายสิทธิ์ในมือของเฮอร์ไมโอนี่ และแพนซี่บินหวือไปหามัลฟอย ซึ่งรับไว้อย่างชำนาญ

“เธอจะทำอะไรน่ะ พาร์กินสัน” เด็กชายถามเสียงเย็น “เธออยากให้บ้านของเราถูกหักคะแนนรึไง”

“ปะ... เปล่านะ” แพนซี่ร้อง แล้วรีบเกาะแขนของมัลฟอยทันที “ยัยเลือดสีโคลนมันหาเรื่องฉันก่อนนี่ เดรโก”

“ฉันจำไม่เห็นได้เลย ว่าฉันให้เธอเรียกชื่อฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” มัลฟอยตะคอกใส่เธอ
 มือของแพนซี่ ดูเหมือนจะลื่นไหลจะแขนของเขาอย่างรวดเร็ว พลางถอยกรูไปหาเพื่อนของเธอ

“เอ้า” เด็กชายโยนไม้กายสิทธิ์ให้แพนซี่ “แล้วรีบไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ”

ไม่ต้องให้พูดซ้ำ กลุ่มนักเรียนหญิงบ้านสลิธีรินหายไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
 เฮอร์ไมโอนี่กล้าพนันได้เลย ว่าพวกเธอต้องเลื้อยไปเป็นแน่

“เธอเป็นอะไรรึเปล่าเกรนเจอร์” เด็กชายเสียงอ่อนลง เด็กสาวสั่นหน้า
 แถบสีชมพูปรากฏอยู่บนแก้มทั้งสองข้างของเธอ ทั้งสองสบตากัน “เธอไม่เป็นไรแน่นะ... หน้าแดงนี่ ไม่สบายรึเปล่า”

อีกครั้งที่เธอสั่นหน้า

“เป็นห่วงคนอื่นเป็นด้วยเหรอ”

“เปล่าซะหน่อย” เป็นคราวของมัลฟอยบ้าง ที่แถบสีชมพูจางๆ จะไปปรากฏอยู่ที่แก้มของเขา
 เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มน้อยๆ แล้วมัลฟอยก็ยื่นไม้กายสิทธิ์คืนให้เธอ แต่ไม่วายที่ปากหาเรื่องของเขาจะแผลงฤทธิ์สักหน่อย

“เอ้าๆ ระวังหน่อย เดี๋ยวโคลนเปื้อนมือฉัน จะว่าไง” เด็กสาวรีบคว้าไม้กายสิทธิ์คืนมา
โดยไม่มองหน้าเขา แล้วรีบจ้ำตรงไปยังคุกใต้ดิน

วิชาปรุงยาถือเป็นสวรรค์ของนักเรียนบ้านสลิธีริน แต่กลับเป็นฝันร้ายของนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์เลยทีเดียว
 เมื่อเขาหักไป 5 แต้ม ที่เฮอร์ไมโอนี่ยกมือตอบคำถามของเขา

“ฉันต้องการคำตอบจากเพื่อนโง่เง่าของเธอ ไม่ใช่จากเด็กรู้มาก เกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้างุด
 “เอาล่ะ... อย่างที่ฉันเพิ่งบอกกับพวกเธอไป ก่อนที่เด็กรู้มากจะขัดขึ้น ว่าน้ำยาสรรพรส

 เป็นน้ำยาต้องห้าม แต่ในเมื่อพวกเธออยู่ปี 6 กันแล้ว ก็ต้องทำน้ำยานี้ เอาล่ะ เริ่มได้... ใครใช้ให้เธอไปนั่งข้างๆ
ลองบัตท่อมกัน เกรนเจอร์” ทั้งเฮอร์ไมโอนี่ และเนวิลล์ต่างก็สะดุ้งสุดตัว “ให้ฉันดูซิ... มิสเตอร์มัลฟอย
 มิสเตอร์กอยล์ไปไหน”

“ห้องพยาบาลฮะ”

“เขาเป็นอะไร” สเนปถาม น้ำเสียงเป็นห่วงเล็กๆ อย่างที่ไม่เคยมีให้เด็กบ้านกริฟฟินดอร์ถึงแม้ว่าคนๆ
นั้นจะกลายเป็นผุยผงไปแล้ว

“เมื่อคืน เขาทานทาร์ตน้ำตาลข้นมากไปฮะ เขาก็เลยท้องเสีย”

“งั้นเกรนเจอร์ เธอไปนั่งปรุงยาข้าง มิสเตอร์มัลฟอย” (เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่)
“ส่วนลองบัตท่อมก็อยู่ตรงนั้นแหละ ห้ามใครช่วยเด็ดขาด”

