ตลอดวันนั้นทั้งวันเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจที่จะหยุดคิดเรื่องจดหมายที่ส่งมาให้เธอได้เลย แม้ว่าเธอจะพยายามเพียงเท่าไร แต่ความสงสัยที่เธอมีนั้นมากเกินกว่าที่เธอจะมองข้ามมันไปได้ เวลาเริ่มผ่านไปเรื่อย ๆ จากเที่ยงไปจนบ่าย จากบ่ายไปถึงเย็น ใกล้เวลานัดที่เขียนไว้ในจดหมายเข้ามาทุกทีแล้ว เฮอร์ไมโอนี่กำลังตัดสินใจอย่างหนักว่าเธอควรจะทำอย่างไรดีระหว่างทำเป็นไม่สนใจมันกับไปตามนัดนั้นเพื่อทราบความจริง
ก่อนหกโมงเล็กน้อยเฮอร์ไมโอนี่ลงมาที่ห้องโถงและเธอก็พบกับมิสเตอร์คลิฟฟอร์ดที่กำลังถือนกฮูกตัวหนึ่งอยู่ เฮอร์ไมโอนี่จำได้ทันทีว่ามันเป็นนกฮูกของมัลฟอย นกฮูกเหยี่ยวสีน้ำตาลท่าทางสง่างามนั้นบินมาส่งจดหมายให้พ่อบ้านชราก่อนที่จะบินกลับไปที่กรงของมัน
“มีจดหมายมาหรือคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม พ่อบ้านชราสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองทางเธอ
“อ้อ ครับ มีจดหมายจากนายน้อย” คุณคลิฟฟอร์ดพูด
“เหรอคะ แล้วเขาว่ายังไงบ้างเหรอคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม ชายชรามองเธอเนิ่นนานก่อนที่จะตอบคำถามออกไปว่า
“นายน้อยบอกว่าจะกลับดึกสักหน่อย เพราะวันนี้มีนัดกับลูกค้า” พ่อบ้านประจำตระกูลมัลฟอยบอก เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น
กลับดึกอีกแล้วรึนี่
“นายน้อยบอกให้คุณทานอาหารค่ำไปก่อนโดยไม่ต้องรอ” เขาพูด พลางเก็บจดหมายนั้นลงในกระเป๋า เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไร เธอเดินกลับไปที่ห้องนอนทันที
เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดปนน้อยใจ กี่ครั้งแล้วนะที่มัลฟอยพูดอย่างนี้ กี่ครั้งกันที่เขางานยุ่งเสียจนไม่มีเวลาให้เธอ หญิงสาวคิดพลางถอนใจ สายตาของเธอเหม่อมองไปบนโต๊ะ และซองจดหมายสีเข้มนั้นก็ปรากฏสู่สายตาของเธอ ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในใจของเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง นาฬิกาวางอยู่บนเตาผิงบอกเวลาห้าโมงห้าสิบนาที
เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากอย่างกำลังชั่งใจ เธอรู้ว่าการไปตามนัดปริศนานั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำและอาจนำอันตรายมาสู่ตัวเธอ แต่ความอยากรู้ของเธอนั้นมันแทบจะล้นอยู่ในอกของเธอแล้วในขณะนี้ เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เตาผิงกระถางใส่ผงฟลูตั้งอยู่บนนั้น เธอมองมันด้วยดวงตาวาววับ และเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจเดินไปหยิบมันมาไว้ในมือ เธอก้าวเข้าไปในเตาผิง และโยนผงฟลูลงพร้อมกับพูดเสียงดังว่า
“ร้านหม้อใหญ่รั่ว!”
