Recommended sources of dramione fictions:
1. Tumblr: dramioneasks
2. Fanfiction: www.fanfiction.net
3. Hawthorn & Vine: http://dramione.org/

My recommended and favourited story so far: Isolation by Bex-chan
Contact me: pprraawwll@gmail.com
Line: Prawlnapa

Thursday, September 11, 2014

Chapter 16: All a game

ทั้งหมดแค่การหยอกเล่น (All a game)

          เดรโกเดินอย่างเนือยๆ เข้าไปในห้องสมุดเมื่อเวลาค่ำมาเยือนปราสาท พายุหิมะที่กำลังใกล้เข้ามาเกือบจะมาถึงแล้ว และในระหว่างเวลาอาหารเย็นอาจารย์ใหญ่ได้แนะนำให้บรรดานักเรียนทั้งหลายควรจะอยู่ภายในบ้านจนกว่ามันผ่านพ้นไป เดรโกหวังว่าจะพบเฮอร์ไมโอนี่ที่นี่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ สถานที่ที่เขาไม่ชอบที่จะเห็นเธอและพวกเพื่อนๆ ที่น่ารำคาญของเธอติดพันใกล้ชิดเธอ อย่างน้อยที่สุดเขาอาจได้เห็นเธอ แต่... เดรโกไม่สามารถหาเธอพบหลังจากเหตุการณ์ด้านนอกห้องสมุดเมื่อเช้านี้

          เธอหายตัวไปเกือบจะทันที และถ้าเดรโกไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์ฮอกวอตส์ตั้งแต่อยู่ชั้นปีที่หนึ่ง เขาอาจพนันด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลมัลฟอยว่า เธอได้หายออกไปจากโรงเรียนอย่างสมบูรณ์ แต่เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ เดรโกคิดว่าเธอต้องอยู่แถวไหนสักแห่ง เขาพยายามตามติดเธอไปหลังจากแครบบ์และกอยล์เตร่ไปสำรวจอาหารมื้อกลางวันล่วงหน้า แต่เดรโกคลาดกับเธอที่ไหนสักแห่งใกล้บริเวณเฉลียงห้องวิชาการแปลงร่าง เขาใช้เวลาสองสามชั่วโมงต่อมาเดินเตร่ไปทั่วโรงเรียน ไม่มีทางเลยที่เขาจะสำรวจได้ทุกที่  แต่การมีความเข้าใจภายในพื้นฐานจิตใจของเฮอร์ไมโอนี่นิดหน่อย  และการที่เธอเป็นกริฟฟินดอร์คนหนึ่ง   เขาสามารถตัดคุกใต้ดินทั้งหมดอย่างง่ายดาย และไม่น่าเป็นไปได้อย่างสูงเช่นกันที่เธอไปหอคอยดูดาว เขาเคยแอบได้ยินเธอพูดกับแฮร์รี่หนหนึ่ง ขณะที่กำลังผ่านพวกเขาตรงห้องโถงทางเข้า เธอรู้สึกว่ามันลมแรงอย่างมาก ความไม่ชอบวิชาพยากรณ์ศาสตร์และศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์อย่างยิ่งทำให้เธอออกห่างจากหอคอยนั้นเช่นกัน และสาวน้อยคนนี้ให้ความเคารพนับถือบรรดาอาจารย์ของเธออย่างสูงเกินกว่าจะไปสถานที่ใกล้กับห้องทำงานของคณาจารย์ ดังนั้นเขาจึงค้น หาส่วนที่เหลือแต่ว่าไม่มีร่องรอยของเธอเลย ไม่มีแม้กระทั่งเสียงกระซิบหรือลมหายใจ ไม่มีอะไรที่ไหนสักแห่งเลย

          กระนั้นเขาเห็นพอตเตอร์และวีสลี่ย์มีท่าทางค่อนข้างวิตกกังวลตรงห้องโถงวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ เขาก้มหัวเพื่อหลบเข้าไปในเงามืดของเวิ้งกำแพงที่อยู่ใกล้อันหนึ่ง พวกเขาเดินผ่านไปโดยไม่สังเกตเห็นเขา เด็กหนุ่มสองคนหมกมุ่นอยู่กับการสนทนา

          “เธอไปที่ไหนได้อีก?” วีสลี่ย์ถามอย่างกลุ้มใจ

          “จินนี่ตรวจดูห้องน้ำหญิงทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเรารู้ว่าเธอไม่อยู่ที่นั่นแน่ๆ” พอตเตอร์ตอบ “แล้วเฟร็ดกับจอร์จบอกว่าพวกเขาเห็นเธอแว๋บๆ ลงไปแถวห้องโถงใหญ่”

          “จินนี่จะบอกพวกเราหรือถ้าเธอเจอหล่อนแล้ว และเฟร็ดกับจอร์จพูดอย่างนั้นเพื่อว่าพวกเขาจะได้ไปกินข้าวกลางวันแทนการช่วยเหลือนะซิ” วีสลี่ย์บ่นอู้อี้

          “คิดว่าเราควรไปดูที่ห้องสมุดอีกครั้งนะ? นายก็รู้จักเฮอร์ไมโอนี่ว่าเป็นอย่างไร”

          “ที่ถูกต้องคือเราเคยรู้จักเฮอร์ไมโอนี่ว่าเป็นอย่างไร เวลานี้เธอได้แต่พูดถึงเจ้าวายร้าย

งี่เง่านั่นแม้ว่า...ฉันหมายถึงว่าเธอปกป้องเขา! โอ้ จริงๆ นะ มัลฟอยไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้น ที่จริงแล้วเราน่าจัดงานเลี้ยงและมอบเหรียญสีเลือดให้เขาที่ไม่ได้ชั่วร้ายเลยสักนิดเดียวอย่างที่เราคิด!” วีสลี่ย์พูดดังอย่างโมโห

          “รอน...”