“เฮอร์ไมโอนี่ ระวังตัวด้วยนะ” แฮร์รี่กระซิบ ขณะที่เด็กสาวก้มลงเก็บข้าวของ

“ขอบใจแฮร์รี่” ว่าแล้วเด็กสาวก็ขนข้าวของไปข้างๆมัลฟอย แพนซี่ พาร์กินสัน ส่งสายตาไม่พอใจ
 หรือถ้าจะเรียกให้ถูกคือ เกลียด ให้เฮอร์ไมโอนี่

“สเนปช่างรู้ใจฉันจริงๆเลย ว่ามั้ยเกรนเจอร์” มัลฟอยกระซิบให้เด็กสาวได้ยินคนเดียว เธอจึงส่งสายตาขุ่นเขียวไปให้

“เอ้าปรุงยากันเข้า ส่วนผสม และวิธีทำอยู่บนกระดาน” สเนปบอกเสียงเย็น “หลัง       คริสมาตร์ น้ำยาคงได้ที่
 ฉันจะให้พวกเธอเป็นคนทดลองน้ำยาเอง” เขาชำเลืองมองเนวิลล์อย่างจงใจ ซึ่งตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
 เด็กสาวมองเนวิลล์อย่างสงสาร เขามักถูกสเนปขู่เข็นอยู่เสมอ

“เธอชอบลองบัตท่อมงั้นเหรอเกรนเจอร์” เด็กชายถามขึ้นเมื่อเห็นสายตาที่เฮอร์ไมโอนี่มองที่เนวิลล์

“เธอจะบ้ารึไง” เด็กสาวตอบค่อยๆ พลางแกะแมลงปีกลูกไม้ออกจากเปลือกของมัน

“งั้นเธอชอบใครล่ะ หรือว่าเธอชอบฉัน” เด็กสาวหน้าร้อนผ่าวทันที พร้อมจะแผ่รังสีความร้อนได้ทุกเมื่อ
 แมลงปีกลูกไม้ร่วงล่นจากมือ

“หลงตัวเอง” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง แต่กระนั้น เธอไม่อาจปฏิเสธตัวเองได้ว่า เธอรู้สึกแปลกๆกับมัลฟอย
แต่นั่นก็ไม่ได้แสดงว่า เธอชอบเขานี่ “แล้วนายล่ะ ชอบพาร์กินสันไม่ใช่ เหรอ”

“บ้าสิ”

“มีอะไรหรือมิสเตอร์มัลฟอย” สเนปปาดเข้ามายังโต๊ะของพวกเขาด้วยท่าทียินดีอย่างยิ่ง
ที่จะได้ข้ออ้างในการหักคะแนน บ้านกริฟฟินดอร์

“เอ่อ... เกรนเจอร์เขา... “ เด็กชายเค้นสมองอย่างหนัก “เขาถามผมว่า ถ้าเขาใส่แมลงปีกลูก
ไม้ที่ยังไม่ได้ปลอกเปลือก ลงไปในหม้อของผม ผมจะว่าอะไรรึเปล่าฮะ”

“หักกริฟฟินดอร์ 10 แต้ม โทษฐานจงใจแกล้งเด็กสลิธีริน” เขาประกาศอย่างสะใจ แล้วเดินไปขู่เนวิลล์ต่อ

เด็กสาวส่งสายตาต่อว่าไปยังมัลฟอย ซึ่งได้แต่ยักไหล่ให้เท่านั้น

“นายตอบดีๆก็ได้ ทำไมต้องตะโกนด้วยล่ะ”

“กลัวเธอไม่เชื่อน่ะ”

“จะบ้ารึไง ฉันไม่ใช่นายนะ” เด็กสาวขู่ฟ่อ มัลฟอยหน้าเป็นสีจัด เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาถามเธอบนรถม้า
“แล้วเธอคบกับพาร์กินสันอยู่เหรอ”

มัลฟอยตกใจถึงขนาดทำแมลงปีกลูกไม้ที่ยังไม่ปลอกเปลือกหลุดมือลงไปในหม้อของแครป
ที่อยู่โต๊ะข้างๆ สีของน้ำยาจากสีน้ำเงินเข้ม กลายเป็นสีแดงสดทันที

“ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันไม่ได้ชอบยัยนั่น แล้วฉันจะคบกับยัยนั่นได้ไงเล่า”

“แต่เขาชอบนายนี่”

“เขาชอบฉัน แล้วฉันจำเป็นต้องคบกับเขาด้วยเหรอ” แต่แล้วทั้งสองก็ต้องมีอันต้องเป็นใบ้ไป
 เมื่อสเนปเดินผ่านโต๊ะของพวกเขาไป

มัลฟอยมองซ้าย มองขวาอย่างหวาดระแวง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมองอยู่ เพราะมัวแต่เก็บข้าวของ
 เมื่อหมดคาบที่พวกเด็กๆต้องเรียนกับสเนปแล้ว เด็กชายจึงกระซิบข้างๆหูเฮอร์ไมโอนี่ว่า