*************************************************
แรงดึงดูดมหาศาลดูดเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปในเตาผิง และเมื่อเธอรู้สึกตัวเธอก็มาอยู่ในร้านเสียแล้ว ภายในร้านนั้นมีผู้คนคลาคล่ำอาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้นั้นเลยเวลาเลิกงานมาแล้ว พ่อมดแม่มดกลุ่มใหญ่พูดคุยกันเสียงดังจอกแจกจอแจ ทอมเจ้าของร้านเดินเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ช้า ๆ
“นัดใครไว้หรือเปล่า คุณผู้หญิง” เขากล่าวเสียงแหบ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย
“เปล่าค่ะ ฉันมาคนเดียว” เธอพูดพลางนั่งลงที่โต๊ะที่อยู่ใกล้ที่สุด “เอ่อ ขอบัตเตอร์เบียร์ค่ะ” เธอพูดมองไปรอบ ๆ ร้านที่ดูวุ่นวาย และเธอก็เริ่มมองหาคนที่นัดเธอมาพบที่นี่
คนส่วนมากนั้นเป็นคนในวัยผู้ใหญ่ และวัยกลางคน เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่สังเกตุเห็นเด็ก ๆ เข้ามาที่นี่มากนัก และพวกเขาก็มักจะนั่งกันเป็นกลุ่ม เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบร้าน นาฬิกาที่แขวนไว้ที่ผนังบอกเวลาหกโมงเย็น แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังไม่ทราบเลยว่าใครที่นัดเธอมาพบที่นี่ และทันใดนั้นเองสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ก็ไปสะดุดเข้ากับร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังนั่งจบเครื่องดื่มอยู่คนเดียวในมุมมืดของร้าน ร่างนั้นสวมผ้าชุดคลุมสีดำที่ยาวกรอมพื้น รวมทั้งศีรษะที่ถูกปกปิดไว้ด้วยฮู้ดทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถเห็นหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน แต่ดูถ้าดูจากภายนอกแล้วมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงผู้เสพความตาย
เฮอร์ไมโอนี่จ้องร่างนั้นอยู่นานพอสมควร และเมื่อผู้ถูกมองรู้ตัวเขาก็เดินออกจากร้านหลังจากทิ้งเงินค่าเครื่องดื่มไว้ที่โต๊ะ เฮอร์ไมโอนี่รีบตามเขาไปทันที
ร่าง ๆ นั้นเดินไปทางหลังร้าน ซึ่งหญิงสาวใช้เวลานานกว่าจะผ่าฝูงชนที่เบียดเสียดกันอยู่ในร้านมาได้ และเมื่อมาถึงหลังร้าน เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่ามันว่างเปล่า เธอควักไม้กายสิทธิ์ออกมาทันที
”แนวตั้งสาม แนวนอนสอง” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเคาะไม้กายสิทธิ์เบา ๆ และกำแพงตรงหน้าเธอก็เปลี่ยนมาเป็นซุ้มประตูให้เธอลอด เผยให้เห็นตรอกไดแอกอนที่เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่ง และเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นร่างที่สวมชุดคลุมกำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น เธอจึงรีบตามเขาไปทันที