          “ฉันรู้ ฉันรู้ ฉันไม่ควรพูดแบบนั้นกับเธอ แต่ว่าเธอเข้าใจผิดประเด็นเสมอเลย” วีสลี่ย์มองลงไปที่พื้นอย่างกลัดกลุ้ม

          “ฉันคิดว่า บางครั้ง นายพูดเรื่องต่างๆ ผิดประเด็นนะ” พอตเตอร์พูดค่อยๆ

          เดรโกต้องกัดลิ้นตัวเองอย่างแรงเพื่อไม่ให้พุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มทั้งสอง มันช่างยั่วใจอย่างมากให้กระโดดออกไปและสาปเจ้ากริฟฟินดอร์สองคนนี้จากด้านหลัง  แต่เดรโกไม่ได้ไร้สมอง

พอตเตอร์เก่งพอสมควรเรื่องคาถาต่างๆ และเขาต้านทานเจ้าแห่งศาสตร์มืดได้มากกว่าหนึ่งครั้ง ส่วนวีสลี่ย์อาจเหวี่ยงหมัดอันร้ายกาจใส่ก็เป็นได้ และภายในก้นบึ้งของจิตใจเขา เดรโกเกือบจะได้ยินเสียงเธอขอร้องเขาไม่ให้ทำแบบนั้น เดรโกปล่อยให้พวกเขาจากไป มือกำไม้กายสิทธิ์จนแน่นและน่าแปลกใจที่มันไม่หักออกเป็นสองท่อน กระทั่งผ่านไปนานจนช่วงเวลาอาหารเย็นที่เธอยังไม่มา เขาจึงตระหนักถึงสิ่งที่วีสลี่ย์พูด; เธอแก้ต่างแทนเขา เธอปกป้องเขา

          ส่วนเล็กๆ ในตัวเดรโกรู้สึกพอใจเมื่อเห็นพอตเตอร์และวีสลี่ย์มีท่าทางกลุ้มอกกลุ้มใจขณะทานอาหารเย็น พวกเขาไม่มีโชคในการตามหาเธอเช่นกัน ส่วนเล็กๆ ของเขาอาจจะสะใจมากกว่านี้ถ้าเขาไม่รู้สึกกลุ้มใจตัวเองเหลือเกิน

          ดังนั้นหลังอาหารเย็น เดรโกตัดสินใจอย่างเด็ดขาดกับตัวเองว่าเขาจะไม่ไปตามหาเธอ ที่ไหนก็ตามที่เธออยู่ต้องเป็นสถานที่หลบซ่อนที่ดี เมื่อไม่มีอะไรที่ดีกว่าให้ทำเขาจึงไปที่ห้องสมุด

          เดรโกเปิดประตูเข้าห้องของพวกเขาแล้วหยุด เขาคาดว่ามันต้องมืด หนาวเย็นและว่างเปล่า แต่กลายเป็นกองไฟกำลังส่องสว่างอยู่ในตะแกรงเหล็ก และความอบอุ่นกระจายไปทั่วห้อง และรู้สึกประหลาดใจมากกว่ากับเด็กกริฟฟินดอร์ที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ล้อมรอบไปด้วยกองหนังสือสูงหลายกอง

          ประตูปิดตามหลังเขาพร้อมกับเสียงดังคลิ้ก เฮอร์ไมโอนี่เหลือบตาขึ้นมองเขา สีหน้าที่เขาอ่านไม่ออกกระจายทั่วใบหน้าเธอ ก่อนหายไปเบื้องหลังรอยยิ้มค่อนข้างเป็นทางการ

          “ฉันกำลังเริ่มสงสัยว่าเมื่อไรเธอจะมาที่นี่ ฉันอยู่ที่นี่ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว” เธอสูดหายใจยาวก่อนพูดต่อ “ฉันคิดว่าฉันได้คำตอบแล้ว ฉันคิดคำไขรหัสแตกต่างกันหลายคำ” เธอยกกองแผ่นกระดาษขึ้นมาโดยไม่ชะงัก “แน่นอน ฉันไม่สามารถตรวจทานเพื่อดูว่าอันไหนของพวกมันใช้ได้หรือไม่ โดยปราศจากการแปลเพื่อเปรียบเทียบมันกับชิ้นที่เธอได้คัดเลือกไว้ กระนั้นเธอไม่มาซะทีแต่ตอนนี้เธออยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นถ้าเธอต้องการเริ่มต้นด้วยงานชิ้นนี้ ฉันคิดว่ามันเป็นการเดิมพันที่ดีที่สุดของพวกเรา”

          เธอค้นหาเรื่อยๆ ไปทั่วกองแผ่นกระดาษทั้งหลายจนกระทั่งเธอพบชิ้นที่กำลังมองหา เฮอร์ไมโอนี่หยิบมันออกมาให้เขาพร้อมกับรอยยิ้มแบบเดิมที่เดรโกไม่เข้าใจเลย คำถามมากมายกำลังหมุนวนอยู่ในหัวเขา ดังนั้นเดรโกจึงถามคำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจ

          “เธอไปอยู่ที่ไหนมา?”