“ตกลง เธอชอบฉันใช่มั้ยล่ะ” เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว พร้อมกับแถบสีชมพูเข้ม ค่อยๆคืบคลานเข้ามายังแก้ม
ทั้งสองข้างของเธอ “ฉันว่าเธอก็ไม่เลวนักหรอกนะ ถ้าเทียบกับหลายๆคนที่ฉันรู้จัก” มัลฟอยเองก็หน้าแดง
ไม่แพ้เธอ จะถือว่านี่เป็นการสารภาพรักได้มั้ยนะ

“เฮอร์ไมโอนี่ ไปกันได้แล้ว” รอนร้องเรียก ทั้งคู่ขยับออกจากกันในทันที
แล้วรีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว ต่างฝ่ายต่างหลบสายตาซึ่งกันและกัน

****************************************

ในวิชาสมุนไพรศาสตร์ ศาสตราจารย์สเปร่าต์ ให้พวกเขาดูแลต้นแมนเดรกที่เป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้ว
 อย่างระมัดระวังเป็นที่สุด เพราะบัดนี้ เสียงร้องของพวกมัน สามารถฆ่าช้างได้ทั้งตัว

 เฮอร์ไมโอนี่จึงไม่มีเวลาคิดเรื่องที่มัลฟอยเพิ่งบอกเธอ เพราะมัวแต่ระวังไม่ให้เจ้าตัวยุ่งเสียงแหลมพวกนี้
เดินเพ่นพ่านไปทั่วทั้งเรือนกระจก

****************************************

ในวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มือของท็องค์ เธอเปิดฉากด้วยการสอนคาถาผู้พิทักษ์ โดยใช้บ็อกการ์ดที่เห็นแฮร์รี่
ใช้เป็นผู้คุมวิญญาณ เธอบอกว่า
“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เริ่มตระหนักถึง อันตรายจากผู้คุมวิญญาณ ท่านจึงให้ฉัน
 สอนคาถาผู้พิทักษ์แก่พวกเธอ เพื่อไว้ใช้ป้องกันตัว”

****************************************

ส่วนในชั้นเรียนของศาสตราจารย์บินซ์ ก็ยังคงอนุรักษ์การสอนแบบเดิมไว้อยู่ เพราะถึงขนาดที่ว่า
เขาไม่ยอมให้ความตายมาพรากเขาไปจาก การสอนแบบเดิมได้นั้น เพียงลำพัง
ไม่กี่ปี เขาก็คงไม่เปลี่ยนการสอนเป็นแน่

****************************************

“ดีมากมิสเกรนเจอร์” ฟลิกวิตร้อง เมื่อเห็นว่าเด็กสาวเสกให้ทากยักษ์ที่เขาเตรียมไว้ให้
เดินได้เร็วราวกับติดเทอร์โบว์ ส่วนของคนอื่นๆนั้น ทำได้แค่เพียงให้ทาก พุ่งเดินหน้าไปอีก 2-3 เซนติเมตรเท่านั้น

****************************************

ส่วนในชั้นของมักกอนนากัลก็ยากมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ในเทอมนี้ เธอทุกคนจะต้องเสก ของใหญ่ๆอย่างโต๊ะ จนถึงตัวของพวกเธอเอง
 ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตให้ได้ และนั่นก็จะเป็นการสอบด้วย” มักกอนนากัลประกาศ
 “เอาล่ะ... มาดูกันสิ ว่าใครทำได้แค่ไหน เริ่มด้วยเก้าอี้ละกัน ... ”

****************************************

ในเช้าวันศุกร์ เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่ และรอน ก็ลงมาทานอาหารเช้าที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ตามปกติ

“โอ้ย... นี่มันเรื่องอะไรกันนะ” แฮร์รี่ร้องโอดครวญ

“มีอะไรเหรอ แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัยเป็นที่สุด

“แฮร์รี่ได้เป็นกัปตันทีมควิดดิช” รอนตอบแทน เพราะดูเหมือน แฮร์รี่จะมีสภาวะที่ไม่พร้อมจะตอบ
คำถามใดๆทั้งสิ้น “แอนเจลิน่า ส่งนกฮูกมาบอกเมื่อคืนน่ะ” เขาต่อพลางยักไหล่ แล้วลงมือทานอาหารตรงหน้า

“รอน เธอจะค่อยๆกินเหมือนคนอื่นๆไม่ได้รึไงนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องปราม เมื่อรอนยัดไส้กรอกชิ้นใหญ่ใส่ปาก