ร่าง ๆ นั้นเดินผ่านร้านรวงต่าง ๆ ภายในตรอกไดแอกอนอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่คิดจะแวะดูมัน ราวกับว่าเขาปรารถนาที่จะเดินผ่านมันไปไว ๆ เสียมากกว่า เฮอร์ไมโอนี่เดินตามร่างนั้นมาเรื่อย ๆ จนมาถึงแถบที่มีผู้คนบางตา ร่างนั้นก็เลี้ยวเข้าไปในตรอกที่แคบชื้น และสกปรก ตรอกนอร์กเทิร์นนั่นเอง
เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่หน้าตรอกนอร์กเทิร์นอย่างลังเล แต่ความรู้สึกอยากรู้ของเธอก็ทำให้เธอกัดฟันเดินตามร่างนั้นไป ภายในตรอกนอร์กเทิร์นดูเงียบสงบและวังเวงมากกว่าตรอกไดแอกอนหลายเท่านัก เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่านอกจากเธอกับร่างของพ่อมดที่นอนแผ่อยู่ตรงพื้นเพราะเมาวิสกี้ไฟแล้ว ในตรอกนี้ก็ไม่มีบุคคลอื่นอีกเลย หญิงสาวเห็นร่างสวมชุดคลุมนั้นไว ๆ ตรงหัวมุมหนึ่งเธอรีบเร่งฝีเท้าตามทันที และเมื่อเธอตามมันทัน
“หยุดนะ” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน ร่าง ๆ นั้นหยุดชะงัก
“เธอใช่ไหมที่เป็นคนนัดฉันออกมาที่นี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดแต่ร่างในชุดคลุมนั้นไม่ตอบ มันค่อย ๆ หันหน้าเข้ามาหาเธอช้า ๆ มือของเฮอร์ไมโอนี่กำไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋าไว้แน่นเผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้น จนเมื่อร่างลึกลับนั้นยืนประจันหน้ากับเธอมันก็ค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมศีรษะออกมาช้า ๆ
*************************************************
ร่างลึกลับตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของมัน ถึงแม้ว่าใบหน้านั้นจะดูมีอายุขึ้น และดูโตขึ้นกว่าภาพในความทรงจำของเฮอร์ไมโอนี่ แต่หญิงสาวก็จำเธอได้ดี
แพนซี่ พาร์กินสันนั่นเอง!
“ว่าไง ยายเลือดสีโคลน” แพนซี่ทักเธออย่างร้ายกาจ เฮอร์ไมโอนี่มองเธออย่างตกใจ เธอไม่คิดว่าเธอจะเดินมาติดกับแพนซี่อย่างง่ายดายเช่นนี้ แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะไปคิดอะไรไปมากกว่านั้น ร่างที่สวมชุดคลุมดำมืดอีกไม่ต่ำกว่าห้าร่างก็รายล้อมเธอเข้ามา
“เธอนัดฉันมาต้องการอะไร” เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันพูด มือที่จับไม่กายสิทธิ์ชื้นไปด้วยเหงื่อ ในขณะที่แพนซี่กรีดเสียงหัวเราะอย่างร่าเริง
“เธอไม่รู้เลยรึว่าฉันต้องการอะไร” แพนซี่พูด แววตาสีดำทอประกายชั่วร้าย
“คนพวกนี้เป็นใครกัน เพื่อน ๆ ผู้เสพความตายของเธอเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนถาม
“นับว่ายังฉลาดอยู่บ้าง” เธอพูด “สมแล้วที่เป็นเธอ นี่ขนาดฉันทำให้เธอความจำเสื่อมไปแล้วนะนี่” แพนซี่พูดอย่างอารมณ์ดี
“แล้วคราวนี้เธอต้องการอะไร ลบความจำของฉันอีกรอบรึไง” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างท้าทาย แพนซี่เหยียดยิ้มพลางส่ายหน้าช้า ๆ
“ไม่หรอก เกรนเจอร์” เธอพูด “จากครั้งก่อนเธอรู้ไหมว่าฉันได้บทเรียนชั้นดีมาที่ฉันต้องจำจนขึ้นใจทีเดียวล่ะ” แพนซี่ว่า รอยยิ้มน่ารังเกียจปรากฏบนใบหน้าหงิกงอของเธอ