          “ฉันไปดื่มน้ำชากับแฮกริดเมื่อบ่ายนี้” เธอบอกเขาอย่างสุภาพ

          “เธอออกไปข้างนอกทั้งที่สภาพอากาศแบบนี้โดยไม่บอกใครสักคน เพื่อจะไปดื่มน้ำชากับเจ้า..เจ้าลูกครึ่งยักษ์?” ความโล่งใจของเดรโกเมื่อพบเธอเปลี่ยนไปเป็นความโมโหอย่างรวดเร็ว

          “สภาพอากาศไม่เลวร้ายมากตอนที่ฉันออกไปที่นั่น และตอนหลังแฮกริดก็เดินมาส่งฉันที่ปราสาท” เธอพูดอย่างเรียบร้อย แต่อาการหน้าแดงจากการเปิดเผยความลับกำลังปรากฏบนแก้มของเธอ

          “โอ้ เธอไม่มีความคิดสักนิดถึงเพื่อนๆ ของเธอเลย  เธอแค่ทำอย่างที่เธอพอใจซินะ!”

เดรโกตวาด

          “ฉันเสียใจ คราวหน้าฉันจะเขียนใบขออนุญาต นั่นจะทำให้เธอมีความสุขไหม?” น้ำเสียงเรียบๆ ของเธอสั่นเล็กน้อย

          “อย่ามาทำเป็นประชดฉัน เกรนเจอร์”

          “เหรอ อย่างงั้นก็อย่าทำนิสัยเด็กๆ ซิ  มัลฟอย”

          เดรโกจ้องลงไปที่เธอซึ่งกำลังนั่งหลังตรงและไขว้แขนกอดอก เฮอร์ไมโอนี่ดูคล้ายคุณแม่ผู้ไม่เห็นด้วยทุกกระเบียด เธอสบตากับเขาอย่างไม่ยี่หระ คางเธอเชิดสูงด้วยความท้าทาย ก่อนที่เขาจะสามารถห้ามตัวเองได้ ก่อนที่เขาจะระงับแรงกระตุ้นได้ มือของเดรโกสัมผัสคางเธอแล้วจับแก้มเธอ ดวงตาเธอเบิกกว้างขึ้นแต่ปฏิเสธที่จะมองไปทางอื่นอย่างโกรธเคือง ความจริงที่ว่าเขากำลังจูบเธออยู่เวลานี้ ดูเหมือนทำให้พวกเขาทั้งคู่ประหลาดใจ เดรโกจำไม่ได้เลยเมื่อเขาได้ตัดสินใจทำแบบนั้น แต่พวกเขาทำไปแล้ว เขาดึงเธอขึ้นยืนโดยไม่หยุดจูบ เธอเอนเข้าใกล้เขามากขึ้นและมือของเขาหล่นไปอยู่ที่เอวของเธอและจับเสื้อเธอเต็มกำมือ เขาจมอยู่กับเวลาแห่งความสุขแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ก่อนรู้สึกว่าเธอดิ้นรนต่อต้านเขาอย่างฉับพลัน เดรโกปล่อยตัวเธอไปอย่างเสียดายเหลือเกิน

          “หยุดได้แล้ว!” เธอร้องตะโกนออกมาเมื่อเขาปล่อยเธอ

          เธอกำลังจ้องเขา ดวงตาสีน้ำตาลของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา และเวลานี้น้ำเสียงแบบทางการที่เธอใช้เมื่อเขาพบเธอตอนแรกได้หายไปเรียบร้อยแล้ว

          “เธอไม่อาจทำแบบนั้นได้ต่อไป!” น้ำเสียงเธอสั่น “เธอไม่อาจจูบฉันได้ต่อไป เธอไม่อาจเป็นคนที่น่าชิงชังเวลาหนึ่งแล้วจากนั้น...จากนั้นก็เป็นแบบนี้ในเวลาถัดมา” น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาตามแก้มเธอ เธอป้ายตาอย่างขุ่นเคือง “ที่นี้ แค่ทำงานพวกนี้ซะตกลงไหม?”