“ไอ่ได้ออก เออไอโออี่” (ไม่ได้หรอก เฮอร์ไมโอนี่) รอนตอบอู้อี้ ก่อนจะใช้ความพยายามขั้นสูงสุดของเขา
 กลืนไส้กรอกลงคอได้ ในที่สุด “เพราะว่า มันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวฉันนี่”

เด็กสาวอ้าปากจะเถียงต่อ แต่แฮร์รี่ ที่เห็นท่าไม่ดี จึงคิดจะยื่นมือเข้ามายุติสงครามขนาดย่อมนี้
 เป็นจังหวะเดียวกับที่ ไปรษณีย์นกฮูกมาถึงพอดี

“เฮอร์ไมโอนี่ หนังสือพิมพ์มาส่งแหนะ” แฮร์รี่บอกอัตโนมัติ เป็นประจำ ทุกวัน แต่ทว่า เช้านี้ไม่ได้มีเพียง
นกฮูกมาส่งหนังสือพิมพ์เท่านั้นน่ะสิ

“นกฮูกของใครน่ะ” รอนอ้าปากค้าง ดวงตาจ้องมองไปยังนกฮูกสีน้ำตาลเข้ม และมันก็โผบินออกไปทันทีเมื่อ
 เด็กสาวแกะจดหมายออกมา จากขาของมัน

“ไม่มีชื่อผู้ส่ง” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ “สงสัยจะเป็นนกฮูกโรงนาล่ะมั้ง” เด็กสาวมองไปรอบๆห้องโถงใหญ่
 แล้วก็ต้องสะดุดกับชายคนหนึ่ง ที่กำลังส่งยิ้มเยาะมาให้เธอ บอกให้รู้ว่า เขานั่นแหละ คือผู้ที่ส่งจดหมายมาให้เธอ

“แกะเลยสิ เฮอร์ไมโอนี่”

“ฉันอิ่มแล้วล่ะ... ฉันไปห้องสมุดก่อนนะ” เด็กสาวตอบเลี่ยงๆ ก่อนจะเดินไปทางห้องสมุด
 ถึงแม้จะรู้ดีว่ามันไม่เปิดก็ตาม ในมือแกะซองจดหมายออกมาอ่าน

‘เกรนเจอร์ (เลือดสีโคลน)

จะบอกอะไรให้ คืนนี้ 2 ทุ่ม โชแชง ให้พวกเรา (เธอกับฉัน) ไปพบที่หน้ารูปปั้นแม่มดหลังค่อมตรงชั้น 3
หวังว่าคนสมองดีอย่างเธอ คงไม่ลืมนะ ว่าเราต้องตรวจโรงเรียนกันคืนนี้

                                                                                                    มัลฟอย (เลือดบริสุทธิ์)’

“ตายล่ะ ฉันลืมจริงๆเหรอนี่” เด็กสาวพึมพำกับตัวเอง

“ถ้าลืมแล้ว ก็จำซะใหม่ด้วยล่ะ” เสียงยานคางดังขึ้นข้างๆเธอ แน่ซะยิ่งกว่าแน่ มัลฟอยนั่นเอง
 เขาถึงกับออกมาเตือนด้วยตัวเองเลย

“ลืมอะไร”

“ก็ลืมว่าต้องไปตรวจโรงเรียนกับฉันน่ะสิ”

“ใครว่าฉันลืมไม่ทราบ”

“ก็เมื่อกี้ เธอยังพึมพำเป็นคนบ้าอยู่เลย”

“ฉันไม่ได้ลืมเรื่องนั้นซะหน่อย” เด็กสาวเถียงไปข้างๆคู “ฉันแค่ลืม ว่าห้องสมุดปิดต่างหากล่ะ”

เด็กชายไม่ได้ตอบอะไร แต่เขากลับส่งยิ้มเยาะให้ ก่อนจะเดินจากไป...


****************************************


เมื่อถึงเวลานัดหมาย เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอย ก็ไปพบโช เพื่อรับคำสั่ง

“เอาล่ะ เธอสองคนต้องตรวจด้วยกัน” (เฮอร์ไมโอนี่เบ้ปาก) “เพื่อจะได้จับผิดซึ่งกันและกัน
 พวกเธอต้องตรวจให้ทั่วโรงเรียน แม้แต่ในคุกใต้ดิน หรือหอดูดาวก็ตาม” โชสั่ง อย่างวางอำนาจ
 “พอเที่ยงคืน พวกเธอจึงจะหลับเข้าหอนอนได้” แล้วเธอก็จากไป ทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่ ยินอยู่ข้างมัลฟอยอย่างไม่พอใจ

เด็กชายเหลือบมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจว่า

“เธอไม่อยากตรวจโรงเรียนกับฉันมากขนาดนั้นเชียวเหรอ เกรนเจอร์”