“และบทเรียนนั้นก็คืออะไรรู้ไหม” เธอพึมพำพลางเดินเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่เสียจนร่างของทั้งสองห่างกันไม่ถึงครึ่งเมตร
“ถ้าเธอต้องการได้ของ ๆ ใครแล้วล่ะก็ เธอก็ต้องจัดการเจ้าของ ๆ มันให้พ้นทางเสียก่อน หรือไม่ก็กำจัดเขาไปจากโลกนี้เลยก็ยิ่งดี เธอถึงจะได้ครอบครองมันโดยที่ไม่มีใครมาขัดขวาง” แพนซี่พูด ยิ้มเยือกเย็น เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแน่น เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นบนใบหน้า เธอจำเป็นต้องลงมือตอนนี้เดี๋ยวนี้ก่อนที่แพนซี่จะฆ่าเธอ
“งั้นเธอก็กำลังจะใช้บทเรียนนี้ของเธอสินะ แพนซี่” หญิงสาวพูด แพนซี่ยิ้มรับ
“แน่นอน ฉันใช้มันแน่” เธอพูดก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม แต่คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่ไวกว่า
“สตูเปฟาย” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนก้องชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่แพนซี่ที่เบี่ยงตัวหลบได้ทัน
“โพรเทโก้” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง เฮอร์ไมโอนี่เอี้ยวตัวหลบ และเมื่อผู้เสพความตายคนหนึ่งกำลังจะสาปเธอ
“อิมเปดิเมนต้า” เฮอร์ไมโอนี่เสกคาถาสกัดภัยไว้ได้ทัน
“เอ็กซ์เปสลิอาร์มัส” แพนซี่ตะโกน ไม้กายสิทธิ์ของเธอลอยหวือไปอยู่ในมือของแพนซี่ เธอหมุนมันไว้ในมืออย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะโยนมันทิ้ง พร้อมกับชี้ไม้กายสิทธ์ของเธอไปที่เฮอร์ไมโอนี่
“จะให้ฉันใช้คาถาไหนก่อนดี” แพนซี่พูดมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีดำ รอยยิ้มที่แสดงความพึงพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าหงิกงอของเธอ
“คาถากรีดแทงดีไหม” เธอพูดพลางเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่ ไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่ชี้ไปที่หน้าอกของเธอ “หรือคาถาพิฆาตดี” เธอพูด
“หรือทั้งสองอย่าง” เสียงของผู้เสพความตายคนหนึ่งดังขึ้น แพนซี่ยิ้มรับคำพูดนั้น
“แน่นอน ฉันทำแน่” แพนซี่พูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่
“มีอะไรจะสั่งเสียก่อนไหม ยายเลือดสีโคลน” แพนซี่ถาม เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันแน่น มองแพนซี่อย่างเคียดแค้น หญิงสาวหัวเราะออกมา
“ถ้าเธอเงียบฉันก็ถือว่าเธอไม่มีอะไรจะพูดนะ” แพนซี่ว่าก่อนที่จะกดไม้กายสิทธิ์ลงไปที่ลำคอของเฮอร์ไมโอนี่ เธอหลับตาลง รอรับชะตากรรมของเธอที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่ก่อนที่แพนซี่จะได้ร่ายคาถานั้น ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ปรากฏกายขึ้นเสียก่อน และพวกเขาก็คือศัตรูตัวฉกาจของเหล่าผู้เสพความตาย มือปราบมารนั่นเอง!