          เธอหยิบกองแผ่นกระดาษของเธอออกมาให้เขาอีกครั้ง และคราวนี้เขารับมันมา

เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้สบตาเขาในเวลานี้;เธอกำลังมองไปที่พื้นห้อง ทันทีที่เอกสารทั้งหลายพ้นจากมือเธอ เธอหันไปจากเขาและเริ่มเก็บหนังสือทั้งหลายของเธอ

          “เธอกำลังจะไปหรือ?” ในที่สุดเดรโกก็หาเสียงตัวเองเจอ

          เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าแต่ไม่ยอมมองเขา ไหล่ทั้งสองของเธอสั่น เดรโกยืนขึ้นอย่างเงียบๆ ไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร

          “วันนี้ฉันได้ทำเสร็จแล้วมากเท่าที่ฉันสามารถทำได้” น้ำเสียงเธอขึ้นสูงและกำลังสั่น

          เดรโกมองลงไปที่เอกสารในมือเขา ลายมือเล็กๆ ของเธอถูกเขียนอย่างหวัดๆ บนพวกมัน เขาสังเกตได้ทันทีว่ามือเขากำลังสั่นเล็กน้อย เดรโกหันไปจากเธออย่างทันทีและเดินไปที่โต๊ะ เขาปล่อยกระเป๋าหนังสือหล่นบนโต๊ะแรงกว่าที่ตั้งใจเล็กน้อย เสียงดังฉับพลันทำให้สายตาเธอจับมาที่เขา ดวงตาสีน้ำตาลอบอุ่นเต็มไปด้วยความสงสัยตัวเองและความเจ็บปวดที่เธอพยายามหลบซ่อนเมื่อก่อนหน้านี้ เธอเบือนสายตาหนีอย่างรวดเร็วและเดินไปที่ประตู

          “พวกเขากำลังตามหาเธอ เพื่อนๆ ของเธอ พอตเตอร์และวีสลี่ย์”

          เธอหยุดและรับฟัง

          “ฉันแค่คิดว่า...เออ ฉันคิดว่าเธอควรได้รู้ว่าพวกเขากังวลใจเรื่องเธอ” เดรโกจับตาดูเธออย่างใกล้ชิด

          “ขอบคุณ” เธอพูดก่อนเดินออกประตูไป

          ประตูถูกปิดไปแล้วหลายนาที ก่อนเดรโกพูดอีกครั้งในห้องว่างเปล่า

          “ฉันคิดว่า ฉันก็กังวลเหมือนกัน”

__________________

          เดรโกทำงานอย่างขยันขันแข็งภายในห้องสมุดสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของวันหยุดฤดูหนาว ในวันที่สองเขาถอดรหัสได้ดี พวกเขาถอดรหัส แต่เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยอยู่ที่นั่น เขารู้สึกประหนึ่งว่าเขาสมควรเปล่งเสียงไชโย แม้ว่าไม่มากมายอย่างที่เป็น หนังสือพวกนี้ปรากฏว่าเป็นบันทึกประจำวันส่วนบุคคล บันทึกประจำวันส่วนบุคคลที่ยืดยาวมากๆ เขายังคงไปห้องสมุดทุกวันเพื่อแปลพวกมัน เขาไม่เคยเลิกเชื่อว่าเธอจะต้องมาเร็วๆ นี้  กระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยมาที่ห้องของพวกเขาเลย ถ้าเขาไม่รู้สึกว่าความพ่ายแพ้ทั้งหมดนี้ช่างน่ารำคาญใจอย่างมาก เขาอาจจะรู้สึกประทับใจกับท่าที่ยืนหยัดของเธอ แต่ในเวลาเช่นนี้เดรโกคิดแค่ว่าเธอช่างดื้อรั้นเหลือเกิน ด้านดีเพียงอย่างเดียวที่เขาเห็นคือเธอดูเหมือนใช้เวลาร่วมกับพอตเตอร์และวีสลี่ย์น้อยกว่าที่เธอมีร่วมกับเขาเสียอีก

          เขาสังเกตเห็นเกือบจะทันทีว่าเธอไม่ได้นั่งกับพวกเขาอีกต่อไปในระหว่างมื้ออาหารทั้งหลาย โดยทั่วไปเธอนั่งอยู่ที่ปลายโต๊ะยาวกริฟฟินดอร์กับน้องสาวตัวน้อยของวีสลี่ย์ และบางโอกาสที่หายากเธอนั่งที่โต๊ะเรเวนคลอร่วมกับเพื่อนบางคนที่เรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ บางครั้งเดรโกจับได้ถึงการชำเลืองมองไปที่เธออย่างกังวลของพอตเตอร์หรือวีสลี่ย์ และมันไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยเมื่อเธอไม่สนใจพวกเขาเลย แน่นอนมันช่วยทำให้เขาลืมว่าเธอกำลังไม่สนใจเขาเช่นกัน

          มันเป็นวันสุดท้ายของวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส เมื่อเดรโกเห็นเธอกับพอตเตอร์และ

วีสลี่ย์อีกครั้ง เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในลานสนามร้างผู้คน เขากำลังจะเข้าไปใกล้เมื่อพอตเตอร์และวีสลี่ย์ปรากฏตัวออกมาจากซุ้มทางเดินหินอันหนึ่ง เดรโกอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดอะไร แต่หลังจากช่วงเวลาที่ดูคล้ายเป็นการแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างดุเดือด เฮอร์ไมโอนี่เริ่มต้นร้องไห้และเด็กหนุ่มสองคนมีท่าทีผ่อนคลายมากๆ

          เดรโกขบฟันตัวเอง เมื่อเขาเห็นเธอเหวี่ยงแขนโอบรอบวีสลี่ย์และซบใบหน้าในเสื้อคลุมของเขา และเขายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกเมื่อวีสลี่ย์กอดเธอกลับ และเมื่อเธอหันไปให้พอตเตอร์

เยียวยาปลอบใจแบบเดียวกัน เดรโกรู้สึกว่าเขาไม่อาจอดกลั้นตนเองได้อีกต่อไปแล้ว เขาก้าวเท้ายาวๆ ไปข้างหน้าเข้าไปในลานสนาม

          วีสลี่ย์เห็นเขาเป็นคนแรก “นายต้องการอะไร มัลฟอย?”