เฮอร์ไมโอนี่งงกับท่าทีของมัลฟอย แต่ก็ส่ายศีรษะตอบเขาไป

“งั้นก็ดี” เขาพึมพำ ก่อนจะยิ้มให้ตัวเองอย่างพอใจ แต่ทว่า เฮอร์ไมโอนี่กลับเห็นรอยยิ้มนั้นด้วย

“นี่นายแกล้งหลอกฉันมั้ย”

“รู้ทันซะแล้วเหรอกนี่” มัลฟอยตอบเสียงกวนๆ

แล้วพรีเฟ็คทั้งสอง ก็พลัดกันหักแต้มของบ้านของฝ่ายตรงข้ามกันไปมา อย่างไม่มีใครยอมใคร


****************************************


หลายสัปดาห์ต่อมา แฮร์รี่ และรอน ที่อุตส่าห์เจียดเวลาออกมาได้ ก็คิดกันไว้ว่าจะไปเยี่ยมแฮกริดกัน
 พวกเขาจึงชวนเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งคำตอบที่ได้มาคือ...

“ไม่ล่ะรอน” เด็กสาวตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “ฉันยังต้องอ่านหนังสือเล่มนี้... “ เธอบอก พลางชูหนังสือ
 ว่าด้วยการหายตัว ให้ทั้งสองดู “...ให้จบ เพราะฉันต้องส่งคืนพรุ่งนี้แล้ว”

“โธ่ เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะปล่อยให้แฮกริเยวแห้งได้ไงกัน” รอนยังคงตื้อต่อไป

“รอน แฮกริดไม่ใช่ต้นไม้นะยะ” เด็กสาวแหวใส่ รู้สึกมึนหัวขึ้นมา “แล้วถ้านายสังเกตให้ดีนะ
ฉันน่ะ แค่ก แค่ก... ไม่สบายอยู่ เข้าใจมั้ย”

“แล้วทำไมเธอไม่ไปหามาดามพอมฟรีล่ะ”

“ไม่เอาหรอก” เธอตอบอย่างดื้อดึง สลับกับการไอ “ถ้าไปนะ แค่ก แค่ก... มาดามก็ต้องให้นอนอยู่ที่นั่น
 ฉันล่ะเบื่อจะแย่ นอนมันทุกปีเลย ฉันจะเข้าออกห้องพยาบาลมากกว่าทุกที่ในฮอกวอตส์ซะอีก”

แฮร์รี่พ่นลมทางจมูกอย่างนึกขำ รอนพึมพำว่า “ยกเว้นห้องสมุด”

“ไม่ต้องเลยแฮร์รี่ นายไม่ต้องมานอนห้องพยาบาลอย่างฉันทุกปีนี่”

“เอาน่า เฮอร์ไมโอนี่ ยังไงเธอก็ไปอ่านหนังสือ ที่ริมทะเลสาบก็ได้นี่ ลมก็เย็น สบาย” แฮร์รี่เสนอ
 ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถหาเหตุผลมาลบล้างได้ จึงต้องยอมจำนน

ไม่กี่นาทีต่อมา แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ก็มาหยุดอยู่ใต้ต้นเบิร์ซ ริมทะเลสาบ
 สายน้ำทอประทายล้อแสงแดดยามบ่าย

“เธอจะไม่ไปหาแฮกริดจริงๆเหรอ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามอีกครั้ง อันที่จริงก็เรียกว่าอีกครั้งไม่ได้หรอก
เพราะเขาสอดคำถามนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ ตลอดทางที่พวกเขามาที่นี่

“ฉันยังยืนยันคำตอบเดิม” เด็กสาวตอบหน่ายๆ

“ก็ได้ งั้นถ้าฉันกับแฮร์รี่เยี่ยมแฮกริดแล้ว เดี๋ยวพวกเรามาหาเธอละกัน”

“อืม... แล้วเจอกัน”

แฮร์รี่และรอนเดินตรงไปยังกระท่อมของแฮกริด ซึ่งเจ้าของบ้าน และเจ้าเขี้ยวเองก็ออกมาต้อนรับอย่างดี
แล้วเชิญพวกเขาเข้าไป

เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงใต้ต้นไม้ พร้อมกับหนังสือเล่มหนาในมือ เด็กสาวยังมึนศีรษะอยู่
แต่เธอกลับหยิบสมุดเล่มสีชมพูหวานแหววของเธอขึ้นมา ไม่สนใจอาการปวดหัวแต่อย่างไร

เด็กสาวจุ่มปากกาลงไปในขวดหมึก แล้วจรดปากกาในหน้ากระดาษสมุด

‘เฟเร็ต... นายอยู่รึเปล่าน่ะ’

10 นาทีผ่านไป ก็ยังไม่มีข้อความตอบรับจากเขา เพราะในเมื่อเขากำลังเดินตรงเข้ามาใต้ต้นเบิร์ซที่เธอนั่งอยู่