แฮร์รี่ รอน และมือปราบมารคนอื่น ๆ นั้นบุกเข้าจับกุมผู้เสพความตายอย่างรวดเร็ว และก่อนที่แพนซี่จะร่ายคาถาใส่เฮอร์ไมโอนี่แฮร์รี่ก็เข้ามาช่วยเธอไว้ได้ทันท่วงที
“เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วง เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
“ระวังข้างหลัง แฮร์รี่” หญิงสาวหวีดร้อง เมื่อผู้เสพความตายคนหนึ่งกำลังจะร่ายคาถาใส่เขา
“อิมเปดิเมนต้า” เสียงของรอนดังขึ้น เกิดแรงระเบิดมหาศาลระหว่างแฮร์รี่กับผู้เสพความตายนั้น และก่อนที่มันจะได้โอกาสร่ายคาถาอีกครั้ง รอนก็สะกดนิ่งมันเสียก่อน
“ไปหาที่หลบก่อน เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดอย่างรีบเร่ง และเขาก็หันไปต่อสู้กับผู้เสพความตายอีกคนหนึ่ง หญิงสาวรีบถอยหลังกรูมองดูพวกเขาสู้กันอย่างดุเดือด และในขณะนั้นเองก็มีมือ ๆ หนึ่งมาคว้าร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไว้
“คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้เธอไปมีความสุขกับเดรโกอีกเป็นครั้งที่สองน่ะ” แพนซี่กัดฟันพูด ใบหน้าดูโกรธจัด เธอชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เฮอร์ไมโอนี่
“ลาก่อนยัย……..โอ๊ะ” เสียงของแพนซี่ขาดหายไปเนื่องจากตอนที่เธอกำลังจะสาปเฮอร์ไมโอนี่ หญิงสาวก็เอาหัวเธอของโขกกับหัวของแพนซี่อย่างแรง
“ใครยอมให้เธอฆ่าง่าย ๆ ก็โง่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางพุ่งหมัดเข้าที่ท้องของเธอทันที แต่แพนซี่เบี่ยงตัวหลบเสียก่อน แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่รอช้าหญิงสาวแตะเธอเข้าที่ขาจนเป็นผลทำให้แพนซี่ล้มลงกับพื้น
“เธอน่าจะเรียนรู้การป้องกันตัวของพวกมักเกิ้ลไว้บ้างนะ มันมีประโยชน์มากทีเดียว” เฮอร์ไมโอนี่พูดก่อนจะมองแพนซี่อย่างสมเพช แต่ทันใดนั้นเองแพนซี่ก็จับขาของเธอและกระชากมันลงพื้น!
เฮอร์ไมโอนี่ล้มลงไปที่พื้น ในขณะที่แพนซี่ขึ้นมาคร่อมร่างของเธอไว้
“ลูกมักเกิ้ลชั้นต่ำก็ทำได้แค่ใช้การต่อสู้ต่ำ ๆ แบบนั้นนั่นแหละ” แพนซี่พูดอย่างเคียดแค้น พลางหยิบไม้กายสิทธิ์ของเธออกมา แต่เฮอร์ไมโอนี่ไหวตัวทันเธอจับข้อมือของแพนซี่บิดทันที แพนซี่ร้องด้วยความเจ็บปวด และปล่อยไม้กายสิทธิ์ลงพื้น เฮอร์ไมโอนี่ผลักร่างของแพนซี่ออกและลุกขึ้นยืน
“การต่อสู้ต่ำ ๆ น่ะต้องเหมาะกับคนต่ำ ๆ อย่างเธอแพนซี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางโยนไม้กายสิทธิ์ของแพนซี่ไปไกล ๆ “ถ้าลองมาสู้กันแบบมักเกิ้ลเธอไม่มีทางชนะฉันหรอก” หญิงสาวพูด แพนซี่มองเธออย่างโกรธแค้น แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นแพนซี่ก็ร้องขึ้นก่อน
“อ๊ะ นั่น!!!” เฮอร์ไมโอนี่หันไปตามสัญชาติญาณ และเมื่อสบโอกาส แพนซี่ก็ออกแรงผลักเฮอร์ไมโอนี่เข้าหากำแพง จนศีรษะของเธอกระแทกก้อนอิฐอย่างแรง เลือดสีแดงไหลซึมไปตามรอยแผลและเปรอะเปื้อนอยู่บนกำแพง