          “ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ต้องการแสดงความยินดีกับพวกนายทั้งหมด ทั้งโรงเรียนคงจะตื่นเต้นที่ได้รับทราบว่าในที่สุดสามเพื่อนซี้มหัศจรรย์ได้คืนดีกันแล้ว” เขาลากเสียงอย่างเฉยเมย

          “หุบปากซะ มัลฟอย” พอตเตอร์ตวาดใส่

          “ทำไมนายไม่ทำให้ฉันเงียบล่ะ พอตเตอร์” เขาตอบด้วยความดุเดือดพอกัน

          พอตเตอร์ปล่อยตัวเฮอร์ไมโอนี่ และเขากับวีสลี่ย์ทั้งคู่ก้าวตรงไปยังเดรโก แม้ว่าหนุ่ม

สลิธีรินไม่กลัว;เขาจับไม้กายสิทธิ์ข้างในกระเป๋าเสื้อไว้แน่น และปล่อยให้ความโกรธชี้นำเขา แต่ก่อนที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งจะพูดหรือทำอะไร เฮอร์ไมโอนี่รีบมาข้างหน้าและแทรกตัวเธอมาอยู่ระหว่างพวกเขา

          “ได้โปรดอย่าทะเลาะกันเลย แฮร์รี่, รอน ได้โปรดนะ” เธออ้อนวอนพวกเขา เธอมอง

เดรโกโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น;นัยน์ตาโตสีน้ำตาลของเธอบอกเขาทั้งหมดที่เธอต้องการพูดกับเขา แต่เดรโกโมโหเกินกว่าจะรับฟังเช่นกัน ในเวลานี้แววตาอบอุ่นคุ้นเคยคู่นั้นมีแต่ทำให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น

          “เธอต้องเข้ามาขวางทางเสมอเลยหรือ เกรนเจอร์?” เขาถามอย่างเย็นชา

          เธอสะดุ้งแต่ยังยืนอยู่กับที่ วีสลี่ย์ผลักเธอออกไป

          “ห้ามพูดกับเธอแบบนั้น มัลฟอย” เขาคำราม

          “ฉันจะพูดกับเธออย่างไรก็ได้ที่ฉันต้องการ วีสลี่ย์”

          พอตเตอร์แทรกผ่านเธอมาแล้วตอนนี้;เดรโกสังเกตว่าเขาดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้ว ส่วนหนึ่งของเดรโกสงสัยว่าทำไมตัวเขากำลังทำแบบนี้ แต่ว่าเขาโมโหมากเกินกว่าจะขบคิดหาคำตอบจริงๆ

          “พอตเตอร์ เวลานี้ไม้กายสิทธิ์จำเป็นด้วยรึ? เราทั้งหมดไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอกรึ?”

 เดรโกถามอย่างประชดประชัน

          “นั่นช่างน่าหัวเราะจริงๆ มัลฟอย” วีสลี่ย์ฝืนทำเสียงหัวเราะ

          “เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรือ เฮอร์ไมโอนี่?” เขาถามพร้อมกับหันไปหาเธอทันที ลากเสียงชื่อเธออย่างเยาะหยัน

          เธอเบือนสายตาหนีไปจากเขาโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เดรโกรู้สึกโกรธแค้นอะไรบางอย่าง

          “เราควรเป็นเพื่อนกัน ฉันรู้จักเธอในแบบที่สองคนนั้นไม่สามารถแม้แต่จะจินตนาการได้” เขาลูบไล้แก้มเธอด้วยปลายนิ้วมือเขา และยิ้มเยาะเมื่อเธอหน้าแดง เดรโกรู้สึกได้รับชัยชนะเมื่อพอตเตอร์และวีสลี่ย์มองมาที่เขาด้วยอาการช็อกและไม่อยากเชื่อ

          “หมายความว่าอะไร มัลฟอย?” พอตเตอร์ถาม

          “นายรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร” เดรโกตอบด้วยน้ำเสียงเป็นนัยว่าเข้าใจ และขยิบตาให้กับสองหนุ่มด้วย