“อ้าว... เกรนเจอร์ ทำอะไรน่ะ” เสียงยานคางเป็นเอกลักษณ์ บอกให้ผู้ฟังรู้ได้ทันทีว่าใครคือเจ้าของเสียง
 เฮอร์ไมโอนี่รีบเก็บสมุดสีชมพูให้พ้นสายตาเด็กชายไปทันที แล้วคว้าหนังสือ ว่าด้วยการหายตัว ขึ้นมาบังหน้า

“นายไม่เห็นรึไงล่ะ ฉันถอนโคนต้นไม้เล่นอยู่” เด็กสาวตอบประชดๆ เขากลับเลิกคิ้วขึ้นสูง
 เพราะไม่คิดว่าเธอจะตอบประชดเขาอย่างนี้ มัลฟอยทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเธอ

“ไปนั่งไกลๆสิมัลฟอย แค่ก แค่ก...”

“ไม่ล่ะ ว่าแต่เธอไม่สบายเหรอ” เด็กชายถามอย่างเป็นห่วง อย่างที่เด็กสาวที่คิดว่าจะได้ยินออกมาจากปากของเขา

“ใครว่าล่ะ ฉันไม่เป็นอะไรซะหน่อย” เด็กสาวพูดปด

“แล้วนายจะไปนั่งที่อื่นไม่ได้รึไง”

“ต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้สลักคำว่า สำหรับเลือดสีโคลนไว้นี่ ทำไมฉันจะนั่งไม่ได้”

“นายนี่มัน... “ แต่เด็กสาวก็ไม่สามารถหาถ้อยคำใดๆมาว่าเขาได้อีก เธอจึงก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป

มัลฟอยแสยะยิ้มชั่วร้ายก่อนจะเอ่ยขึ้น

“งั้นขอยืมตักหน่อยละกัน” พูดไม่ทันขาดคำ เขาก็เอนตัวลง ทิ้งศีรษะลงบนตักของเด็กสาว

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง เธอร้อนผ่าวไปทั้งตัว โดยไม่มั่นใจว่าด้วยสาเหตุที่เธอไม่สบาย
 หรือด้วยสาเหตุที่มัลฟอยนอนตักเธอ “ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

เขาไม่เพียงไม่ลุกออกไปเท่านั้น แต่กลับยิ้มเยาะให้เธออีกต่างหาก

“มัลฟอย แล้วฉันจะมีสมาธิอ่านหนังสือได้ไงล่ะ” เด็กสาวร้อง อาการมึนหัวเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่มีสมาธินี่ หมายความว่าไงกัน” มัลฟอยยิ้มล้อเลียน แต่เธอไม่สามารถหาคำตอบได้
 หรือถ้าจะให้ถูก ก็คือเธอไม่กล้าตอบนั่นเอง จึงได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลาทองในโหลแก้ว

เด็กชายค่อยๆหลับตาอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ให้อ่านหนังสือ โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่านเลย

เวลาผ่านไปสักพัก ท้องฟ้ายามเย็นเริ่มเข้ามาแทนที่ เด็กสาววางหนังสือลงข้างตัว
เพราะไม่เห็นประโยชน์อะไรที่เธอจะยังคงอ่านต่อไป ในเมื่อไม่มีอะไรซึมเข้าสมองอันชาญฉลาดของเธอเลย
เด็กสาวก้มลงมองมัลฟอย ที่กำลังหลับสนิท

เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งจะตระหนักได้ในนาทีนี้เอง เมื่อเธอก้มลงสังเกตเขาชัดๆ ว่าเหตุใด มัลฟอยจึงเนื้อหอมนัก ในเมื่อ...

ผมสีบรอนด์ ที่ถึงแม้จะเรียบแปล้อยู่บนศีรษะ แต่ก็รับกันดีกับ จมูกที่โด่ง ปากที่สวยราวกับหญิงสาว
 แก้มที่ปกติจะเป็นสีซีด กลับมีริ้วสีชมพูอ่อนๆ ที่อยู่บนใบหน้ารูปไข่ กล้ามเนื้อที่ดูภายนอกแล้ว

ดูเหมือนจะไม่มี แต่เมื่อเธออยู่ใกล้กับเขาขนาดนี้ กลับรู้สึกได้ ถึงกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แม้จะอยู่ใต้แขนเสื้อก็ตาม
 ทั้งหมดนี้ บวกกับดวงตาคู่สวย เป็นสีซีดของเขาแล้ว ทำให้แทบจะไม่ต้องสงสัยเลย
ว่าเหตุใดเขาจึงเป็นที่หมายปองของหมู่สาวๆ

แต่... ดวงตาสีซีดงั้นเหรอ...