“เฮอร์ไมโอนี่!!!” เสียงของแฮร์รี่และรอนดังขึ้นพร้อมกัน แต่เมื่อแฮร์รี่จะลงมือเข้าไปจับกุมแพนซี่ เธอก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับผู้เสพความตายสองคนที่เหลือ ( ส่วนอีกสามคนนั้นโดนสะกดนิ่งไปเรียบร้อยแล้ว )
“เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ร้อง เขาเป็นคนแรกที่ไปถึงตัวเธอ ร่างของหญิงสาวนอนนิ่งอยู่บนพื้น เลือดสีแดงไหลจากแผลไม่ยอมหยุด
“เฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดพลางก้มดูร่างของเธอที่บัดนี้อยู่ในอ้อมของแฮร์รี่ ซึ่งชายหนุ่มพยายามเรียกเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่รู้สึกตัวเลย
“เราต้องพาเธอไปโรงพยาบาล” รอนพูดลำล่ำละลั่ก
“ใช่รอน เราจะพาเธอไปโรงพยาบาล” แฮร์รี่พูดพลางกระชับร่างของหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน และพาร่างที่มีลมหายใจโรยรินของเธอออกไปจากตรงนั้นทันที
*************************************************
มัลฟอยกลับมาที่คฤหาสน์ของเขาด้วยอาการเหนื่อยอ่อน เขารีบเคลียร์งานให้เสร็จอย่างเร็วที่สุดเพื่อจะกลับมาอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ แต่ก็กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างนั้นยิ่งยืดยาวเข้าไปใหญ่ จนเมื่อการหารือของเขากับลูกค้าเสร็จสิ้นลงก็ล่วงเลยเวลามานานมากแล้ว
ชายหนุ่มกลับมาที่บ้านของเขาโดยที่หวังว่าจะเห็นเฮอร์ไมโอนี่ออกมาต้อนรับเขาอย่างที่เคยเป็น แต่วันนี้กลับไม่ใช่ ไม่มีใครสักคนที่มาคอยต้อนรับเขานอกเสียจากเอล์ฟประจำบ้านแก่ ๆ สองสามตัว แต่มัลฟอยก็คิดว่าเฮอร์ไมโอนี่คงอยู่ที่ห้องนอนหรือไม่ก็ที่ห้องสมุด
แต่มัลฟอยกลับคิดผิดเพราะเมื่อเขาขึ้นไปที่ห้องนอนของเขาและเฮอร์ไมโอนี่ ก็กลับไม่พบวี่แววของเธอ มัลฟอยเริ่มสงสัยว่าหญิงสาวหายไปไหน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าถอดชุดสูทของเขาออกเพื่อที่จะอาบน้ำหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
“อ้าว….” มัลฟอยอุทานเมื่อมือของเขาที่กำลังจะแขวนชุดสูทไว้ที่ที่แขวนกลับไปปัดเสื้อคลุมซึ่งเป็นของเฮอร์ไมโอนี่หล่นลงมา ชายหนุ่มจึงก้มลงไปเก็บมัน ทันใดนั้นเองก็มีอะไรบางอย่างหล่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเฮอร์ไมโอนี่ ชายหนุ่มหยิบมันมาดูอย่างสงสัย และเมื่อเขาพบว่ามันคือจดหมาย มัลฟอยก็คลี่มันออกอ่านทันที
หลังจากที่เขาอ่านข้อความในจดหมายนั้นจบ มัลฟอยก็ขยำมันทิ้งทันที ความโกรธพุ่งเข้ามาอย่างอยากที่จะยับยั้งเมื่อเขาได้รู้ว่าจดหมายฉบับนั้นเป็นจดหมายของแฮร์รี่ที่ส่งมาให้เฮอร์ไมโอนี่ และบางทีจดหมายฉบับนี้อาจจะเกี่ยวกับการที่เฮอร์ไมโอนี่หายตัวไปในครั้งนี้ก็ได้
มัลฟอยเดินลงมาที่ชั้นล่างอย่างรีบร้อน ปากของเขาก็ตะโกนเรียกหาเอล์ฟประจำบ้าน เขาต้องการให้ใครซักคนบอกเขาว่าเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่ไหน แต่เมื่อมัลฟอยเดินลงมาที่ห้องโถง เขาก็พบกับร่าง ๆ หนึ่งเสียก่อน
TBC
No comments:
Post a Comment