          มีเสียงร้องโกรธดังมาจากสองหนุ่มกริฟฟินดอร์ แต่ก่อนที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งจะขยับ เฮอร์ไมโอนี่ทำบางอย่างที่ทำให้พวกเขาหยุดลงได้ เธอตบไปที่ใบหน้าของเดรโก ผมสีบลอนด์สว่างของเขาตกลงมาปิดลูกตาเมื่อเขามองกลับมาที่เธอ ดวงตาทั้งคู่ของเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาและเธอกำลังตัวสั่น พอตเตอร์และวีสลี่ย์กำลังจ้องเธอเขม็งด้วยความประหลาดใจ แต่สายตาของเดรโกไม่ได้ละไปจากดวงตาเธอเลย นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นดูเหมือนสะท้อนจิตวิญญาณของตัวเขาเองในบางครั้ง

          “ฉันผิดเอง” เธอกระซิบ

          เดรโกไม่แน่ใจว่าเธอพูดดังพอให้พอตเตอร์หรือวีสลี่ย์ได้ยินหรือไม่ แต่ในเวลานี้เธอคล้ายกับว่าได้ลืมพวกเขาไปแล้ว เขาไม่สามารถละสายตาไปจากสาวน้อยน่ารักคนนี้ได้เลย เธอไม่พยายามอะไรเลยเพื่อไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าเขา น้ำตาอ่อนแอของเธอกำลังไหลไม่หยุด เธอตรึงเขาไว้อยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนหันไปจากเขาและคนอื่นๆ แล้วเดินเชิดศีรษะสูงไปยังอีกด้านของลานสนามที่เต็มไปด้วยหิมะ

          พอตเตอร์และวีสลี่ย์เฝ้ามองเธอจากไปในความเงียบ ทันทีที่เธอลับตาไปผ่านซุ้มทางเดินอันเดียวกับที่พวกเขาออกมา ทั้งคู่หันกลับมามองที่เดรโก

          “จริงๆ แล้วนายต้องการบางอย่างอีกใช่ไหม มัลฟอย?” พอตเตอร์ถามอย่างเย็นชา

          เดรโกสังเกตว่าพอตเตอร์จับด้านหลังเสื้อของวีสลี่ย์ไว้แน่น ซึ่งอาจเป็นเรื่องดีก็เป็นได้ เพราะว่าหนุ่มหัวแดงท่าทางเหมือนว่าสามารถฆ่าเดรโกได้ด้วยมือเปล่าอย่างแน่นอน

          “ไปกันเถอะ” พอตเตอร์พูดเบาๆ กับเพื่อนเขา  วีสลี่ย์คล้ายกับจะโต้แย้งแต่แล้วก็หันหลังและตามเด็กหนุ่มอีกคนไป

          เดรโกถูกปล่อยไว้ตามลำพัง กำลังมองลงไปที่หิมะ เธอไม่เข้าใจเลย มันช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ ในความคิดเขา เธอให้อภัยพวกเขา เดรโกทราบว่าพวกเขาคือเหตุผลที่ทำไมเธอถึงได้เสียใจอย่างมาก แต่ใครที่เธอกำลังพูดด้วย? ใครที่เธอจงรักภักดีด้วย? พวกกริฟฟินดอร์เฮงซวยแน่นอนเลย เดรโกเตะใส่หิมะอย่างโมโห และอดไม่ได้ที่รู้สึกอยากเตะตัวเองด้วย

__________________

          เดรโกชำเลืองไปที่เฮอร์ไมโอนี่อีกหน แต่เธอยังคงเหมือนเดิมนับตั้งแต่เธอนั่งลงแล้ว เธอกำลังมองตรงไปข้างหน้าและปฏิเสธที่จะยอมรับการอยู่ที่นี่ของเขา นี่เป็นวันแรกที่กลับเข้าชั้นเรียน และเขาได้ตั้งหน้าตั้งตารอวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ จริงอยู่มันเป็นวิชาโปรดของเขารองจากวิชาการปรุงยา แต่ที่สำคัญมากกว่าคือที่นี่เธอไม่สามารถเลี่ยงเขาได้ จนบัดนี้ความรำคาญของเขามากขึ้นไปอีก เมื่อเธอดูเหมือนกำลังทำแบบนั้นอย่างจริงจัง

          ศาสตราจารย์เวคเตอร์พูดเสียงเบาๆ ในการบรรยายของเธอ ซึ่งมันอาจน่าสนใจมากๆ ก็เป็นไปได้ แต่เดรโกไม่สามารถทำให้ตัวเองใส่ใจกับมันได้ มันราวกับว่าหลายเดือนที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นเลย  ราวกับว่าเป็นวันแรกของปี  และไม่ใช่วันแรกของภาคการเรียนใหม่ครึ่งปีการ

ศึกษา เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงห่างจากเขาเท่าที่เป็นไปได้ ข้าวของทั้งหมดของเธอวางกองอยู่เกือบสุดปลายโต๊ะ ปากกาขนนกกลิ้งไปมาตรงข้ามม้วนกระดาษแผ่นหนึ่ง เขารู้ว่าเธอกำลังทำอะไร;เธอกำลังปิดกั้นสิ่งที่หันเหความสนใจทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ และกำลังเพ่งความคิดทั้งหมดไปที่ศาสตราจารย์ แต่ไม่มีเหตุผลเลยที่จะสนใจศาสตราจารย์ เดรโกเต็มใจยอมรับว่าเป็นไปได้ที่