ไม่ทันที่เธอจะได้คิดไปมากกว่านี้แล้ว มัลฟอยดันศีรษะของเธอให้ก้มลงมาเล็กน้อย
 บวกกับเขา ที่ยันตัวขึ้นมา ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันเนิ่นนาน ดวงตาของทั้งคู่ปิดสนิท

 สติของเฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนจะหายไปเที่ยวเล่นในที่อันไกลโพ้น เธอรู้สึกตัวร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
 และอาการปวดหัวก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุด สติสัมปชัญญะของเธอ ดับวูบลง...

****************************************

“เฮอร์ไมโอนี่ เป็นอะไรมากมั้ยแฮร์รี่” เสียงแผ่วๆดังขึ้น ดูเหมือนจะมาจากที่แสนไกลเหลือเกิน

“มาดามบอกว่า เธอเป็นไข้อยู่แล้ว แล้วเธอก็ไปตากแดดตากลมข้างนอกอีก ก็เลยเป็นหนักขึ้น”
 อีกเสียงตอบกลับมา “เป็นความผิดของฉันเอง”

แสงสว่างวาบเข้ามาในม่านตา ที่เผยอขึ้นมาเล็กน้อย ศีรษะของเธอยังคงปวดอยู่ไม่น้อย
 นานทีเดียวกว่าบทสนทนาที่เธอได้ยินจะซึมเข้าสู่สมอง และมันเริ่มทำให้เธอรู้สึกตัว
 ภาพความทรงจำสุดท้ายแวบเข้ามาในสมอง... ใบหน้าของมัลฟอย ที่อยู่ใกล้กับใบหน้าของเธอมากเหลือเกิน...

“ไม่หรอกแฮร์รี่” เสียงของรอน เพื่อนรักของเธอดังขึ้นอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่สำนึกผิด
 “ถ้าฉันไม่ชวนเฮอร์ไมโอนี่ไปเยี่ยมแฮกริด เธอก็ไม่ต้องลงมาหรอก”

“ไม่หรอกรอน” แฮร์รี่ขัดขึ้น “ฉันต่างหากล่ะ เพราะฉันน่ะชวนเฮอร์ไมโอนี่ลงไปอ่านหนังสือข้างล่าง”

“มะ... “

“ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้นแหละ”

“เฮอร์ไมโอนี่” เด็กชายร้องพร้อมกัน ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าตื่นตะลึงถึงที่สุด ราวกับจู่ๆ เธอกลายเป็นนอร์เบิร์ตขึ้นมา

“กลัวฉันลืมชื่อรึไงกัน” เด็กสาวบอกเสียงแผ่ว แต่กระนั้น เธอก็ยังสามารถเลิกคิ้วอย่างน่า
กวนอารมณ์ให้เพื่อนทั้งสองได้

“เธอยังปวดหัวอยู่มั้ย” แฮร์รี่ถามอย่างเป็นห่วง

“นิดหน่อยน่ะ” เด็กสาวตอบอย่างเหนื่อยอ่อน ราวกับเธอเพิ่งวิ่งรอบห้องโถงใหญ่ฮอกวอตส์สัก
 10 รอบเป็นอย่างต่ำ “ว่าแต่ ฉันมาที่นี่ได้ยังไงกันน่ะ”

แฮร์รี่ยังไม่ตอบในทันที แต่หันไปสบตากับรอนอย่างสื่อความหมาย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ แล้วตอบว่า

“มัลฟอยน่ะ มาดามบอกว่าเขาอุ้มเธอขึ้นมาส่งที่นี่”

“มัลฟอยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง ใบหน้าร้อนผ่าว อาจจะเป็นเพราะพิษไข้ หรือเพราะความอายนั้น ก็ไม่สามารถรู้ได้

“ฉันรู้เฮอร์ไมโอนี่ ว่าเธอเกลียดหมอนั่น แต่ยังไงเขาก็ช่วยเธอนะ”

เด็กสาวมองเพื่อนอย่างแปลกใจ แต่ก็ต้องเปลี่ยนท่าทีทันที เมื่อเข้าใจว่าทั้งสองคิดเช่นไร
และพร้อมที่จะปล่อยให้พวกเขาเข้าใจเช่นนั้นต่อไป

“พอแล้ว มิสเตอร์พอตเตอร์ มิสเตอร์วิสลีย์” เสียงเฉียบขาดดังขึ้นข้างหลังพวกเขา

“ขออีกห... “ รอนอ้าปาก

“ไม่ พอแล้วพวกเธอทั้งสองคน” มาดามพอมฟรีสั่ง “ออกไปได้แล้ว เกรนเจอร์ต้องการ การพักผ่อนมากๆ”

“ก็ได้ฮะ” แฮร์รี่บอกเสียงอ่อย “งั้นพวกเราจะมาเยี่ยมเธอใหม่นะเฮอร์ไมโอนี่”