เฮอร์ไมโอนี่รู้เรื่องวิชาตัวเลขมหัศจรรย์เกือบจะมากพอๆ กับเขา อาจจะมากกว่าด้วยเมื่อประ

กอบกับหลายๆ อย่าง  เหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำไมเธอถึงกำลังใส่ใจอย่างมากมาย ก็เพื่อว่าเธอจะได้ไม่ต้องคิดถึงเขา นี่เป็นข้อคิดเห็นที่ทะนงตัวอย่างสูงของเดรโก  แต่การที่เป็นมัลฟอยคนหนึ่ง เช่นเดียวกับความเชื่อที่แท้จริงว่าโลกหมุนรอบตัวเอง มันเป็นคุณลักษณะที่ได้รับมรดกสืบทอดกันมา ถึงแม้ว่าในเหตุการณ์ครั้งนี้เดรโกคิดถูกต้อง

          เขาเหลือบไปดูนาฬิกาทรายซึ่งวางหมิ่นเหม่อยู่บนกองหนังสือเอียงๆ บนโต๊ะของศาสตราจารย์ ชั้นเรียนใกล้จะเลิกเร็วๆ นี้ และเฮอร์ไมโอนี่ไม่มีแม้แต่ความเมตตาจะหันมามองเขาเลย เดรโกจ้องไปที่เธอและจากนั้นชนหนังสือวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ของเขาตกไปที่พื้น เสียงดังปุ๊บปั๊บดึงสายตาทุกคู่มาที่เขารวมถึงคู่หนึ่งที่เขาหวังไว้ เป็นครั้งแรกในหลายวันที่เดรโกพบว่าตัวเองกำลังจ้องเข้าไปในดวงตาสีเข้มของเธอ และพวกมันไม่ยินดีที่เห็นเขา เฮอร์ไมโอนี่มองมาที่เขาและเป็นลักษณะที่เขารู้จักคุ้นเคยดี มันเป็นสีหน้าแบบเดิมที่เธอเคยแสดงเสมอเมื่อเกี่ยว

ข้องกับเขา แววตาเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังและบางอย่างที่ลึกล้ำมากกว่า;ความเจ็บปวดและการทรยศ เธอหันกลับไปที่ศาสตราจารย์เวคเตอร์ และไม่มองเขาอีกเลยตลอดเวลาที่เหลือในชั้นเรียน

          เดรโกนั่งอย่างเป็นทุกข์ เมื่อเม็ดทรายสีม่วงจำนวนสุดท้ายไหลลงสู่ก้นนาฬิกาทราย พวกนักเรียนเริ่มเก็บข้าวของ เขาเฝ้ามองเฮอร์ไมโอนี่เดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว แล้วความคิดหนึ่งเกิดขึ้นกับเขา เดรโกกระโดดขึ้นยืนและรีบก้าวลงบันไดที่ละสองขั้นตรงไปที่เฮอร์ไมโอนี่ เขาคว้าแขนเธอและลากเธอกลับเข้าไปในห้องเรียน ก่อนที่เธอจะหายไปในฝูงชนจำนวนมากที่กำลังผ่านเข้าไปในห้องโถง เธอหันมาหาเขาพร้อมกับคำพูดดุเดือดจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก แต่เหมือนกับที่เขาคาดไว้ เธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองพูดอะไรได้ต่อหน้าอาจารย์ของพวกเขา

          “ศาสตราจารย์เวคเตอร์ครับ” เดรโกลากเฮอร์ไมโอนี่มาอยู่ตรงที่เธอกำลังยืน  

          “มิสเตอร์มัลฟอย, มิสเกรนเจอร์  งานต่างๆ เกี่ยวกับโครงการของพวกเธอเป็นอย่างไรบ้าง? พบอะไรที่น่าสนใจไหม?” ศาสตราจารย์เวคเตอร์ยิ้มกว้างให้พวกเขา

          “โอ้ ครับศาสตราจารย์  เฮอร์ไมโอนี่และผมทุ่มเทวันหยุดคริสต์มาสส่วนใหญ่ของพวกเราเพื่อถอดรหัสบันทึกประจำวันเก่าแก่บางส่วนของโอ’แลรี่ เขาเขียนเป็นภาษาละตินก่อนแล้วแปลมาเป็นรหัสครับ” เดรโกยิ้มตอบให้ และจับเฮอร์ไมโอนี่แน่นขึ้น

          “ฉันดีใจมากเลย บอกความจริงกับเธอก็ได้ ฉันกลัวว่ามันอาจจะระดับสูงเกินไปนิดสำหรับเธอสองคน ฉันรู้ว่ากำลังขอมากไปหน่อย”

          “โอ้ ไม่ครับศาสตราจารย์” เดรโกกำลังใช้เสน่ห์แห่งตระกูลมัลฟอยทั้งหมดที่เขามี “หลังจากรายงานความก้าวหน้าครั้งล่าสุดของพวกเรา คุณบอกว่าอยากจะไปดูสิ่งที่พวกเราได้ทำไปแล้ว ผมกำลังคิดครับศาสตราจารย์ ว่าถ้าคุณไม่มีการสอนแล้ว คุณอาจจะอยากไปตอนนี้ไหมครับ?” รอยยิ้มของเดรโกกว้างมากขึ้น

          “เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก มิสเตอร์มัลฟอย, มิสเกรนเจอร์”

          เดรโกฉีกยิ้มเมื่อศาสตราจารย์เวคเตอร์ตามเขาออกมาจากห้อง ยิ้มกว้างของเขาเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เริ่มลากเท้าตามหลังมา การเดินทางไปห้องสมุดค่อนข้างเร็ว เพราะว่าพวกเขากำลังเดินไปกับอาจารย์คนหนึ่ง นักเรียนคนอื่นๆ ต่างก็หลีกทางให้กับพวกเขา

          ศาสตราจารย์เวคเตอร์รู้สึกประทับใจอย่างมากกับการแปลที่เดรโกได้เขียนขึ้น และทำหน้าตะลึงอย่างแท้จริงไปที่เฮอร์ไมโอนี่เมื่อหล่อนตรวจดูคำแก้ไขรหัสต่างๆ ของเธอ หลังจากนั้นศาสตราจารย์ก็ออกไปและปล่อยพวกเขาไว้ตามลำพังภายในห้อง

          “เฮอร์ไมโอนี่?” เดรโกถามอย่างนุ่มนวล เธอดูคล้ายว่าจมอยู่ในความคิดและกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง

          พร้อมกับเสียงเขา เฮอร์ไมโอนี่ตระหนักว่าพวกเขาอยู่กันตามลำพัง เธอเคลื่อนตรงไปที่ประตู แต่หยุดลงเมื่อเดรโกก้าวมาขวางหน้ามันไว้

          “ไม่ เธอยังไปไม่ได้” เขาบอกเธออย่างหนักแน่น

          “อยากเห็นเธอหยุดฉันจัง” เธอพูดอย่างเย็นชา

          “นั่นเป็นคำท้าทายหรือ เกรนเจอร์?”

          “เธอสนุกกับเรื่องนี้จริงๆ ใช่ไหม? เธอชอบการหยอกเล่นครั้งนี้จริงๆ ด้วย  ช่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว” เธอไขว้แขนกอดอกและถลึงตาใส่เขา

          “เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?” เดรโกไขว้แขนล้อเลียนเธอบ้าง

          “เธอรู้ดีที่สุดว่าฉันกำลังพูดเรื่องอะไร” เธออารมณ์เดือด “เธอก็เพียงแต่ชอบที่จะแกล้งผู้คน เธอรู้ว่าแฮร์รี่ยังโกรธฉันอยู่และรอน...รอนไม่แม้แต่จะรับรู้การอยู่ที่นี่ของฉัน”

          เดรโกก้าวออกไปทางซ้ายอีกนิด ทำให้แน่ใจอย่างเต็มที่ว่าประตูถูกขวาง ก่อนเขาพูดต่อว่า “ฉันต้องเสียใจเรื่องพอตเตอร์และวีสลี่ย์ไหม? โอ้ ไม่เลย อย่างไรก็ตามฉันควรจะอยู่รอดด้วยตัวฉันเองไหมในเวลานี้?”

          “ส่วนที่น่าเศร้าจริงๆ เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือ จริงๆ แล้วฉันไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะโกรธเธอ เธออดไม่ได้ที่จะมีนิสัยแบบที่เธอเป็น เย็นชาและไร้ความเห็นอกเห็นใจ” น้ำเสียงเธอสั่นอีกครั้ง และเดรโกไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความโกรธหรือความเจ็บปวด “พวกเขาพูดถูกเกี่ยวกับเธอ ทั้งหมดนี้เป็นแค่การหยอกเล่น” เสียงเธอขาดหายไป และเธอมองไปทางอื่นไม่ใช่เขา

          เดรโกก้าวมาหาเธออย่างเงียบๆ  เธอกำลังเช็ดตาอย่างวุ่นวาย  และไม่ได้สนใจเขา จนกระทั่งเขาวางมือแทรกผ่านลอนผมสีน้ำตาลที่ทิ้งลงมาตามใบหน้าเธอ  เธอสะดุ้งถอยหลัง รู้สึกแปลกใจแต่เดรโกคาดการณ์ไว้แล้ว แขนเขาได้ไปวางอยู่รอบเอวเธอเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับจับเธอไว้ให้อยู่กับที่ เฮอร์ไมโอนี่ไม่แม้แต่จะดิ้นรนหนี เธอได้เรียนรู้แล้วว่ามันเป็นความพยายามที่ไม่มีประโยชน์;เขาแข็งแรงกว่าเธอมากนัก  เวลานี้เธอจ้องเขาเขม็งด้วยดวงตากลมโต หวาด กลัวกับสิ่งที่เขาจะทำ

          เดรโกเอียงศีรษะลงมาและจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา

          “ฉันไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่ว่ามันไม่ใช่เป็นการหยอกเล่นแน่นอน” เขากระซิบอย่างนุ่มนวลกับเส้นผมของเธอ ก่อนดึงเธอมาชิดตัวเขาอย่างสมบูรณ์

TBC

No comments:

Post a Comment