“ได้ แล้วอย่าลืมการบ้านฉันล่ะ” เธอทักท้วง ก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วรีบออกไป

“เอาล่ะ พักผ่อนให้มากๆเกรนเจอร์ แล้วนี่ยาของเธอ กินซะ” มาดามพอมฟรีบอก ก่อนจะยื่นถ้วยยาให้เธอ
ซึ่งรับมาอย่างไม่เต็มใจนัก

“มาดามคะ หนูต้องนอนที่นี่ถึงเมื่อไหร่คะ”

มาดามพอมฟรีมองเธออย่างพิจารณา ก่อนจะตอบว่า

“เมื่อฉันพอใจในอาการของเธอเกรนเจอร์” ว่าแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้องพักของเธอ

เฮอร์ไมโอนี่มองยาในถ้วยอย่างขยะแขยง ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร
 เธอก็จัดแจง เอียงถ้วยยาในตรงกับถังขยะข้างเตียง...

“เธอไม่ควรทำอย่างนั้นนะเกรนเจอร์” เสียงยานคางดังขึ้นใกล้ๆเตียงของเธอ
 ซึ่งทำให้เด็กสาวสะดุ้ง ยาทั้งหมดเกือบหกจากถ้วย

“มัลฟอย”

“ฉันไม่ใช่อโครแมนทูล่านะ เกรนเจอร์ เธอถึงต้องทำหน้าอย่างนั้นน่ะ”

“นายมาทำอะไรที่นี่”

“ฉันจะมาหาคนที่ฉันร... ไม่ได้รึไง“

“อะไรนะ” เด็กสาวร้องเสียงหลง

“ฉันจะมาหาคนที่ฉันรู้ว่าป่วยไม่ได้รึไง” เด็กชายกลับคำ ใบหน้าเป็นสีชมพูเข้ม
 “ฉันว่าเธอรีบกินยาดีกว่านะ หรือจะให้ฉันช่วยมั้ยล่ะ” เขาถาม พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเหล่
ที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ไว้ใจอย่างที่สุด

“ไม่ดีกว่า” เธอตอบเสียงอ่อย ก่อนจะกระดกยาลงคออย่างยากลำบาก

“อื๊อ... ขอน้ำหน่อย”

“น้ำ... เดี๋ยวนะๆ” มัลฟอยตอบอย่างร้อนรน ขณะที่กำลังวุ่นหาเหยือกน้ำไปทั่ว

“เร็วๆหน่อย อี๊... “

“เอ้า... น้ำ” เขาบอก พลางรีบยื่นน้ำให้เธอ ซึ่งรับมาอย่างไม่รีรอ

“ขอบใจ”

“อ้าว... แล้วทำไมเธอกินไม่หมดล่ะ”

“ก็ฉัน... ฉันจะเหลือไว้ให้นายไง” เธอตอบตะกุกกตะกัก ใบหน้าเป็นสีจัด “ฉันว่านายต้องไม่สบายแน่ๆเลย”

“ทำไมล่ะ”

แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอสบตาคู่สีซีดของเขา แล้วเด็กชายก็เข้าใจความหมาย ใบหน้าเริ่มเป็นสีจัด
 ไม่แพ้กัน แต่ถึงกระนั้น...

“ไม่ล่ะเกรนเจอร์” เขาตอบอย่างไว้เชิง “เธอน่ะพักผ่อนมากๆ ฉันไปล่ะ” ว่าแล้ว เด็กชายก็เดินออก
ไปจากห้องพยาบาล ด้วยความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ทิ้งเฮอร์ไมโอนี่ให้อยู่กับความหงุดหงิดตามลำพัง

เมื่อเด็กชายออกมาจากห้องพยาบาลแล้ว เขาก็แอบมองเด็กสาวในห้องพยาบาล
ซึ่งกำลังเทยาส่วนที่เธอเหลือไว้ให้มัลฟอยทิ้ง แล้วล้มตัวลงนอน มัลฟอยพึมพำกับตัวเอง

“เด็กดื้อจริงน้า เกรนเจอร์” เขายิ้มน้อยๆ พลางหันหลังกลับ เพื่อตรงไปยังหอสลิธีริน แล้วเขาก็...

“ฮัดเช้ย... “ เขาจามออกมา ก่อนจะพึมพำอย่างหัวเสียว่า

“สงสัยจะไม่สบายจริงๆแฮะ เพราะเธอคนเดียว เกรนเจอร์ สงสัยฉันต้องเอาคืนซะหน่อยแล้ว”
 เขาพึมพำค่อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย แล้วตรงกลับหอสลิธีริน สมองซีกซ้ายทำงานอย่างหนัก
 ขณะกำลังวางแผน



TBC


No comments:

Post a Comment